25 ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม
วันจันทร์ของอาทิตย์ถัดไปมาถึงไวประหนึ่งนิยาย พัชกับเอ๋ยตื่นมาตั้งแต่เช้ามืดเพราะอันที่จริงก็นอนไม่หลับกันทั้งคืน ได้แต่จับมือแล้วทอดสายตาสบกันอยู่จนเช้า คิดได้กันแล้วว่าคงไม่หลับกันอีกแน่เลยลุกขึ้นมาเตรียมตัวกันเลย
เอ๋ยค่อนข้างเห็นใจเจ้าของห้องไม่น้อย มันนอนไม่หลับมาก็หลายวันแล้ว เมื่อสองวันก่อนมันโทรบอกพ่อมันว่าจะเข้าไปหาที่บ้าน วันนั้นสีหน้ามันก็ไม่ดีทั้งวัน น้องแพไม่กล้าเข้าไปยุ่งด้วย จนเด็กน้อยงอแงกลัวว่าพัชจ๋าจะไม่รักแล้วร้องไห้ออกมานั่นแหล่ะ พัชมันถึงรู้ตัวว่ามันเหม่อลอยเป็นวันๆ
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นพัช ลูกจะใจเสีย” ไอ้เอ๋ยบอกเสียงเบา ไม่ค่อยชินที่เห็นมันเป็นแบบนี้ ตีกันมาตลอด กัดกันชกกันมาเป็นปีๆ แล้วจู่ๆ มันก็มาซึมเศร้าเพราะเรื่องในครอบครัว
ตกลงใจกันแล้วก็อยากให้มันแบ่งเบาความเครียดมาที่ทางนี้บ้าง
“ไปปลุกน้องแพก่อนแล้วกันนะ” ไม่ได้ยินการตอบรับจากประโยคแรกเอ๋ยก็ถอนหายใจแล้วบอกความคนรักอีกก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้องแพ เปิดประตูเข้าไปช้าๆ เห็นเด็กน้อยกำลังกะพริบตาปริบๆ ตื่นขึ้นมาพอดี
น้องแพตื่นเช้าจนเป็นนิสัยเจ้าตัวไปแล้ว
คุยกันเรื่องน้องแพว่าสัก 2 ขวบครึ่งจะให้ลองไปเนอสเซอร์รี่ดู น้องจะได้เก่งภาษาด้วยแล้วจะได้รู้ว่าเจ้าตัวเขาอยากลองเรียนดนตรีหรือเปล่าด้วยเพราะที่สถาบันนั้นมีเปิดสอนทุกแขนง โรงเรียนอนุบาลที่จะให้เข้าก็หาดูในอินเตอร์เน็ตไว้แล้วใกล้กับคอนโดอยู่พอดี
ทั้งนี้ทั้งนั้นเอ๋ยก็บอกแกวไปแล้วว่าคงไม่ได้กลับไปอยู่ด้วยกันอีก แกวเข้าใจดีเพราะเห็นบอกว่าเขยก็ไม่ยอมให้ไปอยู่ไหนแล้วเหมือนกัน คู่นั้นนี่เค้นยังไงคั้นยังไงมันก็ไม่ยอมเปิดปากเล่าเรื่องสักที มีแต่บอกว่าเดี๋ยวก่อนๆ อีกตั้งเป็นเดือนกว่าจะเปิดเทอมใจจะขาดเอาซะก่อน โทรหามันมันก็เฉไฉไม่รับโทรศัพท์
“น้องแพครับ ตื่นมาอาบน้ำเร็ว...” ยังไม่ทันที่เอ๋ยจะได้รวบเอาเด็กน้อยขึ้นมานั่งดีๆ คนที่นั่งทำหน้าเคร่งขรึมอยู่ข้างนอกในตอนแรกก็ก้าวฉับๆ เข้ามาในห้องเล็ก แถมทั้งยังโน้มตัวไปช้อนเด็กมาไว้ในอ้อมกอดแน่น
“เดี๋ยวพัชอาบน้ำให้นะเด็ก เอ๋ยไปเตรียมแซนด์วิสให้ลูกก่อนก็ได้ เผื่อรถติด วันนี้มันวันจันทร์ด้วย” พัชก้มหอมเด็กน้อยที่พึ่งจะตื่นเต็มตา หันมาพยักเพยิดหน้าให้อีกคนด้วย
“พัชจ๋า เอ๋ยจ๋า อาบน้ำด้วยกันเลยน้า” เด็กน้อยตื่นขึ้นมาก็อ้อนทันที หัวกลมๆ ส่ายไปส่ายมาอยู่ตรงอกอุ่นก่อนเงยขึ้นมายิ้มแฉ่งให้ผู้ใหญ่ทั้งสอง เอ๋ยก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะฟัดแก้มน้องไปฟอดใหญ่
“ห้องน้ำมันเล็กครับ” เอ๋ยให้เหตุผล ไม่อย่างนั้นได้ฟังเด็กเป่าปี่แต่เช้าแน่
“ไม่อาววว น้องแพอยากอาบกับเอ๋ยจ๋าด้วย” เด็กน้อยดิ้นขยุกขยิกจะอ้อมจากอ้อมกอดใหญ่มาให้อีกคนที่ทำหน้าลังเลใจอยู่ ปกติน้องแพไม่ดื้อหรอก
“ป่ะๆ อาบกันสามคนเลยแล้วกัน” พัชสรุปความอุ้มเอาน้องแพที่กำลังร้องเย้ๆ อย่างดีใจให้ลุกขึ้นจากที่นอน เอ๋ยรุนหลังใหญ่กว่าให้เดินไปก่อนเพราะตนจะพับผ้าห่ม พัชเลยบอกให้หยิบผ้าขนหนูของน้องเข้าไปในห้องน้ำด้วย
สามชีวิตเข้าไปอยู่ในห้องน้ำที่ไม่ได้เล็กอย่างที่เอ๋ยว่า จับตัวจ้อยแก้ผ้าล่อนจ้อนให้เล่นกับน้องเป็นอยู่ในอ่างแล้วคนตัวโตๆ อีกสองคนก็ช่วยกันอาบน้ำให้ คนหนึ่งสระผมคนหนึ่งเอาใยผ้ามาถูตัวให้ พอถูไปตรงจุดจั๊กจี้เขาเจ้าตัวก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ชอบอกชอบใจ ควักน้ำใส่ผู้ใหญ่ทั้งสองเป็นการเอาคืนใหญ่
“เปียกหมดแล้วววว” เอ๋ยทำเป็นร้องเสียงดัง หัวเราะไปกับคนที่เด็กสุดอย่างอารมณ์ดี พัชเลยรีบล้างยาสระผมออกให้แล้วจัดการถอดเสื้อผ้าตนออกอย่างรวดเดียวจนล่อนจ้อนไม่ต่างกับน้องแพ
“เฮ้ยย! ไอ้พัช!” เอ๋ยตกใจตาโต มันไม่ชินที่จะมามองร่างกายกันทั้งๆ ที่สว่างโร่ขนาดนี้
“เอ๋ยพูดจาไม่เพราะ!!” สองเสียงประสานกันว่าคนละเมิดข้อตกลง เอ๋ยขมุบขมิบปากด่าคนทำหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะต้องก้าวถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ เมื่อคนที่มันพามะเขือยาวห้อยโตงเตงเข้ามาใกล้
“ถอดเสื้อผ้าซะดีๆ” พัชว่าเสียงโรคจิตมีเสียงน้องแพเป็นลูกคู่ว่าถอดเลยๆๆๆ เอ๋ยถอยหลังไปตาก็ต้องหลับไป อะไรๆ มันทิ่มตาอยู่อย่างนี้จะมองก็กระดากไป
“เออๆๆๆ ถอดเองก็ได้ อย่าเข้ามานะพัช! ไปนั่งเลย” เอ๋ยยอมจำนนน้องแพร้องเย้ๆ ดีใจอีกแล้ว ชกมือกับพัชอย่างดีใจในชัยชนะขณะที่เอ๋ยหน้าแดงแปร๊ดอย่างนึกทั้งโกรธทั้งอาย ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าอวดร่างกายเนียนให้คนที่กำลังจ้องมองอยู่
“อย่ามอง!”
“จะมอง!”
“พัช!”
“เอ๋ย!”
“พัชจ๋า เอ๋ยจ๋า อย่าเล่น! อาบน้ำ” น้องแพเป็นคนยุติสงครามกวนประสาทของพัชนั่นเอง
***
“คุยกับพ่อแม่เสร็จ เดี๋ยวจะคุยกับลูกให้รู้เรื่องนะ” พัชบอกคนที่กำลังใส่เสื้อผ้าอยู่หน้าตู้ เอ๋ยพยักหน้าหลับแล้วยิ้มให้กำลังอีกรอบของวัน
พากันเคลื่อนพลออกจากคอนโดตอน 7 โมงเช้าเพราะกะไปให้ถึงตอนอาหารเช้าของที่บ้านใหญ่ด้วย รถติดนิดหน่อยเพราะยังอยู่ในเขตเมือง แต่เพราะว่าน้องแพพูดเจื้อยแจ้วอยู่ในรถเลยไม่ทำให้น่าเบื่อ
พัชไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อน แต่คิดว่าคงจะยื่นผลตรวจ DNA ให้พ่อรู้แล้วรอฝั่งนั้นอธิบายแล้วค่อยยื่นเจตจำนงที่จะเลี้ยงน้องแล้วขอคบกับเอ๋ยในตอนนั้นด้วยเลย จัดการเรื่องราวให้มันเสร็จสิ้นไปในวันเดียวดีกว่า ต่อให้พ่อกับแม่คัดค้านก็คงจะสู้หัวชนฝา พัชไม่รู้หรอกว่ารักที่มีอยู่มันจะเปลี่ยนแปลงไปไหม แต่ตอนนี้หัวใจของพัชมันฉายชัดแล้วว่ามีความสุขกับการได้อยู่กับคนข้างๆ ได้นอนเคียงกัน จับมือประสานกัน ตื่นเช้ามาเจอหน้ากัน
“ถึงแล้วๆๆ” พัชแสร้งทำเสียงตื่นเต้นไม่ให้เด็กน้อยตื่นกลัวกับสถานที่ใหม่ คนงานที่บ้านวิ่งมาเปิดประตูรถแล้วร้องเรียกชื่อนายเสียงดัง ไม่เจอกันตั้งสามเดือน พวกแม่บ้านก็วิ่งกรูกันออกมารับกันใหญ่เพราะคุณท่านสองคนสั่งไว้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะกลับมาบ้าน
“นี่ลุงชมดูแลสวนที่บ้านน่ะ ส่วนนี่ก็ป้าทิพย์ ป้ามลแล้วก็เชอร์รี่ดูแลบ้านแล้วก็เรื่องอาหาร เจ้าน้อยหน่าก็ช่วยๆ ทุกคนทำทุกหน้าที่ไป” พัชแนะนำเหล่าผู้คนในบ้านที่ออกมาหาให้กับเอ๋ยแล้วก็เด็กน้อย น้องแพยกมือไหว้ทุกคนส่วนเอ๋ยก็ยกมือไหว้คนที่แกกว่ายิ้มทักทายให้กับเด็กๆ ด้วย
“คุณท่านรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วค่ะ” ป้าทิพย์เป็นคนบอกแก่พัช เจ้าตัวเลยหันมาแตะข้อศอกที่อุ้มน้องแพอยู่ให้เดินเข้าบ้านมาด้วยกัน
เอ๋ยเหมือนจะเป็นลม เห็นข้างนอกว่าใหญ่แล้วข้างในยิ่งใหญ่อลังการว่า หัวใจเต้นตึกตักอย่างวิจิตรตาไม่ต่างกับน้องแพที่อ้าปากหวอมองรอบๆ อย่างตื่นใจ
“บ้านพัชจ๋าสวยจังเลยยย”
“บ้านเด็กด้วยนั่นแหล่ะ” พัชลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู พวกคนงานที่บ้านที่เดินตามมาถึงกับงงเรื่องที่พัชพูด แต่คงไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถาม
จนทั้งสามเข้ามาในเขตห้องทานอาหารนั่นแหล่ะ เอ๋ยจึงปล่อยให้น้องแพยืนลงกับพื้นแล้วรอท่าให้พัชแนะนำพ่อแม่ของตนที่ส่งยิ้มรอท่าอยู่ที่โต๊ะแล้ว
“นี่เพื่อนพัชครับชื่อเอ๋ย ส่วนเด็กน้อยนี่ชื่อน้องแพ” พัชเอ่ยสั้นๆ ไม่มีพิธีอะไรมาก เอ๋ยกับน้องแพยกมือไหว้ทั้งสองอย่างน้อมนอบก่อนเอ่ยขอบคุณเมื่อถูกเชื้อเชิญให้นั่งที่โต๊ะกันได้
“ไม่ต้องเกร็งนะ บ้านนี้ไม่กัด” พ่อของพัชว่าแล้วยิ้มบางๆ ให้ จริงๆ แล้วท่านทั้งสองไม่ได้ดูน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย
บนโต๊ะทานข้าวไม่ได้อึดอัดใจอย่างที่เอ๋ยคิด ยิ่งน้องแพอยู่ด้วยยิ่งบรรยากาศราบรื่นอย่างน่าแปลกใจ พัชหันมามองเอ๋ยอยู่หลายทีกลัวว่าคนรักจะอึดอัด เอ๋ยเลยต้องยิ้มตอบน้อยๆ พอไม่ให้ผิดสังเกตกลับไป
ใช้เวลาทานข้าวเช้ากันเกือบชั่วโมงเพราะพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันด้วย น่าแปลกอีกเรื่องที่พ่อแม่ของพัชไม่เอ่ยถามถึงเหล่ากอของเอ๋ยอย่างที่นึกกลัวสารพัดตั้งแต่ก่อนมา จนเมื่อเสร็จสิ้นจากมื้อแรกของวันเรียบร้อย พัชก็วานให้ป้าทิพย์ช่วยดูแลเด็กน้อยไว้ครู่หนึ่ง สั่งความไว้ไม่ให้น้องแพซนแล้วเจ้าตัวก็หันมาพยักหน้าให้เอ๋ยถามพ่อกับแม่ที่ไปรอที่ห้องสมุดแล้ว
“ว่ายังไงล่ะลูก” แม่เป็นคนเอ่ยถามทันทีที่เด็กทั้งสองนั่งลงกับโซฟาตัวตรงข้ามแล้วเรียบร้อย ใบหน้าที่ดูสมวัยนั้นไม่ได้ถูกกาลเวลาบั่นทอนความสวยงามบนใบหน้าได้เลยสักนิด พัชบอกว่าพ่อแม่ของตนพึ่งจะ 40 ปลายๆ กันเท่านั้นเอง ส่วนพ่อของพัชนั้นก็ดูภูมิฐานไม่ต่างกัน ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมกลับมีรอยยิ้มอย่างใจดีประดับอยู่ตลอดเวลา แถมทั้งยังแต่งกายด้วยเครื่องแบบสบายๆ ไม่เหมือนอย่างในหนังที่เอ๋ยเคยดูสักนิด เสื้อยืดกางเกงสามส่วนธรรมดาๆ เนี่ยแหล่ะ ส่วนแม่ก็แค่ชุดกระโปรงเดรสเรียบๆ ไม่ได้แต่งหน้าอะไร
“พ่อครับ” พัชค่อยๆ กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะยื่นซองสีน้ำตาลไปข้างหน้าบิดาของตน
เอ๋ยพลอยกลั้นลมหายใจไปด้วยตอนที่ประมุขของบ้านเปิดอ่านข้อความในกระดาษแถมทั้งใบหน้าที่เรียบเฉยนั้นก็ยากแก่การคาดเดาเหลือเกิน
“เฮ้อ...ไปเจอเขาที่ไหนล่ะ” พ่อของพัชเงยหน้าขึ้นมาแล้วสบตากับลูกชายก่อนส่งเสียงถามออกมาโดยไม่มีวี่แววจะตื่นตกใจหรือเกรี้ยวกราดอย่างที่พัชและเอ๋ยคิด ทั้งคู่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่พัชจะเป็นคนตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“ถูกแม่เจ้าตัวมาทิ้งไว้ที่หน้ามอผมครับ”
“ใครคะคุณ? พะยอมแก้วหรือเปล่า?” คุณหญิงแตะลำแขนแกร่งของสามีอย่างนึกห่วงใบหน้าที่ติดตึงเครียดนั่น เอ่ยขออนุญาตดูเอกสารในมือสามีก่อนทอดถอนหายใจ
“บอกลูกเถอะค่ะคุณ” คุณหญิงยิ้มให้กำลังใจสามีอย่างคนที่เข้าใจเรื่องราวแล้ว มีแต่พัชกับเอ๋ยนั่นแหล่ะที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้าม
“พะยอมแก้วเขาเป็นผู้ช่วยเลขาของพ่อ เขาเป็นเด็กรุ่นใหม่ทำงานเก่งพอตัวพอเลยให้ตามออกงานด้วยบ่อยๆ พอดีกับลุงสมภพเขาตกบันได...ลูกจำเลขาของพ่อได้ใช่ไหม? เขาเลยให้พะยอมแก้วออกงานกับพ่อคนเดียว วันนั้นมีแต่บอร์ดบริหารมาเลี้ยงฉลองกันก็เลยเปิดห้องคาราโอเกะร้องไมโครปล่อยแก่กัน...เมาเหมือนหมา...เออ พ่อกินอะไรเข้าไปบ้างก็ไม่รู้ว่ะพัช ตื่นมาอีกทีพะยอมแก้วเขาก็นอนอยู่ข้างๆ แล้ว ตรวจกล้องไปตรวจกล้องมาเจอบอร์ดผู้บริหารคนหนึ่งทะลึ่งมอมยาพะยอมแก้วเขา แต่สุดท้ายก็เป็นพ่อนี่แหล่ะ...ที่เรียบร้อยโรงเรียนจีนกับเธอน่ะ” เอ๋ยอ้าปากค้างกับศัพท์แสงวัยรุ่นของพ่อพัช ดูเหมือนเจ้าตัวจะเครียดแต่คำพูดสวนทาง เอ๋ยเลยไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าอย่างไร ส่วนพัชนี่อ้าปากค้างไปแล้ว
“พะยอมแก้มเขาก็เสียใจอยู่แต่เข้าใจว่าไม่ใช่ความผิดของพ่อเขา แต่เขาก็ลาออกไป พ่อพัชก็เอาเรื่องมาบอกแม่หลังจากที่แม่เคยปรึกษาพัชน่ะ แม่ก็เลยติดต่อให้เงินทุนเขาไว้ก่อนหางานใหม่ได้ แต่หลังจากนั้นพอโทรไปอีกทีเจ้าตัวก็ย้ายบ้านเปลี่ยนเบอร์เปลี่ยนชื่อหนีไปแล้ว แม่ก็ดึงดันจะตามเขาอยู่ พ่อเขาก็ห้ามว่าเด็กคงจะยังเสียใจอยู่ อย่าพึ่งไปต้อนเขาเกินไปเลย มาระแคะระคายเรื่องว่าเขามีลูกตอนคุณลุงเขาโทรมาบอกว่าพัชมีข่าวเรื่องเด็กมาเรียกพัชว่าพ่อๆๆอยู่ที่มหาลัยนั่นแหล่ะ นี่เราก็รอมาตั้งนานว่าลูกจะเข้ามาเมื่อไหร่”
อึ้ง
ทึ่ง
เสียว
มาก
แล้วที่เครียดกันเป็นเดือนๆ นี่คืออะไร?
*************
อย่าร้องไห้กันนะ อย่าร้องไห้กันเลย เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้น กร๊ากกกกกกกกกกกกกก
ฝากเรื่องใหม่ (อีกแล้ว!!) >> น้องแบมเด็กใบ้ ใครเคยอ่านก็จุ๊ๆ ไว้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48256.0