“นอนได้แล้ววู้ววววว........” ตอนนี้นัทไม่สามารถจะนอนหลับอย่างเป็นสุขได้อีกต่อไปแล้ว.........ตราบใดที่ผมยังคงนั่งกอดอก ทำหน้าบึ้งตึง ยืนกรานว่าจะต้องคุยให้รู้ดำรู้แดงให้จงได้อยู่อย่างนี้....................
ท่าทีของเค้าดูเหมือนว่าอยากจะจบการสนทนาลงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้...........บางทีอาจจะเป็นเพราะว่า เค้าคงยังไม่พร้อมที่จะพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนก็เป็นได้ (คงกำลังสับสนมั้ง)............หึ........แล้วจะเพราะอะไรล่ะ...... ถ้าไม่ใช่เพราะว่า พอเห็นผมทำท่าจะเอาจริงเข้าให้ เค้าก็ดันเกิดความลังเลขึ้นมาซะอย่างงั้นล่ะมั้ง..............
ผมยังคงใช้ยุทธวิธีนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาท่ามกลางความมืดมิดต่อไป...........เสียงสั่นสะเทือนจากพัดลมบนเพดานห้องดังแว่วทำลายความเงียบมาเป็นครั้งคราว.........นัทนอนพลิกตัวไปมา ทำท่าทางฟึดฟัดอึดอัดใจกับพฤติกรรมดื้อแพ่งของผมดังกล่าว..........
“มานอนตรงนี้มา”.........ในที่สุดนัทก็เอื้อมมือมาลากแขนผมลงไปนอนอยู่ใกล้ๆ............
“จะทำอะไร”........ผมพยายามขืนตัวออกจากการกอดเกี่ยวของเค้าพอเป็นพิธี.........คิดเหรอว่าจะใช้วิธีนี้ได้ผล.......มุขเดิมๆ........
“หันมานี่”...........นัทดึงเอาตัวผมเข้าไปกอดไว้แนบชิดกับอก............ไออุ่นจากอ้อมกอดของเขาทำให้ผมรู้สึกปั่นปวนในท้องน้อยอย่างบอกไม่ถูก...........ให้ตายสิ เค้าชอบหาวิธีมาทำให้ผมใจอ่อนได้เสมอนั่นแหล่ะ...........
“ต้องให้นอนกอดแบบนี้ใช่มั้ยถึงจะพอใจ”............นัทประชดด้วยเสียงน้ำเสียงอ่อนระทวย............
แม้ว่าอ้อมกอดและความรักจากนัทจะเป็นสิ่งที่ผมถวิลหามาโดยตลอดในช่วงหลังนี้..........แต่ผมไม่เคยคาดว่าจะต้องได้มันมาด้วยวิธีนี้..........ผมเคยได้มันมาโดยที่ไม่ต้องร้องขอหรือใช้วิธีการข่มขู่ใดๆ............แต่ตอนนี้มันไม่ใช่............คิดแล้วก็ชวนให้รู้สึกเวทนาตัวเองเหลือเกิน..........นี่เค้ายังรักผมอยู่หรือเปล่า.........ถ้าไม่รักแล้วจะมาทนอยู่ด้วยกันให้เจ็บปวดต่อไปอีกทำไม.........ผมไม่เข้าใจเค้าเลยจริงๆ..............
นัทเลื่อนริมฝีปากไล้ลงไปตามซอกคอของผมอย่างแผ่วเบา............ผมรู้สึกร้อนวาบสั่นสะท้านไปทั้งร่าง.........ไฟปรารถนาของเราสองคนลุกโชนท่ามกลางความขัดแย้ง..............เค้าปรารถนาที่จะดำเนินตามครรลองที่ถูกต้องของศาสนา........ในขณะที่ผมปรารถนาที่ครอบครองเค้าทั้งกายและใจ...........เราสองคนไม่มีวันจะเดินทางร่วมกันไปจนถึงจุดหมายปลายทางได้หรอก..........เราคงเพียงแค่เดินทางมาบรรจบกันเพื่อรอวันที่จะแยกจากกันไปทีละน้อย.............
ผมพลิกตัวหันกลับไปเผชิญหน้ากับนัทด้วยลมหายใจที่รวยริน..............เราสองคนโถมเข้าหากันราวกับแม่เหล็กต่างขั้ว.................ความโมโหของผมเมื่อครู่ได้มลายหายสิ้นไปเสียแล้ว.........หลงเหลืออยู่ก็เพียงแต่ความปรารถนาที่กำลังคุกรุ่นอยู่ภายในใจเท่านั้น.........
แม้ว่านาทีนี้ผมจะไม่อาจทัดทานอารมณ์เบื้องต่ำของตนเองได้ก็ตาม..........แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมจะลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างที่นัทได้เคยกระทำและเพิ่งกระทำไป..........บัดนี้ เค้าได้สร้างรอยแผลเอาไว้ในใจให้กับผมแล้ว............ถึงแม้ว่าเซ็กส์จะเป็นวิธีการคืนดีที่ได้ผลชะงัดอีกวิธีหนึ่ง และผมก็ยอมรับว่าชื่นชอบมันซะด้วย........แต่มันก็คงจะใช้ไม่ได้ผลตลอดไปหรอก.......คงอีกไม่นาน..........
โธ่เอ้ย........ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อคืนผมทำตัวง่ายกับนัทแค่ไหน.........ยังช็อกกระหรี่ข้างถนนที่ไร้ศักดิ์ศรีกระนั้น.........ไม่ใช่สิ........คนพวกนั้นได้เงินนี่..........แต่ผมมีแต่เสียกับเสีย..........โดยเฉพาะ เสียใจ.....ถึงยังไงผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นในตอนนี้ เนื่องจากนโยบายเดิมที่ได้ตั้งเอาไว้คือต้องพยายามประคับประคองความรักของเราสองคนให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้............เพราะฉะนั้นทำตัวง่ายๆเข้าไว้ก็ดี แม้ว่าจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างก็เถอะ...........
นัทหายขึ้นไปจัดฟันที่ตึกคณะทันตแพทย์ได้สักพักหนึ่งแล้ว.........ตอนนี้ผมก็ไม่มีอะไรจะทำนอกจากเดินเตร็ดเตร่รออยู่แถวๆนั้น...........หวนคิดไปถึงเรื่องที่นัทได้ปากเสียเอาไว้กับอ้นก็พาลรู้สึกผิดขึ้นมาตะหงิดๆ.............คืนนั้นผมไม่ได้พาหล่อนกินข้าวก่อนกลับซะด้วยสิ ไม่รู้ว่าจะโกรธหรือเปล่า.........แม้ว่าผมไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง แต่ผมก็ควรจะต้องมีส่วนรับผิดชอบกับเรื่องนี้เหมือนกัน..........ขนาดหมาของเราไปกัดคนอื่น เรายังต้องจ่ายค่ารักษาให้เลย........ว่าแล้วก็โทรไปหยั่งเชิงดูดีกว่า............
“ฮัลโหล อยู่ไหนจ้ะสาวสวย”.........รู้สึกเหมือนเสียงตัวเองสั่นๆยังไงพิกล..........
“อยู่ห้อง........พี่กั้งอ่ะ อยู่ไหน”..........ฟังน้ำเสียงหล่อนยังดูตึงๆอยู่ สงสัยจะยังไม่หายโกรธ.........
“พี่พานัทมาจัดฟัน.......ตอนนี้ก็นั่งรออยู่ที่รถ.......คงสักพักถึงจะเสร็จ”..........อืม.........จะเริ่มตรงไหนดีหว่า........เว้ากันซื่อๆก็แล้วกันเนาะ..........
“เมื่อคืนพี่ขอโทษแทนนัทด้วยนะ........เค้าก็ปากเสียแบบนี้แหล่ะ อย่าไปถือสาเลย”..........
“ไม่เป็นไรหรอกพี่...........แต่มันก็พูดกะน้องแรงเหมือนกันนะที่บอกให้ไปกินดินน่ะ..........เอ..........หรือว่ามันจะหึงที่เห็นน้องไปกะพี่กั้งนะ”...........อ้นตั้งข้อสันนิษฐานเป็นตุเป็นตะ..........
“ไม่หรอกมั้ง........ใครมันจะบ้าคิดไปได้ หึหึ”............หึงแกนี่นะนังอ้น..........คิดได้ไง.........หรือนัทจะรู้ว่าหล่อนเป็นรุกนะ อิอิ............อันที่จริงอ้นก็ชอบประกาศตัวว่าเป็นรุกกับคนรอบๆข้างเสมอ (ปกติคนเป็นรุกนี่มันต้องประกาศตัวด้วยเหรอ ดูแค่ภายนอกก็รู้กันอยู่แล้วมั้ง)........ผมว่าอ้นดูออกสาวกว่าผมอีกในบางที.........เวลาที่ผมแหย่ว่าหล่อนสาว หล่อนจะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเสมอ......เรื่องความหล่อหรือสวยของหล่อนก็ไม่ต้องถามถึง เพราะไม่อยากจะบรรยาย........เพราะฉะนั้นเลิกคิดเรื่องหึงไม่หึงนี่ไปได้เลย..........
“ไม่รู้สิ.......ก็พอมันเห็นน้องมาด้วย มันก็แสดงท่าไม่พอใจอ่ะ”.........ผมควรจะบอกหล่อนดีมั้ยนะว่าที่นัทไม่ชอบขี้หน้าหล่อน ก็เป็นเพราะหล่อนชอบไปปากเสียใส่เค้า............อันที่จริงนัทบอกเรื่องที่ไม่ชอบอ้นให้ผมฟังมาตั้งนานแล้วล่ะ.......แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่ามันจะรุนแรงถึงขนาดนี้.........แต่ก็ช่างมันเถอะ......เรื่องมันแล้วไปแล้ว.........
“อืม.......ไม่ได้ถือสาก็ดีแล้ว......พี่จะได้สบายใจ”.........เราคุยเรื่องนัทต่อสักพัก โดยมากอ้นจะเป็นคนรับฟังและแสดงความคิดเห็นบ้างเป็นบางครั้ง..........ผมเล่าเรื่องที่ปราบพยศนัทเมื่อคืนให้หล่อนฟังด้วย........รู้สึกภูมิใจในตัวเองอยู่หน่อยๆแฮะ.........แต่ถ้าเมื่อคืนนัทไม่ยอมหงอให้........บางทีวันนี้ผมอาจจะได้เล่าทั้งน้ำตาแทนก็เป็นได้..........
“จำแหวนที่เราไปซื้อที่วัวลายได้มะ........พี่ว่าจะให้นัทวันนี้เธอว่าดีมั้ย”...........ผมปรึกษาหล่อนทั้งที่ใจก็ได้วางแผนเอาไว้แล้ว.........
“ก็ให้มันเลยสิ......ใส่คนละวงโรแมนติกดีออก”.........อ้นเห็นดีเห็นงามด้วย
“แล้วเค้าจะยอมใส่เหรอ........คิดๆแล้วก็กลัวๆอยู่เหมือนกันนะเนี่ย อิอิ”........ผมพูดพลางหัวเราะคิกคักด้วยความรู้สึกตื่นเต้นแกมเขิน.........
ก็ลองไม่ยอมใส่สิ.......แล้วเราจะได้เห็นดีกัน.......ตอนนี้ผมยิ่งหาเรื่องจะเลิกกับเค้าอยู่ด้วย........ถ้านัทไม่ยอมให้ความร่วมมือ โอกาสจะที่เราจะคุยเรื่องเลิกกันมันง่ายมาก.......เพราะว่าตอนนี้ผมได้ถอดใจแล้ว........ถอดใจทั้งที่ยังรักอยู่......ดังคำที่ว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง......เพราะฉะนั้นก็ควรจะเลิกตบมันซะเถอะ ถ้ามือมันจะไม่สามัคคีกันขนาดนั้นน่ะ.........
รอแล้วรอเล่า..........นัทก็ยังไม่ลงมาซักที..........ยืน........เดิน........นั่ง........สูบบุหรี่..........บางทีผมก็ชอบอะไรแบบนี้นะ.........ชอบที่จะรับบทรอคอยคนรักด้วยความซื่อสัตย์.........ในขณะที่เค้าช่างกักขฬะ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจเอาซะบ้างเลย........มันรันทดดี..........พอมาคิดดูดีๆแล้ว ผมอาจจะเป็นโรคจิตก็ได้นะ........บางครั้งผมก็ไม่รู้ว่าอันไหนเป็นความรู้สึกจริงๆของเราหรืออันไหนเป็นสิ่งที่เราปรุงแต่งขึ้นตามแต่ใจอยากจะให้เป็น........สับสนดีพิลึก.........
หลังจากที่ผมรอคอยมาครึ่งค่อนวัน........ไม่นาน นัทก็เดินตัวปลิวลงมาจากตึก..........เฮ้อ........ถึงเวลาจะได้กลับกันซะที........พอไปถึงที่ห้องแล้ว ผมจะเอาแหวนนั่นให้เค้า..........ถ้าเป็นไปได้ บทสนทนาเกี่ยวกับแหวนแทนใจสองวงนั้นมันควรจะเป็นไปตามสคริปที่ผมได้วางเอาไว้..........แต่ถ้ามันจะไม่เป็นไปตามนั้นก็หยวนๆกันไปก็แล้วกัน.........ผมไม่ซีเรียสอะไรมากหรอก.......ขอแค่เค้ายอมใส่มันตามที่ผมต้องการเป็นพอ...........
“กลับกันเถอะ”........นัทร้องเรียกมาแต่ไกล.........ผมส่งยิ้มเย็นๆไปให้เป็นการตอบรับ........การได้มาอยู่ด้วยกัน อะไรต่ออะไรมันคอนโทรลง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ.........เสียดาย เค้าไม่น่าจากผมไปเร็วขนาดนี้เลย............
ผมขับรถฝ่าเปลวแดดมุ่งหน้ากลับห้องด้วยความสบายใจ.........วันนี้ยังมีอะไรให้ต้องทำอีกมาก.......โดยเฉพาะเรื่องแหวนนั่น........แน่ล่ะ มันไม่ได้เป็นแค่แหวน.........แต่มันจะเป็นสิ่งบ่งบอกถึงสายสัมพันธ์ระหว่างเราว่า.......จะอยู่หรือไป...............