บทที่ ๓๑“สวัสดีครับคุณนิธาน” เมื่อเข้ามาในห้องทำงานของนิธาน ณิชก็ยกมือไหว้ทักทายเจ้าของห้องทำงานทันที ฝ่ายนั้นนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว ตรงหน้ามีชุดแก้วเบญจรงค์ที่ดูสวยงามสะดุดตา ของเหลวในนั้นเป็นกาแฟร้อนพร้อมสำหรับสองทีราวกับเตรียมไว้รอเขา
“ผมเตรียมกาแฟไว้ให้คุณปราณันต์แล้วครับ เผื่อว่าการคุยงานของเราจะชวนง่วงเกินไป” นิธานเอ่ยอย่างเป็นกันเองจนณิชหัวเราะออกมา
“ไม่หลับหรอกครับ แต่ชุดแก้วสวยมากจริงๆ ผมไม่คิดว่าคุณนิธานจะชอบอะไรที่เป็นไทยๆ ขนาดนี้”
“มันแสดงความเป็นตัวผมดีน่ะครับ ความเป็นไทยที่อยากอนุรักษ์ไว้” นิธานตอบพร้อมรอยยิ้ม ณิชไม่ได้พูดอะไรต่อ เขานั่งลงตรงข้ามนิธานก่อนจะเปิดแลปท็อปเพื่อเข้าเรื่องงานทันที เขาไม่อยากให้จีรัชญ์ต้องรออยู่ข้างนอกนาน ถ้าเสร็จจากตรงนี้เร็วก็จะได้ไปหามื้อเที่ยงกินกัน และถ้ามีเวลาว่างเขาก็อยากพาจีรัชญ์ไปเที่ยวสักหน่อย
นิธานมองคนที่กำลังตั้งใจทำงานเพื่อให้ออกมาตรงใจเขาที่สุด ณิชมีความสุขกับการทำงานและตั้งใจกับผลงานที่ออกมามาก มีการออกความเห็นและคำแนะนำในหลายๆ ส่วนจนเขาอดชื่นชมในความเป็นมืออาชีพของคนคนนี้ไม่ได้
“ไม่ทราบคุณนิธานอยากจะแก้ตรงไหนอีกบ้างไหมครับ โทนสี หรืออยากเน้นจุดไหนเป็นพิเศษอีกไหมครับ”
“ไม่แล้วครับ” หนุ่มใหญ่ตอบ สายตาทอดมองณิชด้วยความเอ็นดูจนณิชรู้สึกเกร็ง เขาจึงหยิบแก้วกาแฟที่เย็นชืดขึ้นมาจะดื่ม แต่นิธานรั้งข้อมือไว้
“เดี๋ยวครับ มันเย็นหมดแล้วเดี๋ยวผมชงให้ใหม่”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ จริงๆ ถ้าคุณนิธานไม่แก้อะไรแล้วผมก็จะกลับแล้วครับ พอดีผมพาเพื่อนมาด้วย เขานั่งรออยู่ด้านนอกน่ะครับ”
“เหรอครับ โอเคๆ งั้นเดี๋ยวผมไปส่งครับ” นิธานลุกขึ้นยืนพร้อมกับณิชเก็บของใส่กระเป๋า ให้เรียบร้อย จากนั้นนิธานก็เดินนำไปที่ประตู
ทันทีที่ประตูเปิดออกมาและณิชก้าวเท้าออกมาจากห้อง จีรัชญ์ที่ยืนรออีกฝ่ายอยู่แล้วยิ้มให้ชายหนุ่มทันที ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะค่อยๆ จางลง จีรัชญ์ขบฟันจนขึ้นเป็นสันกรามนูนเด่น ความเจ็บปวดที่แทรกซึมทุกอณูของรอยแผลเป็นจนเขาแทบทรงตัวยืนต่อไม่ได้ มันทั้งเจ็บและแสบราวกับโดนหวายเฆี่ยนใหม่ๆ
แน่นอนแล้วว่าคนชื่อนิธาน คือท่านออกญาฯ กลับชาติมาเกิด และดูท่าคำสาปที่อีกฝ่ายทำกับเขาไว้ก็ยังไม่จางหาย เพราะความเจ็บปวดที่รู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นในตอนนั้น กลับมาเล่นงานเขาในตอนนี้ ความโกรธแค้นคงติดตัวอีกฝ่ายมาเพื่อเอาคืนเขาให้ได้
“คุณจีรัชญ์ นี่คุณนิธานครับ คุณนิธาน นี่คุณจีรัชญ์เป็น-”
“เป็นคนรักของคุณณิชน่ะครับ” จีรัชญ์พูดแทรกต่อให้จบประโยค ณิชอึ้งไปไม่น้อยกับการออกตัวของจีรัชญ์ที่อยู่ๆ ก็พูดออกมาชัดเจนเรื่องสถานะของพวกเขา แถมยังพูดให้คนนอกที่เพิ่งรู้จักกันรู้ด้วย สงสัยไอ้มั่นคงไปฟ้องว่านิธานมีท่าทางจะจีบเขาแน่ๆ เลยทำแบบนี้
นิธานยิ้มกว้างมองคนที่ตนเพิ่งเคยเจอครั้งแรกตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะยื่นมือเข้าไปหาเพื่อจับทักทายตามแบบสากล
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณจีรัชญ์”
จีรัชญ์ยื่นมือไปจับอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว แม้ความเจ็บปวดที่ทบทวีคูณนี้จะเฉือนหลังเขาจนคิดว่าเลือดไหลซิบๆ ก็ตาม
แรงบีบที่มือของคนทั้งสองไม่มีใครยอมใคร จีรัชญ์มั่นใจว่านอกจากไอ้คมจะจำเรื่องราวในอดีตได้ เจ้านายของมันก็คงไม่ต่างกัน แต่เขาไม่กลัวแล้ว เขาเคยอโหสิในการกระทำของท่านออกญาฯ ไปแล้ว แต่หากอีกฝ่ายยังต้องการที่จะจองล้างจองผลาญเขาไม่เลิกแบบนี้ ชาตินี้เขาคงไม่มีคำว่าอโหสิให้มันแน่
คมเดินไปส่งณิชกับจีรัชญ์หลังจากเจ้านายตนและคนทั้งสองพูดคุยกันเสร็จ ลิฟต์เปิดออกอีกครั้งที่ชั้นแรก คมยืนส่งคนทั้งคู่ที่หน้าประตูลิฟต์จากนั้นก็ปล่อยให้คนทั้งสองเดินต่อไปเอง ณิชหันมายิ้มให้จีรัชญ์เพราะดีใจที่อีกฝ่ายพูดว่าตนคือคนรัก ก่อนหน้าหวานจะหุบยิ้มลงทันทีเมื่อเห็นอาการของจีรัชญ์ที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ
“คุณจีรัชญ์ คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมหน้าซีดๆ”
“รีบไปที่รถเถอะครับ” จีรัชญ์บอกแค่นั้นก็จับมือณิชเดินไปที่รถทันที โดยมีสายตาของคมมองตามพร้อมรอยยิ้มเย้ย
เมื่อเข้ามานั่งในรถของณิชได้ จีรัชญ์ที่ข่มอาการเจ็บไว้ตั้งแต่แรกร้องออกมาทันทีด้วยความเจ็บปวด เสียงหอบหายใจดังไปทั่วรถ ณิชที่ยังไม่เข้าใจอะไรนักสตาร์ทรถและเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ
“คุ...คุณเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นครับ ไปหาหมอดีไหม”
หนุ่มเมืองกรุงถามเสียงสั่น ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่จีรัชญ์ใส่มีรอยเปียกเป็นดวงๆ ที่กลางหลัง มันไม่ใช่รอยเหงื่ออย่างแน่นอนเพราะในสถานที่นั้นไม่ร้อนแม้แต่นิด ณิชไม่รอช้าเขาถลกเสื้อจีรัชญ์ขึ้นโดยที่อีกฝ่ายก็ยอมแต่โดยดี สีหน้าจีรัชญ์บิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บเมื่อความแสบร้อนของแผลเป็นยังไม่จางหาย
“นี่มันหมายความว่ายังไง”
เมื่อเห็นรอยแผลเป็นจากการถูกเฆี่ยนในอดีตปริแตกจนเลือดซึม ณิชก็ถามออกมาด้วยเสียงอันสั่นเครือ หัวใจเขากระตุกวูบด้วยความตกใจที่เห็นความสาหัสของแผลในครั้งนี้ มือเรียวที่กำลังสั่นเทาแตะไปบนแผลเหล่านั้นเบาๆ น้ำตาเอ่อคลอเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์เจ็บปวดมากแค่ไหน
“คุณจีรัชญ์ บอกผมมาว่ามันคืออะไรกันแน่ ยังไม่มีใครเอ่ยชื่อท่านออกญาฯ เลยนะ แล้วทำไมแผลคุณถึงเป็นแบบนี้” ณิชถามพลางหาทิชชูจากในรถมาซับเลือดบนแผ่นหลังกว้าง เหงื่อผุดซึมตามกรอบหน้าของจีรัชญ์เพราะต้องทนรับความเจ็บปวดนี้ไว้ระหว่างรอให้มันหายเอง จีรัชญ์ยังคงเงียบไม่ตอบคำถามในทันที จนณิชทนไม่ไหวทุบเข้าที่ไหล่อีกฝ่ายไปเต็มแรง
“บอกผมมาเดี๋ยวนี้! อึก...บอกผมมา!”
น้ำตาที่เอ่อคลอในตอนแรกเริ่มไหลเมื่อความกลัวเกาะกุมใจเขา ยิ่งเห็นจีรัชญ์ทรมานเขาก็รู้สึกไม่ต่างกัน หัวใจมันปวดหนึบเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบขยำ ความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทั้งหมดเข้าครอบงำเขาอีกแล้ว
“คุณณิช ใจเย็นๆ ก่อนครับ” จีรัชญ์เช็ดน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุดของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะดึงณิชเข้ามากอด ตอนนี้อาการเจ็บปวดทุเลาลงแต่เขาก็ยังรู้สึกแสบที่แผลอยู่มาก
“คุณเจ็บผมก็เจ็บด้วย คุณเจ็บกายแต่ผมเจ็บใจที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณต้องมาเจออะไรแบบนี้ บอกผมมาว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง คำสาปมีอะไรเปลี่ยนแปลงรึเปล่า มันแตกต่างจากที่ผ่านมาใช่ไหม” ณิชถามแทบลืมหายใจ เขากอดจีรัชญ์โดยไม่ให้โดนส่วนที่มีแผล เขาอยากรู้ทุกอย่างที่จีรัชญ์รู้ เพื่อจะได้ช่วยกันแก้ไขไม่ให้ซ้ำรอยเดิมในอดีต
“ครับ ผมจะเล่าให้ฟัง คุณใจเย็นๆ ก่อนนะ ไม่ต้องร้องนะครับ”
จีรัชญ์กอดปลอบณิชอยู่สักพักจนอีกฝ่ายสงบลง พร้อมกับแผลที่สมานตัวกลับมาเป็นแผลเป็นดังเดิม เพียงแต่ทิ้งรอยแดงไว้ให้ดูต่างหน้าว่าเมื่อครู่แผลมันเปิดออก
“เรากลับห้องคุณกันดีกว่านะครับ กลับถึงห้องแล้วผมจะเล่าให้ฟัง”
ณิชพยักหน้ารับรีบเข้าเกียร์ขับรถออกจากหน้าบริษัทของนิธานทันทีอย่างไม่รอช้า เขาฝ่าการจราจรที่ติดแสนติดบนท้องถนนมาจนถึงคอนโดฯ ของตนเอง พอคนทั้งคู่ขึ้นห้องมาได้ก็พบว่าไอ้มั่นรออยู่แล้ว
“เป็นเยี่ยงไรบ้างวะไอ้หาญ” ไอ้มั่นถามเสียงร้อนรน แต่เมื่อเห็นสภาพเพื่อนรักที่ถูกณิชพยุงเข้ามามันก็รู้ในทันที
“ใช่หรือไม่ พวกมันกลับมาแล้วใช่หรือไม่” ไอ้มั่นถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ณิชที่ยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่างหันมองไอ้มั่นทีหันมองจีรัชญ์ที
“พวกคุณกำลังปิดบังอะไรผมอยู่”
จีรัชญ์ดึงณิชให้นั่งลงข้างกัน เขากุมมือเรียวของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะเล่าสิ่งที่เขากับไอ้มั่นคาดเดาให้ณิชฟัง หนุ่มเมืองกรุงตั้งใจฟังอย่างดี เขาเชื่อทุกคำที่จีรัชญ์พูด จากตอนแรกที่คิดว่านิธานเป็นแค่คนแปลกๆ มาตอนนี้ก็เข้าใจได้ในทันที
“เขาจำผมได้แน่ๆ ทั้งคำพูดทั้งสายตาทั้งการกระทำเขาทำให้ผมขนลุกแปลกๆ แถมยังเจาะจงว่าจะให้ผมทำงานให้อีก” ณิชนึกไปถึงตอนที่อยู่ในห้องแต่งตัวของยิมที่ฝ่ายนั้นจับมือเขาก็รู้สึกขนลุก เพราะหากคิดดีๆ นั่นเป็นการกระทำที่ค่อนข้างคุกคามไปสักหน่อยสำหรับคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง
“การมาของท่านออกญาฯ กับไอ้คมครั้งนี้ จะมาจัดการไอ้หาญแน่นอนขอรับ บ่าวไม่เคยรู้สึกทรมานขนาดนั้นมาก่อนเลย เพียงแค่เห็นหน้าไอ้คมก็รู้สึกแสบที่คอราวกับจะขาดเลยขอรับ”
“แล้วทำไมมั่นถึงมีปฏิกิริยากับไอ้คมล่ะ แทนที่จะเป็นกับคุณนิธาน” ณิชหันไปถามดวงวิญญาณที่นั่งบนพื้นหน้าเครียดไม่แพ้กัน
“ผมคิดว่าเพราะก่อนตายไอ้คมเป็นคนจับไอ้มั่นไว้ จิตของพวกมันผูกใจแค้นต่อกันน่ะครับ” จีรัชญ์พูดตามที่ตนตีความได้ ไอ้มั่นจึงพยักหน้าเสริมอีกแรง
“ใช่ขอรับ บ่าวหนีไม่พ้นเพราะโดนพวกไอ้คมจับไว้ แทนที่มันจะเห็นใจกันที่ไอ้หาญไม่ได้รับความปรานี มันหาได้มีความเมตตาต่อผู้อื่นเลยขอรับ”
“แต่ผมไม่อยากให้พวกคุณต้องจองเวรจองกรรมกันอีกแล้ว เอางี้ไหม ผมจะไปพูดกับพวกเขา อย่างน้อยๆ ผมก็เคยเป็นลูกท่านออกญาฯ ยังไงพ่อก็ต้องเมตตาลูกบ้าง”
จีรัชญ์ลอบมองหน้ากับไอ้มั่นทันทีเมื่อฟังณิชพูดจบ หากมองในมุมของณิชก็สามารถคิดแบบนั้นได้ แต่สำหรับพวกเขาสองคนที่ยังต้องผูกเวรผูกกรรมอยู่แบบนี้ ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้เท่าไหร่นัก ถ้าท่านออกญาฯ รักบุตรจริง คงไม่สาปแช่งให้ลูกต้องพบเจอกับการพลัดพรากแบบนี้ทุกชาติไปหรอก
“ผมจะถอนตัวจากโปรเจกต์ของคุณนิธานก็ไม่ได้ คุณแขไขที่รู้สึกไม่ดีกับผมอยู่แล้วอาจจะคว้ามีดมาแทงผมเลยก็ได้ถ้าผมไปขอถอนตัวกลางคัน” ณิชถอนหายใจด้วยความเครียดที่คิดหาทางแก้ไขอย่างไรก็แก้ไม่ได้
เหมือนโชคชะตาดักพวกเขาไว้ทุกทาง จากที่คิดว่าไม่น่ามีอะไรยุ่งยาก และเขากับไอ้หาญจะได้ครองรักกันอย่างสงบสุขสักที กลายเป็นว่ากลับมีอุปสรรคชิ้นใหญ่มาขวางได้
“คุณต้องไปเจอนิธานอีกเมื่อไหร่” จีรัชญ์ถามเสียงเครียดหลังจากเงียบไปพักใหญ่
“อืม... เอาจริงๆ ผมเลี่ยงได้ครับ ส่งงานทางอีเมลก็ได้ แต่พอตอนลงงานจริงก็ต้องไปเจออยู่ดี”
“งั้นก็ทำทุกอย่างตามปกติ แต่ผมจะไปด้วย”
“ปกติได้ยังไง ผมไม่อยากให้คุณต้องเจอกับคุณนิธาน เดี๋ยวเขาทำร้ายคุณขึ้นมาแล้วผมจะทำยังไง”
“คุณลืมไปแล้วเหรอครับ ไม่มีอะไรทำผมได้ ผมไม่มีวันตาย”
คำพูดของจีรัชญ์และสายตาที่จริงจังนั้นทำให้คนฟังสะอึกไป ประโยคนี้หากไม่คิดอะไรก็อาจทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ แต่อีกใจกลับหน่วงจนเจ็บ เพราะมันแสดงว่าจีรัชญ์ไม่คิดว่าชาตินี้พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันและคำสาปจะหายไป
หลังจากประโยคนั้นของจีรัชญ์ ณิชไม่ได้พูดอะไรอีก เขาทำเพียงแค่ยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจ แสร้งว่าเขาไม่ได้คิดอะไรแล้ว ทั้งที่จริงมันหน่วงไปทั้งอก ความรู้สึกดีใจที่จีรัชญ์มาหาและตามเฝ้าก่อนหน้านี้หายไปหมดไม่มีเหลือ
ตกกลางคืนท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงฟ้าร้องและเสียงฝนตกกระทบระเบียงเท่านั้นที่ได้ยิน แต่คนทั้งคู่ที่นอนอยู่บนเตียงกลับข่มตาหลับไม่ลง หนึ่งคนคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนอีกคนยังติดอยู่กับคำพูดที่ไม่อาจเอาออกจากหัวได้
จีรัชญ์รู้ว่าณิชยังไม่นอน แม้อีกฝ่ายจะนอนนิ่งและตะแคงหันหลังให้เขาก็ตาม ชายหนุ่มที่เปลือยช่วงอกขยับเข้าไปสวมกอดคนรักจากทางด้านหลัง เผื่อแผ่ความอบอุ่นไปให้คนที่กำลังนอนคุ้ดคู้อยู่
“ผมนอนไม่หลับ” ณิชพูดขึ้นเบาๆ เพราะไม่ว่าจะข่มตานอนตั้งแต่ห้าทุ่มจนถึงตอนนี้เที่ยงคืนครึ่ง เขาก็ยังตาสว่างเช่นเดิม
“ผมก็เหมือนกัน” จีรัชญ์กระซิบบอก เขากระชับอ้อมกอดให้แผ่นหลังของณิชแนบชิดอกเขามากขึ้น ณิชกอดมือเขาไว้ไม่ปล่อยก่อนเจ้าตัวจะผินหน้าหันมาพูดอีกครั้ง
“เราหนีกันไหมครับ”
จีรัชญ์นิ่งฟังแต่ไม่ได้ตอบออกไป ณิชกลืนก้อนที่จุกอยู่ตรงลำคอก่อนจะหันกลับมานอนตะแคงตามเดิม มองสายฝนที่กำลังสาดเทลงมาไม่หยุด
“หนีไปไหนก็ได้ ไปที่ไกลๆ ไปอยู่กันแค่สองคน ไปอยู่บนเขาก็ได้ ต่างประเทศที่มันสงบๆ ดีไหมครับ ไป...ในที่ที่ไม่มีใครหาเราเจอ”
ท้ายประโยคที่แผ่วเบาพร้อมกับที่ผิวแขนของจีรัชญ์รู้สึกถึงความเปียกชื้อของหยาดน้ำตา น้ำเสียงแห่งความสิ้นหวังของณิชบีบหัวใจเขาให้เจ็บจนชา ต่อให้ไปในที่ที่ไม่มีใครหาเจอ แต่โชคชะตาไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน
*
“พี่ณิช ทำไมโทรมแบบนี้เนี่ย ได้นอนบ้างรึเปล่า คุณนิธานเรื่องเยอะเหรอวะพี่” มิ้งชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมาถามรุ่นพี่ที่รัก สภาพณิชในสายตามิ้งตอนนี้เหมือนคนอดนอนมาเป็นอาทิตย์ ความสดใสที่เคยมีก่อนหน้านี้หายเกลี้ยง บรรยากาศรอบตัวณิชดูอึมครึมดูไม่เหมือนคนกำลังมีความรักที่มีความสุขเลย
“มิ้ง...” ณิชเรียกชื่อหญิงสาวเสียงเครียด มิ้งจากที่เล่นๆ กลายเป็นทำหน้าจริงจังขึ้นมาทันที เธอขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ชายหนุ่มอีกนิดเพื่อจะได้ถามอีกฝ่ายได้ถนัดๆ
“หรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น คุณตรีเขาเปลี่ยนใจอยากให้พี่กลับไปอยู่กับเขาเร็วๆ ใช่ไหม ก่อนหน้านี้หนูได้ข่าวจากพี่มั่นว่าพี่โดนคุณนิธานจีบ เสน่ห์แรงไม่เบานะเรา” หญิงสาวจิ้มไหล่ณิชจึกๆ แต่ก็ต้องเอามือลงเมื่อณิชไม่มีทีท่าจะเล่นด้วย
“ออกไปซื้อกาแฟกับพี่หน่อย”
อยู่ๆ ณิชก็เปลี่ยนเรื่องทำเอารุ่นน้องสาวถึงกับงงไม่น้อย แต่ก็ยอมเดินตามณิชไปคาเฟต์ที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศ ตอนนี้เป็นเวลาสายคนในร้านไม่เยอะนัก พอสั่งเครื่องดื่มมานั่งทานที่โต๊ะได้ณิชก็พูดเข้าเรื่องทันที
“คุณนิธานคือคนคนนั้น”
“คนไหน?” มิ้งถามพลางตักเค้กอัลมอนต์เข้าปากเขี้ยวหยับๆ รอยยิ้มของหญิงสาวที่มีต่อของหวานดูมีความสุขเหลือเกิน
“คน...นั้น...”
ณิชย้ำทีละคำ เขาส่งสายตาสื่อให้มิ้งรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดถึงอยู่คือเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่สามารถเล่าใครในที่นี้ได้ พอมิ้งเข้าใจก็ทิ้งช้อนตักเค้กแล้วรีบเอามืออุดปากด้วยความตกใจ
“พี่แน่ใจเหรอ”
ณิชไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน เขากุมขมับที่ปวดตุบๆ อย่างคนไม่รู้จะทำเช่นไร เขาไม่อยากเจอนิธาน และไม่อยากให้จีรัชญ์ต้องเจอด้วย แค่คิดว่าต้องเจอกันที่ไซด์งานเขาก็เครียดแทบบ้าแล้ว
“แล้วคุณตรีว่าไง”
“ไม่รู้ว่ะ เขาบอกให้พี่ทำตัวปกติไป พี่ไม่รู้ด้วยว่า ‘คนนั้น’ เขาต้องการอะไร ทำไมต้องตามมาอีก”
“พี่ณิช ใจเย็นๆ นะพี่ บางทีมันอาจไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่พี่คิดก็ได้”
ณิชถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน วันนี้เขาไม่มีสมาธิทำงานเลย กลับจากซื้อกาแฟก็มานั่งจมอยู่กับแบบแปลนที่คืบหน้าไม่ถึงไหน เพราะในหัวคิดวนเรื่องนิธานซ้ำๆ จนแขไขต้องออกปากเตือน
“ณิช ตั้งใจทำงานหน่อย อย่าเอาแต่นั่งเหม่อในออฟฟิศ”
หญิงสาวที่มีตำแหน่งเป็นเจ้านายกล่าวเตือนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง วันนี้เธอเพิ่งเข้าบริษัทเพราะเพิ่งไปพบลูกค้าพร้อมกับโอ๋มา เธอเห็นว่าณิชนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานแทบไม่กะพริบตาจึงต้องเตือนสักหน่อย ร่างระหงของหญิงสาวเดินผ่านไป ณิชก้มหัวขอโทษที่ตัวเองไม่ตั้งใจทำงานก่อนจะดึงสติกลับมากับงานตรงหน้า
เวลาล่วงเลยผ่านไปราว 2 อาทิตย์ที่ณิชพยายามยื้อเวลาไม่เจอหน้านิธาน แต่มันก็ทำได้เพียงแค่นี้เพราะเขาต้องเริ่มงานจริงๆ จังๆ แล้ว อีกทั้งนิธานยังฝากให้คมเร่งงานเขาด้วย ดูเหมือนฝ่ายนั้นต้องการเจอหน้าเขามากถึงกับนัดเขาล่วงหน้า 3 วัน
จีรัชญ์ขับรถมาส่งณิชที่ไซด์งานก่อสร้างในช่วงบ่าย ในส่วนของภายนอกเสร็จไปเยอะแล้ว เหลือแค่ตกแต่งภายในซึ่งเป็นหน้าที่ของณิช ช่างที่ร่วมงานกันเป็นประจำก็มาเริ่มงานรออยู่ก่อนอย่างรู้งาน ทำให้ตอนนี้เขาต้องรีบเข้าไปตรวจเช็กความคืบหน้า
นิธานกำลังคุยงานกับหัวหน้าวิศวกรและช่างรับเหมาอยู่ หางตาเขาเห็นว่าณิชลงมาจากรถฝั่งข้างคนขับ ซึ่งนั่นแสดงว่ามีคนขับรถมาให้ แต่ครั้งนี้พนักงานของแขไขไม่ได้มีณิชแค่คนเดียว แต่มีหญิงสาวตามมาด้วยซึ่งเขาจำได้ว่าเธอชื่อมิ้ง
“โห พอรู้ว่าคุณนิธานคือใครก็ขนลุกเลยอะ ดูเขามองพี่ดิ” มิ้งกระซิบบอกณิชระหว่างเดินเข้าไปหานิธาน
วันนี้ณิชตัดสินใจหิ้วมิ้งมาเป็นผู้ช่วยเนื่องจากไม่อยากให้จีรัชญ์ต้องเจอหน้ากับนิธานโดยตรง แม้จีรัชญ์จะยืนกรานว่าจะเผชิญหน้าก็ตาม แต่เพราะใจที่เป็นห่วงทำให้เขาเลือกทางสายกลางนั่นคือให้มิ้งมาเป็นเพื่อน ซึ่งกล่อมจีรัชญ์อยู่นานฝ่ายนั้นถึงยอม แต่กระนั้นก็ยังจะอาสาขับรถมาส่งเขา
“คุณณิชมาแล้ว ดีเลยครับเราจะได้เริ่มงานกันจริงๆ จังๆ สักที” นิธานพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินนำเข้าตัวโรงแรมไป คมมองตามเจ้านายตัวเองก่อนจะหันไปมองรถของณิช ชายหนุ่มยิ้มเหี้ยมจากนั้นก็เดินตามคนทั้งคู่เข้าด้านใน
‘มึงว่าท่านออกญาฯ กับไอ้คมจะทำกระไรวะ’ ไอ้มั่นถามเสียงเครียด ตอนนี้มันนั่งอยู่ในรถเช่นเดียวกัน จีรัชญ์ลดกระจกลงเป็นเปิดกว้างจนลมริมแม่น้ำพัดเข้ามาเบาๆ แต่เพราะอากาศที่อบอ้าวเหมือนฝนจะตกทำให้ไม่ได้คลายร้อนเท่าไหร่นัก
‘ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ มันต้องทำให้คำสาปคงอยู่ มันคงคิดว่าชาตินี้กูจะหลุดพ้น หึ...กูรอมานานหากจะต้องรอคุณปราณไปอีกสักร้อยปีจะเป็นไร’จีรัชญ์ตอบน้ำเสียงเย้ยหยัน สมเพชในชะตาชีวิตของตนเอง เขาคิดไว้แล้วว่าชาตินี้เขาจะเก็บความทรงจำระหว่างณิชกับตัวเขาไว้เป็นความสุขยามนึกถึงคุณปราณ แต่ก่อนที่เขากับคุณปราณจะต้องจากกัน เขาก็ขอปกป้องอีกฝ่ายสุดหัวใจ ไม่ว่านิธานคิดจะทำอะไรก็ตาม
‘ไอ้ห่านี่! มึงพูดเช่นนี้ไม่กลัวคุณปราณจะเสียใจรึ คุณเขาทุ่มเททั้งกายทั้งใจเพื่อจะได้อยู่กับมึงเชียวนะ นี่มึงรักนายกูจริงหรือเปล่า กูเริ่มคิดแล้วนะว่าการที่คำสาปมึงไม่หายไปอาจไม่ใช่เพราะท่านออกญาฯ แต่เพราะมึงรักนายกูไม่มากพอ!’‘ถ้าไม่ใช่ว่ากูเห็นแก่ความพยายามของเขากูจะมาอยู่ตรงนี้ไหมไอ้มั่น! กูจะยอมทิ้งความคิดที่จะไม่ตามหาเขาไหม ถ้าไม่ใช่เพราะกูหยุดรักเขาไม่ได้! มึงจำไว้เลยนะ มึงจะมองการกระทำกูเป็นอื่นยังไงก็ได้ แต่อย่ามาสงสัยในความรักของกูที่มีต่อคุณปราณ!’ปึง!!
จีรัชญ์ลงจากรถกระแทกประตูปิดเสียงดังอย่างระบายอารมณ์ที่ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกเขา แม้แต่เพื่อนรักที่เป็นดวงวิญญาณตามติดมาตลอดชีวิตที่มีอยู่