เพราะนายคือของฉัน [ll] : 15
จากที่คิดว่าจะไม่มีเรื่องอะไรให้กลุ้มแล้ว กลับมาเจอเรื่องที่น่าหนักใจยิ่งกว่าความรักเสียอีก นั่นคือการเลือกสถานที่ไปฝึกงาน แอบอิจฉาบางคณะที่ไม่มี แต่คิดไปก็เท่านั้น ในเมื่อมันต้องไปก็ต้องตามนั้น
“สรุปมึงไปต่างจังหวัดจริงๆ เหรอวะ” ผมถามไอ้สักที่นั่งอัดบุหรี่อย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะตอนบ่ายมีพรีเซนงานชิ้นสุดท้าย
“เออสิ” พูดจบก็โยนบุหรี่ลงพื้นแล้วขยี้จนเละ “มึงล่ะ หาได้หรือยัง”
“กูไปกับมึงได้ป่ะ” เพราะขี้เกียจจะหา
“ไปได้ ถ้าผัวมึงอนุญาต” เอาซะผมไปไม่เป็นหลังจากได้ยิน “แล้วนี่ บอกพี่โชของมึงหรือยัง”
“ยังเลยว่ะ ว่าจะบอกเร็วๆ นี้แหละ”
“แล้วมึงเลือกที่ไหน”
“พี่รหัสกูแนะนำที่ๆ เขาเคยไปฝึกว่ะ”
“ที่ไหนวะ”
“โรงเรียนสอนศิลปะอะไรสักอย่าง”
“หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ จะไปสอนคน”
“ทำไม หน้าหล่อๆ อย่างกูทำไมจะสอนคนไม่ได้”
“เปล่า” ปฏิเสธเสียงสูงไอ้นี่ “แล้วพวกไอ้ทูไปไหนวะ”
“ไปซื้อชานมไข่มุก ไอ้นี่ก็เสพติดเกิน กินมันได้ทุกวัน”
พูดไม่ทันจบดี ไอ้ทูก็เดินนำหน้าไอ้ต๋องกับไอ้เคมาที่โต๊ะ สามสหายดูดชานมไข่มุกอย่างเอร็ดอร่อย ที่จริงผมก็ชอบนะ แต่ผมเคยดูดแล้วไข่มุกมันพุ่งเข้าไปในคอ พี่โชตบหลังผมแทบหัก กว่ามันจะย้อนออกมา เกือบได้ไปโรงพยาบาลเพราะไข่มุกติดคอแล้ว จากนั้นมา ผมก็ไม่เคยกินอีก เข็ดมากบอกตามตรง แค่เห็นตอนไข่มุกสีดำลอยขึ้นตามหลอด ขนแขนก็ลุกแล้ว
“เย็นนี้แดกเหล้ากัน กูได้บัตรฟรีมิกเซอร์ว่ะ” ไอ้เคสะบัดการ์ดแข็งโชว์ เอาซะพวกผมตาลุกวาว “สนไหมๆ”
“สนสิไอ้สัด” ไอ้ต๋องตอบก่อนใครเพื่อน
“กูก็สนนะ” ตอบพลางมองตามบัตรในมือเพื่อนตาละห้อย “แต่เย็นนี้กูต้องไปกินข้าวบ้านพี่โชว่ะ”
“อ่าว มีอะไรพิเศษเหรอวะ” ไอ้ทูหันมาถาม ทั้งที่ยังดูดมุกเข้าปากอยู่ตลอด ถ้าติดคอนะมึงเอ๊ย กูจะสมน้ำหน้าให้
“ไม่รู้ว่ะ” ตอบไปงั้น ที่จริงก็เพราะเพื่อนของสามีพี่ชีสได้เนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยมมา ที่บ้านพี่โชเลยจะทำชาบูกัน แถมมีอาหารทะเลด้วย มีหรือที่ไอ้กลอยจะพลาด “ไว้คราวหน้าแล้วกัน”
“ตามใจ สรุปมีแค่สี่นะ”
“เออ”
เม้มปากอย่างเสียดาย แต่ชาบูบ้านพี่โชน่าจะแพงกว่า หากพลาดคราวนี้ ก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กินอีก ในเมื่อมันต้องเลือก ผมก็เลยต้องทิ้งเพื่อน ขอโทษจริงๆ เพื่อนเอ๋ย
ว่าไปนั่น...
พอหลังจากเลิกเรียน ผมก็ขับรถตรงไปยังบ้านของพี่โชเลย เพราะทุกคนรออยู่ที่บ้านหมดแล้ว กว่าผมจะถึงท้องฟ้าก็เริ่มมืด คนแรกที่วิ่งเข้ามาหาคือหลานสาวตัวน้อยของพี่โช น้องบีมยิ้มร่าเข้ามาจับมือผม บนศีรษะมีหมวกสตอเบอรี่ด้วย น่ารักดี
“น้ากลอยชอบหมวกน้องบีมไหมคะ” แล้วน้องก็ส่ายหัวดุ๊กดิ๊กทำให้ผมพยักหน้าลงพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นส่ายหน้ารัวๆ เมื่อน้องจะถอดมาให้ผม “น้องบีมให้ค่ะ เพราะของน้องบีมมีอีก”
“น้ากลอยไม่ได้สระผม เดี๋ยวหมวกน้องบีมเหม็น” ข้ออ้างที่น่าจะฟังขึ้นที่สุด เด็กตัวเล็กพยักหน้าลงเบาๆ อย่างเข้าใจ “เดี๋ยวน้ากลอยไปช่วยคนอื่นดีกว่าเนอะ”
“น้องบีมไปด้วย”
จากที่คิดว่าอยู่กับเด็กไม่ได้ ตอนนี้น้องบีมเกาะติดผมอย่างกับตังเม คงตั้งแต่ไปเต้นงานโรงเรียนให้ละมั้ง ที่ทำให้ผมเลิกระแวงฟันของน้อง ว่าจะมาจมในผิวเนื้อของผมส่วนไหนอีก พี่โชหาว่าผมประสาทหลอน ก็แน่ล่ะ ไม่เคยโดนเด็กกัดจมเขี้ยวก็พูดได้
ผมเดินตามน้องบีมมาจนถึงสวนหลังบ้าน เห็นสระว่ายน้ำแล้วทำให้นึกถึงวันที่มาง้อพี่โช นึกแล้วโคตรจะขำ ไม่รู้ทำไปได้ยังไง จังหวะที่ยืนเหม่อ มือก็ถูกกระตุก น้องบีมบีบมือผมแล้วพาเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับทุกคน ผมยกมือไหว้รอบโต๊ะตามมารยาทของคนอายุน้อยสุด พี่โชก็รีบขยับให้ผมนั่ง
“หิวไหม” เสียงนุ่มถามในระยะประชิด ผมก็พยักหน้ารับ “เดี๋ยวพี่ตักให้”
มองหม้อชาบูบนโต๊ะยาวอย่างน่าตื่นเต้น ยิ่งข้าวของที่วางเรียงรายรอเวลาต้มกับลวกยิ่งใจเต้น โดยเฉพาะปูตัวใหญ่สีแดงมีหนามแหลมที่ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว เสร็จไอ้กลอยแน่
“ทำไมเลิกช้าล่ะเรา” แม่พี่โชถาม ขณะที่ผมคีบลูกชิ้นปลาใส่ปาก อยากบอกว่าร้อนมาก แต่ก็พยายามเป่าปากคลายร้อน เป็นที่ขำขันให้กับคนทั้งโต๊ะ “ค่อยๆ กินก็ได้”
“ขอโทษครับ” ตอบหลังจากของในปากเริ่มเคี้ยวได้ “พอดีต้องพรีเซ็นงาน เลยเลิกช้าครับ”
“ว่าแต่ อีกเทอมเดียวก็จบแล้วใช่ไหม” เปลี่ยนเป็นพ่อพี่โชถามบ้าง คราวนี้เกร็งพอดู
“ครับ เหลือฝึกงานเทอมสุดท้าย” พูดปุ๊บ มือพี่โชที่กำลังลวกเนื้อก็ชะงัก
“จะฝึกที่ไหนเหรอ หรือจะมาฝึกกับโช?” พี่ชีสถามบ้าง ผมหันหน้ามายิ้มให้กับพี่สาวของพี่โชบางๆ พลางส่ายหน้า “อ่าว ทำไมไม่มาฝึกที่บริษัทล่ะ หรือที่เรียนมันคนละสาย?”
“พอดีผม...”
“กลัวว่าจะฝึกงานไม่เต็มที่ใช่ไหม” ถูกพ่อพี่โชขัดกลางปล้อง แต่มันก็ถูก ทำให้ผมพยักหน้าลง “ดีแล้วล่ะ จะฝึกงานทั้งที ก็ต้องเลือกที่เราได้โชว์สิ่งที่เรียนมา”
“พ่อพูดดี แม่ยกผักบุ้งให้”
การหยอกล้อของพ่อแม่พี่โชทำให้บรรยากาศมาคุเมื่อกี้ผ่อนคลายลง ใช่ครับ คนข้างผมนี่แหละทำให้มันดูอึมครึม พี่โชเงียบไม่ยอมคุยอะไรกับใคร นอกจากลวกหมู ลวกเนื้อให้ผม ก่อนจะชะงักจนตะเกียบร่วงเมื่อได้ยินหลานสาวเอ่ยประโยคคำสั่งออกมา
“ถ้าน้าโชไปเรียนเมืองนอก อย่าลืมโทรมาหาน้องบีมนะคะ ไม่งั้นน้องบีมจะงอนแล้วก็สั่งให้น้ากลอยงอนด้วย” พี่ชีสรีบยกมือปิดปากลูกตัวเองอย่างไว แต่เหมือนจะไม่ทันซะแล้ว เพราะผมได้ยินเต็มสองรูหู
“พี่โชจะไปเรียนเมืองนอกเหรอ” ถามเสียงเบา หัวใจเริ่มสั่น
“ไม่ไปหรอก” ตอบเสียงหนักแน่น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมหายใจสั่น “กินปูไหม เดี๋ยวพี่แกะให้” รีบเฉไฉอย่างไว ผมพยักหน้าลงช้าๆ ไม่อยากให้ทุกคนอึดอัดเลยกลับมาบ้าบอ หยอกแม่ของพี่โช แกล้งแซวพี่ชีส แม้มือที่ถือตะเกียบจะสั่นก็ตาม
ตอนนี้ทั้งเสียงคุย เสียงเพลงคึกคักกว่าเดิม ยิ่งพ่อพี่โชสั่งให้คนหอบแลปท็อปออกมาต่อไมค์ด้านนอก เพื่อจะร้องคาราโอเกะก็ยิ่งสนุก เอาจริงๆ หากย้อนกลับไปตอนเริ่มคบพี่โชใหม่ๆ ผมไม่เคยรู้เลยว่าท่านจะมีโมเม้นน่ารัก เฮฮาแบบนี้ คิดว่าจะนิ่งๆ ดุๆ อย่างกับพวกเศรษฐีในละครทีวีอย่างเดียว
“น้ากลอยร้องเพลงไหมคะ”
“ได้ละ....”
ยังไม่ทันได้ตอบรับ ไมค์ที่น้องบีมยื่นมาก็ถูกพี่โชแย่ง แล้วส่งกลับคืนหลานตัวเอง แต่ยังไม่น่าเจ็บใจเท่าประโยคนุ่มๆ กับเสียงทุ้มๆ ดูไม่มีพิษมีภัยใดๆ แต่ทำไมมันถึงจี๊ด
“น้าเขาร้องไม่ตรงจังหวะ น้องบีมร้องเถอะ”
นี่ไง มันเจ็บ
“น้ากลอยร้องเพลงไม่ตรงจังหวะ ทำไมล่ะคะ”
ยัง
“น้าโชก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ยังอีก
“หรือน้ำในหูไม่เท่ากันคะ น่าสงสารแย่เลย น้ากลอยไม่ต้องเสียใจนะคะ ไว้ไปหาหมอแล้วค่อยไปเรียนร้องเพลงกับน้องบีม คุณครูสอนร้องเพลงที่น้องบีมไปเรียน ร้องเพราะมาก แม้จะแก่แล้วแต่ก็ยังเรียนได้นะคะ”
เจ็บปวดรวดร้าวในทรวงอก ผมจ้องหน้าพี่โชจนตาแทบถลนออกจากเบ้า แต่เจ้าตัวดูจะไม่สนใจเพราะเอาแต่หัวเราะกับหลานสาวที่ใสซื่อ (แม้คำพูดจะฟังแล้วเจ็บปวดไม่น้อยก็ตามกับประโยคยาวๆ เมื่อกี้)
อาหารบนโต๊ะพร่องไปจนเกือบหมด พ่อกับแม่พี่โชก็ขอตัวเข้าบ้าน ไม่ต่างจากครอบครัวของพี่ชีสที่ต้องพาน้องบีมเข้านอน ส่วนผมกับพี่โชยังนั่งแกะเปลือกกุ้งปิ้งกันอยู่ โดยที่มีเสียงจิ้งหรีดร้องขับกล่อมเพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไป
“พี่โชอยากไปเรียนต่อเมืองนอกเหรอ” คาใจมานานมันก็ต้องถาม เพราะผมเป็นพวกอยากรู้ก็ต้องถาม ไม่อยากเก็บไว้ให้เปลืองเนื้อที่สมองอันน้อยนิด “พี่โช”
“พ่อพี่อยากให้ไป ไม่ใช่พี่อยากไป” สุดท้ายก็ตอบมา แม้จะรอนานสักหน่อย “แต่พี่ก็ปฏิเสธไปแล้ว”
“ทำไมล่ะ คนส่วนใหญ่เขาก็อยากไปเรียนต่อเมืองนอกทั้งนั้น” ถามในสิ่งที่เคยคิดเอาไว้สมัยก่อน แต่หมายถึงตัวผมเองนะ ที่เคยฝันว่าอยากไปเรียนต่อเมืองนอกถ้ามีเงิน
“นั่นมันคนส่วนใหญ่”
“พี่คนส่วนน้อยเหรอ”
พยายามไม่ให้สถานการณ์ตึงเครียดเกินไป พี่โชยิ้มพรายออกมาพลางยกมือมาขยี้หัวผม ลืมไปเลยว่ามือที่ยื่นมาเปื้อนกุ้ง กับปู
“พี่ไม่ใช่คนส่วนน้อยหรอก”
“อ่าว แล้วทำไม...”
“ที่นั่นไม่มีกลอยนี่นา”
“พูดให้ซึ้งป่ะเนี่ย”
แต่ก็ซึ้งจริงๆ นั่นแหละ อยากยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่ค่อยเต็มที่
“พี่พูดจริงๆ อะกุ้ง”
“เกือบซึ้งกว่านี้แล้ว”
พี่โชหัวเราะเสียงดังหลังจากยื่นกุ้งมาในจานของผม ก่อนจะเงียบไปอีก เอาซะผมอึดอัดไปหมด ตั้งแต่ความรู้สึกต่ำลงไปที่พุง แล้วก็กางเกง สุดท้ายถึงกับต้องปลดตะขอกางเกงนักศึกษาออกเพราะมันไม่ไหวจริงๆ
“กลอยอยากไปกับพี่ไหม” อยู่ๆ ก็มีคำถาม ที่ทำเอาผมหันขวับไปมอง พี่โชไม่ได้มองหน้าผม ดวงตาจ้องอยู่ที่กุ้งในมือที่กำลังแกะเปลือก แต่พอผมเงียบ ดวงตาคู่นั้นถึงเงยขึ้นมามอง “ว่าไง อยากไปกับพี่ไหม ถ้ากลอยไป พี่ก็...”
“จะไปยังไง กลอยยังเรียนไม่จบ เดี๋ยวก็ฝึกงานแล้วด้วย”
“ก็รอให้จบก่อน แล้วค่อยไป”
“แบบนั้นพี่โชก็เสียเวลาแย่”
“ไม่หรอก”
“กลอยดีใจที่พี่อยากให้กลอยไปอยู่ด้วย ซึ้งอีกที่บอกจะรอ แต่มันอนาคตพี่เลยนะ ถึงกลอยไม่ได้ไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ย้ายออกไปไหน ยังอยู่รอพี่ที่เดิม” ผมพยายามทำให้มันติดตลก เพราะไม่ชอบอารมณ์เทาๆ อย่างตอนนี้เลย “อีกอย่าง โทรศัพท์ก็มี ไลน์ก็เล่น คิดถึงเมื่อไหร่ก็ติดต่อมา แค่ตุ๊ดเดียวกลอยก็รับแล้ว”
“ไอ้ขี้โม้ วันนี้พี่โทรไปตั้งหลายรอบ ไม่เห็นจะรับ” แล้วคนหน้านิ่งก็ยิ้มออกมา ยังดีที่ผมจับข้อมือพี่โชไว้ทัน ก่อนที่ความมันเยิ้มนั่นจะมาแปะอยู่บนหัวของผม
“วันนี้มันสุดวิสัย พี่โทรมาตอนกลอยขี้อยู่”
“จะมีสักวันที่ไม่ขี้ไหม”
“ไม่ขี้ก็ตายสิ” คนระบบขับถ่ายดีไม่ได้น่าชื่นชมหรอกนะครับ การกินข้าวปุ๊บ แล้วอยากขี้ปั๊บน่ะ มันโคตรเป็นกรรมเลย “พี่โชไปเถอะ เผื่อกลับมาแล้วได้ดี จะได้มีเงินเยอะๆ ไว้ขุนกลอยไง” ว่าแล้วก็ลูบท้องตัวเองป้อยๆ
“พูดง่าย”
“ทำก็ง่าย พี่โชนั่นแหละ พูดยาก ทำยาก” ก่อนพี่โชจะอ้าปาก ผมก็รีบยกมือขึ้นห้าม “ที่จริงกลอยก็ไม่อยากให้พี่ไป ตอนพี่ไม่อยู่ห้อง กลอยจะอยู่คนเดียวในห้องกว้างๆ นั้นได้ยังไง ถ้าคิดถึงอกแน่นๆ ตอนจะหลับจะทำยังไง คำถามมันตีกันมั่วไปหมด”
“พี่ถึงจะไม่ไปไง...”
“แต่พอมาคิดอีกที กลอยกลับดีใจมากกว่า การที่พี่โชไปเรียนต่อ ไม่ได้ทำให้แค่ตัวเอง ยังทำเพื่อครอบครัว เพื่อบริษัท พี่โชเก่งขนาดนี้ ถ้าได้ความรู้มาพัฒนาเพิ่มเติม มันน่าจะดีมากขึ้นไปอีก” แทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะคิดได้ขนาดนี้ “ไปเรียนแค่ไม่กี่ปีเองด้วย”
“ไม่อยากให้พี่อยู่ด้วยเหรอ ไม่คิดถึงพี่เหรอถ้าพี่ไม่อยู่”
“คิดถึงสิ” ผมยกมือขึ้นจับแก้มของพี่โช พลางสบตากับดวงตาคู่ตรงหน้า “คิดถึงทุกนาทีที่อยู่คนเดียว”
“ร้องเลยไหม”
“ก็อยากอยู่ แต่เสียงไม่ถึง ปั๊ดโธ่ อย่าเพิ่งขัดสิ” แล้วพี่โชก็ยิ้มพรายออกมา “กลอยรอได้ พี่ก็รีบๆ เรียน แล้วก็รีบๆ กลับมา แต่ ขีดเส้นใต้หลังคำว่าแต่เอาไว้ ว่าห้ามหอบคนอื่นติดมือไม่ว่าจะที่ไหน ไม่งั้นกลอยจะ...”
“จะ?”
“จะใส่กางเกงว่ายน้ำเดินร่อนทั่วคอนโดเลย”
“อยากเห็นซะแล้วสิ”
“ไม่ตลกนะพี่โช”
“พี่ก็ไม่ได้จะตลก”
“ไม่ตลกแล้วขำทำไม”
“ก็ขำคนที่ทำให้พี่สบายได้ทุกครั้ง ที่มีเรื่องหนักสมองให้คิดเยอะ”
“เห็นคุณค่าของกลอยแล้วล่ะสิ”
“มากที่สุด”
พูดจบก็ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผมไปหนึ่งที พลางส่งรอยยิ้มหวานมาให้ ที่จริงผมก็อยากดราม่านะ อยากห้ามพี่โชด้วย แต่ก็นั่นแหละ ผมเป็นคน ไม่ใช่จระเข้ที่ชอบขวางทางของใคร (มุกอะไรของผมวะเนี่ย) ผมอยากเห็นคนที่ผมรักได้ดี กลับกัน หากเป็นผม พี่โชก็คงให้ไป เพราะอยากให้ผมมีชีวิตที่ดี
“สรุปแล้ว พี่โชจะไปที่ไหนเหรอ”
“พี่ปฏิเสธพ่อไปแล้วไง”
“อ่าว รีบไปบอกใหม่เลย”
“ขอคิดดูก่อน”
“อ่าว แล้วที่ลากดราม่ายาวๆ มานี่คือ?”
ไม่มีคำตอบให้ นอกจากกุ้งที่แกะเปลือก ผมส่งค้อนให้พี่โชวงใหญ่ แต่ก็ไม่ลืมหยิบกุ้งจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดแล้วยัดปาก
ถ้าถามความรู้สึกจากใจจริงๆ คงบอกได้ว่า ไม่มีใครดีใจที่คนรักจะไปอยู่ไกล จะห่างเราไป แต่จะให้ผมเห็นแก่ตัว ยึดพี่โชไว้ตลอดก็คงไม่ได้ ผมรู้ ถ้าผมเอ่ยปากว่าไม่อยากให้ไป แน่นอนว่าพี่โชก็จะไม่ไป แต่เพราะชีวิตของพี่โช ยังมีครอบครัว มีพี่น้อง มีบริษัทที่ต้องดูแล อย่างกับผม ที่ยังมีแม่ มีพี่กิ่ง และแม่ก็พร่ำสอนผมมาเสมอว่าอย่าเห็นแก่ตัว ซึ่งผมก็ทำตามมาตลอด
ยกเว้นเรื่องกินที่ทำไม่ค่อยจะได้
*****
และจากวันนั้นก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์ ผมกับพี่โชยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม จนเมื่อสองวันก่อน ระหว่างที่เรานอนคุยกันบนเตียง อยู่ๆ พี่โชก็บอกตัดสินใจแล้วว่าจะไปเรียนต่อ ครั้งแรกที่ผมได้ยินก็อึ้งและเงียบไป ก่อนจะรีบกอดแล้วตักตวงอ้อมกอดอุ่นๆ เพราะไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าจะได้กอด ได้กลิ่นแบบนี้อีก
“ฮึบไว้ไอ้เกรียน” เสียงดังมาจากด้านหลัง แน่นอนว่าผมก็บ้าจี้ทำตามจนพี่จอมขำ
ทุกอย่างที่เกิดในช่วงนี้ดูรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน จากที่ได้ยินว่าพี่โชจะไป ก็มาถึงวันไป ทั้งที่ทำใจไว้ตั้งแต่ตอนไปกินข้าวบ้านพี่โชวันนั้น พอเอาเข้าจริงก็รู้สึกใจแป้ว
“ผมไม่ร้องหรอกน่า” หันไปบอกพี่จอม เพราะตอนช่วยพี่โชเก็บของ ผมร้องไห้จนต่อมน้ำตาแห้งหมดแล้ว ร้องจนพี่โชเก็บเอาของในกระเป๋าออกไปไว้ที่เดิม นั่นล่ะ ถึงหยุดร้อง “พี่เถอะ อย่าร้องไห้ล่ะ”
“ไอ้ห่า ผัวกูก็ไม่ใช่ จะร้องทำไม” พี่จอมใช้หัวเข่ากระแทกปลีน่องผม เอาซะแข้งขาอ่อนเกือบล้ม
“แล้วถ้าพี่ซันไปเมืองนอกบ้าง พี่จะร้องไหม”
“ไม่ร้อง”
“โหย เก่งว่ะ”
“เพราะกูจะไปด้วย”
เกือบดีอยู่แล้วเชียว คราวนี้พี่จอมหัวเราะเสียงดังทำเอาคนรอบๆ ตัวหันมามอง รวมทั้งพี่โชที่ยืนคุยกับครอบครัวตัวเองแล้วก็แม่ของผม ประเทศที่พี่โชจะไปนั้น มีญาติของพี่เขาเปิดร้านอาหารอยู่ ก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง ว่าไม่ต้องพึ่งอาหารสำเร็จรูป
พี่โชผละจากครอบครัวแล้วตรงมาหาเพื่อนตัวเองที่กองอยู่ด้านหลังของผม พี่แทมโผเข้ากอดซุกหน้าเข้าซอกคอเลยโดนถีบออก สร้างเสียงหัวเราะให้แก่คนรอบข้าง
“จะเรียนโททั้งที่ ถ่อไปไกลเลยนะมึง เมืองไทยก็มี” พี่ตินทักทายเพื่อน แต่ฟังกลายๆ แล้วเหมือนอิจฉาหรือเปล่า
“ไอ้ห่าติน ไปเมืองนอกดีจะตาย” พี่แทมรีบขัด
“ดียังไงวะ” ตามด้วยพี่เบที่ถามด้วยความอยากรู้
“ไอ้ห่าเบ กูคิดมุกไม่ทัน”
ผมหัวเราะกับความเข้าขาของพวกพี่ๆ แบบนี้พอพี่โชไม่อยู่ ผมคงไม่ค่อยได้เจอแน่ๆ ห้องคงจะเงียบเหงาน่าดู คิดแล้วขอบตาก็ร้อนขึ้นมาอีก
“แล้วนี่มึงจะให้ไอ้กลอยไปอยู่ที่ไหนวะ” พี่แทมเปลี่ยนคำถามพลางปรับโหมดมานิ่ง คนถูกถามหันมามองผมพลางดึงเข้าไปกอดไหล่ “หรือจะให้มันกลับไปอยู่บ้าน?”
“ถ้ากลอยอยากอยู่ไหนกูก็ตามใจ” ผมหันไปยิ้มให้กับทุกคน แม้จะพยายามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อสกัดกั้นน้ำตาที่มันจะไหลออกมา “ไม่อยากไปแล้วว่ะ”
“กูเข้าใจ” พี่ซันยื่นมือตบบ่าพี่โชเบาๆ ก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานมาให้ผม “ยังไงซะ กูกับไอ้จอมจะช่วยดูให้ ไม่ต้องห่วง”
“ผมห่วงตัวผมเองได้ไหม” พูดพลางเหล่หางตามองพี่จอม เลยถูกโบกหัวไปที เอาซะน้ำตาที่กั้นไว้ไหลเลย “เจ็บ” แต่ก็ได้ทีในการแถ
“มึงนี่นะ ชอบแกล้งเมียกูตลอด” พี่โชง้างขาทำท่าจะเตะ แต่ก็ไม่เตะ ส่วนพี่จอมได้แต่ยักไหล่ “ซื้อตั๋วแล้วไปกับพี่ไหม ไม่อยากจากเลยว่ะ”
“พี่โชอย่าเว่อร์” ทำเป็นเก่งไปงั้น ก่อนพูดยกมือเช็ดน้ำตาไปแล้ว
“จากเป็นเดี๋ยวก็เจอ”
“ไอ้ติน มึงอย่าพูดเป็นลาง ตบปากมึงเดี๋ยวนี้”
“กูลืมไปไอ้จอม ซอรี่นะเพื่อนโช” ว่าแล้วพี่ตินก็ยกมือจะตบปากตัวเอง แต่ความไวเร็วแสงของพี่จอมที่ฟาดเข้าปากพี่ตินไปก่อนเสียงดังฟังชัดสุดๆ ทำเอาเจ้าตัวร้องโวยวายด้วยความแสบ
“อย่าลืมโทรมาหานะ” ผมบอกเสียงอู้อี้ พี่โชยื่นหน้าผากมาแตะกับหน้าผากของผม “แต่ถ้าอ่านหนังสือหรือง่วงก็ไม่ต้องโทรมา”
“ครับ”
“อย่าลืมกินข้าวด้วย เดี๋ยวปวดท้อง”
“รับทราบ”
“แล้วก็...”
“จะไปฝึกงานก็ดูแลตัวเองดีๆ ออกไปกินเหล้ากับเพื่อนได้ แต่ห้ามขับรถเอง ห้ามกลับห้องหลังห้าทุ่ม ห้ามให้คนอื่นเข้าห้อง ที่สำคัญ ห้ามไปนอนห้องไอ้จอม” เกือบหลุดขำกับข้อห้ามสุดท้าย “พูดจริงๆ นะ ไม่อยากไปแล้ว”
“กลอยรู้ ว่าพี่โชเรียนเก่ง แป๊บเดียวก็จบ” งานอวยขอให้บอก ไอ้กลอยถนัด “รีบๆ กลับมานะ”
“ครับ พี่จะรีบกลับ” จู่ๆ น้ำตาก็ทะลักออกมาโดยที่ยั้งไม่อยู่ พี่โชยกมือเช็ดแล้วเช็ดอีกก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดไหล “ร้องแบบนี้ พี่ไม่อยากไปแล้วเนี่ย”
“ไม่ร้องแล้วก็ได้” ตอบเสียงสะอื้น ตอนนี้แสบหน้าไปหมด
“พี่โอนเงินใส่บัญชีกลอยไว้ ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็ใช้ได้เลย ส่วนบัตรเครดิต พี่เพิ่มวงเงินให้แล้ว พี่ไม่อยู่แบบนี้อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สินค้าออนไลน์ก็เพลาๆ ลงบ้าง เห็นนะว่าเพิ่งสั่งของไปน่ะ”
อูย อุตส่าห์แอบไปแล้ว ทำไมยังจับได้อีก
ผมยิ้มแห้งๆ ส่งคืน คราบน้ำตาบนแก้มก็ถูกชายแขนเสื้อของพี่โชเช็ดออกจนหมด ระหว่างที่เราคุยกันอยู่ เสียงประกาศบอกเที่ยวบินของพี่โชก็ดังขึ้น ผมกับพวกพี่จอมเดินตามหลังพี่โชไปหาครอบครัว คนจะเดินทางยกมือไหว้พ่อกับแม่ตัวเอง ก่อนหันมาไหว้แม่ของผมพร้อมกับพี่กิ่ง และไม่ลืมเดินมากอดผมแล้วจูบปากส่งท้าย
“ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“พี่โชด้วย เดินทางปลอดภัยนะ รีบๆ กลับมา”
“ครับ” ส่งยิ้มให้ผม ก่อนหันไปหาพ่อตัวเอง “ฝากด้วยนะครับพ่อ”
“ไม่ต้องห่วง จะดูแลให้”
ทุกคนโบกมือโบกไม้ส่งให้พี่โชที่เดินหายเข้าไปด้านใน...แค่นี้ก็คิดถึงแล้วอะ แล้วอีกกี่วัน กี่ปีถึงจะได้เจอ ไอ้กลอยขอดราม่าสักวันได้ไหม แต่คงไม่ได้ เดี๋ยวไม่ตรงคอนเซ็ปของตัวเอง
“เดี๋ยวพี่เขาก็กลับมาแล้วลูก” แม่ผมโอบเอวเพื่อปลอบ
“ถ้าคิดถึงก็บินไปหาก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน อยากช็อปอยู่พอดี” พี่ชีสพูดจบก็ถูกสามีตัวเองมองแรง “ก็ปลอบใจน้องมันไง คุณก็”
“เหรอ” ไม่ใช่แค่พี่อัล สามีพี่ชีสหรอกนะครับที่ส่งเสียงออกมา แทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้บ้าง แต่จะไม่เต็มปากก็เถอะ
รีบๆ กลับมา กลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้รออยู่ ได้ยินไหมปีศาจ...
...TBC
ไม่อยากดราม่าเลย แต่ก็ต้องทำ เป็นดราม่าที่เป็นสไตล์ของกลอยเกรียน ให้สมกับคอนเซ็ป ความเกรียนได้ห้า ความบ้าให้ล้าน
และแน่นอนว่า ยังเหลืออีกหลายๆๆๆ ตอน ยังไม่จบนะคะ แม้จะดราม่าแบบเบาๆ ซึ่ง เรื่องนี้ ไม่มีดราม่าหนักหน่วงแน่นอน ได้เท่านี้ก็สงสารกลอยแล้ว T^T
แล้วพบกันตอนหน้าค่าาา
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและการติดตาม ขอบคุณทุกๆ ยอดวิวเลยค่า (ก้มกราบงามๆ ที่ตัก)