INTRO
เราทุกคนเกิดมาพร้อมหัวใจหนึ่งดวง... หัวใจในความหมายที่เต้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย หรือกระทั่งหัวใจในความหมายที่แปลว่ารัก ตัวผมได้มอบความรักทั้งใจให้แก่พี่ชาย พี่ชายแท้ๆที่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว พี่เขาตายจากไปพร้อมหัวใจของผมและผมก็อยู่ต่อมาโดยปราศจากความรัก
“เที่ยงนี้กินไรดี”ผมถามปัญหาโลกแตกกับเพื่อนซี้ขณะที่เราสองคนกำลังเดินไปยังโรงอาหารของคณะ
ไอ้เต้ยเบ้ปากยามนึกถึงเมนูต่างๆที่โรงอาหารคณะอักษรของพวกเราทำขาย รสชาติเรี่ยดิน ความสะอาดประมาณนึง คนเยอะยังกับหนอน ที่นั่งไม่พอและสิ่งที่ทำให้พวกเราเจ็บใจที่สุดคือพวกที่มาแย่งโต๊ะของพวกเราเป็นเด็กคณะอื่น! คือคณะอักษรขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงสวยครับพวกเด็กวิศวะตึกข้างๆเลยแห่กันมาแย่งที่จนตอนนี้โรงอาหารมองไปทางไหนก็เห็นแต่เสื้อช็อป เสื้อช็อปและเสื้อช็อป!
“กว่าจะเจอโต๊ะว่าง!”ผมวางกระเป๋าจองโต๊ะด้วยความเกรี้ยวกราด พักกลางวันทีไรเป็นแบบนี้ตลอด! พอเจอที่นั่งแล้วก็ต้องไปยืนเบียดต่อคิวซื้อข้าวแกงอีก ผมเลือกร้านที่คนน้อยๆจะได้ของเร็วๆแต่ก็แลกมาด้วยรสชาติหมาไม่แดก
“นึกว่ามึงหนีขึ้นไปเรียนซะแล้ว”ผมทักไอ้เต้ยขณะที่มันวางจากซุปสปาเก็ตตี้ลงบนโต๊ะส่วนผมกำลังจะกินหมดจาน ไอ้กระแดะนี่ต้องไปสั่งร้านตามสั่งที่ทำโค่ดช้ามาแน่ๆ
คนโดนทักแยกเขี้ยวใส่ผมก่อนเถียงกลับว่า”ร้านนี้รสชาติดีคุ้มค่าเสียเวลารอย่ะ ดีกว่าข้าวราดแกงกินครึ่งทิ้งครึ่งแบบมึงอะ”แค่ทักว่ามาช้าเต้ยถึงกับต้องทับถมร้านข้าวแกงป้าพรเจ้าประจำของผมแบบนี้เชียวหรือ กระซิกๆ
“ไม่ต้องทำปากเบะ มันน่าเอ็นดูสำหรับคนอื่นแต่มันน่าเกลียดสำหรับชั้น ยี๊~~~~~~”
“มึงดูเหวี่ยงๆนะเต้ย เมื่อกี้ตอนซื้อข้าวเจอไรมาเหรอ”ผมถามเพื่อนที่แซะผมไม่หยุดตั้งแต่มานั่ง มันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนยื่นแก้วโยเกิร์ตปั่นปีโป้ที่วางอยู่ข้างๆจานมันมาให้ผม
ทีแรกผมคิดว่าเป็นน้ำของมันแต่แบบนี้คงไม่ใช่
“พี่พอร์ชฝากมาให้มึงอะ”
“พอร์ชไหน”
“พอร์ชที่เป็นเดือนวิศวะ”เต้ยตอบด้วยน้ำเสียงหดหู่ระดับสิบ
“อ้อ พอร์ชที่มึงปลื้มนั่นเอง”ผมถึงบางอ้อเพราะชื่อของหนุ่มคนนี้ถูกเต้ยหวีดใส่ผมเช้ากลางวันเย็นมาตั้งแต่ปี1จนตอนนี้พวกเราขึ้นปี2กันแล้วมันยังไม่เลิกหวีด รักแรกและรักเดียวในรั้วมหาลัยของมันเลย
“มึงก็ลองใช้โอกาสนี้ชวนพี่เขาคุยสิ”ผมเลื่อนแก้วน้ำดังกล่าวกลับไปให้เพื่อนอย่างมีมารยาท
“ดูหน้ากูก่อน หน้ากูกับหน้ามึงมันคนละเกรดที่สำคัญตุ๊ดหัวโปกแบบกูไม่มีผู้ชายที่ไหนมาชอบหรอก”
โอ้ ดราม่า...
ข้าวปลาตอนนี้กินไม่ลงกันแล้วครับ ผมวางช้อนลงพลางส่งยิ้มเจื่อนไปให้เพื่อนรัก
เต้ยเป็นสาวประเภทสองที่หาได้ง่ายในคณะสายศิลป์อย่างพวกเรา เป็นตุ๊ดธรรมดาไม่ใช่ตุ๊ดแรงๆตัวแม่ ร่างกายกำยำแต่มีจิตใจเยี่ยงสาวน้อย ความฝันสูงสุดในการเรียนปริญญาตรีไม่ใช่เกีรยตินิยมแต่เป็นการหาผัวได้
มันชอบพี่พอร์ชมานาน คงต้องให้เวลาทำใจสักหน่อย ปกติผู้ชายคนอื่นมาจีบผมมันไม่เคยแสดงอาการอิจฉาแบบนี้
“ไม่ใช่แค่พี่พอร์ช เมื่อกี้มีอีกกลุ่มนึงฝากจดหมายนี่มาให้มึงอะ ฮึ่ยยยย หมั่นไส้เว้ยหัวกะไดไม่เคยแห้ง”
ผมรับกระดาษแผ่นน้อยเปิดออก กวาดสายตาผ่านๆและวางบนโต๊ะอย่างไม่สนใจนักคงต้องใช้คำว่าชินชากับสถานการณ์เช่นนี้
สีครามเป็นชื่อเล่นจริงๆของผม แม่เป็นคนตั้งให้เพราะมันคล้องกับพี่ชายที่ชื่อฟ้า แม่เพิ่งบอกผมเมื่อไม่นานนี้เองว่าชื่อของพี่ชายมาจากคำว่าท้องฟ้าไม่ใช่สีฟ้า พวกเราสองคนเลยกลายเป็นท้องฟ้าสีครามที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกของแม่ สดใสและชวนมอง แม้ผมจะเข้ามหาลัยมาได้ปีกว่าแล้วกระแสความนิยมในตัวผมยังไม่ลดน้อยลงเลย คงด้วยใบหน้าที่เพื่อนๆต่างนิยามคำว่าน่ารักให้อย่างยินดีแม้ผมจะเป็นผู้ชาย
ใช่แล้ว คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาจีบผมที่เป็นผู้ชายก็คือผู้ชายด้วยกัน
“นังคราม มึงจะไม่ตอบอะไรกลับไปหน่อยหรือ”เต้ยถามเมื่อพลิกกระดาษแผ่นน้อยดูแล้วพบว่าเป็นลายมือที่คุ้นตา ผมจำได้ว่าพ่อหนุ่มเจ้าของลายมือนี้เพียรส่งจดหมายมาหลายต่อหลายครั้ง แต่อนิจจา เจ้ากระดาษที่น่าสงสารจุดจบของมันคือถังขยะ
“ไม่อะ ไม่ตอบก็คือคำตอบแล้วไง”ผมกล่าวเสียงเรียบ
วันหนึ่งได้รับขนม ได้รับจดหมาย ได้รับคำทักทายตั้งมากมาย จะให้นั่งปฏิเสธทีละคนยังไงไหว ทว่าคำพูดของผมกลับทำให้เพื่อนรักเบ้ปากอย่างหมั่นไส้
เป็นคนหน้าตาดีมันก็มีมุมลำบากแบบนี้แหละ
“เห้อ อิจฉาจริ๊งงง ทำไมไม่มีคนมาจีบเรางี้บ้าง”
“ไม่มีสิดีกว่า มีคนมาจีบเยอะก็น่ารำคาญอย่างที่เห็นเนี่ย บางคนก็ไม่ได้ชอบจริงแค่ตามกระแสเฉยๆ”
“งั้นทำไมแกไม่เลือกสักคนล่ะ คิดซะว่าคบเป็นไม้กันหมา อย่างนังซอลเอกฝรั่งเศสนั่นไงหลังจากมีสามีเป็นตัวเป็นตนผู้ชายที่เคยตามจีบก็เผ่นหนีกันไปหมด”เต้ยเสนอ
ผมหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้าไปมา
“วิธีนี้ไม่โอ”
“ทำไมยะ อย่ากระแดะตอบว่าไม่ชอบผู้ชายเชียวนะ”คบหากันมาได้ปีกว่าเต้ยย่อมรู้เช่นเห็นชาติผมดี แถมผมก็ไม่ได้คิดปิดบังอะไร อารมณ์แบบไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่รึป่าว ในทวิตนี่รีรูปผู้ชายเกาหลีรัวๆ หวีดผู้ชายหล่อมาด้วยกันตลอดๆหากผมกล้าอ้างว่าตนไม่มีรสนิยมชมชอบผู้ชายเต้ยคงจะโดดตบให้เบ้าตาแตกข้อหาตอแหล
“ให้เลือกจากคนที่มาจีบอ่ะนะ ยี๊ ไม่เอาอ่ะ คนหล่อคงไม่เหลือมาถึงจุดนี้หรอกม๊าง”ผมเชื่อเสมอว่าผู้ชายหล่อมักถูกห้อมหน้าล้อมหลังด้วยเก้งกวางบ่างชะนี คงไม่มีใครหลงมาเทียวจีบผมเช้าสายบ่ายเย็นแบบนี้หรอก พวกที่เข้ามามีแต่หนุ่มกอลิลล่าไม่ก็พวกขี้ม่อหวังฟัน
“เรื่องม๊ากกกก เรื่องมากกกกกกก”เต้ยเริ่มขึ้นเสียง
“เอ๊า ก็ต้องเลือกดิ๊ แฟนทั้งคนไม่ให้เลือกหน่อยเหรอ จับฉลากเอางี๊”คราวนี้เต้ยเถียงไม่ออก สิ่งที่ผมพูดมีเหตุผลมากพอ ใครบ้างที่จะเลือกแฟนโดยการสุ่มจากจดหมายจีบสักฉบับ ผู้ชายนะไม่ใช่ของรางวัลสอยดาวจะได้หยิบมั่วๆเอาได้
“แต่ในจำนวนคนเป็นสิบๆที่เทียวจีบแกตอนนี้นอกจากพวกขี้ขลาดที่ฝากของเพื่อนต่อมาเป็นทอดๆไม่กล้าแสดงตัวก็มีพวกที่เข้ามาทักตรงๆอยู่ ว่าไงแกร ฉันเห็นนะ เมื่อเช้าในร้านกาแฟเชียงตุงพี่ตฤณอ้อล้อแกไม่ปล่อย”
พูดถึงพ่อหนุ่มบริหารคนนี้แล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้ง พี่แกเป็นเดือนคณะแถมยังบ้านรวย...ใครบ้างที่ไม่ชอบ
คำตอบคือผมไง!
“ไม่เอาอ่ะ”ผมเบ้ปากแล้วก็ส่ายหัวไปมา
“เรื่องมาก!!”เต้ยทำหน้ายี๊
“พี่เขาเป็นแฟนเก่าเบลล์ คบกันตั้งแต่มัธยมโน่น”...และมาเลิกกันเพราะพี่ตฤณทนความน่ารักของผมไม่ไหว
คือผมไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทำเลยจริง! พี่เขามาเอง!! แต่เบลล์ไม่เชื่อไงทุกวันนี้เลยตามจองเวรผมเป็นเงาแค้น แกล้งเดินเหยียบเท้าเอย ทำน้ำหกใส่สมุดเลคเชอร์ของผมเอย ถ้าผมปลงใจคบกับพี่ตฤณขึ้นมาผมไม่โดนฆ่าตายเลยเหรอไง บ้าไปแล้ว ด้วยเหตุนี้พี่ตฤณจึงจัดอยู่ในหมวดภัยพิบัติสำหรับผม
“เห้อ คืนนี้ไปดูประกวดดาวเดือนปี1กับกูปะ เผื่อมีคนไหนที่แกสนใจ”
“เดือนนะไม่ใช่ปลาในตลาดจะได้เลือกตัวที่ตาใสแล้วใส่ถุงกลับบ้านได้เลย”
“เออน่า ลองๆเปิดใจดูหน่อยใจคอจะครองโสดตลอดชีพเลยหรือไง”
และสุดท้ายผมก็ทนลูกตื๊อของเพื่อนไม่ไหวตบปากรับคำมันไปในที่สุด
ปกติการประกวดดาวเดือนของมหาลัยผมจะจัดหลังจากแข่งเฟรชชี่เกมเสร็จ แต่ปีนี้พวกสโมเปลี่ยนแปลงนโยบายเพราะอยากให้ดาวเดือนช่วยโปรโมทงานเฟรชชี่เกมซึ่งมีคนสนใจมากกว่าทำให้แต่ละคณะเตรียมซ้อมดาวเดือนกันไม่ค่อยทัน
“ไม่เห็นมีคนหล่อเลย”ผมเปรยเสียงเรียบ ขณะกวาดสายตาประเมิณหนุ่มน้อยหน้าใสที่ยืนเรียงแผงอยู่บนเวทีหลังจากแต่ละคนจัดโชว์ความสามารถพิเศษเรียบร้อยแล้ว ทีแรกไอ้เต้ยกะจะควักเงินซื้อดอกไม้โหวตป็อปปูล่าเปย์เด็กสักคนแต่ตอนนี้มันได้แต่ยืนเบ้ปากอยู่ท่ามกลางฝูงชน
เดือนปีนี้มาตรฐานต่ำกว่าที่แล้วมาอย่างมาก
ไม่ต้องอะไรแค่เอาพี่พอร์ชหรือพี่ตฤณมาเทียบเชื่อว่าพี่ๆทั้งสองจะได้ครองสายสะพายในปีนี้
“แต่ดาวสวยนะมึง”เต้ยตอบแบบประชดประชัน
“แล้วมันน่าสนใจตรงไหน”ผมถามกลับเสียงแกน
“จำนวนชะนีสวยเยอะขึ้นในขณะที่ผู้หล่อน้อยลง ถ้าพี่กิตต์เรียนจบมหาลัยเราคงถึงคราวอวสาน”พี่กิตต์ที่พูดถึงแกเรียนหมออยู่ปี6 หน้าตาดีพอจะเป็นตำนานเล่าขานให้รุ่นน้องฟังได้ บ้านรวยพอจะซื้อไอโฟนมาโปรยเล่น นิสัยเงียบขรึมหนักแน่น มีการศึกษาและมีอนาคตที่ดี สรุปได้ว่าพี่กิตต์มีข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวคือ...พี่แกมีแฟนแล้วและรักแฟนมาก ขนาดข้อเสียยังไม่เหมือนข้อเสียเลย เห้อ...
“ปีนี้งานประกวดมันเลื่อนมาจัดเร็วขึ้นคนหล่ออาจจะยังไม่ฉายแสง”ผมพยามคิดในแง่ดีและปลอบใจเพื่อน
“เออๆ เซ็งว่ะ เลิกดูกันเหอะเสียเวลานอนเปล่าๆ”สวยเลือกได้ตัวจริงคือใคร คำตอบคือเต้ยไง มันเดินสะบัดตูดแหวกฝูงชนออกจากบริเวณงานประกวด พวกเราแยกย้ายกันหน้าลานจัดงาน เต้ยมันอยู่หอในส่วนผมอยู่คอนโดซึ่งต้องไปคนละทาง
ทว่าหลังจากแยกกับเพื่อนรักสายตาของผมกลับสะดุดเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง
ไม่สิ...
สะดุดเข้ากับคนบางคน ซึ่งเขาเป็นคนที่...
หล่อมาก!
ผู้ชายตรงหน้าผมเขาหล่อมาก หล่อชนิดที่ว่าไอ้ปริญเดือนคณะผมกลายเป็นไอ้หน้าจืดไปเลย เออใช่ ระดับนี้ต้องเอาไปเทียบกับพี่กิตต์นู่นแล้ว!! เครื่องหน้าทุกชิ้นมีความโดดเด่นแต่ก็รวมอยู่ในเบ้าหน้าดีๆนั่นอย่างลงตัว ตัวก็สูงจนผมต้องแหงนหน้ามอง
เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่พวกเราเดินสวนกัน ผมกำลังจะเดินกลับส่วนเขากำลังจะเดินเข้าไปในงาน
ชั่วขณะนั้นผมมองเขาตาค้างเหมือนถูกสะกดเอาไว้
หัวใจที่ตายด้านมาแสนนานกำลังบีบตัวอย่างบ้าคลั่ง
หัวใจเต้นแรงส่วนหัวสมองเกิดคำถามเกิดขึ้นมากมาย เขาเป็นใครเรียนคณะอะไร หน้าตาดีขนาดนี้แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงแม้แต่เต้ยที่มีคลังข้อมูลผู้ชายเบ้าดีทั่วสารทิศยังไม่เคยกล่าวถึงเขาเลย หรือว่า...
จะเป็นเด็กปี1!!!???
ถ้าอยู่ปี1แล้วไหงมาเดินเตร่อยู่ตรงนี้!! ทำไมไม่ไปยืนประกวดอยู่บนเวทีแล้วคว้าสายสะพายกลับบ้าน
คนดีบอกพี่มาสิว่าเรียนคณะอะไร ตอนประกวดเดือนคณะกรรมการตาถั่วหรือเราไม่สบายเลยไม่ได้มาคัดตัวทำไมถึงไม่ได้เป็นเดือนคณะ ตอบ!!!
เชี่ย! นั่นเขาสบตาผมอยู่รึป่าว!?
เปล่า...
เขามองเลยไปข้างหลังผม ดีนะไม่เผลอส่งยิ้มไปให้ไม่งั้นกูหน้าแตกแน่
การมองในระยะเผาขนเช่นนี้คนถูกมองย่อมรู้ตัวทว่าเขากลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สีครามคนดังอย่างผมไม่อยู่ในสายตาของเขาสักนิด! นัยน์ตาสีดำขลับของอีกฝ่ายมองเลยหัวของผมไปอย่างไม่รู้จุดหมายและผมเองก็ไม่ได้สนใจด้วยเช่นกันว่าเขากำลังมองอะไรอยู่
พวกเราเดินสวนกันแล้ว แต่ไอเดียดีๆยังผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน
ถ้าปล่อยผ่านไปแบบนี้เราจะเป็นเพียงคนที่เคยใกล้ชิดกันแค่0.2วินาที แต่หากผมเดินกลับไปและทักเขาตอนนี้เราจะเป็นคนเคยคุยกันถึงผมจะนกแต่ครั้งหนึ่งก็เคยได้ยินเสียงของเขา
แบบไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละโว๊ยยยย!!
ถ้าเข้าไปจีบตรงๆต้องโดนเดินหนีแน่ ที่สำคัญผมจีบใครเป็นที่ไหนกันเล่า
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง วิ่งดุ๊กๆข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และวิ่งแซงร่างสูงที่กำลังเดินตรงไปยังลานประกวดเมื่อได้มุมที่เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจนแล้วผมก็กดถ่ายภาพ
ครับ ผมกะว่าจะเก็บรูปเขาไว้และเอาไปถามกูรูอย่างเต้ยว่าพ่อหนุ่มคนนี้เป็นใคร ของแบบนี้มันต้องมีข้อมูลก่อน ตามคำว่าที่ว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!
-----------------------------------------
เนื่องจากตัวละครชายเก่าๆที่เหลืออยู่ในเรื่องเจ้าชายต้องห้ามไม่ดีพอ
เราจึงแก้ปัญหาด้วยการ...สร้างขึ้นมาใหม่ซะ!! 55555+
เรื่องนี้ไม่ซ่อนเงื่อนแบบเจ้าชายละเด้อ คนไม่เคยอ่านเจ้าชายมาก็อ่านได้
ใช้ #หนึ่งใจสีคราม แล้วกันนะจ๊ะ