ตอนที่ 7
Hin : เดี๋ยวไปรับที่บริษัทหลังเลิกงาน
ดวงตาสวยเฉี่ยวซึ่งจับจ้องอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เหลือบไปมองเครื่องมือสื่อสารตรงหน้าที่สั่นครืด ก่อนคิ้วได้รูปจะขมวดมุ่นเมื่อเห็นข้อความที่ปรากฏ กระทั่งแฟนอ่านรายละเอียดงานต่อจนเสร็จ จึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์แล้วต่อสายหาคนที่ส่งไลน์มาเมื่อห้านาทีก่อน
(ฮัลโหล)
“ว่างหรือไงถึงได้จะมารับ”
หลังจากวาเลนไทน์แสนหฤหรรษ์ผ่านไปหินก็ไม่ค่อยมีเวลาเพราะงานที่แฟนไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก รับรู้เพียงว่าเป็นงานแล้วก็ไม่ได้ถามจุกจิกต่อ
(เย็นนี้ว่าง แต่พรุ่งนี้ไม่)
“กูเอารถมา”
(จอดไว้นั่น พรุ่งนี้ค่อยเอากลับทีเดียว)
แฟนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หาเหตุผลที่จะทำตามคำบอกของปลายสายไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้จะหาข้อมาขัดไปทำไมเช่นกัน
“งั้นสี่โมงออกมาเลย เดี๋ยวกูส่งโลไปให้”
(พูดง่ายแบบนี้เดี๋ยวมีรางวัล เจอกัน)
ยังไม่ทันจะได้พูดว่าไม่อยากได้ปลายสายก็ถูกตัด แฟนจึงได้แต่ส่ายหัวอย่างเอือมระอายามวางโทรศัพท์ลงที่เดิม
รางวัลที่ว่าคงไม่พ้นอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับความหื่น แต่ถึงจะอ่อนใจคล้ายเหนื่อยหน่ายแต่ใบหน้ากลับผ่อนคลายลงจนเกิดรอยยิ้มบางขึ้นบนใบหน้า
หื่นกว่ามันคงก็ไม่มีใครแล้ว
--
“คิดยังไงถึงพากูมาเดินซุปเปอร์”
ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงทำงานเอ่ยถามขึ้น เมื่อกำลังเดินเคียงอีกคนซึ่งเข็นรถไปไปทางโซนของใช้ส่วนตัว
หลังจากที่หินมารับอีกฝ่ายก็บอกเพียงว่าวันนี้จะพาไปค้างที่ห้องของเจ้าตัว โดยไม่ฟังคำเอ่ยค้านใดๆ จากนั้นก็แวะซุปเปอร์มาเก็ตก่อนถึงอะพาร์ตเมนต์เล็กน้อยอย่างไม่บอกไม่กล่าว
“ของใช้ที่ห้องกูหมด แล้วก็คิดว่าจะทำสุกี้กิน เลยพามึงแวะก่อน”
“แล้วไม่ทงไม่ถามอะไรกูเลยสักคำ”
ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของอีกคน ส่วนแฟนนั้นได้แต่ยอมทำตามเพราะถูกมัดมือชกไปโดยปริยาย
“ก็บอกแล้วไง”
“บอกว่าอะไร ตอนไหน”
“บอกว่าเดี๋ยวไปรับ มึงตกลงก็คือตกลงทุกอย่างแล้ว”
พูดจบคิ้วเข้มก็ยักใส่อย่างกวนอารมณ์จนอยากจะโบกแท็กซีกลับคอนโดเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าต่อมาก็ต้องเปลี่ยนอารมณ์กลายเป็นแปลกใจเมื่อมือข้างขวาถูกดึงไปกุม ขณะที่หินก็เข็นรถไปด้วยมือเดียว
“จับมือกูทำไม”
“อยากลองทำแบบคนอื่น”
“ทำแล้วรู้สึกยังไง”
แฟนเอ่ยถามทั้งที่สองขายังก้าวไปเรื่อยๆ มือบางไม่ได้มีแนวโน้มที่จะดึงออก พลางเดินเคียงข้างกันไปทั้งอย่างนั้น
“เข็นรถยากนิดหน่อย...แต่ก็ดี”
ดีในความหมายของคนพูดไม่รู้ว่าดีแบบไหนหรืออะไร แต่คนฟังก็ไม่คิดถามต่อ ราวกับเข้าใจความหมายนั้นแต่ให้อธิบายก็พูดออกมาไม่ได้
อาจเป็นเพราะรู้สึกเหมือนกัน
ก็ดี...
“ซื้อที่มึงใช้ไปเผื่อด้วย”
คนข้างตัวเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาจนถึงโซนของใช้ ที่มีทั้งสบู่ ครีมน้ำอาบ ยาสีฟัน ยาสระผม แป้ง และของใช้อื่นๆอีกมากมาย ภาพทั้งหมดนี้ที่ทำให้แฟนเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้มาเดินซื้อของแบบนี้นานไม่น้อย
“อยากให้กูไปค้างด้วยบ่อยๆล่ะสิ”
“ยอมรับ”
หินยักไหล่รับคำอย่างไม่ปฏิเสธ คำตอบรับนั้นง่ายดายจนคนฟังชะงัก บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร จึงทำเพียงปลดมือตัวเองที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่ออก แล้วเดินไปหยิบสบู่อาบน้ำที่ใช้ประจำมาวางลงในรถเข็น
กลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างหยิบจับของใช้ส่วนตัวลงในรถ หลายอย่างช่างแตกต่างแต่ก็ไม่มีการขัดกัน ใครอยากใช้อะไรแบบก็ตามใจ
คงมีเพียงอย่างเดียวที่จำเป็นต้องใช้ความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย...
“เอากลิ่นอะไรไหม”
หินเอ่ยถามเมื่อเข็นรถมาอยู่โซนนี้โดยเฉพาะ ส่วนคนถูกถามก็กวาดสายตามอง โดยไร้ซึ่งความกระดากอายใดๆถึงแม้จะมีสายตาของคนที่มาซื้อของคอยเรียบๆเคียงๆเมียงมอง
ปกติอีกคนก็ไม่ได้ใช้แบบกลิ่นอะไรเป็นพิเศษ และถึงแม้จะเห็นพวกกลิ่นผลไม้หรือกลิ่นขนมมามากแต่ก็ยังไม่เคยใช้จริงจังจนอยากที่จะลิ้มลอง
“ช็อกโกแลต”
“ใช้ปากนะ จะได้รับรู้ทั้งรสและกลิ่นแบบสุด”
ดวงตาคมประกายพร่างพราวขณะที่มือก็กวาดของที่แฟนรีเควสลงรถเข็นอย่างตามใจ
“มึงจะกวาดหมดทั้งชั้นมาทำไม”
คิ้วได้รูปขมวดมุ่น มองกล่องถุงยางอนามัยกลิ่นช็อกโกแลตประมาณสิบกว่ากล่องอย่างระอา
“ก็มึงอยากลอง เอาไว้ใช้ครั้งต่อๆไปด้วย”
“กล่องเดียวก็พอ...อีกกล่องก็เอากลิ่นส้ม”
มือบางหยิบของในรถเข็นคืนจนเหลือเพียงกล่องเดียว ก่อนจะหันไปหยิบกลิ่นส้มลงมาแทนอีกหนึ่งกล่อง
“หยิบแบบไม่หันมาถามไซด์เลยวะ”
คิ้วเข้มเลิกขึ้น มุมปากได้รูปยกยิ้ม พลางมองคนที่วางกล่องถุงยางอนามัยลงราวกับเป็นเรื่องปกติ
ก็เรื่องปกติ...
“มากกว่าจำไซด์ได้อีก”
คราวนี้เป็นหินที่นิ่งงัน เมื่อริมฝีปากสีสดคลี่ยิ้มเย้ายวน จากนั้นก็ลากสายตามองลงมากลางกายจนคนถูกมองร้อนวูบ
โดนเด็กยั่วอีกแล้ว
“เดี๋ยวมึงโดน”
“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
คนหน้าสวยแสร้งเบิกตานิด ทำเป็นไม่รู้เรื่องอย่างใสซื่อ ขณะที่หินได้แต่ถอนหายใจแล้วหันไปกวาดของจำเป็นที่ตัวเองใช้เป็นประจำลงรถเข็นจนหมดเป็นการตอบกลับ
รอยยิ้มสวยปรากฏขึ้นใบหน้าเมื่อคนถูกยั่วเข็นรถนี้ไปทางอื่น เมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่หันมามือบางจึงยกขึ้นมาลูบแก้มตัวเองเบาๆ
จากโซนของใช้ต่อมายังโซนของสด เครื่องทำสุกี้ถูกหยิบลงรถเข็นพอๆกับของใช้ มากมายจนเมื่อหันมาอีกทีของใช้และของสดก็เกือบเต็มคันรถ
“แครอทกับหัวไชเท้ากูพอเข้าใจ แต่สุกี้นี่ต้องใส่แตงกวา มะระ แล้วก็บวบด้วยเหรอ”
แฟนถามขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่าในบรรดาของสดมากมายมีแตงกวา มะระ และบวบอยู่ในนั้น
“อันนั้นไม่ได้ใส่สุกี้...แต่ใส่มึง”
รอยยิ้มที่เจือความหื่นนั้นเรียกให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง มองหน้าคนพูดที มองผักในรถที อย่างพูดไม่ออก
“มึง...”
ถึงจะรู้ว่าอีกคนหื่น ลามก และแสนจะสัปดน แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้!
“ฮ่ะๆๆ กูล้อเล่น ทำหน้าตกใจอะไรขนาดนั้น ก็แค่ซื้อเผื่อไว้ทำอย่างอื่น”
หินหัวเราะจนใบหน้าแดงก่ำ ร่างกายสะท้านไหว สายตาหวาดหวั่นจากคนที่มีความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่เห็นได้ไม่บ่อยนัก กระทั่งเมื่อครู่ที่แฟนแสดงออกอย่างไม่อาจปกปิดได้
“มึงมันเลว”
คนถูกแกล้งหน้าบูดบึ้ง ทั้งโมโหทั้งเกิดความโล่งใจ เมื่อครู่ที่ช็อกเพราะเชื่อว่าคนหื่นอย่างนี้จะทำจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“ถึงอยากจะลองแต่ก็ไม่แกล้งมึงหรอกน่า” คำว่าอยากจะลองทำให้แฟนขยับถอยหนี
“ห้ามมาลองกับกูเด็ดขาด”
“งั้นให้กูลองกับคนอื่น?”
“ก็เลิกกับกูสิ”
หินเลิกคิ้วเมื่อเห็นกระแสความไม่พอใจจางๆเจืออยู่ทั้งในแววตาและน้ำเสียง ก่อนในอกจะเกิดความพึงพอใจกับท่าทางนั้นจนมุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“หึง?”
“กูไม่ใช้ของร่วมกับใคร”
ใบหน้าสวยเงยเชิดพลางปรายตาจิกอีกคนด้วยมาดนางพญา ขณะที่ในใจกำลังคิดทบทวนกับคำว่าหึงไปมาอย่างเริ่มสับสน
“หึ ทั้งสวยทั้งเด็ดขนาดนี้กูจะไปหาคนอื่นทำไม”
“อย่าให้กูรู้ก็แล้วกัน”
หินส่ายหัวน้อยๆ ไม่สานต่อเรื่องราวให้เข้าตัวเองมากไปกว่านั้นแล้วหันไปสนใจของสดต่อ แล้วคนที่ขยับห่างก็เดินกลับมาเลือกของที่ตัวเองกินเช่นกัน
--
“เดือนกว่าแล้ว รีวิวกันและกันหน่อยดีไหม”
ริมฝีปากได้รูปขยับพูดทั้งที่ยังคลอเคลียอยู่กับลำคอบางทางด้านหลัง แม้จะไม่ได้มีอะไรกันเพราะไม่มีเวลา แต่หินก็แทะโลมผิวเนื้อเนียนด้วยการกดจูบและหอมไปทั่ว โดยที่เจ้าของกายหอมกรุ่นนี้ก็ไม่ได้เอ่ยห้าม ทำเพียงนอนตะแคงเล่นโทรศัพท์ของตัวเองไปเรื่อยๆ ปล่อยให้คนด้านหลังทำอะไรตามใจ
“คิดยังไงถึงอยากฟัง”
“ก็ไม่ยังไงไง พูดคุยกันก็จะได้เข้าใจกันมากขึ้น”
แฟนพลิกตัวกลับมามองหน้าคนพูด ค้นหาอะไรในดวงตาคู่นั้นก็พบเพียงความปกติ
“สำหรับกู...ก็ดี ถึงมึงจะหื่น แต่ที่เหลือก็โอเค”
“แค่นี้”
“มึงอยากฟังแค่ไหนล่ะ”
“ไม่รู้สิ งั้นตากูพูดบ้าง”
“ว่า”
“มึงไม่เหมือนภาพวันแรกที่กูเห็นเท่าไหร่”
“ยังไง”
“แว๊บแรกมึงสวย ดูคุณหนู ดูเอาแต่ใจ...พอมาคบกันก็อืม เป็นอย่างที่คิดแต่ก็ดีกว่าที่คิด”
คำพูดนั้นก่อให้คนฟังเกิดความสงสัย รู้ดีว่าตัวเองเป็นอย่างที่พูดมาทั้งหมด แต่ยังไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วคนตรงหน้ารับได้หรือไม่ได้
“สรุปว่าดีหรือไม่ดี”
“ดีสิ” หินยกยิ้ม
“เบื่อแล้วหรือยัง”
หินชะงักไปกับคำถาม ส่วนคนที่พูดยังคงมีสีหน้าที่ปกติ ราวกับถามเรื่องทั่วไป แต่มันกลับดูมีอะไรมากมายในนั้น
“สำหรับกูก็ยัง...หรือมึงเบื่อแล้ว”
คนถูกถามกลับส่ายหน้าตอบ วินาทีที่คำถามหลุดออกจากปากไปในหัวก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าหากอีกฝ่ายตอบว่าเบื่อจะเป็นยังไงต่อ และหนึ่งในคำตอบที่เกิดนั้น คือความวูบไหว ระยะเวลาเดือนกว่ามากพอที่จะก่อให้เกิดความผูกพันเล็กๆ เซ็กส์ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่มันคงไม่มากพอจะถึงขั้นเสียใจหากต้องจาก
คำตอบที่หินเองก็เกิดความรู้สึกโล่งอก ก่อนจะกล่าวต่อ
“มีอีกหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้ การมีมึงยังคงเป็นเรื่องที่สนุก แล้วกูก็หวังว่าตัวเองจะทำได้ดีในทุกๆวัน”
ใบหน้าคมที่มักทอความเย้าหยอกกลับสื่อความจริงจังออกมาทั้งทางคำพูดและแววตา
“กูก็หวังว่าอย่างนั้น”
แฟนตอบกลับพลางขยับตัวเข้าหาอีกคน วางหัวลงบนอกกว้าง แตะสัมผัสกันเพียงบางเบาให้ความไม่มั่นใจจางๆถูกปลอบประโลมด้วยความอุ่นที่ค่อยๆโอบรอบร่างกาย
“ถ้าวันนี้ยังดีอยู่ก็เดินต่อ”
คนในอ้อมกอดพยักหน้ารับเบาๆ หินรู้ดีว่าความสัมพันธ์ที่เริ่มแบบผิดรูปผิดร่างนี้มันแทบออกแบบและคาดหวังอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยการที่คนสองคนยังคงอยากเดินต่อก็เป็นสัญญาณที่ดี
เริ่มจากศูนย์ไปด้วยกัน ดีกว่าเริ่มจากร้อยแล้วลดลงเรื่อยๆ
“ช่วงนี้กูจะยุ่งมาก แทบไม่มีเวลาแล้ว กูอยากให้มึงเข้าใจตรงนี้”
สาเหตุที่ไปรับอีกคนมานอนด้วยก็เพราะเรื่องนี้ จากวันนี้ไปหินจะไปไม่มีเวลาอย่างจริงจัง แม้แต่การเจอหน้าก็อาจจะทำไม่ได้
“นอกจากเล่นดนตรีแล้วมึงยังทำอะไรอีก”
แฟนผละออกห่าง เงยหน้าขึ้นมองยามเอ่ยถาม แต่ถึงอย่างนั้นส่วนเอวก็ยังคงถูกท่อนแขนแกร่งโอบรอบ
“ไว้เสร็จแล้วเดี๋ยวกูบอก”
“เป็นความลับ?” หินส่ายหน้า
“อยากให้มึงเห็นมากกว่าให้กูพูด” เท่านั้นแฟนก็ไม่คิดถามต่อ พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
ต่อหน้าคนอื่นหินดูนิ่งเงียบ อาจไม่ถึงกับหยิ่งแต่ก็ไม่ได้เฟรนลี่ แม้ตอนนี้ที่เป็นแฟนกันนอกจากพูดเรื่องหื่นๆแล้วเจ้าตัวก็ไม่ได้เป็นคนพูดอะไรมากนัก
“จะนอนรึยัง”
“มึงง่วงแล้วเหรอ” หินสายหน้าแล้วถามกลับ
“พรุ่งนี้มึงต้องไปส่งกูแต่เช้า”
เพราะมาแบบไม่ได้เตรียมตัว ชุดนอนยังมีเพียงเสื้อยืดตัวใหญ่ของเจ้าของห้องที่คลุมต้นขาขาวเพียงครึ่ง พรุ่งนี้เช้าจึงต้องกลับคอนโดก่อนจะออกไปทำงาน
ขณะที่หินพยักหน้ารับแล้วผละตัวออกไปปิดโคมไฟให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด จากนั้นจึงรั้งร่างของอีกคนเข้ามาในอ้อมกอด ก่ายขารัดรึงคนตัวเล็กกว่าภายใต้ผ้าห่มแทนหมอนข้าง
“อื้อ อึดอัด” คนถูกกอดร้องประท้วง
“เดี๋ยวกูไม่กอดแล้วจะคิดถึง”
“ไม่คิดถึง”
“หึ”
มีเพียงเสียงหัวเราะในลำคอที่ดังเล็ดลอดก่อนอ้อมแขนแกร่งจะยอมคลายแรงลงพอให้แฟนหายใจได้สะดวกขึ้น จนคนถูกกอดอ่อนใจ ขยับหาตำแหน่งที่พอดีแล้วปิดเปลือกตาลง
สุดท้ายคนอึดอัดก็หลับไปทั้งอย่างนั้น ปล่อยให้หินนอนคิดอะไรเงียบๆกับตัวเองไปจนผล็อยหลับไปตามกัน
--
2 อาทิตย์ผ่านไป(จะมาหากูที่ผับรึเปล่า)
ปลายสายเอ่ยถามอีกทั้งยังคาดหวังคำตอบ ขณะที่แฟนทำเป็นเงียบคิด เล่นตัวให้ไม่ดูใจง่ายเกินไปนักก่อนจะยอมตกลงในที่สุด
“ไปก็ได้”
(เดี๋ยวกูเล่นดนตรีเสร็จแล้วจะโทรหา)
“อืม”
(เจอกันครับเมีย)
ยังไม่ทันจะได้ด่าปลายสายก็ถูกตัดไปจนริมฝีปากบางทำได้เพียงอ้าค้าง มือบางวางโทรศัพท์ลงทั้งยังด่าอีกคนในใจ สรรพนามและคำลงท้ายอย่างสุภาพเมื่อรวมกันแล้วฟังดูกวนอารมณ์มากกว่าอ่อนหวาน
แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าสวยก็กลับมีรอยยิ้ม เกือบสองอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอกันเกิดความโหยหาได้มากกว่าที่คิดจนยามถูกถามว่าจะที่ผับไหม ในใจก็ตอบตกลงไปก่อนสมองจะไตร่ตรอง
ช่วงเวลาที่ผ่านมาหินยุ่งอย่างที่เจ้าตัวบอกเอาไว้ ไม่แม้แต่จะได้เจอหน้าแต่ก็ยังมีคุยกันทุกวัน แล้วแต่ว่าอีกฝ่ายจะว่างเวลาไหน
เมื่อนั่งคิดและนั่งดูอะไรเพลินๆจนเวลาล่วงเลยไปถึงหนึ่งทุ่ม ร่างบางก็รีบลุกขึ้นแต่งตัว ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนทั้งสองก็ยังคงต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันอีกเช่นเคย
“กูเบื่อคนคิดถึงหลัว เบื่อความแรดที่ต้องถ่อมาหาเขาถึงที่”
“ลำบากลำบนเพื่อนไปด้วย ทีขอชิมพี่หินบ้างก็ไม่ให้”
เสียงบ่นค่อนขอดจากเพื่อนดังมาตั้งแต่ขึ้นรถกระทั่งแทบจะถึงที่หมายอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“พวกมึงจะบ่นอะไรนักหนา อย่าให้กูเห็นเริงร่า มีความสุขกับการแอ๊วเด็กนะ”
“อันนั้นมันก็เป็นกิจกรรมแก้เบื่อ”
“คนไม่มีหลัวจะแอ๊วใครก็ได้ค่ะ”
แฟนส่ายหัว ไม่ตอบอะไรกลับอย่างที่พยายามทำมาตลอดทาง ปล่อยให้เพื่อนทั้งสองด้านหน้าจิกกัดไปอย่างนั้น ส่วนตัวเองก็สนใจกับวิวข้างทางต่อจนถึงที่หมาย
และเพียงแค่หาโต๊ะนั่งได้ สั่งเครื่องดื่มเรียบร้อย ใครบางคนก็เดินตรงมาหาให้สายตาหลายคู่จับจ้องตรงมา
“สวัสดีค่ะพี่หิน/สวัสดีค่ะพี่หิน” เร็วกว่าคนเป็นแฟนก็คือเพื่อนสนิทที่รีบเอ่ยทักทายอีกฝ่ายเสียงหวาน
“หวัดดีครับ” คนถูกทักเอ่ยตอบทั้งยังถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างแฟน
“ฝากโทรศัพท์หน่อย ลืมเก็บไว้บนห้อง” หินยื่นโทรศัพท์มาให้ตรงหน้า ขณะที่แฟนยื่นมือไปรับมาใส่กระเป๋าของตัวเองอย่างงุนงง
“ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงไม่ได้รึไง”
“เผื่อมีคนส่งอะไรมา เดี๋ยวไม่มีสมาธิ” สุดท้ายคนที่ไม่เข้าใจนักก็พยักหน้ารับช้าๆเพราะขี้เกียจจะพูดอะไรอีก หินจึงถามต่อ
“สั่งอะไรกันรึยัง บอกเด็กลงบิลพี่ไว้เลยนะ”
“หูย หล่อแล้วยังใจดีอีก ขอบคุณนะคะ”
“ดีแบบนี้สนใจมาหานัทไหมคะ จะดูแลให้ดีกว่าคนแถวนี้อีกค่า”
แฟนทั้งส่ายหัวให้กับความตะแล๊ดแต๊ดแต๋ของเพื่อนและความสปอร์ตของคนข้างตัว ก่อนจะโน้มตัวไปกระซิบพูดกับหิน
“สายเปย์เหรอมึง”
“ก็พอตัว” คนฟังเบะปากใส่พลางขยับกลับมานั่งตัวตรง
“เดี๋ยวเล่นเสร็จกูลงมาหา...ไปก่อนนะครับ”
ประโยคแรกเอ่ยบอกแฟนแต่ประโยคหลังบอกเพื่อนของแฟน จากนั้นร่างสูงจึงหยัดกายลุกขึ้น หันมาสบตากันเล็กน้อย แล้วเดินกลับไปแถวๆหลังเวที โดยทิ้งความสนใจเอาไว้ให้กับคนที่อยากรู้อยากเห็นทั้งหลาย
“ฮ็อตมากค่ะดีออก มาแค่นี้เอฟซีก็จิกพวกเราอย่างกับเป็นข้าวสารของพวกนาง” บีโน้มหน้าลงมากระซิบพูด
“จิกตั้งแต่พี่หินนั่งลงยันลุกไป อื้อหืม กูยอมใจ”
แม้จะรู้ตัวแต่คนไม่จำเป็นต้องสนใจก็ทำเพียงยกยิ้ม มือบางเอื้อมไปหยิบแก้วมาชงเครื่องดื่ม นั่งจิบไปเรื่อยๆระหว่างรอคนที่ขึ้นมาเล่นดนตรี
“พี่หินก็เหลือเกิน ทำเป็นอ้างฝากโทรศัพท์ มาประกาศตัวชัดๆ ชิ” ท้ายประโยคถูกสะบัดเสียงใส่เพราะความอิจฉา
“เบื่อผัวเมียคู่ฮ็อต เราไปหาเด็กสักคนดีกว่าค่ะอีนัท”
“ไว้รอกรึ่มๆ จะได้แซ่บๆ”
แล้วทั้งสองก็ตกลงกันเป็นเรื่องเป็นราว กระทั่งเห็นนักดนตรีเริ่มทยอยขึ้นมาเช็กเครื่องดนตรีบนเวที บีและนัทก็กรีดร้องออกมาจนแฟนอ่อนใจกับเพื่อนตัวเอง
ดวงตาคู่สวยจับจ้องอยู่เพียงกับคนที่นั่งอยู่หลังกลอง แม้จะพยายามไม่มองให้อีกฝ่ายรู้ตัวนัก แต่ก็มีหลายจังหวะที่เผลอสบตากันจนต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี
ทว่าเมื่อวงดนตรีเล่นมาจนถึงช่วงท้ายก็มีเหตุการณ์ให้เสียงผิวปากดังเซ็งแซ่ ยามหญิงสาวสวยแสนเซ็กซี่เดินมายื่นบางอย่างให้กับนักร้องนำ
“ตอนแรกก็ดีใจนึกว่าให้ตัวเอง สรุปอ้าว ของมือกลองนะครับบบบบ!”
คราวนี้เสียงหวีดหวิวดังขึ้นยิ่งกว่าแม้หญิงสาวจะเดินกลับไปนั่งกับเพื่อนที่โต๊ะแล้วเรียบร้อย ส่วนคนที่โดนยื่นกระดาษมาให้นั่งนิ่ง เหลือบสายตาไปมองใครบางคนที่กำลังมองมาเช่นกันเล็กน้อย
จากนั้นหินจึงส่ายหน้าปฏิเสธ การกระทำที่ทำเอาเพื่อนร่วมวงหันมองพรึบ
“มือกลองยังไม่ว่างงั้นเก็บไว้กับผมก่อนแล้วกัน เอ้า มาฟังเพลงต่อไปกันดีกว่า”
ประเด็นนั้นถูกบ่ายเบี่ยงด้วยเสียงของดนตรีและเพลงหนักๆ ไม่นานนักทุกคนก็ลืมเลือนไป
“อีเหี้ยยยย พี่หินของน้อง ปฏิเสธต่อหน้าต่อตา”
“กูขอออ กูอยากได้ผัวแบบนี้ กูเอา!”
เสียงโหยหวนของเพื่อนแทบไม่ดังเข้าหูเมื่อสายตาถูกสะกดไว้ด้วยสายตาของคนบนเวที พลันวินาทีต่อมาแฟนก็ใจเต้นแรงขึ้นเพราะรอยยิ้มมุมปากของใครคนนั้น
--
เสียงจังหวะเท้าของที่แตกต่างกันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของลานจอดรถ ตั้งแต่หินเดินลงมาหาหลังจากเล่นดนตรีเสร็จกระทั่งเดินออกมาเพื่อที่จะไปส่งก็ยังไม่มีบทสนทนาระหว่างกัน
“ประทับใจกูจนพูดไม่ออกเลยรึไง”
ร่างสูงหย่อนตัวลงนั่งบนรถมอเตอรไซด์คู่ใจพลางรั้งคนที่นิ่งเงียบเข้ามาหาด้วยท่อนแขนที่สอดรอบเอวเล็ก
“ทำไมต้องประทับใจ” แฟนตอบกลับด้วยใบหน้าที่คิดว่าเป็นปกติที่สุด
ทั้งที่ไม่ได้เจอกันมาสองอาทิตย์แต่การกระทำเพียงเล็กน้อยกลับก่อให้เกิดความรู้สึกอุ่นๆในอกอย่างไม่สมเหตุสมผล ยิ่งตอนนี้ที่ใบหน้าของอีกคนประดับด้วยรอยยิ้มยิ่งทำให้แฟนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
บ้าน่า
“ไม่ประทับใจก็ไม่ประทับใจ...คิดถึงกูไหม”
หินเร่งเร้าเอาคำตอบด้วยการรั้งท่อนแขนให้ร่างบางขยับเข้ามาแนบชิดกว่าเดิม จนคนถูกกอดต้องขืนกายเอาไว้
“เดี๋ยวล้ม”
“อย่าบ่ายเบี่ยง ตอบมา”
“อะไร”
“คิดถึงกูไหม”
แฟนลอบกลืนน้ำลาย พยายามปกปิดอาการร้อนๆบนใบหน้าด้วยความเรียบนิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นข้างในก็ปกปิดอาการเอาไว้ไม่อยู่
เป็นครั้งแรกที่ใจเต้นกับคนตรงหน้าขนาดนี้
“ไม่”
“แต่กูคิดถึง”
คำตอบกลับนั้นทำให้คนฟังนิ่งงัน อาการที่พยายามเก็บดูจะหลุดลุ่ยไม่เป็นทางเมื่อรอยยิ้มตรงหน้าและคำคิดถึงนั้นทำลายทุกอย่างจนพังครืน
หินยกยิ้มยามสายตาจับจ้องอยู่บนใบหน้าสวยไม่วางตา สองอาทิตย์ที่ทุ่มเทกับงาน ร่างกายและสมองแสนเหนื่อยล้า แต่ถึงอย่างนั้นก็กลับมีใครแวบเข้ามาในหัวอยู่ตลอด
ใครบางคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าและยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าคิดถึง
และความคิดถึงนั้นก็ได้รับการตอบกลับจากคนไม่คิดถึงด้วยจูบลึกซึ้ง...
คนที่เป็นฝ่ายโน้มตัวลงมาจูบยังไม่แม้แต่จะได้ไตร่ตรองตัวเอง กว่าจะทันรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรก็เป็นตอนที่ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปาก ความนุ่มหยุ่นกวาดต้อนไปทั่วก่อนจะดูดดึงเคล้าเคลียกันด้วยความโหยหา จนแขนเรียวต้องยกขึ้นคล้องลำคอแกร่ง มือหนาไล้ไปตามแผ่นหลังบางช้าๆ
เสียงดูดดึงดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ นานหลายนาทีกระทั่งผละออกจากกันแล้วแฟนมีอาการหอบน้อยๆ
“ไหนว่าไม่คิดถึง” ผละออกแต่ริมฝีปากทั้งสองยังคงคลอเคลีย แนบชิด
“ก็ไม่คิดถึง”
คนปากแข็งตอบกลับพลางปิดเปลือกตาลง ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับจูบเมื่อครู่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“ไม่คิดถึงแบบนี้กูก็โอเค”
“ให้รางวัลกับการที่ปฏิเสธเบอร์สาว”
เมื่อรวบรวมสติได้ดีขึ้นแฟนจึงลืมตาพร้อมทั้งเอ่ยพูด ผละออกจากความใกล้ชิดนี้จนหน้าห่างกันในระยะที่หายใจได้สะดวก
“แสดงว่าประทับใจ” อีกคนยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มึงต่างหาก...เริ่มรู้สึกกับกูจนไม่อยากให้ความหวังใครแล้วสิ”
ความไหวหวั่นก่อนหน้าถูกกดเก็บไว้ภายใต้รอยยิ้มมุมปาก แฟนแสดงออกราวกับตัวเองเหนือกว่าทั้งที่ในใจเริ่มโอนเอน ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เริ่มรู้สึกมากกว่า
“ก็เกรงใจคนแถวนี้นิดๆแล้ว”
คนฟังพยายามเกร็งหน้าจนเริ่มปวดแก้ม สุดท้ายก็ทนสายตาคมที่มองมาไม่ไหวจนต้องหันมองทางอื่นให้หินหลุดหัวเราะ ก่อนแฟนจะเอ่ยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าเป็นปกติ ดึงความเย่อหยิ่งในตัวออกมาใช้เท่าที่จะทำได้
“กูยังไม่ได้บอกว่าหึงเลย”
“ของแบบนี้คิดเองได้”
คนคิดได้เริ่มคิดในช่วงระยะเวลาที่ห่างกัน ยิ่งเมื่อต่อหน้าต่อหน้าอีกฝ่ายแบบนี้การปฏิเสธไม่ใช่สิ่งที่ต้องนึกคิดเลยแม้แต่น้อย
เป็นเรื่องแปลกที่การไม่ได้เจอหน้าไม่ได้ทำให้ห่างเหินเช่นมันควรจะเป็น การไม่มีแฟนให้แหย่ให้แกล้งดูเป็นเรื่องที่ทำให้เหงาปากมากกว่าจะสบายใจ
ประโยคที่แฟนทำเพียงแค่ฟังแล้วก็นิ่งเงียบ ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วทุกอย่างยกเว้นใบหน้าของคนตรงหน้า กระทั่งความเงียบปกคลุมเกือบห้านาทีปลายนิ้วแกร่งจึงดันคางเล็กให้อีกคนหันมาสบตา
“มองหน้ากูได้แล้ว”
“อะไร”
“สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง”
ถึงจะพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์ทุกวันแต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับการเห็นด้วยตา แฟนดูผมยาวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ความสวยและมีเสน่ห์นั้นยังคงเดิม ไม่มีลดลง
“ก็ดี ไม่มีคนหื่นคอยทำให้เหนื่อย...แล้วมึงล่ะ งานเป็นยังไง”
“แน่ใจว่าไม่มีกูทำให้เหนื่อยแล้วดี”
คำถามเรื่องงานไม่ได้ถูกเอ่ยตอบ มีเพียงคำพูดก่อนหน้าที่ดังเข้าหู ให้คนคิดแต่เรื่องแบบนี้เอ่ยขึ้นด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“ดีที่สุด” หินทำเป็นพยักหน้ารับคำตอบนั้นช้าๆ
“อย่าตบะแตกทีหลังก็แล้วกัน”
“มึงต่างหากที่จะตบะแตก” ต่างฝ่ายต่างเกทับกัน
“งั้นมารอดูกัน”
ใบหน้าคมทอความเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าครั้งไหน ท่อนแขนใหญ่ปล่อยเอวเล็กให้เป็นอิสระ ก่อนจะหันไปหยิบหมวกกันน็อกมาใส่ให้อีกคนจนเรียบเรียบร้อย เปลี่ยนจากการนั่งข้างไปนั่งคร่อมแล้วสตาร์ทรถ พร้อมเดินทาง
จากนั้นคนที่เรียนรู้การขี่มอเตอร์ไซด์จนเริ่มเชี่ยวชาญจึงขยับขึ้นมาซ้อนด้านหลัง ขณะในหัวกำลังครุ่นคิดถึงคำว่ามารอดูกันด้วยความหวาดระแวง
แล้วแฟนก็ได้เข้าใจในความหมายของคำพูดนั้นเมื่อร่างสูงใหญ่ที่สวมเพียงกางเกงวอร์ม โชว์เรือนกายส่วนบนแสนยั่วเย้าเดินโฉบไปมา โดยไม่มีแววจะเข้ามานัวเนียทั้งที่ปกติคนอย่างหินไม่เคยพลาดโอกาสนี้แม้สักนิดเดียว
ไม่แม้แต่จะเข้ามาใกล้ชิด
จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม!
ได้...แล้วมาดูกันว่าใครจะยั่วให้อีกฝ่ายตบะแตกได้เร็วกว่า
TBC.
มาอีกแล้วววว ขอกำลังใจให้ขยันๆแบบนี้ไปเรื่อยๆด้วยน๊า อิอิ เขาเริ่มหวานกันแล้วอ่ะ คึคึ เขินจัง>////< มันยังเรื่อยๆ เบื่อกันไหมเอ่ย คอมเมนต์บอกได้นะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าน๊าาาาา
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/writerexsoull/
Twitter : https://twitter.com/exsoull_ ฝากติดแท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะ