หลานคุณย่า 23
พาย(Part)
เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ วิ่งตรงมายังคุณคิณ ตามหลังมาด้วยผู้หญิงชาวต่างชาติ หน้าตาสวยจนผมยังกลัว ไม่รู้ว่ากลัวอะไร แต่ในใจตอนนี้มันสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่ ผมหันไปมองหน้าเด็กชายตัวน้อยอีกครั้ง เค้าหน้านี่ได้คุณคิณมาเต็มๆ มันไม่ใช่แบบที่ผมคิดใช่ไหม ขอบตาผมเริ่มร้อนผ่าว ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามกลัวว่าจะเป็นจริง
เด็กชายตัวน้อยวิ่งมาเกาะขาคุณคิณ ก่อนที่เขาจะก็อุ้มขึ้นมาหอมแก้มเด็กน้อยน่ารักไปหนึ่งที แม่ของเด็กเดินมาพร้อมกับส่งร้อยยิ้มหวานให้คุณคิณ เขายืนคุยกันอยู่สักพัก โดยมีเด็กตัวน้อยๆ เจื้อยแจ้วตามประสา เขาเป็นของผมไม่ใช่เหรอ ทำไมผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินของครอบครัวเขา ทำไมคุณคิณต้องหลอกผม ผมหันหลังเตรียมตัวที่จะเดินออกไปจากจุดนี้ ผมกลัวคำตอบของคุณคิณจริงๆ เลย
“จะไปไหนครับพาย”
“กลับบ้านครับ” หันกลับไปหาคุณคิณที่ตอนนี้มีผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ข้างๆ ส่งยิ้มจริงใจมาให้ผม แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนอยากร้องให้ ไม่สามารถยิ้มตอบเธอได้จริงๆ
“กลับพร้อมกันสิครับ จะไปแบบนี้ได้ยังไง คิณยังไม่แนะนำให้รู้จักกันเลย” คุณคิณเดินมาดึงมือผมกลับมาที่เดิม ก่อนที่จะชวนหญิงสาวคนนั้นไปนั่งที่โซฯพักผ่อนของห้างดัง
“แดดดี๊ๆพี่คนนี้เป็นใครครับ” เสียงเด็กน้อยเอ่ยถามคุณคิณเสียงดัง
“นั่งก่อนครับเดม่อน ห้ามซนนะ” คุณคิณดูอบอุ่นเมื่อเขาอยู่กับเด็กคนนี้ ผมนั่งลงอีกฝั่งของโต๊ะ ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็นั่งข้างคุณคิณอีกฝั่ง
"พายครับนี่ไวโอเล็ต แม่ของเดม่อน" ทำไมต้องแนะนำให้รู้จักกันด้วย เพื่ออะไร แถมยังรอยยิ้มที่คุณคิณส่งให้สองแม่ลูกนี้อีก ลำพังแค่เด็กก็พอจะรับได้อยู่หรอก แต่นี่อะไรแม่เด็กก็มาด้วย ผมไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้ายังไงตอนนี้ รู้แต่ว่าเสียใจเกินที่จะรับไหว ทำไมเขาไม่เคยบอกผมเลย
"สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก" เสียงหวานเอ่ยทักทาย แต่ผมกลับไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิด
"ครับ"ผมยิ้มมออกไปตอนนี้ไม่ได้คร้บ เพราะมันคงเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งไม่ได้ออกมาจากใจของผมอย่างแน่นอน
"พายเป็นอะไรครับ สีหน้าไม่ดีเลย" จะให้ผมอารมณ์ดีได้ยังไง ทั้งลูกทั้งเมียคุณนั่งพร้อมหน้ากันขนาดนี้ แล้วผมล่ะเป็นตัวอะไร จะอธิบายให้ผมเข้าใจได้ไหม ไม่ใช่ให้ผมมานั่งคิดเองเออเองแบบนี้
"Would you mind if I sit here?" เดม่อนเดินมาหาผม ก่อนที่จะกระโดดขึ้นมานั่งบนตัก เด็กน้อยคนนี้แปลกเกินไปแล้ว อยู่ๆ มานั่งตักผมได้ยังไง
"พูดภาษาไทยครับเดม่อน" เสียงคุณคิณเอ่ยเตือนเด็กน้อยตัวเล็ก
"ไอ นัง ด้วย ได่ ไม่ คับ" เสียงภาษาไทยกระท่อนกระแท่นของเด็กตัวน้อยเอ่ยขออนุญาตผม ทั้งๆ ที่เขาเดินมานั่งตักผมอยู่ก่อนแล้ว
"ได้ครับ" ผมยิ้มให้เจ้าตัวน้อยที่ไม่มีท่าทีจะกลัวใคร เด็กน้อยยิ้มตอบด้วยความไร้เดียงสา จะรู้ไหมว่าผู้ใหญ่บางคนกำลังรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้
"ใจ่ ดี้ จั่ง เล้ย" เด็กน้อยหันมายิ้มให้ผมจนตาปิด ผมจะทำยังไงได้ล่ะ เด็กไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย จะผิดก็แค่ผมที่มาอยู่ผิดที่ผิดทางตอนนี้ แสนจะอึดอัดกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่เขาสองคนกลับยิ้มอย่างสบายใจ ไม่คิดจะบอกอะไรกันจริงๆ ใช่ไหม
"ใจดีจังเลย ไหนพูดใหม่สิครับ" ผมก้มหน้าลงไปคุยกับเดม่อนแค่สองคน คงจะมีแต่วิธีนี้ที่จะคลายความอึดอัดลงได้ ผมเหลือบไปเห็นเขาสองคนส่งสายตาให้กันแปลกๆ แบบที่คนรู้จักกันทั่วไปเขาคงไม่แสดงออกต่อกันแบบนี้ ก่อนที่ผมจะก้มหน้าลงอย่างเดิม
"ใจ ดี จัง เล่ย" เด็กน้อยหัดพูดไทย เจื้อยแจ้วตามที่ผมบอก ไม่สนใจสักนิดว่าพ่อกับแม่ของตนทำอะไรอยู่
"ถ้าอย่างนั้นฉันคงวางใจได้แล้วสินะคะ ที่จะให้เดม่อนอยู่ที่นี่กับคิณแล้วก็น้องพาย" ผมที่กำลังก้มหน้าคุยกัยเดม่อน จำต้องเงยมองทั้งสองคนด้วยความสงสัย เธอหมายความว่ายังไง ทำไมต้องให้อยู่กับคุณคิณแล้วก็ผม แล้วเธอจะไปไหน
"ไวโอเลตเธอกำลังตะแต่งงานใหม่ครับ แล้วสามีใหม่ของเธอต้องย้ายที่ทำงานบ่อยๆ จึงให้เดม่อนไปด้วยไม่ได้ เพราะอีกไม่นานเดม่อนก็ต้องเข้าโรงเรียน เดม่อนจึงมาอยู่กับผม แล้วผมก็รับเดม่อนเป็นลูกบุญ ธรรมแล้วนะครับ พายจะว่าอะไรไหม"
"เดม่อนไม่ใช่ลูกคุณกับคุณไวโอเลตเหรอครับ" ผมงงจังเลยครับ ทำไมต้องเป็นลูกบุญธรรม
"จะใช่ได้ยังไงครับ เดม่อนลูกพี่ชายผมที่เสียไปแล้วต่างหาก"
"พายนึกว่า...." ได้ยินเสียงอะไรไหมครับ เสียงหน้าผมเอง แตกยับเยินเลยงานนี้ ช่วยเก็บเศษหน้าที่แหลกละเอียดขึ้นมาที เผลอคิดบ้าบออะไรคนเดียว ทำไมไม่รู้จักถามก่อน
"นึกว่าอะไรครับ มิน่าทำหน้าเศร้าเชียว" สายตาล้อๆ ของคุณคิณทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยกมือไปหยิกสีข้างแรงๆ จนคิณคิณทำหน้บูดเบี้ยวตามแรงหยิกของผม
"อ้าว!นี่น้องพายเข้าใจผิดเหรอคะ ฉันจะมีลูกกับคิณได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นภรรยาพี่ชายเขา แล้วอีกอย่างฉันกับคิณเราเป็นเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันค่ะเลยสนิทกัน" ไม่ต้องอธิบายแล้วครับ แค่นี้ก็อายจะแย่ ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้ จะได้ไม่ต้องเสียใจฟรี
"พายขอโทษครับ" ผมก้มหัวให้คุณไวโอเลต ก่อนที่จะหันมาขอโทษคุณคิณบ้าง
"แล้วพายจะว่าอะไรไหม ที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายมีลูกติดแบบผม"
"จะว่าได้ยังไงครับ เดม่อนออกจะน่ารัก" ผมหันไปลูบแก้มย้วยๆ ของเด็กชายตัวน้อยที่ยังนั่งตักผม มองบทสนทนาของผู้ใหญ่ตาไม่กระพริบ ราวกับว่าเขาเข้าใจอย่างนั้นแหละ
"เดม่อนก็ช้อบผีพาย" เจ้าตัวน้อยเรียกเสียงหัวเราะให้เราทั้งสามคนในทันทีหลังจากที่เงียบไปนาน
"หึๆ พี่พายครับ ไม่ใช่ผี" คุณคิณสอนให้เดม่อนพูดตามอีกครั้ง
"พี่ พาย" เดม่อนทวนคำอีกครั้ง
"เดม่อน จะไปกับแม่ไหมครับ หรือจะอยู่กับแดดดี๊"
"Where’re you going?" เด็กน้อยเผลอพูดภาษาอังกฤษออกมาเพราะความเคยชิน
"แม่นัดกับลุงริชาร์ดว่าจะไปทำธุระครับ"เธอตอบเดม่อนด้วยภาษาไทยที่ค่อนข้างชัด อาจจะเป็นเพราะว่าอยู่กับพี่ชายคุณคิณมานานเลยพูดภาษาไทยได้ดี
"เดม่อน อยู่ กับ พี่ พาย ได่ ไช่ ไหม คับ" เด็กน้อยพยายามพูดภาษาไทยที่ละคำอย่างตั้งใจ
"ถามพี่พายซิครับว่าจะให้เดม่อนอยู่ด้วยได้ไหม"
"ถ้าเดม่อนอยากอยู่กับพี่พายก็ได้ครับ แต่จะงอแงคิดถึงหม่ามี๊ไหม" ผมไม่มีปัญหาหรอกครับที่เดม่อนจะอยู่ด้วย กลัวอย่างเดียวจะคิดถึงคนเป็นแม่จนงอแงขึ้นมาก็เท่านั้น
"ม่าย ง้อ แหง หรอก" เดม่อนส่ายหน้ารัวๆ จนผมกลัวว่าคอเขาจะเคล็ดไปซะก่อน
"ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงครับ"
"ดีจังเลย ขอบคุณนะคะน้องพายที่ไม่รังเกียจลูกพี่" เธอส่งยิ้มสวยมาให้ผมอีกครั้ง คราวนี้ผมยิ้มตอบอย่างไม่ลังเลเหมือนครั้งที่แล้ว
"พายจะรังเกียจได้ยังไงครับ ลูกคุณคิณนี่นา"
"ครับ ลูกของผมก็เหมือนลูกของพาย"
"พอแล้วน่าคิณ แซวน้องพายหน้าแดงหมดแล้ว พี่ไปก่อนนะคะริชาร์ดโทรตามแล้ว ส่วนเดม่อนห้ามดื้อกับแดดดี๊ แล้วก็มามี๊คนใหม่นะครับ" เธอเอ่ยกับลูกชายตัวน้อย ก่อนที่จะเดินมาหอมหน้าผากของเด็กน้อย
"ครับโผม" เด็กตัวน้อยยืนตะเบ๊ะรับคำสั่งผู้เป็นแม่ได้อย่างน่าเอ็นดู แต่อะไรคือมามี๊คนใหม่ผมเป็นผู้ชายนะ
"บาย" เดม่อนโบกไม้โบกมือให้กับผู้เป็นแม่ที่เดินลับตาไปแล้ว
"แล้วเราจะทำอะไรล่ะทีนี้"
"เดม่อนอยากไปไหนไหมครับ" เด็กน้อยทำท่าคิดราวกับว่าเป็นเรื่อใหญ่ มุ่นคิ้วน้อยๆ จนผมรู้สึกหมั่นใส้ระคนเอ็นดู เด็กอะไรไม่รู้โตเกินอายุ
"ยาก กิน ไอศครีม" ในที่สุดก็คิดออกสักที หลังจากที่อิคคิวซังตัวน้อยใช้สมองมาสักพัก
"ขอมามี๊ซิครับว่าจะพาไปไหม" นี่ก็สอนเด็กไปในทางที่ผิด จะบ้ารึไงมามี๊เขาไม่ได้อยู่นี่แล้วซะหน่อย
"มามี๊..." เสียงน้อยๆ ร้องเรียกเสียงดัง ก่อนที่ผมจะเอามือไปปิดปากเพราะกลัวเขาจะเรียกผมแบบนี้อีก
"พอเลยครับถ้าไม่เลิกเรียกแบบนี้จะไม่พาไปนะครับ"
"ทำไหมล่ะคับ"
"อย่าไปเชื่อแดดดี๊เรามากครับ แดดดี๊มั่ว"
"ใช่ที่ไหนล่ะครับ แดดดี๊เป็นแฟนกับพาย ถ้าอย่างนั้นพายก็ต้องเป็นมามี๊ใช่ไหมครับ"
"จริงด่วยคับ เป็นแฟนแดดดี๊ ก็ต้องเป็นมามี๊ของเดม่อน" ทำไมทั้งสองคนพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้เนี่ย ผมเป็นผู้ชายเรียกแบบนี้ได้ไง
"ให้เรียกพี่พายหรือไม่ก็ปาป๊าแค่สองอย่าง ถ้าจะเรียกอย่างอื่นไม่ต้องมาคุยกัน" คุณคิณหันมายิ้มกวนประสาทใส่ผม ถ้าวันไหนที่ไม่กวนหรือไม่แกล้งผมนี่แสดงว่าตัวปลอมนะครับ
"ก่อได้"
"เก่งมากครับ ป่ะ"ผมวางเจ้าตัวเล็กลงพื้นก่อนที่จะจับมือป้อมๆ พาเดินไปร้านไอศครีม ส่วนคุณคิณก็ไม่น้อยหน้าคว้ามือเจ้าตัวน้อยอีกข้างมาจับไว้ กลายเป็นว่าเราสองคนจับมือเดม่อนไปด้วยกัน เจ้าตัวน้อยยิ้มร่าอย่างมีความสุข
"แล้วเดม่อนต้องอยู่ไทยเลยเหรอครับ" ผมละสายตาจากเดม่อนหันไปถามคุณคิณ
"ครับ อยู่กับเรา ครอบครัวของเรา" ครอบครัวของเราอย่างนั้นเหรอ เหมือนเป็นพ่อแม่ลูกกันใช่ไหม บ้าๆ จะเป็นไปได้ยังไงผมเป็นผู้ชาย ก็ต้องเป็น ลูก ปาป๊า แดดดี๊
"เป็นอะไรครับหน้าแดงๆ"
"เปล่า แล้วเดม่อนจะไม่คิดถึงมามี๊เหรอครับ" ผมรีบเบี่ยงประเด็นไปที่เจ้าตัวน้อยทันที เพราะไม่อยากจะตอบคำถามบ้าบอของคนตัวโตข้างๆ
"คิดถึงแต่เดม่อนอยู๋ได่ เดม่อนรักแดดดี้ รักปาป๊า" ความไร้เดียงสาของเด็กนี่ดีจังเลยนะครับ คิดยังไงก็พูดออกมาอย่างนั้น ทำให้ผู้ใหญ่ฟังแล้วยิ้มได้อย่างบริสุทธิ์ใจ
"น่ารักจังเลย" ผมก้มลงไปชมเจ้าตัวน้อยที่เงยหน้ามาหาผมพอดี
"เดม่อนน่าร้าก" เด็กตัวน้อยเอ่ยชมตัวเองหน้าบานเชียว จนผมหัวเราะออกมากับความน่ารักของเจ้าตัวน้อย เราสามคนเดินมานั่งที่ร้านไอศครีมก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะดูเมนูนั้นเมนูนี้ไปเรื่อย
"กินอะไรดีครับเดม่อน"
"เอาอันนี่"
"อันนี้นะครับ คุณคิณทานอะไรไหมครับ"
"ไม่ครับ พายทานกับเดม่อนเถอะ" ผมจึงสั่งไอศครีมให้เดม่อนคนเดียว ส่วนผมไม่ได้อยากทานเหมือนกัน เจ้าตัวเล็กมองไปทั่วร้าน แล้วหัวเราะออกมาเสียงดังจนผมสงสัย
"หัวเราะอะไรครับเนี่ย" คุณคิณกับผมหันไปมอง ก่อนที่จะถามออกมาด้วยความสงสัย
"เดม่อนมีความสุขค้าบ"
"เป็นเด็กนี่ดีจังเลยนะครับ มองอะไรก็สดใสไปหมด” ผมอดที่จะเอ่ยกับคุณคิณไม่ได้
“มาแล้วๆ” เด็กน้อยยิ้มร่าดีใจที่ไอศครีมมาเสริฟหลังจากที่นั่งรอมาสักพัก จนพนักงานอดยิ้มให้ไม่ได้
“ปาป๊า แดดดี๊ กินด่วยกันไหมคับ” รู้จักเป็นห่วงคนอื่นด้วย คุณไวโอเลตเลี้ยงเดม่อนได้ดีจริงๆ เลยครับ
“ป้อนปาป๊าสิครับ” คุณคิณที่นั่งมองอยู่บอกเจ้าตัวน้อยที่นั่งรอคำตอบอยู่ข้างๆ ดวงตาคู่ใสพราวระยับอย่างดีใจ
“ปาป๊าอ้ำๆ” หือผมไม่ใช่เด็กนะครับ สงสัยเขาคงจะเลียนแบบเวลาที่ผู้ใหญ่ป้อนอาหารเขาแน่เลย แต่ก็ยอมอ้าปากรับไอศครีมจากช้อนเล็กๆที่เด็กน้อยตักให้
“ป้อนแดดดี๊ด้วยครับ” คุณคิณถึงกับทำหน้าแหยเลยทีเดียวที่ผมพูดแบบนั้น พร้อมกับทำหน้าคาดโทษ ก็เขาไม่ทานของแบบนี้นี่ครับ เขาบอกว่ามันเลี่ยน แต่คราวนี้จำใจต้องทานเพราะลูกป้อน
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“ฝากอะไหรเหรอแดดดี๊” เจ้าตัวเล็กเงยหน้าจากถ้วยไอศครีมหันมาถามด้วยความสงสัย
“แดดดี๊ฝากหัวใจกับปาป๊าครับ” ดูเขาพูดกับลูกเขาสิครับ ลูกยังเด็กอยู่ทำไมพูดอะไรไม่รู้จักคิดบ้างเลยเนี่ย อายบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้
“ฝากหัวใจดั้ยด้วยเหร้อคับ”
“เดม่อนอย่าไปเชื่อแด๊ดมากครับ”
“แดดดี๊โก้หกเหรอคับ” อ่า.. ผมจะตอบยังไงดีล่ะทีนี้ หันไปหาคุณคิณให้ช่วย ก็เอาแต่นั่งยิ้มไม่คิดจะช่วยกันเลยหรือไง
“เปล่าครับ แดดดี๊ไม่ได้โกหก แต่อย่าไปเชื่อแดดดี๊เลยเนอะ”
“.........” เจ้าตัวเล็กทำหน้างง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม เพียงแค่หันไปหาแดดดี๊ของเขาที่กำลังหัวเราะอยู่
“หึๆ..” หัวเราะอีกแล้ว คนบ้านี่ จะอธิบายยังไงให้เด็กวัยสามขวบกว่าๆ เข้าใจ กับเรื่องที่เข้าใจยากเกินอายุของเชา การเลี้ยงเด็กนี่ยากจริงๆ เลยครับ เพียงแค่วันแรกผมก็หาคำตอบดีๆ ให้เจ้าตัวเล็กไม่ได้แล้ว ถ้าต้องอยู่ด้วยกันจริงๆ ผมคงต้องเรียนรู้อะไรมากขึ้นกว่านี้
**********************************
แอบมาดึกๆๆๆ มากๆ เมื่อวานปวดหัวมากจริงๆ หลังจากที่กลับมาจากทำธุระ แดดแรงจนมึนหัวไม่ได้แต่งนิยายเรื่องไหนเลย
พึ่งได้นั่งแต่งจริงๆ ก็หลังเลิกงานวันนี้ ขอโทษที่มาช้า นะคะ รอกันอยู่รึเปล่าไม่รู้ ตอนนี้อาจมึนๆ งงๆ เพราะพยายามจะ
เขียนคำพูดของเด็กฝรั่งที่หัดพูดไทยให้เป็นภาษาแต่ก็ยังทำได้ไม่ดีพยายามต่อไปนะเรา(บอกตัวเอง)