[ต่อค่ะ ] ตอนก่อนหน้า>>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3461808#msg3461808วันเสาร์นี้ ผมใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ไม่เห็นนาคินทร์เลย แต่หนูแดงบอกว่าพ่อไปทำงานที่บริษัท
ขยันจริง ๆ ขยันจนผมยอมแพ้
“นี่ได้ข่าวว่าอาทิตย์หน้ากลับบ้านเกิดเหรอหนูแดง”
“ค่ะ พ่อจะพาไปหาปู่กับย่า ไม่รู้คิดอะไร เพราะปกติจะกลับปีละครั้ง”
ผมใจเต้นตึกตัก แปลว่าหนูแดงไม่รู้ว่าผมไปด้วย ผมนั่งนิ่งไม่พูดอะไร เพราะขืนพูดไปคนอื่นได้สงสัยแน่ ๆ
“งั้นเดี๋ยวก่อนไปหนูแดงมาเอาของฝากไปให้คุณปู่คุณย่าด้วยนะ”
“ค่ะ”
หนูแดงยิ้มร่า ผมไม่พูดอะไรเหมือนเดิม
ตกเย็นผมชะเง้อคอมองหานาคินทร์ แต่ไฟในโรงเลื่อยปิดสนิท วันอาทิตย์ก็ไม่เห็น แอบนอยด์เหมือนกันครับ หรือว่านาคินทร์จะรังเกียจผมจนไม่อยากเข้าใกล้อีกแล้ว ผมนั่งกัดเล็บอย่างจิตวิตก
ผมเปิดหน้าต่างไว้ตลอดเวลากระทั่งห้าทุ่มก็ไม่เห็นนาคินทร์โผล่ ผมปิดหน้าต่างลง เข้านอนในสภาพจิตใจห่อเหี่ยว
รุ่งขึ้นผมลุกขึ้นแต่งตัว คิดมากจนนอนแทบไม่หลับ ดีไม่ดีวันนี้นาคินทร์อาจไม่มารับผมก็ได้ ผมคว้ากุญแจรถส่วนตัวใส่กระเป๋ากางเกง
แอบทำใจไว้นิด ๆ ก้าวอย่างอาลัยตายอยากลงไปกินข้าว แม่ ๆ ถามว่าผมเป็นอะไร ผมก็บอกไปว่าคิดมากเรื่องงานในแผนกใหม่ที่ต้องไปทำ ซึ่งทุกคนก็ไม่มีใครติดใจเอาความ
ผมก้าวออกจากตัวบ้าน ชะงักเท้ากึก มองนาคินทร์ที่ยืนจังก้าอยู่ข้าง ๆ ประตูฝั่งผมนั่ง ดวงตาคมจ้องเป๋งมาทางผม หัวใจผมเต้นตึกตัก ทั้งดีใจและหวาดกลัว ผมเดินเข้าไปใกล้ วันนี้นาคินทร์แต่งตัวมาอย่างหล่อเลย เครายาวขึ้นอีกนิด ทำให้หน้าดูเข้มขึ้นไปอีก
“หายไปไหนมาหลายวัน”
ผมถามตามใจคิด นาคินทร์ยิ้มในดวงตาให้ผม
“ผมอู้งานไปหลายวัน เสาร์อาทิตย์นี้เลยไปเคลียร์งานหวังให้เสร็จตามเวลา ออกแต่เช้ามืด กลับเข้าบ้านเกือบเที่ยงคืน”
ขยันจริง ๆ
ผมเม้มปาก ขอบตาร้อนผ่าวนิด ๆ
“คิดว่ารังเกียจกันจนไม่อยากเจอหน้าซะอีก”
นาคินทร์มองหน้าผมจริงจังขึ้น
“ให้นาคินทร์ตายก่อนถึงจะคิดรังเกียจคุณหนู”
“แน่นะ”
“ครับ”
ผมยิ้ม มองไปรอบ ๆ ดวงหน้าได้รูปนั้น ดวงหน้าที่ครั้งหนึ่ง มันเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงอารมณ์
อยากให้คนตัวสูงจูบจริง ๆ
“พร้อมรึยังครับ”
ผมพยักหน้า ขยับก้าวขึ้นรถที่นาคินทร์เปิดให้ออกกว้าง นาคินทร์เดินไปนั่งฝั่งคนขับ ปิดประตู สตาร์ทเครื่อง เคลื่อนตัวรถออกนอกบ้านไป รถติดพอประมาณแต่ไม่มาก
“คุณหนูจะจัดการยังไงเรื่องคุณเอกสิทธิ์”
“เขาทำงานเก่ง ฉันไม่ไล่เขาออกหรอก ดูไปละกันว่าเลขาจัดการเรื่องนี้ให้ยังไง”
นาคินทร์หันมามองหน้า
“นาคินทร์ไม่ไว้ใจเขา”
“ฉันรู้ แต่บริษัทเราก็ต้องการเก็บคนเก่งไว้เหมือนกัน ถ้ากลัวว่าเขาจะทำอะไรฉันอีก นาคินทร์ก็อย่าคลาดสายตาจากฉันสิ”
ผมหาเรื่องให้นาคินทร์เฝ้ามองแต่เพียงผมคนเดียว
“ผมทำแน่”
ผมแอบอมยิ้ม กดเปิดเพลงฟัง ฮัมตามนิด ๆ อย่างสุขใจ
ผมเดินเข้าไปในบริษัท ตรงไปหาเลขา วันนี้ผมต้องย้ายแผนก ยังไม่รู้ว่าต้องทำที่ไหนเลยเข้าไปอยู่ในแผนกจัดซื้อก่อน หยิบเอกสารดู
“สวัสดีครับคุณหนู”
ผมสะดุ้งโหยงหันขวับไปมอง ตอนแรกคิดว่าเป็นนาคินทร์หรือเลขาซะอีก
“คุณเอกสิทธิ์”
เขาจ้องหน้าผม รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มันไม่ใช่ความผิดของผมนี่ คนที่ต้องรู้สึกผิด คือคนตรงหน้ามากกว่า เขายิ้ม ดูจะไม่ยี่หระกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
“ทำไมไม่ไล่ผมออกกับสิ่งที่ผมทำกับคุณหนูล่ะครับ”
“เรียกผมเหมือนเดิมดีกว่า”
คุณเอกสิทธิ์เลิกคิ้ว
“ผมเรียกถูกแล้วนี่ครับ ว่าที่ผู้บริหารคนใหม่ ผมก็เพิ่งรู้ที่คุณหนูมาทำงานแต่ละแผนกเพื่อต้องการเรียนรู้ระบบภายใน ทำเอาผมทุยไปเลย”
ผมถอนหายใจแรง
“ผมไม่คิดจะโกหกใคร เพราะถ้ารู้ ทุกคนจะเกรงใจ แล้วการเรียนรู้งานของผมก็จะทำได้ไม่เต็มที่ ถ้าคุณรู้แล้วก็กรุณาเก็บไว้เป็นความลับด้วย ผมจะไม่เอาเรื่องใด ๆ คุณทั้งสิ้นกับสิ่งที่คุณทำ เพราะผมก็พลาดเองที่ไม่ระวังตัว แต่ก็อย่าให้มีอีก ไม่ว่าจะกับผมหรือว่าคนอื่นในบริษัท คุณเป็นผู้ใหญ่ มีความคิด ไม่น่าจะให้เรื่องนี้มาทำให้อนาคตตัวเองเสีย ผมให้โอกาส แต่คนอื่นคงไม่ และผมไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อน ถ้าเขาไม่เต็มใจ”
คุณเอกสิทธิ์มองหน้าผม
“คุณเป็นคนทำงานเก่งนะ ผมจะมองข้ามข้อเสียคุณไป ผมไม่อยากสูญเสียคนแบบคุณไป เรื่องที่ผมจะขอร้องก็มีแค่นั้นแหละ”
“ผมรับปากเรื่องงาน แต่เรื่องของคุณหนู”
เขาขยับเข้ามาชิด แต่อยู่ ๆ ก็ถูกกระชากดึงหายไปไกล ผมมองคนทำ
“นาคินทร์”
“อย่าเข้าใกล้คุณหนูอีก ต่อให้คุณหนูให้อภัย แต่ผมไม่ให้อภัยคุณแน่ ๆ”
นาคินทร์กำหมัดแน่น คุณเอกสิทธิ์ยกยิ้ม
“นายมันก็หมาแหงนมองเครื่องบินเหมือนกัน เป็นแค่คนสวน คิดหือหวังกินเจ้านาย”
ผมหน้าชาวูบ ใครจะต่อว่าอะไรผมก็ได้ แต่ถ้าจะมาดูถูกนาคินทร์ล่ะก็…
“คุณเอกสิทธิ์” ผมเรียกเสียงเย็น “ถ้าคุณกำลังดูถูกนาคินทร์ล่ะก็ บอกไว้เลยว่าคุณกำลังดูถูกผมด้วย เขาเป็นคนของผม เป็นคนที่รักและซื่อสัตย์กับผมที่สุด”
“ทั้งที่มันก็คิดไม่ซื่อกับคุณหนูเนี่ยนะ”
คนที่คิดไม่ซื่อกับนาคินทร์คือผมมากกว่า
“คุณทำอะไรผม ผมไม่ไล่คุณออกหรอก แต่ถ้าคุณคิดดูถูกนาคินทร์ล่ะก็ ผมอาจไล่คุณออกได้ง่าย ๆ อาจไกลถึงขนาดแบล็คลิสต์คุณ เอาให้ไปสมัครงานที่ไหน ขนาดแค่ตำแหน่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเขาก็ไม่รับ คุณจะเอาอย่างนั้นก็ได้นะ”
คุณเอกสิทธิ์หน้าเสียนิด ๆ
“ผมขอตัว”
แล้วเขาก็บอกลาเดินจากไป ผมถอนหายใจแรง เสยผมเบา ๆ
“ขอโทษที่ทำให้คุณหนูโดนดูถูกนะครับ”
ผมยิ้มเหนื่อยให้ ขยับเข้าไปชิด ก้มพิงหน้าผากไว้กับอกคนตัวสูง
“คุณหนู เดี๋ยวคนอื่นเห็น!”
“นิดเดียวนาคินทร์ ฉันเหนื่อย”
นาคินทร์ยืนนิ่ง สักพักผมก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มให้คนตัวสูง
“เอาละ เรามาลุยกันอีกรอบ นายก็ทำงานในส่วนของนายไป ฉันก็จะทำในส่วนของฉัน”
ผมบอกคนตัวสูงเบา ๆ นาคินทร์จับมือผมดึงไปวางไว้ตรงตำแหน่งหัวใจตัวเอง ยกจูบเบา ๆ มันร้อนวูบมาถึงหัวใจผมเลย
“นาคินทร์พร้อมรับใช้คุณหนู ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยยากแค้นแค่ไหน”
ผมยิ้ม
“ฉันไม่ใช้งานนาคินทร์หนักขนาดนั้นหรอก เจอกันตอนเที่ยง”
นาคินทร์พยักหน้า ผมย้ายไปแผนกขาย ซึ่งถือว่าเป็นแผนกที่ยากอีกแผนกหนึ่ง ต้องออกไซต์งานบ่อย ๆ กลัวเหมือนกันว่าคุณเอกสิทธิ์จะบอกความจริงทุกคน
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ก็แค่ทำให้ผมกลายเป็นผู้บริหารเร็วขึ้น หรือต้องฝึกงานโดยที่คนอื่นเกรงใจมากขึ้นแค่นั้นเอง
พักเที่ยง ผมรีบหอบตัวเองขึ้นไปบนดาดฟ้า นาคินทร์ยืนทำงานงก ๆ ผมตาโตเลย เพราะตอนนี้งานคืบหน้าไปเยอะมาก ต้นไม้เอย น้ำตกเอย มันขึ้นมาหมดแล้ว ชิงช้าด้วย
“ว้าว”
ผมร้องออกมาเบา ๆ นาคินทร์หันมามอง ยิ้ม
“ถูกใจไหมครับ”
“นี่อย่าบอกนะว่า เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา…”
“ครับ เพื่อคุณหนู”
ผมยิ้มหันไปมอง
“มันสวยมาก ๆ เลยนาคินทร์”
นาคินทร์พาผมเดินดูไปรอบ ๆ ชี้บอกให้ดูว่าต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีก พอครบถึงได้พากันไปนั่งกินข้าว
“นาคินทร์”
ผมเรียก ยื่นขนมที่หนูแดงแพ็คมาให้ใส่ปากคนตัวสูง นาคินทร์มองหน้าผมอึ้ง ๆ
“ผมว่า…”
ผมหน้าบึ้งนิด ๆ นาคินทร์รีบอ้าปากรับทันที ผมอมยิ้ม
เหมือนแฟนกันเลยแฮะ ผมหยิบป้อนคนตัวสูงอีกคำ
“คุณหนูทานเองบ้างสิครับ”
“นาคินทร์กินแทนฉันนั่นแหละดีแล้ว ฉันไม่อยากอ้วน”
“อ้วนตรงไหน ตัวเล็กนิดเดียว ตัวเบาอย่างกับนุ่น”
ผมหน้าร้อนผ่าว แอบนึกไปถึงท่าร่วมรักที่ผมถูกนาคินทร์อุ้มไว้กลางอากาศ ผมก้มหน้า
“นะ นั่นเพราะนาคินทร์ตัวใหญ่ แรงเยอะ เลยคิดว่าฉันตัวเบามากกว่า”
ผมอ้อมแอ้มตอบ เราต่างคนต่างเงียบกันไปนาน จนผมเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา
“ช่วงนี้ฉันจะยุ่งสุด ๆ พรุ่งนี้ต้องออกข้างนอก ไม่ได้มากินข้าวด้วย ดีไม่ดี อาจจะไม่ได้กลับบ้านด้วยกัน”
“ไม่เป็นไร แล้วคุณหนูจะกลับยังไง นาคินทร์ว่าถ้าเลิกงานที่ไหนเมื่อไหร่ โทรเรียกให้นาคินทร์ไปรับจะดีกว่า”
ผมนิ่งคิด
“ฉันยังไม่รู้ ไว้ถึงเวลานั้นจะโทรบอกอีกที ตอนนี้ต้องติดสอยห้อยตามคนอื่นเขาไปก่อน”
นาคินทร์พยักหน้า ผมนั่งคุยกับนาคินทร์ต่อ พอจบจากมื้อเที่ยงก็บอกลา นาคินทร์เดินลงมาส่ง ใจผมอยากรั้งคอนาคินทร์ลงมาจูบ แต่ทำแบบนั้นมันจะดูน่าเกลียดเกินไป
ตอนบ่ายผมออกไปข้างนอกเป็นหลัก แผนกขาย ถือว่าเป็นแผนกที่น่าสงสารที่สุด เพราะต้องออกไปลุยกับลูกค้า ผมไม่ได้ทำหน้าที่ขายหรอก แค่ไปดูวิธีการทำงานเขาเท่านั้น ไม่แปลกใจว่าทำไมบริษัทเราถึงให้งบแผนกนี้เยอะนัก
ทั้งค่ารถ ค่าสวัสดิการและคอมมิสชั่น แต่ดีว่าเราได้คนเก่ง ๆ มาทำงาน
“นี่”
โซ่ หนึ่งในพนักงานขายน้องใหม่เรียก เขาอายุเท่ากับผม เป็นเด็กใหม่เหมือนกันเราเลยสนิทกันเร็ว
“มีแฟนยัง”
ผมมองหน้า ตั้งแต่เจอเรื่องของคุณเอกสิทธิ์ ผมชักระแวงขึ้นมาตงิด ๆ
“ทำไม คิดจะจีบรึไง”
“บ้าดิ คิดไรทุเรศว่ะอนุชา แล้วนี่ไม่มีชื่อเล่นเรียกรึไง เอาซะชื่อจริงเลย ฟังแล้วเหมือนพวกคุณชาย”
“ไม่มี ที่บ้านเรียกชื่อจริงกันทุกคน”
โซ่พยักหน้า
“ว่าแต่ มีแฟนยัง”
“ยัง ทำไม”
“จะติดต่อให้น้องสาว เห็นหล่อดี เป็นสเปคน้องสาว”
ผมหัวเราะ กอดคอโซ่ไว้
“โทษที พอดีมีคนในดวงใจแล้ว แอบรักเขาข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่งเข้าใจไหม”
โซ่เบิกตากว้าง
“จริงเหรอ หน้าตาดีขนาดนี้ จีบก็น่าจะติดได้ง่าย ๆ นะ”
ผมถอนหายใจแรง
“บางคนแค่หน้าตาอาจไม่เพียงพอ”
“ทำไม นิสัยนายแย่มาก หล่อนไม่ชอบ”
“เปล่า”
“แล้วทำไม”
ผมทำหน้าบู้บี้ ไม่รู้จะบอกความจริงยังไงดี
“เอาเป็นว่า ช่วงนี้กำลังจีบ ๆ อยู่ ๆ ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อยเปอร์เซ็นความสำเร็จต่ำกว่า 50%”
โซ่พยักหน้ารับ ตบไหล่ผมเบา ๆ
“เป็นกำลังใจให้ละกัน อกหักเมื่อไหร่ บอกนะ น้องสาวเรายังว่าง”
ผมพยักหน้า
วันนี้เราดีลงานดึกมาก ผมให้นาคินทร์กลับบ้านก่อนเพราะโซ่อาสาจะไปส่ง ให้ส่งแค่หน้าประตูบ้านเท่านั้นแหละครับ
“โห บ้านหลังใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย”
“ฮ่า ๆ ที่ซุกหัวนอนอยู่ในสวนนู่น”
ผมมุสาไป
“อ้าวเหรอ เอาน่า อย่าคิดมาก จนพอกัน ปากกัดตีนถีบกันไป เอาละ ส่งแค่นี้แหละ เจอกันพรุ่งนี้”
ผมพยักหน้า ขยับก้าวห่างจากรถ โซ่ขับรถหมุนวนกลับออกไป ผมยืนส่งจนลับสายตา ก่อนหันกลับมาหวังเดินเข้าบ้านอีกครั้ง
หัวใจแทบร่วงไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อหันกลับมาเจอใครบางคนยืนถมึงทึงอยู่
“นาคินทร์ ตกใจหมดเลย”
ผมลูบหัวใจตัวเองเบา ๆ
“ขอโทษที่ทำให้คุณหนูตกใจครับ คนที่แผนกเหรอครับ”
ผมยิ้ม
“ใช่ ชื่อโซ่ อายุเท่ากัน นิสัยน่ารักมาก”
นาคินทร์พยักหน้ารับ
“แล้วออกมาทำอะไรอยู่หน้าบ้านแบบนี้”
ผมมองไปรอบ ๆ เพื่อคาดเดาว่าคนตัวสูงกำลังทำอะไรอยู่
“ออกมารอคุณหนูน่ะครับ ผมเป็นห่วง”
ผมชะงักกึก เงยหน้ามองคนพูด รู้สึกชุ่มชื้นในหัวใจสุด ๆ
“โทรถามเอาก็ได้ จะได้ไม่ต้องออกมารอ”
“นาคินทร์ไม่อยากโทรรบกวน เผื่อทำงานอยู่”
ผมอมยิ้ม
“ขอบใจนะ เข้าบ้านกันเถอะ”
นาคินทร์พยักหน้า เปิดประตูเล็กให้ผมก้าวเข้าไปภายใน อย่างน้อยผมก็ได้เห็นหน้านาคินทร์ก่อนแยกจาก ผมเดินเข้าบ้านในขณะที่นาคินทร์เดินลึกเข้าโรงเลื่อยตัวเองไปเหมือนกัน
กระทั่งรุ่งขึ้น ผมออกหาลูกค้ากับคนในทีมและโซ่แต่เช้า บ่ายก็ไม่ได้มาหานาคินทร์ กินข้าวกับคนในแผนก คิดถึงนาคินทร์สุด ๆ กระทั่งบ่าย
ผมรู้ว่าคนในแผนกนี้ไม่ค่อยเข้าบริษัทกันหรอก ออกข้างนอกกันเป็นส่วนใหญ่ ตอนแรกโซ่บอกจะไปส่ง แต่ผมอยากกลับกับนาคินทร์เลยปฏิเสธไป เหลือเวลาอีกชั่วโมงหนึ่งบริษัทจะงานเลิก ผมเดินไปที่ลิฟท์ขนของ เห็นเขากำลังขนอะไรกันอยู่อย่างวุ่นวายเลย คนคอยควบคุมการขนถ่ายคือนาคินทร์ ผมเดินเข้าไปใกล้
“ทำอะไรเหรอนาคินทร์”
“ของล็อตสุดท้ายครับ”
ผมพยักหน้า ยืนมองเฉย นาคินทร์ก็ไม่ได้สนใจเหมือนกัน พอเรียบร้อยก็หันมามอง ยกนาฬิกาดู
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เปล่า ไม่มีอะไรให้ทำแล้วเลยมาหา”
ผมบอกตามความรู้สึก แววตานาคินทร์ดูอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“อีกชั่วโมงก็เลิกงานแล้ว นาคินทร์ขอขนของขึ้นไปเก็บก่อน”
“ฉันช่วย”
“ไม่เป็นไรครับ คนงานรอข้างบน”
“เพิ่มมาอีกคนจะได้เสร็จเร็ว ๆ ไง เข้าไปสิ”
ผมพยักหน้าให้นาคินทร์เข้าลิฟท์ไป ผมเข้าไปด้วย มุมที่ยืนทำให้ผมแอบนึกถึงคืนวันเก่า ๆ เลย เสียดายที่วันนี้ลิฟท์ไม่ตกแบบวันนั้น
ตัวเลขบนลิฟท์ไล่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ รู้สึกถึงไอร้อนผ่าวของคนด้านหลัง อยากให้วงแขนใหญ่นั้นโอบกอดผมไว้ แต่ผมทำได้มากสุดแค่เม้มปากแน่นเท่านั้น ลิฟท์มาถึงปลายทางโดยสวัสดิภาพ นาคินทร์กดลิฟท์ค้างไว้ คนงานวิ่งเข้ามาช่วยกันขน ผมด้วย แล้วผมก็อยู่ช่วยนาคินทร์กระทั่งเวลาเลิกงาน คนงานถูกสั่งให้กลับก่อน เหลือไว้แค่ผมกับนาคินทร์สองคนเท่านั้น
“ถ้าไม่ติดส่งคุณหนู นาคินทร์จะอยู่ทำไปจนถึงห้าทุ่มแน่ ๆ”
“ขยันมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถึงเวลาเลิกงานก็ต้องเลิก ทำงานเกินเงินเดือนอยู่เรื่อย”
“นาคินทร์ไม่ได้ทำงานเพื่อเงินเดือนนี่ครับ นาคินทร์ทำเพื่อคุณหนู”
ผมชะงัก มองหน้าคนพูด แต่คนพูดไม่ได้สนใจว่าตัวเองได้พูดอะไรออกมาก้มหน้าแบกของไป ผมยิ้ม ผมรู้ว่าใจของนาคินทร์บริสุทธิ์ คนที่ใจไม่บริสุทธิ์ก็ผมนี่แหละ
ผมนั่งท้องกิ่ว อยากชวนนาคินทร์กลับจะแย่ แต่ก็รู้ว่าคนตัวสูงกำลังโหมงาน นาคินทร์หันมามอง ยกนาฬิกาดู วางงานไว้
“ขอโทษที่ทำให้รอครับ ป่ะ เรากลับกันเถอะ”
ผมรีบดีดตัวลุกยืน ท้องพากันร้องจ๊อก ๆ นาคินทร์หัวเราะ เดินไปคุ้ยอะไรในกล่องกระดาษ สักพักก็เดินกลับมา ยื่นนมเปรี้ยวกล่องละห้าบาทมาให้กล่องหนึ่ง
“รองท้องไปก่อนนะครับ”
“เอามาจากไหน เล็กตึ๋งหนึ่ง”
“ของคนงานน่ะครับ”
ผมอมยิ้มขำ แต่ก็รับมาดูดรองท้อง จึกเดียวก็หมดแล้ว นาคินทร์ล้างมือ ผมโยนกล่องเปล่าทิ้ง นาคินทร์เลิกถอดเสื้อออก ก้มตัวลงต่ำ ราดน้ำจากสายยางเทใส่แผ่นหลัง น้ำไหลลงไปที่หัวจนเปียกชุ่มไปหมด คนตัวสูงเงยขึ้นมาสะบัดเบา ๆ น้ำไหลเป็นทางลงสู่ขอบกางเกง มันเปียกจนเห็นได้ชัด แต่ดูนาคินทร์จะไม่ใส่ใจ ใส่เสื้อตัวเดิมลงหัว เสื้อมันเปียกจนแทบจะดูไม่ออกว่ามันเปียกเพราะเหงื่อก่อนหน้าหรือเปียกเพราะน้ำที่ถูกราดไว้เมื่อกี้
“ไปครับ”
ผมพยักหน้า ก้าวเท้าเดินเคียงไปกับคนตัวสูง รูปร่างของนาคินทร์ เหมาะกับการเป็นผู้นำจริง ๆ แต่ก่อนผมเคยคิดว่าผมจะเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีได้ เพราะไงผมก็เป็นผู้ชาย แต่มาตอนนี้ ผมอยากให้นาคินทร์มาเป็นผู้นำผมแล้ว ไม่ใช่ในฐานะเจ้านาย แต่ในฐานะคู่ชีวิต
แล้วนาคินทร์ล่ะ จะอยากมาเป็นคู่ชีวิตกับผมไหม ผมเม้มปากแน่น เดินเคียงไปด้วยกัน
To be Con..
#หนึ่งคอมเม้นท์หนึ่งกำลังใจนะคะ
นาคินทร์อนุชาจงเจริญ!!!
หนังสือ & e-book เรื่องนี้ค่ะ >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162