ตอนที่ 12
***********
“วี..”
“วี..”
“วี~~~”
เสียงทุ้มแหบและแผ่วเบา ต้องออกเสียงเรียกอยู่สองสามครั้งกานต์รวีถึงหันมามอง ร่างเพรียวผละจากหน้าต่างถลามาเกาะขอบเตียง
“ตื่นแล้วเหรอครับ.. เป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลมั้ยครับ”
“วี~~”
กานต์รวีเห็นสายตาที่เตชิตมองมาเหมือนไม่เชื่อว่าเป็นตัวเขา
“ครับ ผม.. กานต์รวี โชติช่วง ครับ เจ้านาย..”
“ฉันฝันเห็นนายด้วย”
“ฝันว่าไงครับ”
“ฝันว่า.. ฉันกำลังจะข้ามสะพาน ได้ยินเสียงนายร้องเรียกบอกว่าอย่าไป นายบอกให้ฉันกลับบ้านไปเลี้ยงฉลองให้โมจิ”
กานต์รวีหน้าเสียใจหายกับความฝันของเตชิต แต่เจ้าตัวกลับแย้มยิ้มกับความฝันของตัวเอง
“แล้วคุณทำยังไง คุณไม่ได้ไปใช่มั้ยครับ” เสียงใสระล่ำระลักถามทั้งที่รู้คำตอบ
“ไปแล้วจะมานอนพูดกับนายตรงนี้ได้ยังไง”
ใบหน้าหวานแย้มยิ้ม
“ผมดีใจที่คุณไม่ไป ผมกับโมจิรอเลี้ยงฉลองกับคุณจริงๆ คุณต้องหายเร็วๆ นะ”
ใบหน้าคมยิ้มระโหย
“ฉันต้องหายเร็วแน่ ฉันไม่อยากนอนอยู่ที่นี่ อยากกลับไปนอนที่บ้านอยู่กับนายและลูก..”
“เอ่อ..” กานต์รวีรู้สึกเขิน ยังไม่ชินที่มีคนอื่นเรียกโมจิว่าลูกเขา
“คุณโกรธผมเรื่องโมจิ.. รึเปล่าครับ”
“โกรธ? เรื่องอะไร”
“ก็.. ผมไม่บอกความจริงเรื่องนี้กับคุณ ทั้งที่คุณตั้งใจช่วยเหลือผมกับโมจิมาตลอด”
“ฉันเข้าใจ.. ฉันเชื่อเหตุผลที่นายบอกกับศาล ถ้าไม่มีใครคิดแย่งโมจิไปจากนาย ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่มีวันถูกเปิดเผยขึ้นไม่ใช่เหรอ..”
“ครับ.. ถึงพี่ชายและพี่สะใภ้ของผมจะไม่ได้อยู่เลี้ยงดูลูกแล้ว และผมต้องทำหน้าที่แทนพ่อและแม่ของโมจิ แต่ผมก็อยากให้แกเป็นลูกของพวกเค้าตลอดไป ผมขอเป็นแค่อาก็พอครับ ”
“ฉันเข้าใจ.. ถึงไม่รู้สึกโกรธนายสักนิด ดีใจด้วยซ้ำที่นายชนะคดีขาดลอย ฝ่ายน้าสาวนั่งตะลึงไปเลย..”
“ขอบคุณที่เข้าใจครับ ขอบคุณที่ไม่โกรธผมเรื่องโมจิ.. แต่มีอีกเรื่องที่ผมอยากขอโทษ..”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นคำถาม
“คืนก่อนที่คุณจะไปสิงคโปร์ ผมพูดจาไม่ดีและต่อว่าคุณรุนแรง ผมเสียใจครับ วันรุ่งขึ้นผมโทรไปจะขอโทษแต่คุณไม่อยู่แล้ว ตั้งแต่วันนั้นผมยังไม่มีโอกาสได้ขอโทษคุณเลย..”
ใบหน้าคมครุ่นคิด เขาเสียใจกับเหตุการณ์ในคืนนั้นจริงๆ เขารู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดที่พูดจาว่ากล่าวอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ก่อน เขาไม่ได้เสียใจที่ถูกกานต์รวีต่อว่า แต่เสียความรู้สึกที่กานต์รวีต่อว่าเขาเป็นคนใจแคบ ไม่มีเหตุผล ...
กานต์รวีหน้าเสียเมื่ออีกฝ่ายเงียบไป
“คุณยังโกรธผมอยู่หรือเปล่า.. ผมขอโทษ..”
มือใหญ่คว้ามือเรียวกุมไว้แนบอก
“ฉันไม่ได้โกรธ แค่เสียใจนิดหน่อย อยากบอกให้นายรู้ว่าทุกเรื่องที่ฉันทำมีเหตุผลเสมอ..”
“ผมเข้าใจ ผมก็อยากบอกว่าคุณไม่ใช่คนใจแคบ เพราะถ้าคุณเป็น ผมกับโมจิคงไม่มีวันนี้..”
เตชิตยิ้มให้กานต์รวี ความในใจที่สื่อผ่านทางดวงตาทำเอาใบหน้าหวานร้อนผ่าว ค่อยๆ ชักมือกลับและเปลี่ยนเรื่องคุย
“วันนี้คุณเป็นยังไงบ้าง ปวดแผลมั้ย เมื่อวานผมมาเยี่ยม คุณนอนหลับทั้งวันเลย ”
“ยังเจ็บอยู่แต่ทนได้” เตชิตเพิ่งสังเกตว่ากานต์รวีนั่งเฝ้าเขาเพียงลำพัง ไม่มีคนในครอบครัวสักคน
“คนอื่นๆ ไปไหนหมด”
“อ๋อ!!.. คุณแม่คุณขอให้ผมช่วยนั่งเฝ้าคุณสักครู่ครับ ท่านแวะไปดูน้องสาวคุณที่ห้องพักชั้นล่าง ส่วนคุณพ่อคุณเข้าไปที่บริษัทประชุมฝ่ายบริหารแทนคุณครับ..”
“ฉันทำให้พ่อต้องเหนื่อยอีกแล้ว” เสียงทุ้มรำพึงเบาๆ
“ก็แค่ชั่วคราวนี่ครับ พอคุณหายแล้วก็กลับไปทำงานเหมือนเดิม”
กานต์รวีครุ่นคิดถึงเรื่องที่ตัวเองบอกเล่าให้บิดาเตชิตฟัง
“เอ่อ.. คุณทาโร่ครับ..”
“หือ..”
“ตอนที่คุณอยู่ไอซียู คุณพ่อคุณถามเรื่องของผม คุณกรแนะนำว่าผมเคยทำงานเป็นเลขาของคุณที่บริษัท ท่านสงสัยว่าทำไมถึงออกมา ผมก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง ..”
“เรื่องทั้งหมด? ”
“ครับ เรื่องปัญหาของโมจิที่ทำให้ผมไม่สามารถนั่งทำงานที่บริษัทได้ และความช่วยเหลือที่ผมได้รับจากคุณ”
“แค่นั้นเหรอ..”
“ครับ”
“แล้วเรื่องระหว่างเราล่ะ”
“เรื่องของเราผมก็เล่าครับ ผมเล่าว่าเราคุยโทรศัพท์กันในคืนก่อนที่คุณจะไปสิงคโปร์ และมีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อย แต่พอผมจะขอโทษคุณในวันรุ่งขึ้นคุณก็ไม่อยู่แล้ว ผมไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้ทำให้คุณใจไม่สงบหลังการผ่าตัดรึเปล่า แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องคาใจที่ผมอยากขอโทษคุณ และพอผมได้ขอโทษคุณ คุณก็สงบลงจริงๆ ”
ก๊อก!!.. ก๊อก!!... ก๊อก!!...
เสียงเคาะประตูขัดจังหวะ กานต์รวีหันไปดูว่าใครมาเยี่ยม กรัณย์กรเดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย
“ผมไปรอข้างนอกก่อนนะครับ”
เตชิตพยักหน้าพลางนึกในใจ
.... เรื่องระหว่างเราที่ฉันถาม ไม่ใช่เรื่อง
ไม่เข้าใจกัน แต่เป็นเรื่องของ
หัวใจ ต่างหาก กานต์รวี...