มาแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่ผู้อ่านต้อนรับนิยายเรื่องนี้อย่างอบอุ่นไม่แพ้เรื่องก่อน ๆ และก็ขอบคุณที่ให้กำลังใจคนเขียนมาโดยเสมอ ขอบคุณค่ะ
9
ฮอนด้าแอคคอร์ดสีดำของวิษณุจอดเข้าซองเรียบร้อยที่หน้าอพาร์ตเม้นท์ของนิธิน ก่อนที่เจ้าของรถจะกดโทรศัพท์หาเพื่อน
วันอาทิตย์อย่างนี้ชายหนุ่มอินเดียอย่างพวกเขามีนัดเล่นคริกเก็ตกันอย่างเคย และวิษณุก็แวะมารับนิธินเพื่อจะไปที่สนามด้วยกัน
"ฮัลโหล ๆนิธิน" วิษณุกรอกเสียงลงไปในสาย เมื่อเขาขับรถมารับที่ที่พัก
"มาแล้วเหรอ"
"ใช่ ๆ รออยู่ข้างล่างเนี่ย"
"ได้ๆ จะลงไปเดี๋ยวนี้"
นิธินหันมาบอกกับอธิปพงศ์ที่อาบน้ำแล้วแต่ยังสวมชุดเดิม เพราะเขาไม่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าของนิธินมาสวมใส่ได้
"ไปครับ"
อธิปพงศ์ยิ้มรับเจ้าของห้องที่สวมเสื้อโปโลกับกางเกงยีนส์ นิธินออกจากห้องพร้อมด้วยกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้าไปเปลี่ยนและไม้คริกเก็ตส่วนตัว เขากับอธิปพงศ์ลงลิฟท์ และเดินมาหาวิษณุที่นั่งรอในรถ
ส่วนวิษณุที่เห็นว่านิธินมากับใครก็ตาโตมองเพื่อนอย่างไม่เชื่อ ลงมาด้วยกันอย่างนี้ แสดงว่าคุณคนนี้ตกลงปลงใจกับเพื่อนเขาแล้วสิ วิษณุคิดอย่างนั้น
"วันนี้มีคุณหมูไปด้วย รบกวนนายด้วยนะ" นิธินบอกกับวิษณุที่ดูตื่นเต้นตกใจ
"ได้ๆ ไม่มีปัญหา" คนเป็นเพื่อนตอบรับ
"ขอบใจนะ"
นิธินหันมาหาอธิปพงศ์
"คุณหมูครับ นี่วิษณุเพื่อนผม"
"หวัดดีครับ" วิษณุทักทายเป็นภาษาไทย "ผมเคยเจอคุณครั้งนึงพร้อมกับนิธิน จำได้มั๊ยครับ"
"สวัสดีครับ จำได้ครับ"
"ป่ะ นิธิน นี่กินอะไรกันมายัง"
"เรียบร้อยแล้ว" นิธินตอบก่อนจะเปิดประตูรถ เพื่อจะนั่งเบาะหน้า แต่วิษณุส่งสัญญาณให้เพื่อนไปนั่งเบาะหลังแทน
นิธินเห็นอย่างนั้นเลยพยักหน้ารับรู้ จึงเปลี่ยนไปนั่งกับอธิปพงศ์
"อ่าว ทำไมไม่นั่งกับคุณวิษณุล่ะครับ"
อธิปพงศ์งง ๆ แต่วิษณุก็ตอบแทนว่า
"อ๋อผมมันคนขี้รำคาญหน่ะครับ ผมไม่ชอบให้ใครมานั่งเบาะหน้าด้วย"
ได้ยินอย่างนั้นนิธินเลยล้อเลียน
"แล้ววันหลังชั้นจะบอกแฟนแก"
"นั่นข้อยกเว้นเว้ย!"
"ฮ่ะๆๆ" นิธินหัวเราะกับเพื่อน อธิปพงศ์เองก็เช่นกัน วิษณุจึงถือโอกาศช่วยเพื่อนสร้างบรรยากาศทันที
"เอ้อ นิธินนายชวนคุณหมูไปด้วยสิ"
อธิปพงศ์ประหลาดใจ "หืมม ไปไหนครับ"
"อ่อ ไปงานแต่งงานของวิษณุครับ" นิธินตอบ
"แต่งงานเหรอ" อธิปพงศ์ดีใจกับเรื่องมงคลที่ได้รับรู้ "ยินดีด้วยนะครับคุณวิษณฺ"
"ครับ วันที่ 26 พฤศจิกายน มากับนิธินให้ได้นะครับ"
"ครับ ขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติ"
อธิปพงศ์ตอบรับด้วยความยินดี และวิษณุก็ชวนคนทั้งสองคุยอย่างสนุกสนานตลอดการเดินทาง
"แท้แต!...ถึงแล้วคร้าบบ" วิษณุล้อเลียนเพื่อนโดยการทำตัวเป็นคนขับรถกับเจ้านาย นิธินกับอธิปพงศ์ที่ลงมาจากรถขำเล็กน้อย และพากันเดินมาที่ตัวอาคารริมสนาม วิษณุที่เดินนำหน้ามายังโต๊ะประจำส่งสายตาพยักเพยิดให้เพื่อน ๆ รับรู้ เอเจกับแทนไทที่นั่งรออยู่ก็ตกใจเมื่อเห็นว่าวันนี้ใครมาด้วย
"อุ๊บ๊ะ!ให้มันได้อย่างนี้สิลูกพ่อ" เอเจตบเข่าฉาดทันที
"ไวจริงๆ ทีนี้เพื่อนเราจะได้เลิกหงอยซะที"
"เฮ้ย มาแล้ว" เมื่อวิษณุพานิธินกับอธิปพงศ์มาที่โต๊ะ พวกเขาจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
"ไง มานานยัง" วิษณุถามเพื่อนเป็นภาษาฮินดี
"สักพักว่ะ" เอเจตอบ
นิธินรีบแนะนำ
"เอ้อ วันนี้คุณหมูมาด้วยนะ คุณหมูครับ นี่เอเจกับแทนไทครับ"
"จำได้ครับ หวัดดีครับ"
"หวัดดีครับ" สองหนุ่มรีบรับคำ และพยายามเก็บอาการอยากรู้อยากเห็น
“คุณหมู ครับ สนใจเล่นคริกเก็ตด้วยกันมั๊ย” นิธินถาม
“ไม่หรอกครับ ผมเล่นไม่เป็นอ่ะ”
แทนไทช่วยเชียร์
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็ลองตีลูกโยนลูกก่อนก็ได้ เดี๋ยวให้นิธินสอนให้ไงครับ”
“ใช่ครับ..ลองดูมั๊ย เล่นแบบนู้นไงครับ”
นิธินชี้มือไปยังกลุ่มเด็ก ๆ ที่หัดโยนลูกตีลูกอยู่ริมสนาม อธิปพงศ์เห็นว่าท่าทางน่าจะสนุกดีเลยตอบตกลง
“ก็ได้ครับ”
อธิปพงศ์ยิ้มให้กับนิธินและเพื่อน ๆที่หันมามองหน้ากันอิ๊อ๊ะ
“เอ้อ คุณหมูรอตรงนี้แบบนึงนะครับ เดี๋ยวผมไปเช่าแบทมาให้”
“แบท.?”
“ไอ้นี่หล่ะครับ ที่เรียกว่าแบท” นิธินชูไม้ตีคริทเก็ต หรือ แบท ให้ดู
“อ่อ ครับ หุหุ”
“เดี๋ยวผมมานะ”
“ครับ”
เมื่อนิธินคล้อยหลังไป อธิปพงศ์ก็หันมามองหน้ากับเพื่อน ๆ ที่เหลืออยู่ พวกเขายิ้มให้อธิปพงศ์อย่างเป็นมิตร วิษณุจึงได้ทีขายตรง
“นิธินเค้าเล่นคริกเก็ตเก่งนะครับ เห็นตัวใหญ่ ๆ อย่างนั้นไม่เชื่อว่าวิ่งเร็วและตีลูกแม่นด้วย”
“อืม แล้วคริกเก็ตนี้เล่นกันยังไงอ่ะครับ” อธิปพงศ์สงสัย
แทนไทเลยตอบว่า
“ก็ มีสองทีม ทีมละ 11 คนเหมือนฟุตบอลแหล่ะครับ อยู่ข้างนอกและข้างในสนาม ทีมนึงจะจัดให้คนหนึ่งเป็นคนขว้างลูกไปที่ไม้บนสนามสามอัน และอีกทีม จะจัดคนมารักษาไม้ในสนาม ถ้าตีถูกลูกก็วิ่งวนไปเพื่อเอาแต้ม จนกว่าพวกของทีมตรงข้าม ที่อยู่ในสนาม จะนำลูกกลับมาได้”
“อ่อ ครับ” อธิปพงศ์พยักหน้าตอบรับ เขามองว่ากีฬาชนิดใหม่ที่เขาเพิ่งรู้จักนี้ดูท่าจะเหนื่อยและมีกติกาเข้าใจยากสำหรับเขา
"อ่ะ นิธินมาพอดี"
นิธินที่เดินมาถึงชูแบทขึ้นมาพร้อมกับยื่นให้
"นี่ครับ"
"ขอบคุณครับ"
อธิปพงศ์รับ ไม้ตีคริกเก็ตทรงแบนแต่มีด้ามจับทรงกลม ที่เรียกว่าแบทไว้ เขาคิดว่ามันน่าจะยาวกว่าไม้เบสบอล
"ผมต้องทำไงมั่งเนี่ย"
"ตามมาเลยครับ"
นิธินพาอธิปพงศ์ไปยังข้างสนามใต้แนวไม้ที่มีเด็ก ๆ และวัยรุ่น จับกลุ่มซ้อมตีลูกและขว้างลูก ชายหนุ่มสังเกตุมองเด็กๆรอบข้างว่าเล่นกันยังไง เมื่อลองจับไม้จริงๆ เขาก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างหนักเลยทีเดียว นิธินจึงอธิบายวิธีการเล่นคร่าวๆให้อธิปพงศ์ฟัง
"Do you see, hit the ball straight like that when I throwing to you"
"Umm, O.K."
"Let's try"
นิธินถอยห่างมาในระยะขว้างลูก ส่วนอธิปพงศ์ก็ตั้งท่ารออย่างดี
"1..2..3..."
เขาปาลูกไปข้างหน้าตรง ๆ ให้อธิปพงศ์ตีกลับ แต่ก็...
"วืดดดดด...."
อธิปพงศ์ตีไม่โดนลูก โดยที่เซไปข้างหลังเล็กน้อย เขายิ้มเก้อๆ อายทั้งนิธินและเด็กๆที่เล่นอยู่รอบๆ เขาจึงไปเก็บลูกที่ตกอยู่ นิธินรับลูกมาใหม่จากเขา ก่อนบอกว่า
"ไม่เป็นไรนะครับ ลองดูอีกครั้ง"
อธิปพงศ์พยักหน้าเบาๆ และตั้งท่าตีใหม่
"1..2...3.."
แต่เจ้าตัวก็ยังตีพลาด เขาจึงรู้สึดอายเด็กๆมากกว่าเดิม
นิธินมองดูท่าท่างและการจับไม้ของอธิปพงศ์นั้นยังไม่ถูกต้อง เขาจึงเข้าไปสอนอย่างใกล้ชิด
"คุณหมูครับ เวลายืน ต้องยืนแแบบนี้นะ" เขาวางขาให้ดูเป็นตัวอย่าง
"และก็จับไม้แบบนี้" นิธินจับมืออธิปพงศ์ให้จับไม้ให้ถูกต้อง และกลับมายืนที่เดิม
"อ่ะ ลองดูอีกครั้งนะครับ"
นิธินปาลูกออกไป คราวนี้อธิปพงศ์ตีถูกลูก แต่ไม่สามารถบังคับทิศทางได้
ลูกจึงไม่มาหานิธินที่รอรับอยู่ เขาจึงรบกวนเด็กหนุ่มที่เล่นอยู่ข้าง ๆ มาส่งลูกให้
ส่วนตัวเขาอ้อมไปข้างหลังอธิปพงศ์พร้อมกับจับมือชายหนุ่มเพื่อรอตีลูก
"ลองดูวิธีการตีลูกนะ"
อธิปพงศ์ที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง หันมาพยักหน้าตอบ แต่ในใจของเขาเต้นระรัว เพราะไม่เคยอยู่ชิดใกล้กับนิธินขนาดนี้ ถึงเขาก้มหลบหน้าหล่อๆ นี้ได้แล้วแต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีอ้อมแขนอบอุ่นที่เหมือนผ้านวมห่มตัวเขาตอนนี้ได้ ชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ลองดูอีกทีนะครับ 1...2...3.."
นิธินจับมืออธิปพงศ์ที่กำลังจิตใจอ่อนไหวตีลูกคริกเก็ตกลับไปหาอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ อธิปพงศ์ดีใจมากที่ทำได้เสียที
"เห็นมั๊ย คุณทำได้แล้ว" นิธินก็ละออกมาอย่างเสียดายเช่นกัน อธิปพงศ์ก้มหน้าเล็กน้อยเพราะเขารู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังเขิน
นิธินเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงเลยถามอย่างเป็นห่วง
"คุณหมู เป็นอะไรรึเปล่าครับ"
"เปล่าครับ" อธิปพงศ์ตอบ "มาครับ ผมพร้อมแล้ว"
นิธินส่งลูกไปให้ คราวนี้อธิปพงศ์ตีโดนและบังคับทิศทางลูกให้อีกฝ่ายรับได้ เขายิ้มดีใจและเริ่มเห็นความสนุกของกีฬาชนิดนี้แล้ว
นิธินกับอธิปพงศ์เล่นตีลูกคริกเก็ตด้วยกันอย่างสนุกสนาน คนทั้งสองยิ้มและหัวเราะกันอย่างมีความสุข โดยนิธินเป็นฝ่ายให้อธิปพงศ์มาโยนลูกบ้าง และแลกคู่กันเล่นกับเด็กๆ ที่มาซ้อมอยู่แถวนั้น แต่สักพักนิธินต้องขอตัวไปลงสนามใหญ่ เพราะเพื่อนๆ มาเรียกตัวแล้ว
สักพักทุกคนก็ลงสนาม อธิปพงศ์มองนิธินที่อยู่ในชุดเล่นคริกเก็ตและโบกมือพร้อมส่งรอยยิ้ม ทำเอากองเชียร์ในสนามถึงกับออกปากแซว
"งานนี้ เพื่อนเราเล่นดีแน่ เพราะมีคนพิเศษมาให้กำลังใจถึงที่เลย"
"หึหึ" นิธินหัวเราะเบาๆ เขารู้ว่าเพื่อนๆ คิดเรื่องนี้ไปไกลกว่าความจริงมากแล้ว เดี๋ยวตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังเกมส์เลิกเขาจะเล่าให้ฟัง
อธิปพงศ์ที่เริ่มเหนื่อยล้ากับการเล่นตีลูก จึงขอตัวไปพักบนอาคารพอดีว่ามีโทรศัพท์เข้าจากลูกค้าประจำ เขาจึงกดรับ
"สวัสดีครับ หมูพูดสายครับ...วันนี้ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่ได้ไปทำงาน..อ่อ ครับใช่ครับ...ครับๆ สวัสดีครับ"
อธิปพงศ์วางสายและมองไปในสนาม อ๋อเวลาเล่นจริงๆ เป็นอย่างนี้เองสินะ เขาเพิ่งจะเคยเห็นการแข่งคริกเก็ตจริงๆ ก็ วันนี้แหล่ะ เขามองไปยังนิธิน ร่างใหญ่นั้นดูจริงจังเวลาอยู่ในสนาม อธิปพงศ์เห็นแล้วว่าเจ้าตัววิ่งเร็วและก็ตีลูกแม่นอย่างที่แทนไทบอก
เขายิ้มให้กับภาพตรงหน้า นิธินเป็นผู้ชายที่เท่ห์มากในสายตาเขาจริงๆ แต่พอเขานึกถึงความรู้สึกอบอุ่นที่ได้รับนั้นมันกลับทำให้เกิดความรู้สึกปวดร้าว เพราะชายหนุ่มคิดว่าเขาไม่ควรรู้สึกอย่างนี้กับผู้ชายด้วยกัน แต่ความรู้สึกดีๆ ที่แผ่ซ่านไปทั้งกายและใจอย่างนั้นก็ยากที่จะทำให้ลืมได้
ชายหนุ่มเดินไปยังบนอาคารที่จัดเป็นฟิสเนตและศูนย์อาการ เขาเดินไปซื้อน้ำเย็นมาดื่ม ไม่ทันจะหาที่นั่งก็มีคนเรียกเขาไว้
"พี่ครับๆ" อธิปพงศ์มองไปยังต้นเสียง
ก็พบกับกลุ่มวัยรุ่นชายที่เขาเพิ่งตีลูกเล่นเมื่อครู่นี้ ถึงแม้พวกเขาจะโพกผ้าสั้นแบบชาวซิกข์แต่ก็พูดไทยได้คล่องแคล่ว เด็กหนุ่มออกปากชวน
"มานั่งกับพวกผมมั๊ย"
เขายิ้มรับและเดินมาที่กลุ่มเด็กหนุ่ม
"ขอบใจนะ"
อธิปพงศ์นั่งลง เด็กหนุ่มจึงแนะนำตัวเองและเพื่อน ๆ
"นี่อัชเช่ร์ ลักกี้ อิกชาน และผมซันนี่"
"พี่ชื่อหมู ยินดีที่ได้รู้จักนะ"
เขายื่นมือไปสัมผัสกับพวกเด็กหนุ่มตามมารยาท
"พี่เพิ่งมาเล่นเหรอครับ"
"อื้ม"
"แล้วพี่มากับใครอ่ะครับ"
"มากับเพื่อนหน่ะ"
"ใครอ่ะ เผื่อผมรู้จัก"
"นิธิน พี่มากับนิธิน"
"อ๋อ พี่นิธิน" เด็กหนุ่มมองหน้ากัน แสดงว่าหนุ่มไทยผิวขาวคนนี้เป็นเพื่อนของรุ่นพี่สุดเท่ห์ที่พวกเขานับถือ
"อื้ม ใช่แล้ว" เขาถามต่อ"แล้วนี่ไม่ลงไปเล่นในสนามกันเหรอ"
"เดี๋ยวก่อนครับ ตอนนี้ยังมากันไม่ครบ ให้พวกพี่ ๆ เค้าเล่นกันไปก่อน"
"อ่าเหรอ" อธิปพงศ์พยักหน้ารับคำ และพูดคุยกับพวกเขาต่อ ชายหนุ่มไม่น่าเชื่อว่า ถึงแม้จะคนละวัยคนละเชื้อชาติและอยู่ในสังคมที่แตกต่างกัน แต่เขากับเด็กหนุ่มพวกนี้ก็เชื่อมต่อกันได้ด้วยกีฬา และวิถีชีวิตแบบกรุงเทพฯก็ทำให้พวกเขามีเรื่องคุยกันอีกเยอะ
“แล้วพี่รู้จักกับพี่นิธินได้ไงอ่ะครับ” วัยรุ่นคนหนึ่งในกลุ่มสงสัย เพราะนิธินก็มาเมืองไทยไม่นาน แต่ทว่ามีเพื่อนคนไทยอย่างนี้ ได้อย่างไร
“อ่อ พี่เป็นช่างตัดผมหน่ะ คุณนิธินเค้ามาตัดผมกับพี่ก็เลยรู้จักกัน”
“อืม อย่างนี้นี้เอง เสียดายนะ พวกผมตัดผมไม่ได้ ถ้างั้นคงต้องลองไปตัดกับพี่ดู” เด็กหนุ่มพูดยิ้ม ๆ พลางชี้ไปที่ศรีษะตัวเอง
“อ่าว ทำไมล่ะ” อธิปพงศ์ถามกลับ เพราะสงสัยเหมือนกัน
“ก็พวกเราถือว่าผมและหนวดเนี่ยเป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าประธานมาให้มนุษย์ ดังนั้นคนซิกข์อย่างพวกผมจึงไม่เคยตัดผมหรือโกนหนวด เล็มก็ไม่ได้นะครับ เพราะถือว่าขัดเจตนาของพระผู้เป็นเจ้า”
“อ่าวเหรอ พี่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ย” อธิปพงศ์รับคำ และยิ้มกับความรู้ใหม่ที่ได้รับ และก็พูดคุยเรื่องอื่นกันต่ออย่างถูกคอ
นิธินขอตัวมาดูอธิปพงศ์หลังเสร็จเกมส์แรก เพราะเขากลัวชายหนุ่มจะเซ็งที่เขาทิ้งมาเล่นคริกเก็ตอย่างนี้ แต่พอเห็นอธิปพงศ์เดินลงมาจากตัวอาคารพร้อมกลุ่มวัยรุ่น ก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้ เขาจึงรุดไปหาทันที
"คุณหมู เป็นยังไงมั่งครับ" นิธินถามอย่างเป็นห่วง
"ก็ดีครับ" อธิปพงศ์ยิ้มตอบ ถึงแม้เขาจะเห็นลักยิ้มบนแก้มสองข้างนั้นแล้ว แต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ กลุ่มเด็กหนุ่มเห็นนิธินมา จึงเดินมาหา
"อ่าวพี่นิธิน"
"ไง" เขาเข้าไปทักทายตบบ่าตบไหล่กับเหล่าวัยรุ่น "วันนี้มากันแค่นี้เหรอ"
"ยังมาไม่ครบพี่"
"คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมอยู่กับน้องๆ นี่แหล่ะ นี่น้อง ๆ เค้าชวนผมไปตีลูกกันอีก"
ได้ยินอย่างนั้นนิธินก็ประหลาดใจ
"เอางั้นเลยเหรอ"
"อื้ม"
อธิปพงศ์ยิ้มสดใสให้และเดินไปกับกลุ่มเด็กหนุ่ม นิธินมองตามทึ่งๆดีใจที่ชายหนุ่มเข้ากับสังคมคนอินเดียได้รวดเร็ว
และมีความสุขที่เห็นอธิปพงศ์มีรอยยิ้มแจ่มใสอย่างนี้
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ....