เศษดิน
พินช์เชอร์ - ร็อต
ปวดท้อง!
ข้ารู้สึกปวดจนต้องทรุดลงไปนั่งกุมท้องเพราะทนปวดแทบไม่ไหว ส่วนสาเหตุที่ทำให้ปวดแบบนี้คงเป็นเพราะเมื่อเช้าข้าดื้อเข้าไปชิมอาหารรสจัดที่พี่สาวข้าทำแน่ๆ ทั้งๆ ที่ก็รู้แท้ๆ ว่าตัวเองกินเผ็ดไม่ได้ ก็ยังจะดื้อ
แล้วดันมาปวดระหว่างเดินทางไปเรียนที่สำนักแพทย์พอดี แถวๆ นี้มีแต่ป่า แทบจะไม่มีคนผ่านเลย
ฮึก ปวดจังเลย ยาแก้ปวดท้องก็ลืมพกมาซะด้วย จะทำยังไงดี ข้ากำลังจะอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือก็ได้ยินเสียงทักขึ้นพอดี
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงคำถามที่ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใยทำให้ข้าเงยหน้าซีดๆ ขึ้นไปมองหน้าคนถาม แต่ก็มองเห็นเพียงเงารางๆ เพราะรู้สึกปวดจนน้ำกลบตาไปหมด
“เฮ้! ได้ยินไหม อ้าว! ร้องไห้ทำไม เป็นอะไรรึเปล่า ให้ข้าช่วยอะไรไหม” เมื่อปาดน้ำตาออก ข้าก็ได้เห็นว่าคนที่ถามมีสีหน้าห่วงใยอย่างชัดเจน
“ปะ... ปวดท้อง ฮึก” คนตรงหน้าก้มลงมองมือที่กุมท้องอยู่ก่อนจะก้มลงแล้วช้อนตัวข้าขึ้นมาอุ้มสบายๆ อย่างกับข้าเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ
“โอ๊ะ!” ข้าอุทานด้วยความตกใจ
“อยู่นิ่งๆ” เสียงดุๆ นั้นทำให้ข้าตัวแข็งอย่างไม่รู้ตัว พอเห็นว่าข้าอยู่นิ่งแล้ว คนที่อุ้มอยู่ก็พาข้าออกวิ่งทันที
“อดทนหน่อยนะ ใกล้ถึงสำนักแพทย์แล้ว” น้ำเสียงที่อ่อนลงราวกับจะปลอบโยนทำให้รู้สึกเหมือนความเจ็บปวดจะบรรเทาลง ช่วงที่ความเจ็บปวดคลายนี่แหละที่ทำให้ข้ามีโอกาสสำรวจใบหน้าคนที่ช่วยเหลือข้าไว้ เขาเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีดำสนิทเหมือนสีผมที่น่าจะยาวประบ่าและมัดจุกไว้ที่ท้ายทอย สีหน้ามุ่งมั่นจริงจังทำให้อยู่ๆ หัวใจข้าก็เต้นกระหน่ำขึ้นมา แล้วก็ต้องตัวงอลงอีกครั้งเมื่อภายในช่องท้องเหมือนจะบีบตัวทำให้ปวดขึ้นมาอีกรอบ
ด้วยความแข็งแรงและฝีเท้าที่รวดเร็วของคนที่อุ้มอยู่ เพียงไม่นานก็ถึงสำนักแพทย์ หลังจากจัดยาให้แล้วเหล่าอาจารย์ต่างบ่นถึงความไม่รอบคอบของข้า ทั้งๆ ที่เรียนที่สำนักแพทย์แท้ๆ แต่กลับละเลยเรื่องโรคประจำตัวของตัวเอง ข้าฟังไปหูลู่หางตกไปด้วยความรู้สึกผิด
เมื่ออาการดีขึ้น ข้าก็ถามถึงคนที่ช่วยพามาส่งเพื่อจะขอบคุณ แต่อาจารย์บอกว่าหลังจากที่รู้ว่าอาการของข้าดีขึ้น เขาก็ขอตัวกลับไปแล้ว
แต่ข้าก็ไม่ได้ผิดหวังไปซะทีเดียว พอถามถึงเขา ข้าก็ได้รู้ว่าเขาชื่อ ‘ร็อต’ นอกจากนี้ยังรู้ข้อมูลอื่นๆ จากพี่ๆ เพื่อนๆ ในสำนักอีกด้วย ว่าท่านร็อตเป็นบุตรชายของท่านไวเลอร์ ครูฝึกทหารคนสำคัญของอาณาจักร และนอกจากท่านร็อตจะศึกษาในสำนักต่อสู้แล้ว ท่านร็อตยังเป็นครูฝึกมังกรฝีมือดีอีกด้วย เมื่อได้ข้อมูลจนเกินจะพอแล้ว ข้าก็คิดด้วยความมุ่งมั่นว่าต้องหาทางตอบแทนบุญคุณท่านร็อตให้ได้
หลังจากนั้นข้าก็กลับมาคิดวิธีการตอบแทนท่านร็อต แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะตอบแทนยังไงดี เลยไปปรึกษาพี่สาวของข้า ซึ่งนางก็แนะนำให้ซื้อของให้ หรือไม่ก็ถ้าอยากให้คนรับประทับใจก็ให้ทำอาหารไปมอบให้เป็นการตอบแทน
ข้าจึงตัดสินใจขอร้องให้คนที่บ้านช่วยสอนทำอาหารให้เพื่อจะนำไปให้ท่านร็อตแทนคำขอบคุณ
หลังจากที่ตั้งใจทำตามคำแนะนำจนเสร็จแล้ว ข้าจะลองชิมรสชาติดูก่อนแต่ท่านพี่ก็ไม่อนุญาต เพราะท่านร็อตชอบอาหารรสจัด ท่านพี่กลัวว่าอาการปวดท้องของข้าจะกำเริบขึ้นมาอีก ข้าขอให้ท่านพี่ชิมให้นางก็ไม่ยอมชิม ได้แต่บอกให้ข้ามั่นใจว่าทำตามสูตรแล้วต้องอร่อยอย่างแน่นอน ข้าจึงต้องห่ออาหารที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขียนชื่อท่านร็อตไว้ที่ห่อผ้า แล้วแอบไปวางที่ห้องอาหารแถวๆ สำนักต่อสู้ตามที่สืบมา
เมื่อวางห่ออาหารไว้แล้ว ข้าก็ไปคอยแอบดูในจุดที่ไม่มีคนเห็น เมื่อเห็นท่านร็อตออกมาจากโรงฝึกพร้อมกับเพื่อนๆ และหยิบห่ออาหารไปพร้อมกับเสียงล้อเลียนของเพื่อนๆ ข้าก็รีบหนีกลับบ้านด้วยความอายทุกครั้ง เลยไม่เคยรู้ผลหลังจากนั้นเลย
นอกจากอาหารแล้วข้าก็ยังปรุงยาไปให้ท่านร็อตอีกด้วย เมื่อได้ข่าวว่าท่านร็อตป่วยหรือได้รับบาดเจ็บมาจากการทำภารกิจ แต่ด้วยความที่ตื่นเต้น ทำให้ข้าลืมเขียนสรรพคุณเอาไว้ให้ และมารู้จากพี่ดินในภายหลังว่าบางครั้งข้ายังหยิบยาไปให้ท่านร็อตผิดขนานอีกด้วย
ป่านนี้ท่านร็อตคงเกลียดข้าไปแล้ว ฮืออออออ
ข้าไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อท่านร็อตมันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จากที่เริ่มต้นด้วยความรู้สึกขอบคุณและพยายามแอบตอบแทนบุญคุณด้วยการทำอาหารและยาไปให้ มันทำให้ข้าเริ่มสนใจเรื่องของเขาไปโดยไม่รู้ตัว ยิ่งได้แอบมอง ได้รู้ความเคลื่อนไหว ได้รู้นิสัยใจคอของเขา เมื่อรู้ตัวอีกที ข้าก็ ‘รัก’ ท่านร็อตไปแล้ว
แต่ข้าก็ได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจ เพราะรู้ดีว่าข้านั้นไม่คู่ควร ขอเพียงแค่ได้แอบมอง แอบทำอะไรให้ท่านร็อตบ้าง ข้าก็มีความสุขมากแล้ว
จนได้มารู้ความจริงจากพี่ดินนั่นแหละ ว่าอาหารและยาที่ข้าเอาไปให้ มีผลเสียต่อท่านร็อตยังไงบ้าง ทำให้ข้ารู้สึกผิดแทบตาย ได้แต่หวังแค่เพียงให้มีโอกาสได้ขอโทษ และขอเพียงแค่ท่านร็อตไม่โกรธ ไม่เกลียดข้าก็พอใจแล้ว
แต่พี่ดินยุให้ข้าลองหาโอกาสสารภาพความรู้สึกกับท่านร็อตดู ให้ข้าลองพยายามดูสักครั้ง เผื่อว่าจะมีโอกาสสมหวัง หรือต่อให้ท่านร็อตจะปฏิเสธมา อย่างน้อยก็ได้ลองพยายามไปแล้ว พี่ดินบอกว่าเราต้องลองพยายามดูก่อน ต่อไปจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง
ได้ฟังแล้วข้าก็รู้สึกอยากจะลองพยายามดูอีกสักครั้ง อย่างน้อยก็มีพี่ดินที่เข้าใจและคอยเป็นที่ปรึกษาให้
และแล้วโอกาสข้าก็มาถึง เมื่อท่านลาซาเสนอให้ข้าร่วมเดินทางติดตามพี่ดินในการหาตัวยามาปรุงแก้พิษรักให้กับควีน
แต่ยังไม่ทันทำอะไร ข้าก็เริ่มใจฝ่อแล้ว เพราะก่อนที่จะออกเดินทางแค่ยืนฟังท่านร็อตกับเพื่อนๆ คุยกันก็รู้แล้วว่าท่านร็อตไม่ยินดีให้ข้าขึ้นมังกรไปด้วย ไม่รู้ว่ากลัวหรือรังเกียจข้ากันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือท่านร็อตขัดเพื่อนๆ ไม่ได้ เพราะมังกรดำที่เหมาะจะใช้บรรทุกของหนักมีแค่ 3 ตัว แน่นอนว่าท่านไซเลอร์ต้องให้พี่ดินไปด้วยอยู่แล้ว ส่วนมังกรดำของท่านมาสทิฟฟ์ ท่านพรีซาก็จงใจบอกว่าไม่อนุญาตให้ข้านั่งไปด้วย ดูก็รู้ว่าต้องการจะแกล้งท่านร็อต ท่านร็อตจึงจนด้วยเหตุผล ต้องยอมให้ข้าขึ้นมังกรไปด้วย
พี่ดินบอกให้ข้าใช้โอกาสนี้คุยกับท่านร็อต เพราะท่านร็อตหนีไปไหนไม่ได้
แต่... ท่านร็อตนั่งห่างจากข้าได้.... แถมห่างมากด้วย
ข้าอยากจะร้องไห้!
“เอ่อ...” ข้าพยายามรวบรวมความกล้า
“ทะ... ท่านร็อตครับ”
“มีอะไร” พอหันไปเจอหน้าดุๆ กับน้ำเสียงที่ตอบมาห้วนๆ สั้นๆ ทำให้ความกล้าของข้าปลิวหายไปกับสายลม
“มะ... ไม่มีอะไรครับ”
และแล้วภารกิจก็ล้มเหลว พอถึงตอนพักพี่ดินก็ถามว่าสำเร็จไหม แต่พอข้าตอบไป พี่ดินก็ทำหน้าเหมือนจะเข้าใจและให้กำลังใจข้าให้พยายามต่อไป
เราเดินทางมาถึงอาณาจักรบาอัลเป็นแห่งแรก เพราะพี่ดินบอกว่าต้องการใช้เห็ดเรืองแสงในคุกใต้อินของบาอัลที่บานในคืนพระจันทร์เต็มดวงมาสกัดเป็นส่วนผสมของยาแก้พิษ
ระหว่างที่รอเวลาให้เห็ดบานในยามกลางคืน เจ้าชายบาตันก็พาเราเดินเที่ยวรอบพระราชวัง หลังจากเดินรอบพระราชวังจนเมื่อยขาแล้ว ทุกคนก็แยกกันไปพักผ่อน ข้าได้แต่มองพี่ดินที่ทำหน้าเหมือนผิดหวังแล้วเข้าห้องข้างๆ ไปด้วยความเป็นห่วง
แต่ก่อนที่ข้าจะเข้าห้องของตัวเอง สายตาก็เหลือบไปเห็นท่านร็อตกับเพื่อนๆ กำลังเดินตรงไปที่ด้านล่าง ข้าก็เลยแอบเดินตามไปด้วย เมื่อลงไปถึงด้านล่างแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไป ท่านร็อตเดินไปหาทหารยามที่เดินผ่านมาเพื่อสอบถามข้อมูลของกลุ่มคนที่มาที่พระราชวังในช่วงนี้ หลังจากสอบถามเรียบร้อยแล้ว ท่านร็อตก็ยืนครุ่นคิดอยู่คนเดียว ในขณะที่ข้ากำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเข้าไปหาท่านร็อตดีไหม ท่านร็อตก็ถามขึ้นมาซะก่อน
“เดินตามข้ามา มีธุระอะไรหรือเปล่า”
คำถามเย็นชาจนข้าอยากจะร้องไห้ แต่โอกาสที่จะได้อยู่เพียงลำพังเหมือนเช่นตอนนี้ คงไม่ได้มีบ่อยๆ ข้าจึงพยายามรวบรวมความกล้าเพื่อจะขอโทษท่านร็อตในเรื่องที่ผ่านๆ มา
“ท่านร็อต เกลียดข้ารึเปล่าครับ”
ท่านร็อตไม่ตอบ แต่เบือนหน้าไปอีกทาง เป็นปฏิกิริยาที่แทนคำตอบได้เป็นอย่างดีจนน้ำตาข้าแทบจะไหล ข้าพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกลั้นน้ำตาก่อนจะพูดต่อ
“ขะ... ข้าขอโทษ ถ้าสิ่งที่ข้าเคยทำแล้วทำให้ท่านร็อตรู้สึกไม่ดี...”
“แล้วเจ้าทำไปทำไม เกลียดข้านักรึไง ถึงได้ชอบแกล้งข้านัก ข้าเคยไปทำอะไรให้เจ้า ถึงได้มาแกล้งกันอย่างนี้ มันสนุกนักรึไง” ท่านร็อตพูดจบก็ไม่ฟังคำตอบจากข้า หันหลังทำท่าจะเดินหนีไปเลย
ข้าลืมตัววิ่งไปกอดเอวท่านร็อตจากด้านหลังไว้ สิ่งที่ข้าคิดได้ในตอนนี้คือทำยังไงก็ได้เพื่อรั้งท่านร็อตไว้ให้อยู่ฟังข้าก่อน ให้ข้าได้อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างก่อน ข้าไม่อยากให้ท่านร็อตเกลียดข้าเลย
ไม่รักก็ได้ แต่อย่าเกลียดกันก็พอ
“ฮือออ ข้าไม่ได้ กะ... เกลียดท่านร็อตเลยนะครับ ฮึก ข้าแค่อยากทำให้ท่านประทับใจ เลยฝึกทำอาหารไปให้ ตะ... แต่ท่านร็อตทานอาหารรสจัด ทะ... ทำให้ข้าชิมไม่ได้ เพราะถ... ถ้าทานเข้าไป ฮึก แล้วจะปวดท้อง เลยไม่ได้ชิมก่อนส่งให้ท่าน ทะ... ทำให้ท่านต้องทานอาหารรสชาติแย่ๆ ไป ขะ... ขอโทษนะครับ ฮึก ระ... เรื่องยาก็เหมือนกัน ขะ... ข้าแค่หวังดี อยากให้ท่านหายบาดเจ็บเร็วๆ ตะ... แต่ ข้าตื่นเต้น เลยลืมเขียนสรรพคุณและเผลอหยิบยาผิดไปให้ ขะ... ข้าขอโทษ ฮึก อย่าเกลียดข้าเลยนะท่านร็อต ข้าขอโทษ โฮ....”
พอน้ำตามันไหลออกมาแล้วมันก็ไหลไม่หยุดเลย ข้าได้แต่พูดไปร้องไปจนจบ ท่านร็อตก็ยังนิ่งเงียบจนข้าใจเสีย เลยได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น กลัวเหลือเกินว่าท่านร็อตจะไม่ยอมให้อภัยข้า
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจกับมือที่ปลดมือข้าออกเอวทำให้หัวใจข้าร่วงไปอยู่ที่ปลายเท้า แต่ยังไม่ทันได้ร้องหนักกว่าเก่า ท่านร็อตก็หันมาตบหัวสองสามทีเหมือนจะปลอบ นั่นยิ่งทำให้ข้าร้องไห้หนักกว่าเดิมด้วยความดีใจ
“เฮ้อ” ท่านร็อตถอนหายใจอีกเฮือกแล้วดึงข้าไปกอดไว ข้ากอดตอบท่านร็อตแน่น
ดีใจ.... ดีใจที่สุดเลย ฮืออออ
ข้ารู้สึกเหมือนใกล้จะเป็นบ้า เพราะไม่ว่าจะเสียใจหรือดีใจน้ำตามันก็ไหลออกมาไม่หยุด ได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลต่อไป แล้วอาศัยอ้อมกอดที่อบอุ่นของคนที่ลูบหลังอย่างอ่อนโยนช่วยปลอบโยนหัวใจ
หลังจากร้องจนเหนื่อยเหลือไว้เพียงแรงสะอื้น ข้าก็ถามท่านร็อตเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง
“ท่านร็อต ฮึก ยกโทษให้ข้าแล้วใช่ไหมครับ”
“อืม”
“ขอบคุณมากนะครับ”
“อืม... แต่ว่านะ”
“ครับ”
“ต่อไปไม่ต้องทำอาหารมาให้อีกแล้วนะ”
“คะ.. ครับ”
ฮืออออ ข้าอายยยยยยย
หลังจากที่เข้าใจกันแล้ว ท่านร็อตก็ดีกับข้ามากขึ้นและเข้าใกล้ข้ามากขึ้น ไม่คอยแต่จะหนีออกห่างจากข้าเหมือนแต่ก่อน ข้ารู้สึกดีใจที่ตัดสินใจทำตามแรงยุของพี่ดิน ข้าถึงได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับท่านร็อตอย่างนี้
อย่างที่พี่ดินเคยบอกไว้ ว่าท่านร็อตใจดีมาก โดยเฉพาะกับสัตว์และคนที่อ่อนแอกว่า ท่านร็อตจะคอยดูแลช่วยเหลือเป็นอย่างดี
อย่างตอนที่พี่ดินสลบไปที่กลางป่าเมื่อเจอกับฝูงลิฟฟ่อน เมื่อข้าจะออกไปหาสมุนไพรมาต้มให้พี่ดินดื่ม ทั้งๆ ที่สามารถปฏิเสธได้ แต่ท่านร็อตก็ยอมไปเป็นเพื่อนเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับข้าแต่โดยดี
ข้าเดินมองหาสมุนไพรด้วยความรีบร้อน เลยทำให้มองไม่เห็นงูพิษที่อยู่ใกล้ๆ
“ระวัง!” ท่านร็อตดึงตัวข้ากลับมาโอบเอวไว้ แล้วใช้ดาบฟันงูที่พุ่งเข้ามาจะฉกข้า
“ขอบคุณครับ” หลังจากที่หายตกใจแล้ว ข้าก็เงยหน้าขึ้นยิ้มขอบคุณท่านร็อตด้วยความซาบซึ้ง สายตามองท่านร็อตด้วยความชื่นชม
“ไม่เป็นไร ไปต่อกันเถอะ” ท่านร็อตปล่อยข้าออกจากอ้อมแขนแล้วเบือนหน้าหนี แต่ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ข้าใจเสียแต่อย่างใด เพราะข้ารู้ว่าท่านร็อตไม่ได้โกรธ เพียงแต่เขินเท่านั้นเอง สังเกตได้จากหูแดงๆ นั่นก็รู้
ข้าอมยิ้มแล้วเดินหาสมุนไพรต่อไป เพียงไม่นานสมาธิและสายตาก็สอดส่ายมองหาสมุนไพรที่ต้องการ เลยทำให้ข้าก้าวพลาดจนเกือบจะไถลตกลงเนินไป
“ระวัง” ท่านร็อตดึงข้ากลับมากอดไว้ทันเช่นเคย ส่วนข้าก็รู้สึกใจหายวูบ หัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความตกใจอีกครั้ง
“ระวังตัวหน่อยสิ” ข้าได้แต่ยิ้มแหยๆ เมื่อโดนท่านร็อตดุเสียงหนักๆ
“ขอโทษครับ” ข้าตอบเสียงอ่อย เพราะเกรงใจที่ต้องเป็นภาระให้ท่านร็อต
“เฮ้อ! ข้าแค่เป็นห่วง ไม่อยากให้เจ้าต้องเจ็บตัว” ท่านร็อตอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนลงทำให้ข้ายิ้มออกมาได้ พอเห็นข้ายิ้มท่านร็อตก็ปล่อยตัวข้าออกจากอ้อมแขน แล้วเบือนหน้าหนีเหมือนเดิม ก่อนที่ข้าจะยิ้มหน้าบานยิ่งกว่าเดิมซะอีก เมื่อท่านร็อตเอื้อมมือมาจับมือข้าแล้วจูงเดินต่อไป
“ถ้าเจอสมุนไพรที่ต้องการก็กระตุกมือข้า”
“ครับ” ข้ารับคำแล้วกระชับมืออุ่นๆ นั้นไว้แน่น
รู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ จนไม่อยากจะปล่อยมือไปชั่วชีวิต
หลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหลายจบลง พี่ดินก็เข้าพิธีผูกจิตร่วมคู่กับท่านไซเลอร์ ข้ายืนมองพี่ดินกับท่านไซเลอร์เดินทักทายแขกด้วยรอยยิ้มกว้างๆ
ข้ารู้สึกยินดีกับพี่ดินที่สุด ในความรู้สึกของข้าทั้งคู่เป็นคู่ที่เหมาะสมกันเหลือเกิน พี่ดินเป็นคนดี สำหรับข้าแล้วพี่ดินเป็นเหมือนพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่ง ส่วนท่านไซเลอร์ก็เป็นคนเก่ง ใครๆ ก็ดูออกว่าท่านไซเลอร์รักพี่ดินมาก แถมข้าก็รู้มาจากท่านร็อตว่าท่านไซเลอร์ยังรักพี่ดินมานานมากแล้วด้วย ฟังแล้วก็ได้แต่ซาบซึ้งไปกับความรักของทั้งคู่
งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้บรรยากาศเป็นไปอย่างผ่อนคลายและอบอวลไปด้วยความสุข ทุกคนทักทายพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ระหว่างที่ข้ามองตามพี่ดินอยู่นั้น ก็มีแก้วเครื่องดื่มยื่นมาให้ตรงหน้า
ข้าหันไปมองคนที่ยื่นมาให้ เมื่อเห็นว่าเป็นท่านร็อตก็ยิ้มกว้างแล้วรับแก้วเครื่องดื่มมา
“ขอบคุณครับ”
“อืม” ท่านร็อตรับคำ ยืนจิบเครื่องดื่มอยู่ข้างๆ ข้าแล้วมองท่านไซเลอร์ด้วยรอยยิ้มพร้อมแววตาที่ฉายแววแห่งความสุขและยินดีไปกับเพื่อนจนข้าต้องยิ้มตาม
“ดีจังเลยนะครับ ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้ร่วมคู่กันแล้ว”
“อืม... แล้วเจ้าล่ะ”
“ครับ?” ข้าเอียงคอมองท่านร็อตพี่พูดแค่นั้นแล้วหยุดลงไปซะเฉยๆ ด้วยความงง
“อะแฮ่ม!” ท่านร็อตใช้มือที่ว่างอยู่ลูบท้ายทอยตัวเอง สายตาเหลือบมามองข้าก่อนจะหันกลับมองตรงไปข้างหน้าแล้วพูดต่อ
“คือ… แล้วเจ้าไม่อยากร่วมคู่กับข้าบ้างเหรอ” ถึงท่านร็อตจะพูดด้วยเสียงที่เบาผิดปกติ แต่ด้วยความสามารถของเผ่าพันธุ์ ทำให้ข้าได้ยินอย่างชัดเจน ข้าได้แต่อ้าปากค้างตาเบิกกว้าง หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำถามนี้จากท่านร็อต
พอเห็นว่าข้าไม่ตอบสักที ท่านร็อตก็หน้าเจื่อนลง แล้วพูดต่อ
“ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็น...”
“อยากครับ ข้าอยาก” ท่านร็อตพูดยังไม่ทันจบข้าก็รีบแทรกขึ้นมาทันที แล้วรีบพูดต่อจนลิ้นแทบจะพันกัน
“ข้าอยากผูกจิตกับท่านร็อต ท่านร็อตร่วมคู่กับข้านะครับ!” พูดจบข้าก็มองหน้าท่านร็อตด้วยความตื่นเต้น ท่านร็อตอึ้งไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาจนข้าใจแป้ว
“เฮ้อ! เด็กโง่ คนที่ต้องพูดคำนี้น่ะ ควรจะเป็นหน้าที่ของข้าต่างหาก” ท่านร็อตพูดยิ้มๆ
“ละ... แล้ว”
“ตกลง”
“ฮึก ท่านร็อต ฮืออออ”
“อ้าว!” เมื่อเห็นข้าร้องไห้ ท่านร็อตก็อุทานอย่างตกใจ ก่อนจะหยิบแก้ววางไว้แถวๆ นั้น แล้วดึงข้าไปกอดไว้พร้อมกับลูบหลังเบาๆ
“ร้องไห้ทำไมหืม”
“ขะ... ข้าดีใจ ฮืออออ”
“เฮ้อ! เสียใจก็ร้องไห้ ดีใจก็ร้องไห้ เจ้าเด็กขี้แยเอ๊ย” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ท่านร็อตกลับขยับออกมาสบตาข้าแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน ปลายนิ้วอุ่นๆ ไล้เช็ดน้ำตาให้ข้าอย่างเบามือ
“หยุดร้องได้พินช์เชอร์ของพี่” ข้าได้แต่เม้มปากด้วยความเขินอายเมื่อได้ยินคำแทนตัวของท่านร็อต ท่านร็อตจับใบหน้าของข้าไว้ สบตากับข้านิ่งๆ ก่อนที่จะก้มลงมาประทับริมฝีปากไว้ที่ใต้ตาเบาๆ ก่อนจะขยับมาประทับที่ริมฝีปากของข้าอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน
ข้าหลับตารับสัมผัสนั้นด้วยใจที่เป็นสุข ข้าได้แต่นึกขอบคุณพี่ดินอยู่ในใจที่คอยให้คำปรึกษาและเป็นกำลังใจให้มาตลอด นึกดีใจที่ในตอนนั้นข้าได้พยายามตามแรงยุของพี่ดินอย่างเต็มที่ ดีใจเหลือเกินที่มีวันนี้ วันที่ได้เคียงข้างกับคนที่ข้ารัก
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
คู่นี้เค้าก็จะหวานๆ หน่อยค่ะ ฮิ้วววววว
ที่จริงมีแพลนตอนพิเศษหลายตอนเลยค่ะ แต่เขียนไม่ออก ถถถ
ต้นๆ ปี อีไม่เว้นเยอะมากกก ทำเอาเครียดจนบันเทิงไม่ค่อยจะออก
เอาพี่ร็อตกับน้องชเนาเซอร์ไปเชยชมก่อนนะคะ
ไล่อ่านคอมเม้นท์ บางทีก็นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว หูยยยย รู้ทันเราได้ยังงายยยยว่าเราคิดอะไรอยู่ 55555
ไม่รู้ว่าจะมีคนคิดถึงเราไหม แต่เราคิดถึงคนอ่านทุกคนเลยยยยยยยยยย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ลูกหมาพินช์เชอร์ - พี่ร็อต