พฤทธิ์จูบหลงอีกครั้ง มันเริ่มจากปลายลิ้นที่ขยับเชื่องช้าคล้ายคนใกล้จะหมดแรง แต่น้ำมันในห้วงรักถูกจุดขึ้นอีกครั้ง..ความรู้สึกหนึ่งที่เจือจางลงกลับเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง
ในการแลกเปลี่ยนอันลึกซึ้งถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ไม่ไกล หน้าจอสว่างตัดกับความมืดสลัวดึงดูดความสนใจเพียงนิด เมื่อปลายทางแห่งความฝันหอมหวานจนไม่อาจห้ามใจ กระนั้นความพยายามของคนที่อยู่ปลายสายก็ไม่สิ้นสุดโดยง่าย เมื่อสายแรกไม่มีการตอบรับ สายที่สองจึงตามมาถัดไปไม่กี่นาที
ความหงุดหงิดแล่นเข้ามาชั่วขณะ ยังผลไปยังสันกรามที่ขบกันไว้น้อย ๆ ก่อนเจ้าของเครื่องมือสื่อสารจะกดรับมาด้วยความรวดเร็ว “ครับ”
หลงเงยมองคนตรงหน้า สันกรามบดกันเล็ก ๆ ในขณะที่พยายามตอบปลายสายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย กระนั้นส่วนล่างที่บีบรัดเล็ก ๆ ก็ทำให้พฤทธิ์สะดุดลมหายใจไปชั่วขณะ
‘คุณพฤทธิ์สะดวกไหมครับ’
“ผมมั่นใจว่าคุณกรณ์ทราบคำตอบดี” เหงื่อของเขาผุดซึมตามขมับ
‘ผมอยากทราบว่าหลงสบายดีไหมครับ’
“สบายดีครับ” พฤทธิ์เงียบพลางมองเด็กหนุ่มที่นอนราบอยู่บนเคาน์เตอร์หินอ่อน เสื้อยืดตัวหลวมเลิกขึ้นปิดยอดอกสีเข้มไว้อย่างหมิ่นเหม่ รวมถึงหยาดน้ำที่กระจายบนหน้าท้องราบเรียบ “น่าจะนอนหลับไปแล้ว”
‘พรุ่งนี้..’
“พรุ่งนี้ผมสะดวกช่วงบ่าย ๆ”
‘ครับ’
เขาตัดสายโทรศัพท์อย่างไม่ใยดี ก่อนโยนมันออกไปสักแห่งในห้องนี้ ไปให้ไกลยิ่งดี..ไม่ต้องมีใครมาขัดจังหวะอะไรทั้งนั้น
“คุณคงไม่ว่าอะไรถ้าเปลี่ยนจากหินอ่อนเป็นเตียงนอนแทนนะครับ”
หลงหรือจะกล้าปฏิเสธผู้ชายที่อุ้มเขา..ทั้งที่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะถอดเสื้อผ้าออกสักชิ้น
เมื่อแผ่นหลังของหลงสัมผัสพื้นเตียง เขาไม่ทันได้รับรู้ถึงความอ่อนนุ่มของมัน ริมฝีปากของคุณพฤทธิ์ก็ประกบเข้ามา พร้อมบางสิ่งบางอย่างที่จ่อเบียดบริเวณร่องสะโพก ความรุนแรงของมันไม่อาจเทียบกับครั้งก่อน ๆ ทั้งชื้นแฉะและสอดเข้ามาจนลึกสุดปลายทาง
ลมหายใจของหลงสะดุด ทว่าก็ไม่ได้อิสระกลับมาคืน ตรงกันข้าม..ฝ่ามืออุ่นก็รวบตรึงข้อมือของเขาเหนือศีรษะ คนตรงหน้าไม่แม้แต่จะปล่อยให้หลงได้ส่งเสียงร้อง กลับสอดตัวตนเข้ามา ค่อย ๆ ทำลายและรั้งจิตวิญญาณอย่างเนิบนาบ
“อือ..คุณพฤทธิ์” เด็กหนุ่มอ้าปาก หมายจะร้องห้าม กระนั้นเสียงที่เปล่งออกไปกลับกลายเป็นเสียงครางในลำคอด้วยความสุขสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปลายลิ้นที่เคยรับสัมผัสบริเวณริมฝีปาก แปรเปลี่ยนเป็นยอดอกชุ่มฉ่ำ พร้อมปลายฟันที่ขบกัดจนมันแดงก่ำ
เสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นเป็นระยะ แม้เวลาผ่านไปนานเท่าใดกลับไม่ได้เงียบลงเลย ตรงกันข้าม..กลับยิ่งกระพือความรุนแรงคล้ายเปลงไฟต้องลม
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแตกกระเจิงเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำที่ซ่อนอยู่ลึก คนตรงหน้าไม่ใช่เด็กหนุ่มที่พฤทธิ์เคยสอน เป็นเพียงใครบางคนที่เขาเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิดและกดทับด้วยความตระหนักชอบ
เอวของเด็กหนุ่มบิดเกร็งและแผ่นหลังที่แอ่นโค้งขึ้น เมื่อความรู้สึกบางอย่างพวยพุ่งเข้ามา ทดแทนความว่างเปล่าที่ล่าถอยออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“อึก!”
ใบหน้าของพฤทธิ์โน้มลง ทอดมองเด็กหนุ่มที่แสดงสีหน้าหลากหลายเงียบ ๆ ในบางครั้งก็คล้ายรัญจวนใจและบางครั้งก็คล้ายกับคนทรมาน ทว่าพฤทธิ์ก็รู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
ปลายทางที่อยู่ไม่ไกลใกล้เข้ามา แต่เขาอยากยืดขยายเวลาออกไปให้นานกว่าเดิม “คุณคิดว่าจะขาดใจตรงไหน”
เด็กหนุ่มมึนงง แต่เมื่อพิจารณาได้ว่ามันไม่ใช่คำถาม..เขาก็ถูกพลิกตัวและถูกรุกรานอีกครั้งด้วยคน ๆ เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งที่ท่อนขาเปรอะด้วยหยดน้ำสีขุ่น
จะว่ารุกรานก็ไม่ใช่ เพราะสุดท้ายสิ่งที่หลงได้รับก็เกินคำว่าความสุขอยู่ดี..
ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยม อีกฟากหนึ่งเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่ปิดบังสายตาคนนอกไว้ด้วยผ้าม่านสีชั้น หนึ่งเป็นผ้าสีเข้มที่อยู่ติดกระจกและสองคือผ้าลูกไม้สีขาวอ่อนนุ่มที่ทิ้งตัวอย่างเอื่อยเฉื่อยท่ามกลางอากาศในห้องที่เย็นสบาย
กลิ่นอะไรบางอย่างเจือจางแต่หนักแน่นในความรู้สึกของเด็กหนุ่ม โอบล้อมมิดชิดในที่คับแคบ กระนั้นก็เป็นกลิ่นที่ให้ความสุขอย่างน่าประหลาด
อีกฟากหนึ่งของห้องเป็นประตูห้องน้ำ ปิดสนิทด้วยกระจกขุ่น เห็นด้านในเลือนราง กระนั้นหลงก็พอจะทราบว่าด้านหลังนั้นคืออะไร
เสียงหยดน้ำ เสียงบานประตูเลื่อนเข้าออกอย่างนุ่มนวลเงียบลง ก่อนใครบางคนจะก้าวออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย พฤทธิ์ยกผ้าขนหนูเช็ดบริเวณต้นคอลามไปยังเส้นผมที่อยู่โดยรอบ อีกฝ่ายตากมันไว้อย่างเรียบร้อย แล้วเดินเข้าไปยังส่วนที่ใช้สำหรับการแต่งตัว
กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ กำจายในบรรยากาศ เป็นกลิ่นที่ดึงดูด และแฝงไปด้วยความเคร่งขรึมอย่างหน้าประหลาด
หลงตื่นตั้งแต่เจ้าของห้องขยับตัว เฝ้ามองอีกฝ่ายทำกิจกรรมต่าง ๆ ใต้ผ้านวมอุ่นอย่างเงียบเชียบภายใต้ความคิดที่ยุ่งเหยิงไปหมด ถ้าเขาตื่นนอนขึ้นมาจะต้องทำตัวอย่างไร จะมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกแบบใด ในเมื่อทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วและขาดการไตร่ตรองด้วยเหตุและผล
เสียงเนื้อผ้าเสียดสีกันดังขึ้นไม่นานและเงียบลง นานร่วมนาทีใครบางคนก็ก้าวออกมาด้วยท่าทางสบาย ๆ ผมที่เคยเป็นระเบียบทิ้งตัวลงอย่างเป็นธรรมชาติ
เขามองคุณพฤทธิ์ที่ก้าวเข้ามาใกล้ด้วยหัวใจที่เต้นรัว กระนั้นก็เสแสร้งแกล้งทำว่ากำลังนอนหลับอยู่ ความเงียบเชิญชวนให้เผชิญหน้า แต่แล้วหลงก็พบว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย อีกฝ่ายยืนข้างเตียงและหลุบมองด้วยประกายตาสะท้อนความขบขัน ทว่าริมฝีปากกลับยกยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น
“คุณพฤทธิ์” หลงเรียกด้วยน้ำเสียงแหบเล็ก ๆ
“เจ็บไหม”
เด็กหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ “ผมบอกไม่ถูก”
พวกเขานั่งเงียบ ๆ บนเตียง ไม่มีเสียงพูดคุย ราวกับกาลเวลาหยุดนิ่ง กระนั้นแสงอาทิตย์ที่เข้มขึ้นสาดเข้ามาผ่านรอยแยกผ้าม่านก็เป็นสัญญาณการเยือนของวันใหม่
“ตอนนี้..”
หลงลุกขึ้นนั่ง เขาขยับผ้านวมขึ้นสูง แต่เพราะอีกฝ่ายนั่งทับไว้ส่วนหนึ่ง อะไรที่ควรซ่อนเร้นก็เปิดเผยโดยง่าย
“มันอาจจะเร็วไปสักหน่อย แต่ผมอยากให้คุณทราบไว้ว่าต่อจากนี้ผมไม่ใช่อาจารย์ของคุณ ในทางกลับกัน..คุณเองก็ไม่ใช่ลูกศิษย์ของผม” ดวงตาสีเข้มล้ำลึกขึ้น ปกปิดบางอย่างไว้ด้วยความอดทนอย่างแนบเนียน “ผมไม่มีความคิดอยากเรียนรู้ลูกศิษย์”
เด็กหนุ่มเงียบ
“แต่ผมอยากเรียนรู้คุณ..คุณจะอนุญาตหรือเปล่า”
ใบหน้าน่าเอ็นดูแดงก่ำ เล็บของหลงจิกเข้าฝ่ามือในขณะที่อีกฝ่ายนั่งรอคำตอบอย่างใจเย็น “ผม..”
“ผมไม่เร่งรัดเอาคำตอบ”
“ผม..ผม..”
ดวงตาสีเข้มของคุณพฤทธิ์ลึกล้ำราวกับเป็นก้นบึ้งของมหาสมุทร หลงรู้ดีว่าอันตราย แต่ความสวยงามที่อยู่ด้านในนั้นกลับน่าค้นหายากจะหนีพ้น
ความเงียบในตอนนี้ไม่ใช่ความเงียบที่ชวนอึดอัด เป็นความเงียบที่ใช้เพื่อตระหนักสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ ทว่ามันกลับถูกทำลายด้วยเสียงโทรศัพท์จากที่ไหนสักแห่งภายในห้องชุดแห่งนี้ ความวุ่นวายของมันเพิ่มพูนขึ้นเมื่อปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไป
พฤทธิ์ถอนหายใจเบา ๆ “เผื่อคุณอยากจัดการตัวเองให้เรียบร้อย”
เด็กหนุ่มทำหน้าฉงน
“ผมจะพาออกไปข้างนอกก่อนพี่ชายของคุณจะไม่เป็นอันทำงาน”
เขาละสายตาจากเด็กหนุ่ม ทว่ากลับสะดุดร่องรอยบางอย่างบนผิวเนื้อ ความพึงใจแล่นริ้วชั่วขณะ ก่อนเสียงโทรศัพท์จะแผดอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง พฤทธิ์จึงเดินออกไปข้างนอก เดินหาเครื่องมือสื่อสารอย่างใจเย็นและปล่อยให้ปลายสายติดต่อมาด้วยความร้อนใจ
ไม่ต้องเดาว่าเป็นอะไรและคำถามที่เกิดขึ้นเมื่อเขากดรับสายคืออะไร
เมื่อคืนเขาโยนมันออกไปสักแห่ง หากไม่แตกกระจาย อะไรบางอย่างในตัวเครื่องคงไม่สามารถใช้งานได้เหมือนเดิม เสียงเรียกเข้ายังคงดังเรื่อย ๆ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้มุมรับแขกเท่าใดก็ยิ่งชัดเจน มันสั่นอยู่บนพื้นและปรากฏรายชื่อคนที่เข้ามาขัดจังหวะเมื่อคืน
พฤทธิ์หลุบตามองและปล่อยให้มันดังอยู่สักพัก ก่อนจะกดรับสายด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองใจนิด ๆ “ครับ”
‘คุณพฤทธิ์ ขอโทษที่รบกวนนะครับ พอดีผมมีประชุมด่วน เลยไปรับหลงไม่ได้แล้ว’ เสียงกระดาษเสียดสีกันเข้ามา แล้วเงียบไป ‘เดี๋ยวผมให้คนขับรถไปรับหลงนะครับ’
“ตอนนี้หรือ”
‘สักสิบโมงครับ’
“อืม”
‘หรือคุณพฤทธิ์สะดวกเวลาอื่นครับ’
“ผมสะดวกเวลาที่แจ้งไปแต่แรก” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พลางมองไปยังประตูห้องที่เพิ่งออกมา “แต่คุณกรณ์สบายใจได้ ผมจะแวะไปส่งหลงที่บ้านก่อนไปทำธุระต่อ”
‘ผมเกรงใจคุณพฤทธิ์’
“ตกลงตามนี้นะครับ”
กรณ์รู้ว่าเขาคงก่อความวุ่นวายให้คุณพฤทธิ์มา ดังนั้นก็ยอมรับเงียบ ๆ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ตนเองถูกตำหนิน้อยลง
สำหรับสถานที่ที่ก่อกำเนิดความรู้สึกทางเพศที่รุนแรงไม่อาจลบเลือนในความทรงจำได้ กลับกลายเป็นสถานที่ที่ที่ใครบางคนค่อย ๆ นำชีสเค้กที่เก็บไว้ในตู้เย็นออกมาวางบนโต๊ะ ไอเย็นของมันค่อย ๆ จางหายเมื่อปะทะกับอุณหภูมิที่แตกต่าง
“ครั้งที่แล้วผมเห็นคุณจ้องของหวานตาไม่กะพริบ” พฤทธิ์หยิบจานขนาดเล็กและช้อนวางไว้ตรงหน้าเด็กหนุ่ม
“ครับ”
“ที่บ้านไม่ให้กินหรือ”
หลงหลุบตามองชีสเค้กตรงหน้า หากจำไม่ผิด..เขามองมันเพราะตั้งแต่เด็กน้อยครั้งจะได้กินของหวาน “คนที่บ้านไม่ค่อยชอบของหวาน ผมเลยไม่ค่อยได้กิน”
“ผมก็ไม่ค่อยได้กิน แต่อยากให้คุณลองก่อน”
เด็กหนุ่มหยิบช้อน ค่อย ๆ ตัดชีสเค้กส่วนหนึ่งออก ละเลียดรสชาติอย่างค่อยไปค่อยไป ความเย็นของมันชวนให้ตื่นขึ้นจากความเอื่อยเฉื่อย ก่อนความหวานจะละลายในปาก “อร่อยครับ”
“อืม”
คุณพฤทธิ์ตอบสั้น ๆ พลางมองหลง กระนั้นก็ไม่เจือความอึดอัด แต่เป็นความรู้สึกประหลาดที่ชวนให้ขวยเขินอยู่ในที
“คุณพฤทธิ์ครับ” เขาวางช้อน เสียงกระทบจานดังขึ้นเบา ๆ
“ครับ”
“คำถามเมื่อเช้า..ผมยังไม่ได้ให้คำตอบคุณพฤทธิ์”
พฤทธิ์พิงพนักเก้าอี้ พลางกอดอกรอฟังคำตอบจากเด็กหนุ่ม
“ถ้าคุณพฤทธิ์อนุญาตให้ผมเรียนรู้กับคุณ ผมเองก็ตกลงครับ”
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก แล้วหายไปคล้ายกับต้องการปกปิดตัวตน “คุณบอกว่าชีสเค้กอร่อย ผมเลยอยากจะลองชิมสักคำ”
“เดี๋ยวผมไปหยิบช้อนให้”
“ไม่ต้องครับ” ปลายนิ้วหยิบช้อนที่วางแน่นิ่งตรงหน้าขึ้นมา แล้วตัดเสี้ยวหนึ่งของชีสเค้กออก ความหวานของมันไม่น่ารัญจวน แต่ความรู้สึกอิ่มเอมก็พอจะแทนที่กันได้ “อร่อยอย่างที่คุณว่าจริง ๆ”
เหตุการณ์สั้น ๆ ก่อนพฤทธิ์จะพาเด็กหนุ่มออกไปรับประทานอาหารข้างนอก คือตอนที่เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นขณะที่หลงกำลังเก็บสัมภาระอยู่ เขาแปลกใจ แต่ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาเมื่อปลายสายคือใครบางคนที่ไม่ได้คุยกันนานร่วมเดือน ไม่ว่าจะเพราะพฤทธิ์หรือเพราะเพ็ญแข แต่ความรู้สึกหนึ่งที่เขาสัมผัสได้คืออิสระพ่วงด้วยความรู้สึกผิดที่ค่อย ๆ เจือจางลงตามกาลเวลา
เป็นเวลาร่วมนาที พฤทธิ์มองหน้าจอโทรศัพท์เงียบ ๆ พลางครุ่นคิดเหตุผลว่าเพราะอะไรเพ็ญแขถึงติดต่อมาในครั้งนี้
อันที่จริงระหว่างเขากับแม่ มีเรื่องขุ่นหมองข้องใจกันบ่อย ๆ แต่พฤทธิ์ก็ไม่เก็บมาใส่ใจเหมือนที่ผ่านมา ทว่าครั้งนี้ความรวดร้าวที่คอยกัดกินความรู้สึกภายในกลายเป็นแผลขนาดใหญ่ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยากจะรักษาหากยังติดตรึงในความจำยอมอยู่
“สวัสดีครับ” เขากดรับและพูดอย่างมีมารยาท
‘คุณพฤทธิ์’ เสียงปลายสายเป็นเสียงที่ชวนให้พฤทธิ์รู้สึกผิด หล่อนเป็นแม่ เป็นเพียงคนเดียวที่ประคับประคองเขาในยามยาก กระนั้นก็เป็นคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเช่นกัน
“คุณแขมีอะไรหรือเปล่าครับ”
‘ถ้าไม่มี..แม่คุยไม่ได้หรือคะ’ หล่อนเงียบ ‘คุณพฤทธิ์คิดจะตัดขาดกับแม่จริง ๆ หรือคะ’
“ผมไม่มีความคิดนั้นอยู่ในหัว”
‘แต่คุณพฤทธิ์ไม่ติดต่อแม่มาเลย’
เขาหันหลับกลับไปมองเด็กหนุ่ม อีกฝ่ายเงยหน้ามองเขาและยิ้มให้เล็ก ๆ ก่อนก้มจัดกระเป๋าต่อราวกับไม่มีเรื่องทุกข์ใจ
พฤทธิ์เดินไปเปิดหน้าต่างที่เชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอก เขาปิดมันลงแล้วมองไปยังเมืองขนาดใหญ่ ตึกรามที่คล้ายจะแทรกผุดขึ้นมาไม่มีที่สิ้นสุด “ถ้าคุณแขโทรศัพท์มาเพราะเรื่องฉลองขวัญ..ผมมั่นใจว่าเคยชี้แจงไปเรียบร้อยแล้ว”
‘เรื่องนั้น..แม่เข้าใจคุณพฤทธิ์แล้วค่ะว่าอาจจะยังไม่ถึงเวลาจริง ๆ’
“ครับ”
‘ตอนเย็นมากินข้าวกับแม่นะคะ’ หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงแช่มชื่น แต่กระนั้นก็รู้ดีว่าลึก ๆ แล้วยังขุ่นข้องหมองใจลูกชายอยู่ แต่หล่อนจะทำอะไรได้ในเมื่อพฤทธิ์เป็นลูกชายคนเดียว เป็นเด็กชายที่หล่อนรักทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้า เป็นชายหนุ่มที่หล่อนเฝ้ามองความสำเร็จด้วยความภูมิใจ ต่อให้หล่อนโกรธแค่ไหน..ความรักของหล่อนก็ไม่มีทางน้อยลงเลย
“แล้วผมจะเข้าไปหาครับ”
‘แม่จะรอนะคะ’
เขากดตัดสายโทรศัพท์ แล้วถอนหายใจเบา ๆ ฉลองขวัญ..หล่อนเป็นอดีตคู่หมั้นที่เพ็ญแขพอใจ เป็นผู้หญิงที่พร้อมด้วยรูปและทรัพย์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่เขาไม่มีใจหลงเหลือให้หล่อน ในขณะเดียวกัน..ใครบางคนกลับขนาดคุณสมบัติ แต่กลับได้รับสิ่งที่หล่อนพึงมีพึงได้อย่างไร้เหตุผล
พฤทธิ์เดินกลับเข้ามา ในขณะเดียวกันหลงก็พร้อมจะออกจากห้องแล้ว
“เสร็จแล้วครับ”
“หิวอะไรไหมครับ เมื่อเช้ายังไม่ได้กินอะไร”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า “ผมไม่อยากรบกวนคุณพฤทธิ์”
“ผมจะถือว่าคุณตกลงแล้วกันนะครับ”
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ค่า และยังมาต่อช้าเช่นเดิม เร็วขึ้นสักนิดตรงที่เว้นไป 1 เดือน ไม่ทราบว่าตอนนี้เป็นยังไง เพราะห่างจากการเขียนเรื่องแบบนี้มานานนน
Facebook:
https://www.facebook.com/AUTHOR.ELLETTE/Twitter:
https://twitter.com/itsellette