หัวใจทศกัณฐ์ :ตอนจบทศเปรม (กึ่งพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติ)5/2/60 จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจทศกัณฐ์ :ตอนจบทศเปรม (กึ่งพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติ)5/2/60 จบแล้ว  (อ่าน 66940 ครั้ง)

ออฟไลน์ jjasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ใจไม่ดีเลยอ่ะ จะเกิดอะไรกับน้องเปรมงั้นเหรอ ลุ้นๆ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เราว่าภาพที่กฤตเห็นต้องเป็นเปรมขยี้ไม่หัวใจสีดาก็ของทศกัณฐ์นี่แหละ แน่ๆ #โคนัน
ในบทน่าจะไม่สีดาก็พี่ทศที่ตาย
ว่าแต่ เปรมไม่รู้สึกขยะแขยงบ้างเหรอ ปล่อยให้ผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่ผัวมาจับนั่นจับนี่ งง :hao6:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

โอ๊ย......

ปวดใจ

มันหน่วงใจ

รอขอรับ


ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ทุกคนจะได้รู้แล้วว่าน้องเปรมกำลังจะทำอะไร

ปล. น้องไม่ได้ถึงกับขยะแขยง แต่ส่วนลึกน้องก็ไม่ชอบหรอกค่ะที่ผู้ชายคนอื่นน้องจากผัว เอ้ย สามีจับต้องตัวเอง แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อให้แผนที่ตัวเองตั้งไว้สำเร็จลุล่วงแค่นั้นเอง โอเค้





ตอนที่ ๒๕





วงมโหรีโบราณบรรเลงท่วงทำนองเพลงหน้าพาทย์ ต้นเข้าม่าน  ยามร่างผอมบางของนักแสดงตัวนางกรีดกรายร่ายรำออกมาจากทางด้านหลังฉากกั้นมหึมา ตามติดด้วยตัวพระร่างสูงโปร่งผู้องอาจเดินเข้ามาประชิดกายหอม แขนแข็งแรงตั้งฉากจีบหงาย อีกมือหนึ่งท้าวสะเอว ย่อตัวเอียงคอมองอีกฝ่ายที่กำลังอยู่ในท่าเขินอายด้วยความหลงใหล...ในสายตาคนอื่นอาจดูเป็นภาพที่สวยงาม น่าแลชม ทว่าสำหรับอสุเรนทร์แล้ว มันช่างเป็นภาพที่กัดกินหัวใจให้ยับย่อยไม่มีชิ้นดี

พญารากษสในชุดเสื้อคอกลมสีขาวนุ่งโจงกระเบนสีแดงเฉกเช่นนักแสดงท่านอื่นๆ กอดอกทอดสายตามองคนสองคนบนเวทีด้วยความไม่ชอบพอ...

กี่สัปดาห์ กี่วัน กี่คืน กี่นาที กี่วินาทีแล้วที่เขาต้องทนดูน้องน้อยจับมือถือแขน พูดคุยหยอกล้อ หัวเราะกับมันผู้นั้นอย่างสนุกสนาน ยิ่งใครต่อใครต่างพากันชื่นชมแสดงความยินดีกับความรักของทั้งคู่ อสุเรนทร์ก็ยิ่งทำใจยอมรับภาพบาดตาเหล่านั้นได้ลำบากกว่าเดิม

รอยยิ้มที่เขาเคยได้รับ...กายเนียนนุ่มส่งกลิ่นกำจายหอมประดั่งคุลาพ อันหอมหวนชวนหลงใหล ดวงตาเรียวหวานสุกสกาวราวดวงดาราบนฟากฟ้าก็มิปาน บัดนี้อสุเรนทร์กลับได้แค่ชะเง้อมองอยู่ห่างๆด้วยสายตาขุ่นขึ้ง หากในตอนนี้จะเปรียบเขาเหมือนกระไรสักอย่างก็คงเปรียบเป็นธาตุอากาศที่อีกฝ่ายไม่คิดสนใจ ไม่เห็นคุณค่าและไม่แม้แต่จะชายตาแลสักครา

สุดท้ายก็เป็นได้แค่ตัวร้ายที่ถูกนางอันเป็นที่รักทอดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย...

เหตุใดต้องมาจู๋จี๋กันต่อหน้า แค่นี้พี่ยังเจ็บให้น้องเห็นมิมากพออีกรึ

ต้องก้มหน้าลงมองฝ่ามือตนด้วยความรู้สึกปวดร้าวเสมือนมีนามอันแหลมคมเสียดแทงเข้าไปในหัวใจ ยิ่งสั่งให้ลืม ให้ทำใจ มันก็ยิ่งฝังรากลึกอยู่ในความทรงจำมากกว่าเดิม

ถ้าอสุเรนทร์ต้องสิ้นใจ ก็คงสิ้นใจตามลำพังโดยไม่มีคนรักอยู่ดูใจเป็นแน่แท้

“มานั่งเล่นเอ็มวีอกหักอะไรตรงนี้คนเดียวล่ะหือคุณทศ ประเดี๋ยวต้องไปซ้อมฉากพระรามชิงนางสีดากลับคืนสู่กรุงอโยธยาแล้วนะ” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเมื่อมีเสียงทักดังจากด้านหลัง เห็นบรมครูชั้นเอกแห่งกรมศิลป์ที่ไม่รู้เดินมาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ยืนเอามือไพล่หลังยืนนิ่ง

“ฟังกระผมอยู่หรือเปล่า”

“ผมมันเป็นได้แค่ไอ้ยักษ์ที่ไม่มีค่าในสายตาเขาเลยสินะ”

“หืม ว่าอะไรนะคุณทศ”

พญารากษสเกยคางลงบนแขนตัวเองเหนือพนักเก้าอี้ ทอดถอนใจอย่างเป็นทุกข์

“ให้คิดถึงเพียงใดใจจะขาด      ก็มิอาจไปตามความคิดถึง
ห้ามมาหาแต่อย่าห้ามความคะนึง   จะดื้อดึงโดยถ้อยร้อยรำพัน
คิดเสมอเมื่อใจใฝ่ถึงเขา             สายตาเศร้าเฝ้าเตือนว่าเหมือนฝัน
แววอาวรณ์อ่อนหวานผสานกัน      เหมือนจำนรรจ์จำนนท้นอาลัย
จะตัดพ้อต่อว่าประสารัก            ใจก็ทักท้วงห้ามตามวิสัย
จงมองตาตาจะเตือนว่าเหมือนใจ   ถ้าแจ้งได้ก็จะแจ้งไม่แฝงเงา
รู้ทั้งรู้ว่ารักจักให้ทุกข์         ใจยังรุกเร้าหลอกให้บอกเขา
ช่างไม่เข็ดหรือไรนะใจเรา      เขามีเจ้าของแล้วในแววตา”


“พุธโธ่...มาเป็นกาพย์กลอนกันเลยทีเดียว” ปู่เหนือถึงกับเลิกคิ้วเกากบาลด้วยความงงงวย ประธานหนุ่มรูปหล่อที่ผันตัวมาเป็นคนโขนและเจ้าบทเจ้ากลอนแทนผู้จัดการแสดงนั่งตีหน้าเศร้า (เกือบ) เคล้าน้ำตา แววตัดพ้อฉายชัดอยู่ในดวงแก้วดำขลับทั้งสองข้าง กำลังทอดไปยังลูกศิษย์คนโปรดของเขาอย่างไม่มีปิดบัง

บรมครูแห่งนาฏกรรมไทยมองอสุเรนทร์และหลานชายของเพื่อนเก่าผู้ซึ่งรับบทเป็นนางสีดาสลับกันไปมา...ถึงตัวเขาจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนักเกี่ยวกับสองคนนี้เลย...หรืออาจจะสามถ้ารวมถึงพ่อราเมนทร์ประธานบริษัทจิวเวอร์รี่เข้าไปด้วย แต่ทว่าแววตาที่อสุเรนทร์ส่งไปให้คนอ่อนวัยกว่านั้นมันมีแต่ความอาลัย น้อยอกน้อยใจ เต็มไปด้วยความเจ็บปวด...ต่อให้เป็นชายแก่สติเลอะเลือนหรือคนโง่สมองทึบ ก็ยังรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อสีดาน้อยกับบุคคลตรงหน้ามันต้องไม่ธรรมดาเฉกเช่นคนรู้จักทั่วไปเป็นแน่

“คุณทศรักเจ้าเปรมมันหรือ”

“สำหรับผมคำว่ารักยังมีค่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำ”

“แต่เจ้าเปรมมันเป็นแฟนประธานจิวเวอร์รี่คนนั้นไม่ใช่เหรอ หรือกระผมเข้าใจผิดไป”

“ก็ถ้ามันไม่แย่งเปรมไปจากผม มันคงไม่มีสิทธิ์ยืนอยู่ข้างเปรมในฐานะนั้น” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ควรเป็นผมมากกว่าที่ต้องยืนตรงนั้นข้างๆเขา”

“แล้วคุณทศไปทำอะไรให้เจ้าเปรมมันโกรธล่ะครับ ลูกศิษย์กระผมใช่ว่าจะโกรธคนง่ายเสียเมื่อไหร่ บางทีหากคุณทศพยายามทำให้เขาเห็นความรัก ความจริงใจ ซื่อสัตว์ต่อเขาอีกสักนิด อะไรๆก็อาจจะดีขึ้นก็ได้”

“มันไม่มีประโยชน์หรอกท่านครู” คนพูดทำท่าสิ้นหวัง “เพราะถ้ามันได้ผลจริง เปรมก็คงยอมให้อภัยและกลับมาหาผมนานแล้ว แต่เขาก็เลือกที่จะไม่กลับมา”

“โธ่คุณขอรับ ไม่กลับมาก็ใช่ว่าจะหมดรักเสียเมื่อไหร่”

“ท่านครูหมายถึง...”

“ฮ้อ กระผมล่ะปวดกบาลกับปัญหาชีวิตรักวัยหนุ่มสาวนัก คุณทศก็เอาแต่นั่งเศร้าคิดน้อยใจอยู่อย่างเดียว ส่วนเจ้าเปรมก็เอาแต่เมินหน้าหนีทั้งที่เวลาคุณทศไม่อยู่ก็คอยชะเง้อมองหาตลอด...คราแรกกระผมก็งงว่าจะแอบมองกันทำไม...ที่แท้เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้เอง”

“เปรม...เขาแอบมองผมจริงเหรอครับท่านครู” ดวงเนตรคมก่อประกายมีความหวัง รอยยิ้มดีใจผุดขึ้นบนริมฝีปากหยักตึงอีกครั้ง...

“ไม่เชื่องั้นสิ”

“...”   

“งั้นลองหันไปดู”

และมันก็เป็นไปตามชายชรากล่าวทุกประการ เมื่อดวงเนตรคมแห่งราชันย์ได้สบเข้ากับนัยนาหวานล้ำอย่างจัง อีกฝ่ายดูเหมือนจะตกใจพอควรที่เขาหันมาเห็น ก่อนจะรีบหันกลับไปแต่ทว่ามิวายชายตาแลเขาผ่านทางหางตา...น่ารักน่าชังเหลือเกินยอดรักของพี่
 
“ยิ้มได้ขึ้นมาทันทีเลยนะท่านพญารากษสทศกัณฐ์” บรมครูอาวุโสกลอกตาละเหี่ยใจ “เอาล่ะไหนๆคุณท่านก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว ก็ช่วยจรลีไปซ้อมฉากปะทะกับพระรามสักทีเถอะ มีเวลาว่างก็ค่อยไปออดอ้อนออเซาะเจ้าเปรมมันแล้วกัน หรือไม่ก็แกล้งทำเป็นตัดพ้อ น้อยใจ เชื่อเถิดได้ผลชะงักเพราะตอนเมียกระผมโกรธ กระผมก็ใช้วิธีนี้อยู่บ่อยๆ แต่เอ๊ะ! เจ้าเปรมมัน...”

“งั้นผมคงต้องหาเวลาไปง้อเมียอย่างที่ท่านครูว่าล่ะนะ”

“เดี๋ยวนะ”

“ครับ?”

“สรุปเจ้าเปรมมันเป็นเมียคุณแล้วเหรอ”

“ครับ เมียแท้ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์” อสุเรนทร์เอ่ยออกมาอย่างหน้าตายราวกับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทำเอาคนฟังกระพริบตาปริบๆ นิ่งอึ้งไปต่อไม่ถูกครึ่งค่อนนาทีทีเดียว

“ละ...แล้วพ่อแม่...ไม่สิ ไอ้ไม้ ไอ้เสมามันรู้เรื่องไหม”

“รู้ครับ ทุกคนในครอบครัวเปรมรู้ทุกอย่าง” แม้กระทั่งความจริงที่ว่าเขาคือทศกัณฐ์

“แล้วพวกนั้นไม่ว่า?”

“ทำไมต้องโดนว่าด้วยล่ะในเมื่อผมเข้าทางผู้ใหญ่ตลอด”

“โอ้ย ถึงจะเข้าทางผู้ใหญ่ก็เถอะ แต่...แต่...ยังไงมันก็ฟังดูกระดึ๋มดึ๋ยอยู่ดี ผมรู้จักไอ้ไม้กับไอ้เสมามาก่อน มันสองตัวเกลียดพวกรักร่วมเพศยิ่งกว่าอะไรดี...แต่กลับยอมรับคุณเป็นให้เป็นผัว เอ่อ สามีของหลานมันง่ายๆเนี่ยนะ กระผมขอถามหน่อย ตอบตรงๆนะ คุณทศมีอะไรดี?”

“ก็แค่แสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมรักเปรมจริงก็เท่านั้น ต้องทำอะไรให้ยากด้วยเหรอ”

“มะ...ไม่ต้องก็ได้...เอาเป็นว่าก็ทำวิธีที่กระผมแนะนำไปให้แล้วกัน” ชายชราถึงกับกุมขมับ “หวังว่ากระผมคงไม่โดนเจ้าประธานหนุ่มรามเทพแผลงศรใส่จนตายหรอกนะ”

“ช่วยให้คนรักกันสมหวังเท่ากับได้บุญมหาศาล แน่นอนคนดีอย่างท่านครู เทวดาย่อมคุ้มครอง” แต่ถ้าไอ้รามกล้าทำร้ายครูเหนือจริง เขานี่แหละจะจัดการมัน

“เอาเถอะ ยังไงช่วยไปแล้วนี่”

“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจ ขอกอดที” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกระโจนเข้าไปกอดชายชราอย่างลืมอายไม่สนใจสายตาใครทั้งสิ้น...หากต้นไม้ใบหญ้าที่เหี่ยวเฉายังสามารถกลับมาเจริญเติบโตเขียวชอุ่มได้อีกครั้ง แล้วเหตุใดความรักอันแห้งเหือดของเขาและเปรมจะกลับมาหวานชื่นเหมือนเดิมไม่ได้

ของที่เคยเป็นของเรา ก็ต้องเป็นของเราอยู่วันยังค่ำ

ต่อให้มันโดนผู้อื่นขโมยไป เขาเนี่ยแหละจะไปเอามันกลับคืนมาเอง!




แสงทิวาเลือนลับจากขอบนภากว้างก่อนถูกแทนที่ด้วยราตรีมณี...ดวงแก้วสว่างไสวแห่งนิศากาล เคลื่อนสูงเหนือกิ่งก้านต้นไม้ใหญ่ กระแสลมยามดึกพัดโชยหวีดหวิว กระทบผิวพรรณขาวนวลลออ(ละ-ออ)ล้อจันทร์ คนร่างบางแหงนมองดวงดาราพร่างพราวเต็มท้องนภาบริเวณริมระเบียงห้องพักด้วยกิริยาภายนอกสงบนิ่ง หากทว่า...ภายในความคิดกลับไหวพล่าน...ลอยล่องราวสายธาราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 ‘พี่รักเปรม’ ประโยคเมื่อสองสามวันก่อนของราเมนทร์กังวานอยู่ในความคิด เฉกเช่นเดียวกับอีกประโยค...’พี่รักเจ้าเปมทัต’ หากเป็นของใครอีกคนหนึ่งที่เขาไม่สามารถลืมเลือนหรือลบล้างมันออกไปจากจากใจได้

ในชีวิตตลอดยี่สิบสองปีที่ผ่านมาไม่เคยมีใครคนไหนพูดประโยคเช่นนี้กับเขาเลยสักครั้ง ราเมนทร์และอสุเรนทร์...ทั้งสองทำให้เขา ‘เชื่อ’ อย่างปราศจากข้อกังขาว่าสิ่งที่ลั่นวาจาล้วนออกมาจากแก่นแท้ของหัวใจ หาใช่เพียงลมปากที่จางหายราวหมอกควัน
เพียงแต่...ฤทัยมีดวงเดียวและตัวเขาก็มิอาจรักผู้ชายสองคนพร้อมกันได้

คนร่างบางทบทวนความรู้ของตนเองนับตั้งแต่อดีตในวันวานจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเปรมมิอาจปฏิเสธความจริงที่ว่า...ราเมนทร์เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่แสนดี รักเขาไม่ต่างไปจากความรักของอีกผู้หนึ่งที่ให้เขาสักนิดเดียว ร่างสูงเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัตินานัปการที่บุรุษด้วยกันพึงเป็น หากเพราะ ‘ใจ’ มันมีแต่เพียงอสุเรนทร์เท่านั้น

ราเมนทร์คือความชอบพอ คือความรู้สึกดีที่เคยมีร่วมกันมาแต่กาลก่อน  ส่วนอีกคนไม่ใช่...ถึงตรงนี้เสี้ยวหนึ่งแห่งดวงวิญญาณนางสีดาตระหนักชัด...กับอสุเรนทร์ เป็นความรัก ความโหยหาแสนอาวรณ์

คือความทุกข์ และสุขที่ฝังแน่นในแผ่นอก!

ร่างสูงใหญ่ผิวขาวเหลืองออกคล้ำเล็กน้อย หากมีประกายเปี่ยมด้วยราศีกับรอยยิ้มแย้มละมุน...

เปรมยังคงรักพญารากษสผู้นี้เสมอ แม้จะต้องพรากจากกันไกลสุดคณานับ ฤทัยดวงน้อยก็จะยังยึดมั่นในรักนี้ตราบนานเท่านาน
คนยืนนิ่งท่ามกลางดวงจันทราและหมู่ดวงดาวเผลอยิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่มีทั้งสุขและเศร้าเคล้ารวมกัน... เปรมขอโทษที่ต้องทำเช่นนี้ ขอโทษที่ทำให้พี่เจ็บปวด และขอโทษที่จำต้องเป็นคนปิดฉากโศกนาฏกรรมความรักระหว่างคนสามคนอย่างไม่มีวันหวนคืน
ข้อพิพาททุกอย่างมันควรจบลงเสียที

...และความคิดยังคงไหลลื่นต่อไปอีกเนิ่นนาน ถ้าไม่มีเสียงของใครบางคนแทรกผ่านความมืดมิดเข้ามาในโสตประสาท ลมหายใจสะดุดกึกชั่วแวบหนึ่ง พฤกษชาติเดียรดาษ โยกไหว ส่งกลิ่นหอมจรุงใจ

“เปรม...” น้ำคำนุ่มหูก่อกังวานในจิตใจของคนร่างบาง...ริมระเบียงข้างซ้ายพบชายร่างสูงยืนนิ่งสงบ ผินพักตร์แยงยลมาทางเขาสีหน้าด้วยแววตาสุดแสนอาวรณ์

“คุณทศ”

“ยังไม่นอนอีกเหรอ”

“ผมยังไม่ง่วงเท่าไหร่”

“ไม่ค่อยได้คุยได้ทักกันเลย สบายดีหรือ”

เปรมกัดริมฝีปากล่าง สองมือน้อยที่กุมอยู่บริเวณหน้าท้องกำแน่นสั่นระริกจนเป็นข้อขาว ฝืนช้อนนัยนายิ้มตอบกลับ

“ผมสบายดีครับ”

“ราเมนทร์ดูแลเปรมดีไหม ถ้ามันดูแลเปรมไม่ดี บอกพี่นะพี่จะไปจัดการมันให้”

“...”

“ช่วงนี้ได้กินอะไรบ้างหรือเปล่า ทำไมถึงผอมลงเยอะขนาดนี้ ถ้าเกิดเป็นอะไรหนักๆขึ้นมาจะทำยังไงล่ะหือ?”

“คุณ...”

“ถึงพี่จะไม่ได้อยู่ดูแลเปรมแล้ว เปรมก็ต้องดูแลตัวเองดีๆเข้าใจไหม อย่านอนดึก อย่า...”

“พอเถอะครับ”

“แต่พี่ยังพูดไม่จบ”

“ผมขอ...ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”

อสุเรนทร์ปล่อยให้ความเงียบย่างกรายเนิ่นนาน หากสุดท้ายก็เอ่ยคำ

“ขอโทษด้วยล่ะกัน ที่พูดก็เพราะความหวังดี แต่ถ้าเปรมไม่ชอบพี่จะไม่พูดให้เปรมรำคาญใจอีก” คนพูดสูดลมหายใจ ระงับหยาดน้ำอุ่นที่คลออยู่ในเบ้าไม่ให้ไหลลงมา “ราตรีสวัสดิ์”

“คือ...คุณทศ”

“มีอะไรค่อยฝากเจ้ากฤตมาบอกพี่แล้วกันนะ ตอนนี้พี่ง่วงมากแล้วด้วย ฝันดีนะครับ”

ริ้วแห่งความรันทดเอ่อท้นขึ้นมาโดยพลัน หากเจ้าตัวกัดฟันกลืนกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ เพราะเขาจะให้น้องน้อยเห็นน้ำตาแห่งความอาดูรนี้ไม่ได้

อสุเรนทร์รีบเดินหันหลังกลับเข้าห้องพักอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจฟังเสียงเรียกที่ดังตามหลังสักพักก่อนจะเงียบหายไป เพราะรู้อีกอึดใจเดียว ทำนบแห่งน้ำตาจะพังภินท์  พญารากษสผู้น่าสงสารทรุดลงนั่งกับพื้นข้างประตูริมระเบียงอย่างหมดหวัง ความเหนื่อยล้าทางร่างกายยังมิอาจเทียบเท่าความกระปลกกระเปลี้ยทางใจสักนิด

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงทุบประตูหน้าห้องพักนักแสดงดังระรัวต่อเนื่องนานนับนาที คิ้วเข้มขมวดเลิกขึ้นเล็กน้อย ด้วยความเกรงกลัวจะไปรบกวนคนอื่นที่นอนหลับกันไปแล้วจึงรีบลุกเดินโซเซไปเปิดประตูออกอย่างช้าๆ ดวงเนตรคมพลันเบิกกว้างตื่นตะลึงยามเห็นใบหน้าของแขกผู้มาเยือนในยามวิกาล ดวงตาหวานแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ มีคราบน้ำตาประปราย

“เปรม?”

“ผมบอกหรือยังว่าผมไม่ชอบ”

“!”

“บอกหรือยังว่ารำคาญ”

“เปรม”

“และบอกหรือยังให้พี่เดินหนีเปรมไปแบบนี้”   

“แล้วการที่พี่เดินออกมาพี่ผิดตรงไหน ถามหน่อย โดนปฏิเสธขนาดนั้นใครเขาจะมีแรงสู้หน้าบ้าง ถึงพี่เป็นยักษ์ก็ใช่ว่าไม่มีจิตใจ พี่เหนื่อยและเจ็บเป็น พี่รักเปรม...รักมาก แต่ในเมื่อน้องไม่เห็นค่าของมัน ถึงสู้ต่อยังไงก็แพ้อยู่ดี”

“ไม่...พี่ไม่เคยแพ้เลยสักนิด พี่ชนะเสมอมา แต่เป็นเปรมเองที่ปิดกั้นมันมันมาโดยตลอด”

“!”

“เปรมขอโทษ เปรมมันไม่ดีเอง ขอโทษนะครับ”

คนอ่อนวัยกว่าถึงกับสะอึกสะอื้นร่ำไห้ราวทำนบแตก และเป็นอสุเรนทร์เองที่เกิดอาการตกใจ รีบคว้าตัวคนผอมบางเข้าไปในห้อง ปิดประตูลงเบามือที่สุดก่อนจะกระหวัดกอดรัด เอียงหน้าเข้าหากลุ่มผมนุ่มและจูบซับอย่างปลอบประโลม วงแขนเล็กยกขึ้นกอดแผ่นหลังกว้างตอบ ซุกซบด้วยความโหยหา

“ไม่ร้องนะ พี่ไม่อยากเห็นน้ำตาเราเลย”

“เปรมทนไม่ไหวแล้ว ฮึก เปรมอยากอยู่กับพี่ทศ เปรมไม่อยากทำมันแล้ว”

“ทำอะไรครับ ไหนบอกพี่สิคนดี”

“เปรมบอกไม่ได้ เรื่องนี้เปรมจะให้ใครรู้ไม่ได้”

“แม้กระทั่งพี่อย่างนั้นหรือ” ฝ่ามือใหญ่ประคองใบหน้าสวยที่มีคราบน้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยมันออกอย่างอ่อนโยน “บอกพี่สิ พี่อาจจะช่วยเราได้ก็ได้นะ”

“ไม่มีใครช่วยได้นอกจากเปรมคนเดียว ขอร้อง ฮึกๆ อย่าบังคับให้เปรมต้องบอกอีกเลยนะครับ เปรม อึก...บอกไม่ได้จริงๆ” อสุเรนทร์ลูบหลังอันสั่นเทาของคนรักอย่างแผ่วเบา ดวงหน้าหวานแนบสนิทลงบนแผ่นอกอุ่นอยู่อย่างนั้นไม่ยอมห่าง

“ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก เงียบซะคนดีของพี่”

“เปรมเหนื่อย”

“...”

“แล้วเปรมก็ ฮึกๆ คิดถึงพี่ทศด้วย คิดถึงมากเหลือเกิน”

“กอดพี่ไว้ กอดให้แน่นๆอย่างที่น้องต้องการ” วงแขนแกร่งกระชับร่างของคนรักแน่นกว่าเดิม พลางฝังจมูกสูดดมกลิ่นหอมประจำกายร่างกาย บรรจงจูบปานกุหลาบแดงหลังใบหูข้างขวาอย่างอ่อนโยน ยอดรัก...พี่คิดถึงเจ้าเหลือคณานับ โหยหาเจ้ายิ่งกว่าเพชรอัญมณีล้ำค่า ปรารถนาเจ้าเสียยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมดทั้งมวลแห่งไตรโลก

“เปรมขอโทษที่ทำให้พี่ต้องเจ็บ แต่เปรมไม่ได้รักชอบกับพี่รามอย่างที่พี่ทศเข้าใจสักนิดเดียว” คนอ่อนวัยกว่าสะอึกสะอื้น ช้อนนัยน์ตาหวานขึ้นสบเนตรคม

“แล้วน้องคบกับมันทำไม อยากทำให้พี่เจ็บบ้างเพราะเรื่องในครานั้นรึ”

“ไม่ครับ เรื่องนั้นคุณนานะอธิบายให้เปรมเข้าใจหมดแล้ว”

แม้จะงงว่าร่างบางไปคุยกับยัยวายร้ายนานะนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ หากคนมากวัยกว่าก็หาได้สนใจมันไม่ แสร้งตีหน้าบึ้งตึง น้อยใจในตัวคนเบื้องหน้า

“แต่เปรมก็ไม่ได้กลับมาหาพี่”

“เพราะเปรมอยากให้พี่ตัดใจจากเปรม” เพราะถ้าหากยังรักกันอยู่เช่นนี้ จะเป็นตัวเขาเองที่หนักใจและไม่ยอมทำในสิ่งที่นางสีดาร้องขอ

“ทำไม...ทำไมต้องบังคับให้พี่ตัดใจ ในเมื่อเราต่างรักกันดี”

“เปรมมีเหตุผล แต่เปรมบอกพี่ไม่ได้”

“บอกพี่สักนิดก็ไม่ได้เชียวหรือ”

“เพราะถ้าบอกไปพี่ต้องไม่ยอมให้เปรมทำแน่ๆ ขอร้องล่ะครับอย่าถามเหตุผลจากเปรมอีกเลย” วิธีและน้ำคำที่แสดงให้อสุเรนทร์รู้ว่า ถึงจะพูดอย่างไรก็คงไม่สามารถโยกคลอนความคิดของเจ้าตัวได้อีก ฉะนั้นเขาจึงพยักหน้ารับเบาๆ กดหัวอีกฝ่ายให้แนบลงกับลาดไหล่ตน

เปรมหลับตาลงด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประดังกันเข้ามา กอดกระชับกับเอวหนาแน่นขึ้น

“เปรมรักพี่ทศ”

“...”

“ไม่ว่าอย่างไรก็รักเสมอมา”

หัวใจพญารากษสพองโต มุมปากขยับยิ้มกว้างที่สุดตลอดรอบเกือบสองเดือน “พี่ก็รักเจ้านักน้องน้อยเอ๋ย ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ขอได้ไหม ขอแค่ตอนนี้มีเพียงพี่ มีเปรม แลมีแค่เราสองคนที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็พอ”

ร่างในอ้อมแขนอมยิ้ม พยักรับในทันที


“ครับ คืนนี้จะมีเพียงแค่เรา”





ตัดฉากไปที่โคมไฟ....





ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



รัตติกาลผ่านพ้นมาอย่างยาวนาน จากปฐมสู่มัชฌิม ยามและกำลังเคลื่อนคล้อยรุดหน้าต่อไปเหมือนสายน้ำที่ไม่อาจไหลย้อนคืน หลายชีวิตบนผืนปฐพีก้าวสู่นิทราตามธรรมชาติแห่งสัตว์โลก หากหนึ่งยักษาแลหนึ่งมนุษย์ธรรมดาผู้กอบกุมหัวใจราชันย์แห่งกรุงลงกา ยังคงจ้องมองส่งกระแสความรักความห่วงใยแก่กันและกัน

รอยยิ้ม...เหลือเงาจางๆบนริมฝีปากของเปรม เป็นรอยยิ้มแห่งความสุขที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ ก้าวนิ้วหนาปัดเส้นผมดำเงาให้พ้นจากใบหน้างามลออ 

“พี่รักเจ้า มิว่าอย่างไรก็รักเจ้าเสมอ...เปมทัต”

“ต่อให้ความตายต้องพรากจาก เปมทัตก็จะรักทศกัณฐ์ผู้นี้ตราบชั่วนิรันดร์”

เปลวเทียนหอมส่งกลิ่นลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง แสงจันทร์สลัวสาดส่องผ่านม่านผืนบาง พญายักษ์เลื่อนหน้าเข้าใกล้คนรักมากขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากอุ่นชื้นบรรจงประกบลงบนกลีบดอกกุหลาบอย่างทะนุถนอม เปรมหลับตาปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความปรารถนาของคนสองคน


แช่มชื่นรื่นร่มพนมพนัส              สิ้นวิบัติไพรีไม่มีข้อง
อิงแอบแนบเนื้อนวลละออง      หนุนแต่ขอนไม้รองสำราญใจ
ไร้ฟูกถูกเนื้อวันทองอ่อน              เหมือนนอนเตียงทองอันผ่องใส
เพลินฟังวังเวงเพลงเรไร         พิณพาทย์ไพรกล่อมขับสำหรับดง
เมื่อสิ้นแสงเทียนประทีปส่อง      ก็ผ่องแสงจันทร์กระจ่างสว่างส่ง
บุปผาชาติสาดเกสรขจรลง      บุษบงเบิกแบ่งสะบัดบาน
เรณูนวลหวนหอมมารวยริน      ประพายพัดประทินกลิ่นหวาน
เฉื่อยฉิวปลิวรสสุมามาลย์      ประสารสอดกอดหลับระงับไป




คนร่างบางทอดกายลงบนแท่นนอนมาเนิ่นนานแล้ว หากมิอาจข่มตาสู่นิทราได้ด้วยพักตร์แห่งราชันย์คล้ายลอยเลื่อนอยู่กลางฤทัยไม่วางวาย

มีเพียงเงาฉายชัดอยู่ในจิต น้ำเสียงอ่อนโยนยังคล้ายแว่วอยู่ในโสต...

‘พี่รักเจ้า’

ผู้เลอลักษณ์เม้มปากแน่นสนิท หยาดน้ำตาไหลรินข้างแก้มแผ่วเบาแต่เปียกชื้นเต็มหมอน รวบรวมความกล้าเอื้อมมือน้อยลูบไล้แก้มสากของอสุเรนทร์ที่ในยามนี้หลับตาพริ้มนอนหลับอย่างมีความสุข...

เหลือเวลาอีกเพียงไม่นานนัก เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่เขาจะสามารถมีความสุขอยู่บนโลกใบนี้ไปพร้อมกับคนที่รักมากที่สุดในหัวใจ...


ขอเห็นแก่ตัวทำเพื่อตนเองหนสุดท้าย...ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนี้กับคนที่รักดังเคย






ก่อนวันแสดงสองวัน ทุกคนในโรงละครแห่งชาติต่างวิ่งวุ่นอลหม่านกันไปทั่วทั้งคนเบื้องหน้าและเบื้องหลัง หนักหน่อยเห็นจะเป็นทีมงานจัดแสงสีเสียง ทำฉากประกอบการแสดงที่วิ่งไปนู่นมานี่ไม่หยุดตั้งแต่เช้าจรดเย็น และดูว่างานนี้จะไม่เสร็จง่ายๆเสียด้วย
ปู่เหนือและครูจันทร์ยืนมองฉากประกอบบนเวทีที่ทำขึ้นอย่างสวยงามตระการตาด้วยความพึงพอใจ ยิ่งวันงานใกล้มากเท่าไหร่หัวใจผู้มากวัยก็ยิ่งเต้นแรงมากกว่าเดิมหลายเท่า ปู่เหนือถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่ค่อยหลับ และพอนอนไม่หลับก็ชอบออกมาตรวจดูความเรียบร้อยบ่อยครั้งในยามดึก บอกตามตรงตัวเขาคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่างานที่มีเวลาเตรียมตัวเพียงหนึ่งเดือนจะสามารถทำออกมาให้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างได้ขนาดนี้ อย่างว่าล่ะนะ...มีเงินทุนหนา...จ้างบุคลากรมืออาชีพเฉพาะทางมาช่วยจัดการดูแลอีกต่อหนึ่ง เรื่องยากๆหนักๆก็กลายเป็นเรื่องง่ายในทันใด

“เฮ้ย! ไอ้ศักดิ์อย่าคิดกระโดดลงจากเวทีเชียว ไปๆ ไปเดินลงตรงบันไดนู่น”

“ครับ...ท่านครูผู้ยิ่งใหญ่”

“พูดมากเดี๋ยวข้าถีบให้”

“ขอโทษขอรับ”

ชายหนุ่มร่างสันทัดหยุดชะงักกะทันหัน ยกมือไหว้ปลกๆก่อนจะค่อยๆย่องลงบันไดแบบไร้สุ้มเสียงให้มากที่สุด

“ไอ้นี่มันกวนฝ่าเท้าข้าโดยแท้ อ้าวไอ้สิงหาถือฉากดีๆหน่อยสิวะ หักขึ้นมาข้าจะให้เอ็งนั่งวาดงานชิ้นนี้ใหม่คนเดียว...เออ ถือดีๆ...เฮ้อ วันนี้มันเป็นวันอะไรกัน ขัดใจข้าไปเสียหมด”

“ใจเย็นหน่อยสิคะท่านปู่ นี่ค่ะ...โอเลี้ยงร้านป้าช้อยหน้าโรงละคร”

“รู้ใจปู่ดีเชียว ขอบใจ” คนเป็นปู่ยกโอเลี้ยงโบราณแก้วใหญ่ขึ้นจิบหวังให้ความหวานเย็นช่วยลดอาการหงุดหงิดในใจลงบ้าง “เออ แล้วเรื่องชุดจัดการเรียบร้อยหรือยัง ต้องแก้ตรงไหนอีกหรือเปล่า”

“ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วค่ะท่านปู่ ไม่มีปัญหาในวันแสดงจริงแน่นอน ส่วนเครื่องประดับล้วนอยู่ในการดูแลของบริษัทรามาจิวเวอร์รี่ จันทร์ว่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเหมือนกัน”

“นักแสดงล่ะ”

“ทุกคนทำได้ดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะคุณราเมนทร์ คุณอสุเรนทร์ที่รับบทเป็นพระรามกับทศกัณฐ์พวกเขาแสดงกันได้ดีมากจนน่าประหลาดใจ คือ...มันดีจนจันทร์อดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นพระราม ทศกัณฐ์ตัวจริงมาแอบเล่นให้ทางกรมศิลป์ของเราหรือเปล่า”

“เพ้อฝันอะไรอีกล่ะแม่จันทร์”

“จริงๆนะคะท่านปู่ เหมือนครั้งที่แล้วที่ท่านปู่เคยบอกจันทร์อย่างไรคะเรื่องการแสดงของพ่อเปรม คล้ายกับว่าเขาสวมจิตวิญญาณของตัวละครนั้นอยู่เลยทำให้พ่อเปรมแสดงได้ดี แต่สำหรับคุณอสุเรนทร์และคุณราเมนทร์ไม่ใช่ มันแตกต่าง...” ผู้อ่อนวัยกว่าเว้นวรรคหายใจและกล่าวต่อ “การแสดงออกทางสีหน้าท่าทางของพวกเขามันทำให้จันทร์รู้สึกมากกว่าขนลุก ยิ่งในฉากสุดท้ายที่นางสีดาต้องมองทศกัณฐ์ตายต่อหน้าต่อตาเพราะถูกหนุมานบีบกล่องดวงใจ...จันทร์ไม่รู้จะต้องใช้คำพูดไหนแทนความรู้สึกของจันทร์ดี”

“ปู่ก็ไม่ได้อยู่ดูเสียด้วยสิ มันเป็นอย่างไร เล่าให้ปู่ฟังหน่อยได้ไหม”

“จันทร์อธิบายไม่ถูกจริงๆค่ะ เอาเป็นว่าท่านปู่รอดูของจริงในวันงานเลยดีกว่านะคะ”

“บ๊ะ หลอกให้คนแก่อย่างข้าอยาก แล้วก็จากไปเนี่ยนะ...ช่างเป็นหลานที่ใจร้ายยิ่งนัก”

“แหมท่านปู่ จันทร์อยากเล่าให้ท่านปู่ฟัง แต่จันทร์เรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ หากจะให้ใช้คำพูดที่น่าจะใกล้เคียงที่สุด ก็เห็นจะเป็น น่าสงสาร”

“น่าสงสารรึ?”

“ตัวละครทั้งสามตัวมีความโดดเด่นและแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทศกัณฐ์รักนางสีดา ไม่ใช่รักที่เกิดจากกามราคะ แต่เป็นรักที่บริสุทธิ์ ยอมตายเพื่อนางอันเป็นที่รักได้หากทำให้นางและลูกอยู่รอดปลอดภัย พระรามมีความมั่นคงในรักก็จริง แต่ก็เป็นคนที่รักในศักดิ์ศรีมากคนหนึ่ง ยอมหักไม่ยอมงอ อะไรที่เป็นของตนก็ต้องเป็นอยู่วันยังค่ำ”

ดวงตาของหญิงวัยสามสิบปีเศษมองไปยังลูกศิษย์รักที่กำลังพูดคุยซ้อมท่าอยู่กับประธานบริษัทหนุ่มทั้งสอง รอยยิ้มบางเบาปรากฏบนใบหน้า
“ส่วนนางสีดา นางเป็นคนน่าสงสารที่สุดเพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหนนางก็เจ็บปวดทั้งสิ้น การที่เลือกไปอยู่กับพระรามในตอนท้ายไม่ใช่เพราะไม่รักทศกัณฐ์นะคะ แต่เพราะไม่อยากให้เรื่องราวข้อพิพาทอันน่าวุ่นวายต้องดำเนินต่ออย่างไม่มีวันจบ ทั้งที่ใจจริงของนางดูรักพญารากษสมากกว่าพระรามอีกค่ะ”

“ปู่เองก็ไม่รู้ว่าเนื้อหาของเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณทศและคุณกฤตแต่งขึ้นเองหรือเป็นเรื่องจริง แต่ที่แน่ๆบทประพันธ์บทนี้ทำให้ปู่ต้องหันกลับมามองเหล่ายักษาในมุมใหม่”

“คงต้องยกเครดิตให้คุณชินกฤตเขาล่ะค่ะ ดำเนินเรื่องได้ดีจริงๆ”

ภาพความฝันเมื่อคืนวานแจ่มจ้าขึ้นในมโนนึกของบรมครูอาวุโส...

ภาพตนเองยืนมองตัวเอกทั้งสามด้วยความตื่นตะลึง เลือดสีแดงสดไหลซึมเปรอะเปื้อนเครื่องทรงนางก่อนจะขยายตัวเป็นวงกว้าง ร่างสูงใหญ่ของผู้ครองกรุงลงกาทรุดลงตรงหน้านางอันเป็นที่รัก..

ร่างไร้วิญญาณธิดาแห่งกรุงมิถิลาคืนสู่สวรรค์...อสุเรนทร์ช้อนร่างบางด้วยท่อนแขนแข็งแรงแนบสู่อกกว้าง พร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นสาย

“ก็คงต้องหวังให้งานในวันนั้นออกมาดีอย่างที่คิดไว้แล้วกัน”

 อย่าได้เกิดโศกนาฏกรรม ความสูญเสียอันน่าเศร้าสลดเช่นภาพแห่งความฝันเลย...




วันเวลาแห่งการรอคอยมาตลอดหนึ่งเดือนเต็มได้สิ้นสุดลงแล้วในวันนี้ ดวงทิวากรสาดส่องแสงเจิดจรัสยิ่งกว่าวันใด ท้องนภาเปิดโล่งไร้หมู่เมฆาบดบังเช่นวันก่อนๆ สำหรับปู่เหนือแล้วถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดีในการจัดแสดงและต้อนรับผู้คนที่ล้นหลามเข้าสู่ความน่าอัศจรรย์ใจแห่งนาฏกรรมโขนเลื่องชื่อ

พื้นผิวกระจกสะท้อนให้เห็นวงหน้าผุดผาด คิ้วเรียวโก่งดั่งคันศรถูกทาด้วยสีดำเข้มรับกับดวงตารีเรียวที่แต่งแต้มด้วยสีสันของเครื่องประทินโฉม ขนตางอนยาวเป็นแพหนา ยิ่งส่งเสริมให้ดวงตาคู่นี้แลดูหวานล้ำมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ริมฝีปากอิ่มตึงถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดคลี่ยิ้มอ่อนยามช่างแต่งหน้าครึ่งหญิงครึ่งชายสวมชฎาทรงสูงให้เป็นสิ่งสุดท้าย

“ขอบคุณนะครับพี่น้อยหน่า”

“โอ้ย ไม่เป็นไรเลยค่ะ พี่ชอบแต่งหน้าให้คนสวยๆอย่างน้องเปรมมากที่สุด”

คนถูกชมได้แต่ยิ้มเขิน “ผมไม่สวยหรอกครับ เป็นเพราะฝีมือการแต่งหน้าของพี่น้อยหน่ามากกว่าผมถึงออกมาดูดีได้ขนาดนี้”
“เรานี่ปากหวานจริงเชียว จะอยู่รอในห้องก่อนหรือเปล่าจ๊ะเปรม ถ้าไม่พี่จะได้ล็อกห้องเลย”

“ขอผมอยู่ทำสมาธิในนี้สักครู่นะครับ สักห้านาทีแล้วพี่ค่อยเข้ามาใหม่แล้วกัน”

หญิงข้ามเพศหรี่ตามองพ่อสีดาน้อยอย่างสงสัย “มีเรื่องอะไรกังวลใจหรือเปล่า บอกพี่ได้นะ”

“ไม่ครับ ไม่มี ขอบคุณพี่น้อยหน่ามากที่เป็นห่วง”

“อืม ถ้ายังไงพี่ขอไปดูความเรียบร้อยห้องๆข้างก่อนแล้วกัน และเดี๋ยวจะกลับมาใหม่”

ร่างอวบอั๋นของน้อยหน่าลาลับไปครู่หนึ่งแล้ว หากเปรมก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมไม่ลุกไปไหน ปรายตามองต่ำ ไปยังเปิดลิ้นชักชั้นบนสุดของโต๊ะเครื่องแป้ง มืองามผุดผ่องค่อยๆเอื้อมเปิดมันอย่างใจเย็น ไม่เร่งรีบ...สิ่งที่ปรากฏอยู่ในนั้นมีเพียงสิ่งเดียว ถุงกำมะหยี่สีดำน่าพิศวง

ฝ่ามือเรียวสวยค่อยๆบรรจงกระตุกเชือกสีทองเส้นเล็กสองเส้นที่รัดให้คลายออกด้วยอาการสั่นเทา...หัวใจกระตุกวูบเมื่อแสงจากไฟบนเพดานที่ส่องกระทบสิ่งหนึ่งในเนื้อผ้าสีดำสนิทจนเกิดเป็นประกายคมปลาบเข้าตา



อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด...ปล่อยให้มันเป็นไปตามโชคชะตา!







น่านนนนนนนนนนนนน เอาแล้วไงๆๆๆๆๆ
ตอนหน้านะตอนหน้า ทำใจกันดีๆ รอรับบทที่หนักหน่วงใจกว่าที่ผ่านๆมากันนะคะ เราจะเอาใจช่วย ฮิฮิ :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เราจะงอนคนแต่งละนะ55555ดราม่าทำไมอัพเลเวลเรื่อยๆ
ี่่่ที่นางสีดาขอไว้ต้องทำเปรมตายแน่เลย :a5:
เดาว่าต้องเป็นหัวใจนางไม่ก็เกี่ยวกับวิญญาณ#โคนัน

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เราจะงอนคนแต่งละนะ55555ดราม่าทำไมอัพเลเวลเรื่อยๆ
ี่่่ที่นางสีดาขอไว้ต้องทำเปรมตายแน่เลย :a5:
เดาว่าต้องเป็นหัวใจนางไม่ก็เกี่ยวกับวิญญาณ#โคนัน


อย่างอนเราเลยนะ มันต้องพีคขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะสนุกค่ะ  :hao3: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
อยากอ่านต่อแล้วววววว  :ling1:

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อุกรี้ด มาไวๆเลย เกาะขแบเวทีจนจะเป็นปลวกแล้ว :katai4:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


ขอกรีดร้องแปป

มันบีบหัวใจยิ่งนัก

คนอ่านหัวใจจะวายขอรับ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
พลาดไป2ตอน
เดี๋ยวค่อยมาอ่านนะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
บีบหัวใจสุดๆ เปรมจะทำอะไรอ่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ jjasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ง่าาา น้องเปรมกับป๋าทศดีกันแล้วววว :katai4:

น้องเปรมจะทำอะไรอ่ะ ทำไมบอกพี่ทศไม่ได้

ฮือออ เรื่องดราม่ายังไม่หมดสินะ

ออฟไลน์ kyosake

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
สิ่งที่เปรมตามหา น่าจะเป็นกริช ที่นางสีดาใช้ปลิดชีพตน และวิธีปลดเปลื้องพันธนาการคงเป็นการปลิดชีพตนของเปรม บางครั้งก็เหนื่อยแทนเปรมที่ต้องทำทุกอย่างให้จบเพื่อทุกคน แต่เราแอบหวังว่าเบื้องบนคงมีเมตตาให้คุณทศกับเปรมกับครองรักกันอีกครา ฮรึกก อ่านแล้วอิน น้ำตาจะไหลจะขาดใจตามคุณทศกับเปรม ส่วนอีราม แกจะไปตายไหนก็ไป

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
กลัวใจจริงๆในตายเหอะ เปรม กับพี่ทศ สองคนนี้ต้องเจ้บไปอีกนานแค่ไหน
โอ๊ยยยยย บีบใจ

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0


OMG ตอนที่แล้วที่ถามไปมีคนทายถูกด้วยล่ะ แต่ถ้าใครยังไม่รู้ไปอ่านกันเลยค่ะ!! :katai4: :katai4: :katai2-1: :katai2-1:




ตอนที่ ๒๖
[/size]





โรงละครแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ สามารถจุคนได้มากกว่าสองพันคน เพดานสลักลวดลายวิจิตรการตา กึ่งกลางเว้นเป็นวงกลมใหญ่มีรูปสลักนางกินรีนูนสูงหลายตนลงสรงน้ำอย่างเพลิดเพลินปล่อยลงมาจากเพดาน ด้านหน้าเป็นเวทียกพื้นขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยที่นั่งผู้ชมซึ่งเป็นเก้าอี้บุกำมะหยี่น้ำเงินเข้มไล่ระดับขึ้นมาจากด้านหน้าใกล้เวทีสู่ชั้นลอย เป็นที่เฉพาะแขกวีไอพีกิตติมศักดิ์ ซึ่งชั้นนี้จะมีทั้งหมดสิบสองที่นั่ง

รากษสหนุ่มอดีตพระยาพิเภกยักษีนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้านบนที่ทางทีมงานจัดไว้ให้เป็นอย่างดี กระแสลมหนาวจากเครื่องปรับอากาศหลายสิบตัวแผ่กระจายไปทั่วทุกอณูโรงละครใหญ่ ประหนึ่งหัตถาอันเย็นฉ่ำลูบไล้ผิวกาย ทว่าถึงลมหนาวจะพัดโชยแรงแค่ไหน ก็มิอาจทำให้จิตใจที่ร้อนรุ่มของชินกฤตทุเลาลงสักนิด องคาพยพทุกสัดส่วนสั่นระริกด้วยความพยายามอดกลั้น ความร้อนรุ่มดั่งไฟเผลาผลาญเจ็บปวดแผ่ซ่านทั่วสรรพางค์กาย

ยิ่งใกล้เวลาแสดง ชินกฤตก็ปวดร้าวที่หัวใจมากเป็นเท่าทวีคูณ

เจ็บหนักเสียยิ่งกว่าตอนเห็นภาพนิมิตในยามทศกัณฐ์ต้องสิ้นชีพด้วยคมศรพระราม

“อากฤต!”

“ว่าอย่างไร...” คนเป็นอาส่งยิ้มอ่อนแรงให้หลานชาย

“ยังเจ็บอยู่หรือครับ”

“ก็มีบ้างแต่ไม่หนักเท่าเดิม”

“มันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ บอกอินหน่อยได้ไหมสิ่งที่อาเห็นในนิมิตมันคืออะไร เกี่ยวกับใคร” มือเล็กยกขึ้นแตะท่อนแขนของผู้มากวัยกว่า รู้สึกได้ถึงความร้อนรุ่มประหนึ่งไฟสุมในร่างกายของชินกฤต จนต้องดึงมือกลับ “ไหวแน่ใช่ไหมอากฤต”

“ไหวสิ ยังไงก็ต้องไหว...”

“เฮ้อ อานี่ดื้อชะมัด...อ้าว คริส อู๋ นายก็มาดูด้วยเหรอ” รณพักตร์บ่นขมุบขมิบคนเดียว ก่อนจะสายตาจะเหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงแต่งกายชุดสูทเต็มยศราวกับจะไปงานสังคมระดับหรูหราต่อ คริสผงกศีรษะเป็นเชิงทักทายตามมารยาทก่อนจะชายตามองใบหน้าขาวซีดเผือดไม่ต่างจากหน้ากระดาษ เม็ดเหงื่อเกราะพราวอยู่ทั่วหน้าผากของชินกฤต จึงอดเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“อิน ครีดไม่สบายเหรอ...แล้วเขาเป็นอะไรมากไหม หนักหรือเปล่า ให้ผมพาไปหา...”

“ใจเย็นคุณคริส พี่ชายฉันไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องห่วง”

“แต่เขาหน้าซีดมากเลยนะ”

“เอาน่า พักซักเดี๋ยวก็คงหาย”

“อาการแบบนี้คงหายยาก”

“อ้าวเห้ย ก็บอกอยู่ว่าเดี๋ยวก็หาย ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ” คนใจร้อนเท้าสะเอวตวัดสายตาใส่อย่างไม่ค่อยพอใจ ทำไมพูดยากพูดเย็นเหลือเกินไอ้หน้าหล่อผู้นี้!

“งั้นผมขอแลกที่กับอินได้ไหม”

“ห๊ะ” รณพักตร์ถึงกับหลุดอุทานออกมาเบาๆ ยกคิ้วแสดงความประหลาดใจ

“อินช่วยไปนั่งที่ของผมก่อนได้ไหม ใกล้กับผู้ชายเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเล็กหน้าตาดีคนนั้นน่ะ...ขอครั้งนี้ครั้งเดียว และผมสัญญาจะดูแลพี่ชายอินให้ดีที่สุด...นะ...ได้โปรด” 

ที่นั่งของคริสห่างจากที่นั่งของเขาและชินกฤตไม่มากนัก ไอ้ตัวเขาก็อยากสลับที่นั่งให้ตามคำขออยู่หรอก แต่มันติดตรงที่นั่งของเจ้าหนุ่มนิวยอร์กมันดันอยู่ใกล้กับใครบางคนที่เขาไม่อยากเจอไม่อยากพูดคุยเสียด้วยสิ

นั่งตรงนี้ยังพอหลบได้ แต่ไปนั่งตรงนั้นเก้าอี้ติดกันมันหลบยาก!

“ขอปฏิเสธ”

“โธ่ อินครับ ได้โปรด ผมอยากช่วยคุณดูแลครีดจริงๆนะ”

“คิดอะไรกับพี่ชายผมหรือเปล่าเนี่ย” แกล้งเอ่ยถามแบบทีเล่นทีจริง หากทว่าอีกฝ่ายกลับตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง

“ถ้าคิดเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน อินจะอนุญาตให้ผมนั่งกับครีดได้ไหมล่ะครับ”

โอ้โห ให้มนุษย์มั่นหน้านี่...!

“คุณคริส...” แม้แต่คนถูกสารภาพรักก็ยังตื่นตะลึง

“ผมชอบคุณ ชอบครีดแต่แรกเห็น ถึงตอนนี้ครีดจะไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับผม ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ แต่นับจากวันนี้เป็นต้น...ผมจะทำทุกอย่าง ใช้ความรัก ความจริงใจทั้งหมดเข้าสู้จนกว่าครีดจะยอมรับและรู้สึกเช่นเดียวกันกับผม” ปากพูด หากแต่สายตาหยั่งเข้าไปในดวงตาของคนที่เขาเกิดความชอบพอตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอ นิ่งและนานนับหลายนาที

ร่างสูงคุกเข่าลงตรงหน้าอดีตอดีตพระยาพิเภกแห่งกรุงลงกา

“ครีดครับ”

“ครับ”

“ผมเป็นเพียงผู้ชายคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่สามารถพูดอะไรออกมาก็ได้” น้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย เป็นความหมายว่าตัวเขา ‘จริงจัง’ กว่าที่เคยเป็น “แต่สิ่งที่บอกครีดมันคือความสัจจริง”

‘ครุฑต่างจากมนุษย์ เพราะมนุษย์รู้จักปรุงแต่ง แต่พวกเราหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ โดยเฉพาะตัวข้าแล้วไซร้สัจจะย่อมเป็นสัจจะ รักก็บอกว่ารัก เกลียดก็บอกว่าเกลียดมิเคยกลอกกลิ้งโป้ปดแต่อย่างใด’

‘ท่านเวนไตย...’

‘ข้ารักเจ้า หลงเจ้านักน้องเอ๋ย หากเป็นไปได้ข้าก็อยากใกล้ชิดแลเอาใจใส่เจ้าตราบชั่วฟ้าดินสลาย หากชีวิตของเราสองเป็นดั่งที่มโนภาพเอาไว้ คงจักดีนักแล...เจ้าเล่า รักข้า อยากออกเรือน เป็นคู่ตุนาหงันกับข้าฤาไม่’

‘ข้าเกลียดชังท่านนัก’

พญาครุฑราชพยายามกลั้นรอยแย้มสรวล ท้ายสุดก็มิอาจทนทานได้จึงรับสั่งปนพระสรวลเบาๆ

‘แต่ตัวพี่รักเจ้ายิ่งนักพิเภกเอ๋ย หากตัวพี่มิได้น้องมาเคียงคู่ พี่ก็มิขอมีชายาอื่นใดอีกตลอดชั่วกัลปาวสาน!’




“ครีด! ครีดครับ”

“ครับ?” ชินกฤตสะดุ้งเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์แห่งความคิดที่โลดแล่นไปยังที่ไกลแสนไกล

“ปวดหัวหรือเปล่า อยากให้ผมพาไปหาหมอไหม” ชายหนุ่มต่างชาติถาม ขณะอีกคนก็เอาแต้ก้มหน้าปฏิเสธ

“เปล่าครับ”

“แต่ผมไม่สบายใจเลย อิน...แลกที่นั่งกับผมนะ ...นะ...please...”

“เฮ้อ อิจฉาคนมีความรักกันเสียจริง เออ อยากนั่งใช่ไหม...ได้...เชิญเลย นั่งจีบสวีทหวานกันให้พอ เดี๋ยวฉันจะไปนั่งที่ตรงนั้นเอง” ถึงจะบ่นกระฟัดกระเฟียดแต่ก็ยอมลุกขึ้นพร้อมผายมือให้ร่างสูงนั่งแทนที่ของตน “อ้อ แล้วถ้าฉันเห็นพี่ชายฉันมีอาการหนักขึ้นกว่าเดิมล่ะก็...บอกพ่อแม่นายให้เตรียมโรงมาใส่ศพนายได้เลย หลู่เหลือง?!”

“โอเค ผมสัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นแน่นอน”

คนร่างเล็กพยักหน้าพอใจ แสดงอาการรับรู้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายบอกกล่าว ก่อนกระแทกส้นเท้าเดินตึงตังแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้เดิมของคริสข้างๆศุภลักษณ์ที่เงยมองเขาด้วยอารามตกใจ

“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง”

“นี่มันไม่ใช่ที่ของนายนี่อิน”

“ใช่”

“แล้วนายมานั่งตรงนี้ทำไม”

“ก็ถ้าไอ้หมอนั่นมันไม่ขอร้องอ้อนวอนอยากอยู่ใกล้ชิดกับอาของฉัน ฉันก็ไม่ได้อยากมานั่งตรงนี้ข้างๆนายหรอก”

คนได้ยินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะหลุบสายตาก้มหน้ายิ้มเศร้ากับตนเอง “นั่นสินะ...ใครเขาจะอยากมานั่งกับคนแบบฉันกัน ขอโทษด้วยที่ทำให้หงุดหงิด แต่นายไม่ต้องห่วง ฉันจะพยายามทำตัวเงียบๆไม่ให้นายต้องรู้สึกรำคาญใจแม้แต่นิดเดียว...แต่ถ้านายเกิดรำคาญขึ้นมา...ก็คิดเสียว่าตัวฉันเป็นธาตุอากาศที่มองไม่เห็นก็แล้วกัน”

“ประชดฉันเหรอลักษณ์” พ่นลมหายใจร้อน ขึงตามองศุภลักษณ์ด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ “พูดแบบนี้ต้องการประชดฉันใช่ไหม”
“ขอโทษแล้วกันถ้าคำพูดของฉันมันทำให้นายโมโห แต่พอเถอะ ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว”

“คุยกับฉันแล้วมันยังไงห๊ะ”

“อิน...”

“ตอบมา!” รณพักตร์พูดเสียงดังด้วยความเดือดดาล พร้อมกับออกแรงบีบข้อมือขาวอย่างแรงด้วยความโมโห
หงุดหงิด...หงุดหงิดเป็นที่สุด! 

“ตอบมาเดี๋ยวนี้ศุภลักษณ์ อย่าคิดหันหน้าหนีเชียว”

“โอ้ย อินปล่อย”

“ไม่”

“ฉันเจ็บ ได้ยินไหมฉันเจ็บ!”

แค่ได้ยินคำว่าเจ็บจากปากอีกฝ่าย รากษสหนุ่มก็ยินยอมปล่อยข้อแขนเรียวเล็กกว่าเป็นอิสระแทบจะในทันทีราวแตะของร้อนจัด ปรายตามองรอยแดงช้ำด้วยความรู้สึกผิด แต่ทว่าด้วยความยึดมั่นในทิฐิจึงได้แต่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ หลับตาสูดลมหายใจเข้าและปล่อยออกมาอย่างแรง

ศุภลักษณ์จับข้อมือตนเองที่โดนบีบจนช้ำและใช้มือข้างนั้นตีแผ่นอกของอีกฝ่าย

“นายมันบ้าที่สุด”

ไม่ต้องสนใจ....ห้ามหันไปมอง...มึงอย่าหันไปมองเด็ดขาดไอ้อิน

“ใจร้ายเกินไปแล้ว”

อย่าหัน....อย่ามอง...

“ฉันเกลียดนาย”

“เกลียดนายที่สุด”

โว้ย!!

ทนไม่ไหวแล้วโว้ย....!!!

“ส่งมือมา”

“อะไร”

“ฟังภาษาคนไม่รู้ไง บอกให้ส่งมือมา” แม้จะมึนงงกับอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของอีกคน แต่ก็ยอมยื่นมือไปให้คนขี้โมโหแต่โดยดี ก้าวนิ้วเรียวเล็กทว่าแข็งแรงลูบบริเวณแดงช้ำเพียงแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงเป่ารดรอยช้ำซ้ำลงไปอีกหนหนึ่ง...สายตาจับจ้องรอบรอยแดงอย่างตั้งใจ โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าพวงแก้มอนุชาแห่งพระรามที่เคยไร้สีสันกำลังขึ้นแดงซ่านพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวดั่งกลองศึก

“เจ็บมากหรือเปล่า”

“เจ็บสิ”

“ขอโทษแล้วกัน แต่นายก็เป็นคนผิดเองที่ไม่ยอมตอบคำถามของฉัน เจ็บมากหรือเปล่า...อ้าวเฮ้ย ร้องไห้ทำไมเนี่ย” รณพักตร์ถึงกับร้องเหวอ เมื่อเห็นจักษุ คู่สวยรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาและค่อยๆไหลรินอาบแก้มอย่างน่าสงสาร

“อินนิสัยไม่ดี อินใจร้าย”

“...”

“ฉันเจ็บ...เจ็บมากเลยด้วย” ใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ตำแหน่งของหัวใจ “ตรงนี้ก็เจ็บแต่มันเจ็บยิ่งกว่าเพราะว่านายมันโง่ ใช้แต่อารมณ์มาตัดสิน ไม่เคยเข้าใจฉันเลย ไอ้คนเลว”

“...”

“นายมันไอ้ยักษ์โง่ขี้โมโห ฉันเกลียดนาย อือ เกลียดที่สุด”

“โอเค ฉันจะฟังนายทุกอย่าง เงียบซะ ชู่ว...ขอโทษครับ อินขอโทษ” ไม่ว่าเปล่าวาดแขนดึงอีกคนเข้ามาซบอกของตน หลับตากดจูบลงกลุ่มผมเงาสลวยด้วยรู้สึกผิดเต็มหัวใจ

ว่าจะตัดใจ...สุดท้ายก็ทำไม่ได้เหมือนเดิม

ไอ้ยักษ์ขี้ใจอ่อนเอ้ย!

“สัญญา อึก...แล้วนะว่าจะฟังฉัน”

“ฟัง แต่ไม่รับประกันนะว่าจะยอมยกโทษให้หรือเปล่า”

“แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด เรื่องนั้นฉันไม่เคยรู้เรื่องเลยนะ”

“อาห๊ะ แล้วยังไง”

“นายไม่ควรโกรธซ้ำด้วยซ้ำ”

“ช่วยไม่ได้ ก็นายอยากเกิดเป็นน้องไอ้รามจอมวายร้ายเอง”

“อิน”

ริมฝีปากยักษากระตุกยิ้มพราย จ้องลึกยังดวงตาของอีกฝ่าย “แต่ถ้าอยากให้ฉันยกโทษให้นัก...ก็ลองแวะไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังที่บ้านของฉันคืนนี้สิ” เลื่อนริมฝีปากเอ่ยกระซิบด้วยน้ำคำแหบพร่า “รับรองจะอยู่รับฟังคำอธิบายของนายทั้งคืน...

“ฉันไม่ใช่คนใจง่ายนะ”

“แล้วตกลงไปไหมล่ะ”

“ไม่ไป”

“โธ่ ไปหน่อยนะคะลักษณ์(รัก)ของอิน อินอยากฟังคำอธิบายจากปากของลักษณ์จะแย่” ลูกเล่นแพรวพราวสมกับทายาทพญารากษสทศกัณฐ์ ทำเอาคนร่างผอมบางต้องหลุบตาลงต่ำอย่างเขินอาย “นะจ๊ะ...ไปเถิดนะ”

“แล้วทำไมต้องไปคุยที่บ้านนาย คุยที่อื่นไม่ได้หรือไง”

“ไม่ได้ เพราะอินชอบคุยบนเตียงมากกว่า...แบบสองต่อสอง”

“ไอ้ยักษ์บ้า”

“ไปนะ...นะคะคนดี”

“...”

“นะจ๊ะ...ลักษณ์จ๋า”

“มารับที่บ้านสิ แล้วจะไปอยู่คุยด้วย...ทั้งคืน”





่ต่อข้างล่างจ้าาา

ออฟไลน์ Lalita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0




เสียงอื้ออึงจากบรรดาผู้ชมทุกโซนที่นั่งไม่ว่าจะราคาย่อมเยาหรือสูงลิบลิ่วพลันเบาลงและหายไปในที่สุดเมื่อดวงไฟทั้งหมดในโรงละครหรี่แสงแทนการให้สัญญาณการแสดงที่จะเริ่มต้นขึ้น

ดวงดาวจับแขนของผู้เป็นสามี บีบกระชับด้วยความตื่นเต้น

“ฉันตื่นเต้นจังเลยค่ะคุณ เราจะได้เห็นลูกแสดงกันแล้ว”

“ตอนแรกผมก็ไม่ตื่นเต้นนะ แต่พอคุณพูดเท่านั้นล่ะใจผมนี่เต้นดังตุ๊บๆเลย” กษิดิษเด้งหน้าอกทำท่าประกอบ “ว่าแต่สรุปคนที่มาเล่นเป็นพระรามกับทศกัณฐ์คือเจ้าประธานจิวเวอร์รี่กับตาทศเรอะคุณ”

“ใช่ค่ะ”

“ผมไม่ได้ดูถูกนะ แต่เอานักธุรกิจอยู่กับตัวเลขในเอกสารจับแต่เงินมาแสดง มันจะไปสู้นักแสดงโขนที่ฝึกซ้อมมาเป็นสิบยี่สิบปีได้เร้อ”

“ดีไม่ดี อีกเดี๋ยวเราก็ได้เห็นกัน เฮ้อน่าเสียดายแทนคุณพ่อคุณแม่นะคะ ถ้าไม่ติดเพื่อนเก่าขึ้นจากใต้แวะมาเยี่ยมที่บ้านก็น่าจะมาดูด้วยกันหรอก”

“นั่นสิ น่าเสียดายไม่น้อย”



ม่านไหมปักทอลวดลายองค์เทวดานางฟ้าหลายสิบตนนั่งอยู่บนก้อนเมฆสีขาวบริสุทธิ์ เสาค้ำลงลายครุฑสยายปีกเต็มท้องนภาสีมรกต รับกับบัลลังก์สีทองอร่ามแห่งพระอินทร์...ค่อยๆเลื่อนขึ้นด้านบนอย่างช้าๆ

ในอดีตกาล ยักษ์ล้างเท้าที่เชิงบันไดเขาไกรลาส นามว่านนทก ถูกเทวดาข่มเหงมานานนับสิบล้านปีโดยการลูบหัวบ้าง ตบหัวบ้าง จนกระทั่งผมร่วงหมด นนทกแค้นใจเป็นอันมากจึงไปเฝ้าพระอิศวรกราบทูลว่าตนเองได้รับใช้มานานยังไม่เคยได้รับสิ่งใดตอบแทนเลย จึงทูลขอให้นิ้วเป็นเพชรมีฤทธิ์ชี้ผู้ใดก็ให้ผู้นั้นถึงตายได้

วันหนึ่ง...ยักษ์นนทกได้ใช้นิ้วเพชรสังหารเหล่าเทวดาเป็นจำนวนมาก พระอิศวรทรงทราบจึงกริ้วสั่งให้พระนารายณ์แปลงกายเป็นนางอัปสรเพื่อทำอุบายสังหารนนทกและเปล่งคำสาปอันเป็นจุดกำเนิดมหาสงครามระหว่างอสุรรากษสกับมนุษย์

โลกเข้าสู่ไตรดายุคซึ่งเป็นยุคที่คนชั่วเพิ่มมากขึ้นจนมีจำนวนเท่ากับคนดีเรียกว่ามีคนดีครึ่งหนึ่งคนชั่วครึ่งหนึ่ง ความเลวร้ายก่อกำเนิด นนทกสิ้นชีพและลงมาเกิดเป็นพญารากษสทศกัณฐ์ มีสิบหน้า ยี่สิบกร ทรงมงกุฎชัยครองกรุงลงกา ทว่า...แม้ทศกัณฐ์จะมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่แลทรงศักดามากเพียงไหน ก็ยังพ่ายแพ้ต่อพญาวานรพาลีถึงสองครั้งสองครา จึงเป็นเหตุให้ทศกัณฐ์ทำพิธีถอดดวงใจฝากไว้กับอาจารย์ นั่นก็คือพระฤๅษีโคบุตร

ผ่านไปไม่นานนักพระนารายณ์ก็ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ กำเนิดเป็นพระราม ทรงฤทธิ์ผู้มีกายสีเขียวราวอัญมณีจากใต้บาดาลแดนนาคราช หนึ่งในสี่พระโอรสของท้าวทศรถแห่งกรุงศรีอยุธยา อันประกอบไปด้วย พระลักษณ์ พระพรตและพระสัตรุต

พระลักษมีผู้เป็นพระชายาแห่งองค์พระนารายณ์จุติลงมาเกิดเป็นหญิงสาวร่างอรชร ความงามเป็นที่ลือเลื่องทั้งในสามโลกและสรวงสวรรค์ นามว่าสีดา

พรมลิขิตบันดาลให้พระรามและนางสีดารักกันตั้งแต่แรกพบ ทั้งสองอภิเษกสมรสกัน แต่ชะตากลับพลิกผันทำให้พระรามต้องออกบวชในป่าเป็นเวลา ๑๔ ปี พระลักษณ์และนางสีดาจึงขอติดตามไปด้วย


ณ ริมฝั่งแม่น้ำโคทาวารี นางยักษ์หม้ายนามสำมนักขา น้องสาวของทศกัณฐ์หลงใหลในรูปงามของพระรามจึงตบตีกับนางสีดาเพื่อคิดแย่งชิง จนสุดท้ายก็ถูกพระลักษณ์ลงโทษจับตัดหูและจมูก ดูน่าสมเพชเวทนาเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นเหตุให้พี่ชายทั้งสามต้องตายด้วยศรของพระราม และเมื่อทศกัณฐ์รู้เข้าจึงเกรี้ยวโกรธ ด้วยความที่หลงรักในตัวพระรามนางสำมนักขาจึงพรรณนาถึงความงามของนางสีดาให้ทศกัณฐ์ฟังจนทศกัณฐ์เกิดความลุ่มหลง มองไม่เห็นสิ่งใดดีหรือเลว ถูกหรือผิด รีบสั่งให้มารีศปลอมกายเป็นกวางทองหลอกล่อพระรามให้ห่างจากอาศรมแล้วตัวพญารากษสจะเข้าไปขโมยตัวนางสีดากลับมากรุงลงกาเอง
เพราะด้วยประการฉะนี้...ศึกสงครามอันยิ่งใหญ่ระหว่างทศกัณฐ์แลพระรามจึงอุบัติขึ้นในบัดดล




แสงไฟส่องลงยังท้องพระโรงสีทองอร่าม ประดับประดาไปด้วยอัญมณีเพชรนิลจินดาล้ำค่ายิ่งกว่าแดนใด กึ่งกลางคือบัลลังก์ผู้ปกครองแห่งยักษา ยักษี ร่างกายสูงใหญ่ หากทุกสัดส่วนแห่งองคาพยพเต็มไปด้วยความแข็งแรงแห่งมัดกล้ามที่ซุกซ่อนภายใต้เครื่องทรงใหญ่ทักทอด้วยไหมเนื้อละเอียด สอดแทรกลวดลายด้วยไหมเงิน ไหมทองที่บางเบาและทออย่างประณีต ตรึงตราผู้คนให้หลงมองด้วยความเคลิบเคลิ้มมิรู้ลืม

บรมครูเหนือและครูจันทร์ต่างหันมองหน้ากันด้วยความสุขใจ ทุกฉากแสง สี เสียงล้วนจัดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดีกว่าที่คาดคิดไว้หลายเท่าตัวนัก ละครโขนหฤทัยทศกัณฐ์ตอบโจทย์ผู้คนหมู่มากได้ไม่น้อยทีเดียว ด้วยความที่เรื่องนี้ตัวเอกคือทศกัณฐ์ หาใช่พระรามอย่างเช่นในฉบับอื่นๆ จึงนับเป็นความแปลกใหม่ที่หาชมได้ยากยิ่ง

เสียงดนตรีเร่งจังหวะฮึกเหิมในยามทำศึกสงคราม และพลิ้วไหวประดั่งสายลมพัดโบกในยามตัวเอกแสดงความรักหวานชื่นต่อกัน และคงไม่มีใครคิดด้วยว่าทศกัณฐ์ที่ถูกตีหน้าว่าโหดร้าย ขี้โมโห มากด้วยกิเลสตัณหาจะกลับกลายเป็นยักษ์แสนน่ารักน่าชังไปได้เมื่ออยู่กับลูกแลนางอันเป็นที่รัก

  แต่จุดที่สร้างความพิศวงแตกตื่นให้ผู้ชมมากที่สุดเห็นจะเป็นฉากที่นางสีดาต้องการกลับไปหาทศกัณฐ์หลังจากที่ต้องกลับมาอยู่กรุงอโยธยาในอีกครั้งเมื่อศึกชิงนางศึกแรกพระรามชนะไปอย่างง่ายดาย หญิงสาวคิดหนีจึงร่วมวางแผนกับพิเภก หลอกล่อให้พระรามคิดว่าบุตรในครรภ์ของนางคือเชื้อสายกษัตริย์กรุงอโยธยา แต่แท้จริงแล้วคือบุตรแห่งพญารากษสทศกัณฐ์ โดยการสั่งให้นางยักษ์อดูลจำแลงกายเป็นนางกำนัลทำทีมาชวนนางสีดาคุยคลายเหงา ก่อนจะใช้โอกาสยามพระรามและเหล่าลิงค่างเผลอกระซิบบอกให้นางสีดาวาดรูปทศกัณฐ์แล้วนำไปซุกซ่อนไว้ใต้หมอน เป็นเหตุให้พระรามนอนไม่หลับ รุ่มร้อน กระวนกระวาน จนสุดท้ายเปิดหมอนจึงเจอรูปวาดทศกัณฐ์

พระรามโกรธกริ้วราวปีศาจครอบงำ สั่งให้พระลักษณ์นำนางสีดาไปฆ่าและควักหัวใจมาถวายตนในทันที

เมื่อนั้น
พระตรีภพลบโลกนาถา
ได้ฟังยิ่งกริ้วโกรธา
กระทืบบาทชี้หน้าแล้วตรัสไป
เหม่เหม่ดูดู๋อีทรลักษณ์
ชั่วช้าอัปลักษณ์หยาบใหญ่
เสียแรงกูรักดั่งดวงใจ
ควรหรือเป็นได้เพียงนี้
ลอบเขียนรูปชู้ไว้ชมเล่น
ครั้นเห็นซัดใส่เอาทาสี
อนิจจาไม่รู้ว่ากาลี
เสียทีไปตามเอามึงมา
ทำศึกปิ้มปางตัวตาย
กลับเป็นแสนร้ายสองหน้า
แม้นแจ้งว่ารักอสุรา
กูจะรับมึงมาด้วยอันใด
ว่าแล้วตรัสสั่งพระลักษมณ์
อีสีดาจักเลี้ยงไว้ไม่ได้
เร่งเร็วจงพาตัวไป
ฆ่าเสียแต่ในราตรี
อย่าให้แจ้งถึงสามพระมารดา
แหวะดวงจิตมาให้พี่
จะดูใจอีกาลกิณี
ที่มันแพศยาอาธรรม์ฯ



ดวงตาแห่งโหรหลวงจับจ้องอยู่แต่เพียงการแสดงเบื้องหน้าอย่างไม่วางตา สองมือเรียวสวยกำแน่นจนไร้สีเลือด ความปวดร้าวในดวงหทัยที่จางหายไปเมื่อสามสิบนาทีก่อนได้กลับมาเยือนอีกครา หากทว่าคราวนี้เจ็บ...เจ็บจนอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด ภาพนิมิตติดๆดับๆจนมองไม่ออก ไม่รู้จะเรียบเรียงเป็นเหตุการณ์อย่างไรดี

“ครีด คุณไหวแน่นะครับ สีหน้าดูไม่ดีเลย” มือใหญ่แตะลงบนหน้าผากนวลที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ “ไม่มีคนสบายดีคนไหนหน้าซีดเหมือนคุณอีกแล้ว เราไปโรงพยาบาลกันเถอะนะ ถือว่าผมขอร้อง”

“ผมยังไปไม่ได้ ผม...ต้องอยู่รอดูให้จบ”

“แต่คุณจะไม่ไหวแล้วนะครีด”

“ผมสบายดี”

“ครีด” คริส อู๋เอ่ยเรียกเสียงอ่อน “ไม่มีคนสบายดีคนไหนหน้าซีดเหมือนคุณอีกแล้วล่ะ ไปโรงพยาบาลกันเถอะนะ”

“ผมยังไหว เข้าใจไหม”

“ไหวแน่นะถึงกับขมวดคิ้วถามซ้ำ เพราะเท่าที่สังเกตมานานเกือบชั่วโมงอดีตโหรหลวงแห่งกรุงลงกาก็มีอาการทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด อีกอย่างคริสก็รับปากรณพักตร์แล้วว่าจะดูแลคนข้างกายอย่างดี ถ้าเกิดทำให้พี่ชายแสนดีเจ้าตัวเป็นอะไรขึ้นมา อย่าว่าแต่หายตัวไปอย่างปริศนาเลย กระดูกสักชิ้นในร่างก็คงไม่มีหลงเหลือ

“ผมไม่อยากมีปัญหากับอินนะครับครีด”

“ดูการแสดงต่อเถอะ อย่าสนใจผม ผมไม่ค่อยปวดเท่าไหร่แล้ว”

“งั้นขอจับหน่อยแล้วกัน” คริสเอื้อมคว้ามืออันเย็นเฉียบของชินกฤตจับอย่างแนบแน่น ก่อนนิ้วทั้งห้าจะสอดประสานเข้าด้วยกันจนเป็นหนึ่งเดียว ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งมือลามไปสู่หัวใจ ความเจ็บปวดถูกระงับบรรเทาลงอย่างน่ามหัศจรรย์

ช่างน่าประหลาดใจนัก

‘ในยามที่เจ้าเจ็บปวด พี่จักเป็นคนคลายความเจ็บให้ทุเลาลงเอง’

เชื่อแล้ว...เชื่อจนหมดใจว่าคนคนนั้นกับคริส อู๋คือคนเดียวกัน

“ขอบคุณนะครับ”

“เพื่อครีด แค่นี้ผมทำให้ได้อยู่แล้ว”


เสียงอสุนิบาตรคำรามกึกก้องดุจฟ้าพิโรธ ทำให้พญารากษสจำต้องแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าที่มืดหม่นด้วยความไม่ไว้วางใจ รีบสั่งการให้นางกำนัลผู้ติดตามพานางมณโฑหลบไปอยู่ในห้องเพื่อความปลอดภัย
 
กลองศึกตีกระหน่ำสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน บัดนี้กรุงลงกามหาอสุราที่เคยเต็มไปด้วยความสงบสุขกลับต้องมาลุกเป็นไฟเมื่อกองทัพแห่งพระรามตีบุกเข้ามายังพระราชวัง นัยเนตรพญารากษสทอประกายวาวโรจน์ และเพิ่มความคุกรุ่นเป็นอีกเท่าตัวเมื่อเห็นพระยาพิเภก ผู้เป็นน้องชายอยู่ในสภาพสะบักสะบอมแทบสิ้นชีพ กายาเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยเหวอะหวะจากการเฆี่ยนตีก็ยิ่งโกรธาเป็นการใหญ่ นิ้วชี้หน้าฝ่ายศัตรู กระทืบเท้าลงพื้นเป็นการบ่งบอกอารมณ์ที่โมโหสุดขีด

ศรฤทธิรุทรหนึ่งในสิบอาวุธทรงพลังปรากฏสู่หัตถา ทศกัณฐ์ยืนผงาดท่ามกลางขุนศึกแลไพร่พลยักษานับครึ่งร้อยชีวิต...เป็นภาพที่ทำให้ผู้ชมแทบลืมหายใจ...อาจองค์...ทรงสง่า...สมกษัตริย์ผู้เกรียงไกร

ชั่วขณะนั้น เสมือนฟ้าดินต่างจ้องมองศึกนี้ด้วยใจระทึก

การต่อสู้ระหว่างฝ่ายมนุษย์และยักษ์เต็มไปด้วยความตึงเครียด อลหม่าน ทั้งสองผู้นำทัพต่างผลัดกันรุกและรับอย่างไม่มีใครยอมใคร จอมกษัตริย์แห่งกรุงลงกาแม้ตัวจะบาดเจ็บสาหัส เสียเปรียบฝั่งศัตรูอยู่มากโข แต่ก็มิได้ขอยอมแพ้เพราะตัวเขายึดมั่นเสมอ หากจะตาย ก็ต้องตายอย่างมีศักดิ์ศรี

ในยามนี้ทศกัณฐ์เหมือนคนจนตรอก กำลังตะเกียกตะกายใกล้สิ้นแรงในห้วงมหานที...จ้องมองหนุมานที่ทำท่าทีเยาะเย้ยชูกล่องดวงใจขึ้นเหนือหัว หทัยตระหนักถึงความพ่ายแพ้ของตนอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง  จึงได้แต่นอนรอรับชะตากรรมอันเบื้องหน้า
แต่ทว่าโชคยังพอเข้าข้างอยู่บ้าง เสียงดนตรีพลันเงียบลง....ครั้นนางสีดาปรากฏกายให้เห็นห่างออกไปไม่ไกลนัก ดวงหน้างามเปรอะเปื้อนคราบน้ำตา ในแววตามีแต่ความโศกเศร้าโศกา เจ็บปวดเป็นนิจ

รณพักตร์เผลอบีบมืออีกคนที่กุมอยู่แน่นกว่าเดิม ต่อให้กาลเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถลืมเลือนสิ่งที่นางสีดาได้เสียสละเพื่อพระบิดาเขาได้เลย กล้าหาญ เด็ดเดี่ยวไม่แพ้ชายชาตรี แม้ตัวจะตาย ก็ขอให้คนรักรอด เพราะสิ่งนี้เขาจึงยอมรับนางเต็มหัวใจ

“อิน”

“ฉันไม่เป็นอะไร”

จังหวะการบรรเลงดนตรีเบาลงและเศร้าสร้อยเจียนใจจะขาด เพียงแค่ซอสามสายสีเป็นทำนองสูงต่ำเต็มไปด้วยความทุกข์ของผู้หญิงคนหนึ่ง ก็สามารถกลืนกินใจของผู้คนให้ปวดร้าวไปตามกัน

พระรามชี้หน้าต่อว่านางอันเป็นที่รักอย่างตัดพ้อ เพราะนางสีดาเลือกที่จะอยู่กับทศกัณฐ์มากกว่ากลับสู่แดนอโยธาด้วยตน

“แล้วว่าอนิจจาความรัก      พึ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล
ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป      ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา
บุรุษใดในพิภพจบแดน      ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้า
ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา       จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์
เลือกเอาเถิดจะอยู่กับผู้ใด      โปรดจงเร่งเร็วไวตระหนักคิด
เป็นตัวพี่หรือทศกัณฐ์อำมหิต      อย่าได้คิดชักช้าตอบเร็วพลัน”


เมื่อสบดวงเนตรพญารากษส...น้ำพระเนตรพลันเอ่อท้นขึ้นก่อนปรี่ไหลลงข้างพระปราง ด้วยความอาดูร นางสีดาแยงยลชายรักทั้งสองอย่างเลือกไม่ได้ หากไปด้วยพระราม ทศกัณฐ์ก็ไม่รู้จะมีชีวิตรอดหรือไม่ แต่ถ้าเลือกอยู่ด้วยทศกัณฐ์แล้ว...เรื่องราวอันบาดหมางระหว่างมนุษย์และยักษ์ก็คงไม่มีวันสิ้นสุดหรือจบลงสักที

รอยยิ้มคล้ายหยันปรากฏบนริมฝีปากของพระรามอีกครา...มันยากจะเชื่อ...’สตรีนางใดจะไม่รักผู้เป็นพระสวามี?’ คำตอบที่มั่นใจยิ่งว่า...’ไม่มี’

แต่ทว่า...พระรามกลับคิดผิดทุกประการ รอยยิ้มหุบลงฉับพลันเมื่อร่างอรชรเดินกรีดกรายเข้าไปหาทศกัณฐ์ที่นอนหอบหายใจโรยรินบนพื้นเย็นเฉียบ

มันไม่ใช่อย่างที่ซ้อมกันไว้นี่!

ปู่เหนือและครูจันทร์ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายล้วนเบิกตากว้าง ชะงักงัน เกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อเปรมจึงเดินไปหาอสุเรนทร์แทนที่จะเดินกลับเข้าหลังม่านไปพร้อมกับราเมนทร์

“ท่านปู่คะ”

“ตอนซ้อมไม่เห็นมีฉากนี่เลยนี่หว่า เอาเพิ่มตั้งแต่เมื่อไหร่”

“มันไม่อยู่แล้วค่ะท่านปู่ พ่อเปรมต้องเพิ่มขึ้นเองแน่”

“แล้วเจ้านั่นจะเพิ่มให้มันยืดยาวขึ้นอีกเพื่ออะไรล่ะ”

สองปู่หลานปล่อยให้ความเงียบย่างกรายเพราะไม่อาจเข้าใจได้ว่าพ่อสีดาน้อยคิดกระทำการสิ่งใด จึงได้แต่มองดูอยู่อย่างนั้นเพื่อไม่ให้ผู้คนเกิดความสงสัย

สองมือน้อยโอบประคองพักตร์คมคาย แล้วจรดจุมพิตกลางหน้าผากหัวโขนพญายักษ์อย่างอ่อนโยน เสียงสะอื้นร่ำไห้ทำให้อสุเรนทร์ในคราบนาฏศิลปินทศกัณฐ์เกิดความมึนงง จำไม่ได้ว่ามีฉากเช่นนี้อยู่ในบทประพันธ์ด้วยหรือ

“พี่ทศจ๋า”

“จ๋า...”

“เปรมขอโทษนะ”

“ขอโทษพี่ทำไม” เอ่ยถามผะแผ่วเสียยิ่งกว่าสายลมโบกกระซิบ

“ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา อย่างที่เคยบอกเปรมรักพี่เสมอ ไม่ว่าอย่างไรก็จะรักมิเสื่อมคลาย”

“พี่ก็รักเปรมสุดหัวใจเช่นกัน”

“หากเปรมไม่อยู่แล้ว พี่ก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ กินเยอะๆ พักผ่อนให้มากๆ อย่าโหมทำงานหนักมากเกินไปจนเจ็บไข้ล่ะ”
“หมายความว่ายังไง”

“เปรมต้องไปแล้ว เปรมอยู่กับพี่ทศไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”

“เปรม!” น้ำคำกร้าวขึ้น กระแสความน้อยใจแล่นพล่าน “น้องจะไปไหน คิดจะทิ้งพี่ไปไหนอีก หรือว่าน้องคิดทำร้ายหัวใจพี่โดยการเลือกไปอยู่กับมันหรือ”

“เปรมไม่ได้คิดทิ้งพี่ทศไปไหน แต่เส้นทางเดินของเราสองคนมันถึงเวลาต้องแยกจากกันแล้ว”

“!”

“ฝากดูแลครอบครัวเปรมด้วยนะครับ อย่าให้พวกเขาต้องเป็นทุกข์เพราะลูกชายไม่รักดีคนนี้เลย”

“เปรม...อย่าพูดเช่นนั้น ได้โปรดอย่าทิ้งพี่”

คนร่างบางทำเพียงส่งยิ้มบางเบาให้เท่านั้น ก่อนจะลุกเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าราเมนทร์ พลันมือเรียวยกขึ้นลูบแก้มสาก คันศรในมือก็ร่วงหล่นลงกระทบพื้นดังก้องไปทั่วบริเวณ

“ขอบคุณเสมอมานะครับพี่ราม เปรมขอบคุณจริงๆ”

“...”

“ความรักของพี่เปรมรับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจน พี่รามเป็นคนดีและเป็นคนน่ารักสำหรับเปรมเสมอ แต่เปรมไม่สามารถที่จะให้ความรักตอบกลับได้มากกว่ากว่าความเป็นพี่น้องกัน”

ดวงตาคมร้อนผ่าว เจ็บทางกายยังไม่เท่าเจ็บทางใจ เขารู้...รู้ว่าจะต้องได้ยินคำพูดนี้จากปากของเปรมสักวัน รู้ดีว่าตนไม่มีทางได้ใจคนคนนี้มาครอบครอง และตระหนักมาโดยตลอดหทัยดวงน้อยมีเพียงอสุเรนทร์ผู้เดียวมิเสื่อมคลาย
แพ้...เขาพ่ายแพ้แล้วอย่างหมดรูป

“อย่าได้ยึดติดกับเปรมเลย และเปรมเชื่อคนดีๆอย่างพี่จะต้องเจอคนที่เหมาะสมคู่ควรกว่านี้แน่นอน”

“ช่างใจดำเหลือเกินเปมทัต” ฝืนยิ้มตอบกลับ ทั้งที่เจ็บปวดแสนสาหัส

เสียงเพลงบรรเลงขับขานเงียบไปเนิ่นนานแล้ว จิตวิญญาณครึ่งหนึ่งแห่งนางสีดาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกและปล่อยออกมายาวเหยียด มืออันสั่นระริกค่อยๆยกขึ้นอย่างแช่มช้า หมายจะหยิบสิ่งของที่ซ่อนไว้ภายใต้ผ้าห่มนาง ให้ประจักษ์แก่สายตา
อสุเรนทร์เบิกเนตรกว้างเมื่อคมมีดสีเงินสะท้อนแสงไฟวาววับถูกกดลงไปที่อกข้างซ้ายตำแหน่งของหัวใจของคนร่างบางอย่างน่าหวาดหวั่น

นั่นมัน...กริชในครั้งก่อนนี่!!

หัวใจราเมนทร์กระตุกวูบ เขาเก็บซ่อนมันไว้อย่างดีโดยไม่ให้ใครรู้ แม้แต่ศุภลักษณ์น้องชายของเขาเองก็ตาม แล้วเหตุใดกริชงาช้างด้ามนี้จึงมาอยู่กับเปรมได้

“เปรม!”

“เปรมอย่า!”

ร่างโปร่งแสงของนางสีดาปรากฏตัวพร้อมฉีกยิ้มทั้งน้ำตาเพื่อเป็นการขอบคุณและขออภัยที่ทำให้ชายหนุ่ม ผู้เป็นจิตวิญญาณครึ่งหนึ่งแห่งตนต้องมีจุดจบเลวร้ายเช่นนี้

ผมทำตามที่คุณต้องการแล้วนะครับ

‘ขอบน้ำใจเจ้านัก...แลโปรดอภัยให้ข้าด้วยพ่อเปมทัต’


เปรมกัดปากล่างตนเพื่อสกัดกั้นความเจ็บปวดทันทีที่ปลายกริชกดเข้าเนื้อขาวผุดผ่องลึกกว่าเดิมจนมีเลือดไหลซึมออกมา ดวงดาวลุกขึ้นทำท่าจะวิ่งไปหาลูกชาย หากทว่าร่างกายที่หนักอึ้งทำให้เกิดอาการซวนเซจนผู้เป็นสามีต้องกอดรัดเอาไว้ไม่ให้ล้มไปเสียก่อน หญิงวัยกลางคนน้ำตาไหลเป็นสาย หัวใจเจ็บแปลบยามเห็นปลายกริชทิ่มแทงร่างของลูกชาย

“เปรม! เปรมลูกแม่ คุณปล่อยฉันสิ ฉันจะไปหาลูก ฮือ เปรมอย่านะลูก”

“ดาว...ใจเย็นๆนะ”

“พี่แอ๊ด พาฉันไปหาลูก ฉันจะไปหาลูก ฮือๆ เปรมอย่าทำมันเด็ดขาดนะลูก แม่ขอล่ะ”

“เปรม ทิ้งไอ้นั่นลงซะ ได้ยินคำของพ่อไหม...ปะคุณ ผมจะหาคุณลงไปหาลูกเดี๋ยวนี้”

คนร่างบางแหงนมองพ่อ แม่ รณพักตร์ ชินกฤต ปู่เหนือ ครูจันทร์ร่วมถึงพี่ๆน้องในกรมศิลป์อย่างเลื่อนลอย ก่อนจะหันกลับมาสบตาสองกษัตริย์ผู้เกรียงไกรอีกครั้งหนึ่ง น้ำตาเม็ดโตไหลผ่านจากพวงแก้มสู่ปลายคาง ก่อนจะดิ่งตัวหยดลงแตกเป็นเม็ดเล็กบนพื้นเฉกเช่นเดียวกับใจที่กำลังจะแตกสลายในไม่ช้า


“ลาก่อน...”





ฉึก!





“เปรม...................!!!!!”





 :a5: :a5: o22 o22
โอย อยากจะร้องไห้ ไม่ว่าจะอ่านกี่รอบก็ยังเศร้า TT
ตอนหน้าจะจบแล้วนะคะ เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ ไม่คิอว่าแป๊บๆก็จะจบแล้ว
ใครอยากเม้นอะไร กรีดร้องดังแค่ไหน สาดมาให้เราได้เต็มที่เลยนะคะ
เฮ้อ มีความปวดใจ
พรุ่งนี้เราสัญญาจะมาต่อตอนจบให้ แต่ขอเม้นกันหน่อยน้าาาา
 :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ว่าแล้วววววว โอ้ยนออออออออ นางสีดาพอใจแล้วเนาะ แทงให้แล้ว เปรมอย่าตายนะะ
วงวารใจพี่ทศ คนรักตายต่อหน้าบ่อยเกิ้น

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ เล็กต้มยำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

ขอเวลาทำใจแปป :o12:

โอ๊ย.............

ปวดใจ

หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้าย

มันเป็นเพียงภาพลวงตา.....

รอขอรับ




ออฟไลน์ jjasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
งือ คู่อินลักษณ์น่ารักอ่ะ คู่ตัวเล็ก

ส่วนน้องเปรม หนูจะไม่เป็นไรใช่ไหมลูก พี่ทศต้องช่วยหนู สวรรค์จงเห็นใจ

จบแฮปปี้เอนดิ้งๆๆๆๆๆๆ :call:

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยยยยย รับไม่ได้ ขอเวลาทำใจด่วนๆๆๆๆๆ :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ทำร้ายจิตใจมากไปแล้วตอนนี้อ่ะ :o12:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
โอ้ยตายๆๆๆๆๆ แล้วเปรมจะเป็นไงต่อนะ

ฮือออออ หวังว่าบ่วงกรรมคงหลุดซะทีนะ

งานนี้พี่ทศใจสลายอีกแน่ๆ

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

รอฉันรอเธออยู่.....

เข้ามาดูอีกรอบ....

มาต่อเถิดขอรับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด