kagehana : น้องปันของเราอาจจะไม่ค่อยเหมือนเคะทั่วไปสักหน่อย แต่ยังไงก็ขอฝากไว้ด้วยคนนะคะ ฮิฮิฮิ
-10-
คล้ายกับรู้สึกปวดแปลบขึ้นมาตรงศีรษะ นัยน์ตาเรียวคมค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆก่อนจะลองขยับตัว
“!!??” ชยางกูรยังคงโอบกอดร่างเปลือยเปล่าของเขาเอาไว้ ซ้ำส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายยังคงอยู่ในตัวเขา
...เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง...
ภาพเหตุการณ์วิ่งกลับเข้ามาหา ชัดเจนจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
...ไอ้เหี้ยปัน...
รู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร แค่รู้สึกคล้ายกับได้สัมผัสความรักที่ขาดหายก็ทำให้เผลอไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
...เซ็กซ์ก็ต้องรู้สึกดีอยู่แล้ว...
ปัณวิทย์ นึกอยากจะโวยวาย แต่ก็ยั้งไว้ เพราะรู้ดีว่าโวยวายไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีอะไรที่เขาจะยึดเอาไว้หรือปกป้องได้อยู่แล้ว ยิ่งดื้อดึงดัน ก็จะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนขึ้น หรือถ้าวิ่งไปบอกพลภัทร เขาเสียอีกที่จะเป็นฝ่ายรับผิด
...รู้สึกเหมือนหัวใจเย็นชา...
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นแตะที่หน้าอกของตัวเองเบาๆ น่าแปลกที่ยังรับรู้ถึงเสียงหัวใจเต้น
...ทั้งๆที่ไม่รู้สึกอะไรแล้ว...
ปัณวิทย์ถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วค่อยๆดันตัวเองออกจากอ้อมกอด
...อยากอาบน้ำ...
“อือ...” ทันทีที่อีกฝ่ายขยับตัว ท่อนแขนแข็งแรงของคนที่ยังนอนไม่ตื่นกลับกอดรัดไว้แน่น
รู้สึกเหมือนตัวอะไรมายุกยิกบนหน้าอก แต่พอนึกไปนึกมา นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างกลับเบิกโพลงตื่นขึ้นมาแทบจะไม่ทัน
“อะ... เอ่อ... ปัน...” ชายหนุ่มลูกครึ่งไม่รู้ว่าจะพูดอะไรนอกจากเรียกชื่อทักออกไป
...ชิบหาย...ไม่น่าเผลอหลับเลย...
“... จะอาบน้ำแล้ว... ต้องไปเรียน...” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันโดยไม่ได้ตั้งใจ
น่าแปลกว่าปัณวิทย์คนนี้...ไม่มีอาการโวยวายอย่างที่ชยางกูรตั้งใจจะรับมือ เด็กหนุ่มเงียบและเฉยชาเกินไป....จนน่ากลัว
“ไปไหวเหรอปัน... ไม่เคย... ไม่ใช่เหรอ” ชยางกูรถามกลับแล้อวค่อยๆลุกขึ้นมานั่งโดยยังกอดไว้อยู่อย่างงั้น
“พักอยู่บ้านดีกว่านะ...”
พออีกฝ่ายขยับตัว เด็กหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกถึงกายที่ยังเชื่อมต่อจนต้องหลับตาลง
“อ... อือ... ไปไหว...”
“โทษ ทีๆ” ชยางกูรจูบบนหน้าผากเบาๆก่อนจะค่อยๆยกสะโพกปัณวิทย์ขึ้นจากจุดเชื่อมต่อ สีหน้าที่ดูราวกับจะเขินก็ไม่เขิน... จะบึ้งก็ไม่บึ้งทำให้นึกแปลกใจ... แต่เขาก็ไม่ถามอะไรออกไป
“อึดอัดใช่ ไหม... พอดีฉัน... พี่เผลอหลับไป เลยยังไม่ได้ล้างให้เลย” ชยางกูรเปลี่ยนวิธีการเรียกตัวเองเป็นแบบที่อ่อนโยนขึ้นอย่างตั้งใจ
“ค่อย ไปพรุ่งนี้แล้วกัน คนไม่เคยน่ะ... เจออย่างงี้เข้าไปบางทีเดินไม่ได้เลยก็มี” ชายหนุ่มนึกขำเมื่อไพล่นึกไปถึงอดีตเพื่อนร่วมงานและคนรักที่เป็นชายแท้คน นั้น รู้สึกว่าจะไข้ขึ้นจนต้องให้คอยพยาบาลเลยด้วยมั้ง
“... ไม่เป็นไรน่า... ไปส่ง... แล้วก็ไปรับ... ได้ไหมล่ะ” ปัณวิทย์ยังคงปฏิเสธ เพราะไม่อยากจะขาดเรียนให้พลภัทรต้องมาว่า
“ได้ สิ” พอร่างเพรียวหลุดออกจากส่วนเชื่อมต่อ หยาดอุ่นๆที่อยู่ข้างในก็ไหลออกมาเลอะเรียวขาเปล่าเปลือยจนหยดลงบนเตียง ชยางกูรลูบให้ส่วนที่เปรอะหลุดออกแล้วเช็ดลงกับผ้าปูที่นอน
“ปล่อยข้างในจนได้...เดี๋ยวฉันช่วยเอาออกให้ที่ห้องน้ำนะ”
“ม... ไม่ต้อง... ปันทำเอง... ออกไปก่อนเลย เดี๋ยวเขามาแล้วเห็นว่าพี่ไม่อยู่ในห้อง...” ร่างโปร่งรีบดันอีกฝ่ายออกแล้วหันหน้าหนี
“ใครสน” ชยางกูรลุกขึ้นแล้วดึงปัณวิทย์มาอุ้มไว้ก่อนจะพาเดินเข้าไปในห้องน้ำทั้งอย่างนั้น
“ปันทำไม่เป็นหรอก ขืนเอาออกไม่หมดเดี๋ยวป่วยไม่รู้นะ”
พอ อีกฝ่ายเรียกตัวเองว่าปัณแล้วแทนตัวเขาว่าพี่... ความรู้สึกอบอุ่นก็พองฟูขึ้นมาเคลือบในหัวใจเบาๆจนรอยยิ้มอ่อนโยนเผยขึ้นมา โดยไม่รู้ตัว
“พี่ทำให้ แป๊บเดียว เดี๋ยวอาบน้ำด้วยกันเลยแล้วพี่จะไปส่ง... ไม่ให้คุณพ่อว่าปันหรอก”
“...... ทำไมไม่ฟังกันเลย” เด็กหนุ่มทำเสียงขุ่นพลางก้มหน้าหนี
...รู้สึกเขินอายจนหัวใจเต้นรัว...
...นี่เป็นอะไรวะ...
“ฟัง แล้วปันก็เอาแต่ดื้ออ่ะดิ่ ทำเลยดีกว่าง่ายดี” ชยางกูรวางปัณวิทย์ลงบนขอบอ่างแล้วรองน้ำอุ่นให้จนเต็ม เขาประคองร่างเพรียวให้ค่อยๆหย่อนตัวลงไปในน้ำพลางคุกเข่าลงให้อยู่ในระดับ เดียวกัน
“ร้อนไปไหม”
“.... ก็เหมือนเด็กๆนี่หว่า.....” เขาทำหน้ามุ่ยพลางเลี่ยงตอบคำถามของอีกฝ่าย
ชยางกูรหัวเราะออกมาเบาๆ ดูจากน้ำเสียงกับใบหน้างอนๆแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่ายังเด็กอยู่จริงๆ
เด็กเกินไปที่จะเป็นสเปค...แต่อย่างว่า ลองชอบเข้าไปแล้วสเปคอะไรก็ไม่สำคัญ
“อ่ะ คอยดูไว้นะ” เรียกร้องความสนใจอีกฝ่าย ก่อนปลายนิ้วหยาบจะสอดเข้าไปยังช่องทางเบื้องหลังที่อุ่นด้วยน้ำที่อยู่รายล้อม
“เอานิ้วใส่เข้าไป แล้วควักมันออกมา...ง่ายๆ โอเคป่ะ” นัยน์ตาเจ้าชู้ลอบมองปัณวิทย์ที่หน้าแดงก่ำตั้งแต่ถูกแตะตรงนั้น
“บวมๆอยู่นิดนึง แต่ไม่ฉีกก็โอเคล่ะนะ”
“ย... อย่ามอง... ดิวะ” ปัณวิทย์ทำเสียงเข้มมากขึ้นแต่ค่อยๆขยับมือลงไปใต้น้ำ แล้วทำตามอีกฝ่ายว่า นิ้วค่อยๆขยับเขี่ยเอาของเหลวข้นเหนียวด้านในออกมากับน้ำร้อน
“เซ็กซี่ชิบ” ชยางกูรพูดน้ำเสียงกรุ้มกริ่มขณะกุมมือที่ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆด้านหลัง
เขา จับปลายนิ้วที่สองช่วยสอดเข้าไปก่อนจะละมือออกมาแตะที่บริเวณช่วงต่อระหว่าง แก่นกายสีสวยและช่องทางเบื้องหลัง ชายหนุ่มนวดให้เบาๆ... เพราะรู้ว่าตรงนั้นมีส่วนช่วยในการกระตุ้นอารมณ์อย่างดี
“มัวไปมองคุณนัทอยู่ตั้งนาน แต่ปันเซ็กซี่กว่าเยอะเลย...พอทำหน้าแบบนี้”
คล้ายกลับมีกระแสไฟแล่นมาจากจุดที่ถูกสัมผัสตรงนั้น
“ไอ้--!! ท... ทำอะไร--!? ป-- ปล่อย”
“นวดไง ผ่อนคลายๆ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ปลายนิ้วกลับออกแรงกดเบาๆในจุดที่ทำให้รู้สึกดี ชยางกูรยกตัวขึ้นไปจูบเบาๆตรงริมฝีปากนุ่มนวล
“ทำให้เอาป่ะ...ก่อนไปเรียน...”
“!! ม-- ไม่เอา!! พ... พอแล้ว” ปัณวิทย์หันหน้าหนี ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นจนอยากลุกหนี แต่สัมผัสกลับทำให้รู้สึกไร้ทางสู้
“ไม่เอามืองั้นเอาปากมะ” เสียงหัวเราะดังก้องห้องน้ำที่มีไอร้อนลอยเมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามามองอย่างตะลึงในสิ่งที่พูด
“ทำให้ปันได้นะ ปกติไม่ค่อยทำให้ใครหรอก.....”
“บ... แบบไหนก็ไม่เอา!” ปัณวิทย์ทำเสียงดังขึ้นแล้วขยับหนีอีกฝ่ายเท่าที่ตัวเองทำได้
“ล้อเล่นน่า....เอาไว้สักพักก่อนค่อยทำให้แล้วกัน” ชยางกูรยิ้มอีกครั้งแล้วละมือออกมาลูบแผ่นอกบางแทน
“รีบอาบๆ พี่จะได้อาบมั่ง ของปันกระเด็นใส่เหนียวไปหมดแล้ว” ชายหนุ่มบอกพลางเอามืออีกข้างที่ว่างอยู่ลูบบนหน้าท้องแน่นเบาๆ
“ก็ไปอาบห้องตัวเองดิ... ปันจะรีบอาบน้ำ” เขาว่าพลางยกมือดันร่างสูงออกทันทีแล้วหันหลังให้
“ไม่ได้...ต้องดูแลปัน” ริมฝีปากอุ่นร้อนทาบลงบนผิวเปล่าเปลือยบนแผ่นหลังคนขี้อาย
“ให้ ปันแช่น้ำ เดี๋ยวพี่ไปอาบฝักบัวก็ได้” ร่างสูงลุกขึ้นไปอาบน้ำ เขาเปิดฝักบัวให้ละอองเย็นๆตกกระทบใบหน้าและเส้นผมก่อนจะเริ่มขัดถูร่างกาย เปล่าเปลือยไปด้วย
“....” ปัณวิทย์รีบคว้าใยขัดตัวกับสบู่เหลวมาบีบใส่แล้วรีบอาบน้ำโดยไม่หันไปมองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเลยแม้แต่น้อย
...เป็นอะไรไปวะ...
...ทำไมต้องใจเต้นขนาดนี้...
“อย่าแอบมองนะ” คนนัยน์ตาเจ้าชู้ยิ้มผ่านม่านน้ำมายังเด็กหนุ่ม
“รีบอาบเลย เดี๋ยวช้ากว่านี้ห้านาทีไม่ต้องไปแล้ว... ต่อรอบสองกันเลย”
“เสร็จแล้ว! ไม่ต่อ! จะไปเรียนแล้ว แล้ว... แล้วไม่ต้องไปทำงานหรือไง” เด็กหนุ่มรีบหันมาก่อนจะหลบสายตาของชยางกูรที่มองมา
“หยุด เพื่อปันได้นะ คุ้มออก...งานเอกสารน่าเบื่อกับได้กอดเด็กหอมๆน่ะ” ชยางกูรหัวเราะซ้ำเมื่อเห็นเจ้าของชื่อเขวี้ยงค้อนอันเบ้อเริ่มกลับมา
...ก็แตกต่างกับก่อนหน้านี้นิดหน่อย...
...แต่ทำไมถึงมีความสุขขนาดนี้ก็ไม่รู้...
//////////////////////////////////////////
“เลิกเรียนแล้วโทรมานะ ห้ามหนีล่ะ” ชยางกูรกำชับอีกครั้งหลังจากปัณวิทย์ทำท่าจะเปิดประตูรถลงไป
“รู้แล้วน่า....” เด็กหนุ่มทำหน้ายุ่งพลางก้าวลงจากรถ
“..... แล้วจะโทรไป” เขาทำเสียงเข้มแต่ก็กดให้ต่ำแล้วเดินหนีไปแทบจะทันที
...ก็แค่ความสัมพันธ์คืนเดียว...
“ไอ้ปันนนนนน” อาธิปที่เดินตามหลังมาตะโกนเรียก หากแต่มือกลับโบกให้คนที่นั่งอยู่ในรถ
“แม่ง... พี่เดฟใส่สูทแล้วโคตรเท่เลยว่ะ อ่าว แล้วนี่มึงเป็นไรวะ เดินยังกะสากจุกตูดอยู่” เด็กหนุ่มหน้าทะเล้นหรี่ตามองอาการแปลกๆของเพื่อนสนิท
“เมื่อวานแม่งโมโหกู เลยได้นี่มา กูหลบเลยล้ม” ปัณวิทย์อธิบายเสียงเรียบพร้อมชี้นิ้วไปที่แผลเหนือคิ้วของตัวเอง
“เหียกชิบ”
“โห พ่อมึงแม่งโหดสัดๆ มึงไม่ให้พี่เดฟเขาช่วยวะ ดูเขาออกจะดีกับมึงแถมเป็นลูกรัก อย่างน้อยก็ให้พูดไม่ให้ทำมึงแรงๆก็ได้”
คราวก่อนก็ทีนึง...หน้าบวมมาโรงเรียน วันนี้มากับแผลแตก เพราะว่าเป็นเพื่อนกันเลยอดไม่ได้
“เหี้ยศิวะลึงค์ไปไหนวะ ทีต้องการใช้สมองแม่งไม่อยู่ซะงั้น”
พูดไม่ทันขาดคำ ร่างสูงของเด็กหนุ่มนักบาสในชุดซ้อมเช้าก็วิ่งมาจากโรงยิม
“ไงปัน ไงไอ้เตี้ยอัฐ” ศิวะทักทายแล้วหรี่ตามองแผลที่เหนือคิ้ว
“ใครทำมึงวะปัน”
“คุณเขา” เด็กหนุ่มทำหน้าเซ็งต่อ
“ช่วยไร? เขาก็หาว่ากูไปประสบสอพลอตอแหล คิดว่ากูจะเอาไรงั้นล่ะ ห่า”
“ด่ากู ด่ากูตลอดดดด เบี้ยล่างขัดดอกมึงเลยนะเชี่ยปัน” อาธิปบ่นเสียงไม่เบาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแป้นแล้น
“ก็กูไม่รู้ แต่ถ้ามีใครช่วยมึงได้ตอนนี้กูว่ามีพี่เดฟคนเดียว คนอื่นสนมึงที่ไหน”
“กูก็ว่างั้นนะปัน... หรือไม่อีกทางมึงก็ต้องอยู่ห่างพี่เขาไว้ แต่มึงจะได้เหรอวะ ติดพี่เดฟเขาเป็นลูกหมาอย่างเงี้ย” ศิวะให้ความเห็น
แต่ ไหนแต่ไรปัณวิทย์ที่มีปัญหาในครอบครัวไม่เคยสนิทกับใครสักคน แต่พอพี่ชายคนใหม่มา... หลายต่อหลายครั้งเขาเห็นแววตาของเพื่อนที่มีความสุขแม้จะบ่นพี่ชายไปบ้างตาม ประสา
“ช่ายยยย นี่ถ้ามึงเป็นเกย์ กูคงนึกว่ามึงหวังเคลมพี่เขาแหง” อาธิปสอดปากพูดแล้วยกแขนโอบไหล่เพื่อนเบาๆ
“กูเปล่าเป็นไอ้เหี้ย กูไม่ได้ติดด้วยสัด” เขายกมือขึ้นกันแผลตัวเองไว้
“ระวังเว้ย กูเจ็บ”
...ก็แค่โดนผู้ชายเอา...
...ไม่ได้เป็นเกย์เป็นห่าไรทั้งนั้น...
“ช่วย ได้ไรวะ ออกแทนกู กูก็โดน แม่งโคตรยุติธรรมเลยชีวิต” ปัณวิทย์เอ่ยความจริงที่เกิดขึ้นต่อ เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง
“โอ๋ๆ อ่อแอ๊ มึงหงุดหงิดอีกแล้ว เดี๋ยวเยี่ยวเหลืองนะมึง” อาธิปปล่อยมือที่กอดออก หากแต่ดวงตาอาตี๋กลับเหลือบไปมองเห็นรอยแดงๆที่โผล่พ้นคอเสื้อ
“เฮ้ย!! ไอ้ซายน์ มึงมาดูนี่ดิ่” นิ้วขาวจัดแบบลูกคนจีนจิ้มลงไปที่ลำคอเด็กหนุ่มที่ยืนข้างๆอย่างไม่เกรงใจ
“เชี่ย... รอยกัดหรือรอยดูด หายไปคืนนึงมึงไปเอาสาวไหนมาวะ ไอซ์ก็เลิกแล้วนี่หว่า”
“เสือกเรื่องมันอีกแล้วนะมึง”
“ก็กูอยากรู้อ่ะ ร้ายนะมึงไอ้ปัน เจ็บตัวยังไปตีหม้อได้อีก...ไม่ยอมเรียกเพื่อนบ้าง”
“เหี้ย ก็แค่เซ็งๆ ไว้คราวหน้ากูเรียก ตอนนี้กูไม่อยากมีแล้วว่ะแฟน รำคาญ” ปัณวิทย์เบี่ยงประเด็นไปทางอื่น ในใจนึกก่นด่าพี่ชายต่างสายเลือด
...เหี้ยพี่เดฟ...
...ใครใช้ให้ทิ้งรอยไว้วะ...
“เออ ป่ะ หิวว่ะ มึงไปหาไรกินเป็นเพื่อนกูหน่อยนะปัน” ตี๋หนุ่มชวน
“เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อน เจอกันห้องเรียนนะ”
“เออ เจอกันมึง” ปัณวิทย์หันไปโบกมือแล้วเดินไปโรงอาหารกับเพื่อนสนิทอีกคน
...ก็มีแต่พวกมึงสองตัวแหละที่เป็นเพื่อนกู...
“มึง แดกข้าวมาแล้วเหรอวะ ทำไมไม่กิน” เสียงอู้อี้ที่เคี้ยวหมูปิ้งข้าวเหนียวอยู่ถามขึ้น หลังจากที่ไปขนซื้ออาหารเช้ามาวางตรงหน้าเพื่อนตนเอง
“เจ็บแผลเปล่าวะ ห่า พ่อมึงนี่ก็เหลือเกิน น้องอัสซี่รับไม่ได้”
“ไม่เจ็บเท่าตอนโดนว่ะ กินเหอะ กูไม่หิว” เขาคว้าเอานมกล่องที่อาธิปซื้อมาด้วยมาดื่ม
“.... ถาม.... ถามนะมึง.... สมมติถ้ากูบอกมึงว่ากูเป็นเกย์ มึงจะทำไง”
“หน้าหม้อพอๆกะไอ้ซายน์อย่างมึงเนี่ยนะเป็นเกย์ ให้ตายกูก็ไม่เชื่อว่ะ” เป๊บซี่แก้วโตถูกดูดดังซร้วบก่อนจะพูดต่อ
“แต่ถ้ามึงเป็นเกย์จริงๆ...ขอแค่ไม่มาอัดตรูดกูกูก็โอเคว่ะ กูกลัวติดใจ ฮ่าๆๆๆ” อ่าวเหี้ย ไม่ขำเหรอวะ... หน้าเป็นก้อนขี้เชียว
อาธิปกระแอมเบาๆให้หมูที่ติดคออยู่ลงไป ก่อนจะพูดเสียงเป็นทางการขึ้นมานิดหน่อย
“มึง เป็นเพื่อนกูนะเว้ย ถ้าเกิดมึงเป็นเกย์ขึ้นมาจริงๆ...กูก็คงไม่เลิกคบกับมึงด้วยเรื่องแค่นี้ หรอก ไมวะ คิดมากเรื่องกูแซวเมื่อเช้าเหรอ”
“เออ ครับไอ้เหี้ยอัฐ” เด็กหนุ่มว่าพลางนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
...ไม่หรอก...
...ไม่มีอะไรทั้งนั้น...
...ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น...
“ห่า กูก็แซวไปงั้นแหละ ก็เห็นมึงเดี๋ยวนี้อะไรก็พี่เดฟๆ แต่กูไม่ได้โกรธนะเว้ย ดีซะอีก มึงจะได้มีคนคุยด้วยตอนอยู่บ้าน...” เพราะรู้ว่าบรรยากาศในบ้านปัณวิทย์เป็นอย่างไร พอมีคนเข้ามาดีด้วยกับเพื่อนรัก ก็อดดีใจแทนไม่ได้
“แต่อย่างมึงถ้าเป็นเกย์ คงได้เป็นเมียพี่เดฟคนแรกล่ะวะ ห่า คนเชี่ยไรไม่รู้หล่อชิบหาย”
“เหี้ยละมึง ทำไมต้องเมียพี่เดฟวะ เป็นเกย์ที่ไหน” ปัณวิทย์ทำเสียงเข้มขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายพูดจนทำเขาแทบสำลักนมที่ดื่มเข้าไป
“ก็ ไม่รู้ กูก็พูดไปเรื่อยแหละกูก็แค่คิดว่าถ้ามึงเป็นเกย์แล้วได้กะพี่เดฟคงดีมั้ง เขาเอามึงอยู่ไง ขืนได้กะพวกเกย์นิ่มๆมึงข่มเขาหมด” อาธิปกัดข้าวเหนียวคำสุดท้ายแล้วลุกขึ้นยืน
“อิ่มแล้ว ป่ะไอ้ปัน เข้าเรียนโว้ย”
“เออๆ! เรียนๆ! ปะ” เขาลุกขึ้นมาแล้วไม่ลืมที่จะขยี้หัวเพื่อนรักเต็มแรงไม่มีกั๊ก
...เอากูอยู่อะไรวะห่า...
//////////////////
รถ เชฟโรเล็ตสีดำแล่นมาจอดเทียบประตูหน้าโรงเรียน ชายหนุ่มผมทองผู้เป็นคนขับลงมาด้วยมาดนักธุรกิจ เขายืนพิงรถแล้วกดโทรศัพท์หาคนที่บอกให้มารับ
“ถึงหน้าโรงเรียนแล้วนะปัน”
เด็กหนุ่มที่กำลังเดินลงบันไดจากตึกเรียนเห็นข้อความเข้า ก็หันไปบอกเพื่อนสองคนที่เหลือด้วยน้ำเสียงเรียบๆทันที
“พี่มาละ กูไปก่อนนะเว้ย ไว้ไปเตะบอลกันวันหลัง”
“โหยย ทิ้งกูไว้กับไอ้ห่าซายน์อีกแล้วนะมึง เชี่ย อยู่กันสองคนจนจะเป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว” อาธิปบ่นไม่จริงจังนัก
“ห่า กูไม่เอามึงเป็นเมียหรอก”
“ใครบอก กูจะเป็นผัวมึงต่างหาก น้องซายน์ของพี่อัสซี่---”
“ไอ้เชี่ยอัฐ!!” คนตัวสูงกว่าเขกมะเหงกลงกลางหัวไอ้ตัวกวนก่อนจะหันมาคุยกับปัณวิทย์
“ไปเหอะมึง เดี๋ยวพี่เดฟรอ”
“ระวัง เหอะพวกมึง เดี๋ยวได้กันเอง” ปัณวิทย์หัวเราะก่อนจะรีบเดินลงบันไดไป ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เพราะวันนี้ตอนลองวิ่งดูก็รู้สึกได้ว่ายังไม่พร้อม
...ห่าเอ๊ย...
“ทำไมมาเร็ว” ก้าวถึงรถได้เด็กหนุ่มก็ถามเสียงห้วน
“อ่าว ก็บอกว่าจะมารับไง” ชยางกูรงงเล็กๆที่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทำท่าของขึ้นอีกแล้ว
“วันนี้เป็นไงบ้าง ร่างกายน่ะ”
ปัณวิทย์ไม่ตอบคำถามทันทีแต่ก็เดินขึ้นรถแล้วปิดประตูลง พลางรอให้อีกฝ่ายขึ้นตามมาแล้วค่อยอ้าปากตอบ
“ก็ดี แต่วิ่งไม่ได้....”
“วิ่ง ได้ก็ยอดมนุษย์แล้ว บอกแล้วว่าให้หยุดวันนึง ก็ปันไม่เคย... ยังดีนะไม่ไข้ขึ้นด้วย” ปลายนิ้วสากไล้ผิวแก้มขาวเบาๆ ก่อนจะชะโงกตัวเข้าไปใกล้
“อยากไปไหนป่ะ เดี๋ยวพี่พาไป”
“กลับ บ้านเหอะ.... ไม่อยากไปไหน....” ปัณวิทย์ทำตัวว่าง่าย แต่อีกอย่างเพราะไม่อยากไปไหนแล้วกลับบ้านมาเจอพลภัทร ให้เห็นว่าอยู่ด้วยกันอีกแล้ว
...อยากนอนเฉยๆ...
“ก็ดี เดี๋ยวจะได้ทายาให้ด้วย” คนที่บอกจะทาให้พูดยิ้มๆแล้วหยิบถุงที่วางอยู่ใกล้ๆมาโชว์
“มี ยาแก้บวม ไว้ทาตรงนั้น แก้ช้ำไว้ทาตรงคิสมาร์ก แล้วก็เจล...สำรองไว้ครั้งหน้า ผสมน้ำมันหอมด้วยนะ หอมสุดๆ” คนพูดสูดลมหายใจลึกๆแสดงให้เห็นว่าหอมจริงๆ
“ไว้รอหายแล้วลองใช้กัน”
“ใช้อะไร! ไม่เอาแล้ว วิ่งไม่ได้เลย!” ปัณวิทย์ทำเสียงดังแล้วหันหน้าหนี
“ก็ไม่ได้จะทำตอนนี้นี่ รู้หรอกน่าไม่ได้หื่นขนาดนั้น” ชยางกูรวางถุงยาลงบนตักปัณวิทย์ แล้วลูบเบาๆบนต้นขานุ่มๆ
“แต่มีไว้ก่อนไม่เป็นไร วันไหนครึ้มๆก็เอามาใช้ ปันจะได้ไม่เจ็บมาก”
“ลุงหื่นๆชัดๆ” เขาเอื้อมมือไปจับข้อมือของชยางกูรแล้วยกออก
ชยางกูรยอมละมือแต่โดยดีเพราะต้องเหยียบคันเร่งแล้ว แต่นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างไม่วายส่งแววเจ้าชู้ให้
“ก็หื่นกับปันคนเดียวไง ไม่หื่นกับเด็กตัวเองจะไปหื่นกับใคร”
“........” เขาไม่เอ่ยอะไรต่อพลางเอื้อมวางถุงยาที่เบาะหลัง
“เลิกกับยัยนั่นแล้ว... บอกไปยัง”
“ยัง... แต่รู้แล้ว” อดีตแฟนสาวตัวดีของปัณวิทย์ส่งข้อความทางเฟสบุ๊คมาตั้งแต่เมื่อเย็น แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นก่อนเลยถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว
“ก็เลิกกับสาวมาคบกับพี่แทน แฟร์ๆดี รวดเร็วทันใจ”
“..... คบอะไร ใครบอกจะคบ... โมเมเอง” ปัณวิทย์ทำเสียงเข้มแล้วหลับตาลงคล้ายกับจะบอกว่าไม่พูดด้วยแล้ว
“หลับไปก่อน ถึงบ้านเดี๋ยวปลุก” น้ำเสียงทุ้มบอกเบาๆแล้วหรี่เพลงลง เขาเคลื่อนรถช้าๆไม่ให้เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆกระทบกระเทือนอะไร
...อยากให้อยู่ในฝันดี...
...และมีเพียงเราสองคน...
To Be Continued....