( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 485019 ครั้ง)

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เมื่อไหร่เพื่อนคนที่ไปเรียนตปท.จะกลับมาคะ ชื่ออะไรนะ

เอ็มหรือเปล่า คือแบบอยากให้เมดรู้สักทีอะว่าเจ้าของนมคืออาฟ

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
คิดถึงคุณผู้เขียน เข้ามารออาฟกับเมดจ้ะ

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ตอนที่ 38

“ กูได้ข่าวว่าไอ้วิวห้องห้ามันเป็นเด็กเสี่ย ” คำถามที่ทำให้ผมที่นั่งอยู่ในห้องน้ำของโรงเรียนขมวดคิ้วกับตัวเอง มือที่กำลังขยับเล่นเกมส์หยุดลงก่อนจะกดปิดหน้าจอแล้วตั้งใจฟังสิ่งที่คนสองคนนอกห้องน้ำกำลังพูดทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร

“ มึงไปเอามาจากไหน ” คู่สนทนาพูดขึ้นมันเป็นคำถามเดียวกับที่ผมอยากรู้เหมือนกัน ว่ามึงไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน

“ ก็เห็นเค้าพูดๆกัน ”

“ แล้วเค้าคนนั้น แม่งคือใครวะ ” พูดขึ้นไปทั้งๆที่ด้วยยังนั่งอยู่ในห้องน้ำ ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมามองคนสองคนที่ยืนนิ่งอยู่ตรงที่ล้างหน้า คุ้นหน้าว่าเราคงอยู่ชั้นเดียวกันแต่ก็ไม่เคยคุยด้วยกันสักครั้ง ความจริงผมไม่ได้ปวดท้องเข้าห้องน้ำหรืออะไรหรอกแค่เบื่อๆ วิชาเลขก็เลยขออาจารย์ออกมาเข้าห้องน้ำ แต่แทนที่จะได้ใช้เวลาสิบนาทีก่อนเลิกเรียนกับเกมส์ที่กำลังผ่านด่านแสนยากกลับกลายเป็นว่าต้องมาหงุดหงิดกับเรื่องได้ยิน ผมยืนมองหน้าคนสองคนที่เหมือนใบ้กินต่างกับตอนที่เกริ่นพูดเรื่องของผมเมื่อครู่ “ ว่าไงวะ ตกลงเค้าคนนั้นแม่งคือใคร ”

“ เอ่อ.. ”  คนนินทาเหลือบมองเพื่อนตัวเองที่นิ่งพอกัน “ มันคงเป็นเรื่องไม่จริงอะมึง กูคิดว่างั้น ” ยกยิ้มกับความเปลี่ยนสีเร็วของคนเล่าที่เมื่อกี้ตอนขึ้นต้นเรื่องมันยังพูดด้วยน้ำเสียงที่อยากจะเม้าส์กันอยู่เลย

“ งั้นเล่าให้กูฟังหน่อย กูอยากจะรู้ว่ามันพูดถึงกูว่าอะไร ”

“ ก็.. ก็พูดประมานว่ามึงเป็นเด็กเสี่ย แล้วทุกวันศุกร์มึงจะขึ้นบีทีเอสไปนอนที่คอนโดของเสี่ยมึง  แล้ว แล้วก็มีเด็กในโรงเรียนเราเคยได้ยินด้วยว่า มึงเรียกอีกคนว่า ลุง ”  ปลายเสียงที่พูดออกมาเบาๆ ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ได้ฟัง คือไม่รู้ต้นขั๋วของข่าวลือหรอก แต่ถ้ารู้ก็อยากจะบอกมันเลยว่า มึงปั้นข่าวลือได้เหี้ยมาก พี่เจแม่งเพิ่งปีสี่เองไอ้สัดพูดอะไรเกรงใจหนังหน้ามันด้วย ถ้าเป็นพี่อาฟกูจะไม่ว่าเลย เพราะรายนั้นก็หน้าแก่อยู่พอจะเป็นเสี่ยให้กันได้

“ งั้นมึงก็เอาไปเล่าต่อหน่อยว่า นั่นคือสรรพนามที่กูเรียกเพื่อนของแฟนพี่ชายกู กูกิ๊กกับมันอยู่ แล้วแม่งก็เพิ่งปีสี่ ไม่ใช่เสี่ยเหี้ยไรทั้งนั้น ”

“ อ่า..โอเค ”

“ ฝากไปกระจายข่าวด้วย เอาให้ดังเหมือนตอนลือว่ากูเป็นเด็กเสี่ยเลยนะพวกมึง ฝากด้วย ” ยิ้มให้คนสองคนที่ก็ได้แต่พยักหน้ารับแล้วยิ้มแห้งๆ ผมเดินออกมาจากห้องน้ำขึ้นไปบนห้องเรียนที่ก็พบว่าวิชาเลขที่น่าเบื่อในความคิดได้จบลงไปแล้ว

“ กูคิดว่ามึงตกถังขี้ไปแล้วไอ้วิว ” บี้เพื่อนผมที่นั่งเรียนอยู่ข้างกันถามขึ้นมา มันที่ขวดคิ้วกับท่าทางหงุดหงิดของผม “ เป็นเหี้ยอะไรวะ ยังไม่หายปวดท้องเหรอ ”

“ เปล่าไอ้สัด มึงก็รู้กูโดดไปนั่งเล่นเกมส์ในห้องส้วม ” ผมบอกมันอีกคนก็เหลือบมองเพื่อนรอบๆ

“ กูต้องเนียนไง แล้วมึงเป็นอะไรทำไมทำหน้าเซ็งอย่างงั้นวะ ” 

“ กูโดนลือว่าเป็นเด็กเสี่ย ”

“ ห๊ะ ? ” เพื่อนสนิทเอียงหน้างงใส่ แววตาเรียวที่เบิกกว้าง ผมก็พยักหน้ารับใส่ “ ใครเป็นเสี่ยของมึง พี่เจ ? ”

“ อื้ม มีคนบอกว่าได้ยินกูคุยโทรศัพท์กับเชี้ยลุงบนบีทีเอสแล้วกูเรียกลุง เลยคิดว่ากูเป็นเด็กเสี่ย ”

“ คือแค่นั้นอะนะ ไม่คิดว่าคุยกับญาติเหรอวะ ”

“ สงสัยหน้าตากูจะชวนให้มองในแง่ดีไม่ได้ นี่ถ้าเผลอเรียกพ่อว่า แด็ดดี้ก็ต้องเป็น แด็ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อแน่ๆเลยสัด ” ผมหันไปพูดด้วยหน้าเซ็งๆ แต่อีกคนก็ได้แค่หลุดยิ้มแล้วสบถออกมา

“ มึงแม่ง ”

“ กูบอกมันด้วยนะ ว่าให้กระจายข่าวไปด้วยว่า แค่กิ๊กกัน แม่งก็ยังเรียนแค่ปีสี่ แล้วกูก็ไม่ใช่เด็กเสี่ยที่ไหน”

“ พูดว่าเป็นแค่กิ๊กแต่ไปหาเค้าทุกวันศุกร์ แถมพออาทิตย์ไหนหยุดยาวก็ไปอยู่กับเค้าตลอด ” เหลือบมองคนพูดที่ก็เหลือบมองผมกลับเช่นกัน “ สิ่งที่มึงเป็นไม่มีใครเรียกว่ากิ๊กอะ มึงกับเค้าเหมือนเป็นแฟนกันมากกว่า แต่แค่ไม่ยอมรับมั้ย ”

“ ไม่รู้ ” ผมบอกปัดเพราะไม่อยากจะพูดถึงชื่อของความสัมพันธ์ระหว่างเรา ทั้งๆที่บางทีผมก็ถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่ากำลังรออะไรอยู่ ผมรอในสิ่งที่ตัวเองคิดจริงๆเหรอ คำพูดที่ว่า ‘ สอบติดมหาลัยแล้วค่อยมาเคลียร์กันว่าจะเอายังไง ’ หรือจริงๆแล้ว ก็แค่เขินที่จะพูดออกไปว่า ‘เป็นแฟนกัน’ เพียงเพราะแค่เราเริ่มต้นมาจากความสัมพันธ์ที่เรียกว่า วันไนท์สแตน

“ ปากแข็ง มึงแม่งโคตรฟอร์มอะวิว ” เพื่อนผมบอกก่อนจะก้มลงนอนลงบนโต๊ะแล้วพูดเสียงเบาๆ “ มึงจะแคร์ทำไม เริ่มมาจากวันไนท์ไม่ได้จีบแบบคนทั่วไปแล้วมันยังไงวะ แค่เค้าชอบมึง มึงชอบเค้า มันก็โอเคแล้วมั้ย ”

“ กูไม่รู้ว่ะ กูก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจริงๆ กูคิดอะไรอยู่ เหมือนบางทีกูก็แค่อาจจะอ้างไปเรื่อย ” หันไปบอกเพื่อนก่อนจะหันไปมองนอกหน้าต่างของห้องเรียน “ คนเราแม่งก็อยากจะมีความทรงจำดีๆเกี่ยวกับความรักไม่ใช่เหรอวะ แต่ของกูมันไม่มีอะไรเลย เหมือนแค่คนขี้เงี่ยนสองคนที่ถูกใจกันก็เท่านั้น ”

เสียงดังวุ่นวายในช่วงเวลาเลิกเรียนผมเก็บทุกอย่างใส่ลงไปในกระเป๋าเป้ของตัวเองก่อนจะดึงมันขึ้นมาสะพายหลัง วันนี้เป็นวันศุกร์แล้วมันก็เหมือนกันกับทุกอาทิตย์ที่ผมจะต้องไปนอนที่คอนโดใครอีกคนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

“ มึงวันนี้แดกเจมส์ชีสกันกูอยากกิน ” ไอ้บี้ที่ยืนอยู่ข้างผมบนรถไฟฟ้าเอ่ยบอก

“ เอาดิ กูก็อยากกินเหมือนกัน ” วันนี้ผมมีเรียนภาษาอังกฤษช่วงทุ่มนึงที่ร้านกาแฟในห้าง คนสอนเป็นนักศึกษามหาลัยเดียวกันกับพี่เมด แถมพี่เมดยังเป็นคนติดต่อแล้วก็ออกค่าเรียนพิเศษให้ด้วย ส่วนไอ้บี้วันนี้มันมีเรียนเลขในห้างเดียวกันกับผมแต่อยู่คนละร้านกันและเพราะแบบนั้นทุกวันศุกร์เราก็จะกลับบ้านด้วยกันตลอด

ช่วงนี้เด็กม.หกอย่างผมค่อนข้างขยันเป็นพิเศษ จากที่ไม่เคยเรียนพิเศษอะไรมาก่อนในชีวิตก็เริ่มคิดที่อยากจะเรียนในวิชาที่ไม่ค่อยเข้าใจ

เมื่อก่อนผมไม่ค่อยคาดหวังอะไรกับตัวเอง เหมือนแค่ใช้ชีวิตไปวันๆ จนหลังจากที่ได้คุยกับพี่ชายตัวเอง ได้พูดเรื่องที่อยู่ในใจมาตลอด วินาทีที่ได้รับเข้าใจขนาดนั้น ผมก็คิดแค่ว่า อยากจะลองพยายามดูสักครั้ง อย่างน้อยก็ให้พี่เมดดีใจ

แต่ทว่ายิ่งได้ลองสมัครสอบ แล้วเข้าไปสอบเยอะเท่าไหร่ มันเหมือนกับว่า ผมมาคิดได้ตอนที่มันสายไปแล้ว ถ้าให้เปรียบกับสนามรบ ผมคือคนที่ฝึกฟันดาบมาหนึ่งเดือน ส่วนคู่ต่อสู้ฝึกมาแล้วทั้งชีวิต ในขณะที่คนข้างตัวทำข้อสอบอย่างแข็งขันมั่นใจ ผมก็นั่งคิดแล้วคิดอีก กับโจทย์ข้อเดียวกันนั้น ซึ่งแน่นอนว่า ผลคะแนนที่ออกมา ก็ย่อมต้องตอบแทนคนที่พยายามมากกว่าซึ่งนั้นก็ไม่ใช่ผม

“ มึงคิดว่าตัวเองจะสอบติดมั้ยวะวิว” คำถามของคนตรงหน้าที่ลดมือถือลงแล้วใส่ถุงมือเตรียมกินซี่โครงหมูพันชีสเรียบร้อยทั้งๆที่อาหารก็ยังไม่มา” กูไม่มีความคิดเลยอะ ท้อจนอยากจะไปสมัครเอกชนให้มันรู้แล้วรู้รอด เหนื่อยจะพยายาม ”

“ เหอะ ไม่มีอะ ” ส่ายหน้าบอกมันผมก็หยิบถุงมือขึ้นมาใส่บ้าง “ แต่กูตั้งใจจะเรียนอินเตอร์ในเอกชนไง เลยต้องเรียนภาษาอังกฤษให้แน่นๆ ”

“ แต่มึงก็เก่งอังกฤษอยู่แล้วนะ มันก็ได้แหละกูว่า ”

“ กูตั้งใจไว้ว่าจะพยายามเรียนให้ได้ดีๆว่ะ อยากจะเรียนเก่งๆ เลยอยากจะปูพื้นฐานวิชาสำคัญให้แน่น”

“ แล้วที่บ้านมึงโอเคเหรอวะ ”

“ ไม่ค่อย แต่พี่ชายกูเค้าพูดให้ แม่ก็เลยเข้าใจ พี่กูเค้าอยากให้กูเรียนอินเตอร์ อยากให้กูได้ภาษาแบบแน่นๆ เค้าอยากให้กูไปเรียนต่อนอกอะไรแบบนั้นด้วย ”

“ ดีว่ะ กูอยากจะไปเรียนต่อนอกบ้างเหมือนกัน แต่เพราะเรื่องคราวนั้น ตอนนี้ที่บ้านก็ยังไม่ไว้ใจกูเลย ” เสียงถอนหายใจของคนตรงหน้าทำให้ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ

เรื่องคราวนั้นของมันก็คือตอนที่โดนตำรวจจับเพราะเข้าผับทั้งๆที่อายุไม่ถึง บี้กลับมาเล่าให้ผมฟังว่ามันโดนตรวจฉี่ สารพัดแล้วยังโดนแจ้งผู้ปกครองให้มารับกลับ โรงเรียนก็สั่งพักการเรียนเป็นอาทิตย์ แต่โชคดีที่มันยังเข้าใจผมอยู่บ้าง เพราะมันก็เป็นคนพูดเองให้ผมออกไปในตอนที่เราเจอพี่อาฟกับพี่เจ แต่เหมือนคนอื่นจะไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วตอนนี้ก็เหมือนไอ้พวกนั้นเกลียดผมไปแล้ว เจอหน้ายังไม่หันมอง ทั้งๆที่วันนั้นพวกมันก็เป็นคนบอกกับผมเองว่าให้ผมออกไปก่อน ไอ้บี้บอกว่าพวกมันคงรู้สึกไม่แฟร์ที่มีผมคนเดียวที่รอด

“ มึงก็ใช้ช่วงเวลาสี่ปีนี้ทำให้เค้ามั่นใจสิว่ะ พอจบมหาลัยเค้าก็ปล่อยมึงเองอะ ”

“ เหรอวะ ” คนฟังพยักหน้ารับก่อนจะก้มหน้าลงกิน “ แต่กูก็สนใจอยากจะเรียนอินเตอร์นะ หรือกูจะเอาแบบมึงดี กูไม่ชอบเรียนเลขเลย เรียนเท่าไหร่แม่งก็ไม่เข้าหัว โคตรโง่ ”

“ ลองคุยกับพ่อแม่สิวะ ”

“ เออ แล้วคนที่มาสอนมึงสอนดีมั้ย ”

“ สอนดีมาก เข้าใจง่ายนะ แต่เค้าไม่รับสอนใคร ที่มาสอนกูเพราะพี่กูไปขอให้เค้ามาช่วยสอน เหมือนจะเป็นเพื่อนพี่กูตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลาย แต่ถ้ามึงอยากเรียนกูจะลองพูดให้ ”

“ พี่มึงนี่โคตรแสนดีเลย ” ยักคิ้วให้คนตรงหน้าผมยกซี่โครงขึ้นมากินแล้วแอบเผลอคิดว่าถ้าพี่เมดมาฟังคำชมของไอ้บี้เค้าก็ต้องขมวดคิ้วแน่ๆ รายนั้นไม่ชอบให้ใครมาชมว่าตัวเองแสนดี แถมยังจะบอกอีกด้วยว่า ในโลกนี้มีผู้ชายหลายแบบ

“ อื้ม กูเองยังอยากมีแฟนแสนดีแบบพี่ชายกูบ้างเลย ” แล้วบางทีก็อยากจะเป็นอะไรแบบนั้นให้ได้บ้าง เป็นคนที่ไม่ว่าใครมองมาก็จะรู้สึกว่า โชคดีที่ได้ผมเป็นแฟน 

“ แต่สันดานมึงชั่ว มันก็ยากหน่อยนะวิว ”

“ ไอ้สัด ” สถบออกไปยิ้มๆ ก็อาจจะจริงอย่างที่คนตรงหน้า อะไรแบบนั้น สำหรับผมมันก็ยากหน่อย

ปิดหนังสือเรียนภาษาอังกฤษลงหลังจากที่เรียนพิเศษเสร็จ เก็บของทุกอย่างลงใส่กระเป๋าก่อนจะปิดซิปแล้วลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับคนตรงหน้า พี่มิกซ์เป็นผู้ชายตัวเล็กที่สูงไล่เรี่ยกับผม เค้าเป็นผู้ชายที่ไม่ได้หล่อมากแต่ก็ไม่ใช่คนในแบบที่ดูไม่ดี สำหรับผม เค้าเป็นคนเฟรนลี่แถมยังสอนสนุก จนแอบเสียดายมากที่เค้าไม่รับสอนใครเลย ยกเว้นผมที่ถ้าพี่เมดไม่ขอร้องก็คงไม่รับสอนเหมือนกัน

“ เก่งขึ้นเยอะเลยวิว ที่บอกว่าไม่ค่อยได้ทวน โกหกพี่ใช่มั้ย ” ผมยิ้มกว้างให้อีกคนที่ก็ชี้หน้ากันเหมือนจะคาดโทษกัน “ แต่ดีแล้ว ทบทวนเยอะๆ อย่างที่พี่บอก เห็นอะไรก็หยิบขึ้นมาอ่าน ไม่รู้ก็เปิดดิกแล้วลองจดคำนั้นใส่สมุดดู นานๆไป ศัพท์ที่เรารู้มันก็จะเยอะขึ้น ”

“ แล้ววิวพอจะเรียนอินเตอร์ไหวมั้ยพี่มิกซ์ ”

“ พี่ว่าไหว แต่มันขึ้นอยู่ว่าเราจะเรียนคณะอะไรด้วยนะ ”

“ ยังไม่รู้เลยครับ ” ผมบอกอีกคนก่อนจะยิ้มแห้งๆ

“ แล้วพี่เมดมันว่าไงละ ”

“ ก็ไม่ว่าอะไรหรอก รายนั้นตามใจจะตาย เรียนอะไรก็ได้แหละ ”

“ งั้นก็ลองคิดดูว่าตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ยังมีเวลาให้คิดอยู่ “ อีกคนบอก “ พี่ว่าเราเก่งภาษานะ บุคลิคภาพก็ดูเป็นคนมั่นใจแต่ก็ไม่ถึงว่ามั่นใจจนไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ ถ้าชอบท่องเที่ยว ลองเรียนเสริมอีกสักภาษา แล้วไปสมัครเป็นสจ๊วตสิ ”
 
“ ก็น่าสนใจนะ ”

“ แต่เราต้องเข้าใจก่อนนะ มันไม่มีงานอะไรสบาย แม้แต่งานตัวเอง หรือฟรีแล๊นซ์ที่อยู่กับบ้านเฉยๆ ” ถอนหายใจออกมากับอีกคน ผมพยักหน้ารับ

“ วิวแค่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบที่จะทำอะไรบ้าง หรืออยากจะเป็นอะไร ตอนนี้วิวมีความรู้สึกแค่ว่า วิวชอบภาษาอังกฤษ วิวทำมันได้ดี แต่ถ้าถามว่า งั้นจะเอาภาษาอังกฤษที่ชอบไปต่อยอดอะไรได้บ้าง คำตอบคือ วิวไม่รู้ วิวไม่ชอบสอนคนอื่น ตัดครูออกไป จะไปเรียนบริหาร วิวก็ไม่เก่งเลขอีก ”

“ งั้นรองจากภาษาอังกฤษละ ชอบอะไร ”

“ ก็ชอบวาดรูปมั้ง วิววาดรูปสวยนะบอกไว้ก่อน ” หันไปอวดคนที่ยืนข้างกันผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาก่อนจะเปิดภาพวาดให้อีกคนดู “ นี่ฝีมือวิว ”

“ เก่งนี่ ”

“ ธรรมดา ” ยักไหล่แบบไม่ถ่อมตัวอีกคนก็หัวเราะ  “ วิวชอบวาดรูปเล่นตอนที่ไม่มีอะไรทำน่ะ ตอนที่เบื่อๆอะไรแบบนี้ ”

“ แล้วชอบออกแบบมั้ยละ หรือแต่งตัว ”

“ ก็ชอบนะ ”

“ งั้นลองไปเรียนวาดรูปดูสิ แล้วก็เรียนพื้นฐานออกแบบ ก็เอาเป็นคอร์สสั้นๆ เราจะได้รู้ว่าเราชอบมันมั้ย ”

“ น่าสนใจ ” พี่มิกซ์ยักคิ้วให้ผม “ ต้องไปปรึกษาผู้มีอุปการะคุณก่อน ”

“ นั่นคือไอ้เมดนั่นเอง ”

“ ถูกต้องนะคร๊าบบบบ ” ชี้นิ้วใส่อีกคนที่ก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ ว่าแต่พี่มิกซ์กับพี่เมดสนิทได้ยังไงอะ ดูคนละแบบกันเลย เรียนก็คนละคณะกันด้วยใช่มั้ย พี่เมดเรียนบัญชี พี่มิกซ์เรียนอักษร ”

“ ใช่เรียนคนละคณะ แต่เคยเป็นสต๊าฟฝ่ายจัดซื้อตอนงานกีฬาด้วยกันมัยม.ปลาย เรียกได้ว่าฝ่าฟันเรื่องราวกันเลวร้ายมาด้วยกัน ”

“ ขนาดนั้นเลยเหรอ ”

“ ตอนนั้นพี่โดนด่าเรื่องซื้อของไม่จำเป็น ทั้งๆที่ฝ่ายกองเซียร์ก็เป็นคนมาสั่งให้ซื้อ แต่พอซื้อมา ไอ้พวกฝ่ายเชียร์แม่งบอก ไม่ได้สั่ง พี่เลยโดนประธานสีด่ายับ ซึ่งไอ้เหี้ยนั่นไม่ฟังอะไรเลย เกือบจะต่อยกัน ”

“ ให้เดาว่าพี่เมดต้องออกมาคลี่คลายในตอนนี้ ”

“ เออ ถูก ”

“ บทเค้าละ ออกโรงเคลียร์ตอนมีปัญหาตลอด ที่บ้านก็เป็นแบบนี้นะ ถ้าวิวเกิดเถียงกับแม่ พี่เมดจะเดินมาละ บอกใจเย็นๆก่อน ด้วยเสียงเบาๆแบบปลอบๆตามสไตส์เค้า ”

“ ฮ่าๆ “ อีกคนหัวเราะก่อนจะยิ้มเมื่อพูดถึงพี่ชายผม  “ เมดมันใจดี แล้วก็เป็นคนใจเย็น จำได้ว่าวันนั้นมันบอกพี่ว่าให้พี่ใจเย็นๆก่อนมันจะช่วยเอง แล้วจากมันก็เอามือถือพี่ไปหาข้อความที่คุยกับฝ่ายเชียร์ หาข้อความที่คุยกับมัน แคปเป็นหลักฐานมายืนยันว่าฝ่ายเชียร์สั่งจริง ก็เลยรอดพ้นมาด้วยกัน ”

“ แบบนี้รึเปล่าพี่มิกซ์เลยรับสอนวิว ”

“ ก็ด้วย ” อีกคนสารภาพออกมาตามตรง “ แต่พี่คิดแค่ว่า เมดมันเป็นเพื่อนพี่ เราเป็นน้องมัน ก็เหมือนเราเป็นน้องพี่ คิดแบบนั้นเลยช่วยสอนให้ จริงๆจะไม่เอาเงินหรอก แต้ไอ้เมดก็ไม่ยอม บอกค่ากาแฟ ถ้าไม่รับจะไม่ขอให้ช่วยอะไรอีก เลยต้องรับเงินมันมา ”

“ ดีว่ะ ” ผมเผลอพูดอีกคนหันมามองหน้ายิ้มๆเหมือนจะหาความหมายในคำว่าดีของผม “ คือ วิวหมายถึง วิวดีใจที่พี่เมดมีเพื่อนดีๆกับเค้าบ้าง ”

“ อะไรที่เหี้ยๆ ก็ลืมมันไปเถอะน้อง ” อีกคนบอกผมก็หันไปมองหน้า “ เราหมายถึงไอ้สองตัวนั้นที่มันทำเมดใช่มั้ยละ ”

“ พี่รู้ด้วย ”

“ เรื่องดังในมหาลัยทำไมจะไม่รู้ ” พี่มิกซ์บอก “ พี่ก็บอกมันเหมือนกันว่าถือว่าฟาดเคราะห์ ตอนนี้มันก็ไปได้ดีกับแฟนใหม่ของมันนี่ชื่ออะไรนะ อาฟ ใช่มั้ย ”

“ ใช่ ”

“ ถ้าไม่เลิกกับไอ้เชี้ยบิน ก็คงไม่เจอใช่มั้ยละ งั้นก็คิดว่าเป็นเรื่องหลุดพ้นอะไรแบบนั้นไปดีกว่า คนใจดีแบบไอ้เมด ต้องเจออะไรดีๆอยู่แล้ว มันไม่เคยคิดร้ายกับใคร ”

“ ดีจังเลยว่ะ พี่รู้มั้ยวิวชอบมากเวลาฟังใครพูดถึงพี่เมด เพราะไม่เคยมีคนพูดถึงเค้าไม่ดีเลย มีแต่คนพูดถึงเค้าแต่เรื่องดีๆทั้งนั้น เรื่องที่เค้าช่วยคนอื่น เรื่องที่เค้าใจดี แต่พอคิดว่าคนแบบนั้นต้องมาเจอเหี้ยอะไรแบบนี้มันก็หงุดหงิดทุกที ” มือหนาเอื้อมมือมาขยี้หัวผมตอนที่พูดแบบนั้น ก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยแซว

“ รักพี่เหมือนกันนะเราน่ะ ”

“ รักสิ ก็มีคนเดียวจะไม่รักได้ไง ”

“ งั้นก็ตั้งใจเรียน เมดมันเป็นห่วงวิวมากเลยนะ ตอนที่มาขอให้พี่สอนก็พูดตั้งนาน บอกว่าอยากจะให้น้องชายตัวเองมีพื้นฐานภาษาอังกฤษแน่นๆมันก็ไม่รู้จักใครที่ถนัดด้านนี้เท่าพี่แล้วเลยมาขอให้ช่วย แถมยังบอกอีกว่าให้ช่วยดูให้หน่อยว่า วิวพอจะชอบทางไหนบ้าง มันห่วงอนาคตเรามากเลยนะ ”

“ ตั้งใจอยู่แล้ว จะไม่ให้พี่เมดเสียเงินฟรีสักบาทเดียวเลย ” ผมบอกก่อนจะมาหยุดอยู่ทางขึ้นบีทีเอส เราไปคนละฝั่งกันพี่มิกซ์ไปทางนึง ส่วนผมไปอีกทางนึง “ ขอบคุณนะครับพี่มิกซ์ เจอกันวันศุกร์หน้า ”

“ ครับผม เจอกันนะ ไม่เข้าใจตรงไหนไลน์มาหาพี่ได้เลยนะ ”

“ โอเคเลย ” ก้มหน้าลาคนตรงหน้าอีกครั้ง ผมเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปและในระหว่างทางก็หยิบมือถือขึ้นมากดข้อความไปหาเจ้าของห้องที่ตอนนี้ก็คงกำลังทำงานอยู่ [ ลุง เรียนพิเศษเสร็จแล้วนะ กำลังกลับคอนโด ]

[ ถึงแล้วก็อาบน้ำแล้วกินนมนอนซะ ]

[ ส่วนมึงก็เลิกได้แล้วไอ้โฮการ์เด้นตรงหน้ามึงอะ จะแดกอะไรนักหนา หน้ามึงไม่คลู แดกแค่น้ำเปล่าก็หรูแล้วมั้ง ]

[ เป็นห่วง น่าจะพิมพ์สั้นกว่าประโยคข้างบนนะเด็กแรด ]

[ รู้แล้วก็เลิกสั่งสักที ถ้านั่งบาร์แล้วต้องสั่ง มึงก็ย้ายตัวเองขึ้นไปทำงานที่ชั้นสามซะ ]

[ ให้กูนั่งเป็นกขค.คนอื่นมันบาปนะวิว ]  ผมยกยิ้มมองคนที่พิมพ์ข้อความนั่นตอบกลับมา อยากจะพิมพ์ตอบกลับไปว่า อ้าง เพราะจริงๆอีกคนเป็นประเภทชอบฟังเพลงแล้วก็นั่งคุยกับพี่เดย์พี่อัยย์ก็แค่นั้น พี่เจไม่ใช่พวกชอบนั่งทำงานเงียบๆ [ แต่วันนี้กูไม่ได้กินนะ แล้วเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ทุกวันด้วย กินแค่เฉพาะตอนอยากกิน ]

[ อะไรที่ทำให้ลุงมึงคิดที่จะทำอะไรแบบนั้น ]

[ มึงไง ] ได้แต่มองข้อความนั้นโดยที่ไม่ตอบอะไร หัวใจผมเต้นแรง ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่ข้อความที่ไร้เสียงหรือแม้แต่สายตาที่ชวนให้ต้องเขินอาย แต่ผมกลับรู้สึกว่าตอนนี้แก้มมันร้อนไปหมด อาการไม่ดีจนได้แต่สบถอยู่ในใจตัวเอง ‘ ไอ้สัดลุงแม่ง เหี้ยจริง ’ [ แล้วก็เงียบ ]

[ เสือก ]

[ เขิน กูแก้ให้ ] อีกคนว่าแบบนั้นหน้าผมก็ยิ่งแดงเพราะรู้สึกว่าจะโดนจับได้เข้าให้แล้ว [ ก็มึงเป็นคนบอก ว่าเป็นห่วง ไม่อยากจะให้กินเหล้ากินเบียร์ทุกวัน ]

[ มึงเพ้อเหรอสัดลุง กูไปพูดออะไรแบบนั้นเมื่อไหร่ ]

[ ไม่รู้สิ อาจจะเป็นสักคืนนึงในวันศุกร์ที่มึงอยู่ใต้ร่างกู แล้วตอนที่เราจูบกันมึงก็บอกว่า กลิ่นเหล้ากูแรงชิบหาย มึงที่บอกว่าให้กูดื่มน้อยลงหน่อย เพราะไม่อยากมีผัวหลายคนในชีวิต ]

[ มั่วซั่วสัดลุง กูไม่พูดอะไรแบบนั้นหรอก แฟนมึงยังไม่ได้เป็นเลยอย่าข้ามขั้นได้มั้ย ]

[ งั้นก็เป็นดิ ] มือที่กำลังพิมพ์หยุดนิ่งตอนที่อ่านข้อความนั้น นิ้วที่กำลังจะกดข้อความตอบกลับถูกขั้นด้วยรถไฟฟ้าขบวนที่รอเคลื่อนตัวเข้ามาในสถานีพอดี ผมจำใจกดล็อคหน้าจอแล้วเดินเข้าไปด้านในเพราะตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลารีบเร่งถ้าผมมัวช้าเพราะกดเล่นโทรศัพท์ คนข้างหลังคงสาปเช่งอยู่ในใจ [ ไว้รอมึงพร้อมก่อนก็ได้ ] มือถือสั่นเตือนข้อความนั้นบนหน้าจอ ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาตอนเห็นก่อนจะปลดล็อคแล้วส่งข้อความกลับไป

[ เมื่อกี้กูขึ้นรถพอดี ]

[ แล้ว ? ]

[ เผื่อมึงคิดว่าทำไมกูไม่ตอบ ]  ข้อความนั้นขึ้นว่าอ่านอยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะส่งข้อความใหม่ที่ยืนคิดอยู่นานว่าจะส่งดีหรือไม่ดี [ จะถามใหม่อีกทีก็ได้นะลุง ]

[ ไว้มึงพร้อมแล้วกัน ] ผมอ่านประโยคที่ส่งกลับมานั้นอยู่สักพักโดยที่ไม่คิดตอบกลับอะไร [ ถึงคอนโดกูแล้วบอกด้วยนะวิว ]

[ โอเค ] ตอบกลับไปแค่นั้นผมปิดหน้าจอมือถือของตัวเองลงก่อนจะมองออกไปข้างนอกหน้าต่างรถไฟฟ้าตรงที่ตัวเองกำลังยืนอยู่ ก่อนหน้านี้บรรยากาศมันไม่ได้เศร้าขนาดนี้ แต่ทำไมตอนนี้มันถึงดูเหมือนเศร้าขึ้นมาวะ แค่เพราะกำลังคิดว่าใครบางคนอาจจะกำลังเข้าใจผิดงั้นเหรอ “ ก็เลือกที่จะเป็นแบบนี้เองไม่ใช่เหรอวะ จะมาเสียใจอะไรวะวิว ” แล้วนั่นก็เป็นคำพูดสั้นๆ ที่ผมบอกกับตัวเอง

   

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

วางกระเป๋าลงบนโซฟากลางห้อง ไม่ลืมส่งข้อความไปหาคนที่สั่งเอาไว้ว่าให้บอกเมื่อเดินทางถึงแล้ว ผมกดล็อคหน้าจอมือถือหลังจากที่ทำสิ่งที่ถูกสั่งมาเสร็จเรียบร้อย ยัดมันลงใส่กระเป๋านักเรียนก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็นขนาดใหญ่ในห้อง กดน้ำขึ้นกินก่อนจะเอียงคอไปมาด้วยความปวดเมื่อย

   คอนโดของพี่เจเป็นคอนโดที่ติดกับรถไฟฟ้าการเดินทางไปไหนมาไหนสำหรับผมเลยสะดวกสุดๆ เพราะสามารถเดินเชื่อมออกจากสถานีได้เลย แถมห้องที่พักก็ยังกว้างขวาง แยกส่วนของห้องชัดเจนมีสไตส์ในการตกแต่งเป็นออะไรแค่มองก็ดูรู้ว่าอีกคนตั้งใจซื้อและตกแต่งมันอย่างดี ผมหย่นตัวลงนั่งที่โซฟาเงยหน้ามองเพดานก่อนจะคิดอะไรเรื่องเปื่อย จะว่าไปก็ค่อนข้างอธิบายความเป็นผู้ชายคนนี้ไม่ค่อยถูกเหมือนกัน

บางทีก็ดูเหมือนขี้เล่น ไม่คิดอะไร มีบางทีที่กวนตีนแต่ในบางทีก็มีเหตุผลและจริงจังจนรู้สึกเหมือนเป็นคนละคนกัน พี่เจไม่ใช่ผู้ชายพูดมาก ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าสเป็คมั้ย แต่ก็เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบที่เป็นอยู่ยังไง ถ้าจำไม่ผิดก็คงเป็นวันที่เราไปกินอาหารญี่ปุ่นด้วยกัน แล้วหลังจากนั้นเราก็คุยโทรศัพท์กันมาตลอด และบางทีก็ถูกชวนไปที่คาเฟ่ โดยอ้างว่าอยากให้เปลี่ยนบรรยากาศอ่านหนังสือ

ความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยจากวันไนท์สแตนของเรา ค่อยๆดีขึ้น เรารู้จักกันมากขึ้น แลกเปลี่ยนความรู้สึกชอบไม่ชอบต่อกัน จำได้ว่าเคยคุยกันถึงความสัมพันธ์ของเราครั้งนึง โดยที่อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มก่อน และจำได้ว่าวันที่พูดคือตอนที่ตื่นขึ้นมาหลังจากเรามีอะไรกันอีกครั้ง

‘ เรามาคบกันเป็นแฟนมั้ย ’ มันเป็นประโยคสั้นๆที่อีกคนถามขึ้นในวันนั้น พี่เจนั่งอยู่บนเตียงส่วนผมก็กำลังนอนคว่ำเล่นมือถืออยู่ ทุกอย่างในห้องมัน ณ เวลานั้นมันเงียบไป ตัวผมในตอนนั้นหัวใจมันเต้นแรงจนแทบจะทะลุอกแต่ก็ทำทีเป็นพูดออกไปยิ้มๆ ราวกับว่าสิ่งที่อีกคนพูดคือเรื่องขำขัน

‘ อะไรของมึงสัดลุง ’ ผมถามอีกคนก็หันมามองก่อนจะดึงหน้าเข้ามาใกล้กัน สายตาของเราสบกันจูบนุ่มที่แนบลงบนริมฝีปาก ผมหลับตาลงอยู่แบบนั้นในตอนที่มันแนบสนิทอยู่แบบนั้นจนกว่าที่ถูกผละออกไปถึงได้ลืมตาขึ้นมา ‘ จริงจังเหรอวะ ’ ผมมองตาอีกคนที่ก็ไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับจ้องกันอยู่แบบนั้น ‘ กูหมายถึงมึงจะจริงจังกับกูเหรอ แน่ใจแล้วนะ ’

‘ อะไรในตัวกูที่ทำให้มึงไม่มั่นใจ ’ คำถามที่ตอบไม่ได้ แต่จะพูดว่าไม่มีก็ไม่ใช่ มันเหมือนไม่ใช่ไม่มั่นใจตัวอีกคน มันเหมือนไม่มั่นใจในตัวเองมากกว่า ไม่มั่นใจเพราะว่าเราไม่ได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยการเรียนรู้แบบที่ความรักทั่วไปต้องเป็น แต่เราเริ่มต้นมาจากเซ็กส์ ที่แค่ถูกใจกันเพราะหน้าตา ไม่มีอย่างอื่น

‘ มึงจะรับนิสัยกูได้เหรอลุง บอกไว้ก่อนว่ากูไม่ได้เป็นแบบพี่เมดนะ ’

‘ กูไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น ’ อีกคนหันมายกยิ้มให้ผมพลางส่ายหน้าไปมา ‘ ไม่เคยมีอะไรแบบนั้นอยู่ในสมองกู ’

‘ ส้นตีนเถอะสัดลุง ’ ขยับเท้าถีบอีกคนที่นั่งอยู่ก่อนจะจิ๊ปากใส่ แต่ก็ได้ยินแต่เสียงหัวเราะตอบกลับมา ‘ กูก็แค่อยากจะบอกมึงว่า กูไม่ได้ชอบดูแลใครแบบพี่เมดก็แค่นั้น ’

‘ มึงพูดเหมือนไอ้เมดมันชอบดูแล ’

‘ พี่อาฟไม่เล่าให้ลุงมึงฟังบ้างเหรอไง เรื่องความชอบดูแลของพี่กูน่ะ นี่มันระดับห้าดาวเลยนะเว้ย พี่เมดแม่งชอบดูแลคนอื่นมากๆ มันชอบใส่ใจ ’

‘ ถ้าไม่มีปัญหา ไม่ต้องการคำปรึกษา ไอ้อาฟจะไม่เล่าเรื่องส่วนตัว มันชอบเก็บไว้มีความสุขคนเดียว มันเคยบอกกูแบบนั้น ’

‘ ก็น่าจะเม้าส์บ้าง แบบว่านินทาแฟนให้ลุงมึงฟังไง ’

‘ พี่เขยมึงดูเป็นคนช่างเม้าส์มากเลยสินะเด็กแรด ’ หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังตอนที่อีกคนพูดออกมาแบบนั้น ก่อนที่ทุกอย่างในห้องนอนจะเงียบไป ผมขยับตัวขึ้นนั่ง

‘ ลองศึกษานิสัยกันดูก่อนมั้ยละ ’ บอกอีกคนออกไปแบบนั้นด้วยท่าทางจริงจัง ‘ กูน่ะทั้งเอาแต่ใจแล้วก็เป็นพวกปากดีมากเลยนะลุง ไม่เกรงใจใครด้วย ’

‘ เท่าที่ฟังมึงพูดกับกูก็พอรู้ว่ามึงมันเป็นเด็กไม่มีมารยาท ’

‘ ส้นตีน’ ผมสบถก่อนถอนหายใจออกมา ‘ ไม่ต้องมีสถานะไปก่อนมั้ย ไม่ต้องเกรงใจกัน ลุงก็เป็นตัวเองในสุด กูเองก็จะเป็นตัวเองให้สุดเหมือนกัน แล้วถ้าเรารับได้ว่าต่างฝ่ายต่างเป็นแบบนี้ก็ค่อยมาตกลงกันอีกที ’

‘ เมื่อไหร่ ’ อีกฝ่ายถามสั้นๆ ‘ เราจะตกลงกันได้อีกทีเมื่อไหร่ ’

‘ หลังจากที่กูเข้ามหาลัยเป็นไง ไม่ช้าเกิน แล้วก็ไม่นานเกิน ’

‘ แล้วมึงรู้ได้ไงว่ามันไม่ช้าเกิน ’ คนตรงหน้ายกคิ้วขึ้นถามยิ้มๆ ก่อนจะพยักหน้ารับเคารพสิทธิในการตัดสินใจของผม ‘ ถ้าคิดว่าดีก็ทำไป กูไม่อยากเร่งรัดมึง แต่ขอบอกไว้ก่อนนะสิ่งที่มึงคิดแม่งโคตรงี่เง่า แต่ก็สมกับการเป็นเด็ก ที่กลัวอะไรไม่เข้าท่า ’

‘ หมายความว่ายังไงวะ มันก็ดีกับลุงมึงด้วยไม่ใช่รึไง ถ้ามึงไม่โอเคกับกูขึ้นมา มึงก็จะได้ตัดกูออกไปเลยง่ายๆ ไม่ต้องมานั่งทน มานั่งถนอมน้ำใจกันเพราะว่าเราเป็นแฟนกันไปแล้ว ’

‘ รู้มั้ยว่าคนบางคนมันยากที่จะตัด ต่อให้ไม่มีสถานะอะไรก้ตาม ’ มือที่ยื่นตั้งไว้บนหัวของผมเข้าขยับข้อมือดึงผมให้หันมาเผชิญหน้า ‘ ยกตัวอย่างเช่นเรา ’

 ‘ หลงตัวเอง ’ ผมจ้องหน้าอีกคนราวกับไม่เห็นด้วยในสิ่งที่อีกคนพูดสักเท่าไหร่ ‘ มึงคิดว่ากูจะตัดมึงไม่ได้สินะสัดลุง ฝันไปเถอะนะ ’

‘ ถึงตอนนั้นก็เก่งไม่รู้สึกอะไรให้ได้แบบที่ตอแหลกูแล้วกัน ’

ในตอนนั้นที่ฟังผมไม่ได้มีโอกาสเถียงอะไรออกไปสักคำ เพราะริมฝีปากได้ถูกปิดสนิทด้วยอวัยวะเดียวกับอีกคน เรือนร่างที่ถูกกอดรัดนั้นในช่วงเวลานั้น น่าแปลกที่ผมรู้สึกเต็มใจไม่ว่าจะเป็นสัมผัสหรืออะไร ราวกับว่า ถ้าเป็นคนตรงหน้า ไม่ว่าอะไรก็ยินยอมทั้งนั้น จนคิดไปเหมือนกันว่า บางทีทุกอย่างที่กล่าวพูดไป มันก็แค่ข้ออ้าง ของคนที่ไม่อยากจะเจ็บปวดหรือเสียอะไรไป

.........................................................

แรงยุบของเตียงทำให้ผมที่กำลังหลับสนิทลืมตาขึ้นมองเจ้าของห้องที่ก็เพิ่งกลับมาจากทำงาน กลิ่นสบู่หอมๆบอกกับผมว่าอีกคนอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว

“ ตีเท่าไหร่แล้ววะ ” เสียงติดงัวเงียของผมชวนให้พี่เจยิ้ม ก่อนจะโดนดึงเข้าไปกอดแล้วผ้าห่มผืนที่กำลังห่มอยู่ตรงเอวก็ถูกดึงขึ้นห่มให้จนถึงไหล่พร้อมกับอ้อมกอดที่กอดกันไว้

“ จะตีสี่แล้ว มึงนอนต่อเถอะ ”

“ อื้อ ” รู้สึกอุ่นที่ข้างแก้มตอนที่ตอบรับ ผมขยับตัวเข้าหาไออุ่นที่คิดถึงตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้วหลับสนิทไปอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเกือบสิบโมงหลังจากหรี่ตามองดูอยู่นานสำหรับนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนัง

ครืน ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์มือถือที่สั่นอยู่ตรงหัวเตียงผมเอื้อมตัวไปหยิบมันมาดูแล้วพบว่ามันคือข้อความของพี่มิกซ์ที่ส่งเข้ามาหาผม ไฟล์การบ้านภาษาอังกฤษที่มาในรูปแบบของไฟล์ pdf. ที่ทุกช่วงวันหยุดอีกคนจะให้ผมเอามาทำเสมอเพื่อเป็นการฝึกภาษา ผมเปิดดูก่อนจะส่งสติกเกอร์งอแงไปตามฉบับเพราะความยากในเนื้อหา

[ ไม่ต้องงอแงเลย อย่าลืมทำนะครับ ]

[ โอเคครับผม ]

[ แล้วก็อย่าลืมดูหนังหนึ่งเรื่องแล้วส่งสรุปเนื้อหาที่ดู ข้อคิดที่ได้ แล้วก็คำศัพท์อีก 20 คำพร้อมคำแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะครับนักเรียนของคุณครู ]

“ นักเรียนของคุณครูเลยเหรอวะ ” คำพูดของคนที่นอนอยู่ข้างกันทำให้ผมที่นอนอ่านมือถืออยู่ดึงมันลงทันทีด้วยความตกใจก่อนจะหันไปมองพี่เจที่จ้องกันอยู่ “ กับคุณครูของมึงนี่ แค่ครูแน่นะ ”

“ คิดอะไรอัปปีย์แบบนั้น ก็ต้องแค่ครูสิวะ ” ผมหันไปบอกแต่อีกฝ่ายกับเงียบให้กัน “ อย่ามาหาเรื่องนะลุง มึงจะไร้สาระมากนะถ้ามึงหึงกูกับพี่มิกซ์ ”

“ งั้นเหรอ ” ถ้อยเสียงที่ดูไม่พอใจของอีกคนตอบออกมาก่อนจะขยับตัวขึ้นนั่งแล้วจ้องมองกันอยู่แบบนั้น

“ เพราะมันไม่มีอะไรไง กูกับพี่มิกซ์ก็คุยกันแบบนี้ปกติ เค้าก็เอ็นดูกูเหมือนน้องคนนึง ”

“ งั้นก็เป็นการคุยกันที่น่ารักดี ” อีกฝ่ายบอก “ ไว้กูจะเอาไปใช้พูดกับเด็กเสิร์ฟในผับบ้าง ว่ามันเป็นของกู ”

“ ทำไมมึงต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาแล้วชวนกูทะเลาะวะลุง ไม่ได้นั่งรถไฟฟ้ามาอยู่กับมึงช่วงเสาร์อาทิตย์เพื่อให้ตัวเองหงุดหงิดนะเว้ย ”

“ งั้นกูถามอะไรสักอย่าง ” คนที่นั่งอยู่หน้าผมพูดเสียงเรียบ “ กูหึงมึงได้มั้ย ”  คำถามที่ทำให้ผมเงียบไปแล้วก็ทำได้แต่จ้องมองอีกคนอยู่แบบนั้น “ มึงบอกว่าเราคบกันแบบไม่มีสถานะให้รู้จักนิสัยกันก่อน แล้วถ้ากูไม่ชอบที่มึงคุยกับนั้นกับไอ้ครูนั่น กูหึงมึงได้มั้ย หรือว่าไมได้อีก เพราะเราไม่ได้เป็นอะไร ”

“ มันไม่ใช่อย่างงั้นไง มึงก็มีเหตุผลหน่อย พี่มิกซ์กับกูก็แค่พี่น้อง มึงอย่าอคติสิว่ะ เพราะมึงอคติ มึงไม่ชอบเค้า มึงเลยมองว่าประโยคนั้นมันมีอะไร ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรไงลุง ”

“ ถ้ามึงมาเห็นข้อความในมือถือกู เขียนตอบโต้กับเด็กเสิร์ฟในผับแบบนั้นมึงจะรู้สึกยังไง สมมุติมันชื่อ ก๊อต แล้วกูบอกว่า ก๊อตของพี่ มึงจะคิดอะไรมั้ย ”

“ กูก็ต้องดูก่อนว่ามันเป็นใครรึเปล่าละ ถ้ามันชอบมึงกูก็คงหึงแน่นอน แต่ถ้าเป็นเพื่อนมึงกูจะหึงทำไมก็แค่พูดเล่นมั้ยละ ”
“ กูไม่คิดว่ามึงจะเป็นแบบนั้นวิว ”

“ กูก้มีเหตุผลนะเว้ย ”

“ คือมึงจะไม่ผิดเลยถูกมั้ย ”

“ นี่มึงเป็นอะไรมึงอะลุง กูไม่ได้เถียงเพื่อให้ตัวเองถูกนะ นี่กูกำลังคุยด้วยเหตุผลนะเว้ย ” ผมถอนหายใจใส่อีกคน “ คือพี่มิกซ์มึงก็เคยเห็นว่าเค้าเป็นเพื่อนพี่เมด ที่มาสอนภาษาอังกฤษกูทุกวันศุกร์ ซึ่งมันไม่มีอะไรมากกว่าการคุยกันแบบพี่น้อง แต่ตอนนี้มึงเหมือนกำลังยัดเยียดว่า เค้าต้องคิดอะไรกับกูแน่นอน เพียงเพราะมึงเห็นประโยคนั้น แล้วมึงก็กำลังพยายามพูดให้กูรู้สึกเหมือนมึง ว่ากูต้องหึงทุกคนที่พูดอะไรแบบนั้นกับมึง ซึ่งพอกูอธิบายมึงว่าต้องดูก่อนว่าใครพูด มึงก็เหมือนไม่ฟัง จะให้กูเห็นด้วยอย่างเดียวเลย มันใช่มั้ยละลุง คิดก่อนมั้ยอ่ะ ”

“ โทษที ” อีกคนพูดขึ้นมาสั้นๆหลังจากเงียบไปสักพักหลังจากที่ผมพูด เค้าลูบหน้าลูบตาตัวเองด้วยมือแรงๆ พี่เจหลับตาอยู่แบบนั้นสักพักราวกับพยายามดึงสติที่เหมือนจะขาดหายไป เค้าดึงผ้าห่มที่คลุมตัวเองอยู่ออกแต่ตอนที่กำลังจะลุกขึ้นผมก็จับมืออีกฝ่ายไว้

“ ไม่มีอะไรจริงๆนะมึง เราไม่ได้รู้สึกอะไรกัน พี่มิกซ์แค่พี่กู ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ”

“ อื้ม เข้าใจแล้ว ”

“ เป็นอะไรรึเปล่า มึงแปลกไปตั้งแต่คุยไลน์กับกูเมื่อวานแล้วนะลุง ” เว้นช่วงความคิดของตัวเองลง ก่อนจะถามในสิ่งที่คิดอยู่ในใจ “ หงุดหงิดเรื่องที่กูไม่ตอบคำถามมึงเมื่อวานรึเปล่า ”

“ ที่กูถามว่าเป็นแฟนกันมั้ย ” ผมพยักหน้ารับ อีกคนก็ถอนหายใจออกมา

“ ก็มีส่วน แต่ก็เข้าใจว่ามึงก็ยังไม่พร้อม แล้วกูก็ควรทำตามที่พูดตั้งแต่แรกคือ ไม่ควรเร่งรัดมึง ” พี่เจบอก “ แต่กูก็แค่เซ็ง เพราะบางทีการที่ตัวกูไม่ได้เป็นอะไรกับมึงเลย มันก็เหมือนกูไม่รู้ว่าตัวเองจะเอาชีวิตไปตั้งอยู่ตรงไหนในพื้นที่ของมึง กูไม่รู้ว่ากูเป็นใครสำหรับมึง แล้วตอนนี้มันก็กลายเป็นว่า กูไม่รู้เลยว่า ขอบเขตที่จะทำได้หรือรู้สึกกับมึงได้ มันคือแค่ไหน ”

“ ลุง..”

“ ความรักแม่งเหี้ยวิว สำหรับกูมันมากขึ้นทุกวัน แต่มึงไม่ได้รู้สึกเหมือนกู ไม่รู้จะเข้าใจที่กูพูดรึเปล่า ”

ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมมากไปกว่านั้น พี่เจเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวก่อนจะเสียงเปิดประตูห้องน้ำจะดังขึ้นเป็นลำดับต่อมา ผมที่ได้แต่ถอนหายใจออกมาตอนที่มองหน้าจอมือถือตัวเอง มันมีข้อความของพี่มิกซ์ขึ้นมาอีกครั้ง

[ อ่านไม่ตอบ งั้นพี่ถือว่าเรารับรู้การบ้านที่สั่งแล้วนะ อย่าลืมทำมาส่งวันศุกร์นะครับน้องวิว เจอกันครับ ]

[ ครับ พี่มิกซ์ ] ส่งข้อความตอบรับนั้นไป แล้วก็นั่งเลื่อนดูข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาให้

ผมไม่รับรู้ถึงความรู้สึกอะไรนอกเหนือไปจากพี่ชายคนนึงที่เอ็นดูผม และไม่เข้าใจว่าแค่ประโยคสั้นๆอย่าง ‘ นักเรียนของคุณครู ’ มันจะทำให้เราทะเลาะกันขึ้นมา

พยายามคิดตามว่าถ้าเป็นพี่เจพูดกับใครสักคนผมจะรู้สึกยังไง แต่ก็ได้คำตอบอย่างที่พูดกับอีกคนไป นั่นคือต้องดูก่อนว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ถ้าไม่ใช่แฟนเก่า หรือคนที่แอบชอบอีกฝ่าย ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ต้องหึง แต่ไม่รู้ว่าเพราะไม่เคยเจอกับตัวรึเปล่า ถึงยังคิดในแง่ดีได้อย่างงี้ 

“ วิว กูขอโทษนะ ” ประโยคสั้นๆที่เอ่ยบอกกันในตอนที่อีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ ผมที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนเตียงแต่เหมือนจะปล่อยให้ทีวีดูผมมากกว่าเพราะมัวแต่คิดถึงคำพูดที่อีกคนพูดเหมือนกำลังเสียใจ เงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ก็นั่งลงข้างกัน “ กูคิดมากไป โทษทีนะ ที่พูดแบบนั้นกับมึง ”

“ เข้าไปนั่งวิปัสสนาในส้วมแล้วก็เลยรู้แจ้งเหรอ หรือยังไง ” เอียงหน้าถามอีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมา แล้วก็พยักหน้ารับ

“ อื้ม ” พี่เจพูดตอบรับแบบเสียงอยู่ในคอ “ กูมานั่งคิดตามที่มึงพูด แล้วกูก็รู้สึกว่ากูไม่มีเหตุผลมากเกินไป เพราะแค่ประโยคนั้นจะบอกว่าไอ้เชี้ยนั่นชอบมึงก็คงไม่ใช่ กูไร้สาระมากเกินไป ”

“ ขอบคุณที่ลุงมึงยังรู้ตัว ” อีกคนเงยหน้าขึ้นมามองผมที่ก็ส่งยิ้มไปให้

“ อีกอย่างเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้มีสถานะ มันก็ไม่แปลกถ้ามึงจะรู้สึกชอบใคร หรือถูกใจใครมากกว่ากู ” รอยยิ้มของผมหุบลงกะทันหันตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น ตอนแรกแอบคิดว่าอีกคนเข้าใจ แต่กลายเป็นว่า ก็เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด

“ การที่ไม่มีสถานะระหว่างเรา กูไม่ได้หมายความว่า กูจะมีสิทธิ์เอามึงมาเป็นตัวเลือกนะลุง กูไม่ได้มองเห็นว่ามึงเป็นตัวเลือกหรืออะไร แต่กูแค่ให้เราศึกษานิสัยของกันและกัน ว่าเรารับได้มั้ยเท่านั้น  มึงเข้าใจสิ่งที่กูจะสื่อมั้ยถามจริง ”

“ เข้าใจ ”

“ เหนื่อยจะคุยกับคนแก่ ” ผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะมองไปทางอื่น “ กูไม่ชอบใครในระหว่างที่ยังศึกษามึงหรอกลุง แล้วถ้ากูคิดถูกใจใครที่ไม่ใช่มึง บอกไว้ก่อนเลยว่า กูคงมาบอกเลิกยุ่งกับมึงก่อนแล้วค่อยคบ ถึงกูจะแรดแล้วเคยเป็นเด็กที่วันไนท์กับชาวบ้านมาก่อน แต่กูก็ไม่แรดขนาดคบกับใครหลายคนหรอก ”

“ ก็ดี ”

“ ไม่อยากพูดกับลุงมึงแล้วเหนื่อย อาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรแดกเหอะ อยู่ในห้องมีแต่เครียดกับเครียดแน่ โอเคนะ ”

“ แล้วแต่มึงเถอะ ทุกวันเสาร์อาทิตย์กูยกให้มึงอยู่แล้ว ”

“ งั้นกูอาบน้ำก่อน ” เดินลุกออกไปจากเตียง แล้วตอนนั้นผมก็ปล่อยให้เรื่องของเรามันติดค้างไว้แบบนั้น โดยที่ไม่คิดพูดเคลียร์อะไรต่อกันให้เข้าใจอย่างที่มันควรเป็นเลยสักนิด

เราออกมากินอาหารญี่ปุ่นแบบบุฟเฟ่สำหรับมื้อเที่ยง ต่อด้วยบิงซูเจ้าอร่อยที่ผมอยากจะกินมาหลายวัน ก่อนอีกฝ่ายจะขอแวะเข้าไปในผับ throw up ในช่วงบ่ายสาม เพราะวันนี้จะมีนักร้องดังมาที่ผับ ส่วนพี่เจที่รับผิดชอบเรื่องนี้เลยต้องเข้าผับมาจัดการไวเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่เราอย่างที่ผมคิด เพราะพนักงานหลายคนก็เริ่มเข้ามาจัดเตรียมร้านกันแล้ว

ผมดูจากรถที่ตอนนี่จอดเรียงกันอยู่ด้านหลัง เหมือนจะมีทั้งพี่ซองผู้จัดการร้าน พี่เดย์พี่อัยย์ แต่ที่แปลกคือ มีรถพี่อาฟจอดอยู่ด้วย แล้วนั่นก็ทำให้ผมยิ้มกว้าง เพราะมันทำให้รู้ว่า พี่เมดก็คงต้องมาทำงานแล้วเหมือนกัน

“ วันนี้พี่เขยกับพี่ชายมึงมาทำงานกันเร็วชิบ ” คนที่เดินนำผมออกไปพูดแบบนั้น เราเดินกันเข้าไปทางหลังของบาร์ ผมยกมือไหว้พี่ซองผู้จัดการร้าน เพราะเห็นเค้าเป็นคนแรก

“ พี่ซองหวัดดีครับ ”

“ ว่าไงไอ้เด็กแรด ” ยิ้มรับกับพี่ซองไม่ทันเสร็จเสียงทักจากคนที่โซนบาร์ก็ดังขึ้น ผมหันไปเหลือบมองพี่เดย์คนที่เอ่ยเรียกก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ “ เจอกันก็ไหว้กูหน่อยมั้ยวิวยังไงดี  ”

“ พ่อสอนว่าเป็นคนไม่ควรไหว้หมา ”

“ เด็กเปรต ”

“ ว่าตัวเองทำไมอะพี่เดย์ ขาดความอบอุ่นเหรอ ” ผมเถียงกลับแบบไม่ยอมอีกคนก็จ้องหน้ากันแบบหาเรื่อง ความสัมพันธ์ของพี่เดย์กับผมมันเหมือน ถ้าอยู่เฉยๆ แล้วจะไม่มีความสุข ต้องด่ากันถึงจะสบายใจ

“ จะมีสักครั้งมั้ยที่พวกมึงเจอกันแล้วจะไม่ด่ากัน ”

“ ไม่มี! ” ไม่ใช่แค่ผมที่ตอบพี่เจ แต่เป็นเสียงประสานระหว่างผมกับพี่เดย์ที่ตอบออกมาพร้อมกัน จนคนถามได้แต่ถอนหายใจออกมา

“ แล้วนี่พี่มึงพาไอ้เด็กแรดมันไปกินอะไรมา ”

“ เสือกชีวิตคนอื่นทำไมพี่เดย์ ”

“ อย่าเสือกได้มั้ยวิว กูไม่ได้ถามมึง ”

“ วิวจะเสือกเพราะพี่เดย์ถามแฟนวิว ” ผมเถียงออกไป แต่อีกคนก็ตอบสวนกลับออกมาเร็วราวกับอัตโนมัติ

“ แฟนอะไร มึงไม่ได้เป็นอะไรกับพี่เจสักหน่อย ก็แค่คนคุยเจียมตัวหน่อยน้อง ”

“ ไอ้สัด ” ผมพูดคำนั้นออกมาเบาๆ พูดอะไรไม่ออกมาแล้วหลังจากนั้นยกเว้นสิ่งที่คิดอยู่ในใจคือ ‘ เป็นคำที่เจ็บชิบหาย ไอ้สัดพี่เดย์ ไอ้หน้าเหี้ย’ ทั้งๆที่เป็นแค่คำพูดแต่รู้เหมือนโดนต่อยกลายสี่แยกอนุเสาวรีย์ชัย มันเถียงไม่ออกเลยสักคำ โดยเฉพาะคำที่ว่า ‘ เป็นแค่คนคุยก็เจียมตัวหน่อยน้อง ’

“ เถียงสิครับน้องวิว ว่าไม่ใช่ ”

“ มึงเอาการ์ดนี่ไปวิว ” พี่เจยื่นคีย์การ์ดใบนึงให้ผมจำได้ว่าเป็นตัวสแกนผ่านประตุที่ขึ้นไปชั้นสาม “ ขึ้นไปบนชั้นสาม แล้วบอกไอ้อาฟว่าให้ลงมา กูมีเรื่องจะคุยกับมันเกี่ยวกับนักร้องที่จะมาคืนนี้ ส่วนมึงก็อยู่คุยกับพี่มึงไป เพราะกูรำคาญฟังมึงสองคนทะเลาะกัน ”

“ อะไรวะสัดพี่เจ กูกำลังชนะแล้วมึงอย่าเพิ่งให้มันไปไหนสิ ” พี่เดย์บอกผมก็ได้แต่ยืนมองพี่เจนิ่งๆ อีกคนที่ถอนหายใจออกมา ยกมือปัดเชิงไล่ให้ผมไปได้แล้ว ขาที่เดินออกไปแต่ยังไม่ทันพ้นทางพี่อัยย์ก็พูดขึ้นมา

“ ยัง ยังไม่รู้ตัวอีกสัดเดย์ มึงพูดอะไรออกมา เอาหัวแม่ตีนคิดเหรอไอ้หน้าหมา ”

“ พูดอะไร พูดความจริงไง ”

“ พอมั้ยสัดเดย์ ” พี่เจพูดสั้นๆก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้บาร์ อีกคนก็ยิ้มแห้งๆเพราะเหมือนจะเพิ่งคิดได้ว่าพูดอะไรออกมา

“ โถ่พี่ชายกู มึงโดนเด็กมันป้ายยาขนาดนี้เลยสินะ ” อีกคนบอกด้วยเสียงเศร้าๆแต่ผมว่ามันกำลังแกล้งมากกว่า “ กูเมื่อวานได้ข่าวว่าขอไปแล้วรอบนึงแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกไปซะเฉยๆอย่างงั้น ”

“ อยากเอาตีนกูนาบหน้าสักทีมั้ยเดย์ ”

“ น้องขอโทษน่า ตอนนั้นน้องก็ก็ให้เหล้าเข้มๆแล้วไง ปลอบใจที่บอบซ้ำ ”

“ ปลอบซ้ำเหี้ยอะไร กูเข้าใจเรื่องของกูกับมันดีอยู่แล้ว ”

‘ เหรอวะ ? ’ ผมพูดกับตัวเองแบบนั้นตอนที่ฟังอีกคนพูดตอบกลับอีกฝ่าย ยื่นการ์ดไปแตะตรงที่เครื่องก่อนจะผลักประตูเข้าไปด้านใน ก้าวขึ้นบันไดไปเรื่อยๆในสมองก็เอาแต่ทบทวนประโยคที่ได้ยิน ทำได้ก็อยากจะตอบออกไปเหมือนกันว่า ‘ มึงไม่ได้เข้าใจอย่างที่พูดหรอกออกมาหรอกสัดลุง ที่มึงพูดวันนี้ก็ด้วย มึงก็แค่ต้องทำเป็นเข้าใจมากกว่า ไม่ได้จะเข้าใจจริงๆ ’


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องตรงชั้นสามที่เพียงแค่แง้มความเย็นก็ปะทะใบหน้า ผมชอบความเย็นในห้องนี้มากมาทุกครั้งก็อยากจะอยู่นานๆ แต่เหมือนว่าครั้งนี้มันจะผิดเวลาไปสักหน่อย

“ พะ..” ตั้งใจจะเปล่งเสียงออกไปว่า ‘พี่เมดดดดด’ แต่ก็ต้องเก็บปากเงียบไปตอนที่เห็นพี่ชายตัวเองกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะแล้วจูบกับพี่อาฟที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าด้วยความดูดดื่ม สองแขนของพี่ชายผมกอดคออีกฝ่ายไม่ต่างอะไรกับพี่อาฟที่ก็กอดเอวพี่เมดไว้

“ จิ๊ ” เสียงจิ๊ปากไม่พอใจของพี่อาฟหลุดออกมาตอนที่พี่เมดดึงตัวเองออกแล้วหันมามองผมที่ก็ยืนนิ่งไปแล้ว และตอนที่สบเข้ากับสายตาคมของพี่อาฟ เค้าก็มองมาราวกับจะบอกว่า ‘ เข้ามาขัดจังหวะกูทำไมไอ้เด็กเวร กูจะฆ่ามึง ’

“ วิวไม่ผิดนะ วิวเคาะประตูแล้ว แต่พี่อาฟพี่เมดไม่ได้ยินเอง ”

“ วันนี้มาเร็วจังมึง ” พี่เมดหันมาพูดแบบเปลี่ยนเรื่อง ริมฝีปากที่แดงจัด อีกฝ่ายเลียมันเบาๆก่อนจะยิ้มให้ผมเหมือนจะทำให้รู้สึกว่า ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

“ ก็นะ ” ผมยิ้มแห้งๆก่อนจะหันไปหาพี่อาฟอีกครั้ง “ พี่อาฟ ลุงมันบอกว่าให้พี่อาฟลงไปข้างล่างด้วย ลุงมันจะคุยเรื่องนักร้องที่มาร้องเพลงที่ผับวันนี้ ”

“ อื้ม ” เสียงตอบรับสั้นๆของอีกคน พร้อมด้วยท่าทางเซ็งๆที่เดินออกไปจากห้อง แล้วตอนที่ประตูนั้นปิดลงผมก็เหล่มองพี่ชายตัวเองที่ก็ทำทีเป็นกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เปิดคอมทำงานด้วยท่าทางยุ่งๆเพราะไม่อยากจะให้ผมแซวเรื่องที่เห็นเมื่อครู่

“ ใจแตกใหญ่แล้วนะพี่เมด ” คำพูดแรกของผมที่บอกอีกคนตอนที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเองที่ว่าง “ จูบกับพี่อาฟดูดดื่มขนาดนั้น แสดงว่าบ่อยแน่ๆใช่มั้ย ”

“ พูดอะไรของมึงวะวิว ไม่ได้จูบดูดดื่มอะไรทั้งนั้น มันแค่มุมกล้อง แค่จุ๊บๆ ” ถอนหายใจออกมาก่อนจะเหลือบมองบนกับคำอ้างนั้น

“ ถามจริง พี่เมด นี่คิดว่าจะหลอกกันได้ด้วยมุกนี้จริงๆเหรอวะ ” ผมถามตอนที่เอียงหน้าเพื่อจ้องตาพี่ชายตัวเองที่ก็หันมามองกัน “ พี่เมดเห็นวิวอยู่ ป. 4 เหรอถามจริง ”

“ มึงก็อย่าทักสิวิว กูเขินเป็นไง  ”

“ ฮ่าๆ พี่เมดมึงแม่งน่ารัก ” ยื่นมือสองข้างไปจับแก้มอีกคนก่อนจะยืดออกแล้วเอาแต่หัวเราะ เหลือบมองด้านในเสื้อที่มีรอยแดงปะปรายให้เห็น ผมก็ได้แต่ยิ้มล้อ แต่เหมือนอีกคนจะรู้ทันเลยชวนเปลี่ยนเรื่องไปก่อน

“ แล้วเป็นยังไงบ้าง เมื่อวานไอ้มิกซ์ส่งข้อความมาบอกว่า อยากให้มึงลองไปเรียนวาดภาพดู สนใจเหรอ อยากเรียนจริงๆมั้ยกูจะหาที่เรียนให้ ” คำพูดของอีกคนที่พูดถึงใครคนนั้นทำให้ผมเงียบไป พี่เมดเอียงหน้ามองกันตอนที่เห็นท่าทางของแปลกๆ “ มีอะไรหรือเปล่าวิว ”

“ นี่พี่เมด พี่เมดเคยกลัวที่จะเสียใจมั้ย ตอนที่พี่อาฟขอเป็นแฟน กลัวรึเปล่าว่าสักวันพี่อาฟจะทิ้งพี่เมดไป ” ก้มหน้าลงต่ำตอนที่เอ่ยถามประโยคนั้นกับพี่ชายตัวเอง ทุกอย่างในตอนนั้นมันเงียบพี่เมดไม่ได้พูดออะไรออกมาทันที แต่กลับแค่จับมือผมก่อนจะเอียงหน้ามองแล้วยิ้ม

“ คิดสิว่ะ ” เค้าตอบแบบนั้น “ ตอนนั้นกูเพิ่งเลิกกับบินนะวิว กูจะไม่กลัวได้ยังไง กูโคตรกลัวเลยรู้มั้ย เพราะไอ้เหี้ยนั่นก็ไม่ใช่ผู้ชายแบบเห็นแล้วรู้สึกดี มองไปก็มีแต่ความเหี้ยมากมายเต็มไปหมด มีคำว่าไม่น่าคบกันรอดอยู่เต็มหัว ” เสียงหัวเราะหลังพูดจบทำให้ผมหัวเราะตาม “ แต่เรื่องแบบนี้มันต้องเสี่ยงไม่ใช่เหรอวะ มึงบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าเราต้องปรับตัว ”

“ วิวมีปัญหากับพี่เจ ” ผมบอกพี่ชายตัวเอง “ มันเหมือนว่าสิ่งที่พี่เมดเคยพูดมันจะเกิดขึ้นแล้ว ”

“ กูเคยพูดเหรอ ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับกับอีกคน “ พี่เมดเคยบอกว่า ไม่ว่าใครก็อยากจะได้ความชัดเจน ”

“ เจมันอยากได้ความชัดเจนจากมึงสินะ”

“ คงงั้น แต่เค้าก็ไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นออกมาหรอก ” ผมถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงเรื่องราวที่มันหนักอก “ เมื่อวานเราคุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้แต่อยู่ๆ ก็วกเข้าเรื่องสถานะ พี่เจขอวิวเป็นแฟน ตอนนั้นก็ว่าจะตอบออกไปว่าเป็นพอดี แต่ว่ารถไฟฟ้าดันมาก่อนเลยไม่ได้ตอบ พี่เจเลยคิดว่าวิวไม่อยากจะเป็น  พอวิวถาม เค้าก็บอกแค่ว่า เค้าเข้าใจไม่อยากเร่งรัด เราบอกปัดกันไปแบบที่ไม่ได้เคลียร์ แล้วเมื่อเช้าพี่มิกซ์ส่งข้อความมาหาวิว พี่เจเห็นประโยคที่ว่า นักเรียนของคุณครู เราก็ทะเลาะกันอีก แต่เคลียร์กันไม่ทันลงตัว เค้าก็บอกว่า เค้าเข้าใจ ว่าเค้าไม่มีสิทธิ์จะหึงหวงอะไรวิวมากเพราะเราไม่ใช่แฟนกัน ”

“ ประเด็นแรกคือ กูคิดไม่ออกเลยว่าไอ้มิกซ์จะมาชอบมึงยังไง ” พี่เมดพูดก่อนจะยิ้มแห้งๆ “ คือมันไม่ได้มีแฟนก็จริง แต่กูเชื่อว่ามันไม่ได้คิดอะไรกับมึงหรอก มันก็เอ็นดูมึงในฐานะน้องกู ”

“ กูก็คิดแบบนั้น คือตั้งแต่เรียนกันมาพี่มิกซ์ไม่เคยพูดอะไรในเชิงที่จะให้รู้สึกว่ามันจีบ มันชอบ ก็คุยกันธรรมดา เรื่องเรียนเท่านั้นจริงๆ หนึ่งอาทิตย์มันทักวิวมาสองครั้งตามสเต๊ปตลอด ทักวันศุกร์บอกว่าเดี๋ยวเจอกันนะ  แล้วก็ทักมาวันเสาร์ตอนเช้าส่งการบ้านมา จบ ถ้ามากกว่านั้นคือวิวถาม ซึ้งก็ถามแค่การบ้านอะพี่เมด ไม่มีประเด็นอะไรที่ทำให้รู้สึกเลยว่าเค้าสนใจ ”

“ แต่มึงก็ต้องเข้าใจด้วยว่า เจมันไม่รู้ มันไม่รู้ว่าเค้าทักมึงอาทิตย์ละสองครั้ง และเพราะมันไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ตรงไหน สำคัญยังไง  มันเลยทำได้แค่กังวล แล้วก็กลัว นั่นก็เพราะว่ามึงไม่ชัดเจนกับมันไง แบบนั้นมันก็ไม่แปลกเปล่าวะ ที่มันจะกลัวกับแค่ประโยคสั้นๆของมิกซ์ที่ส่งมาให้มึง มันที่กลัวว่ามิกซ์ที่คอยให้คำปรึกษามึงจะสำคัญกว่านั้นก็ไม่แปลกเลยนะ”

“ แต่ก็น่าจะถามหน่อยมั้ยวะ ทำไมต้องคิดไปเอง ”

“ มันไม่ได้อยู่ในฐานะจะถามอะไรมึงได้มากมายไง ” พี่เมดบอกผมก็ได้แต่ถอนหายใจ น่าแปลกที่ผมรู้สึกตัวเองไม่ละเอียดอ่อนเลยสักนิดทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เรื่องพี่เมดพี่อาฟ ผมละเอียดอ่อนยิ่งกว่าอะไร

“ แล้วทำไมมันต้องคิดว่าตัวเอง มีตำแหน่งแค่นั้น ได้แค่นี้ ทำไมชอบคิดไปเอง อยากทำอะไรก็ทำสิ ถ้ากูไม่ชอบก็เดี๋ยวบอกเองว่ามากเกินไป ”

“ แล้วนั่นมันไม่ใช่เพราะว่าไอ้เจมันอยากจะเป็นความสบายใจของมึงเหรอ มันไม่ใช่เพราะว่า มันอยากจะให้มึงรู้สึกสบายใจในการอยู่กับมันเหรอ มันเลยไม่เร่งเร้ามึงน่ะ ” ผมเงียบไปตอนที่อีกคนพูด “ กูรู้จักมิกซ์ กูเลยไม่คิดว่ามิกซ์จะชอบมึง มึงรู้จักมิกซ์มึงก็เลยไม่คิดเหมือนกัน แต่มึงอย่าลืมว่าเจมันไม่รู้ มันไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างมึงกับมันจะเป็นยังไงอนาคต มันที่กลัวไม่มีมึงอยู่ในอนาคต ตอนนี้ก็พยายามประคับประคองทุกอย่างแบบสุดๆไม่ใช่เหรอวะ มันที่ไม่บังคับอะไรมึง ยอมตามใจมึง โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุผลของมึงคืออะไร” พี่เมดเว้นเสียงไปก่อนจะถอนหายใจ “ กูว่ามึงต้องถามตัวเองมากกว่ามั๊ยว่าตัวมึงอะ รออะไรอยู่ แล้วก็คิดอยู่ ทำไมถึงไม่ยอมตกลงเป็นเรื่องราวสักที ”

มองตาพี่ชายตัวเองที่เอียงหน้าถามกัน ผมที่ได้แต่ถอนหายใจออกมาในตอนนั้นได้แต่คิดหาเหตุผลของตัวเองในคำถามที่ได้ยิน นั่นสิ ผมกำลังรออะไรอยู่ แล้วกำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่า กำลังกลัวอะไร

“ บางทีวิวก็แค่ไม่อยากเสียพี่เจไปมั้ง ” ได้แต่ตอบอีกคนเสียงเรียบตอนที่คิดถึงเรื่องต่างๆของเราอยู่ในหัว สมองมันก็ฉายภาพความสุขต่างๆมากมายจนทำให้รู้สึกปวดที่หัวใจ มันบรรยายออกมาเป็นความรู้สึกที่รวบรัดไม่ได้ มันเป็นหลากหลายความรู้สึกที่กระจัดกระจายกันอยู่ “ วิวไม่ใช่คนนิสัยน่ารักแบบพี่เมด วิวไม่ได้มีมุมที่ทำให้ใครรักได้ วิวขี้หึง วิวปากร้าย วิวชอบพูดไม่คิด ชอบดื้อ วิวกลัวว่าถ้าตัดสินใจคบกันไป แล้ววันนึงพี่เจทนไมได้ พี่เจจะบอกเลิกวิว เราไม่เคยมีช่วงเวลาแบบที่แฟนทั่วไปเค้ามีกัน เราเป็นแค่คนที่รู้จักกันผ่านวันไนท์ เราที่ถูกใจกันเพราะเรื่องแบบนั้น วิวไม่แน่ใจว่ามันจะพอรึเปล่า ที่จะทำให้รักมันไปรอด แต่เพราะวิวไม่อยากเสียพี่เจไปไงพี่เมด วิวเลยอยากให้เค้ารู้จักวิวให้ดีก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ ”

“ แล้วมึงไม่เจ็บรึไง ถ้ามันไม่ชอบมึงขึ้นมาน่ะ ” ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาตอนที่พี่ชายถาม “ มึงคิดเยอะเกินไปนะวิว มึงบอกมึงว่าไม่มีความทรงจำดีๆ งั้นก็สร้างกันใหม่สิ กูกับอาฟก็ไม่มี ยังไม่เห็นมีใครแคร์เลย เราไม่ได้จีบกันแบบที่คนทั่วไปทำด้วยซ้ำ มึงเคยบอกกูว่าความรักมันไม่เฟอร์เฟ็คไง แต่นี่มึงกำลังเอามันมาเป็นบรรทัดฐาน เพียงเพราะรู้สึกว่ารักของมึงมันไม่เฟอร์เฟ็คเหมือนใครนะเหรอ เคยบอกกูว่ายังไง บอกตัวเองด้วยสิวิว  ”

“ วิว วิวแค่กลัว มันมีหลายอย่าง ทั้งนิสัยด้วย วิวไม่มั่นใจว่ามันจะโอเค ”

“ กูก็เคยบอกมึงไปแล้วใช่มั้ย ว่าต่อให้ทำความรู้จักกันไปก่อน หรือ คบเป็นแฟนเลย ถ้ามันต้องเลิกยังไงมันก็ต้องเลิก ” ผมพยักหน้ารับอีกคน ก่อนจะเงยหน้ามองพี่ชายตัวเองที่ก็เอื้อมมาลูบหัวปลอบเพราะเห็นว่าผมกำลังร้องไห้ “ กูเข้าใจว่าคนเรามันก็เป็นแบบนี้ พอเรื่องตัวเองแล้วมองไม่เห็นปัญหา แต่มึงถ้านิสัยไม่ดี ก็เปลี่ยนแปลงสิว่ะ มันไม่ยากเลย ถ้ามึงพร้อมเปลี่ยนเจก็พร้อมจะเข้าใจมึงอยู่แล้ว ” เงยหน้ามองอีกคน พี่เมดที่ยิ้มให้ผม “ กูเข้าใจว่ามึงกลัว กูก็เองก็ไม่ได้เก่งขนาดจะบอกให้มึงกล้าที่จะเสี่ยงมัน ไม่กล้าจะบอกกับมึงว่า ไม่ลองก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่กูบอกมึงได้ตอนนี้ก็คือ ไม่มีมีใครอยากจะอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจนหรอก คนเราทุกคนก็อยากจะมีสถานะที่ชัดเจนในความสัมพันธ์กันทั้งนั้น แล้วนี่คือสิ่งที่มึงต้องเริ่มเปลี่ยนมันเป็นอย่างแรก ”

“  อื้ม ” ก็คงจริงอย่างงั้น ไม่มีใครอยากจะอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจน แต่ตลอดมาที่พี่เจยอมให้ผมมาตลอด นั่นเพราะเค้าอยากจะเป็นความสบายใจให้กับผม  ไม่ใช่ว่าไม่รู้ถึงความไม่สบายใจ แต่เพราะรู้ว่าไม่สบายใจ ก็เลยไม่พยายามเร่งรัดกันมาตลอด

 “ หรือตัวมึงเองอยากจะอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจนแบบนี้ ” ผมส่ายหน้าไปมา พี่เมดก็ขยี้หัวผมจนยุ่งไปหมด “ ถ้าเค้าสำคัญสำหรับมึง ก็บอกไปเลยว่ามันมากแค่ไหน อย่าปล่อยให้นานกว่านี้ เดี๋ยวมันจะสายเกินไป มึงต้องหัดทำอะไรให้มันชัดเจนนะเข้าใจมั้ย ”

เพิ่งมารู้ว่าตัวเองยืนย้ำอยู่กับที่มาตลอด คำที่เคยพูดว่า ‘ เรียนรู้กันไปก่อน ’ แท้จริงมันไม่ใช่การเรียนรู้อะไรเลย มันเป็นแค่กำแพงนึงที่ผมสร้างขึ้นมา เพื่อปกป้องไม่ให้ตัวเองเจ็บปวดก็เท่านั้น แต่ดันลืมไปว่า ความรักที่ไม่ต้องผ่านความเจ็บปวดนั้น มันไม่มี

เดินลงมาชั้นล่างพร้อมกับอีกคนที่อยู่ๆก็เกิดหิวขึ้นมาเพราะยังไมได้กินมื้อเย็น ผมตั้งใจว่าจะคุยกับพี่เจเรื่องสถานะให้รู้เรื่องภายในวันพรุ่งนี้หรือไม่ก็คืนนี้ตามที่พูดกับพี่เมด อยากจะพูดตอนที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ และพูดทุกอย่างที่ค้างคาอยู่ในความรู้สึก พูดในสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างต้องการให้มันออกมาทั้งหมด

“ ผับยังไม่เปิดแต่ทำไมตรงนั้นวุ่นวายจังวะ ” พี่เมดพูดขึ้นเบาๆ ตอนที่มองไปที่ส่วนของบาร์ที่ตอนนี้เหมือนจะมีคนมาใหม่ที่ไม่คุ้นตามานั่งอยู่ตรงกลางระหว่างที่นั่งประจำของพี่อาฟกับพี่เจที่จะนั่งข้างกันเสมอ

มองจากด้านหลัง เธอเป็นผู้หญิงผมยาวตัวเล็กที่หน้าตาน่าจะน่ารักเพราะแค่มุมข้างที่เห็นก็รู้สึกได้เลยว่าเป็นคนที่มีเสน่ห์ชวนมอง เสื้อผ้าที่สวมดูทันสมัยแต่ดูเรียบง่าย รอยยิ้มกว้างของเธอหันมองทุกคนที่พูดคุยด้วยราวกับรู้จักกันมานาน

“ สาวที่ไหนวะนั่น ” พี่เมดพูดก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ผมที่เดินตามหลังไปยังไม่ได้พูดอะไร พี่เดย์ที่เห็นเราเดินเข้ามาก็เอ่ยทักก่อน

“ นั่นไงพี่เมดมาละ ”

“ ไหนๆ ” เสียงของสาวคนนั้นพูด เธอหันมายิ้มให้เรา พี่เมดก็ยิ้มออกมาผมเองก็ทำแบบนั้นด้วยตามมารยาท “ ทุกคนเงียบนะ ไหนอาฟ แนะนำให้ข้าวรู้จักหน่อยสิ ”

“ มึงเล่นงี้เลยนะ ” พี่เจที่นั่งอยู่ข้างเธอพูดยิ้มๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ แสบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ”

“ เอาน่า ” คนโดนพูดถึงหันมาบอกก่อนจะหันกลับมาเชิดหน้าใส่พี่อาฟ “ ว่าไงอาฟ แนะนำให้ข้าวรู้จักหน่อยสิ คนนั้นน่ะ ”


“ รำคาญ ” อีกฝ่ายพูดปัดแต่ถึงอย่างงั้นก็เอื้อมมือมาจับมือพี่เมดแล้วดึงเข้าไปใกล้ ท่าทางที่ทำให้ทุกคนกลั้นยิ้มอยู่แบบนั้น มองจากมุมนี้ผมเองก็เห็นว่าหูอีกคนแดงจัด “ นี่เมด แฟนกู ”

“ อ๋า สวัสดีค่ะ ” เธอพยักหน้ารับพี่เมดเองก็ก้มหน้าลงทักเหมือนกัน แล้วตอนนั้นพี่อาฟหันไปบอก

“ นี่ข้าว เป็น..” เค้าเว้นเสียงก่อนจะทำท่าคิด “ เป็นอะไรดีวะ ”

“ เพื่อนสมัยม.ปลาย ” เธอว่าก่อนจะทำหน้าเหมือนหาเรื่องอีกคน “ เดี๋ยวเมดก็คิดว่าเราเป็นแฟนกัน ”

“ ใครจะเอามึง ” พี่อาฟบอก แต่พี่อัยย์ก็สวนขึ้น

“ มีนะเว้ย ”

“ แต่ก็ไม่ใช่แฟนไอ้อาฟนะเมดสบายใจได้ ” เธอว่าแบบนั้นพี่เมดก็แค่ยิ้ม

“ แนะนำคนหลังด้วยสิ น้องวิวของกูยืนนิ่งเลย ” พี่เดย์ที่หันมาเห็นผมเอ่ยพูดขึ้นมา ผมก็พูดแบบไม่ออกเสียงตอบกลับไป

‘ เสือก ’

“ ได้วิว มึงได้ ” อีกคนพูดก่อนจะหันไปพูดกับพี่เจ “ สัดพี่เจ มึงแนะนำไอ้วิวดิ ” สบสายตากับอีกคนที่มองมาหากัน หัวใจของผมเต้นแรง แค่รู้สึกว่ามันคงดีนะ ถ้าพี่เจเอื้อมมือมาจับมือผม แบบที่พี่อาฟทำกับพี่เมด แล้วก็แนะนำว่าผมอยู่ในสถานะสำคัญสักสถานะ

“ ข้าว นั่นวิว น้องชายไอ้เมดแฟนไอ้อาฟ ” แต่ผมก็ลืมไป เราไม่ได้อยู่ในสถานะที่พิเศษต่อกัน แล้วมันก็จริงที่ผมเป็นแค่นั้น และนั่นคือสิ่งที่ผมเลือกเองมาตลอด “ ส่วนวิว นี่ข้าว.. แฟนเก่ากู ”

ทุกอย่างตรงนั้นเงียบไปหมด ผมที่ได้แต่ยืนนิ่ง ไม่มีใครคิดว่าพี่เจจะพูดแบบนั้นหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ พี่เมดที่หันมามองผม แต่ตอนนี้สายตาของผมไมได้มองใคร เพราะตอนนี้มันกลับจับจ้องไปแค่ที่เค้าสองคนที่กำลังมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันด้วยแววตาที่แสนเศร้าสร้อย

บางทีอาจจะกำลังคิดถึงอดีตรักหวานซึ้งที่เคยเกิดขึ้น หรือบางทีอาจจะคิดถึงสถานะที่อยากจะกลับมาเป็น มันก็ถูกแล้วเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันก็ถูกแล้วที่ถูกแนะนำแบบนั้น ผมคือน้องพี่เมดแฟนพี่อาฟ ส่วนอีกคนคือ พี่ข้าว คนที่เป็นแฟนเก่าพี่เจ

ผมคิดถึงคำพูดของพี่เมดถามกันเมื่อครู่ ‘ หรือตัวมึงเองอยากจะอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจนแบบนี้ ? ’  แล้วคำตอบก็คือสิ่งที่อีกคนบอกไว้ มันไม่ผิดจากที่ได้ฟัเลยสักนิด  ‘ไม่มีมีใครอยากจะอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจนหรอก คนเราทุกคนก็อยากจะมีสถานะที่ชัดเจนในความสัมพันธ์กันทั้งนั้น ’

แล้วผมก็เข้าใจแล้ว ว่าถ้าไม่ชัดเจนมันจะเจ็บปวดยังไง

.......................................................................

มาแล้วจ้า ขอโทษที่ช้า พอดีว่าหยุดไปอาทิตย์หนึ่งแล้ว สมองเหมือนเขียนนิยายไม่ปะติดปะต่อ
เลยเขียนนานกว่าเดินมากๆ ขอโทษนะคะ พาสนี้ขอยกให้เป็น เจวิวไป สำหรับสถานะที่ไม่ชัดเจน ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเป็นละเนอะ

หนมมี่กลับมาแล้วค่า ทุกคนนนนนน กลับมาอัพนิยายทุกวันศุกร์  เหมือนเดิมแล้วจ้า
แต่จะพยายามกลับไปเวลาเดิมนะคะ TT ขอโทษจริงๆ เราแก้นานมาก มันมีส่วนที่ต้องเสริมเยอะมากจริงๆ

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า

ป.ล. คิดถึงพี่อาฟ กันละสิ เรารู้นะ แต่ขอพระรองผู้แสนดีมาตลอดเรื่องมีบทบาทบ้างน้า  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ว๊าปปป ไปวันศุกร์หน้าเลยได้ไหมคะ
แม้จะคิดถึงอาฟอารยะ แต่มีความอยากอ่านต่อ น่าจะยังเป็นเจวิวอยู่?

อยากรู้ว่าความไม่ชัดเจน จะเปลี่ยนชัดเจนไหม
หรือจะยังเจ็บปวดอยู่ ไม่ดีกับทั้งสองฝ่ายแน่ๆ
อ่านแล้วรู้สึกเศร้าค่ะ

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
วิวคุยกับลุงเถอะนะว่าวิวคิดยังงัย ลุงอ่ะรักวิวและวิวก็รักลุงมากนะ ต่างรักกันทั้งคู่

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
กรี๊ดดดด  :o12: เหมือนโดนปาระเบิดทิ้งไว้ ฮือออ  :sad4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ทีใครทีมัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……


น่านนนนนน้องวิวแดกจุดไปสามจุดเลย…

ลุงเขาก้อทำตามที่ตกลงไง ศึกษากันไป ไม่มีสถานะอะไร

ลุงผิดตรงไหนอ่ะ


 :ruready  :ruready  :ruready  :ruready  :ruready  :ruready


ครานี้น้องวิวจะอยากให้ชัดเจนก้อต้องเคลียร์สถานะออกมาละนะ


………








ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :ling3:เจวิว โคตรหน่วงเลย
 ตอนพี่เจแนะนำข้าว รู้สึกว่าตัวเองเป็นวิวหน้าชาไปเลย
อีกนิดนึงจะร้องไห้แล้วอินตาม :mew6:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
โทษเจไม่ได้อ่ะ เขาแนะนำฐานะของวิวให้ข้าวฟัง ก็ถูกอย่างที่เขาว่า  o16

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :a5:  หมดคำจะบรรยายในความไม่ชัดเจนจริงๆ

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
เจทำดีที่สุดแล้วนะ  ทำตามที่วิวขอทุกอย่าง 
เหลือวิวแล้วที่จะทำความเข้าใจกันใหม่ไหม

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
โอ้โห ตอนนี้อย่างพีค

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
คนในอดีตคนนั้นเหรอ?
เอาแล้วไง บ่วงที่ตัวเองทำไว้กำลังจะรัดคอหรือเปล่าน้องวิว
แม้พาร์ทนี้ อารยะ จะมาแค่ติ่งแต่ก็มาให้หายคิดถึงนะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
แฟนเก่าลุงปรากฎตัวมาแบบนี้วิวมีหึงแน่ๆ คราวนี้สถานะจะชัดเจนขึ้นได้หรือยังหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
โดนกะตัวเองซะแล้ว

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
จอดเลยน้องวิวนุ ฮือออออออ :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
สุดยอด
พี่เจ มันต้องแบบนี้
ใหนๆจะเจ็บแล้ว
มันต้องเจ็บไปด้วยกัน
อยากอยู่แบบไม่ชัดเจน
ก็จัดให้ไปเลย ตามใจเด็กแรด
กั๊กเอง ก็ เจ็บ เองซิน้องเอ๊ย
ทีมลุงเจชัดเจน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ดราม่าซะงั้น

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
……น่านนนนน น้องวิวแดกจุดไปสามจุดเลย…
ลุงเขาก้อทำตามที่ตกลงไง ศึกษากันไป ไม่มีสถานะอะไร
ลุงผิดตรงไหนอ่ะ
 :ruready  :ruready  :ruready  :ruready  :ruready  :ruready
ครานี้น้องวิวจะอยากให้ชัดเจนก้อต้องเคลียร์สถานะออกมาละนะ………

ใช่เลย...........วิวเจ็บใช่ไหม.....
ก็เข้าใจว่าวิวกลัวเจ็บ
แต่ยังไง.....มันก็เจ็บ
เพียงแต่เจ็บเพราะมาจากตัวเองเรื่องมากเอง  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
แนะนำได้เจ็บปวดมาก เจไม่ได้ต้องการอะไร
บอกกล่าวแค่นั้นเองเนาะ
เจจริงจัง เริ่มเข้าหาก่อน สนใจ อยากใช้เวลาด้วย
วิวก็คงกลัวมากไป คิดมากไป เลยไม่บรรจบกันสักที

เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นเรื่องคนอื่นได้ง่ายกว่า
เหมือนตอนที่วิวบอกเมด กลับกัน
เมดบอกและคิดว่าวิวก็น่าจะทำได้

เจอหมัดเด็ดไปหนึ่งดอก ตอนเดย์พูด
เจอสองดอกไปตอนแนะนำตัว วิวยังจะกลับกับเจไหม
ยังกลับบ้านไหวไหม

พี่เจ อย่าพึ่งทำร้ายน้อง กระตุ้นแบบนี้ น้องนอยด์นะ

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
น้องหนีพี่เจขึ้นมา บอกเลยว่า หมาเลยนะคะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เจ็บ จุก ทีนี้มีสถานะได้รึยังน้องวิว อย่าให้พี่เจรอนาน

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เดดแอร์ ไป 3 วิ

เจอแบบนี้จะทำไงต่อวิว คนรอมันเหนื่อยเป็นนะเหวยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด