สืบเนื่องจากตอนพิเศษสาม หยางเฉิงสมรสใหม่กับผู้มีนาม 'คงเซียะ คนเมืองลั่ว'
พิเศษนกยูงทอง (1)
มีพ่อค้า และชาวบ้านที่เดินทางผ่านป่าสีทองอยู่ทุกวัน พวกเขาจะถวายสุรา และผลไม้ อยู่เสมอ ส่วนพวกคำอธิษฐานก็จะเป็นเรื่องทั่วๆ ไป เรื่องสุขภาพ เรื่องครอบครัว เรื่องความรัก และก็เรื่องการเงิน
วันหนึ่งเจ้านกยูงทองออกมาใกล้กับปากทางของป่า พบขบวนม้าของกลุ่มผู้คุ้มกันกำลังเดินทางออกจากเมือง พวกเขาไม่มีสินค้ามาด้วย แสดงว่ากำลังจะออกเดินทางไปรับงานให้กับพ่อค้าเมืองอื่น ผู้ที่นำขบวนม้าคือเจ้าสำนักคุ้มกันภัย เมื่อเดินทางมาถึงก็ลงจากม้า เทสุราหนึ่งจอก โปรยข้าวเปลือกหนึ่งกำมือแล้วก็จากไปโดยที่มิได้กล่าวคำอธิษฐานใดๆ
ขณะที่บรรดาฝูงนกตัวน้อยลงมากินข้าวเปลือก นกยูงทองจึงก้าวตามออกมาเพื่อมองตามหลังขบวนม้านั้น
"หยางเฉิง บุตรคนรองของท่านเจ้าเมืองหรือ"
เจ้านกน้อยที่กินข้าวเปลือกของหยางเฉิงจนอิ่มพากันส่งเสียงตอบรับว่าใช่
"เขามิได้อธิษฐานใช่ไหม"
เสียงตอบรับเซ็งแซ่อีกครา
"ทำไม เขาไม่มีเรื่องกังวลอะไรเลยหรือ"
คราวนี้เสียงของเจ้านกน้อยดังกว่าเดิม จนเจ้านกยูงทองต้องเท้าเอว
"ไม่รู้ก็ไม่รู้สิ จะโวยวายกันไปทำไมเนี่ย ข้าไม่ค่อยได้ออกมาแถวนี้ เพิ่งได้พบเขาเป็นครั้งแรก ขอถามนิดถามหน่อยมิได้หรือไง"
ใช่ เพิ่งพบครั้งแรก หลังจากที่ฟังเจ้าลู่กวางทองกล่าวถึงน้องชายคนรองของเจ้าเมืองลั่วมาหลายครา
ก็...ดูหน้าตาดีแล้วก็ท่าทางจะมีวรยุทธสูงส่ง
แต่อีกหลายวันถัดมานกยูงทองก็มารออยู่แถวๆ ปากทางของป่าอีกครั้งด้วยความอยากรู้ จนกระทั่งนึกได้ว่า หยางเฉิงกับหยางไห่ จะกลับมาเมืองลั่วในช่วงก่อนที่หยางหลงจะมาหาลู่กวางทองที่ป่าสีทองสักสองสามวัน เพื่อเปลี่ยนให้เจ้าเมืองลั่วมาหาลู่กวางทอง
ดังนั้นแล้วนกยูงทองจึงกลับมาที่เขตที่พักของนกยูง รู้ตัวอีกทีก็คือลู่กวางทองลงมาจากเขาและหยางหลงมาพักอยู่ที่ป่าสีทองแล้ว เจ้านกยูงทองจึงรู้สึกอารมณ์ไม่ดีนักตลอดเวลาที่หยางหลงพักอยู่ในป่าสีทอง จนกระทั่งหยางหลงกลับไปก็รีบออกไปดักรอที่ปากทางของป่าสีทองอีกครั้ง
ครานี้รออยู่สองวันหยางเฉิงก็เดินทางผ่านมา
"ไม่อธิษฐานจริงๆ ด้วย เขาเก่งนักหรือไง"
เจ้านกน้อยที่กำลังกินข้าวเปลือกช่วยกันส่งเสียงวุ่ยวายจนนกยูงทองเท้าเอวหน้างอ
"มีข้าวเปลือกให้กิน ก็กินไปสิ จะพากันโวยวายทำไมกัน เสียงดังจนปวดหูไปหมดแล้ว"
เจ้านกน้อยถกเถียงกันวุ่นวายต่อ จนนกยูงทองยอมแพ้
"เออ รู้แล้วว่าเขาเก่ง พอแล้ว กินๆ ไปเถอะน่า"
ผ่านไปหนึ่งเดือนหยางเฉิงเดินทางกลับมาตามลำพัง เมื่อลงจากม้าและถวายสุราหนึ่งจอกเห็นนกยูงตัวหนึ่งแพนหางโอ้อวดลดลายสีทองแปลกตา ชายหนุ่มเพียงยกยิ้มที่มุมปากแล้วกลับขึ้นม้าออกเดินทางต่อไปในทันที
นกยูงทองโกรธมากหันไปอาละวาดใส่ฝูงนกน้อย จากนั้นก็ติดตามมาจนถึงเขตเมือง และลอบเข้าไปในเรือนของหยางเฉิง
ชาวเมืองลั่วส่วนใหญ่จะมีความอ่อนน้อมเป็นพื้นฐาน แต่หยางเฉิงมีความแตกต่างตรงที่มีความเย่อหยิ่งแบบแปลกๆ
เรื่องความแปลกนี่ ก็แปลกกันทั้งเมืองลามมาถึงบรรดาสัตว์เทพในป่าสีทองด้วย
นกยูงทองยอมรับว่าตนเองก็แปลกเหมือนกัน
แปลกตรงที่ไม่ชอบให้ใครมาทำเมินเฉยแบบนี้
หยางเฉิงแยกพักอยู่ตามลำพังในเรือนพักหลังใหญ่ ขณะที่ภรรยาและบุตรต่างแยกพักในเรือนคนละหลังกันในกลุ่มบ้าน ดังนั้นเมื่อเข้ามาในเรือนจึงรับรู้ได้ทันทีว่ามีความเคลื่อนไหวอยู่ในห้อง แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบว่าเป็นนกยูงตัวหนึ่งยืนอยู่บนโต๊ะกลางห้อง จากนั้นก็แพนหางก้าวย่างช้าๆ ไปรอบห้อง
หยางเฉิงยิ้มที่มุมปากเหมือนเคย จากนั้นก็วางกระบี่ทำท่าจะออกไปจากห้องอีกครั้ง
นกยูงทองส่งเสียงร้องดังจนหยางเฉิงหันมามอง ด้วยความรู้สึกขัดใจจึงเปลี่ยนร่างเป็นคนต่อหน้า ทั้งก้าวเข้ามาหาใช้นิ้วชี้จิ้มเข้ามาที่มุมปาก
"ที่ยิ้มเช่นนี้ เสียงหัวเราะเช่นนี้มันแปลว่าอะไร"
หยางเฉิงขมวดคิ้วเพียงนิดเดียว
แต่แค่เพียงนิดเดียวก็ทำให้นกยูงทองพอใจขึ้นมาบ้าง
"สงสัย หรือแปลกใจ สงสัยอะไร แปลกใจอะไร"
ชายหนุ่มกล่าวเตือน "ช้าลงหน่อยได้ไหม เจ้าคือใคร เหตุใดถึงได้มาอยู่ในห้องของข้า"
"อ้อ..." นกยูงทองเพิ่งรู้ตัวว่าเสียมารยาท "ข้าคือนกยูงทอง และที่มาก็เพราะเจ้าเสียมารยาทกับข้า"
ชายหนุ่มมิได้ก้าวถอย นกยูงทองที่สูงเพียงแค่ไหล่ก็อยู่ห่างกันไม่ถึงครึ่งก้าว การโต้เถียงแบบที่คนหนึ่งเสียงดัง แต่อีกคนหนึ่งยืนมองเฉยๆ ทั้งพบกันเป็นคราแรกจึงดูแปลกมากขึ้นไปอีกหลายชั้น
"ข้าเสียมารยาทอะไรกับเจ้า"
"ยังจะมาเรียกข้าว่าเจ้าอีกหรือ ข้าอายุมากกว่าเจ้าตั้งหลายปี"
หยางเฉิงเลิกคิ้วสูงขึ้นข้างหนึ่ง ไม่ต่อปากต่อคำด้วยทำให้นกยูงทองยิ่งไม่พอใจ
"ฮึ่ย! เจ้านี่มันน่าโมโหยิ่งกว่าหยางหลงพี่ชายของเจ้าเสียอีก!"
"หยุดตะโกน" น้ำเสียงของหยางเฉิงนิ่งมาก และก็ทำให้นกยูงทองนิ่งได้ทันทีเช่นกัน "บอกธุระของเจ้ามา"
"โกรธที่ข้ากล่าวถึงพี่ชายเจ้าหรือ อิจฉาละสิ"
หยางเฉิงนึกอยากตบศีรษะเจ้าตัวเล็กเสียงดังนี่สักทีสองที "อย่าพูดจาเหลวไหลเกี่ยวกับพี่ใหญ่ของข้า ไม่อย่างนั้นก็กลับไป"
"นี่" นกยูงทองอารมณ์เปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมา "เดี๋ยวเมินข้า เดี๋ยวก็ดุด่าข้า มันจะเกินไปแล้วนะ"
หยางเฉิงหันหลังให้ นกยูงทองก็ก้าวมายืนขวางไว้อีกครั้ง "ข้าคือนกยูงทอง นกยูงทองน่ะ เจ้ารู้จักไหม"
"ไม่" น้ำเสียงเย็นชายิ่งนัก
นกยูงทองจับสาบเสื้อของหยางเฉิง ดึงให้โน้มตัวลงมาหา "ข้าคือนกยูงทองแห่งป่าสีทอง" นี่จะต้องให้ย้ำคำนี้อีกสักกี่ครากันนะ "นกยูงตัวผู้น่ะงดงามที่สุด และข้าคือนกยูงทอง ไม่มีผู้ใดกล้าเมินเฉยกับข้า มองผ่านข้า ที่เจ้าทำกับข้าจึงถือเป็นการดูหมิ่นข้า"
"เรื่องเพียงแค่นี้ก็ทำให้เจ้าออกมาจากป่าสีทองแล้วหรือ"
"นี่ไม่ใช่เรื่องเพียงแค่นี้ เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับข้า" มือเล็กๆ กระตุกสาบเสื้ออีกครั้ง "มองให้ชัดๆ ข้าน่ะงดงามที่สุด"
รอยยิ้มมุมปากนั่นมาอีกแล้ว "เจ้ามิได้งดงามที่สุด"
"ใครงดงามที่สุด บอกข้ามานะ"
ในที่สุดนกยูงทองก็ปล่อยสาบเสื้อของหยางเฉิง
"ผู้ที่งดงามที่สุด...คือลู่กวางทอง" ดวงตาของหยางเฉิงอ่อนโยนลงอย่างชัดเจนเมื่อกล่าวชื่อนี้
"หน้าไม่อาย เขาเป็นเมียพี่ชายท่านนะ" ถึงจะยอมรับว่ากวางทองงดงาม แต่ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้นด้วยนะ
"เขาเป็นเมียพี่ชายข้าอย่างแน่นอน แต่เจ้าถามว่าใครงดงามที่สุด ข้าก็ตอบคำถามของเจ้าแล้ว จะกลับไปได้หรือยัง"
"เจ้าไล่ข้ามิได้นะ"
หยางเฉิงกำลังปวดหัว นี่ปวดหัวมากกว่าการเจรจาการค้ากับพ่อค้าแดนไกลที่มักต่อรองราคากันชนิดไม่คำนึงถึงเลือดเนื้อของผู้อื่นเลยสักนิด
"ตกลงเจ้าต้องการอะไรกันแน่"
นกยูงทอง ก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าว จากนั้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
"ข้อหนึ่งเรียกข้าว่านกยูงทอง ข้อสองห้ามไล่ข้า"
หยางเฉิงนวดที่ขมับเบาๆ
"แค่นั้นใช่ไหม เช่นนั้นก็..." ห้ามไล่สินะ "ข้าจะไปเตรียมตัวเข้านอน เจ้าก็..." หยางเฉิงกล่าวไม่จบประโยค แต่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ทั้งถอดเสื้อผ้าต่อหน้านกยูงทอง ที่รีบปิดหน้า หันหลังให้
"หน้าไม่อาย เจ้ามันคนหน้าด้าน หน้าไม่อาย"
เมื่อนกยูงทองลับหายไปต่อหน้า หยางเฉิงก็หัวเราะออกมาเบาๆ
ผ่านไปหลายวันนกยูงทองก็กลับมารออยู่ที่เรือนของหยางเฉิงอีกครั้ง ครานี้มานั่งรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ที่ยังเป็นห้องทำงานของหยางเฉิง
ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมาทางนี้บ่งบอกว่ามากันสองคน หนึ่งชายหนึ่งหญิง เมื่อประตูเปิดออกคนหนึ่งคือหยางเฉิง อีกคนคือชุนผิงภริยาเอกของหยางเฉิง
ทั้งคู่จับมือเดินเข้ามาพร้อมกัน...
นี่...น่าอิจฉายิ่งกว่าน้ำเสียงเวลาที่กล่าวถึงลู่กวางทองเสียอีก
หยางเฉิงหันไปแนะนำ
"ชุนผิง นี่นกยูงทอง สหายของลู่กวางทอง"
ชุนผิงมิได้เป็นสตรีที่งดงามเป็นอันดับหนึ่ง แต่นางเป็นสตรีดีงาม ฉลาด และมากความสามารถ
"สหายของท่านกวางทองนั่นเอง ก่อนหน้านี้ท่านกวางไพลินก็แวะมาทำขนมอยู่ด้วยกัน"
ความจริงใจที่เต็มเปี่ยมนั่นก็ทำให้หงุดหงิดได้เหมือนกัน
...ไม่รู้หรือไงว่าข้าคือผู้อื่น..ข้าเป็นผู้อื่นน่ะ...
"ข้าจะให้คนรับใช้เตรียมสุราอาหารมาให้นะเจ้าคะ" นางกล่าวจบก็หันไปแตะหลังมือสามี แล้วถอยไป
คนรับใช้เตรียมสุราอาหารมารวดเร็วสมกับที่เป็นบ้านของท่านหยางเฉิง แต่นกยูงทองกลับนั่งเท้าคางมองอาหารบนโต๊ะ
"เป็นอะไร" หยางเฉิงถามขึ้น
"เบื่อ ลู่กวางทองไม่อยู่ จิ้งจอกไฟก็ไม่อยู่"
หยางเฉิงจิบสุรา "สหายไม่อยู่ก็แวะมาที่นี่ได้"
"ตอนกลางวันก็มาได้ใช่ไหม" นกยูงทองยิ้มกว้างด้วยความยินดี
"ได้สิ อยากมาเมื่อไหร่ก็มา"
"นี่"
หยางเฉิงมิได้ส่งเสียงตอบรับ แต่ใช้การพยักหน้าให้นกยูงทองกล่าวต่อ
"หากไม่นับรวมกวางทอง ข้าคือผู้ที่งดงามที่สุดหรือไม่"
เมื่อหยางเฉิงไม่ยอมตอบทั้งทำท่าเหมือนสุรานั้นรสดีอย่างยิ่ง นกยูงทองผู้เอาแต่ใจก็ก้าวเข้าไปนั่งคร่อมตักของหยางเฉิง
"นี่ ดูให้ชัดๆ ข้างดงามหรือไม่"
ใบหน้าของนกยูงทอง อยู่ห่างไม่มากนัก
รูปหน้าเรียวเล็ก ทำให้ดวงตากลมโตนั้นชัดเจนด้วยพื้นส่วนใหญ่คือสีดำแวววาว หางตาตวัดขึ้นสูงรับกับขนตา คิ้วคม จมูกโด่งแหลม ริมฝีปากบาง
เส้นผมสีทองแซมด้วยสีดำและฟ้า
เส้นผมสีทองนี้เป็นสิ่งแรกที่ทำให้หยางเฉิงพอจะคาดเดาได้ตั้งแต่แรกพบว่าคือสัตว์เทพแห่งป่าสีทอง ถึงได้ไม่ค่อยประหลาดใจนักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมารออยู่ในห้อง
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะไม่ยอมปล่อยวางจนกว่าจะได้คำตอบที่พอใจ
การยึดติดของนกยูงทองผู้นี้ถือว่าอยู่ในระดับที่มากเกินไปหลายระดับ
"ความงดงามสำคัญกับเจ้ามากเลยหรือ"
"กับผู้อื่นก็ไม่เท่าไหร่ แต่เพราะเจ้ามันเรื่องมาก ไม่ยอมกล่าวคำออกมาสักทีต่างหาก"
หยางเฉิงพยักหน้า "ก็เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับข้าไง"
เจ้านกยูงทองยักไหล่ "ก็พอเห็นอยู่" จากนั้นก็รู้ตัวว่าถ้อยคำนี้มีความหมายที่สื่อถึงการเสียมารยาทกับฮูหยินของผู้อื่น "ฮูหยินของท่านอาจมิใช่หญิงงามอันดับหนึ่ง แต่นางก็เป็นคนเก่งและรอบรู้"
"ซึ่งนั่นยอดเยี่ยมกว่าความงดงามมากนัก"
เป็นคำกล่าวที่ตอกย้ำความยึดมั่นของนกยูงทองเป็นอย่างมาก
"ข้า...ไม่เก่ง ฝึกฝนเท่าใดก็ยังอยู่ในชั้นปลายแถว ดีที่มีผมสีทองนี่เท่านั้น" ยิ่งพูดน้ำเสียงก็ยิ่งเบาลง
แต่ริมฝีปากบางกลับขยับเข้าไปใกล้ จนริมฝีปากต่อริมฝีปาก รับรู้รสสุราที่หยางเฉิงดื่มก่อนหน้า แต่กลับไร้การตอบรับ
นกยูงทองรู้สึกผิดหวัง แต่ยิ่งผิดหวังมากขึ้นเมื่อหยางเฉิงกล่าวคำ
"แม้แต่จูบก็ยังทำได้ไม่ดี"
"ไม่ดีเพราะ...เพราะ...ข้าไม่เคย..." การถูกผู้อื่นกล่าวคำตำหนิอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เจ็บปวดเช่นนี้เอง
"จูบน่ะ ทำเช่นนี้" หยางเฉิงช้อนคางสวยให้เงยหน้าขึ้นมารับจูบที่ทั้งร้อนแรงและพาให้ร่างกายหลอมละลายจนต้องโอบไหล่อีกฝ่ายไว้
ทั้งเมื่อหยางเฉิงละจูบออก ยังพาให้รู้สึกโหยหา ริมฝีปากบางที่แดงช้ำยังต้องการจูบอีก
นกยูงทองยกตัวตามริมฝีปากของหยางเฉิงแลกจูบร้อนแรง ยิ่งเมื่อริมฝีปากสัมผัสพวงแก้ม ใบหู เรื่อยลงมาที่ลำคอยาว ยิ่งพาให้โหยหา ไม่ขัดขวางมือใหญ่ที่ถอดเข็มขัด แล้วแทรกเข้ามาสัมผัสร่างกาย และแก่นกายอ่อนนุ่มที่แข็งขึ้นตามสัมผัสที่ลูบไล้
นกยูงทองอาจไม่มีประสบการณ์โดยตรง แต่ย่อมรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ และรู้ว่าหยางเฉิงขีดเส้นความสัมพันธ์นี้ไว้ที่ไหน เมื่อความต้องการไต่ขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด หยาดหยดน้ำสีขาวขุ่นเอ่อล่นขึ้นมา ก็ก้มหน้าลงซุกกับไหล่หนาของหยางเฉิง
"ขอโทษ"
"ขอโทษทำไม"
"เพราะข้ารู้ว่าท่านมิได้ต้องการข้า แต่นี่เป็นเพราะข้าตามตื้อท่าน"
"อย่าคิดมากสิ" หยางเฉิงเช็ดมือกับชายเสื้อของตนเองแล้วแต่งตัวให้นกยูงทอง "คืนนี้จะกลับไปป่าสีทองไหวไหม"
นกยูงทองยังไม่ทันจะพยักหน้า หยางเฉิงก็กล่าวต่อ "หากไม่ไหวจะได้อุ้มขึ้นไปที่ห้องนอนข้า"
หลังจากที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วสร้างความปวดหัวและเหน็ดเหนื่อยให้กับหยางเฉิงมาหลายครา แต่ตอนนี้คนที่ยังนั่งอยู่บนตักกำลังหน้าแดงจัด ทั้งไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี
"ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะอุ้มไหว เพราะตัวเล็ก แต่ที่จริงเจ้าตัวเล็กมาก ให้อุ้มแขนเดียวยังได้"
นกยูงทองโอบรอบคออีกฝ่าย วางคางลงบนไหล่หนา
...ดูท่าแล้วหยางเฉิงน่าจะอุ้มด้วยแขนเดียวได้สบาย อย่างที่พูดจริงๆ...
...จบตอน หยางเฉิง-นกยูงทอง(1)...
เจตนาแรกจะต้องเขียนตอนพิเศษ พ่อเสือโคร่งกับแม่เล็ก แต่พอกลับไปอ่านทวนหยางหลงกับกวางทองก็สะดุดกับชื่อคงเซียะ หันไปถามป๋าว่าชื่อนี้มายังไง ป๋าบอกว่าตั้งใจจะให้คู่นี้คู่กัน แต่พอเขียนลงไปแล้วมันผิดจากเจตนา ที่จะเล่าทีละคู่ ก็ลบออกไป ดังนั้นผม (น้ำชา) จึงเอามาเขียน
ซึ่งตอนแรกมันเป็นภาษาแบบคนไฮเปอร์มาก แก้อยู่หลายรอบ หากอ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือมีความไม่เห็นด้วยอย่างไร โปรดบอกกัน
จะส่งตัวการ์ตูนมาทัก หรือจะพิมพ์ตัวหนังสือสัก 1 คำ 1 ประโยคก็ทำให้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนกยูงทองก็จะเป็นจิ้งจอกไฟ ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายแล้ว
นี่เราลงเรื่องนี้กันมานานข้ามปีแล้วนะเออ
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด โปรดอยู่ด้วยกันไปตลอดๆ นะครับ
น้ำชา