(หนัก ๆ มาต่อแล้ว)
ทันทีที่กลับเข้าไปที่ร้านในตอนเช้า ก็เจอกู๋นั่งรออยู่แล้ว และเป็นไปตามคาด นอกจากจะถูกซักจนละเอียดแล้ว ยังถูกด่าว่าที่ไม่อยู่ช่วยงานจนจบ แถมยังไม่ยอมกลับบ้าน ไปนั่งรถเมล์ทำไมอันตราย บลา ๆๆๆ ผมก็ตั้งใจฟัง ก้มหัวขอโทษ ไม่ได้เถียงซักแอะ ถามคำตอบคำไปตามประสา
“เฮ้อ ด่าลื้อจนไม่รู้จะด่ายังไงแล้ว โตแล้วนะทำไมยังชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่เรื่อย อย่างนี้จบไปลื้อจะไปทำอะไร” กู๋ด่าจนเหนื่อย หันไปกดพัดลมให้หยุดหมุนแล้วพัดมาทางแกและผม
“กู๋ครับ อาทิตย์หน้าผมก็เรียนจบแล้ว” มองหน้าอากู๋ที่ท่าทางเหนื่อยอ่อน จึงตัดสินใจที่จะบอกกล่าวแก่อากู๋ถึงอนาคตที่ผมได้วางไว้
“อื้อ เหรอ ไวเหมือนกันนะ” สายตากู๋ที่มองมา ทำให้ผมสะเทือนใจ ไม่รู้ว่ากู๋จะคิดอย่างไรกับแผนการของผม
“ผม ผมตั้งใจว่าหลังจากเรียนจบ ผมจะไปทำงาน และย้ายออกไปครับกู๋” กู๋ที่ตอนแรกยกน้ำชาขึ้นมาจิบ ก็วางลงช้า ๆ หันมามองหน้าผม สีหน้าประหลาดใจ
“......” แต่ก็ยังไม่พูดอะไร เพราะคงอยากให้ผมได้พูดให้จบก่อน
“ผมขอบคุณกู๋มากนะครับ ที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เด็ก จนบัดนี้ ผมจะไม่มีวันลืมพระคุณของอากู๋และอากิ๋มเลยครับ ผมรู้ว่าถ้าออกไปแล้ว กู๋คงลำบากต้องหาคนมาแทนผม แต่ผมก็คิดว่าชีวิตต่อจากนี้ผมขอทำตามความตั้งใจของผมครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงผมจะออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว ผมก็จะส่งเงินมาให้อากู๋ทุกเดือน ทดแทนพระคุณที่เลี้ยงดูผมมา”
“ไม่ต้องหรอก เงินเดือนลื้อ ๆ ก็เก็บไว้ใช้เถอะ ไม่ต้องส่งมาหรอก”
“ไม่ครับกู๋ ยังไงผมก็จะทำตามที่บอกไว้ เพราะผมไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรถึงจะทดแทนพระคุณกู๋ได้หมด ผมขอบคุณกู๋มากนะครับ ที่ไม่ได้ส่งผมไปที่บ้านเด็กกำพร้า” น้ำตาไหลลงมาเป็นสาย ผมไม่เคยร้องไห้ต่อหน้ากู๋มาก่อน ท่านอาจจะไม่ได้ให้ความใกล้ชิดมากนัก แต่ก็คอยดูอยู่ห่าง ๆ ครั้นพอคิดว่าอีกไม่นานผมคงไม่ได้อยู่ดูแลท่าน น้ำตาเจ้ากรรมมันก็ไหลออกมาเอง ผมคุกเข่าลงก้มกราบแทบเท้าอากู๋ เป็นการขอบคุณ และขอขมา
ผมไม่เห็นหน้าอากู๋ ไม่รู้ว่าท่านมีสีหน้าอย่างไร แต่ได้ยินท่านถอนหายใจ และลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในตัวบ้าน ผมไม่รู้ว่ากู๋จะคิดว่าผมเนรคุณ หนีไปสบายคนเดียวหรือเปล่า จึงไม่พูดอะไรกับผม
ลุกขึ้นได้จึงปาดน้ำตา ยืนยิ้มให้กับตัวเอง นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้คุยกับกู๋อย่างนี้
ซักพัก ได้ยินเสียงฝีเท้ากู๋เดินออกมาจากตัวบ้าน พร้อมกับซองสีน้ำตาลในมือ แกยื่นซองนั้นให้ผม ผมรับมาด้วยความมึนงง แต่ก็เปิดดูของข้างใน
ข้างในเป็นสมุดบัญชี ธนาคารสีชมพู หยิบมาเปิดดูหน้าแรก ก็ต้องตะลึง มีชื่อเด็กชาย กฤติกมล ซึ่งก็คือผม สมุดธนาคารนี้เป็นของผมงั้นเหรอ?
เปิดไปหน้าถัด ๆ ไป ก็ยิ่งตกใจ เพราะยอดเงินคงเหลือหน้าล่าสุด มีจำนวนเงินไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะยอดฝากยอดแรก ก็ 300,000 บาทแล้ว และยังมียอดฝากบรรทัดถัดมา ซึ่งวันที่ห่างจากยอดแรก ถึง 15 ปี อีกทุก ๆ เดือน ๆ ละ 5,000 บาท
ผมเงยหน้ามองอากู๋ คงจะมีสีหน้างงงวยจนอากู๋ถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมทั้งอธิบายเรื่องราว
“ก้อนแรกนะ เป็นเงินประกันชีวิตของแม่ลื้อ ที่อีทำไว้ ได้มาอั้วก็เอาไปเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อลื้อ.....ส่วนที่เหลือ ก็เป็นค่าแรงที่ทำงานในร้าน อั้วเห็นลื้อกินนอนอยู่ในร้านอยู่แล้ว เลยไม่อยากให้ถือเงินเยอะ เดี๋ยวมีเงินลื้อก็ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เอาไปเที่ยวเล่นซะหมด”
ผมมองอากู๋อย่างที่ไม่เคยมองมาก่อน น้ำตาไหลพรากยิ่งกว่าเมื่อกี้ เคยคิดว่ากู๋ไม่ได้รัก ไม่ได้สนใจตัวเองเลย แค่ให้ที่อยู่ที่กิน แล้วก็ใช้งานไปวัน ๆ
แต่ไม่ใช่เลย ผมยังมีใครคนหนึ่งซึ่งยังห่วงใยอนาคตของผมอยู่ คอยเก็บเงินให้ คอยมองดูการเจริญเติบโตของผมอยู่ด้วย คงเพราะกู๋ เป็นคนแข็ง ๆ ไม่ค่อยพูด และดุมาก ไม่งั้นคงคุมคนทั้งร้านไม่ได้ ทำให้ผมไม่เคยรู้เลย ว่าที่จริงภายใต้คำดุด่าว่ากล่าวนั้น แฝงไปด้วยความห่วงใย เอื้ออาธร
ถ้าลองมานึกย้อนกลับไป เวลาผมทะเลาะกับเฮียตงทีไร ก็จะถูกทำโทษทั้งคู่ทุกที ไม่เคยเลยที่จะเห็นว่าอากู๋ลำเอียงเข้าข้างเฮียตง จนตอนหลัง ๆ เวลาจะกัดกัน ก็ต้องทำลับหลังอากู๋ เพราะไม่อยากจะถูกทำโทษทั้งคู่
อากู๋ไม่ได้พูดอะไรอีก ยกมือลูบหัวผมทีก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน วันนี้วันหยุดของที่ร้าน ท่านอุตส่าห์มานั่งคอยผมกลับมา ทั้ง ๆ ที่ควรจะพักได้แล้ว
ผมเช็ดน้ำตากับแขนเสื้อลวก ๆ ก่อนจะเดินตามเข้าไปในตัวบ้านด้วย เดินตรงไปที่ห้องใต้บันได เข้าไปในห้องเล็ก ๆ ที่ผมคุ้นเคย นั่งลงบนเตียงขนาดพอดีตัวที่ใช้มายาวนาน
ลำลึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ผมเข้าใจเอาเองมาตลอดว่าไม่เป็นที่รักที่ต้องการของใครเลย แต่พอนึก ๆ ไปนึก ๆ มา ผมไม่เคยได้ยินอากู๋พูดว่า หรือพูดไม่ดีถึงแม่ของผมซักคำ มีก็แต่คนอื่น ๆ ที่พูดจา ติฉินนินทา ว่าแม่ให้ได้ยิน จนทำให้ผมเริ่มปิดกั้นตัวเอง เห็นทุกคนเป็นศัตรู ไม่เคยเปิดใจมองความหวังดีที่บางคนมีให้
เรื่องเงินกู๋ก็คงจะพยายามสอนให้ผมประหยัดในแบบของแก แต่ผมกลับมองว่า กู๋ขี้เหนียว เลยประหยัดประชดกู๋ซะเลย อดจะนึกขำตัวเองไม่ได้ เด็กจริงๆ เลยผมเนี่ยะ
แล้วไอ้ห้องที่ผมนั่งอยู่นี่ มันเล็กมากก็จริง....แต่มันก็เป็นส่วนตัวดี ไม่ต้องลำบากใจ ถ้าต้องไปวุ่นวายอึดอัดใจ ถ้าต้องไปใช้ห้องร่วมกับเฮียตง
การได้รับรู้เรื่องราวในครั้งนี้ ทำให้โลกของผมเปลี่ยนไป 360 องศาเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ดี ผมก็ยังคงจะทำตามแผนที่ได้วางไว้อยู่ดี
(จบตอนจ้า)