ep.3 โรคจิต? (2)
กริ๊ง....กริ๊ง....
“สวัสดีครับ คอนเซียซยินดีให้บริการครับ”
“ครับ คือพอดีมีคนโทรเข้ามาที่ห้องผมหลายรอบแล้ว แต่ไม่พูดอะไร หมายเลขที่หน้าจอก็ไม่ขึ้นด้วย ผมแค่อยากรู้ว่าปกติห้องอื่นในคอนโดฯ สามารถกดหมายเลขต่อไปห้องอื่นได้มั้ยครับ เหมือนเบอร์ภายในน่ะครับ”
“โทรศัพท์ของลูกบ้านจะเป็นหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวเลยครับ เช่นเดียวกับเวลาลูกบ้านติดต่อไปที่แผนกต่างๆ ก็เป็นหมายเลขโทรศัพท์ปกติไม่ใช่เบอร์ภายใน ส่วนเบอร์ภายในที่มีใช้ที่นี่จะเป็นการติดต่อระหว่างพนักงานแผนกต่างๆ เท่านั้นครับ”
“อืม แล้วถ้าคุณโทรเข้าห้องผมจะขึ้นหมายเลขโทรศัพท์เต็มๆ ใช่มั้ยครับ”
“ใช่ครับ”
“งั้นรบกวนคุณลองโทรเข้าห้องผมหน่อยนะครับ ผมอยากเช็คว่าโทรศัพท์เสียหรือเปล่าเพราะมันไม่โชว์เบอร์ตอนมีคนโทรมาน่ะ”
“ได้ครับ ไม่ทราบลูกบ้านอยู่เลขที่อะไรครับ”
“ห้อง A201 ครับ”
“อ่า...ครับ ขออนุญาตวางสายเพื่อโทรกลับก่อนนะครับ” น่านนทีหลุดเสียงครางเมื่อได้ยินหมายเลขห้อง แม้จะหวั่นใจลึกๆ ว่าเสียงคุ้นแต่ไม่คิดว่าจะใช่จริงๆ เขาดูเบอร์ลูกบ้าน A201 จากระบบในคอมพิวเตอร์จึงค่อยกดหมายเลข แล้วรอสายด้วยใจระทึก
อีกด้านของคนที่กำลังรอคอนเซียซคนเดิมโทรกลับ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นหลังจากวางสายไม่นาน และไม่แสดงหมายเลขที่หน้าจอ สิงหาถอนหายใจเมื่อเห็นว่าโทรศัพท์เขาน่าจะเสียจึงไม่แสดงเบอร์อย่างนี้ และเครื่องมันอาจจะรวนเลยส่งเสียงร้องบ่อยๆ แทบจะทุกสิบนาทีมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
“โอเคครับ เบอร์ไม่ขึ้นแสดงว่าโทรศัพท์ผมคงเสียจริงๆ ขอโทษที่รบกวนนะครับ”
“..........”
“ฮัลโหล ได้ยินมั้ยครับ”
“........”
“คุณครับ น่าจะไม่ได้ยินแน่เลย โทรศัพท์ผมเสียน่ะครับ ไม่ได้ยินคุณพูดเลย” สิงหาพยายามส่งเสียงดังขึ้นเผื่ออีกฝ่ายจะพอได้ยิน แต่เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับเขาก็ได้แต่วางสายไป และทันทีที่หันหลังเตรียมเดินเข้าห้องเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก สิงหารับสายทันทีเพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่ได้ยินเสียงเขาเลยโทรมาใหม่
“ฮัลโหล ได้ยินมั้ยครับ”
“......”
“ฮัลโหลๆ” สิงหาส่ายหน้าด้วยความปลงเมื่ออีกฝ่ายไม่มีการตอบกลับแม้จะพยายามตะโกนให้ดังขึ้นแค่ไหน ทำได้เพียงวางสายไปอีกรอบ และก็เหมือนเดิม ทันทีที่วางสายไปไม่กี่วินาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นใหม่
“ฮัลโหลๆ ได้ยินยังครับ” สิงหารีบส่งเสียงถามไปใหม่อีกรอบ ถ้ายังไม่ได้ยินเขาต้องลงไปบอกเจ้าตัวที่ล็อบบี้แล้วล่ะ ไม่งั้นไม่รู้จะเลิกโทรเมื่อไร
“คระ...ครับ ได้ยินชัดเจนดีครับ” น่านนทีตอบกลับ
“ขอโทษด้วยครับ เมื่อกี้ไม่ได้ยินเสียงเลย โทรศัพท์ผมน่าจะเสีย เลยต้องรบกวนโทรมาหลายรอบ” สิงหาขอโทษแกมขำเมื่อเสียงอีกฝ่ายทำให้นึกถึงหลานเขาเวลาถูกแม่ดุทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไร ฟังดูหงอๆ งงๆ แบบนี้เลย
“เอ่อ คือผมเพิ่งโทรติด โทรศัพท์คุณสายไม่ว่างตลอดเลย”
“....ว่าไงนะครับ”
“พอวางสายผมก็รีบกดเบอร์ แต่สายไม่ว่างน่ะครับ ผมกดมาสามสี่รอบแล้ว เพิ่งโทรติดครั้งนี้เองครับ”
“แน่ใจนะครับ”
“ครับ” สิงหาถามย้ำ น่านนทียืนยันคำตอบเดิม จากนั้นทั้งคู่ก็เงียบไปพร้อมกัน แต่ในความคิดกลับคล้ายคลึงกัน...เมื่อครู่ใครโทรเข้าห้อง A201
“ต้องการให้ช่างไปตรวจสอบโทรศัพท์ให้มั้ยครับ ผมจะแจ้งเรื่องให้ช่างเข้าไปตอนเช้าเลย” น่านนทีพยายามเสนอแนวทางแม้ยังไม่รู้ว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร
“ผมคิดว่าไม่ต้อง เพราะตอนนี้เครื่องมันโชว์เบอร์คุณอยู่ คุณใช้เบอร์ที่ล็อบบี้โทรมาใช่มั้ยครับ มันขึ้น 02 อยู่”
“ใช่ครับ หรือให้ผมลองใช้มือถือผมโทรอีกรอบได้นะครับ เผื่อมันจะมีปัญหาเฉพาะกับเบอร์มือถือ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมลองโทรเข้าเองก็ปกติ”
“เอ่อ...ขอโทษที่ต้องถามนะครับ แต่ถ้าโทรศัพท์ทำงานปกติ งั้นที่มีคนโทรหาคุณดึกๆ แบบนี้คุณสงสัยว่าอาจจะมีคนแกล้งใช่มั้ยครับ”
“ตอนนี้ก็คิดอย่างนั้นครับ คือ...เอาอย่างนี้ เดี๋ยวผมลงไปคุยด้วยนะครับ เมื่อกี้โทรศัพท์ดังไม่หยุดเลย ตอนนี้ก็มีเสียงสายซ้อนด้วย ผมว่าจะถอดสายออกไม่งั้นไม่ได้นอนแน่ๆ คุณรอสักครู่นะครับ” สิงหาวางสาย และเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันที ไม่มีหมายเลขแสดงบนหน้าจอ เขาถอดสายโทรศัพท์ทิ้งเพราะเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครโทรเบอร์บ้านหากันแล้ว คนสนิทก็โทรเข้ามือถือโดยตรงไม่ก็โทรฟรีจากแอพโซเชียลต่างๆ ซึ่งแม่เขาก็ใช้วิธีนี้เพื่อความประหยัด
น่านนทีวางสายแล้วเดินไปที่ตู้น้ำดื่มกดน้ำอุ่นใส่แก้ววางรอเจ้าของห้อง A201 ห้องเจ้าปัญหา เขายืนรอที่โซฟาไม่นานก็เห็นชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาในชุดนอนเดินตรงมา ทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ เขาถึงกับยืนเหวอ คราวก่อนเขาแค่คุ้นๆ ว่าหน้าตาเหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่หลังจากคลิปบนรถไฟฟ้าดังกระหึ่มโซเชียล เขาเป็นคนหนึ่งที่ได้ดู หน้าตาแบบนี้มันใช่เลย
“สิง...หา”
“ครับ” สิงหาขานรับคนที่ยืนอ้าปากน้อยๆ อยากหัวเราะแต่กลัวอีกฝ่ายเขิน
“อ่า ขอโทษนะครับคุณสิง คือ...เชิญนั่งครับ ผมกดน้ำอุ่นให้ เผื่อช่วยให้หลับสบายขึ้นน่ะครับ”
“ขอบคุณนะครับ คุยกันสองครั้งแล้วผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย ผมสิงหาครับ”
“ผมน่านนทีครับ เรียกปิงก็ได้นะครับถ้าสะดวก”
“ครับปิง เรื่องคราวก่อนปิงก็อยู่ด้วย คราวนี้ก็อีก ปิงน่าจะพอรู้สถานะของผมตอนนี้บ้างแล้ว”
“คุณสิงคิดว่าเป็นพวกสโตรกเกอร์เหรอครับ” น่านนทีคิดได้แง่นี้อย่างเดียว สิงหาเคยโด่งดังหลายปี มีแฟนคลับทุกเพศทุกวัย ถึงเขาจะไม่ใช่แฟนคลับตัวยงเพราะไม่ค่อยได้ดูละครหรือหนัง ชอบดูรายการทีวีมากกว่า ซึ่งสิงหาแทบจะไม่ออกรายการพวกนั้นเลย
“ผมยังไม่คิดถึงขั้นนั้นหรอกครับ เพราะแทบไม่มีคนรู้ว่าผมพักที่นี่ ยกเว้น....แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นคนนั้นเพราะผมจองตั้งแต่ยังไม่เริ่มสร้าง เบอร์โทรห้องน่าจะได้หลังจากนั้น น่าจะไม่มีใครรู้นะครับ”
“เป็นไปได้มั้ยครับที่จะมีคนรู้จักคุณพยายามโทรหา แต่โทรศัพท์เขาเสีย”
“ไม่น่าจะได้นะครับ คือผมไม่ได้ให้เบอร์ห้องใคร ผมเพิ่งกลับมาไม่ถึงเดือนเลยนะ”
“อยากไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนมั้ยครับ อาจจะมีใครมือบอนกดสุ่มหมายเลขมั่วๆ แบบพวกโรคจิตน่ะครับ ตอนเด็กๆ ผมเคยลองกดเบอร์บ้านตัวเองเปลี่ยนสองเลขท้ายสลับกัน มันก็ไปติดบ้านคนอื่นนะครับ” น่านนทีอธิบายอย่างจริงจัง ตอนนั้นเขาโดนแม่ดุเพราะบ้านนั้นโทรกลับมาว่า สิงหามองคนหน้าใสพูดซื่อๆ เรื่องที่ตัวเองเพิ่งบอกว่าเป็นการกระทำของคนโรคจิต
“มันจะยุ่งยากเกินไปน่ะสิ ผมไม่อยากเป็นข่าว”
“ครับ ผมเข้าใจ ตอนนี้คลิปบนรถไฟฟ้ายังแชร์กันอยู่เลย”
“แล้วเรื่องคราวก่อนที่มีคนขึ้นห้องผมนี่ได้มีอะไรคืบหน้ามั้ย”
“ผมคุยกับพี่หัวหน้าซีเคียวริตี้แล้วนะครับ ลองให้เขาดูกล้องย้อนหลังไปหนึ่งวัน ไล่ดูทุกทางเข้าออกแต่ก็ไม่พบอะไรผิดสังเกตเลย”
“ตรงลิฟต์ส่งของล่ะครับ”
“ปกติเวลาลูกบ้านจะส่งเสื้อผ้าซักหรือมีการขนส่งของชิ้นใหญ่ๆ จะใช้ลิฟต์ส่งของใช่มั้ยครับ ถึงเราเรียกว่าลิฟต์แต่จริงๆ มันคือตู้ใหญ่ๆ หนึ่งใบ ลูกบ้านสามารถเปิดได้ตลอดเวลา แต่อีกฝั่งจะล็อคไว้ หลังประตูเป็นโถงทางเดินยาวๆ มีประตูเชื่อมต่อแต่ละห้อง ลิฟต์ที่ขึ้นมาแต่ละชั้นจะเหมือนลิฟต์ลูกบ้านเลยครับ พนักงานจะเปิดได้ต่อเมื่อได้รับคีย์การ์ดจากนิติบุคคลก่อน ต่อให้ส่งซักรีดรายเดือนพนักงานก็ไม่มีสิทธิเก็บคีย์การ์ดไว้ มีการลงชื่อยืมคืนคีย์การ์ดทุกครั้งครับ วันที่เกิดเรื่องเราเช็คแล้วว่าไม่มีพนักงานแผนกไหนยืมคีย์การ์ดไปเปิดลิฟต์เลยชั้น 20 เลย และไม่มีการยืมคีย์การ์ดห้องคุณสิงด้วย”
“ค่อนข้างรัดกุมมากเลยนะครับ ฟังแล้วไม่น่าจะมีคนนอกแอบบุกรุกเข้ามาได้เลย”
“ใช่ครับ ถึงที่นี่จะเปิดให้เข้าพักไม่กี่ปี แต่เรารักษามาตรฐานบริการระดับโรงแรม ไม่เคยมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นเลยครับ ปัญหาของคุณสิงเลยทำให้พวกเราตื่นตัวกันมากขึ้น วันนั้นผมเองก็ผิด น่าจะพาคุณไปลงบันทึกประจำวันหรือไม่ก็ให้ซีเคียวริตี้ขึ้นมาตรวจห้องคุณสักรอบก็ยังดี ถ้าคุณกลับขึ้นห้องแล้วพบคนร้ายอยู่ข้างในผมคงรู้สึกแย่มาก” น่านนทีสลดอีกครั้งเมื่อนึกถึงคำพูดพี่โจพี่ฝ้าย โชคดีที่สิงหาไม่เป็นอะไร ไม่งั้นพาดหัวข่าวทุกฉบับต้องมีชื่อเขาเอี่ยวด้วยแน่นอน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้ามีคนจะทำร้ายผมจริงๆ เขาคงไม่วิ่งหนีไป ปิงไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก” สิงหาปลอบคนที่นั่บไหล่ลู่ลง ถ้ามีหูมีหางหน่อยเขาคงเห็นหางลู่หูตกของจริง คนอะไรแสดงออกแต่ละอย่างได้ชัดเจนตรงกับอารมณ์เหลือเกิน ขนาดเขาแสดงหนังมาหลายเรื่องยังไม่ค่อยเจอคนเข้าถึงบทได้ไวขนาดนี้
“แล้วเรื่องโทรศัพท์จะทำยังไงดีครับ” เมื่อได้รับคำปลอบใจบวกกับคำพูดเป็นเหตุเป็นผลน่าเชื่อถือ ไหล่ที่งองุ้มก็กลับมาผึ่งผายทันที ตาเป็นประกายแวววับ ปัญหาใหม่ที่เพิ่งเกิดเขาต้องจัดการให้รัดกุมมากขึ้น
“ตอนนี้ผมถอดสายออกแล้ว อาจจะขอเปลี่ยนเบอร์ถ้าพรุ่งนี้ยังเป็นแบบเดิมน่ะครับ”
“ครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วยโทรได้ตลอดเลยนะครับ ที่นี่มีพนักงานบริการ 24 ชั่วโมงเลย”
“ครับ ขอบคุณนะครับ ได้ฟังคำอธิบายระบบงานจากปิงแล้วผมก็สบายใจขึ้น บอกตามตรงตั้งแต่ซื้อที่นี่ก็เพิ่งได้อยู่จริงๆ ยังไม่ได้ลองใช้บริการส่วนกลางเลย ว่างๆ จะโทรมาขอรายละเอียดนะครับ”
“ยินดีครับ” น่านนทีส่งยิ้มให้จนอีกฝ่ายเดินลับเข้าลิฟต์ รอยยิ้มมุมปากค่อยๆ หุบลง ในสมองขบคิดแต่เรื่องที่เพิ่งได้รู้...เมืองไทยก็มีสโตรกเกอร์เหรอเนี่ย
หลังจากคืนนั้นสิงหาลองเสียบสายโทรศัพท์ใหม่แต่ก็ไม่พบสายแปลกๆ โทรมาอีกเลย ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ ลองคุยเรื่องนี้ให้นักรบฟังว่ามีดาราคนไหนเคยเจอแบบเขารึเปล่า ปรากฏว่ามีจริงๆ ต่อให้เป็นเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวที่ไม่เปิดเผย ไม่รู้คนเหล่านั้นหาเบอร์มาได้ยังไง แต่ส่วนใหญ่มักเป็นดารานักร้องผู้หญิงที่เจอ เขาสบายใจได้ไม่กี่วันก็เริ่มมีเสียงโทรศัพท์ดังตอนกลางดึกอีกครั้ง รูปแบบเหมือนเดิม โทรมาไม่พูด ไม่แสดงเบอร์ เขาเลยถอดสายออกอีกครั้ง
ช่วงนี้เขาพยายามพักผ่อนและออกกำลังกายให้เป็นเวลา หลังจากปรับจิตใจตัวเอง สิงหาตัดสินใจรับงานถ่ายแบบอีกครั้ง เริ่มต้นจากการถ่ายแบบเสื้อผ้าเด็ก พอเป็นวัยรุ่นก็เริ่มเล่นเอ็มวีแล้วรับงานแสดงต่อมาจนเป็นที่รู้จัก หายจากวงการไปนาน กลับเข้ามาใหม่ก็เริ่มต้นด้วยการถ่ายแบบอีก หลังออกกำลังกายอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขายืนมองโทรศัพท์ที่ไม่ได้เสียบสายหลายวัน ไม่รู้ถ้าต่อสายใหม่จะโดนโทรแกล้งอีกหรือเปล่า เขายืนลังเลก่อนจะตัดสินใจปล่อยทิ้งไว้ตามเดิม ยังไงคนสนิทส่วนใหญ่ก็รู้เบอร์ใหม่เขาแล้ว เครื่องนี้ก็ปล่อยไปก่อนแล้วกัน
ออกจากโถงลิฟต์จะเดินไปตึกจอดรถ แต่เห็นน่านนทีกำลังเดินนำลูกบ้านผ่านมาทางนี้เขาเลยหยุดรอ จนอีกฝ่ายเดินไปทางห้องนิติฯ ปล่อยให้พนักงานด้านในรับเรื่องต่อก็เดินย้อนกลับมา
“สวัสดีครับคุณสิง จะออกไปข้างนอกเหรอครับ”
“ครับ วันนี้เข้ากะเช้าเหรอ ผมไม่ค่อยเจอปิงเช้าๆ เลย”
“ปกติสลับๆ กับอีกสามคนน่ะครับ แต่เดือนนี้อยู่กะดึกเยอะหน่อยเพราะตอนเช้ามีธุระน่ะครับ”
“อ้อ สู้ๆ นะครับ ผมแวะทักเฉยๆ”
“เดี๋ยวครับ ผมว่าจะถามเรื่องโทรศัพท์ ตอนนี้ยังมีโทรมากวนอีกมั้ยครับ”
“หลายวันก่อนมีครับ ผมเลยถอดสาย ยังไม่ได้เสียบคืนเลย”
“ผมลองปรึกษาหัวหน้าแล้ว เขาแนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนเครื่องดูเผื่อจะแสดงเบอร์ จากนั้นเราค่อยเอาไปลงบันทึกประจำวันหรือบล็อคเบอร์ โทรศัพท์บ้านบางยี่ห้อแพงๆ รู้สึกจะมีบริการโอนสายด้วย ยังไงคุณสิงลองดูนะครับ”
“ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวว่างๆ ผมจะลองหาข้อมูลดูนะ ขอบคุณปิงมากนะครับ” สิงหาขอบคุณอีกครั้ง อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างด้วยความภูมิใจก่อนแยกย้ายกันทำหน้าที่ประจำวัน
นิตยสารที่สิงหามาถ่ายแบบขึ้นปกเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของเฌอ นักรบโทรมาถามเขาก่อนว่าจะรับมั้ย แต่แค่ถ่ายแบบเซ็ทเดียว พร้อมบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับการดูแลตัวเองนิดหน่อย ในเล่มนี้จะรวมหนุ่มหล่อวัยเลขสามขึ้นไปที่ยังคงดูดีอยู่ เสื้อผ้าที่ใส่จะเป็นสไตล์ของแต่ละคน สิงหาสวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ็คเก็ทสูท กางเกงชิโนห้าส่วนรองเท้าหนังกลับ ดูไม่ลำลองหรือทางการมากเกินไป ทางท่าการโพสต์เป็นอย่างธรรมชาติ นั่งบนกล่องไม้หันข้าง เหลียวมอง อมยิ้มกับเสียงกรี๊ดเบาๆ ของทีมงานบางคน ไม่นานก็ได้ภาพถูกใจตากล้อง ย้ายมานั่งให้สัมภาษณ์สั้นๆ ตามสคริปที่ได้รับมาแล้ว ระหว่างสัมภาษณ์มีช่างภาพค่อยเก็บภาพเบื้องหลังสำหรับลงแฟนเพจเพื่อโปรโมตก่อนนิตยสารวางขาย
“ปกติพี่สิงดูแลตัวเองยังไงบ้างคะ”
“ช่วงนี้ก็เริ่มออกกำลังกายมากขึ้น แต่ถ้าตอนอยู่บ้านคือแทบไม่ออกเลย เน้นปั่นจักรยานไปโน่นมานี่ บางทีก็ว่ายน้ำถ้าอากาศดี ทำงานกับที่บ้านบางทีก็ใช้แรงไม่ต่างจากออกกำลัง”
“โห ขนาดไม่ค่อยได้ออก หุ่นยังฟิตเหมือนเดิมเลย อย่างนี้มีควบคุมน้ำหนักด้วยมั้ย”
“จริงๆ ผมเป็นคนกินเก่งนะ แต่ไม่ค่อยชอบอาหารเลี่ยนๆ อาหารอีสาน ส้มตำ ลาบ คอหมูย่างติดมันนี่ของโปรด นั่น! แอบกลืนน้ำลายใช่มั้ย” สิงหาแกล้งแซวคอลัมนิสต์สาวที่ผันตัวจากนักข่าวบันเทิงมา เขาเคยเห็นน้องคนนี้ตั้งแต่สมัยวิ่งตามพี่นักข่าวรุ่นใหญ่มาสัมภาษณ์ตามงานต่างๆ ได้เจอกันอีกทีกลับพบแนวทางที่ใช่ของตัวเองแล้ว
“นิดนึงค่ะ บ่ายแล้วด้วย งั้นคำถามต่อไปนะคะก่อนที่ท้องจะร้องออกมา พูดเรื่องการดูแลผิวพรรณหน่อยสิคะ ทำไมหน้ายังใสเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
“บ้านพ่อพี่อยู่เมืองบาธที่อังกฤษ ก็เป็นเมืองท่องเทียวแต่ออกแนวธรรมชาติ อากาศค่อนข้างดีเลยไม่รู้ว่าเกี่ยวด้วยหรือเปล่า อีกอย่างพอไม่ได้ทำงานที่ต้องแต่งหน้าตลอด หน้ามันก็เหมือนได้ฟื้นฟู มีทาครีมเยอะเหมือนกันแต่คุณแม่เป็นคนหามาให้ เน้นเพิ่มความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย เพราะพี่เป็นพวกมือบอน มีช่วงนึงน่าจะแพ้แชมพู สิวขึ้นตามกรอบหน้าเคยเป็นมั้ย เวลาแกะๆ หัวสิวมันเพลินมาก รู้ตัวอีกทีเป็นรอยแล้ว ต้องมานั่งทาครีมตั้งนานกว่าจะหาย เตือนไว้นะครับทั้งผู้ชายผู้หญิง รอยสิวหายยากจริงๆ”
“ดูไม่ออกเลยนะคะว่าเคยมีรอยสิว หน้าใสมากจริงๆค่ะ สุดท้ายแล้วตอนนี้พี่สิงจะฝากผลงานใหม่ๆ หรือฝากบอกอะไรแฟนคลับหน่อยมั้ยคะ”
“จริงๆ ที่ผมกลับมาหลักๆ คือมาทำธุระให้ครอบครัว แต่พอดีมีคลิปออกไป ก็ขอบคุณคนที่ยังจำผมได้ ขอบคุณแฟนคลับที่รักผมเหมือนเดิม ตอนนี้ยังไม่มีผลอะไรอะไรใหม่ๆ แต่จากนี้จะพยายามออกกล้องให้ได้เห็นบ่อยๆ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะครับ” สิงหาก้มหน้าลงนิดหน่อย ฝากตัวทั้งคนอ่าน และทีมงานหลายคนที่ลอบมองมาทางนี้ เสียงปรบมือดังขึ้นโดยที่ไม่รู้ว่าใครเริ่ม แล้วค่อยๆ แยกย้ายกันเตรียมถ่ายภาพของนายแบบคิวต่อไป
“ทำไมไม่เป็นนักข่าวแล้วล่ะ ตอนนั้นพี่เห็นเราขยันวิ่งไปตามกองถ่ายมากเลยนะ” สิงหาเดินคุยกับคอลัมน์นิสต์สาวที่อาสาเดินออกมาส่งถึงรถ เธอดีใจมากที่รู้ว่านักแสดงที่เธอชอบมากที่สุดจำเธอได้ และเอ่ยทักขึ้นมาก่อน
“นึกว่าพี่จำหนูไม่ได้แล้วซะอีก ตอนแรกหนูเลยไม่กล้าทัก”
“จำได้สิ แต่สวยขึ้นนะ”
“โหยพี่สิงอะ อย่าชมดิหนูเขิน จริงๆ พอเป็นนักข่าวไปสักพักหนูก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับหนูแล้วค่ะ เวลาไปถ่ายเบื้องหลังตามกองมันสนุกนะพี่ แต่ตอนไปสัมภาษณ์ตามงานอีเวนต์ ต้องคอยถามจี้ดราม่าของคนโน้นคนนี้ หนูไม่กล้าถาม สงสารด้วย บางครั้งเราก็รู้ว่ามันไม่ใช่ แต่ด้วยหน้าที่ก็ต้องทำให้เขาพูดว่าไม่ใช่ออกมาเพื่อที่จะได้ไปเขียนข่าวต่อ หนูไม่ได้รังเกียจอาชีพนักข่าวนะ แค่มันไม่เหมาะกับหนู” จริงๆ เธออยากบอกว่าตั้งแต่สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของสิงหา งานนั้นเธออยู่ในกลุ่มนักข่าวที่รุมเขา ในฐานะแฟนคลับและนักข่าวบันเทิง เธอพอจะรู้เบื้องลึกมานิดหน่อย เหมือนกับนักข่าวหลายๆ คน บางคนรู้เยอะกว่าด้วยซ้ำ แต่ทุกคนก็ยังต้องรุมถามสิงหา ต้องการให้เขาพูดอะไรออกมา โดยไม่คิดถึงจิตใจเขาเลยว่า ต่อให้สิงหายอมรับหรือปฏิเสธ มันก็ไม่เกิดผลดีกับตัวเอง สุดท้ายนักแสดงที่โด่งดังในยุคนั้นทำเพียงเอ่ยคำที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ย ‘ขอโทษ’ น้ำเสียงและแววตาในวันนั้นของสิงหาทำให้เธอรู้ว่าเขาหมดใจกับวงการบันเทิงแล้ว หมดใจกับคนรอบตัวที่รุมทำร้ายจิตใจเขา หาผลประโยชน์จากเขา หมดใจกับบรรดานักข่าวที่เคยเรียกพี่เรียกน้องแต่กลับจ้วงมีดแทงเขาตามคนอื่นง่ายๆ การทำให้คนๆ หนึ่งผิดหวังยังไม่มากเท่าการผิดหวังในตัวเอง ด้วยหน้าที่ซึ่งไม่สามารถต่อรองกับบอกอในตอนนั้น เธอยังคงเขียนข่าวตามกระแสหลัก กดดันเขา โจมตีเขา ประณามเขา นั่นคืองานสุดท้ายของเธอในฐานะนักข่าวบันเทิง
“ถ้าทำเรื่องที่ชอบ เดี๋ยวมันก็ดีเอง ถึงรถพี่แล้ว ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดินมาใกล้แค่นี้เอง”
“เปล่า...ขอบคุณที่เข้าใจพี่ แต่เสียดายที่วงการข่าวเสียนักข่าวดีๆ ไปหนึ่งคน ไปนะครับ” สิงหายิ้มให้อีกครั้งก่อนเปิดประตูขึ้นรถแล้วค่อยๆ ขับออกไป เขามองกระจกหลังพบอดีตนักข่าวสาวยืนปิดหน้าจนมีเพื่อนเดินมาปลอบ อย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้รู้ว่าในวันนั้นมีนักข่าวตัวเล็กบางคนแอบยืนอยู่ข้างๆ เขา
สิงหาขับรถด้วยรอยยิ้มกับการทำงานชิ้นแรก ความจริงคอลัมน์นี้มีนายแบบครบแล้ว แต่เนื่องจากเขากำลังเป็นกระแส ทางบอกอเลยติดต่อผ่านเฌอมา เมื่อคืนต้องยอมรับว่าเขานอนไม่ค่อยหลับด้วยความตื่นเต้นและวิตกนิดหน่อย แต่เมื่อเห็นการต้อนรับของหลายๆ คน ทำให้ใจชื้นขึ้นและอดขำตัวเองไม่ได้ที่คิดมากไป จริงอย่างที่นักรบบอกว่าสมัยนี้ข่าวดารามีให้อ่านทุกวัน ไม่นานคนก็ลืมเรื่องเก่าหมดแล้ว มีแต่เจ้าของเรื่องนี่แหละที่ฝังใจเอง เขาจอดรถในช่องจอดส่วนตัว หิ้วถุงข้าวกล่องที่แวะซื้อระหว่างทาง เสียงซอยเท้าดังจากด้านหลังเข้ามาใกล้ทำให้เขารีบหันกลับไปมองและเตรียมรับมือ คนที่วิ่งเข้ามาเป็นหญิงสาวมัดผมเรียบร้อยอยู่ในชุดเมดของคอนโดฯ
“พี่สิงคะ...คือ ขอถ่ายรูปได้มั้ยคะ”
“พี่ตกใจหมด คราวหน้าส่งเสียงมาก่อนนะ พี่เกือบโกยแน่บแล้ว ไปถ่ายนอกอาคารดีกว่า ในนี้มันมืด”
“ในนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวคนอื่นเห็นหนูจะโดนดุว่ารบกวนลูกบ้านน่ะค่ะ”
“เอางั้นเหรอ งั้นหามุมสว่างๆ หน่อย” เขามองหาจุดที่สว่างที่สุดแล้วเดินนำเมดสาวไปเซลฟี่กันสามภาพก่อนแยกย้าย โดยทิ้งท้ายให้เขาเรียกใช้บริการได้ตลอดเวลา บอกว่าชื่อน้องแตงโม บอกตามตรงว่าเขาเกือบวิ่งจริงเพราะพอได้ยินเสียงฝีเท้าก็นึกไปถึงเสียงที่ได้ยินในห้องคืนนั้น รวมถึงเบอร์แปลกๆ ที่โทรมา บางทีอาจจะมีคนแกล้งเขาจริงๆ เพราะเรื่องที่เขาอยู่ที่นี่ไม่ใช่ความลับสำหรับคนที่นี่แล้ว
เขาเดินไปเช็คกล่องจดหมายตามปกติ ในนั้นมีซองจดหมายหนึ่งซองแต่ไม่มีจ่าหน้า
“คุณสิงหาคะ” ก่อนเขาจะเดินไปที่ลิฟต์ เสียงคอนเซียซสาวเรียกให้เขาหันกลับมา
“ครับ”
“สวัสดีค่ะ พอดีเมื่อสักครู่มีคนมาฝากของไว้ให้ค่ะ ทางนิติฯ น่าจะยังไม่ทันเอาใบแจ้งไปใส่กล่องจดหมาย สะดวกรับของตอนนี้มั้ยคะ เดี๋ยวดิฉันไปเอามาให้”
“ก็ได้ครับ ผมต้องไปด้วยมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ รบกวนคุณสิงหานั่งรอสักครู่นะคะ” ออมเก็บอาการสั่นไว้แล้วรีบเดินไปทางห้องนิติฯ ก่อนที่ตัวเองจะหลุดกรี๊ดออกมา เมื่อครู่ตอนสิงหาเดินผ่านเธอมันแต่ตื่นเต้นจนลืมเรียกเขาเอาไว้ ผู้ชายอะไรตัวหอมมาก อยากแอบจับมือมาดมให้ชื่นใจ เธอคิดอย่างทะเล้นแต่ไม่กล้าทำจริง
“พัสดุของลูกบ้าน A201 อยู่ไหน” ออมยืนกดกริ่งเรียกพนักงานฝ่ายนิติฯ หน้าช่องติดต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นกระจกใสขนาดหนึ่งบานมีช่องว่างด้านล่างสำหรับรับส่งของ ไม่รู้วันซวยของเธอหรือไง คนที่เดินมาดันเป็นหงส์ คู่กัดประจำของเธอ
“อยู่นี่ ถามทำไม”
“ทำไมไม่มีใบแจ้งไปใส่กล่องจดหมาย เจ้าของเขามาแล้วนะ เอาของมาเลยเดี๋ยวเอาไปให้เขาเอง”
“อ้าว พี่สิงมาแล้วเหรอ พวกแก! พี่สิงหามาแล้วจ้า” สาวปากแดงรีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะแล้วเติมเครื่องสำอาง ออมยืนมองด้วยความหงุดหงิดกับพนักงานแผนกนี้ ดูสภาพแล้วรู้เลยว่าเตรียมจะออกไปรุมขอถ่ายรูปแน่ๆ เธอรีบเปิดประตูห้องเข้าไปมองหาพัสดุพี่สิงหาของเธอ
“นี่ใช่มั้ย ฉันเอาไปแล้วนะ พวกเธอช่วยมีสติหน่อย ถ้าออกไปรุมขอถ่ายรูปเขาเมื่อไรจะฟ้องผู้จัดการให้หมดเลย”
“อะไรวะ เอามานี่เลย ฉันเอาไปให้เอง แกไม่ต้องยุ่ง”
“ช่วยไม่ได้ ไม่ยอมทำใบรับของให้เขาเอง ตอนนี้ถือเป็นหน้าที่ฉันแล้ว ไปล่ะนะ เดี๋ยวพี่สิงหาของฉันจะรอนาน อ๊ะๆ อย่านะ ถ้าตามออกมาจะฟ้องให้หมดเลย รบกวนความเป็นส่วนตัวลูกบ้าน!” ออมชี้นิ้วใส่สาวๆ ในห้องที่ทำท่าจะวิ่งตามออกมา รีบเดินถือถุงใส่กล่องกระดาษออกมายื่นให้สิงหาด้วยความสดใส วันนี้คือวันดีที่สุดในรอบปี นอกจากได้เจอพี่สิงหา ยังได้แกล้งพวกนิติฯ อีก มีความสุขจนต้องโทรไปแบ่งปันให้ปิงฟัง
น่านนทีวางสายจากออมที่รีบเล่ารีบวาง ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าปากฉีกยิ้มกว้างไปแค่ไหน ความดีใจที่ได้เจอสิงหายังไม่เท่ากับได้แกล้งพวนิติฯ
“นั่งขำอะไรคนเดียว เป็นบ้าเรอะ” แม่ทักมาด้วยความรักเมื่อเดินมาเห็นว่าเขาตื่นแล้วหลังจากงีบหลับหน้าทีวี
“ขำออมมัน มีดาราอยู่ที่คอนโดฯ หล่อมาก ออมมันชอบมาก วันนี้ได้คุยกับเขาเลยโทรมากรี๊ดให้ฟังว่าตัวเขาหอมจนอยากกระชากมือเขามาดม แม่ฟังมันพูดดิ เขายิ่งเจอโรคจิตตามอยู่”
“ดาราคนไหน ผู้ชายเหรอ ทำไมไม่เห็นเล่าให้แม่ฟัง” ตอนแรกแม่ทำท่าจะเดินมาดูว่าเขาตื่นยัง จะได้ตั้งโต๊ะกินข้าวเย็น แต่พอได้ยินเรื่องดาราเท่านั้นล่ะ ทรุดตัวนั่งเบียดเขาเลย
“โหแม่ ตาเป็นประกายเลยนะ จะฟ้องพ่อ พ่อออออออ แม่จะมีกิ๊กกกกกกกกก”
“เฮ้ยยยยย แม่จ๋าเบื่อพ่อแล้วเหรอ” เสียงพ่อมาก่อนตัว พร้อมถาดใส่กับข้าวที่ถือขึ้นมาวางบนโต๊ะหน้าทีวี
“เอาเลยพ่อ จัดการเลย อยู่ดีๆ มาถามถึงผู้ชายคนอื่นนอกจากพ่อได้ไง พ่อเอาให้หนักเลยนะ” เขาแกล้งแหย่ก่อนจะเดินลงไปยกหม้อข้าวและจานขึ้นมา ช่วงนี้แม่ติดละครเลยชอบมานั่งกินข้าวหน้าทีวีเครื่องใหญ่ชั้นสอง เขาดูไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ฟังแม่เล่าเกือบทุกวันที่ได้ดูก็รู้เรื่องหมดแล้วว่าใครเป็นยังไง เผลอๆ ยังผสมโรงได้ด้วย
หลังกินข้าวเสร็จเขานั่งดูข่าวเป็นเพื่อนพ่อแม่ก่อนจะแยกเข้าห้องอาบน้ำเตรียมนอนเพราะพรุ่งนี้เข้ากะหกโมงครึ่ง ก่อนนอนได้รับรูปภาพจากออมที่ส่งมาอวด พนักงานสาวยืนเอียงคอเล็กๆ ไปเกือบแตะไหล่ชายร่างสูงโปร่ง ทรงผมต่างจากเมื่อเช้าที่ไม่ได้เซ็ท ดูหล่อเนี๊ยบไปอีกแบบ ใบหน้าอมยิ้มน้อยๆ เหมือนเดิม จากที่ได้คุยหลายครั้งเขารู้สึกว่าดาราคนนี้เป็นคนสุภาพมาก ใจเย็นมาก ต่อให้เจอเรื่องแปลกๆ ขนาดนั้นก็ยังไม่วีนไม่เหวี่ยง มีแค่คิ้วขมวดให้รู้ว่ากำลังหงุดหงิด แต่น้ำเสียงท่าทางยังคงสุภาพเสมอ สมัยเรียนเขาไม่ค่อยได้สนใจดาราไทยเท่าไรเลยจำไม่ได้ว่าทำไมคนที่หล่อดูดีขนาดนี้ถึงหายไปจากวงการ แค่คุ้นๆ ว่ามีดราม่าอะไรสักอย่างแล้วข่าวก็เงียบหายไป คนที่ดูดีและดูเป็นคนดีขนาดนี้ไปมีเรื่องดราม่าอะไรกับใครจนถึงขนาดหายไปจากวงการ ที่เขาว่าวงการมายาก็คงจะจริง เรื่องลึกๆ คนธรรมดาคงเข้าไม่ถึง ตอนนี้รู้แค่ว่าลูกบ้านสุดหล่อเบอร์หนึ่งประจำคอนโดฯ เปลี่ยนจากมิสเตอร์เดวิด นายแบบลูกครึ่งที่นานๆ จะแวะมาทีเป็นสิงหา ห้อง A201 แขกประจำคอนเซียซรอบดึก เฮ้อ....ฉายานี้เหมือนจะไม่ค่อยดี ฟังเป็นลางยังไงไม่รู้ ตบๆๆ เพี้ยง เรื่องร้ายจงหายไปๆๆ
คนที่ถูกนึกถึงกลับมีสีหน้าต่างจากรูปถ่ายที่น่านนทีได้เห็น คิ้วขมวดอย่างหงุดหงิด มือเสยผมที่เซ็ทไว้จนยุ่ง อารมณ์ขุ่นมัวนี้เกิดจากเครื่องโทรศัพท์ตรงหน้าที่เขาทดลองเสียบสายกลับไปใหม่ หลายชั่วโมงก่อนก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ จนเขาเตรียมตัวเข้านอน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ไม่มีเบอร์ ไม่มีเสียงพูด และโทรไม่หยุด ความหงุดหงิดที่ได้รับของพร้อมจดหมายจากคนที่ไม่อยากนึกถึงเมื่อตอนค่ำบวกกับโทรศัพท์โรคจิตทำให้ความโมโหพุ่งขึ้นสูง เขากระชากสายโทรศัพท์จนหลุดด้วยความรำคาญ ได้แต่หวังว่าสองเรื่องแย่ๆ ของวันนี้จะไม่ได้เกิดจากคนๆ เดียวกัน
—¤÷(`[ ♌ ♡ ▽ ]´)÷¤—
อัพครบแล้วน้าาาา
สวัสดีค่าาาา เห็นทั้งชื่อเดิมๆ ชื่อใหม่ๆ (แต่หน้าเก่าหรือเปล่าไม่รู้) คิดถึงทุกคนนะคะ อ่านคอมเมนท์หลายคนต้อนรับการกลับมาดีมากกกกก ดีใจที่จำกันได้ แต่อะไรคือการบอกว่ายังไม่อ่านบ้างล่ะ ไม่กล้าอ่านบ้างล่ะ
อ่านเถอะน้าาาาา
มีคนถามหลายคนว่าเรื่องนี้แนวไหน ต้องเตรียมทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้ามั้ย ขอย้ำอีกครั้งนะคะ
เรื่องนี้แนวฟีลกู๊ดดดดดด ไม่ดราม่าบีบหัวใจแน่นอนค่ะ ส่วนต้องเตรียมอะไรน้านนนนนนนนนน...