☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔  (อ่าน 35213 ครั้ง)

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่มีความคิดเห็น

มีแต่ความเป็นห่วง คุณผอบ

อย่าทิ้งกันนาน แบบนี้อีกนะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
มั่นทำได้ดีมาก

รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๙ (ครึ่งหลัง)



ครั้งแรกที่แขไขได้รู้จักกับจีรัชญ์ก็ราวปีก่อน ในตอนนั้นเธอมาดูงานกับทีมงานในบริษัท ขับรถมาเองคนเดียวจนหลงมาทางถนนของวังปริพัตร ขับวนอยู่นานเพื่อหาทางออกแต่แล้วน้ำมันหมด เธอจอดรถหลบอยู่ข้างทางก็เจอหนุ่มใจดีให้ความช่วยเหลือ พอถามไปถามมาจึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีบ้านอยู่แถวนี้ และนั่นคือจีรัชญ์นั่นเอง

แขไขรู้สึกถูกชะตาต้องใจผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ อาจด้วยหน้าตา รูปร่าง และความมีน้ำใจทำให้จีรัชญ์ได้ใจเธอไปตั้งแต่วันนั้น เธอจึงพยายามสานสัมพันธ์กับอีกฝ่ายให้มากที่สุด แม้จีรัชญ์จะดูเป็นคนเก็บตัวและไม่ค่อยสุงสิงกับใครก็ตาม แต่เธอก็ยังเข้าหาอีกฝ่ายจนได้ผูกมิตรกัน ถึงขนาดยอมลงมาที่นี่ทุกเดือนหาข้ออ้างสารพัดเพื่อจะได้พบหน้าจีรัชญ์

เธอยอมรับว่าในตอนนั้นเธอรู้สึกดีกับจีรัชญ์มากจนเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายไปตรงๆ ว่ารู้สึกอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นจีรัชญ์ก็ให้ความเงียบเป็นเพียงคำตอบ สีหน้าที่แม้จะมีรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก แต่สายตากลับเฉยชาไร้ความรู้สึก ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการมีความรักและไม่คิดจะรักใคร

หญิงสาวจากเมืองกรุงยังไม่ละความพยายามในการเอาชนะใจจีรัชญ์ เธอยังคงเหนี่ยวรั้งอีกฝ่ายไว้ด้วยคำว่ามิตรภาพ จนกระทั่งจีรัชญ์ยอมเปิดใจที่จะให้เธอเข้ามาในวัง สถานที่ที่อีกฝ่ายหวงแหนไม่แม้แต่จะให้ใครคนอื่นได้เข้ามา เธอรู้สึกว่าจีรัชญ์เปิดใจให้กับเธอมากขึ้น และทุกอย่างก็ดูเป็นไปได้ดีจนลูกน้องที่ทำงานเริ่มพูดกันมากขึ้นว่าเธอกับเขาเป็นคู่รักกัน

จีรัชญ์ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้แขไขจึงไม่ได้แก้ข่าวในเรื่องนี้ เพราะสำหรับตัวจีรัชญ์ที่ยอมรับในชะตากรรมของตนเอง เขาคิดว่าหากชาตินี้จะผูกไมตรีกับผู้หญิงสักคนก็คงได้ แม้ใจจะไม่ได้รักเหมือนที่ตนรักคุณปราณก็ตาม จีรัชญ์ยอมให้แขไขเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เข้าใกล้ตัวเขามากกว่าใครอื่น แต่คนทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนมีเส้นบางๆ กั้นอยู่เสมอ

ใจของไอ้หาญที่ถอดใจเรื่องของคุณปราณแล้ว ทำให้ตนเองยอมที่จะเปิดรับแขไขเข้ามาในชีวิต นอกเหนือจากคนอื่นที่เขาคบหาไว้เพื่อผลประโยชน์ในการปกปิดตัวตน จนกระทั่งจีรัชญ์ได้มาเจอณิช และทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดไว้จึงผิดแผนจากที่คาดคิดไว้ทั้งหมด

“ที่นี่ร่มรื่นดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก ทั้งที่แค่เปลี่ยนแปลงข้างในตัวตึกไปไม่เท่าไหร่ แต่มันทำให้วังดูน่าอยู่มากกว่าเมื่อก่อนขึ้นเยอะเลยนะคะ” แขไขพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มสวยบนใบหน้า เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณสระบัว เธอได้มาที่นี่นับครั้งได้เพราะจีรัชญ์มักจะให้เธอพักในตัวเมืองมากกว่า เธอเคยถามว่าทำไมถึงให้เธอไปพักที่อื่น ทั้งที่วังแห่งนี้มีห้องว่างตั้งหลายห้อง แต่จีรัชญ์กลับตอบแค่เพียงว่าไม่สะดวก

จีรัชญ์มองหญิงสาวที่ยังคงทำตัวเหมือนเดิม รอยยิ้ม ความสดใสในวัยเลข 3 ของแขไขยังมีเหมือนเดิม เพียงแต่ความรู้สึกดีๆ ที่อีกฝ่ายมอบให้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกับเธอมากกว่านั้น เขายอมเปิดรับแขไขเข้ามาในชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปิดใจให้ใครอื่นเข้ามา เพราะหัวใจของไอ้หาญเป็นของคุณปราณมาเนิ่นนาน และไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว

"คุณแขครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย" จีรัชญ์พูดน้ำเสียงจริงจังจนแขไขต้องหันมอง เธอลอบยิ้มในใจเพราะคาดหวังว่าเรื่องที่อีกฝ่ายจะพูดคงเป็นเรื่องแต่งงาน ถึงแม้จีรัชญ์จะไม่เคยพูดคำว่ารักกับเธอเลยก็ตาม แต่การที่ผู้ชายโลกส่วนตัวสูงเสียดฟ้ายอมให้เธอได้เข้าถึงขนาดนี้ เธอก็คงเป็นผู้หญิงที่จีรัชญ์เลือกแล้ว

แต่แน่นอนว่าความคิดเหล่านั้นเธอล้วนคิดไปเองทั้งสิ้น

“ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องมาเสียเวลากับคนอย่างผม และผมอยากให้เรื่องระหว่างเราจบกันเพียงแค่นี้ครับ" แต่คำพูดของจีรัชญ์เหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบหัว แขไขอึ้งไปไม่น้อยเพราะนอกจากมันจะไม่เป็นดั่งเธอหวังแล้วยังเป็นเรื่องใหญ่กว่าด้วย

"ทะ...ทำไมคะ"

"เพราะผมไม่ได้รักคุณ" คำตอบซื่อตรงคงดีที่สุดที่จะทำให้หญิงสาวตรงหน้าไม่ค้างคาไปมากกว่านี้

"แขไม่เข้าใจ ที่ผ่านมาคุณดีกับแขมาตลอด คุณไม่มีใครคบหาดูใจอยู่ เราเข้ากันได้ดีไม่ใช่เหรอคะ หรือแขทำอะไรผิดคุณบอกแขได้ไหมคะ" ตอนนี้เธองงไปหมดจนคิดว่าจีรัชญ์หลอกอำเธอรึเปล่า แต่สีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังของชายหนุ่มก็ดูจะจริงเกินกว่าจะโกหกตัวเองได้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น

"คุณไม่ผิด แต่ผมผิดเองที่ไม่ชัดเจนกับคุณมาตั้งแต่แรก" แขไขตัวชาพร้อมใจที่ปวดหนึบ จริงอยู่ที่ผ่านมาจีรัชญ์ไม่ได้แสดงออกกับเธอหวือหวาดั่งเช่นคู่รักทั่วไปก็จริง แต่เธอก็รู้สึกกับเขามากกว่าเพื่อนชายและเธอก็แสดงออกชัดเจน

“ถ้าคุณไม่คิดจะรักแขตั้งแต่แรกแล้วคุณให้ความหวังแขทำไมคะ”

คำถามนี้ของหญิงสาวทำจีรัชญ์เงียบไป ไม่ใช่เขาอึ้งจนตอบไม่ได้ แต่เพราะเขาไม่สามารถตอบให้หญิงสาวเข้าใจได้ ทุกอย่างมันคือโชคชะตาที่เขาพยายามกำหนดด้วยตัวเองแล้ว แต่ท้ายสุดก็ทำไม่ได้เพราะจุดบรรจบมันก็ยังเหมือนเดิม

ตอนแรกที่เขายอมเปิดใจคุยกับแขไข ให้แขไขได้เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เข้าใกล้เขามากที่สุดนั่นเพราะเขาตัดใจเรื่องคุณปราณไปแล้ว ไอ้หาญยอมที่จะไม่ตามหาและฝืนชะตาด้วยการไม่ข้องเกี่ยวกับคนชื่อปราณอีก แต่ใครเลยจะรู้ว่าการที่เขาถอดใจนั้นมันแค่ยืดเวลาออกไปก็เท่านั้น เพราะท้ายสุดคุณปราณในชาตินี้ก็เอาชนะใจเขาได้อยู่ดี

เพี้ยะ!

แรงจากฝ่ามือกระทบผิวแก้มไม่เบานักจนเกิดเสียง แขไขตบหน้าจีรัชญ์ที่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา ในตอนนี้เธอโกรธจีรัชญ์แต่มันก็โกรธได้ไม่สุดใจ เพราะลึกๆ แล้วเธอก็รู้อยู่ว่าจีรัชญ์เหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่ ในแววตาของจีรัชญ์ตอนอยู่กับเธอไม่ได้ฉายแววมีความสุขอย่างคนที่กำลังมีความรัก มันเฉยชาแต่เธอกลับมองข้ามเพราะรู้สึกชอบอีกฝ่ายมาก

เธอมองข้ามทุกสิ่งทุกอย่างไป ยิ่งได้ยินคนอื่นพูดเรื่องของเธอกับจีรัชญ์ก็ยิ่งรู้สึกดี เหมือนเธอได้ครอบครองหัวใจผู้ชายคนนี้เข้าจริงๆ เธอเคยพูดเรื่องที่ลูกน้องในบริษัทลือกันว่าคนเหล่านั้นคิดว่าเขากำลังจะแต่งงานกัน แต่จีรัชญ์นิ่งเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ซึ่งมันยิ่งทำให้เธอคิดไปไกล ก่อนจะถูกกระชากกลับมาให้เจอกับความจริงในวันนี้ว่าจีรัชญ์ไม่ได้รักเธอเลย

“ถ้าคุณยังมีความเป็นสุภาพบุรุษหลงเหลืออยู่ก็บอกแขมาค่ะว่าคนนั้นคือใคร” แขไขพูดเสียงเรียบ เธอข่มเสียงไว้ไม่ให้สั่น แต่ความเสียใจที่อัดแน่นอยู่ในอกก็กลั่นออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม เธอจ้องหน้าจีรัชญ์ที่หลบสายตาเธอเพียงแวบเดียวก่อนจะตอบออกมา ซึ่งมันทำให้เธออึ้งกับคำตอบอีกครั้ง

“ผมรักคุณณิช”

แม้จะตะหงิดใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของจีรัชญ์กับณิชจะไปไกลถึงขั้นนี้ จีรัชญ์แสดงออกกับณิชต่างจากที่เคยแสดงออกกับเธอ มันไม่ใช่เรื่องการกระทำแต่เป็นสายตาที่อีกฝ่ายมองณิชอย่างลึกซึ้ง เธอคิดว่าตัวเองคิดมากไปแต่แท้จริงแล้วสิ่งที่เธอคิดนั้นคือความจริงที่ยากจะยอมรับ

เธอควรโกรธจีรัชญ์มากกว่านี้ แต่การที่จีรัชญ์หันไปชอบผู้ชายมันก็ห้ามกันไม่ได้

“แล้วณิชรักคุณไหม” แขไขกลั้นใจถามกลับ จีรัชญ์ไม่ตอบแต่แววตาที่มีความสุขของจีรัชญ์ก่อนหน้านี้ก็คือคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าคนทั้งสองใจตรงกัน

“ผมไม่ว่าอะไรเลยถ้าคุณจะโกรธและเกลียดผม แต่คุณณิชไม่เกี่ยวอะไรด้วย เป็นผมเองที่ไม่หักห้ามใจ ขอคุณอย่าถือโทษเขาได้ไหมครับ”

แขไขไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์และคำสาปที่ผูกพันกันมาของพวกเขา เพราะฉะนั้นอธิบายอะไรไปอีกฝ่ายก็ไม่เข้าใจอยู่ดี และที่เขาบอกว่าไม่ห้ามใจนั้นก็เป็นเรื่องจริง ถ้าเขาฝืนโชคชะตาให้มากกว่านี้ เขาอาจจะรักแขไขขึ้นมาก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากให้หญิงสาวต้องพาลโกรธณิช ที่เขาบอกกับแขไขเรื่องรักณิชไปตรงๆ นั้นก็เพื่อไม่เป็นการดูหมิ่นความรู้สึกของแขไขที่มอบให้เขา แต่เป็นการให้เกียรติแขไขให้มากที่สุดเท่านั้น

“แค่พูดมันก็ง่ายนะคะ แต่ตอนนี้แขจะทำอะไรได้ล่ะคะ นอกจากมองดูพวกคุณรักกันส่วนแขก็โดนทิ้ง” อดที่จะประชดประชันออกมาไม่ได้ เธอหัวเราะในลำคออย่างนึกสมเพชตัวเอง อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วแต่ดันมาอกหัก ทั้งที่คนรุ่นราวคราวดียวกันมีครอบครัวมีลูกกันไปนานแล้ว

จีรัชญ์ปล่อยให้แขไขอยู่ที่ศาลาต่อไป เขาหลบเลี่ยงออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายได้ใช้เวลากับตัวเอง จะก่นด่าหรือแค้นเคืองเขามากแค่ไหนก็สุดแล้วแต่เจ้าตัวจะทำ แต่เขาได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจและรับผิดชอบต่อความรู้สึกของหญิงสาวไปหมดแล้ว

*

วันรุ่งขึ้นณิชและพวกผ้องเตรียมกลับกรุงเทพฯ แม่บ้านต่างมายืนรอส่งพวกคนกรุงที่กำลังจะกลับกันแล้ว ครั้งนี้บอยจะขับรถเขากลับไปเช่นเดิมโดยมีพี่โอ๋นั่งไปเป็นเพื่อน ส่วนเขากับมิ้งจะกลับกันทางเครื่องบิน โดยไฟลต์บินของเขาจะไปตอนบ่าย พี่โอ๋และบอยจึงขับรถออกไปก่อน เหลือก็แต่เขาสองคนที่กำลังรอให้จีรัชญ์ขับรถไปส่งที่สนามบิน

และสาเหตุที่เขานั่งรถทางไกลนานๆ ไม่ได้นั้นก็ได้รับการไขให้กระจ่างแล้ว ว่าที่เขากลัวการนั่งรถนานๆ นั่นก็เพราะในอดีตครอบครัวของเขาประสบอุบัติเหตุ มันคงเป็นเรื่องอ่อนไหวที่ส่งผลมาจนถึงเขาในชาตินี้

ส่วนแขไขนั้นนั่งเครื่องบินกลับไปก่อนแล้ว เขาคิดว่าคงเพราะเรื่องที่จีรัชญ์พูดอย่างแน่นอนที่ทำให้เจ้านายของเขาหนีกลับไปก่อนแบบนี้ เดี๋ยวไปเจอกันอีกทีที่กรุงเทพฯ เขาคงต้องเตรียมรับมือดีๆ เพราะไม่รู้ว่าแขไขจะทำกับเขาอย่างไร

“ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ” ป้าแจ่มกล่าวอวยพร หญิงสูงวัยมีน้ำตาเอ่อคลอเมื่อต้องจากลากับคนทั้งสองที่มาอยู่ด้วยกันที่นี่นานหลายเดือน ความรู้สึกผูกพันมันก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เธอรู้สึกผูกพันกับคนทั้งสองไปแล้ว

“ไว้เจอกันใหม่นะครับป้าแจ่ม ขอบคุณที่ดูแลพวกผมเป็นอย่างดีนะครับ” ณิชยกมือไหว้หญิงแม่บ้าน ก่อนจะโดนอีกฝ่ายดึงไปสวมกอดเต็มรัก เขาก็รู้สึกใจหายไม่น้อยที่ต้องจากวังปริพัตรแห่งนี้ไปอีกครั้ง

“ฮึก...” เสียงแปลกๆ หลุดออกมาจากมิ้งจนทุกคนต้องหันมอง ณิชขำด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นว่ารุ่นน้องตนก้มหน้าร้องไห้อยู่

“ฮึก...หนูคงคิดถึงที่นี่มากแน่ๆ เลย อึก...ฮือออ” แล้วเธอก็ปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ณิชยังมีทางออกว่าลาออกจากงานแล้วมาอยู่ที่นี่ได้ แต่เธอที่มีชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ ล่ะจะทำอย่างไร ไม่รู้จะมีโอกาสได้กลับมาเจอผู้คนที่นี่อีกไหม และที่สำคัญ...คู่หูดวงวิญญาณอย่างพี่มั่นเธอก็อาจไม่ได้เจออีกแล้ว

กลายเป็นป้าแจ่มต้องมากอดปลอบมิ้งและพากันร้องไห้ตามๆ กัน ป้าแจ่มแพ็กขนมกลีบลำดวนใส่กระปุกสุญญากาศให้มิ้งไปจำนวนหนึ่ง ไม่ลืมเขียนสูตรขนมต่างๆ ที่อีกฝ่ายฝึกทำกับเธอตอนอยู่ที่นี่ให้ไปด้วย ย้ำมิ้งเป็นสิบครั้งว่าอย่าลืมคนที่นี่ ถ้าว่างต้องแวะมาเยี่ยมกันบ้าง

“หนูไม่อยากกลับเลย” มิ้งพึมพำเบาๆ

“ถ้าไม่ว่างมาค่อยโทรหากันก็ได้นะคะ” ป้าแจ่มบอกพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น มิ้งพยักหน้าก่อนจะมองเลยหลังป้าแจ่มไปก็เห็นไอ้มั่นยืนอยู่

‘เราจะได้เจอกันอีกไหมพี่มั่น’ เธอถามในใจ

‘เจ้าลืมไปแล้วรึว่าข้าคือคนของใคร คุณปราณอยู่ที่ใดข้าก็อยู่ที่นั่น ตราบใดที่คุณปราณยังอยู่อย่างไรเจ้าก็ได้เจอข้าเจ้ามิ่ง’ คำพูดของไอ้มั่นเหมือนเรียกสติของมิ้งไว้

“เออ จริงด้วยว่ะ” มิ้งพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มกว้าง ป้าแจ่มมองด้วยสีหน้างงงวยที่หญิงสาวเปลี่ยนอารมณ์ได้ไวเหลือเกิน

ณิชขอตัวขึ้นไปหาจีรัชญ์เพราะฝ่ายนั้นยังไม่ออกจากห้องมาตั้งแต่เช้า เขาไปเคาะเรียกที่ห้องก็ไม่ตอบ พอใกล้ได้เวลาเดินทางเลยขึ้นมาตามสักหน่อย แต่จีรัชญ์ไม่ได้อยู่ในห้อง อีกฝ่ายอยู่ในห้องทำงานและกำลังหาของอยู่

“คุณจีรัชญ์ ผมจะไปแล้วนะ” ณิชบอกคนที่อาจจะลืมเวลาเดินทางของเขา

“มานี่สิครับ” จีรัชญ์เรียกเขาให้เข้าไปในห้องที่เก็บภาพวาดของเจ้าตัว ก่อนที่สมุดบันทึกของคุณปราณจะถูกยื่นมาตรงหน้า

“มันคือของคุณ ผมคืนให้ครับ” จีรัชญ์คืนสมุดบันทึกให้กับเจ้าของ ณิชยิ้มก่อนจะรับมา บทจะได้สมุดเล่มนี้ก็ได้มาง่ายเหลือเกิน ผิดกับตอนแรกที่ต้องทำตัวเป็นหัวขโมยทั้งที่สมุดเล่มนี้เป็นของเขาเองแท้ๆ

“ผมจะรีบเคลียร์งานให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ลงมาหาคุณนะ” ณิชพูดก่อนจะรั้งมือจีรัชญ์มาจับไว้ เขาหอมมือใหญ่นั้นซ้ำๆ ด้วยความรักและคิดถึงที่มี ขนาดยังไม่จากกันเขายังคิดถึงอีกฝ่ายขนาดนี้ เขาไม่รู้เลยว่าเวลาต่อจากนี้ไปที่จะไม่ได้เจอจีรัชญ์เขาจะทรมานแค่ไหน

“ผมอยากให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราต้องจากกัน และผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณต้องรอคอยผมอยู่คนเดียวอีกแล้ว” ณิชพูดต่อ เขากอดจีรัชญ์แน่นที่สุดเท่าที่จะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดออกมาได้ จีรัชญ์จูบที่ขมับคนตัวเล็กกว่าเบาๆ

“ไอ้มั่นจะไปอยู่กับคุณ มันจะคอยดูแลคุณแทนผม”

“ครับ ผมจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เป็นหวัดนิดนึงก็จะรีบไปหาหมอ...หมอที่ชื่ออนันต์” ท้ายประโยคณิชกระซิบพร้อมสายตากรุ้มกริ่ม ทำเอาจีรัชญ์ถึงกับหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบีบจมูกคนช่างพูด

“ทางที่ดีอย่าป่วยเลยดีกว่าครับ” จีรัชญ์บอกคนในอ้อมกอด

ณิชพยักหน้ากับอกกว้างเบาๆ เมื่อก่อนเขาทำงานแทบจะหามรุ่งหามค่ำ ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเท่าไหร่นัก นอนดึกแต่ตื่นเช้าลากสังขารตัวเองไปทำงาน กินข้าวไม่เป็นเวลาจนหวิดจะเป็นกรดไหลย้อน แต่นับแต่นี้ต่อไปเขาจะดูแลตัวเองให้มากขึ้น ดูแลให้ดีที่สุดให้สมกับที่ใครบางคนรอคอยเขามานานนับร้อยปี

จีรัชญ์ขับรถมาส่งแขกของบ้านที่อยู่บ้านเขาร่วม 3 เดือนเศษ มิ้งยกมือไหว้ขอบคุณปรกๆ ที่จีรัชญ์ใจดีทั้งเรื่องกินและที่พักจนน้ำหนักขึ้นหลายกิโล อีกทั้งเรื่องราวความรักที่สุดแสนโรแมนติกปนเศร้า ซึ่งทำให้เธอเขียนนิยายได้จนมีแฟนคลับติดตามหลายพันคน

“หนูเข้าไปก่อนนะพี่” มิ้งบอกกับณิชเพราะเข้าใจดีว่าณิชคงร่ำลากับจีรัชญ์จนถึงวินาทีสุดท้ายโน่นแหละ

“ถ้าคุณว่างก็แวะไปหาผมที่กรุงเทพฯ บ้างนะครับ แล้วก็ฝากบอกคุณสุทินด้วยว่าขอโทษที่ไม่ได้ไปลา” ณิชไม่ลืมนึกถึงผู้ช่วยลับๆ ของจีรัชญ์อย่างสุทิน บุคคลที่เคยอยู่ในเหตุการณ์เฉียดตายของเขาตอนโดนรถเฉี่ยว

“เดินทางปลอดภัยนะครับ ถึงแล้วโทรบอกผมด้วย”

“ผมไม่อยากไปเลย” ณิชงอแงอีกครั้ง นิ้วชี้เขาเกี่ยวนิ้วก้อยจีรัชญ์แกว่งไปมาเบาๆ เขาก้มหน้าเพราะต้องซ่อนน้ำตาที่มันปริ่มๆ จะไหลไว้ ยิ่งใกล้นาทีที่เขาจะต้องไปที่เกทแล้วมันยิ่งบีบหัวใจ เพราะเขากลัวว่าเขาสองคนอาจจะต้องจากกันอย่างไม่มีวันได้เจออีกครั้ง

“ผมสัญญาว่าจะรอ”

“ผมไม่อยากให้คุณรออีกแล้ว คุณกลับไปกับผมได้ไหม ฝากวังไว้กับคุณสุทินก่อนก็ได้ ขึ้นกรุงเทพฯ ไปกับผม ไปอยู่ด้วยกัน อยู่ในสายตาของผม” ใช่ว่าจะมีแค่จีรัชญ์ที่รู้สึกโหยหาแต่ณิชก็เช่นกัน เขาอยากอยู่ใกล้จีรัชญ์ทุกคืนวัน ไม่อยากจากไปไหนเลย

จีรัชญ์ยิ้มอบอุ่นเมื่อเห็นว่าณิชไม่สามารถเก็บอารมณ์อ่อนไหวได้อีกต่อไป เขาเช็ดหยาดน้ำตาที่กลิ้งผ่านแก้มณิชอย่างเบามือ

“ได้เวลาแล้วครับ รีบไปเถอะเดี๋ยวจะตกเครื่อง” เขาเตือนเมื่อเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาว่าณิชควรไปที่เกทได้แล้ว

ณิชเม้มปากแน่นยอมตัดใจ เขาเดินเข้าโซนที่จีรัชญ์ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ โบกมือลาคนที่ยืนส่งเขาอยู่หน้าประตู จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวนั่งข้างมิ้ง เงาดำทะมึนคุ้นตาอยู่ใกล้ไม่ห่างกาย ไอ้มั่นยิ้มให้นายของมันก่อนจะกล่าวออกมา

‘คุณปราณอย่าเสียใจไปเลยขอรับ อย่างน้อยๆ การจากลาในครั้งนี้ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ประเดี๋ยวก็จะได้เจอกันอีกนะขอรับ’ ณิชพยักหน้าเบาๆ กับคำพูดปลอบของทาสผู้ซื่อสัตย์ เขาก็ขอให้การจากกันในครั้งนี้ เป็นการจากกันครั้งสุดท้ายระหว่างเขากับไอ้หาญเถอะ

จีรัชญ์มองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ได้หัวใจเขากลับไป ถึงแม้มันจะอยู่ที่เจ้าตัวมาตลอดตั้งแต่ชาติก่อนเก่า แต่ครั้งนี้ณิชกลับทำทุกอย่างเพื่อคว้าใจเขาไป ณิชร้องไห้เสียใจที่พวกเขาต้องจากกัน แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าเขานั้นเจ็บกว่า เพราะนี่อาจเป็นอีกครั้งที่ไอ้หาญจะต้องเริ่มต้นรอคุณปราณอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

*

การจราจรบนท้องถนนยังคงหนาแน่นตามรายงานของดีเจที่จัดรายการทางวิทยุ ก่อนเจ้าของรถจะบ่นเบาๆ เมื่อดีเจบอกว่าเกิดเหตุรถชนกันบนทางด่วน ณิชถอนหายใจด้วยความเซ็งที่เขาต้องมาติดแหงกอยู่แบบนี้เป็นชั่วโมง ทั้งที่ตอนนี้ได้เวลาเข้างานแล้ว

“ว่าไงไอ้บอย” ชายหนุ่มรับสายจากรุ่นน้องทีมเดียวกัน

[ถึงไหนแล้วพี่ ลูกค้าวีไอพีของพี่จะมาแล้วเว้ย]

“กูก็รีบอยู่เนี่ย ใจกูอยู่บริษัทแล้วแต่รถกูอยู่บนทางด่วน มีรถชนกันมันเลยช้า”

[เออๆ เดี๋ยวผมบอกพี่โอ๋ให้รับหน้าไปก่อน ถ้ายังไงรีบเลยนะเว้ย] พูดจบบอยก็วางสายไป

ณิชถอนหายใจรอบที่ร้อยของเช้านี้ และเขาก็ได้เฮเมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่ในเวลาต่อมา ก่อนรถจะจอดติดไม่ขยับอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงแยกที่เขาต้องเลี้ยวไปทางบริษัท เนื่องจากจำนวนรถติดไฟแดงสะสม ณิชเห็นว่าเลยเวลามาสิบนาทีแล้ว เขาไม่อยากช้ามากไปกว่านี้จึงจอดรถทิ้งไว้ข้างทาง จากนั้นก็โบกวินมอเตอร์ไซค์เพื่อไปบริษัททันที

เมื่อมาถึงเขาก็รีบเข้าบริษัท ใจเต้นรัวเหมือนกลองเพราะวิ่งมาด้วยความเร็ว ยืนหอบอยู่หน้าห้องประชุมอยู่ไม่กี่วิก็ฮึบกับตัวเองแล้วเปิดประตูเข้าไป สายตาทุกคนในห้องประชุมมองเขาเป็นตาเดียว แน่นอนว่าณิชเตรียมใจรับอยู่แล้วเพราะเขามาสาย เขายิ้มแหย่และก้มหัวขอโทษแขไขด้วยความรู้ผิด

“คุณปราณันต์มาสักที ผมกำลังรออยู่เลย” เสียงทุ้มไม่คุ้นหูแต่ดูมีอำนาจทำให้ณิชต้องหันไปมอง และถ้าเขาเดาไม่ผิดนี่คงเป็นลูกค้าวีไอพีที่เจาะจงให้เขาทำงานให้อย่างแน่นอน




โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
เสียงนี้คือพ่อของปราณในชาติแรกกลับชาติมาเกิดด้วยรึเปล่า

รอติดตามครับ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๓๐

ลูกค้าวีไอพีที่บอยพูดถึงมาตรงเวลาเป๊ะจนพวกเขาไม่สามารถยื้อเวลาให้กับณิชได้อีกต่อไป รูปร่างภูมิฐานสมส่วน หน้าตายิ้มแย้มดูเป็นมิตร อีกทั้งอายุเลข 4 นำหน้าไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายดูแก่เลย หนำซ้ำมันยังทำให้พวกเขาอึ้งมากกว่าที่ลูกค้าคนนี้อายุ 40 แล้ว

“สวัสดีค่ะคุณนิธาน” แขไขออกมารับแขกผู้มาเยือนที่มาพร้อมเลขาฯ ด้วยตัวเอง แม้ตัวเธอเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์อกหักมาหมาดๆ แต่บริษัทของเธอก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป และตอนนี้ตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องเสียใจก็ยังมาไม่ถึงบริษัททั้งที่สายแล้ว

หนุ่มใหญ่วัย 40 เดินตามแขไขเข้าไปในห้องประชุม ซึ่งถูกใช้เป็นห้องรับรองแขกคนนี้ชั่วคราว มีพนักงานอีกคนนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้เรียบร้อย

“คุณนิธานเป็นยังไงบ้างคะ สบายดีไหม”

“สบายดีครับ แล้วนี่คุณปราณันต์ยังไม่มาเหรอครับ” หนุ่มใหญ่ถามถึงสถาปนิกคนที่ตนหมายตาในฝีมือไว้ เพราะตั้งแต่เข้าบริษัทมาเขายังไม่เห็นฝ่ายนั้นแม้แต่เงา

“กำลังเดินทางมาค่ะ เห็นบอกว่ามีรถชนกันเลยช้า ขอโทษคุณนิธานด้วยนะคะที่พนักงานแขมาไม่ตรงเวลา” แขไขตอบพร้อมยิ้มแห้ง พนักงานเธอมาสายแบบนี้ถือเป็นการไม่ให้เกียรติลูกค้าจริงๆ

“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมเข้าใจๆ เหตุการณ์พวกนี้มันเกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งเวลาเช้าๆ แบบนี้มันเป็นชั่วโมงเร่งด่วน ผมก็ผิดเองที่นัดเช้าเกินไป จริงๆ นัดสักบ่ายน่าจะดีกว่า” นิธานพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ให้หญิงสาวคิดมากและเกร็งกับเขาไปมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นพนักงานที่ชื่อปราณันต์คงโดนเอ็ดนอกรอบ

แขไขให้ทีมของโอ๋เข้ามาเตรียมตัว นิธานพูดคุยกับคนที่อยู่ทีมเดียวกับณิชจนครบทุกคนแล้ว เขาได้ดูผลงานของทีมนี้มาบ้าง อาจไม่ได้ดีมากเท่ากับทีมบริษัทใหญ่ๆ แต่ก็ถือว่ามีฝีมือพอสมควร นั่งคุยกันไปได้สักพักประตูห้องก็เปิดเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับร่างของชายหนุ่มคนที่นิธานรอคอยก้าวเข้ามา ฝ่ายนั้นยิ้มแหยก้มหัวขอโทษที่ตนมาสาย

“คุณปราณันต์มาสักที ผมกำลังรออยู่เลย” นิธานเอ่ยแทรกความเงียบเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันตึงเครียดไปมากกว่านี้ เขารู้ว่าทุกคนในที่นี้กลัวเขาไม่พอใจที่ต้องมารอ แต่เขาตั้งใจไว้แล้วว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะให้คนที่ชื่อปราณันต์ทำงานให้เขาให้ได้

ณิชมองชายหนุ่มที่ส่งยิ้มให้เขา ฝ่ายนั้นดูใจดีและเป็นมิตรกว่าที่คิด ไม่ได้หน้าตาบึ้งตึงหรือโกรธเคืองที่เขามาสาย จากที่เสียวสันหลังวาบว่าจะโดนดุก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย

"สวัสดีครับ" ณิชยกมือไหว้ แขไขส่งสายตาดุมาให้เขาแวบหนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนี

"มาครับ เรามาเริ่มกันเลยไหม" นิธานกล่าวอย่างอารมณ์ดี เขารู้สึกดีใจที่คนที่รอคอยมาถึงสักที

"ครับ คุณนิธาน”

ณิชหยิบสมุดออกมาเตรียมจดสิ่งที่นิธานต้องการ เขาได้รับบรีฟงานคร่าวๆ มาว่าเป็นโรงแรมริมแม่น้ำสไตล์ไทยย้อนยุค เพื่อดึงดูนักท่องเที่ยวต่างชาติจึงต้องแสดงความเป็นไทยโบราณออกมาให้มากที่สุด และผลสรุปงานของเขาก็คือได้ตกแต่งส่วนของล็อบบี้ ห้องอาหาร และห้องฮันนีมูนที่เป็นห้องใหญ่ของโรงแรม

คุณนิธานลูกค้าวีไอพีของบริษัทไม่ได้เรื่องมากกับเขาเลย แต่นี่มันก็แค่ด่านแรกในการทำงาน ยังมีอีกหลายอย่างที่เขาจะต้องทำให้ผู้ชายคนนี้ แต่บุคลิกเป็นคนยิ้มเก่งและอัธยาศัยดี ทำให้การคุยงานระหว่างพวกเขาไม่เครียดเท่าไหร่นัก

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปที่ไซต์งานของคุณนะครับ” ณิชบอกหลังจากเขาได้คุยกับคุณนิธานมาพักใหญ่ ได้รู้รสนิยมและความต้องการของอีกฝ่ายมาพอสมควร งานนี้เรียกได้ว่าต้องโชว์ฝีมือสุดตัว เพราะเขากะทิ้งทวนผลงานนี้ไว้ก่อนจะลาออกจากที่นี่

“ได้ครับ คุณเข้าไปกี่โมงช่วยบอกเลขาฯ ผมด้วยนะครับ”

ณิชหันไปมองเลขาฯ ของนิธานที่นิ่งเงียบและเอาแต่จดอะไรยุกยิกในสมุด ฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายที่น่าจะอายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี เขาคุ้นหน้าเลขาฯ คุณนิธานแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน แต่ถ้าให้เดาก็คงเดินเคยเดินสวนกันที่ไหนสักแห่งละมั้ง

“ครับ” ณิชรับคำก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกจากห้องประชุมพร้อมกับคุณนิธาน โดยมีแขไขเดินไปส่งลูกค้าคนนี้ด้วยตัวเอง

"เป็นไงบ้างพี่ณิช" มิ้งเข้ามาถามทันทีเมื่อนิธานกลับไปแล้ว

“ก็ดี”

“แค่ก็ดีเหรอพี่ณิช หนูว่าเขาแซ่บอยู่นะ เป็นพ่อหม้ายที่ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย เป็นนักธุรกิจที่ไม่ค่อยออกสังคม เหมือนเป็นม้ามืดในวงการโรงแรมเลยพี่” ริสาเข้ามาร่วมวงเมื่อได้ยินคนในทีมกำลังพูดถึงลูกค้าคนที่เพิ่งออกไป

“ม้ามืด? ถ้าม้ามืดจริงแล้วไปรู้เรื่องเขาได้ไง” มิ้งหันไปถามริสา

“เอ้า! ก็ชอบเสือกไง แต่ก็หามาได้แค่นี้ ประวัติเขาไม่ค่อยมีเลยอะ” ริสาทำหน้าเสียดายที่เธอสืบประวัติของนิธานมากกว่านี้ไม่ได้ มิ้งส่ายหน้าให้กับความช่างหาข่าวของริสาก่อนจะหันมาหาณิชอีกครั้ง แต่ก็พบว่ารุ่นพี่คนสนิทหนีกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเองแล้ว

“พี่ณิช หนูยังไม่เห็นพี่มั่นเลยอะ พี่มั่นอยู่ไหนพี่รู้ไหม” มิ้งกระซิบถามใกล้ๆ เพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน ณิชเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ หาดวงวิญญาณที่ตามติดเขาตลอด แต่วันนี้กลับไม่เห็น

“ไม่รู้ว่ะ แกถามหาทำไมเหรอ”

“ตอนเที่ยงหนูว่าจะไปซื้อชานมไข่มุก จะเอามาให้พี่มั่นกินด้วย” มิ้งบอกตาเป็นประกาย ตอนนี้เธออยากให้ไอ้มั่นได้ลองอะไรใหม่ๆ ที่เขานิยมกินกันสมัยนี้ เป็นไปได้เธอจะจุดธูปให้ไอ้มั่นกินทุกอย่างในกรุงเทพฯ เลย

“เออ เดี๋ยวเรียกให้ แกไปทำงานไปพี่โอ๋มองตาขวางแล้ว” ณิชบอกจากนั้นคนทั้งคู่ก็แยกกันไปทำงาน

*

ไอ้มั่นมาปรากฏกายข้างณิชเพราะโดนเรียก มันหายไปหาไอ้หาญมาเพื่อจะไปดูอาการไอ้เกลอว่าเป็นอย่างไรเมื่อต้องห่างเจ้านายของมัน แวะหยอกล้อพอให้ไอ้หาญได้ฟึดฟัดใส่มันก็กลับมาหาณิชที่นี่ ณิชบอกว่าตอนเที่ยงมิ้งจะชวนไปกินชานมไข่มุก มันเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้างแต่ก็ไม่เคยเห็นหน้าตาของไอ้เครื่องดื่มที่ว่านี่ พอถึงตอนเที่ยงมันจึงออกไปกับมิ้งก่อนจะแวบกลับมาหาณิชที่ไม่ได้พักเที่ยงอย่างคนอื่นเขา เจ้าตัวให้เหตุผลว่าฝากแม่บ้านซื้อมาให้แล้ว

‘คุณปราณอย่าลืมกินข้าวนะขอรับ อย่าทำงานหนักเกินไปจนไม่ได้นอน อย่า-’

‘รู้แล้วมั่น ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ลืมแน่นอน’ ณิชตอบในใจ มุมปากยกยิ้มหน่อยๆ นึกขำกับคำเตือนที่แทบจะโผล่มาทุกชั่วโมง ไอ้มั่นเตือนเขาว่าอย่าลืมกินข้าวตั้งแต่ 11 โมง จนตอนนี้บ่ายแล้วก็ยังพูดไม่หยุด

‘บ่าวกลัวนะขอรับ ใช่ว่าจะมีแค่ไอ้หาญที่กลัว’

มันก็กลัวเจ้านายจะเป็นอะไรไปในชาตินี้เช่นกันถึงได้ตามติดไม่ยอมห่างแบบนี้ ข้างกายไอ้ทาสจึงมีแก้วชานมไข่มุกของมิ้งวางอยู่ มันรีบกลับมาอยู่กับณิชก่อน ส่วนมิ้งก็อยู่กินข้าวกับบอยและริสา

‘ไม่ต้องกลัว ชาตินี้ผมกลัวตายเพราะฉะนั้นไม่ตายง่ายๆ หรอก เดี๋ยวจะไปออกกำลังกายฟิตหุ่นด้วย จะได้แข็งแรงๆ ไง’

ไอ้มั่นยิ้มเอ็นดู ดูท่าชาตินี้ไอ้หาญจะสมหวังจริงๆ เพราะคุณปราณพยายามทุกทางเลย มันก็ได้แต่หวังและขอให้เบื้องบนเป็นใจบ้างเถิด ไม่ใช่ว่ามันไม่อยากอยู่กับคนทั้งสอง แต่เพราะมันไม่อยากให้ไอ้หาญกับคุณปราณต้องแยกจากกันอีกแล้ว

ตกเย็นณิชขับรถกลับมาถึงห้องก็ราวทุ่มกว่าแล้ว เขาเปลี่ยนชุดมาเป็นชุดกีฬา เตรียมพร้อมไปออกกำลังกายที่ยิมข้างๆ คอนโดฯ ที่เขาไม่เคยแม้แต่จะเหยียบย่างเข้าไป เมื่อมาถึงก็งกๆ เงิ่นๆ พอตัว พยายามทำตัวเนียนเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ผลเพราะเขาใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าไม่เป็น

“ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอคุณปราณันต์ถึงสองครั้ง” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลังทำเอาณิชสะดุ้ง เพราะเขากลัวว่าจะมีใครมาเห็นวินาทีน่าอายของตัวเอง

“สวัสดีครับคุณนิธาน มาออกกำลังกายที่นี่ด้วยเหรอครับ” ณิชยิ้มเมื่อเห็นผู้ว่าจ้างคนล่าสุดของตน ฝ่ายนั้นเดินเข้ามาหาเขาที่ยังคงยืนงมปุ่มบนลู่วิ่ง ก่อนหนุ่มใหญ่จะแนะนำให้เขาเริ่มจากเดินก่อน แล้วค่อยปรับระดับขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเจ้าตัวก็ขึ้นไปเดินบนลู่อีกตัวที่อยู่ใกล้กัน

นิธานในชุดออกกำลังกายดูแปลกตาไปกว่าชุดสูทที่ใส่เมื่อตอนกลางวัน มัดกล้ามก็พอมีให้เห็นว่าเป็นคนออกกำลังกายเป็นประจำ นิธานดูแข็งแรงกว่าที่ณิชคิดไว้เสียอีก ถึงว่าทำไมริสาเอ่ยชมว่าเป็นพ่อหม้ายที่แซ่บมาก เขายิ้มให้ฝ่ายนั้นเล็กน้อยก่อนจะหันมาสนใจเจ้าเครื่องตรงหน้าต่อ

“ผมเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้น่ะครับ เห็นว่ามียิมก็เลยมาใช้บริการสักหน่อย”

“อ้าว! เหรอครับ ผมก็อยู่แถวนี้เหมือนกัน คอนโดฯ ใกล้ๆ นี่เองครับ”

นิธานชวนณิชคุยอยู่เรื่อยๆ ฝ่ายหนุ่มใหญ่ดูจะเดาใจณิชได้เก่งอาจเพราะผ่านโลกมามาก เดาจากบุคลิกของณิชก็สรุปได้ว่าเจ้าตัวนั้นอารมณ์ศิลปินพอตัว อีกทั้งไม่ชอบสุงสิงกับใครเท่าไหร่นักหากไม่สนิทจริงๆ

ไอ้มั่นยืนมองคนทั้งสองสนทนากันราวกับรู้จักกันมาเนิ่นนาน ความชอบส่วนตัวของณิชก็ดูจะตรงกับความชอบของนิธานไปเสียหมด

เจ้านายมันใช้เวลาในการออกกำลังกายอยู่กับนิธานพักใหญ่ๆ จนกลายเป็นคนทั้งคู่แลกเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวกัน และฝ่ายนั้นก็บอกว่าพรุ่งนี้จะมารับณิชไปดูโรงแรมที่กำลังสร้างอยู่ด้วย

“ผมดีใจนะครับที่การรอคอยของผมคุ้มค่าเมื่อผมได้เจอคุณ” นิธานพูดขึ้นอีกครั้ง หลังจากพวกเขาอาบน้ำชำระเหงื่อไคลจากการออกกำลังกายเสร็จแล้ว ณิชยืนอยู่หน้ากระจกในห้องอาบน้ำหันมายิ้มให้

“ผมมากกว่าครับที่เป็นเกียรติมากๆ ที่คุณนิธานเชื่อมั่นในมือผมขนาดนี้ เอาจริงๆ ผมคิดว่างานนี้คงเป็นงานสุดท้ายที่ทำแล้วครับ เพราะผมจะลาออกแล้ว”

“ทำไมล่ะครับ”

“ผมมีอะไรที่สนใจให้ทำมากกว่าแล้วน่ะครับ” ณิชตอบกว้างๆ ไม่ได้เจาะจงว่าเพราะจีรัชญ์ทำให้เขาอยากเปลี่ยนงานและที่อยู่ การกลับไปอยู่วังเดิมของตัวเองที่จีรัชญ์เพียรพยายามเก็บรักษาไว้ให้ คงดีกว่าจะต้องมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ดิ้นรนหาเงินเสียค่าครองชีพที่แพงแสนแพง

นิธานไม่พูดอะไรต่อ แต่สีหน้าของเจ้าตัวเปลี่ยนไปเมื่อณิชไม่ทันมอง แต่มันไม่รอดพ้นสายตาไอ้มั่นไปได้ มันเห็นว่าฝ่ายนั้นหน้าเครียดขึ้นมาทันที

“ผมคิดว่าจะได้ร่วมงานกับคุณปราณันต์เรื่อยๆ เสียอีก เสียดายนะครับ”

“แต่คนอื่นๆ ในบริษัทก็ฝีมือดีไม่แพ้ผมนะครับ ถ้าคุณนิธานไม่ติดอะไรลองดูผลงานบริษัทผมได้ รับรองว่าไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

“แต่ผมเลือกคุณ เพราะสำหรับผมมันต้องเป็นคุณเท่านั้นถึงจะใช่ที่สุด”

ประโยคคำพูดที่ฟังยังไงก็เหมือนโดนจีบทำให้ณิชถึงกับไปไม่เป็น มือไม้ที่ไม่รู้จะวางตรงไหนจึงทำเป็นหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผม แต่ผ้าถูกกระเป๋าของนิธานทับอยู่จึงทำให้กระเป๋าหล่น ณิชรีบขอโทษก่อนจะก้มลงเก็บของให้ นิธานหัวเราะเบาๆ กับท่าทีไปไม่เป็นของณิช เขาจึงก้มลงไปหยิบของใส่กระเป๋าตัวเองซึ่งมันไม่มีอะไรมากมาย ก็แค่ชุดที่ใส่แล้วและโรลออนเท่านั้น

ณิชชะงักไปเมื่อเห็นว่ามือของอีกฝ่ายยื่นมาตรงหน้า จังหวะที่นิธานยื่นมือมาจับมือเขาที่หยิบขวดโรลออนอยู่ทำให้ณิชรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อต เขาสะดุ้งพร้อมกับปัดมืออีกฝ่ายออก แต่แล้วก็เห็นรอยที่แขนของนิธาน ชายหนุ่มตกใจเพราะคิดว่าเล็บของตนข่วนลูกค้าวีไอพีของบริษัทเสียแล้ว

“ขอโทษครับคุณนิธาน ขอโทษจริงๆ ครับ ผมรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตเลยตกใจ ผมข่วนแขนคุณเป็นรอยเลย ขอโทษนะครับ” ณิชกล่าวละล่ำละลักอย่างรู้สึกผิด นิธานนิ่งไปก่อนจะมองตามสายตาของณิชที่มองแขนเขาอยู่ ก่อนหนุ่มใหญ่จะหัวเราะเบาๆ

“ไม่เป็นไรครับคุณปราณันต์ รอยนี้ไม่ใช่รอยจากเล็บคุณหรอกครับ มันเป็นรอยติดตัวผมมานานแล้วน่ะ ไม่ต้องตกใจนะครับ” พูดจบมืออุ่นยกมาลูบหัวณิชเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ณิชยิ้มแหยพลางโล่งอกที่นิธานใจดีไม่ถือความตน ตอนแรกเขาไม่สังเกตเพราะมันไม่ใช่รอยใหญ่อะไร แต่ถ้ามองดีๆ มันเหมือนรอยแผลเป็นที่จางแล้ว

‘กลับกันเถิดขอรับคุณปราณ นี่ก็ดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีก ประเดี๋ยวจะพักผ่อนไม่พอนะขอรับ’ ไอ้มั่นบอกเจ้านายของมันด้วยความเป็นห่วง อีกใจก็อยากให้ณิชออกห่างจากคนชื่อนิธานนี้เสีย คนอะไรดูไม่น่าไว้ใจราวกับมีลับลมคมในจนไม่น่าผูกมิตรด้วย

ณิชที่โดนไอ้มั่นพูดเตือนอยู่ตลอดหันมองนาฬิกาฝาผนัง เห็นเวลาบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ทุ่มแล้ว และเขาก็ควรกลับไปพักผ่อนเสียทีจึงเก็บข้าวของให้เรียบร้อย เตรียมตัวจะกลับแต่นิธานกลับรั้งไว้เสียก่อน

“คุณปราณันต์มายังไงครับ” หนุ่มใหญ่เอ่ยถาม

“เดินมาครับ คอนโดฯ ผมอยู่ห่างจากตรงนี้ไปไม่กี่ซอยเอง”

“ถ้าอย่างนั้นให้ผมเดินไปเป็นเพื่อนนะครับ” พูดจบนิธานก็โทรบอกให้เลขาฯ ของตนขับรถไปรอที่คอนโดฯ ของณิชเลย

“คุณนิธานรู้จักคอนโดฯ ผมด้วยเหรอครับ”

“รู้จักสิครับ ผมเคยพูดกับคุณแขไขว่าพักอยู่แถวนี้คุณแขไขเลยบอกว่าคุณพักอยู่ที่คอนโดฯ xx น่ะครับ”

แอบขนลุกเบาๆ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายรู้เกี่ยวกับตัวเขามากขนาดนี้ ความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมีอาจทำให้ดูใจดีและเป็นมิตร แต่มีอีกความรู้สึกว่าเขาไม่ควรเชื่อใจผู้ชายคนนี้มากนัก ต่อให้นิธานบอกว่าขอตัวสมัครเป็นแฟนคลับเขา เขาก็ยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายต้องการเข้าหาเขามากกว่านี้ ซึ่งมันแปลกไปจากผู้ว่าจ้างคนอื่น หากนับรวมจีรัชญ์น่ะนะ

ไอ้มั่นที่เดินตามเจ้านายต้อยๆ หน้าตาไม่สบอารมณ์นัก เพราะมันไม่ชอบให้คนชื่อนิธานเข้าใกล้คุณปราณเลยจริงๆ ยิ่งอีกฝ่ายพูดหยอดเหมือนหลอกจีบมันก็ยิ่งไม่พอใจ

‘บ่าวคิดว่าคุณนิธานจะจีบคุณปราณนะขอรับ’

‘ไม่หรอก ผมไม่ได้หน้าตาดีขนาดที่ใครๆ เห็นก็ต้องชอบนะมั่น’


‘แต่บ่าวไม่เชื่อใจมันนะขอรับ นี่ขนาดขอเดินไปส่งถึงที่พักเลยนะขอรับ ถ้าไอ้หาญรู้เรื่องนี้คงร้อนใจเป็นแน่’

‘ก็อย่าให้รู้สิ ผมเอาตัวรอดได้ บอกแล้วไงว่าจะดูแลตัวเองอย่างดี มั่นเดินตามมาเงียบๆ เถอะ’


ณิชยอมให้นิธานเดินไปพร้อมกัน เพราะอย่างไรเสียตลอดข้างทางก็มีร้านอาหารเปิดเรียงรายอยู่ หากนิธานอยากจ้างไอ้โม่งมาอุ้มเขาอย่างน้อยๆ ก็มีคนเห็น แต่เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ณิชก็ลอบขำกับตัวเอง เขากล้าคิดแบบนี้ได้ยังไง ทำราวกับว่าตัวเองคือหญิงสาวที่อาจโดนผู้ชายฉุดได้ทุกเมื่อ

นิธานเดินมากับณิชจนถึงคอนโดฯ ที่ว่า รถยนต์คันหรูที่ดูแปลกตาในที่แห่งนี้จอดอยู่หน้าคอนโดฯ พร้อมกับเลขาฯ ของนิธานยืนรอรับเจ้านาย ไอ้มั่นที่เดินตามณิชมาชะงักไปเมื่อเห็นเลขาฯ ของนิธาน เมื่อตอนกลางวันมันไม่อยู่เพราะหายไปหาไอ้หาญมา มาเจอเต็มๆ ก็ตอนนี้ว่านิธานมีเลขาฯ ด้วย และใบหน้าฝ่ายนั้นคล้ายคลึงไอ้คมคนที่ไล่ตามมันตอนที่กำลังหนี คล้ายมากจนคิดว่านี่คงเป็นไอ้คมที่กลับชาติมาเกิด แล้วยิ่งรอยที่แขนของนิธานยิ่งทำให้มันคิดได้ว่านิธานอาจจะเป็นท่านออกญาฯ ก็เป็นได้

‘อึก! โอ๊ย!!’

ไอ้มั่นร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกถึงแรงบาดที่ลำคอ มันกุมคอไว้ด้วยความเจ็บปวด ตั้งแต่เป็นวิญญาณมามันไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย นี่คือความเจ็บปวดครั้งแรกที่รับรู้ได้ และเจ็บราวกับคอจะขาดออกจากกัน

ณิชหันมองทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องของไอ้มั่น ท่าทางทุรนทุรายของทาสชายทำชายหนุ่มใจเสีย

‘มั่น! เกิดอะไรขึ้น! เป็นอะไร’

‘คอบ่าวเจ็บมากขอรับ มันเจ็บเหมือนจะขาดเลยขอรับ’
ไอ้มั่นร้องบอกเสียงสั่น

“มีอะไรเหรอครับคุณปราณันต์”

“พอดีผมปวดท้องเลยจะรีบไปเข้าห้องน้ำครับ ขอบคุณที่เดินมาส่งนะครับ” ณิชรีบเดินขึ้นห้องโดนใจก็ร้องเรียกมั่นให้ตามมา แต่ไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ก็หายวับไปกับตา

*

ฟึบ! ตึง!

แรงลมพัดเข้ามาพร้อมกับบานหน้าต่างกระแทกกับวงกบหน้าต่างเสียงดัง จีรัชญ์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องทำงานสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามาเห็นเพื่อนรักกำลังดิ้นหอบอยู่บนพื้นห้อง

“ไอ้มั่น! มึงเป็นอะไร!” จีรัชญ์ทิ้งหนังสือในมือเพื่อมาดูเพื่อนรักทันที ใจเขากระตุกวูบเพราะไม่เคยเห็นไอ้มั่นเป็นแบบนี้มาก่อน

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
(ต่อ)



“มึ...มึงต้องรีบไป”

“ไปไหน”

“คุณปราณ...”

“ณิชเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นวะ!” ยังไม่ทันที่ไอ้มั่นจะได้ตอบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น จีรัชญ์คว้ามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะมารับสายเมื่อเห็นว่าณิชโทรมา

“คุณณิช คุณเป็นอะไรรึเปล่า” เขารีบถามทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรน

[ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ แต่คุณจีรัชญ์ มั่นอยู่กับคุณรึเปล่า ผม...อึก...ผมเห็นเขาเจ็บ ดูท่าจะเจ็บมาก แต่มั่นไม่ได้อยู่กับผม เขาหายไป] เสียงณิชสั่นเครือจนเขาอยากหายตัวไปหาอีกฝ่ายเสียเดี๋ยวนั้น

“ไอ้มั่นอยู่กับผม แต่ตอนนี้ดูไม่เป็นอะไรมากแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ”

[ผมไม่รู้ ฮึก...อยู่ๆ มั่นก็ร้อง ผมถามแล้วเขาบอกว่าเจ็บที่คอเหมือนจะขาด ฮือ...ผมกลัว มั่นจะเป็นอะไรไหม มันหมายความว่ายังไง เขาเคยเป็นแบบนี้ไหม]

ทั้งเสียงสะอื้นและเสียงร้องไห้ของคนที่กำลังกลัวปะปนกันไปในประโยค ณิชเดินวนอยู่ในห้องเพราะเขาร้อนใจ พยายามบอกตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ แต่ยิ่งคิดภาพที่มั่นกุมคอตัวเองอย่างทรมานมันยิ่งทำให้เขากลัว

“คุณณิชใจเย็นๆ ถือสายรอแป๊บนึงนะครับ ผมขอถามไอ้มั่นก่อน” จีรัชญ์ปลอบอีกฝ่ายก่อนจะหันมาหาไอ้เกลอรักที่ยังคงนอนหมดสภาพอยู่บนพื้นห้อง เพียงแต่ไม่ดิ้นอย่างก่อนหน้านี้แล้ว

“มึงบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น เอาให้กูรู้เรื่องด้วย” จีรัชญ์พูดเสียงเครียด เพราะตั้งแต่โดนคำสาปมา คนที่จะเป็นจะตายคือเขาไม่ใช่ไอ้มั่น ไม่ใช่วิญญาณเร่ร่อนตนนี้ แสดงว่าครั้งนี้มันต้องเกี่ยวโยงกับคำสาปหรือโชคชะตาของเขาพวกสามคนแน่ๆ

“คนที่มาจ้างคุณปราณทำงานให้ชื่อนิธาน มีรอยแผลเป็นที่แขน มีเลขาฯ หน้าคล้ายไอ้คม กูคิดว่าที่อาการกูเป็นแบบนี้เพราะสองคนนี้ปรากฏตัวแน่ๆ”

จีรัชญ์ตัวชาวาบเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากไอ้มั่นจบ ตอนแรกเขาคิดว่าจะรอณิชอยู่ที่นี่ เพราะไม่อยากต้องเผชิญหน้ากับแขไขในเวลานี้ กลัวว่าแขไขจะพาลโกรธณิชจนทำให้เสียการเสียงาน แต่หากเคราะห์กรรมที่มีมาจะสิ้นสุดในชาตินี้ เขาก็ต้องพิสูจน์ว่าสิ่งที่ไอ้มั่นเจอนั้นคือเรื่องจริง ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าถ้าได้เจอท่านออกญาฯ จะเป็นอย่างไรก็ตาม

“คุณณิช...พรุ่งนี้ผมจะไปหาคุณ” จีรัชญ์บอกปลายสายเสียงเรียบ

*

ณิชนอนไม่หลับทั้งคืน เขาเผลองีบไปช่วงเช้าตรู่ก่อนจะตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเมื่อใกล้ได้เวลานัดกับคุณนิธาน เมื่อเวลานัดมาถึงเขาก็ลงมาข้างล่างและเห็นรถของนิธานจอดรออยู่แล้ว

“เดี๋ยวผมขับรถตามไปดีกว่าครับคุณนิธาน ครั้งต่อไปผมจะได้ไปถูก” ณิชบอกคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง นิธานยิ้มให้ก่อนจะพยักหน้ายอมแต่โดยดี เขาไม่อยากให้ณิชต้องรู้สึกอึดอัดกับตัวเขาจึงยอมเว้นระยะห่างสักหน่อย

ณิชแวะซื้อกาแฟหนึ่งแก้วก่อนจะรีบขับตามรถของนิธานไป จนมาถึงไซต์งานก่อสร้างที่เสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว วิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นดั่งทำเลทองของนักลงทุนถูกนิธานครอบครองไปไม่น้อย ณิชถูกแนะนำให้รู้จักกับสถาปนิกที่คุมโครงสร้างทั้งหมดของโรงแรม ซึ่งเขาเกร็งอยู่บ้างเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองคือเด็กเส้นใหญ่อย่างไรไม่รู้ อยู่ๆ ก็มาปาดหน้าเอาผลงานด้านการตกแต่งภายในไปเป็นของตัวเอง ทั้งที่สถาปนิกที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้ก็สามารถทำได้

แต่ในเมื่อลูกค้าเป็นคนเลือก เขาก็ต้องทำตามอย่างขัดไม่ได้ พวกเขาเป็นเพียงมดงาน ส่วนคนที่ต่อสู้กันก็คือพวกหัวหน้านี่แหละ

“อันนี้คือที่ผมออกแบบให้คร่าวๆ ทั้งส่วนที่เป็นล็อบบี้ ห้องอาหารและห้องฮันนีมูน”

ณิชเปิดไอแพดให้นิธานดู ที่เขาออกแบบไว้มีประมาณ 3-4 แบบ เพื่อให้นิธานได้เลือก เขาได้รับข้อมูลมาก่อนหน้านี้เกือบอาทิตย์ รูปถ่ายที่เลขาฯ ของนิธานส่งมาให้เขาไม่ค่อยชัดนัก บางรูปบางมุมก็ดูไม่เข้าที่เข้าทางจึงต้องมาสถานที่จริง และต้องคุยกับสถาปนิกที่รับผิดชอบเพื่อที่งานจะได้ไปในทิศทางเดียวกัน

ณิชใช้เวลาอยู่ที่นี่อีกพักใหญ่ แต่นิธานสังเกตว่าณิชมองนาฬิกาข้อมืออยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนอีกฝ่ายมีงานต่อเขาจึงเอ่ยถามออกไป

“คุณปราณันต์มีธุระต่อเหรอครับ”

“อ่า... ใช่ครับ” ณิชตอบในทันที เขานัดกับจีรัชญ์ไว้ว่าเมื่อเสร็จงานจะไปรับอีกฝ่ายที่สนามบิน แต่ไม่คิดว่างานจะยืดเยื้อมาถึงเวลานี้

“ถ้างั้นก็ไปเถอะครับ ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว” นิธานเอ่ยอนุญาต ณิชจึงยกมือไหว้ขอบคุณและกล่าวลาทันที

ณิชรีบขับรถมายังสนามบิน เขาได้รับสายจากจีรัชญ์ว่าฝ่ายนั้นมาถึงแล้ว และกำลังยืนรอเขาอยู่หน้าประตูทางออก ณิชขับรถเข้าไปจอดเทียบก่อนจะเปิดไฟฉุกเฉินไว้ เขาลงจากรถเพื่อโบกมือให้จีรัชญ์ ฝ่ายนั้นเมื่อเห็นเขาก็เดินตรงมาหาพร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง

ณิชยิ้มกว้าง ใจเขาอยากกอดจีรัชญ์ให้หายคิดถึงแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ เมื่อเก็บกระเป๋าที่หลังรถเสร็จแล้วเขาก็ขับรถกลับคอนโดฯ ตัวเองทันที

“ผมจัดห้องไว้สะอาดเอี่ยมเลย รับรองว่าคุณจะต้องอยากอยู่ต่อจนไม่อยากกลับบ้านเลยล่ะ” ณิชพูดขณะเปิดประตูเข้าห้อง จีรัชญ์ได้แต่ยิ้มขำ เมื่อเข้าห้องมาเขาได้กลิ่นสเปรย์ปรับอาการอ่อนๆ ลอยอยู่ในห้อง ผสมปนกับกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่คาดว่าน่าจะมาจากผ้านวมและปลอกหมอน

“เมื่อคืนคุณได้นอนบ้างรึเปล่า” ในที่สุดคนไกลก็ได้เอ่ยถามเสียที หลังจากปล่อยให้ณิชพูดคนเดียวอยู่นาน ณิชที่ดีใจเมื่อได้เจอจีรัชญ์ก็แทบลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท เมื่อคืนเขานอนไม่หลับถึงขนาดกับลุกขึ้นมาปัดกวาดเช็ดถูห้องซะสะอาด ทั้งๆ ที่ร้อยวันพันปีทำได้มากสุดก็แค่กวาดพื้น

“ไม่เลยครับ มั่นเป็นยังไงบ้าง วันนี้ผมยังไม่เห็นเลย”

“บ่าวไม่เป็นกระไรแล้วขอรับคุณปราณ” ไอ้มั่นปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับลมวูบหนึ่ง ณิชหันไปมองไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ที่ยืนอยู่มุมห้อง เขาเดินเข้าไปหาใช้สายตาสำรวจว่าดวงวิญญาณตนนี้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมหรือไม่

“ผมตกใจแทบแย่ ทำไมคุณไม่ตามผมมาที่ห้อง”

“บ่าวต้องรีบกลับไปหาไอ้หาญขอรับ พอดี-”

“ไอ้มั่นมันตกใจน่ะครับ ตั้งแต่ผมมีชีวิตมามันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยต้องไปบอกผมก่อนน่ะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว” จีรัชญ์พูดแทรกขึ้นก่อนที่ไอ้มั่นจะบอกทุกอย่างกับนายของมัน เขาไม่อยากให้ณิชตกใจกับเรื่องที่พวกเขาสองคนคาดเดา ยังไงเขาก็ต้องเจอหน้าคนชื่อนิธานก่อน ในตอนนั้นเขาถึงจะตัดสินใจอะไรๆ ได้มากกว่านี้

“แล้วมันตีความได้ว่ายังไงครับ เรากำลังจะหลุดพ้นจากคำสาปเหรอครับ” ณิชถามด้วยความตื่นเต้น เพราะหากเป็นเช่นนั้นไอ้หาญก็ไม่ต้องรอคุณปราณอีกต่อไป พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเสียที

“มันแค่อาการเวลาผมกับคุณต้องห่างกันทั้งที่ยังคิดถึงกันน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก” คำโกหกคำโตของจีรัชญ์หลอกณิชได้เสียสนิท ทั้งที่ชาติก่อนของคุณปราณ ไอ้มั่นไม่เคยเป็นแบบนี้เลย

“งั้นก็ดีแล้ว” ณิชยิ้มกว้างอย่างโล่งใจที่มั่นไม่เป็นอะไรอย่างที่คิด

เจ้าถิ่นอย่างณิชปล่อยให้จีรัชญ์เก็บของ จากนั้นก็พาอีกฝ่ายไปหาอาหารร้านอร่อยๆ กินกัน นี่คือครั้งแรกที่เขากับจีรัชญ์ได้เดตกันอย่างจริงๆ จังๆ ความนิ่งขรึมของจีรัชญ์ยังเหมือนเดิม เพียงแต่สายตาของเจ้าตัวแทบไม่ละไปจากณิชเลย

จีรัชญ์ยอมรับว่าการมากรุงเทพฯ ในครั้งนี้มันอาจเป็นจุดเปลี่ยนของเขากับณิชตลอดกาล เขานึกหาเหตุผลที่ไอ้มั่นมีอาการแบบนั้นได้แค่สองอย่างคือท่านออกญาฯ กลับชาติมาเกิด ทำให้พวกเขาที่ทำกรรมร่วมกันมาต้องมาเผชิญหน้ากันแบบนี้ กับสองก็คือคำสาปกำลังจะเปลี่ยนไป

“ทำไมคุณดูเครียดๆ มีอะไรรึเปล่าครับ” ณิชถามขณะที่นอนบนตักจีรัชญ์เพื่อดูรายการแข่งทำอาหารย้อนหลัง

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 5 ทุ่มแล้ว หลังจากกลับมาจากกินมื้อเย็นรวมไปถึงทำกิจกรรมอย่างว่ากันไปหนึ่งรอบ และอาบน้ำชำระร่างกายกันเสร็จ เขาสองคนก็มานอนดูทีวีด้วยกันบนเตียง โดยณิชใช้ตักจีรัชญ์แทนหมอนหนุนนอน ส่วนจีรัชญ์เอนหลังพิงกับหัวเตียง

“หรือคุณเหนื่อย คุณจะนอนเลยก็ได้นะ ผมขอดูรายการนี้จบก็จะนอนแล้วเหมือนกัน” ณิชขยับตัวลุกขึ้นเพราะคิดว่าจีรัชญ์อยากนอน แต่ชายหนุ่มกลับฉุดแขนคนรักไว้ให้นอนลงบนตักตนอีกครั้ง

“ผมไม่เหนื่อยครับ ดูทีวีต่อเถอะ” จีรัชญ์บอกเสียงนุ่ม เขาจับมือณิชมาจูบเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้ ณิชหันกลับมาสนใจรายการตรงหน้าต่อ ก่อนจะผล็อยหลับไปในเวลาต่อมาเพราะวันนี้ตนแทบไม่ได้พักเลย

‘คุณปราณหลับแล้ว เห้อ...แล้วนี่มึงจะทำเยี่ยงไร จะบอกคุณเขาเรื่องท่านออกญาฯ หรือไม่’

‘กูต้องมั่นใจก่อนว่านั่นคือคนนั้น พรุ่งนี้กูว่าจะตามณิชไปทำงานที่โรงแรมของคนชื่อนิธานด้วย’


‘มันจะไม่แปลกๆ ไปหรือวะ มึงจะใช้เหตุผลกระไรไปเฝ้าคุณปราณ’

‘แค่อยากไปเฝ้าแฟน ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรอก’


ไอ้มั่นถึงกับเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ หนึ่งคนกับหนึ่งวิญญาณที่ทำเพียงแค่สื่อสารกันภายในใจมองคนที่หลับไปแล้ว จีรัชญ์ขยับตัวณิชให้นอนดีๆ ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนเช่นกัน แต่เพราะความเครียดที่มีทำให้ข่มตาหลับไม่ลง เขาจึงนอนมองคนรักที่ตนเฝ้ารอคอยมารวมร้อยปีหลับอยู่กับฝันอันแสนหวาน

*

“คุณจะไปดูผมทำงานจริงๆ เหรอ” ณิชถามย้ำในตอนเช้ารอบที่สาม เพราะเขาไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าจีรัชญ์จะขอตามไปด้วย สายตาของหนุ่มเมืองกรุงมองอีกฝ่ายอย่างมีเลศนัย รอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนหน้าหวานทำให้จีรัชญ์ต้องยิ้มออกมา

“ครับ”

“คุณรักผมมากเลยนะเนี่ย” ใจคนพูดฟูไปหมดเมื่อคิดว่าจีรัชญ์ตามตนไปเพราะไม่อยากให้ห่างสายตา “ชวนมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกก็ไม่เชื่อ เป็นไงล่ะ ท้ายสุดคุณก็ตามผมขึ้นมาอยู่ดี จะทำเก๊กไปทำไมก็ไม่รู้”

“รักสิครับ รักมานานมากแล้วด้วย” จีรัชญ์ตอบคนที่กำลังนั่งใส่ถุงเท้าอยู่ที่ปลายเตียง เขาเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะก้มลงหอมกระหม่อมอีกฝ่าย ณิชเงยหน้าขึ้นมองพร้อมใบหูที่แดงจัดเพราะเขินที่จีรัชญ์พูดออกมาตรงๆ

ไอ้หาญก็คือไอ้หาญ ซื่อสัตย์กับใจตัวเองเสมอ และเขาก็คือคนที่ไอ้หาญหลงรักมาตลอดชีวิตที่มีอยู่ของมัน

วันนี้ณิชไม่ได้เข้าออฟฟิศแต่ตรงไปหาคุณนิธานที่บริษัทฝ่ายนั้นแทน เนื่องจากแบบที่เขาออกแบบไว้มีจุดที่ต้องปรับแก้ตามความต้องการของนิธาน เขาจึงต้องไปหาเจ้าตัวเพื่อจะได้คุยงานได้สะดวก ตอนเช้าก็โทรนัดกับเลขาฯ ไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมาถึงเขาจึงได้เข้าพบทันที

จีรัชญ์มองไปรอบๆ บริษัทของนิธานอย่างเก็บรายละเอียด เขาไม่รู้ว่าชาตินี้ท่านออกญาฯ จะเป็นคนแบบไหน แต่เท่าที่ฟังจากไอ้มั่นพูดแล้ว ดูเป็นคนมากเล่ห์และเข้าหาณิชมากทีเดียว

“สวัสดีครับคุณปราณันต์” เสียงเอ่ยทักดังขึ้นข้างหลัง ณิชกับจีรัชญ์หันไปมองก็เห็นเลขาฯ ของนิธานยืนรอเขาอยู่

“สวัสดีครับคุณคม” ณิชกล่าวทักอย่างอารมณ์ดี แต่จีรัชญ์ที่เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ พร้อมชื่อที่เหมือนกับชาติก่อนของไอ้คมทำเขาอึ้งไป หน้าตาอาจไม่เหมือนกันทั้งหมดแต่ก็มีส่วนคล้ายอยู่บ้าง

“เชิญคุณปราณันต์ครับ คุณนิธานรออยู่ที่ห้องทำงานแล้ว” คมบอกเสียงเรียบ สายตาเหลือบมองเลยณิชไปทางคนข้างหลังที่ยืนอยู่ สายตาที่สบมองกันของคนสองคนราวกับมีประจุไฟฟ้าแล่นผ่าน แต่มันก็เกิดขึ้นเพียงไม่นานเพราะคมเดินนำณิชไปที่ลิฟต์แล้ว

“ผมแจ้งคุณคมไว้แล้วว่าผมมีผู้ติดตามมาด้วย คุณไม่ต้องเกร็งนะ ทำตัวสบายๆ” ณิชกระซิบบอกจีรัชญ์เบาๆ เพราะจีรัชญ์อาจไม่ชินกับการทำงานแบบนี้ แต่เขาที่ไปพบเจอกับลูกค้ามานักต่อนักชินเสียแล้ว

เมื่อมาถึงชั้นห้องทำงานของนิธาน ณิชก็รู้สึกได้ว่าเป็นชั้นที่สงบเงียบจริงๆ เขาไม่เห็นใครในชั้นนี้เลยนอกจากพวกเขาที่เดินกันอยู่ แสดงว่าพนักงานส่วนใหญ่จะอยู่ชั้นอื่น ชั้นนี้จึงมีแค่ห้องทำงานของเจ้าของบริษัทเพียงคนเดียวเท่านั้น

“เชิญครับ” คมเปิดประตูให้ณิช แต่เมื่อจีรัชญ์จะเดินเข้าไปคมกลับขวางไว้

“คุณกรุณารอข้างนอก”

จีรัชญ์ยอมแต่โดยดีเพราะเขาไม่อยากให้มันกระทบงานของณิช เขาปล่อยให้ณิชเข้าไปในห้องทำงานของนิธานคนเดียว ส่วนตัวเขาเดินไปนั่งที่โซฟารับแขก โดยมีสายตาของคมคอยมองเขาเป็นระยะๆ

ในชาติก่อนที่คมยังมีชีวิต เขาไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นตายอย่างไร หรือมีชีวิตยังไงหลังจากที่ทิ้งท่านออกญาฯ ให้อยู่กับลุงขำ เขาจำได้แค่ว่ามันเป็นคนจับตัวไอ้มั่นได้ และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่ไอ้มั่นได้มีชีวิต

“คุณมีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่าครับ” จีรัชญ์ถามเพราะเห็นว่าคมมองเขาอยู่นานแล้ว ต่อให้เขาหลบสายตาทำเป็นหยิบนิตยสารมาอ่าน พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคมมองอยู่

“คุณกับคุณปราณันต์เป็นอะไรกัน เพราะเท่าที่ผมรู้มาคุณไม่ใช่เพื่อนร่วมงานของคุณปราณันต์” คมเอ่ยถามเสียงเรียบไม่คิดหลบสายตาของอีกฝ่าย

“ผมจำเป็นต้องตอบด้วยเหรอครับ” จีรัชญ์ไม่ได้ตั้งใจยียวน แต่เขาไม่เห็นความสำคัญในการต้องตอบคำถามนี้จึงถามกลับ

“อาจจะไม่... ถ้าคุณไม่ได้มาที่นี่ แต่ตอนนี้คุณอยู่ในพื้นที่บริษัทของผม การที่คนนอกเข้ามาในบริษัท ผมก็ควรรู้ว่าคุณเป็นอะไรกับคุณปราณันต์ เพราะฉะนั้นตอบคำถามด้วยครับ” คมตอบกลับเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย

“ขนาดไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรกับคุณณิช แต่ตอนนี้คุณก็ยอมให้ผมเข้ามาถึงหน้าห้องเจ้านายของคุณ” จีรัชญ์สวนกลับด้วยน้ำเสียงปกติ แต่บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองกลับเยือกเย็นราวแช่น้ำแข็ง

“ผมกับคุณณิชกำลังคบหากัน” ในที่สุดจีรัชญ์ก็ตอบออกไปตามจริง ซึ่งนั่นทำให้คมเงียบไปทันที เขาจ้องหน้าจีรัชญ์ราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่ฝ่ายคมจะลุกเดินมาหาจีรัชญ์ที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม

“เลิกกับคุณปราณันต์ซะ”

ตามปกติแล้วหากคนที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกแล้วมาพูดใส่หน้ากันแบบนี้ คนอื่นคงมองว่ามันไร้มารยาท แต่สำหรับจีรัชญ์แล้วเขาคิดว่ามันมีความหมายอื่นแอบแฝงอยู่

“ทำไม” จีรัชญ์ลุกขึ้นยืน

“ไอ้หาญ... มึงไม่มีทางรอดจากคำสาปที่จองจำมึงไว้หรอก ชาตินี้ยังไม่ใช่เวลาของมึงกับคุณปราณ” เสียงกระซิบดังขึ้นข้างหู คมเข้าถึงตัวเขาได้เพราะจีรัชญ์ไม่คิดถอยหนี จีรัชญ์มองคนที่กล่าวเตือนเขา และเท่าที่เดาได้ก็คิดว่าคมน่าจะรู้เรื่องราวชาติก่อนของตัวเองหมดแล้ว

“ในเมื่อกูต้องทรมานเพราะคำสาปของนายมึง งั้นก็ฝากไปบอกนายมึงด้วยว่ากูก็จะทรมานมันด้วยการให้มันเห็นความรักที่กูมีให้กับคุณปราณ กูไม่สนว่าชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายหรือเป็นอีกชาติที่กูต้องอยู่รอคอยคุณปราณ แต่ถ้ากูต้องเจอคนอย่างออกญาศรีรัตนกรอีก ครั้งนี้กูจะไม่ยอมให้มันได้เหยียบใจกูเป็นครั้งที่สองแน่”

จีรัชญ์พูดเสียงเย็น แผลที่หลังเจ็บแสบจนต้องกัดฟันทน แต่เขายอมทนเพราะความเจ็บนี้มันทำให้เขามีแรงฮึดสู้

“งั้นก็ขอให้มึงโชคดี อ้อ...หวังว่าไอ้มั่นเกลอของมึงมันจะช่วยมึงได้บ้างนะ” คมพูดแค่นั้นก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และนั่นคือคำตอบที่บ่งบอกให้รู้ว่าท่านออกญาฯ ได้กลับมาแล้วจริงๆ









โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไงดีล่ะ......

จะช่วยคุณปราณ กับหาญได้

เกลียด ออกญา ไอ้คม เกลียดมาก

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๓๑

“สวัสดีครับคุณนิธาน” เมื่อเข้ามาในห้องทำงานของนิธาน ณิชก็ยกมือไหว้ทักทายเจ้าของห้องทำงานทันที ฝ่ายนั้นนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว ตรงหน้ามีชุดแก้วเบญจรงค์ที่ดูสวยงามสะดุดตา ของเหลวในนั้นเป็นกาแฟร้อนพร้อมสำหรับสองทีราวกับเตรียมไว้รอเขา

“ผมเตรียมกาแฟไว้ให้คุณปราณันต์แล้วครับ เผื่อว่าการคุยงานของเราจะชวนง่วงเกินไป” นิธานเอ่ยอย่างเป็นกันเองจนณิชหัวเราะออกมา

“ไม่หลับหรอกครับ แต่ชุดแก้วสวยมากจริงๆ ผมไม่คิดว่าคุณนิธานจะชอบอะไรที่เป็นไทยๆ ขนาดนี้”

“มันแสดงความเป็นตัวผมดีน่ะครับ ความเป็นไทยที่อยากอนุรักษ์ไว้” นิธานตอบพร้อมรอยยิ้ม ณิชไม่ได้พูดอะไรต่อ เขานั่งลงตรงข้ามนิธานก่อนจะเปิดแลปท็อปเพื่อเข้าเรื่องงานทันที เขาไม่อยากให้จีรัชญ์ต้องรออยู่ข้างนอกนาน ถ้าเสร็จจากตรงนี้เร็วก็จะได้ไปหามื้อเที่ยงกินกัน และถ้ามีเวลาว่างเขาก็อยากพาจีรัชญ์ไปเที่ยวสักหน่อย

นิธานมองคนที่กำลังตั้งใจทำงานเพื่อให้ออกมาตรงใจเขาที่สุด ณิชมีความสุขกับการทำงานและตั้งใจกับผลงานที่ออกมามาก มีการออกความเห็นและคำแนะนำในหลายๆ ส่วนจนเขาอดชื่นชมในความเป็นมืออาชีพของคนคนนี้ไม่ได้

“ไม่ทราบคุณนิธานอยากจะแก้ตรงไหนอีกบ้างไหมครับ โทนสี หรืออยากเน้นจุดไหนเป็นพิเศษอีกไหมครับ”

“ไม่แล้วครับ” หนุ่มใหญ่ตอบ สายตาทอดมองณิชด้วยความเอ็นดูจนณิชรู้สึกเกร็ง เขาจึงหยิบแก้วกาแฟที่เย็นชืดขึ้นมาจะดื่ม แต่นิธานรั้งข้อมือไว้

“เดี๋ยวครับ มันเย็นหมดแล้วเดี๋ยวผมชงให้ใหม่”

“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ จริงๆ ถ้าคุณนิธานไม่แก้อะไรแล้วผมก็จะกลับแล้วครับ พอดีผมพาเพื่อนมาด้วย เขานั่งรออยู่ด้านนอกน่ะครับ”

“เหรอครับ โอเคๆ งั้นเดี๋ยวผมไปส่งครับ” นิธานลุกขึ้นยืนพร้อมกับณิชเก็บของใส่กระเป๋า ให้เรียบร้อย จากนั้นนิธานก็เดินนำไปที่ประตู

ทันทีที่ประตูเปิดออกมาและณิชก้าวเท้าออกมาจากห้อง จีรัชญ์ที่ยืนรออีกฝ่ายอยู่แล้วยิ้มให้ชายหนุ่มทันที ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะค่อยๆ จางลง จีรัชญ์ขบฟันจนขึ้นเป็นสันกรามนูนเด่น ความเจ็บปวดที่แทรกซึมทุกอณูของรอยแผลเป็นจนเขาแทบทรงตัวยืนต่อไม่ได้ มันทั้งเจ็บและแสบราวกับโดนหวายเฆี่ยนใหม่ๆ

แน่นอนแล้วว่าคนชื่อนิธาน คือท่านออกญาฯ กลับชาติมาเกิด และดูท่าคำสาปที่อีกฝ่ายทำกับเขาไว้ก็ยังไม่จางหาย เพราะความเจ็บปวดที่รู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นในตอนนั้น กลับมาเล่นงานเขาในตอนนี้ ความโกรธแค้นคงติดตัวอีกฝ่ายมาเพื่อเอาคืนเขาให้ได้

“คุณจีรัชญ์ นี่คุณนิธานครับ คุณนิธาน นี่คุณจีรัชญ์เป็น-”

“เป็นคนรักของคุณณิชน่ะครับ” จีรัชญ์พูดแทรกต่อให้จบประโยค ณิชอึ้งไปไม่น้อยกับการออกตัวของจีรัชญ์ที่อยู่ๆ ก็พูดออกมาชัดเจนเรื่องสถานะของพวกเขา แถมยังพูดให้คนนอกที่เพิ่งรู้จักกันรู้ด้วย สงสัยไอ้มั่นคงไปฟ้องว่านิธานมีท่าทางจะจีบเขาแน่ๆ เลยทำแบบนี้

นิธานยิ้มกว้างมองคนที่ตนเพิ่งเคยเจอครั้งแรกตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะยื่นมือเข้าไปหาเพื่อจับทักทายตามแบบสากล

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณจีรัชญ์”

จีรัชญ์ยื่นมือไปจับอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว แม้ความเจ็บปวดที่ทบทวีคูณนี้จะเฉือนหลังเขาจนคิดว่าเลือดไหลซิบๆ ก็ตาม

แรงบีบที่มือของคนทั้งสองไม่มีใครยอมใคร จีรัชญ์มั่นใจว่านอกจากไอ้คมจะจำเรื่องราวในอดีตได้ เจ้านายของมันก็คงไม่ต่างกัน แต่เขาไม่กลัวแล้ว เขาเคยอโหสิในการกระทำของท่านออกญาฯ ไปแล้ว แต่หากอีกฝ่ายยังต้องการที่จะจองล้างจองผลาญเขาไม่เลิกแบบนี้ ชาตินี้เขาคงไม่มีคำว่าอโหสิให้มันแน่

คมเดินไปส่งณิชกับจีรัชญ์หลังจากเจ้านายตนและคนทั้งสองพูดคุยกันเสร็จ ลิฟต์เปิดออกอีกครั้งที่ชั้นแรก คมยืนส่งคนทั้งคู่ที่หน้าประตูลิฟต์จากนั้นก็ปล่อยให้คนทั้งสองเดินต่อไปเอง ณิชหันมายิ้มให้จีรัชญ์เพราะดีใจที่อีกฝ่ายพูดว่าตนคือคนรัก ก่อนหน้าหวานจะหุบยิ้มลงทันทีเมื่อเห็นอาการของจีรัชญ์ที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ

“คุณจีรัชญ์ คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมหน้าซีดๆ”

“รีบไปที่รถเถอะครับ” จีรัชญ์บอกแค่นั้นก็จับมือณิชเดินไปที่รถทันที โดยมีสายตาของคมมองตามพร้อมรอยยิ้มเย้ย

เมื่อเข้ามานั่งในรถของณิชได้ จีรัชญ์ที่ข่มอาการเจ็บไว้ตั้งแต่แรกร้องออกมาทันทีด้วยความเจ็บปวด เสียงหอบหายใจดังไปทั่วรถ ณิชที่ยังไม่เข้าใจอะไรนักสตาร์ทรถและเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ

“คุ...คุณเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นครับ ไปหาหมอดีไหม”

หนุ่มเมืองกรุงถามเสียงสั่น ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่จีรัชญ์ใส่มีรอยเปียกเป็นดวงๆ ที่กลางหลัง มันไม่ใช่รอยเหงื่ออย่างแน่นอนเพราะในสถานที่นั้นไม่ร้อนแม้แต่นิด ณิชไม่รอช้าเขาถลกเสื้อจีรัชญ์ขึ้นโดยที่อีกฝ่ายก็ยอมแต่โดยดี สีหน้าจีรัชญ์บิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บเมื่อความแสบร้อนของแผลเป็นยังไม่จางหาย

“นี่มันหมายความว่ายังไง”

เมื่อเห็นรอยแผลเป็นจากการถูกเฆี่ยนในอดีตปริแตกจนเลือดซึม ณิชก็ถามออกมาด้วยเสียงอันสั่นเครือ หัวใจเขากระตุกวูบด้วยความตกใจที่เห็นความสาหัสของแผลในครั้งนี้ มือเรียวที่กำลังสั่นเทาแตะไปบนแผลเหล่านั้นเบาๆ น้ำตาเอ่อคลอเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์เจ็บปวดมากแค่ไหน

“คุณจีรัชญ์ บอกผมมาว่ามันคืออะไรกันแน่ ยังไม่มีใครเอ่ยชื่อท่านออกญาฯ เลยนะ แล้วทำไมแผลคุณถึงเป็นแบบนี้” ณิชถามพลางหาทิชชูจากในรถมาซับเลือดบนแผ่นหลังกว้าง เหงื่อผุดซึมตามกรอบหน้าของจีรัชญ์เพราะต้องทนรับความเจ็บปวดนี้ไว้ระหว่างรอให้มันหายเอง จีรัชญ์ยังคงเงียบไม่ตอบคำถามในทันที จนณิชทนไม่ไหวทุบเข้าที่ไหล่อีกฝ่ายไปเต็มแรง

“บอกผมมาเดี๋ยวนี้! อึก...บอกผมมา!”

น้ำตาที่เอ่อคลอในตอนแรกเริ่มไหลเมื่อความกลัวเกาะกุมใจเขา ยิ่งเห็นจีรัชญ์ทรมานเขาก็รู้สึกไม่ต่างกัน หัวใจมันปวดหนึบเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบขยำ ความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทั้งหมดเข้าครอบงำเขาอีกแล้ว

“คุณณิช ใจเย็นๆ ก่อนครับ” จีรัชญ์เช็ดน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุดของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะดึงณิชเข้ามากอด ตอนนี้อาการเจ็บปวดทุเลาลงแต่เขาก็ยังรู้สึกแสบที่แผลอยู่มาก

“คุณเจ็บผมก็เจ็บด้วย คุณเจ็บกายแต่ผมเจ็บใจที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณต้องมาเจออะไรแบบนี้ บอกผมมาว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง คำสาปมีอะไรเปลี่ยนแปลงรึเปล่า มันแตกต่างจากที่ผ่านมาใช่ไหม” ณิชถามแทบลืมหายใจ เขากอดจีรัชญ์โดยไม่ให้โดนส่วนที่มีแผล เขาอยากรู้ทุกอย่างที่จีรัชญ์รู้ เพื่อจะได้ช่วยกันแก้ไขไม่ให้ซ้ำรอยเดิมในอดีต

“ครับ ผมจะเล่าให้ฟัง คุณใจเย็นๆ ก่อนนะ ไม่ต้องร้องนะครับ”

จีรัชญ์กอดปลอบณิชอยู่สักพักจนอีกฝ่ายสงบลง พร้อมกับแผลที่สมานตัวกลับมาเป็นแผลเป็นดังเดิม เพียงแต่ทิ้งรอยแดงไว้ให้ดูต่างหน้าว่าเมื่อครู่แผลมันเปิดออก

“เรากลับห้องคุณกันดีกว่านะครับ กลับถึงห้องแล้วผมจะเล่าให้ฟัง”

ณิชพยักหน้ารับรีบเข้าเกียร์ขับรถออกจากหน้าบริษัทของนิธานทันทีอย่างไม่รอช้า เขาฝ่าการจราจรที่ติดแสนติดบนท้องถนนมาจนถึงคอนโดฯ ของตนเอง พอคนทั้งคู่ขึ้นห้องมาได้ก็พบว่าไอ้มั่นรออยู่แล้ว

“เป็นเยี่ยงไรบ้างวะไอ้หาญ” ไอ้มั่นถามเสียงร้อนรน แต่เมื่อเห็นสภาพเพื่อนรักที่ถูกณิชพยุงเข้ามามันก็รู้ในทันที

“ใช่หรือไม่ พวกมันกลับมาแล้วใช่หรือไม่” ไอ้มั่นถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ณิชที่ยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่างหันมองไอ้มั่นทีหันมองจีรัชญ์ที

“พวกคุณกำลังปิดบังอะไรผมอยู่”

จีรัชญ์ดึงณิชให้นั่งลงข้างกัน เขากุมมือเรียวของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะเล่าสิ่งที่เขากับไอ้มั่นคาดเดาให้ณิชฟัง หนุ่มเมืองกรุงตั้งใจฟังอย่างดี เขาเชื่อทุกคำที่จีรัชญ์พูด จากตอนแรกที่คิดว่านิธานเป็นแค่คนแปลกๆ มาตอนนี้ก็เข้าใจได้ในทันที

“เขาจำผมได้แน่ๆ ทั้งคำพูดทั้งสายตาทั้งการกระทำเขาทำให้ผมขนลุกแปลกๆ แถมยังเจาะจงว่าจะให้ผมทำงานให้อีก” ณิชนึกไปถึงตอนที่อยู่ในห้องแต่งตัวของยิมที่ฝ่ายนั้นจับมือเขาก็รู้สึกขนลุก เพราะหากคิดดีๆ นั่นเป็นการกระทำที่ค่อนข้างคุกคามไปสักหน่อยสำหรับคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง

“การมาของท่านออกญาฯ กับไอ้คมครั้งนี้ จะมาจัดการไอ้หาญแน่นอนขอรับ บ่าวไม่เคยรู้สึกทรมานขนาดนั้นมาก่อนเลย เพียงแค่เห็นหน้าไอ้คมก็รู้สึกแสบที่คอราวกับจะขาดเลยขอรับ”

“แล้วทำไมมั่นถึงมีปฏิกิริยากับไอ้คมล่ะ แทนที่จะเป็นกับคุณนิธาน” ณิชหันไปถามดวงวิญญาณที่นั่งบนพื้นหน้าเครียดไม่แพ้กัน

“ผมคิดว่าเพราะก่อนตายไอ้คมเป็นคนจับไอ้มั่นไว้ จิตของพวกมันผูกใจแค้นต่อกันน่ะครับ” จีรัชญ์พูดตามที่ตนตีความได้ ไอ้มั่นจึงพยักหน้าเสริมอีกแรง

“ใช่ขอรับ บ่าวหนีไม่พ้นเพราะโดนพวกไอ้คมจับไว้ แทนที่มันจะเห็นใจกันที่ไอ้หาญไม่ได้รับความปรานี มันหาได้มีความเมตตาต่อผู้อื่นเลยขอรับ”

“แต่ผมไม่อยากให้พวกคุณต้องจองเวรจองกรรมกันอีกแล้ว เอางี้ไหม ผมจะไปพูดกับพวกเขา อย่างน้อยๆ ผมก็เคยเป็นลูกท่านออกญาฯ ยังไงพ่อก็ต้องเมตตาลูกบ้าง”

จีรัชญ์ลอบมองหน้ากับไอ้มั่นทันทีเมื่อฟังณิชพูดจบ หากมองในมุมของณิชก็สามารถคิดแบบนั้นได้ แต่สำหรับพวกเขาสองคนที่ยังต้องผูกเวรผูกกรรมอยู่แบบนี้ ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้เท่าไหร่นัก ถ้าท่านออกญาฯ รักบุตรจริง คงไม่สาปแช่งให้ลูกต้องพบเจอกับการพลัดพรากแบบนี้ทุกชาติไปหรอก

“ผมจะถอนตัวจากโปรเจกต์ของคุณนิธานก็ไม่ได้ คุณแขไขที่รู้สึกไม่ดีกับผมอยู่แล้วอาจจะคว้ามีดมาแทงผมเลยก็ได้ถ้าผมไปขอถอนตัวกลางคัน” ณิชถอนหายใจด้วยความเครียดที่คิดหาทางแก้ไขอย่างไรก็แก้ไม่ได้

เหมือนโชคชะตาดักพวกเขาไว้ทุกทาง จากที่คิดว่าไม่น่ามีอะไรยุ่งยาก และเขากับไอ้หาญจะได้ครองรักกันอย่างสงบสุขสักที กลายเป็นว่ากลับมีอุปสรรคชิ้นใหญ่มาขวางได้

“คุณต้องไปเจอนิธานอีกเมื่อไหร่” จีรัชญ์ถามเสียงเครียดหลังจากเงียบไปพักใหญ่

“อืม... เอาจริงๆ ผมเลี่ยงได้ครับ ส่งงานทางอีเมลก็ได้ แต่พอตอนลงงานจริงก็ต้องไปเจออยู่ดี”

“งั้นก็ทำทุกอย่างตามปกติ แต่ผมจะไปด้วย”

“ปกติได้ยังไง ผมไม่อยากให้คุณต้องเจอกับคุณนิธาน เดี๋ยวเขาทำร้ายคุณขึ้นมาแล้วผมจะทำยังไง”

“คุณลืมไปแล้วเหรอครับ ไม่มีอะไรทำผมได้ ผมไม่มีวันตาย”

คำพูดของจีรัชญ์และสายตาที่จริงจังนั้นทำให้คนฟังสะอึกไป ประโยคนี้หากไม่คิดอะไรก็อาจทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ แต่อีกใจกลับหน่วงจนเจ็บ เพราะมันแสดงว่าจีรัชญ์ไม่คิดว่าชาตินี้พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันและคำสาปจะหายไป

หลังจากประโยคนั้นของจีรัชญ์ ณิชไม่ได้พูดอะไรอีก เขาทำเพียงแค่ยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจ แสร้งว่าเขาไม่ได้คิดอะไรแล้ว ทั้งที่จริงมันหน่วงไปทั้งอก ความรู้สึกดีใจที่จีรัชญ์มาหาและตามเฝ้าก่อนหน้านี้หายไปหมดไม่มีเหลือ

ตกกลางคืนท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงฟ้าร้องและเสียงฝนตกกระทบระเบียงเท่านั้นที่ได้ยิน แต่คนทั้งคู่ที่นอนอยู่บนเตียงกลับข่มตาหลับไม่ลง หนึ่งคนคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนอีกคนยังติดอยู่กับคำพูดที่ไม่อาจเอาออกจากหัวได้

จีรัชญ์รู้ว่าณิชยังไม่นอน แม้อีกฝ่ายจะนอนนิ่งและตะแคงหันหลังให้เขาก็ตาม ชายหนุ่มที่เปลือยช่วงอกขยับเข้าไปสวมกอดคนรักจากทางด้านหลัง เผื่อแผ่ความอบอุ่นไปให้คนที่กำลังนอนคุ้ดคู้อยู่

“ผมนอนไม่หลับ” ณิชพูดขึ้นเบาๆ เพราะไม่ว่าจะข่มตานอนตั้งแต่ห้าทุ่มจนถึงตอนนี้เที่ยงคืนครึ่ง เขาก็ยังตาสว่างเช่นเดิม

“ผมก็เหมือนกัน” จีรัชญ์กระซิบบอก เขากระชับอ้อมกอดให้แผ่นหลังของณิชแนบชิดอกเขามากขึ้น ณิชกอดมือเขาไว้ไม่ปล่อยก่อนเจ้าตัวจะผินหน้าหันมาพูดอีกครั้ง

“เราหนีกันไหมครับ”

จีรัชญ์นิ่งฟังแต่ไม่ได้ตอบออกไป ณิชกลืนก้อนที่จุกอยู่ตรงลำคอก่อนจะหันกลับมานอนตะแคงตามเดิม มองสายฝนที่กำลังสาดเทลงมาไม่หยุด

“หนีไปไหนก็ได้ ไปที่ไกลๆ ไปอยู่กันแค่สองคน ไปอยู่บนเขาก็ได้ ต่างประเทศที่มันสงบๆ ดีไหมครับ ไป...ในที่ที่ไม่มีใครหาเราเจอ”

ท้ายประโยคที่แผ่วเบาพร้อมกับที่ผิวแขนของจีรัชญ์รู้สึกถึงความเปียกชื้อของหยาดน้ำตา น้ำเสียงแห่งความสิ้นหวังของณิชบีบหัวใจเขาให้เจ็บจนชา ต่อให้ไปในที่ที่ไม่มีใครหาเจอ แต่โชคชะตาไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน

*

“พี่ณิช ทำไมโทรมแบบนี้เนี่ย ได้นอนบ้างรึเปล่า คุณนิธานเรื่องเยอะเหรอวะพี่” มิ้งชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมาถามรุ่นพี่ที่รัก สภาพณิชในสายตามิ้งตอนนี้เหมือนคนอดนอนมาเป็นอาทิตย์ ความสดใสที่เคยมีก่อนหน้านี้หายเกลี้ยง บรรยากาศรอบตัวณิชดูอึมครึมดูไม่เหมือนคนกำลังมีความรักที่มีความสุขเลย

“มิ้ง...” ณิชเรียกชื่อหญิงสาวเสียงเครียด มิ้งจากที่เล่นๆ กลายเป็นทำหน้าจริงจังขึ้นมาทันที เธอขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ชายหนุ่มอีกนิดเพื่อจะได้ถามอีกฝ่ายได้ถนัดๆ

“หรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น คุณตรีเขาเปลี่ยนใจอยากให้พี่กลับไปอยู่กับเขาเร็วๆ ใช่ไหม ก่อนหน้านี้หนูได้ข่าวจากพี่มั่นว่าพี่โดนคุณนิธานจีบ เสน่ห์แรงไม่เบานะเรา” หญิงสาวจิ้มไหล่ณิชจึกๆ แต่ก็ต้องเอามือลงเมื่อณิชไม่มีทีท่าจะเล่นด้วย

“ออกไปซื้อกาแฟกับพี่หน่อย”

อยู่ๆ ณิชก็เปลี่ยนเรื่องทำเอารุ่นน้องสาวถึงกับงงไม่น้อย แต่ก็ยอมเดินตามณิชไปคาเฟต์ที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศ ตอนนี้เป็นเวลาสายคนในร้านไม่เยอะนัก พอสั่งเครื่องดื่มมานั่งทานที่โต๊ะได้ณิชก็พูดเข้าเรื่องทันที

“คุณนิธานคือคนคนนั้น”

“คนไหน?” มิ้งถามพลางตักเค้กอัลมอนต์เข้าปากเขี้ยวหยับๆ รอยยิ้มของหญิงสาวที่มีต่อของหวานดูมีความสุขเหลือเกิน

“คน...นั้น...”

ณิชย้ำทีละคำ เขาส่งสายตาสื่อให้มิ้งรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดถึงอยู่คือเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่สามารถเล่าใครในที่นี้ได้ พอมิ้งเข้าใจก็ทิ้งช้อนตักเค้กแล้วรีบเอามืออุดปากด้วยความตกใจ

“พี่แน่ใจเหรอ”

ณิชไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน เขากุมขมับที่ปวดตุบๆ อย่างคนไม่รู้จะทำเช่นไร เขาไม่อยากเจอนิธาน และไม่อยากให้จีรัชญ์ต้องเจอด้วย แค่คิดว่าต้องเจอกันที่ไซด์งานเขาก็เครียดแทบบ้าแล้ว

“แล้วคุณตรีว่าไง”

“ไม่รู้ว่ะ เขาบอกให้พี่ทำตัวปกติไป พี่ไม่รู้ด้วยว่า ‘คนนั้น’ เขาต้องการอะไร ทำไมต้องตามมาอีก”

“พี่ณิช ใจเย็นๆ นะพี่ บางทีมันอาจไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่พี่คิดก็ได้”

ณิชถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน วันนี้เขาไม่มีสมาธิทำงานเลย กลับจากซื้อกาแฟก็มานั่งจมอยู่กับแบบแปลนที่คืบหน้าไม่ถึงไหน เพราะในหัวคิดวนเรื่องนิธานซ้ำๆ จนแขไขต้องออกปากเตือน

“ณิช ตั้งใจทำงานหน่อย อย่าเอาแต่นั่งเหม่อในออฟฟิศ”

หญิงสาวที่มีตำแหน่งเป็นเจ้านายกล่าวเตือนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง วันนี้เธอเพิ่งเข้าบริษัทเพราะเพิ่งไปพบลูกค้าพร้อมกับโอ๋มา เธอเห็นว่าณิชนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานแทบไม่กะพริบตาจึงต้องเตือนสักหน่อย ร่างระหงของหญิงสาวเดินผ่านไป ณิชก้มหัวขอโทษที่ตัวเองไม่ตั้งใจทำงานก่อนจะดึงสติกลับมากับงานตรงหน้า

เวลาล่วงเลยผ่านไปราว 2 อาทิตย์ที่ณิชพยายามยื้อเวลาไม่เจอหน้านิธาน แต่มันก็ทำได้เพียงแค่นี้เพราะเขาต้องเริ่มงานจริงๆ จังๆ แล้ว อีกทั้งนิธานยังฝากให้คมเร่งงานเขาด้วย ดูเหมือนฝ่ายนั้นต้องการเจอหน้าเขามากถึงกับนัดเขาล่วงหน้า 3 วัน

จีรัชญ์ขับรถมาส่งณิชที่ไซด์งานก่อสร้างในช่วงบ่าย ในส่วนของภายนอกเสร็จไปเยอะแล้ว เหลือแค่ตกแต่งภายในซึ่งเป็นหน้าที่ของณิช ช่างที่ร่วมงานกันเป็นประจำก็มาเริ่มงานรออยู่ก่อนอย่างรู้งาน ทำให้ตอนนี้เขาต้องรีบเข้าไปตรวจเช็กความคืบหน้า

นิธานกำลังคุยงานกับหัวหน้าวิศวกรและช่างรับเหมาอยู่ หางตาเขาเห็นว่าณิชลงมาจากรถฝั่งข้างคนขับ ซึ่งนั่นแสดงว่ามีคนขับรถมาให้ แต่ครั้งนี้พนักงานของแขไขไม่ได้มีณิชแค่คนเดียว แต่มีหญิงสาวตามมาด้วยซึ่งเขาจำได้ว่าเธอชื่อมิ้ง

“โห พอรู้ว่าคุณนิธานคือใครก็ขนลุกเลยอะ ดูเขามองพี่ดิ” มิ้งกระซิบบอกณิชระหว่างเดินเข้าไปหานิธาน

วันนี้ณิชตัดสินใจหิ้วมิ้งมาเป็นผู้ช่วยเนื่องจากไม่อยากให้จีรัชญ์ต้องเจอหน้ากับนิธานโดยตรง แม้จีรัชญ์จะยืนกรานว่าจะเผชิญหน้าก็ตาม แต่เพราะใจที่เป็นห่วงทำให้เขาเลือกทางสายกลางนั่นคือให้มิ้งมาเป็นเพื่อน ซึ่งกล่อมจีรัชญ์อยู่นานฝ่ายนั้นถึงยอม แต่กระนั้นก็ยังจะอาสาขับรถมาส่งเขา

“คุณณิชมาแล้ว ดีเลยครับเราจะได้เริ่มงานกันจริงๆ จังๆ สักที” นิธานพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินนำเข้าตัวโรงแรมไป คมมองตามเจ้านายตัวเองก่อนจะหันไปมองรถของณิช ชายหนุ่มยิ้มเหี้ยมจากนั้นก็เดินตามคนทั้งคู่เข้าด้านใน

‘มึงว่าท่านออกญาฯ กับไอ้คมจะทำกระไรวะ’ ไอ้มั่นถามเสียงเครียด ตอนนี้มันนั่งอยู่ในรถเช่นเดียวกัน จีรัชญ์ลดกระจกลงเป็นเปิดกว้างจนลมริมแม่น้ำพัดเข้ามาเบาๆ แต่เพราะอากาศที่อบอ้าวเหมือนฝนจะตกทำให้ไม่ได้คลายร้อนเท่าไหร่นัก

‘ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ มันต้องทำให้คำสาปคงอยู่ มันคงคิดว่าชาตินี้กูจะหลุดพ้น หึ...กูรอมานานหากจะต้องรอคุณปราณไปอีกสักร้อยปีจะเป็นไร’

จีรัชญ์ตอบน้ำเสียงเย้ยหยัน สมเพชในชะตาชีวิตของตนเอง เขาคิดไว้แล้วว่าชาตินี้เขาจะเก็บความทรงจำระหว่างณิชกับตัวเขาไว้เป็นความสุขยามนึกถึงคุณปราณ แต่ก่อนที่เขากับคุณปราณจะต้องจากกัน เขาก็ขอปกป้องอีกฝ่ายสุดหัวใจ ไม่ว่านิธานคิดจะทำอะไรก็ตาม

‘ไอ้ห่านี่! มึงพูดเช่นนี้ไม่กลัวคุณปราณจะเสียใจรึ คุณเขาทุ่มเททั้งกายทั้งใจเพื่อจะได้อยู่กับมึงเชียวนะ นี่มึงรักนายกูจริงหรือเปล่า กูเริ่มคิดแล้วนะว่าการที่คำสาปมึงไม่หายไปอาจไม่ใช่เพราะท่านออกญาฯ แต่เพราะมึงรักนายกูไม่มากพอ!’

‘ถ้าไม่ใช่ว่ากูเห็นแก่ความพยายามของเขากูจะมาอยู่ตรงนี้ไหมไอ้มั่น! กูจะยอมทิ้งความคิดที่จะไม่ตามหาเขาไหม ถ้าไม่ใช่เพราะกูหยุดรักเขาไม่ได้! มึงจำไว้เลยนะ มึงจะมองการกระทำกูเป็นอื่นยังไงก็ได้ แต่อย่ามาสงสัยในความรักของกูที่มีต่อคุณปราณ!’

ปึง!!

จีรัชญ์ลงจากรถกระแทกประตูปิดเสียงดังอย่างระบายอารมณ์ที่ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกเขา แม้แต่เพื่อนรักที่เป็นดวงวิญญาณตามติดมาตลอดชีวิตที่มีอยู่


ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4


ตอนแรกเขาคิดว่าเขากับท่านออกญาฯ หมดเวรหมดกรรมกันตั้งแต่ที่ท่านออกญาฯ ตายแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจว่าโชคชะตาเล่นตลกอะไรอีกถึงได้ส่งฝ่ายนั้นมา อีกทั้งยังจำเรื่องราวทั้งหมดได้ด้วย อยากหาสีสันให้ชีวิตที่แสนทุกข์ระทมและน่าเบื่อของเขาอย่างนั้นเหรอ

ทางด้านณิชตอนนี้เขาเริ่มงานในหน้าที่ของตัวเองแล้ว เช็กทุกจุดเพื่อไม่ให้มีข้อบกพร่องไหนหลุดรอดสายตาไปได้ ยังคงความเป็นมืออาชีพโดยมีมิ้งคอยช่วยอีกแรง นิธานให้คมตามติดเขาแทบตลอดเวลา จนเวลาล่วงเลยเข้าช่วงเย็น คนงานทยอยกลับกันแล้วณิชจึงจะกลับด้วยเพราะจีรัชญ์โทรมาตามแล้ว

“วันนี้ผมขอเลี้ยงข้าวคุณณิชสักมื้อนะครับ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่คุณณิชทำงานออกมาได้ตรงใจผมที่สุด ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ” นิธานบอกเมื่อเห็นณิชวางสายแล้ว

“อ่า...พอดีผมนัดกับแฟนไว้แล้วน่ะครับ เอาไว้...”

“งั้นดีเลยครับ ผมจะได้ถือโอกาสได้ทำความรู้จักกับแฟนคุณณิชด้วย นี่ผมก็นัดคุณแขไขไว้ ไปทานกันหลายคนสนุกดีนะครับ ผมให้คมจองโต๊ะที่ร้านอาหารไว้แล้ว ไปกันเถอะครับ” นิธานตัดบทอย่างรู้ทันว่าณิชกำลังจะปฏิเสธเขา เขาจึงมัดมือชกรวบรัดตัดความเดินหนีไปที่รถตัวเอง และกำชับณิชบอกว่าให้ขับรถตามไปที่ร้านได้เลย

“คุณจีรัชญ์ คุณนิธานเขาอยากให้เราไปทานข้าวด้วยครับ ตอนนี้เขาล่วงหน้าไปก่อนแล้วครับ”

“คุณจะไปไหมครับ”

“ผมไม่อยากไป แต่คุณแขไขไปด้วย ถ้าผมหนีกลับดื้อๆ มันจะน่าเกลียด” ณิชพูดเสียงอ่อนหลังจากนั่งในรถแล้ว เขาไม่อยากไป และคิดว่าจีรัชญ์ก็คงไม่อยากให้เขาไป แค่รับมือกับนิธานคนเดียวก็แย่แล้ว แต่นี่ต้องไปเจอแขไขด้วยเรียกได้ว่างานหนักคูณสอง

“ให้หนูโกหกให้ไหม แบบพี่ปวดท้อง ท้องเสีย ปวดหัว เดินๆ อยู่แล้วตกบันไดขาแพลงงี้” มิ้งชะโงกหน้าผ่านช่องว่างของเบาะมาเสนอความคิด

“คิดว่าเขาจะไม่รู้รึไงล่ะ ที่ผ่านมาก็เลี่ยงเจอเขาตลอด สารพัดข้ออ้างจนไม่มีอะไรจะอ้างแล้วว่ะ”

“งั้นก็ไปครับ” จีรัชญ์พูดจบก็เข้าเกียร์ออกรถไปร้านอาหารที่คมบอกชื่อกับณิชไว้ก่อนหน้านี้ โดยใช้ Google Map ในการนำทาง

“เขาคงไม่วางยาคุณในอาหารหรอกใช่ไหม หรือสั่งคนมาดักลอบทำร้ายอะไรทำนองนี้” ณิชคิดสะระตะไปเรื่อยเท่าที่ความคิดจะฟุ้งซ่านไปได้ จีรัชญ์ยิ้มมุมปากก่อนจะเอามือมาโยกหัวอีกฝ่ายเบาๆ

“ต่อให้จับผมเผาทั้งเป็นผมก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมมีคำสาปนิรันดร์ติดตัวอยู่นะ”

“คุณพูดแบบนี้อีกแล้ว” ณิชพึมพำเบาๆ กับตัวเองซึ่งจีรัชญ์ไม่ได้ยิน ชายหนุ่มแค่หันมายิ้มให้ก่อนจะขับรถต่อไป

เมื่อมาถึงร้านอาหารที่นิธานจองไว้ เป็นร้านอาหารริมน้ำที่ออกมาไกลจากโรงแรมของนิธานสักหน่อย แต่ด้วยบรรยากาศของมันทำให้ณิชลืมเรื่องที่กังวลก่อนหน้านี้ไปชั่วขณะ ช่วงเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินรับกับแสงสีส้มกับไฟสีนวลที่เปิดตามเสาสวย มันยิ่งเสริมให้บรรยากาศของร้านน่านั่งมากขึ้นไปอีก

แขไขเห็นคนรักเก่าของเธอเดินเข้ามาพร้อมณิชกับมิ้ง เธอไม่แปลกใจเท่าไหร่นักที่เห็นจีรัชญ์เดินตามณิชแบบนั้น เพราะครั้งหนึ่งเธอเองก็เคยเดินตามจีรัชญ์แบบที่เจ้าตัวทำเช่นเดียวกัน แขไขสบตากับจีรัชญ์เพียงเสี้ยววิก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ตั้งแต่วันนั้นที่จีรัชญ์บอกเลิกเธอพวกเขาสองคนก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก จนได้มาเจอหน้ากันวันนี้จึงรู้สึกแปลกไปไม่น้อย

มิ้งมองบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ไปอึมครึมและเต็มไปด้วยความอึดอัด ไหนจะแขไขคู่รักเก่าของจีรัชญ์ ไหนจะนิธานที่พยายามดูแลณิชคอยตักอาหารให้ ไหนจะจีรัชญ์ที่นั่งสีหน้าเรียบนิ่งแต่ตาดุกร้าวมองนิธานทุกการกระทำ เธอรู้สึกอึดอัดแทนคนทั้ง 4 จริงๆ

“พอก่อนครับคุณนิธาน ผมกินไม่ทันแล้ว แหะๆ” ณิชยิ้มแหย อาการขนลุกกลับมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่านิธานดูแลเขาดีเกินไป

“เดี๋ยวผมเรียกพนักงานขอจานเปล่าให้นะครับ” จีรัชญ์แตะมือณิชพลางพูดยิ้มๆ ยังไม่ทันที่ณิชจะห้ามฝ่ายนั้นก็เรียกพนักงานมาขอจานใบใหม่เสียแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการประกาศสงครามอย่างชัดเจนจนแขไขยังตกใจ เพราะปกติจีรัชญ์ไม่ทำตัวเสียมารยาทขนาดนี้

“แหม...ตรีดูแลณิชดีเกินไปรึเปล่าคะเนี่ย ปกติณิชเขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอกนะคะ เมื่อก่อนยังดูแลตัวเองได้เลย”

ณิชชะงักไปหนึ่งอึกเมื่อโดนแขไขเหน็บแนมเข้าเต็มเปา เข้าใจพิษรักแรงแค้นของหญิงสาวก็วันนี้ แต่จะให้เขามานั่งอธิบายกับอีกฝ่ายว่าเขาไม่ได้แย่งจีรัชญ์เพราะเขากับจีรัชญ์รักกันมาก่อนที่เธอจะเกิดก็ใช่เรื่อง

“ผมอยากดูแลคนที่ผมรักให้มากที่สุดน่ะครับ” แต่จีรัชญ์ไม่ได้ปล่อยผ่านคำพูดแขไขไปอย่างที่ณิชทำ เขายอมรับว่าตนเองผิดที่ดึงแขไขมาเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังทำให้หัวใจของผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งต้องบอบช้ำ หากแขไขจะโกรธหรือเกลียดเขาไม่ว่า แต่เขาบอกแล้วว่าอย่าโกรธณิช

“คุณจีรัชญ์กับคุณณิชคบกันมานานแล้วเหรอครับ” นิธานขัดจังหวะการฟาดฟันทางสายตาของจีรัชญ์กับแขไขพลางทำหน้าสงสัย แต่ภายใต้ใบหน้าที่ดูไร้พิษภัยนั้นกลับแฝงไปด้วยความคิดต่างๆ นานา

จะอีกกี่สิบชาติความโกรธแค้นที่มีอยู่ก็ไม่มีวันหาย ยิ่งเห็นว่าคนคนนี้ติดอยู่ในวังวนของความเป็นนิรันดร์ไม่สิ้นสุดยิ่งสาแก่ใจ เขาใช้เวลากว่า 30 ปีในการหาคำตอบให้กับความฝันประหลาดของตัวเอง จนวันหนึ่งทุกอย่างก็กระจ่าง

ภาพในอดีตฉายชัดในหัวจนเขาหมดสติ และต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการปวดหัวอย่างรุนแรงแต่หาสาเหตุไม่ได้ จนโชคชะตาทำให้ได้เจอกับคมคนที่เข้ารับการรักษาด้วยอาการเดียวกัน ระยะเวลาร่วมเดือนที่อยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขาสองคนได้รื้อฟื้นอดีตไปพร้อมๆ กัน และเขาก็ตัดสินใจว่าจะมาดูว่าลูกชายเขาเป็นอย่างไร และไอ้หาญยังคงต่อสู้กับคำสาปที่เขาแช่งไว้ใช่หรือไม่

เขาใช้เวลาค้นหาตัวณิชไม่นาน ไม่รู้เพราะความบังเอิญ ความโชคดี หรือโชคชะตาที่ทำให้เขาเห็นรูปของสถาปนิกมือดีอย่างณิชในรายชื่อของสถาปนิกไฟแรง และเขาก็มั่นใจในทันทีว่าณิชคือลูกชายของเขาเมื่อชาติที่แล้วอย่างแน่นอน โดยมีชื่อจริงของอีกฝ่ายเป็นตัวการันตี

เพราะชื่อ ‘ปราณ’ ที่พระครูท่านตั้งให้ คือชื่อที่มีความหมายเดียวกับปราณันต์ อีกทั้งแววตาที่เขาจำได้ขึ้นใจ แววตาที่เขาเห็นมาตั้งแต่อีกฝ่ายลืมตาดูโลกครั้งแรก

“ระยะเวลาไม่สำคัญหรอกครับ แค่ผมได้พบเจอคนที่ผมรักแค่นี้ก็พอแล้ว” ณิชชิงตอบเพราะกลัวจีรัชญ์จะเปิดศึกกลางร้านอาหารเสียก่อน แต่เขาจะตอบอะไรให้หวานชื่นเพื่อยืนยันกับนิธานว่าเขาจะไม่เลิกกับจีรัชญ์เด็ดขาดก็ไม่ได้ เพราะแขไขยังนั่งอยู่ด้วย

“ขอแค่ได้พบเจอหรอกเหรอครับ ขอน้อยจังนะ” นิธานพูดพร้อมใบหน้ายิ้มแต่แววตาไม่ได้ยิ้มด้วย ณิชถึงกับอึ้งไปกับประโยคที่แฝงความนัยนี้

มิ้งลอบกลืนน้ำลายให้กับบรรยากาศที่แสนอึดอัดนี้ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แขไขที่ไม่อยากนั่งทนดูความรักหวานชื่นของคนรักเก่าจึงลุกออกไปบ้าง โดยให้เหตุผลว่าเธออยากออกไปสูดอากาศสักหน่อย

“ไหนๆ ก็ไม่มีคนนอกแล้ว คุณอยากจะพูดอะไรกับผมไหมครับ คุณนิธาน” จีรัชญ์ถามทันทีอย่างไม่รอช้า นิธานยิ้มทันทีเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย หากเดาไม่ผิดจีรัชญ์คงรู้แล้วว่าเขาคือใคร

“จะให้พูดตรงนี้เลยเหรอครับ คนเยอะนะ เรื่องของเรามันออกจะตลกไปหน่อยไหมหากมีใครมาได้ยินเข้า” คำพูดนั้นทำให้นิธานและจีรัชญ์จะลุกไปจากโต๊ะ ณิชทำท่าจะไปด้วยแต่จีรัชญ์กลับกดไหล่ให้อีกฝ่ายนั่งลงตามเดิม

“ผมจะไปเคลียร์เอง มันคือเรื่องของผมกับเขา คุณรอตรงนี้แหละ คุณมิ้งกลับมาไม่เจอใครจะตกใจเอา”

“แต่ผม...”

“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ” จีรัชญ์พูดให้อีกฝ่ายสบายใจก่อนจะเดินตามนิธานออกไปยังลานจอดรถที่อยู่ข้างร้าน

นิธานหยุดยืนดูวิวริมแม่น้ำในช่วงค่ำ มีแสงไฟจากเสาดวงเล็กๆ คอยให้ความสว่าง ท่าทางของหนุ่มใหญ่ดูสบายอารมณ์ผิดกับจีรัชญ์ที่ตามออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“อยากสร้างเวรสร้างกรรมอะไรในชาตินี้อีกเหรอครับ หรือว่าชาติก่อนผมยังทำได้ไม่ดีพอ” จีรัชญ์ถามขึ้นทันทีพลางมองไปยังรอยแผลที่แขนของนิธานเพื่อสื่อให้รู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร นิธานก้มมองแขนตัวเองก่อนจะยกยิ้ม

“ฟันแขนแค่นั้นมันไม่ได้ทำให้กูกลัวมึงจนไม่กล้าจองเวรกับมึงหรอกไอ้หาญ”

ธาตุแท้ของหนุ่มใหญ่เผยออกมา สมกับที่รอคอยเวลาที่จะได้เจอลูกชายกับไอ้ทาสชั่วมานาน สายตาเหยียดหยันมองคนที่ไม่มีวันตายเพราะคำสาปของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะถ่มน้ำลายใส่รองเท้าของอีกฝ่ายด้วยความดูถูก

“เป็นยังไงบ้างล่ะกับสิ่งที่กูมอบให้มึง ไม่เจ็บ ไม่ตาย ทรมานต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด”

จีรัชญ์กำหมัดแน่นกับประโยคที่นิธานพ่นออกมา มาตอนนี้ท่าทางของนิธานออกชัดเจนแล้วว่าเป็นท่านออกญาฯ จริงๆ ทั้งท่าทางการยืน สายตา หรือแม้แต่ความคิดเคียดแค้นที่ถูกฝังอยู่ในจิตใจก็แสดงออกมาชัดเจน คมเดินมายืนอยู่หลังจีรัชญ์โดยที่เจ้านายไม่ต้องออกคำสั่ง

“แล้วมึงเป็นยังไงบ้างล่ะ ที่ไม่ว่ากี่ชาติก็ต้องเห็นว่ากูกับคุณปราณรักกัน ใกล้อกแตกตายรึยัง” ไอ้หาญไม่คิดให้เกียรติในการใช้คำสุภาพกับอีกฝ่ายอีก

“หึ! รักแล้วยังไง? ท้ายสุดมึงก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอยู่ดี”

“นั่นลูกของมึง! คุณปราณคือลูกของมึง! จะคิดจองเวรกันไปถึงไหน!”

ผัวะ!

ไม่มีบอกกล่าวล่วงหน้า หมัดเน้นๆ ก็ซัดเข้าหน้านิธานอย่างจัง ขนาดที่คมมายืนคุ้มกันอยู่ก็ยังช่วยไม่ทัน ไอ้หาญทำท่าจะเข้าไปซ้ำแต่โดนคมจับตัวไว้เสียก่อน นิธานไม่ได้ต่อยกลับแต่เดินเข้าไปหาคนที่กำลังดิ้นเพราะโดนกดให้คุกเข่าลงกับพื้น

“นั่นลูกกูก็จริง แต่คนที่ทรมานต้องเป็นมึง!! มึงที่กล้าหยามเกียรติกูไอ้ทาสชั่ว! คนเลวทรามอย่างมึงโดนคำสาปกูไปน่ะดีแล้ว มองดูลูกกูตายอยู่ทุกภพทุกชาติ ตอนนี้ชาติที่เท่าไหร่ของมึงแล้วล่ะ”

ท่านออกญาฯ ในชาติปัจจุบันแต่จิตใจกลับไม่ต่างจากอดีตชาติทึ้งหัวไอ้หาญให้เงยหน้าขึ้น ก่อนที่ปลายมีดเล่มเล็กที่เจ้าตัวพกมาถูกกดลงบนแก้มไอ้หาญ แต่มันกลับไม่มีรอยบาดแม้แต่น้อย สื่อให้รู้ว่าคำสาปที่ตนเคยแช่งไว้มันยังมีผลอยู่

“หึ! รักกันงั้นเหรอ? ถ้ารักกันแล้วทำไมมึงไม่หลุดพ้นจากคำสาปกูสักทีล่ะ? กูจะบอกอะไรให้นะ ที่มึงยังติดอยู่ในคำสาปของกูเพราะมึงกับลูกกูไม่ใช่คู่กัน พวกมึงไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน!!!” พูดจบก็ถ่มเลือดในปากใส่หน้าไอ้หาญอย่างดูถูก รู้สึกสะใจที่ไอ้ทาสชั่วยังคงเป็นเหมือนเดิม ยังคงเป็นไอ้ทาสผู้ต่ำต้อยได้แค่รักลูกชายเขาแต่ไม่อาจได้ครองคู่

“พอได้แล้วครับ!” ณิชวิ่งออกมาก่อนจะผลักคมเพื่อให้ปล่อยจีรัชญ์ เขามองนิธานด้วยอารมณ์โกรธจัด

“ชาติก่อนผมกับคุณเป็นอะไรกันมันก็แค่อดีต แต่ตอนนี้ เวลานี้ คุณเป็นแค่คนจ้างงานของผมและคุณไม่มีสิทธิ์ทำร้ายคนรักของผม! ถ้าคุณกับคนของคุณทำอะไรแฟนของผมอีกแม้แต่นิดเดียว ผมเอาเรื่องคุณแน่!” ณิชเอาตัวเองมาขวางระหว่างจีรัชญ์กับนิธาน และตะคอกใส่หน้าฝ่ายหนุ่มใหญ่ไปอย่างไม่กลัวเกรง

นาทีที่เขาเห็นว่าไอ้หาญโดนถ่มน้ำลายใส่ นาทีที่ได้ยินคำพูดดูถูกเหยียดหยาม นาทีที่เขาได้เห็นสายตาแห่งความเกลียดชังที่ท่านออกญาฯ มีให้ไอ้หาญ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดจนทนไม่ไหว หากความรักของพ่อมันทำให้เขาทรมาน เขาก็ขอลืมพ่อคนนี้ไปเสียดีกว่า

เพราะเท่าที่เขาเห็นมันก็แค่คนที่หลงอยู่ในวังวนความเห็นแก่ตัว ท่านออกญาฯ ไม่เคยคิดถึงใจใครนอกจากตัวเอง ขอเพียงตัวเองได้แก้แค้นให้สมใจก็พอแล้ว ไม่สนด้วยซ้ำว่าเขาที่เป็นลูกนั้นจะรู้สึกยังไง ขนาดตายจากกันไปเป็นอดีต เมื่อกลับมาเจอกันก็ยังจะตามจองล้างจองผลาญกันไม่เลิก เจ้ากรรมนายเวรเขาคงมาในรูปแบบผู้มีพระคุณแน่ๆ ถึงได้เจออะไรแบบนี้

“ในอดีตผมเคยขี้ขลาดเพราะมีพ่อที่ดีแต่เอาตัวเองเป็นใหญ่ แต่ชาตินี้ผมคือณิช ไม่ใช่คุณปราณคนที่เกรงกลัวพ่ออีกต่อไปแล้ว ผมจะปกป้องคนที่ผมรัก ต่อให้คำสาปบ้าบอนั่นจะบอกว่าเราไม่เหมาะสมกัน หรือคุณจะมาเย้ยหยันในความรักของเราอีกกี่สิบครั้ง แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าผมรักผู้ชายคนนี้ และไม่มีวันปล่อยมือจากเขาเด็ดขาด!”

ณิชพูดทุกอย่างออกมาพร้อมน้ำตา เขาไม่อาจกักเก็บความเสียใจที่กระทำต่อไอ้หาญในอดีตได้ แต่กระนั้นก็ยังคงยืนหยัดที่จะพูดทุกอย่างออกมาให้ชัดเจนที่สุด เพื่อที่นิธานจะได้รู้ชัดกันไปเลยว่าเขาไม่มีวันยอมแพ้ และเขาไม่เสียใจเลยที่ได้รักผู้ชายคนนี้

นิธานได้ยินทุกคำของณิชชัดเจน อกเขาเหมือนมีอะไรมาบีบรัด ยิ่งเห็นมือทั้งสองที่กอบกุมกันอยู่ไม่ปล่อยยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บ

“ดี! งั้นก็ขอให้รักกันนานๆ” นิธานพูดแค่นั้นก็เดินไปที่รถ คมรีบเดินตามไปแต่เจ้านายกลับบอกว่าจะขับรถเอง เมื่อเห็นว่านิธานยอมล่าถอยไปง่ายๆ คมจึงยอมขึ้นไปนั่งที่ข้างคนขับ

“คิดว่าคำพูดแค่นั้นจะดับความแค้นกูได้เหรอ ยิ่งท้าทายคำสาปของกู กูก็จะยิ่งทำให้พวกมึงทรมาน”

คมหันมองหน้านิธานที่กำลังพึมพำกับตัวเอง สายตาอีกฝ่ายจับจ้องไปยังคู่รักชายที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม มือเรียวของณิชจับตัวจีรัชญ์ดูว่าบาดเจ็บตรงไหนอีกไหม

คนทั้งคู่กำลังเป็นห่วงเป็นใยกันหันไปตามเสียงของไอ้มั่น ก่อนจะได้ยินเสียงคันเร่งของรถก็ดังขึ้น จากนั้นรถยนต์คันสีดำจะพุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างไม่คิดเบรก ณิชตกใจดึงตัวจีรัชญ์ให้หลบ แต่จีรัชญ์กลับใช้จังหวะสุดท้ายก่อนรถจะถึงตัวพวกเขาบังณิชไว้ ทำให้จีรัชญ์รับแรงกระแทกไปเต็มๆ

“คุณปราณ! ระวังขอรับ!” ไอ้มั่นที่เพิ่งโผล่มาร้องบอกก่อนจะเอาดวงวิญญาณของตนเองมาขวางไว้ โดยที่มันคงลืมไปว่าตัวของมันนั้นเป็นเพียงแค่วิญญาณไร้กายหยาบ

โครม! ตู้ม!!

ณิชล้มกลิ้งไปบนพื้นไม่เป็นท่า ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือร่างของจีรัชญ์ลอยละลิ่วกลางอากาศจากแรงกระแทกของรถ ก่อนร่างจะตกลงมากระแทกพื้นอย่างจังจนเลือดส่วนหัวนองไปทั่วพื้น ส่วนรถของนิธานก็พุ่งลงน้ำไปทันทีเพราะเบรกไม่ทัน

“คุณจีรัชญ์!!!” ณิชร้องเรียกอีกฝ่ายสุดเสียงก่อนจะวิ่งไปหา มือเขาสั่นคุมไม่อยู่เมื่อเห็นจีรัชญ์นอนหายใจพะงาบๆ อยู่บนพื้น เลือดสีแดงฉานกำลังไหลออกจากตัวจีรัชญ์ช้าๆ รูปกระดูกบิดเบี้ยวดูไม่ปกติ

เสียงชนเมื่อครู่ทำให้คนในร้านออกมามุงดูรวมไปถึงมิ้งและแขไข หญิงสาวทั้งสองร้องกรี๊ดก่อนจะรีบวิ่งมาดูอาการของจีรัชญ์ในทันที

“คุ...คุณ...อึก...ฮือ...ใครก็ได้โทรตามรถพยาบาลให้หน่อยครับ! โทรตามรถพยาบาลให้หน่อย!” ณิชตะโกนขอความช่วยเหลือพร้อมเสียงสะอื้นเพราะความกลัว แขไขที่ตั้งสิได้ก่อนใครรีบหยิบมือถือมาโทรหารถพยาบาลทันที แม้มือจะสั่นจนแทบทำโทรศัพท์มือถือร่วงก็ตาม

“ไหนคุณบอกไม่เป็นอะไร ฮือ...คุณมีเลือด ทำไมเลือดออก ฮืออ...คุณจีรัชญ์”

ณิชพูดไม่ออก เขาได้แค่ร้องไห้อยู่ข้างๆ จีรัชญ์ ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปกอดเพราะกลัวทำกระดูกที่หักเคลื่อนไปมากกว่านี้ เขาทำเพียงแค่จับมืออุ่นของจีรัชญ์ไว้ โดยคนเจ็บทำเพียงมองหน้าเขาแล้วบีบมือเบาๆ

“คำสาป...จบสิ้นแล้ว”

คำสุดท้ายของไอ้หาญที่มันได้พูดกับคุณปราณ มันรู้สึกผิดจับใจที่ทำให้คุณปราณต้องร้องไห้เพราะมันอีกแล้ว ในชาตินี้มันทำให้คุณปราณเสียใจหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้คงเป็นครั้งที่มันรู้สึกเจ็บปวดที่สุด เพราะมันไม่สามารถกลับไปขอโทษอีกฝ่ายได้อีกแล้ว







โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๓๒



หนึ่งใจแค้น มิเคยลืม ถูกหยามเกียรติ

หนึ่งใจเกลียด มิอาจรับ ความจริงได้

หนึ่งใจชัง มิอาจปล่อย ผ่านเลยไป

หนึ่งใจชั่ว มิอาจให้ ความปรานี


เพราะใจที่เจ็บแค้นไม่อาจให้ตนโดนหยามได้ อีกทั้งคำสาปที่ทิ้งไว้ก็ดูจะเป็นผลให้คนทั้งสองได้ครองคู่กัน ออกญาศรีรัตนกรในร่างนิธานจึงตัดสินใจขัดขวางโดยการขับรถพุ่งเข้าชนร่างณิช หวังปลิดชีวิตอีกฝ่ายเพื่อให้ไอ้หาญได้ทรมานไปอีกหนึ่งชาติ โดยไม่สนว่านั่นคือลูกของตน นาทีนี้สิ่งเดียวที่ต้องการคือการจองจำไอ้หาญให้ติดอยู่กับคำสาปไปอีกนานแสนนาน

“ท่านครับ! จะชนคุณปราณันต์แล้วนะครับ!” คมร้องเตือนคนที่เหยียบคันเร่งไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น ในตอนแรกคิดว่าอีกฝ่ายถอดใจยอมถอยเพื่อไปตั้งหลัก แต่ที่ไหนได้กลับขับรถมุ่งสู่ร่างคนทั้งสองที่เจ้าตัวเกลียดชัง

ความแค้นบดบังใจจนมืดบอด กลายเป็นไอ้หาญที่ยอมเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงรับแรงกระแทก ส่วนคนทั้งสองที่นั่งอยู่ในรถก็พุ่งลงน้ำไปพร้อมกับรถยนต์ที่ก่อเหตุ น้ำไหลเข้ามาในห้องโดยสารอย่างรวดเร็ว แรงกระแทกของผู้ที่ยังไม่ได้คาดเข็มขัดอย่างคม ทำให้ตัวกระเด็นกระแทกกับประตู หัวโขกกับคอนโทรลรถอย่างจังจนสลบไป และไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้อีกเพราะร่างกายไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองให้หลุดพ้นจากการจมดิ่งสู่ใต้แม่น้ำได้

ทางด้านคนขับที่คิดปลิดชีวิตผู้อื่นกลับดิ้นรนเพื่อหาทางออก แต่เพราะน้ำที่ไหลทะลักเข้ามาอีกทั้งประตูถูกล็อกปิดทำให้เขาต้องติดอยู่ในห้องโดยสาร เขาพยายามทุบกระจกแต่ก็ไม่เป็นผล ตะเกียกตะกายดิ้นรนจนนาทีสุดท้ายก่อนร่างชักกระตุกแน่นิ่งไปอีกคน

กลายเป็นชาตินี้ที่ท่านออกญาฯ และไอ้คมตายตกไปพร้อมกันโดยไร้ความช่วยเหลือใดที่มาช่วยได้ทันเวลา แม้แต่พญามัจจุราชก็ยังยินดีต้อนรับคนทั้งสองที่กระทำกรรมต่อผู้อื่นไว้ แม้จะให้โอกาสมาเกิดใหม่ และมอบความทรงจำของเรื่องราวทุกอย่างเพื่อว่าจะได้มาช่วยปลดปล่อยคนทั้งคู่ แต่ท่านออกญาฯ ก็ยังเลือกความแค้นของตนเป็นที่ตั้ง ไร้ความปรานีต่อผู้อื่น ทำให้ชาตินี้จึงเป็นชาติสุดท้ายที่จะได้เกิดมา หลังจากนี้คงได้อยู่ชดใช้กรรมในนรกต่อไป

*

“พี่ณิช ดื่มน้ำสักหน่อยนะพี่” มิ้งยื่นน้ำขวดให้กับรุ่นพี่ตนที่ยังนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดไม่ไปไหน เนื้อตัวและเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของจีรัชญ์ถูกชำระและเปลี่ยนให้สะอาดแล้ว ด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่มิ้งไปหาซื้อมาให้

หญิงสาวนั่งลงข้างคนที่รับขวดน้ำไปจากเธอแต่ไม่คิดเปิดดื่มแม้แต่น้อย ตอนแรกที่เห็นว่าจีรัชญ์โดนรถชน เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่านั่นคือรถของนิธาน ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะทุกคนได้ยินเสียงก็ตอนเกิดเหตุแล้ว อาการของจีรัชญ์สาหัสมาก และณิชอยู่ในสภาวะช็อกทำอะไรไม่ถูกได้แค่ร้องไห้ เธอเองก็ตกใจมากเช่นกัน คนที่มีสติที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าของร้านและแขไขที่รีบโทรตามรถพยาบาลและแจ้งตำรวจ

เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนณิชเลิกมองนาฬิกา จีรัชญ์อยู่ในห้องผ่าตัดและยังไม่ออกมา เขาได้แค่นั่งภาวนาขอให้อีกฝ่ายรอด เขาพยายามคิดถึงแต่สิ่งดีๆ ที่พอจะทำให้มีกำลังใจในการรอบ้าง นั่นคือคำพูดสุดท้ายของจีรัชญ์ที่บอกว่าคำสาปจบสิ้นแล้ว

เขาดีใจที่ชาตินี้คือชาติที่ไอ้หาญไม่ต้องทนรอเขาอีกต่อไป ห้วงเวลาของพวกเขาสองคนได้มาถึงแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้เช่นเดียวกันว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ไอ้หาญอาจหลุดพ้นจากคำสาปจริง แต่โชคชะตาจะยอมให้เขาสองคนได้คู่กันโดยไม่มีอุปสรรคหรือไม่นั่นไม่มีใครรู้ได้

“ณิช... ตำรวจจะสอบปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณไหวรึเปล่า” แขไขเดินเข้ามาถาม

ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอต้องจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เอง เพราะสภาพลูกน้องมือดีของเธอไม่อยู่กับร่องกับรอย อีกทั้งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่มีใครเลยเธอจึงไม่สามารถบอกให้ตำรวจไปสอบถามใครเพิ่มเติมได้อีก

“ครับ” ณิชตอบรับก่อนจะลุกเดินออกไปคุยกับตำรวจ

เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ตรวจดูกล้องวงจรปิดแล้วก็เห็นเป็นอย่างที่ณิชเล่า ส่วนนิธานกับคมไม่ได้โผล่ขึ้นมาอีกเลย คาดว่าคงจมไปพร้อมกับตัวรถลงสู่ก้นแม่น้ำแล้ว คงต้องรอพรุ่งนี้เพื่อที่จะได้กู้ซากรถขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง

การรอคอยที่แสนยาวนานสิ้นสุดลงเมื่อเจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัดเรียกชื่อญาติจีรัชญ์ ณิชรีบวิ่งไปหาทันที สภาพที่เห็นทำเขาแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ร่างของจีรัชญ์มีเหล็กเสียบอยู่ตรงช่วงท้องทะลุเข้าตัวไปเพื่อยึดกระดูกไว้ จีรัชญ์ยังอยู่ในอาการโคม่า เนื่องจากกระดูกในหลายส่วนหัก มีอาการบอบช้ำภายใน รวมไปถึงสมองที่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อีกทั้งเสียเลือดมากตอนผ่าตัด เพราะฉะนั้นจึงต้องรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤตต่อไป

ในคืนแรกนั้นแพทย์ยังไม่ให้เข้าเยี่ยมเพราะต้องการให้คนเจ็บพักผ่อนให้เต็มที่ ตอนแรกณิชไม่ยอมและยืนกรานว่าจะอยู่รอจนกว่าหมอจะอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ แต่แขไขกลับห้ามไว้

“อยู่ที่นี่คุณจะได้พักตอนไหน นั่งเฝ้านั่งหลับอยู่หน้าห้องไปแบบนี้เหรอ กลับไปพักก่อนแล้วค่อยมาเยี่ยมดีกว่าไหม” แขไขพูดน้ำเสียงกึ่งดุ แม้เธอจะไม่พอใจที่ณิชได้หัวใจของจีรัชญ์ครอบครอง แต่เธอก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำที่จะทนยืนดูณิชเคว้งคว้างอย่างคนทำอะไรไม่ถูกได้ เธอจึงยอมปัดความโกรธออกไปก่อนแล้วยื่นมือเข้ามาช่วย

“คุณแข...”

ณิชหันมองหน้าเจ้านายตัวเองด้วยใบหน้าเศร้า ดวงตาสวยคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เขาเม้มปากเพื่อข่มความเสียใจและเสียงสะอื้นไว้ แขไขมองอีกฝ่ายที่คงยากจะทำใจได้ว่าจีรัชญ์อาจไม่รอดจากคืนนี้ เพราะหมอบอกความเสี่ยงไว้หมดแล้วว่าเปอร์เซ็นต์ที่จีรัชญ์จะอยู่รอดได้ต้องลุ้นกันชั่วโมงต่อชั่วโมง

“พี่ณิช กลับกันก่อนนะพี่ ค่อยมาใหม่นะ” มิ้งช่วยพูดอีกแรง แต่ณิชยังคงยืนเงียบ ร้อนถึงไอ้มั่นที่อยู่กับนายมันตลอดเวลา และรับรู้ถึงความเสียใจที่นายมันมีจึงพูดออกไปบ้าง

‘ให้บ่าวอยู่รอเองนะขอรับ หากมีกระไรเกิดขึ้นบ่าวจะรีบไปบอกคุณปราณนะขอรับ ตอนนี้คุณปราณกลับไปพักก่อนนะขอรับ’

ทาสผู้ซื่อสัตย์อ้อนวอนต่อนายของมัน ตอนนี้เป็นเวลาตีสามกว่าแล้ว มันอยากให้ณิชไปพักมากกว่าจะมานั่งอดนอนตรงนี้โดยที่ช่วยอะไรจีรัชญ์ไม่ได้ หนำซ้ำยังต้องเอาตัวเองมาทรมาน หากล้มป่วยไปอีกคนจะแย่เอา

‘แต่ผมไม่อยากทิ้งเขาไว้คนเดียว’ ณิชตอบไอ้มั่นในใจ สายตาเศร้าสร้อยทอดมองประตูห้อง ICU ที่ปิดสนิท และผู้ที่เข้า-ออกได้ต้องได้รับอนุญาตเท่านั้น

‘บ่าวจะอยู่กับมันไม่ไปไหนเลยขอรับ คุณปราณกลับไปพักก่อนเถิด บ่าวขอร้องนะขอรับ’ ไอ้มั่นถึงกับคุกเข่าขอร้องเจ้านาย ณิชก้มมองคนที่นั่งต่ำกว่าตนก่อนจะยอมจำนนต่อคำขอนั้น

มิ้งขับรถมาส่งณิชที่ห้องและถือโอกาสนอนค้างด้วยเสียเลย เพราะไม่อยากทิ้งณิชไว้คนเดียว ก่อนหน้านี้ก็เคยมาค้างตอนเมาบ่อยๆ จึงไม่รู้สึกประดักประเดิดอะไร เธอเอาเบาะนอนมาปูนอนหน้าโทรทัศน์ ส่วนณิชก็เข้าห้องนอนไป

แต่ถึงแม้ใครหลายคนจะบอกให้ณิชพักเขาก็นอนไม่หลับอยู่ดี ดังนั้นณิชจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่หกโมง มิ้งที่เพิ่งหลับไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงลุกขึ้นมองรุ่นพี่เธอด้วยสายตางัวเงีย

“พี่จะไปไหน”

“จะไปหาคุณจีรัชญ์ ฝากแกล็อกห้องแล้วก็ลางานกับพี่โอ๋ให้พี่ด้วยนะ” ณิชบอกทิ้งไว้แค่นั้นก็คว้ากุญแจรถออกจากห้องไป

“พี่ณิช! เห้ย! พี่ได้นอนยังเนี่ย เอ้า!” มิ้งลุกตามไปถามแต่ก็ไม่ทันเพราะณิชเข้าลิฟต์ไปแล้ว เธอขยี้หัวฟูๆ ของตัวเองก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปล้างหน้าแปรงฟัน เดี๋ยวคงต้องกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องก่อน จากนั้นก็ค่อยไปบริษัท

“ฮัลโหลพี่โอ๋ วันนี้ขอเข้าสายหน่อยนะพี่ พอดีมีเรื่องว่ะ”

[เรื่องไรวะ ไม่ร้ายแรงไม่อนุญาต]

“เออ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง แล้ววันนี้พี่ณิชลานะพี่”

[มันจะไปไหนทำไมไม่ลาเอง]

“เออน่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง แค่นี้นะ” พูดจบมิ้งก็วางสาย เธอกวาดสายตามองไปทั่วห้องของณิช เห็นรังรักของณิชกับจีรัชญ์แล้วได้แต่ถอนหายใจ มาอยู่ใกล้ให้มีความสุขแค่ไม่กี่วันก็ต้องทนทุกข์ทรมานกันอีกแล้ว

*

ณิชมาถึงโรงพยาบาลในเวลาแปดโมงเช้า เมื่อคืนเขาพยายามทำตัวให้ตื่นตลอดเวลาแต่มั่นไม่ได้กลับไปหาเขาเลย แสดงว่าจีรัชญ์ผ่านพ้นช่วงเวลาไปได้กว่า 5 ชั่วโมงแล้ว

ชายหนุ่มวัยทำงานที่มีกาแฟแก้วหนึ่งวางอยู่ใกล้ตัวนั่งมองคนที่เดินผ่านเข้าออกห้อง ICU เขาชะเง้อคอมองว่าแพทย์ที่ดูแลจีรัชญ์อยู่หรือไม่ เพื่อจะได้ถามไถ่อาการ แต่ความอดทนรอของเขามีขีดจำกัด เมื่อเห็นพยาบาลของหอผู้ป่วยวิกฤตเดินออกมาเขาจึงเข้าไปถามเธอ

“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบคนไข้ชื่อจีรัชญ์อาการเป็นยังไงบ้างครับ”

“คุณจีรัชญ์... อ๋อ คนไข้ของหมอวีระใช่ไหมคะ ตอนนี้ยังต้องเฝ้าดูอาการค่ะ เดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาอีกทีช่วงเที่ยง ถ้าญาติจะพบหมอก็มาตอนนั้นได้เลยนะคะ” พยาบาลสาวนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

“ครับ ขอบคุณมากครับ” ณิชยิ้มขอบคุณ เขาหลบให้พยาบาลสาวเดินออกไปส่วนตัวเองก็กลับมานั่งที่เดิม

‘คุณปราณขอรับ’ ไอ้มั่นเรียกเจ้านายของมันเบาๆ รู้อยู่แล้วว่ายังไงคุณปราณก็ต้องมาหาไอ้หาญตั้งแต่เช้าแบบนี้

‘เมื่อคืนคุณจีรัชญ์เป็นไงบ้างมั่น เขาฟื้นรึยัง’

‘เหมือนจะรู้สึกตัวขอรับแต่ก็หลับไปก่อน ได้ยินพยาบาลเขาพูดกันว่าตอนนี้อาการยังน่าเป็นห่วง เพราะผ่าตัดหลายจุดต้องรอให้ร่างกายพักฟื้นอีกสักพัก แต่โดยรวมแล้วยังไม่มีอะไรที่แปลกไปจากเดิมขอรับ’

แค่นี้ก็ดีแล้ว แค่จีรัชญ์ยังมีลมหายใจอยู่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ณิชไปหาข้าวที่โรงอาหารของโรงพยาบาลกิน แม้จะไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่ก็ตาม ส่วนไอ้มั่นก็กลับไปอยู่กับจีรัชญ์ตามเดิม ระหว่างที่กำลังทานข้าวอยู่นั้นแขไขก็โทรเข้ามาหา บอกเรื่องโปรเจกต์ของโรงแรมนิธานว่าเขายังต้องทำต่อไป เพราะผู้ถือหุ้นรายใหม่ขึ้นแท่นผู้บริหารแทนแล้ว ในส่วนของตำรวจก็กู้ซากรถขึ้นมาได้แล้ว มีศพของนิธานและคมอยู่ภายในนั้น เป็นอันแน่ชัดแล้วว่าทั้งคู่เสียชีวิตเพราะจมน้ำ

“ขอบคุณมากครับคุณแข” ณิชเอ่ยขอบคุณเจ้านายที่ช่วยเป็นธุระให้ทุกอย่าง

[ถ้าจะขอบคุณฉันก็ช่วยตั้งสติแล้วอยู่กับปัจจุบัน อย่ามัวแต่จมอยู่กับความเสียใจ ช่วงนี้ฉันอนุญาตให้ลางานได้ แต่คงให้ได้ไม่เกิน 3 วันนะ เพราะงานของบริษัทยังต้องเดินหน้าต่อ] แขไขพูดเสียงเรียบก่อนจะวางสายไป

ขอบคุณที่แขไขยังปรานีให้เขาหยุดเพื่อมาดูจีรัชญ์ถึง 3 วัน ส่วนหลังจากสามวันจะเป็นอย่างไรก็คงต้องรอดูกันอีกที ระหว่างนี้ณิชไม่ลืมโทรไปบอกป้าแจ่มว่าจีรัชญ์ประสบอุบัติเหตุ ฝ่ายนั้นตกใจจนเกือบเป็นลมเขาจึงได้คุยกับแม่บ้านอีกคนแทน ป้าแจ่มบอกว่าเดี๋ยวจะขึ้นมาเยี่ยมที่กรุงเทพฯ ณิชจึงบอกว่าเดี๋ยวจะให้มิ้งไปรอรับ และให้ป้าแจ่มมาพักที่ห้องของเขา

เข้าช่วงเที่ยงณิชมานั่งรอพบหมอเจ้าของไข้ นายแพทย์วีระเดินออกมาพร้อมกับหมอคนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง เขาจำได้ว่าหมอที่ทำการผ่าตัดให้กับจีรัชญ์เป็นหมอที่มีอายุอีกท่านหนึ่ง แต่หมอวีระหนุ่มกว่าคาดว่าเป็นลูกศิษย์ของหมอวีระที่เป็นหัวหน้าทีมแพทย์อีกที

“รวมๆ แล้วตอนนี้ยังต้องติดตามอาการชั่วโมงต่อชั่วโมงครับ เพราะหมอไม่แน่ใจว่าคนไข้จะรับได้มากแค่ไหนนะ”

คำตอบหมอทำณิชฝืนยิ้มอีกครั้ง เอาน่ะ...อย่างน้อยๆ ตอนนี้ก็ผ่านไปเกิน 10 ชั่วโมงแล้วล่ะนะ รออีกหน่อย ขอให้จีรัชญ์อดทนอีกสักนิด ผ่านพ้นเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกันเพื่อจะได้ลืมตามาเจอกันอีกครั้ง

*

ณิชได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมจีรัชญ์ได้ในวันต่อมา ไอ้มั่นบอกว่าจีรัชญ์ฟื้นเมื่อคืน กะพริบตา 2-3 ทีก็หลับต่อ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี วันนี้เขาจึงรีบมาหาตั้งแต่เช้าเพื่อให้ทันเวลาเยี่ยมไข้ เพราะมันเป็นกฎว่าต้องเข้าเยี่ยมตามเวลาเท่านั้น

ทันทีที่เขาได้เห็นร่างของคนเจ็บน้ำตาที่หายไปแล้วก็กลับมาอีกครั้ง เหล็กที่เสียบทะลุเนื้อเพื่อยึดกระดูกให้ติดกันดูน่ากลัว ร่างกายของจีรัชญ์เต็มไปด้วยเหล็กยึด สายระโยงระยางเต็มไปหมด มีทั้งสายที่มาจากเสาที่ให้ยา สายวัดชีพจร สายน้ำเกลือ ถุงเลือด สภาพในตอนนี้แทบลืมไอ้หาญคนที่เคยแข็งแรงไปได้เลย

ณิชกดเจลแอลกอฮอล์ตรงปลายเตียงผู้ป่วยเพื่อล้างมือให้สะอาด พยายามไม่ให้ตัวเองเข้าไปชนอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนจะจับมืออุ่นข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือบีบเบาๆ เพื่อบอกให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้

“คุณจีรัชญ์ครับ” เสียงอันสั่นเครือเรียกคนที่หลับอยู่เบาๆ เขามีเวลาเยี่ยมเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น หากเป็นไปได้ก็อยากให้จีรัชญ์ลืมตาขึ้นมามองกันสักหน่อย

ณิชจับมืออีกฝ่ายไม่ห่าง แม้เรียกแล้วแต่จีรัชญ์ไม่ตื่นขึ้นมาก็ตาม เขายืนมองใบหน้าหล่อที่ซีดกว่าปกติเล็กน้อย ตัวเลขบนหน้าจอตรงหัวเตียงบ่งบอกถึงการมีชีวิตยังคงทำงานของมันต่อไป เขาจะถือว่านี่คือเรื่องดีที่จีรัชญ์ไม่จากเขาไปเสียก่อน

เมื่อหมดเวลาเยี่ยมณิชก็ออกมารอที่หน้าห้อง โดยมีไอ้มั่นคอยเข้าๆ ออกๆ ห้องเพื่อไปเฝ้าเพื่อนรักกับมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้านาย แต่หลายครั้งที่ณิชบอกให้ไอ้มั่นเข้าไปอยู่กับจีรัชญ์ นี่คือข้อดีอย่างหนึ่งของการมีวิญญาณตามติด ถึงเขาจะเข้าไปอยู่กับจีรัชญ์ตลอดเวลาไม่ได้ แต่ก็ยังมีไอ้มั่นคอยส่งข่าวให้ตลอด

*

“อะ! กูซื้อข้าวมันไก่มาฝาก” พี่โอ๋ยื่นถุงกล่องข้าวมาให้ในเวลาตอนเที่ยงของการเฝ้าจีรัชญ์วันที่ 3 ก่อนจะมีกาแฟเย็นแก้วหนึ่งยื่นมาคู่กันแต่มาจากบอย

“ผมซื้อน้ำมาให้เป็นการไถ่โทษ ขอโทษนะพี่ณิช ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าพี่กับคุณตรีคบกันว่ะเลยพูดไรไปแบบนั้น” บอยกล่าวขอโทษอย่างรู้สึกผิด แต่ที่ยังค้างคาใจก็คงจะเป็นเรื่องลมที่พัดเขาจนตกสระบัว ลมพัดราวกับโดนใครถีบทำเอาเขาเข็ดสระบัวไปเลยจริงๆ

“ช่างมันเถอะ ขอบใจมากนะ ขอบคุณนะพี่โอ๋”

“เออ ไม่เป็นไร พวกกูเพิ่งรู้ข่าวเรื่องของมึงทั้งหมดจากไอ้มิ้ง ช็อกเถอะไอ้สัด แล้วนี่คุณตรีเขาเป็นไงบ้างวะ”

“อาการยังทรงตัวอยู่ ไม่ทรุดแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่” ณิชตอบเสียงเรียบ เขาไม่ได้กินข้าวของพี่โอ๋แต่ดูดกาแฟไปอึกใหญ่

“ต้องให้เวลาร่างกายฟื้นฟูแหละ เจ็บหนักเลยนี่”

“อืม” ณิชพยักหน้ารับกับประโยคของบอย

แขไขกับมิ้งที่เข้าไปเยี่ยมจีรัชญ์เดินออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก กฎการเยี่ยมให้เข้าไม่เกินสองคนเขาจึงเข้าไปด้วยไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทั้งสองเดินออกมาหน้าตาแบบนั้นเขาจึงลุกไปหาทันที

“คุณจีรัชญ์เป็นอะไร!” ณิชถามเสียงร้อนรน

“เอ่อ...คุณตรีตื่นแล้ว” มิ้งตอบ ด้วยความดีใจณิชไม่ได้อยู่รอฟังประโยคต่อไปที่หญิงสาวพูดต่อ เขารีบพุ่งเข้าห้อง ICU ทันที โดยแขไขรีบตามไปอีกคน

ณิชตรงไปยังเตียงผู้ป่วยเตียงเดิมที่เขาเฝ้ามา 3 วันแล้ว และครั้งนี้จีรัชญ์ก็ตื่นมาเจอหน้าเขาสักที หลังจากที่ไอ้มั่นบอกว่าจีรัชญ์หลับๆ ตื่นๆ หลายครั้ง แต่มันก็คลาดกับเขาทุกครั้งไป เพราะทุกครั้งที่จีรัชญ์ตื่นก็จะหมดเวลาเยี่ยม ไม่ก็เป็นช่วงกลางคืนที่เขากลับไปนอนที่ห้อง

รอยยิ้มแรกของคนที่เฝ้ารอยิ้มให้กับชายหนุ่มที่นอนลืมตาอยู่บนเตียง ณิชเก็บความดีใจไม่มิดจนรีบพาตัวเองและมืออันเย็นเฉียบไปจับมือจีรัชญ์ไว้

“ในที่สุดเราก็ได้เจอกันสักที”

หากเป็นไปได้เขาอยากจะกอดจีรัชญ์ให้แน่นๆ ที่อีกฝ่ายต่อสู้จนตื่นมาเจอเขาอีกครั้ง เขาบีบมือใหญ่เบาๆ พร้อมใบหน้าที่ยังคงยิ้มไม่หุบ น้ำตาเอ่อคลอด้วยความดีใจ อย่างน้อยโชคชะตาก็ไม่ใจร้ายกับพวกเขานัก

“คุณคือใคร”

แต่คำถามแรกที่ออกจากปากจีรัชญ์ทำณิชตัวชาวาบ รอยยิ้มสดใสค่อยๆ เจื่อนลงทีละน้อย ก่อนจะหันไปมองหน้าแขไขที่ยืนหน้าเครียดอยู่ตรงปลายเตียง

“ไม่ตลกนะครับ อย่าเล่นกันแบบนี้สิ” ณิชยังฝืนยิ้มต่อ แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของคนบนเตียงกลับทำให้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเขา

“แขครับ คนนี้คือ...” จีรัชญ์ถามหญิงสาวที่ตนรู้จักอย่างต้องการคำตอบ

“ณิชเป็นลูกน้องแขค่ะ เขา...เป็นคนดูแลโปรเจกต์รีโนเวทภายในวังของคุณ” แขไขรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อยที่ต้องเป็นคนกลางแบบนี้ เธอไม่รู้ว่าถ้าหากบอกจีรัชญ์ไปว่าณิชคือคนรักของเจ้าตัว จีรัชญ์จะเป็นอย่างไร

“อ๋อ... สวัสดีครับคุณณิช ขอโทษทีนะครับ ผมจำอะไรไม่ค่อยได้ คงเพราะอุบัติเหตุที่ทำให้ผมต้องมานอนอยู่อย่างนี้แหละ” จีรัชญ์ตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนเพื่อบอกว่าเขาขอโทษจากใจจริง ก่อนเจ้าของมือที่ถูกณิชกอบกุมไว้จะดึงออกและหลุดจากกันในที่สุด

ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ ทำให้ณิชได้แค่กล้ำกลืนความเจ็บเหล่านั้นต่อไป แขไขได้แจ้งพยาบาลไปแล้วว่าจีรัชญ์จำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้ ซึ่งหมอได้มาตรวจดูอาการก่อนหน้านี้ที่จีรัชญ์ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะคิดว่าอาจจะยังเบลอเพราะฤทธิ์ยาจึงปล่อยไปก่อน แต่เมื่อคนใกล้ชิดยืนยันแบบนี้ก็แสดงว่าจีรัชญ์คงสูญเสียความทรงจำก่อนหน้านี้ไปแล้วจริงๆ


ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
(ต่อ)


ไอ้มั่นมองสหายของมันด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ มันเอามือโบกไปมาตรงหน้าแต่อีกฝ่ายกลับมองไม่เห็นมันเสียอย่างนั้น ไม่ว่าจะเรียกหรือทำเสียงแปลกๆ กวนประสาทเพราะคิดว่าไอ้หาญแกล้ง แต่เปล่าเลย...ไอ้หาญไม่มีท่าทีว่าจะได้ยินหรือรับรู้ได้ว่ามันมีตัวตน

“อึก...ฮึก...” ณิชพยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่มันรั้นจะหลุดออกมาเสียให้ได้ จนเขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปจึงรีบออกจากห้อง ICU ไป

มิ้งวิ่งตามรุ่นพี่ของเธอมาจนเห็นว่าณิชกำลังหลบมุมนั่งร้องไห้อยู่หลังเสา มือเรียวอุดปากไว้ไม่ให้เสียงร้องของตัวเองรบกวนคนอื่นจนตัวสั่น น้ำตาเม็ดโตไหลไม่หยุดจนมิ้งรู้สึกสงสารจับใจ เธอจะคิดว่าจีรัชญ์ล้อเล่นเรื่องสูญเสียความทรงจำ หากไม่ใช่ว่าตอนที่เธอเข้าไปเยี่ยมจีรัชญ์อีกฝ่ายก็จำเธอไม่ได้เช่นเดียวกัน แต่ทักทายแขไขอย่างคนคุ้นเคยมานานพร้อมรอยยิ้มหวาน

“พี่ณิช...” มิ้งเรียกคนที่นั่งสะอื้นราวเด็กน้อยร้องไห้เสียงเบา เธอนั่งลงข้างกันก่อนจะกอดไหล่อีกฝ่ายเอาไว้ น้ำตาแห่งความเสียใจที่เข้าใจความรู้สึกของณิชดีไหลอาบแก้ม เธอสงสารณิชจับใจที่ต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ไอ้มั่นเองก็เช่นกัน มันตามเจ้านายของมันออกมา เห็นความเสียใจที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ของคุณปราณก็ทำมันน้ำตาไหล พวกมันทำอะไรผิดหรือ เหตุใดโชคชะตาถึงได้กลั่นแกล้งทรมานกันถึงเพียงนี้ แค่สองชาติที่ผ่านมายังเจ็บช้ำกันไม่มากพอหรือ

แต่หากกรรมของมันที่สร้างไว้ ผูกชะตาให้ครองคู่มิเปลี่ยนผัน

ก็จงหยุดคำสาปไว้นิจนิรันดร์ ให้มนต์นั้นสิ้นสลายมลายเอย

คำสาปที่ออกญาศรีรัตนกรลั่นวาจาไว้ บอกเพียงแค่ว่าให้ครองคู่ในเวลาที่เหมาะที่ควร ถึงแม้ความรักของทั้งคู่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นรักแท้ต่อกัน แต่การได้ครองคู่กันไม่ได้หมายความว่าจะได้อยู่ด้วยกันตราบสิ้นลมหายใจ

ณิชหยุดร้องไห้ไปแล้วเพราะน้ำตาเขาแทบไม่มีให้ไหล ปวดกระบอกตาไปหมดแต่กระนั้นความเสียใจก็ยังอยู่เต็มอก ชายหนุ่มไม่พูดไม่จากับใครเลย ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองสบตาใครก็ตามที่พยายามเรียกชื่อตน

‘ทำไงดีพี่มั่น พี่พอจะรู้อะไรเกี่ยวกับคำสาปอีกไหม หรือเราต้องผ่านด่านอะไรอีก’ มิ้งถามคนที่ในตอนนี้น่าจะเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด แต่ไอ้มั่นกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ ดวงตาเศร้าสร้อยของทาสผู้ซื่อสัตย์ได้เพียงทอดมองนายของมันอย่างทอดถอนใจ

‘ข้าไม่รู้จะช่วยเยี่ยงไรแล้วเจ้ามิ่ง ข้าเองก็จนหนทางแล้วเช่นกัน’

ที่ถือสัตย์สาบานว่าจะช่วยเหลือคนทั้งคู่มันพยายามเต็มที่แล้ว ทั้งดูแล ทั้งคอยช่วยเหลือ แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ที่ไอ้หาญมองไม่เห็นและไม่ได้ยินมัน มันก็จนปัญญาไม่รู้จะหาวิธีใดมาช่วยคุณปราณได้แล้ว

“ณิช...” แขไขเดินเข้ามาหาคนที่หนีหน้าออกมาก่อน ตอนนี้หมดเวลาเยี่ยมแล้วเธอจึงออกมาดูคนที่ต้องแบกรับความเสียใจอีกครั้ง เธอไม่รู้จะพูดยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เข้าใจถึงอาการบาดเจ็บของจีรัชญ์แต่ก็สงสารณิชเช่นเดียวกัน ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอก

“หมอบอกว่าต้องให้เวลา มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับคนไข้ เพราะการบาดเจ็บที่กระทบกระเทือนสมองทำให้ตรีสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป ถ้ายังมีโชคอยู่บ้างความทรงจำก็อาจจะกลับมา”

ณิชฟังคำพูดของหญิงสาวก่อนจะหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะที่ไม่มีความสุขเลยสักนิด ‘ถ้ายังมีโชคอยู่บ้าง’ โชคของพวกเขาหมดไปแล้ว ไม่มีเหลือแล้ว

“มิ้ง ฉันฝากด้วยล่ะ” แขไขตัดบทแค่นั้นไม่คิดพูดอะไรอื่นอีก เพราะเข้าใจว่าตอนนี้ณิชคงแบกรับอะไรไม่ไหวอีกแล้ว

โทรศัพท์ของณิชดังขึ้นขัดความเงียบ เมื่อเจ้าตัวหยิบออกมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์โทรของป้าแจ่ม เขากดรับสายกและบอกไปว่าเดี๋ยวจะให้มิ้งไปรับที่สนามบิน ป้าแจ่มมาพร้อมกับสุทินและรัศมีเลขาฯ ของจีรัชญ์ เพราะหญิงสูงวัยได้บอกข่าวกับสองคนนั้นแล้ว

“พี่จะไปด้วยกันไหม หรือจะอยู่ที่นี่” มิ้งลุกขึ้นยืนทุบขาตัวเองเบาๆ จากความเหน็บชาเพราะนั่งนานเกินไป

“พี่จะรอที่นี่” ณิชตอบเสียงอู้อี้

“ไอ้ณิช” พี่โอ๋เดินเข้ามานั่งข้างณิชแทนมิ้งที่ออกไปแล้ว ชายหนุ่มหัวหน้างานตบไหล่ลูกทีมตัวเองเบาๆ หลังจากได้รู้เรื่องอาการของจีรัชญ์แล้ว เขาไม่เคยเห็นณิชเป็นแบบนี้เลย ไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายแบกรับอะไรไว้มากแค่ไหน แต่วันนี้ได้เห็นความอ่อนแอของอีกฝ่ายก็ทำเขาอึ้งไปเหมือนกัน

“เอาน่ะ เดี๋ยวความทรงจำมันก็กลับมา ค่อยๆ รื้อฟื้นไปทีละนิด กูเชื่อว่ายังไงคุณตรีเขาก็จำมึงได้ในสักวัน”

ณิชไม่ได้พูดอะไรกับคำปลอบใจนั้น เพราะลึกๆ แล้วที่เขาต้องการให้จีรัชญ์จำไม่ใช่แค่เรื่องราวในชาตินี้ แต่เป็นทุกภพทุกชาติที่เขาได้เจอกันต่างหาก

เมื่อก่อนจีรัชญ์เป็นคนจำเรื่องราวในอดีตได้ทุกอย่าง ส่วนตอนนี้เหลือเพียงเขาคนเดียวที่ต้องจดจำมันไว้ เหมือนโชคชะตาต้องการลงโทษที่เขาต้องทำให้ชีวิตคนหนึ่งคนต้องแบกรับความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

มันก็สมควรแล้ว กรรมใดที่เขาก่อไว้ในอดีตชาติมันสมควรถูกชดใช้ให้หมดในชาตินี้ ไม่ใช่แค่คำสาปที่หายไป แต่กรรมที่สร้างไว้ก็ควรหมดไปด้วย

โอ๋กับบอยขอตัวกลับไปทำงานต่อณิชจึงได้อยู่คนเดียวอีกครั้ง เขายังคงนั่งหลบมุมอยู่ที่หลังเสาเช่นเดิม แรงจะลุกยืนยังไม่มีเพราะตอนนี้ตื้อไปหมด ไอ้มั่นนั่งลงข้างเจ้านายของมัน ไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยเพราะไม่รู้จะปลอบใจอย่างไร คงมีแค่ความเงียบและลมที่พัดเพียงแผ่วเบาปลอบประโลมคนที่กำลังเคว้งคว้างในตอนนี้

เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนมิ้งกลับมาอีกครั้ง ป้าแจ่ม สุทินและรัศมีมาพร้อมกับท่าทางร้อนรนเพราะเป็นห่วงเจ้านายตัวเองใจแทบขาด กว่าพวกเขาจะมาได้ก็ต้องอยู่เคลียร์งานก่อนเพื่อจะได้ขึ้นมาได้สะดวกใจ ป้าแจ่มกำขวดน้ำมันเหลืองที่ไว้สูดดมยามวิงวียนศีรษะไว้ตลอด ตอนรู้ข่าวจนกระทั่งตอนนี้ใจคอเธอไม่สู้ดีเลย

“ทุกคนรอตรงนี้ก่อนนะคะ ได้เวลาเยี่ยมช่วงเย็นพอดี เดี๋ยวหนูไปตามพี่ณิชก่อนจะได้เข้าไปดูคุณตรีกันเลย”

“ได้ค่ะๆ” ป้าแจ่มรับคำก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งหน้าห้อง ICU

สุทินแทบไม่เชื่อตัวเองว่าตอนนี้เขาจะมายืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยวิกฤตเพื่อรอเยี่ยมจีรัชญ์ เจ้านายของเขาที่ไม่เคยเป็นอะไรแม้แต่รอยข่วน แสดงว่าคำสาปที่ติดตัวมาผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งใจหนึ่งเขาก็ดีใจแต่อีกใจก็ห่วงว่าหลังจากนี้จีรัชญ์จะกลับมาเป็นปกติหรือไม่

มิ้งเดินมาหาณิชตรงที่เดิม เธอสะกิดบอกอีกฝ่ายว่าคนจากวังปริพัตรมาแล้ว ดวงตาแดงก่ำของชายหนุ่มสื่อให้รู้ว่าเจ้าตัวยังคงนั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ตั้งแต่ที่เธอออกไปรับป้าแจ่ม จนตอนนี้ แม้ไม่มีน้ำตาไหล แต่หยาดน้ำใสที่เอ่อคลอดวงตานั้นเป็นตัวบ่งบอกว่าความเสียใจยังมีอยู่เต็มอก

“สวัสดีครับป้าแจ่ม คุณสุทิน คุณรัศมี” ณิชทักทายพร้อมกับยกมือไหว้หญิงสูงวัย อีกฝ่ายรีบเข้ามากอดณิชในทันที

“คุณณิชเป็นยังไงบ้างคะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

“ผมไม่เป็นอะไรครับ คุณจีรัชญ์ช่วยผมไว้ ที่นี่เขาให้เข้าเยี่ยมได้ครั้งละ 2 คน เดี๋ยวผมพาป้าแจ่มเข้าไปก่อน ส่วนคุณสุทินกับคุณรัศมีค่อยเข้าไปตอนผมออกมานะครับ” ณิชข่มความเสียใจไว้ก่อนจะพาหญิงสูงวัยเข้าไปในห้องผู้ป่วยวิกฤต สุทินได้เพียงแค่มองตามหนุ่มเมืองกรุงที่ไม่กล้าสบตาใคร ดวงตาแดงก่ำนั้นสื่อให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก คงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมากกว่าอุบัติเหตุแน่ๆ

ป้าแจ่มน้ำตาเอ่อคลอเมื่อเห็นสภาพของจีรัชญ์ที่สาหัสกว่าที่คิดมาก ตั้งแต่เธอทำงานที่วังปริพัตรมาก็ไม่เคยเห็นจีรัชญ์เจ็บไข้ได้ป่วยเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นและมันรุนแรงจนเธอแทบเป็นลมลงตรงนี้

“ป้าแจ่ม” จีรัชญ์เอ่ยเรียกหญิงสูงวัยอย่างคนที่รู้จักกันดี ซึ่งนั่นยิ่งตอกย้ำว่าจีรัชญ์ลืมเรื่องราวของณิชเพียงแค่คนเดียว

“โถ...คุณตรี ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้คะ” ป้าแจ่มถามเสียงสั่นเครือ เธอไม่กล้าจับตัวจีรัชญ์จึงได้แค่ลูบไปบนหลังมือเบาๆ ณิชขอเก้าอี้จากพยาบาลมาให้เธอนั่ง ส่วนตัวเองก็หลบไปยืนอยู่ปลายเตียงแทน

“ผมก็ไม่ทราบครับ ตื่นมาก็เป็นแบบนี้เลย ผมจำเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ” จีรัชญ์ตอบ

เขาพยายามนึกมากเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเกิดอุบัติเหตุที่ไหน ใครเป็นคนทำ เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร เขาจำได้แค่ว่าตนเองเดินทางมาหาแขไขเพื่อมาคุยเรื่องตกแต่งภายในวังปริพัตร ซึ่งมันคือมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเขา หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก แขไขบอกเขาว่าเหตุการณ์นั้นผ่านมา 3 เดือนแล้ว แสดงว่าก่อนหน้าที่เขาจะประสบอุบัติเหตุต้องมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แต่เขากลับจำอะไรไม่ได้เลย รวมไปถึงชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงเขาด้วย

แขไขบอกว่าอีกฝ่ายชื่อณิช เป็นคนรับผิดชอบโปรเจกต์ตกแต่งภายในวังปริพัตร และได้ไปอยู่ที่วังตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่ตนเองกลับลืมเรื่องของคนผู้นี้ไปเสียสนิท ราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำ แขไขยังบอกอีกว่าเขากับณิชนั้นสนิทกัน แต่เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเขาสองคนคงมีมากกว่านั้น เพราะหากเขากับณิชแค่ทำงานร่วมกันคงไม่ทำให้ณิชถึงกับต้องมาดูแลเขาแบบนี้

“ตอนคุณณิชโทรไปบอกป้าตกใจจนเป็นลม นี่เพิ่งดีขึ้นเลยได้ขึ้นมาหาค่ะ คุณตรีไม่ต้องห่วงนะคะ ป้าแบ่งงานให้พวกเด็กๆ ทำแล้ว ส่วนเรื่องสวนผลไม้ป้าให้ไอ้พลีจัดการเหมือนที่เคยทำมาค่ะ”

“ขอบคุณป้าแจ่มมากครับ” ชายหนุ่มขอบคุณหญิงสูงวัยที่เป็นแม่บ้านคนที่ตนไว้วางใจให้ดูแลวังปริพัตรที่สุด แค่มีป้าแจ่มเขาก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

“อ้อ สุทินกับหนูรัศมีก็มานะคะ แต่คุณณิชบอกเขาให้เข้าเยี่ยมครั้งละสองคนเลยต้องรออยู่ข้างนอก” ป้าแจ่มเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนจะพูดเบาๆ เพื่อไม่ให้รบกวนคนไข้เตียงอื่น จีรัชญ์พยักหน้าพลางยิ้มรับ

ป้าแจ่มอยู่คุยกับจีรัชญ์อีกเล็กน้อยก็ขอตัวออกมาก่อน เพราะจะได้ให้สุทินกับรัศมีเข้ามาเยี่ยมบ้าง ครั้งนี้สุทินเข้ามาพร้อมรัศมีและเมื่อคนทั้งคู่เห็นจีรัชญ์ก็ช็อกไปทันที รัศมีถึงกับมือสั่นเพราะความตกใจ จากที่คิดไว้ว่ามันสาหัสแต่ก็ไม่คิดว่าถึงขนาดกับต้องมีเหล็กเสียบยึดกระดูกโผล่ออกมาข้างนอกแบบนี้

“สภาพคุณดู...”

“อืม... ดูไม่จืดและเจ็บมาก”

จีรัชญ์ตอบรับคำสุทินที่ดูจะอึ้งกิมกี่พูดไม่ออก สีหน้าเหยเกของจีรัชญ์ยามขยับตัวเล็กน้อยสื่อให้รู้ว่าเจ้าตัวเจ็บปวดกับแผลไม่น้อย และนั่นคือคำตอบที่แน่นชัดว่าคำสาปได้หายไปแล้ว

“ตำรวจหาตัวคนขับรถชนคุณตรีได้ไหมคะ ให้หมีจัดการอะไรให้ไหม”

“คุณแขเขาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้แล้วครับ”

“แล้วนี่จะทำยังไงต่อครับ คุณตรีคงต้องรักษาตัวอยู่ที่นี่อีกสักพักใหญ่ๆ เลย เพราะคงไปไหนมาไหนด้วยเหล็กเสียบตัวแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ”

“ยังไม่ได้คิดครับ แต่ก็คงต้องจ้างพยาบาลพิเศษ”

“อ่า...นั่นสินะครับ คุณณิชคงไม่ว่างมาเฝ้าตลอดเพราะต้องทำงานด้วย”

“อ้าว! ทำไมให้คุณณิชเฝ้าละคะ มันควรจะเป็นคุณแขมากกว่าน้าที่ต้องทำหน้าที่นี้ ใช่ไหมคะคุณตรี” เลขาฯ สาวถามพลางยิ้มแซว สุทินมองคนพูดก่อนจะหันไปมองหน้าจีรัชญ์ที่มีรอยยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย แน่ล่ะว่ารัศมียังไม่รู้เรื่องของจีรัชญ์กับณิชว่าสองคนนี้คบหากันแล้วจึงพูดแบบนี้

“คุณแขเขาไม่ว่างหรอกครับ อีกอย่างผมไม่อยากรบกวนด้วย จ้างพยาบาลพิเศษน่าจะดีกว่าครับ”

สุทินขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของเจ้านายตน แทนที่จีรัชญ์จะปฏิเสธและบอกรัศมีไปตามตรงว่าตนกับหญิงสาวไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่กลับตอบมาแบบนี้ทำให้เขาสงสัยไม่น้อย หรือตอนที่ขึ้นมากรุงเทพฯ ณิชกับจีรัชญ์ทะเลาะกันหรือเปล่า

พวกเขาพูดคุยกันอีกสักพักพยาบาลก็มาบอกว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว รัศมีอวยพรให้เจ้านายให้ไวๆ เธอจะรออีกฝ่ายกลับไปทำหน้าที่อาจารย์มหา’ ลัยตามเดิม แม้จะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจีรัชญ์จะหายเป็นปกติก็ตาม ส่วนสุทินทำเพียงแค่ยิ้มให้และบอกว่าสู้ๆ แม้เขาจะมีความสงสัยอยู่เต็มหัวก็ตามที

“คุณรัศมีจองห้องพักให้ป้ากับคุณสุทินแล้วค่ะ คุณณิชไม่ต้องห่วงนะคะ”

“อ่า...งั้นเหรอครับ แล้วพักอยู่แถวไหนครับ” ณิชถาม

“โรงแรมใกล้ๆ โรงพยาบาลนี่แหละค่ะ เวลาเดินทางมาเยี่ยมจะได้สะดวกๆ”

“งั้นเดี๋ยวมิ้งขับรถไปส่งนะคะ” มิ้งอาสาพาคนทั้งสามไปส่งที่โรงแรมเพราะเห็นว่าไม่มีรถ

“เอ่อ...ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณณิชหน่อยครับ ไม่ทราบคุณณิชสะดวกไหม” สุทินขัดขึ้นเมื่อทุกคนกำลังจะแยกย้าย

สายตาของสุทินที่ส่งมาหาทำให้ณิชพยักหน้ารับได้ไม่ยาก จากนั้นเขากับสุทินจึงพากันไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทันทีที่สั่งอาหารเสร็จสุทินก็ถามสิ่งที่เขาสงสัยในทันที

“ระหว่างคุณกับคุณตรีมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมรู้สึกว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิม”

ณิชยิ้มกับคำถามนั้น แต่สำหรับสุทินที่มองอยู่เขาเห็นว่ามันเป็นยิ้มที่เศร้าที่สุดที่เคยเห็นมา ก่อนที่ณิชจะเริ่มเล่าทุกอย่างให้สุทินฟังจนอีกฝ่ายได้รู้ความจริง

“จำเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้? นี่...มันบ้าอะไรวะเนี่ย” ชายหนุ่มถึงกับสบถออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

“ไอ้คนทำก็ตายสบายไปแล้ว แต่คุณกับคุณตรีก็ต้องสู้กันต่อ คุณทำกรรมอะไรเอาไว้เนี่ยคุณณิช”

ณิชหัวเราะเบาๆ กับคำถามนั้น หากจะให้เขาพูดเรื่องกรรมที่ทำไว้มันคงมากจนคิดว่านี่คงเป็นการรับกรรมที่สาสมที่สุดแล้ว เขาปล่อยให้ไอ้หาญเจ็บปวดตั้งแต่ชาติแรกจนต้องโดนคำสาปและต่อสู้มาเพียงลำพัง ไอ้หาญยึดมั่นในความรักที่มีต่อคุณปราณ อดทนรอเป็นเวลาร้อยกว่าปีเพื่อจะได้หลุดพ้นจากคำสาป แต่เขาก็ยังทิ้งให้อีกฝ่ายทรมานซ้ำๆ เพราะคำว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่ควรที่ต้องคู่กัน

พอมาในชาตินี้... เมื่อทุกอย่างคลี่คลายมันเลยกลายเป็นเขาที่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้เอง

“คุณจีรัชญ์สู้เพื่อผมมามากแล้ว ตอนนี้คงเป็นบทพิสูจน์ของผมมั้งครับว่าจะสู้เพื่อเขาได้ไหม”

เพราะหากนี่คือบททดสอบสุดท้ายของโชคชะตา เขาก็ยินดีที่จะทำเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเขายินดีทำทุกอย่างเพื่อความรักในครั้งนี้ ถึงแม้เขาจะต้องเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหนเขาก็ยินดี

จีรัชญ์ถูกย้ายออกจากห้อง ICU หลังจากอาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ภายใต้ใบหน้าของคนเจ็บที่ดูเหมือนไม่มีอะไร หากแท้จริงแล้วมันมีความรู้สึกตีรวนอยู่ในอกหลายอารมณ์หลายความรู้สึก ทั้งสงสัยที่ณิชทำตัวดีกับเขาเหลือเกิน ทั้งหงุดหงิดที่ตัวเองต้องนอนติดแหง็กอยู่บนเตียงขยับตัวได้แค่ช่วงบน อีกทั้งเรื่องความทรงจำที่ขาดหายไปนั่นก็ด้วย

เมื่อได้ย้ายมาอยู่ห้องพิเศษป้าแจ่มจึงขออยู่เฝ้า โดยณิชบอกว่าตนจะมาช่วยดูแลตอนกลางคืนให้เพื่อที่ป้าแจ่มจะได้พักผ่อนบ้าง ส่วนตอนกลางวันณิชก็กลับไปทำงานเช่นเดิม

รัศมีกับสุทินกลับไปแล้วหลังจากมาเยี่ยมจีรัชญ์ได้ 2-3 วัน เพราะฉะนั้นมีแค่ณิชกับป้าแจ่มที่คอยดูแลจีรัชญ์ คนทั้งคู่สลับหน้าที่กันไปเรื่อยๆ ป้าแจ่มย้ายมาอยู่ห้องณิชแล้วเพราะณิชบอกว่าไม่อยากให้เปลืองค่าห้องที่โรงแรม ส่วนแขไขก็แวะมาดูบ้างเมื่อมีเวลาว่าง

ไอ้มั่นคอยตามติดณิชไม่ห่าง หลายครั้งที่มันรู้สึกหงุดหงิดที่สื่อสารกับเพื่อนรักไม่ได้ มันรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลยที่ต้องเป็นแบบนี้ อยากเพ่นกบาลไอ้เพื่อนเกลอสักทีที่ทำให้เจ้านายมันเสียใจ หลายครั้งที่มันเห็นดวงตาเศร้าของคุณปราณลอบมองไอ้หาญยามฝ่ายนั้นหลับไปแล้ว คุณปราณคอยดูแลไม่ว่าจะถ่ายหนักถ่ายเบาก็ทำให้ทั้งหมดอย่างไม่นึกรังเกีจ แต่ท่าทีของไอ้หาญยังไร้ความสนิทใจกับคุณปราณ แม้คุณปราณจะดูแลดีมากแค่ไหนไอ้หาญก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะจำยอดดวงใจของมันได้เลย







โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อีกไม่นาน.....

คำสาปทั้งหมด ต้องหลุดพ้น

ออฟไลน์ mister

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • https://www.facebook.com/JJSonkFanclub
ฮือ รีบๆจำให้ได้นะไอ่หาญ :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คงเป็นบทพิสูจน์สุดท้ายแล้วนะ สงสารทั้งคู่เลยเมื่อไหร่จะพ้นคำสาป.  :katai1:

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๓๓

“โอ๊ย!” จีรัชญ์ร้องเบาๆ เมื่อรู้สึกเจ็บที่แผล แม้ตอนนี้เขากำลังปรับตัวให้ชินกับเครื่องมือของหมอที่ช่วยยึดสะโพกที่หักให้ต่อกัน แต่มันก็ยังไม่ชินจนต้องร้องทุกทีที่พอขยับตัวแล้วเจ็บ

“คุณจีรัชญ์เจ็บตรงไหนครับ จะนอนไหมผมจะได้ปรับเตียงให้” ณิชถามก่อนจะเดินมาดูจีรัชญ์ใกล้ๆ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว เขาหลับๆ ตื่นๆ แบบนี้ทุกคืนเพราะต้องดูแลคนป่วย แต่จีรัชญ์กลับโบกมือบอกว่าไม่เป็นไร

“ไม่เป็นไรครับ คุณไปนอนเถอะ” จีรัชญ์บอกคนที่อาสาเฝ้าเขาตั้งแต่วันแรกจนตอนนี้

ตอนแรกเขาไม่สะดวกใจให้ณิชอยู่เพราะเขาไม่รู้ว่าตัวเองสนิทกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่เขาได้รับคำตอบแน่ชัดในตอนที่ตัวเองปวดปัสสาวะขึ้นมา อีกฝ่ายเอากระบอกปัสสาวะมาจัดการให้ มือเรียวจับส่วนนั้นของเขาไม่มีอาการขัดเขินหรือไม่อยากทำ เป็นเขาเองเสียมากกว่าที่อายจนอยากจะหนีไปจากตรงนั้น

รุ่งเช้าณิชไปทำงานปกติ เขาอาบน้ำแต่งตัวไปจากโรงพยาบาล ส่วนป้าแจ่มก็นั่งแท็กซี่มาตามที่ณิชได้สอนไว้แล้วเพื่อจะได้อยู่เฝ้าจีรัชญ์จนกว่าณิชจะเลิกงาน

“เมื่อคืนช่วงตี 4 คุณจีรัชญ์มีไข้ต่ำๆ ยังไงผมฝากป้าแจ่มช่วยดูหน่อยนะครับ คุณจีรัชญ์เขาไม่ค่อยบอกเวลาตัวเองเป็นอะไร ส่วนนี่เงินครับ ป้าแจ่มอยากทานอะไรก็เอาเงินนี้ไปซื้อได้เลยนะครับ” ณิชพูดเร็วๆ พลางหยิบของใส่กระเป๋าเพราะใกล้สายแล้ว

“โอ๊ยๆ ไม่ต้องหรอกค่ะคุณณิช ป้ามีเงินของป้าอยู่ค่ะ ไม่ต้องรบกวนคุณณิชเลย”

“ไม่เป็นไรครับ รับไว้เถอะผมจะได้สบายใจ ผมไปก่อนนะครับ ถ้าออกสายกว่านี้เดี๋ยวรถติด”

ณิชบอกก่อนจะยัดมือใส่เงินหญิงสูงวัยเพื่อใช้เป็นค่าอาหารและค่าเดินทาง เขาไม่ได้มีเงินถุงเงินถังอย่างที่จีรัชญ์มีก็จริง แต่แค่นี้มันก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร เพราะถ้าไม่ได้ป้าแจ่มคอยดูแลจีรัชญ์ให้ในตอนกลางวัน เขาก็คงเป็นกังวลจนไม่ได้ทำงาน

ป้าแจ่มถอนหายใจอย่างคนไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอสงสารณิชจับใจที่ต้องวิ่งรอกไปกลับโรงพยาบาลกับที่ทำงาน ตอนกลางคืนก็แทบไม่ได้หลับเลยเพราะต้องดูแลจีรัชญ์ ใบหน้าที่เคยสดใสก่อนหน้านี้ซูบโทรมไปไม่น้อย ขอบตาดำคล้ำดูแปลกไปถนัดตา

หญิงสูงวัยหันไปมองเจ้านายของเธอที่นอนหลับอยู่บนเตียง ก่อนหน้านี้เธอได้เอ่ยถึงณิชอยู่บ้าง พูดถึงตอนที่ณิชไปอยู่ที่วังปริพัตร แต่พูดอย่างไรจีรัชญ์ก็นึกไม่ออก พอยิ่งใช้ความคิดมากเข้าจีรัชญ์ก็ร้องโอดโอยเพราะอาการปวดหัวจึงต้องพัก

‘มั่นไม่ต้องมาเฝ้าผม ไปอยู่กับคุณจีรัชญ์เถอะ ถ้าเกิดมีอะไรจะได้บอกผมได้’

‘บ่าวไม่อยากเห็นหน้ามันขอรับ มันบังอาจลืมคุณปราณไปได้เยี่ยงไร’

‘มันคืออุบัติเหตุ คุณจีรัชญ์เขาก็ไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้หรอก’

‘แต่บ่าวไม่อยากเห็นหน้ามันจริงๆ ขอรับ ดูคุณปราณตอนนี้สิขอรับ ดูแลมันจนตัวเองแทบจะปลิวตามลมแล้ว ข้าวก็กินไม่เป็นเวลา นอนก็ไม่ค่อยได้นอน ไม่ได้พักผ่อนเลย แต่ไอ้หาญก็ยังทำตัวนิ่งเฉย หากบ่าวมีกายหยาบบ่าวจะคว่ำมันด้วยหมัดเดียวเลยขอรับ’


ณิชลอบยิ้มกับตัวเองขณะที่เดินไปที่รถโดยมีไอ้มั่นเดินตามไม่ห่าง ดูท่าไอ้มั่นจะงอนเพื่อนรักที่กล้าลืมเรื่องราวในอดีตไปเสียสนิท อีกทั้งยังทำให้เจ้านายของมันต้องเหนื่อยเป็นสองเท่ามันจึงเลือกอยู่กับณิชมากกว่าจีรัชญ์

ณิชมาถึงบริษัทในเวลาต่อมา เขายังต้องทำโปรเจกต์ของบริษัทนิธานให้เสร็จ แขไขที่เห็นณิชทุ่มเทเรื่องจีรัชญ์มากเธอถึงกับอ่อนใจ ยอมแล้วจริงๆ กับความพยายามของผู้ชายคนนี้ ณิชยังทำงานได้ดีไม่มีบกพร่อง ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลจีรัชญ์ที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

ที่จริงหากหญิงสาวจะฉกฉวยโอกาสนี้แย่งจีรัชญ์กลับคืนมาเป็นของตนก็ย่อมได้ แต่เมื่อเห็นสิ่งที่ณิชทำแล้วเธอไม่ได้คิดไปในทางนั้นเลย เพราะณิชพิสูจน์ให้เธอเห็นแล้วจริงๆ ว่าฝ่ายนั้นรักจีรัชญ์มากแค่ไหน อาจจะรักมากกว่าที่เธอเคยรู้สึกด้วยซ้ำ เพราะเอาเข้าจริงใครจะไปทนได้ที่เห็นคนรักจำตัวเองไม่ได้ แต่กลับจำคนอื่นได้เป็นอย่างดี จะทนเจ็บช้ำซ้ำๆ เพื่ออะไรหากไม่ได้รักจริง

“ณิช คุณจะมาทำงานวันอาทิตย์ด้วยเหรอ ฉันว่าพักสักหน่อยดีกว่าไหม โหมงานหนักเกินไปจะป่วยเอา” แขไขพูดขึ้นเมื่อได้ยินณิชบอกกับมิ้งว่าจะทำงานวันอาทิตย์นี้ และคงลากยาวไปทั้งเดือนเลย

“นั่นดิพี่ณิช พักบ้างเถอะ นี่พี่ได้นอนเต็มอิ่มครั้งล่าสุดเมื่อไหร่เนี่ย” มิ้งพูดด้วยความอดห่วงไม่ได้ สภาพรุ่นพี่ในตอนนี้ดูโทรมแทบไม่เหลือเค้าเดิม เธอกลัวว่าณิชจะป่วยเข้าสักวันหากยังโหมงานหนักแบบนี้

“ผมอยากปิดโปรเจกต์ของคุณนิธานให้เสร็จเร็วๆ น่ะครับ” ณิชหันไปให้เหตุผลกับเจ้านาย

“ถ้าอย่างนั้นคุณแบ่งงานให้บอยกับมิ้งช่วย ฉันไม่อยากเห็นพนักงานตัวเองเป็นลมคากองงาน” แขไขพูดทิ้งไว้แค่นั้นก็เดินกลับเข้าห้องไปพร้อมแก้วกาแฟในมือ

“คุณแขรักพี่แหละ”

ณิชยิ้มไปกับคำพูดแซวของมิ้ง ถึงแม้จะเจอเรื่องแย่ๆ แต่อย่างน้อยความสัมพันธ์ของเขากับแขไขก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น สายตาของหญิงสาวที่มองเขาก็เปลี่ยนไป ซึ่งมันดีกับเขามากๆ ที่ไม่ต้องรับศึกทุกด้านแบบนี้

*

“คุณจีรัชญ์จะทำอะไรครับ!” ณิชถามเสียงดัง เขาแค่ออกไปคุยโทรศัพท์เรื่องงานแป๊บเดียวเองนะ แต่เมื่อเขาเข้าห้องมาก็เห็นจีรัชญ์ทำท่าจะหยิบน้ำข้างหัวเตียง เหล็กที่ยึดกระดูกอยู่ทำให้ขยับตัวไม่ถนัด แต่เจ้าตัวก็พยายามจะเอื้อมไปหยิบให้ได้

“มาครับเดี๋ยวผมช่วย” ณิชรีบหยิบแก้วน้ำให้ แต่เพราะจังหวะมือที่ปัดโดนกันทำให้น้ำหกเลอะพื้น จีรัชญ์ทิ้งตัวนอนทันทีอย่างขัดใจที่ลำพังแค่จะเอาน้ำมาดื่มแก้กระหายก็ยังทำได้ยาก

ชายหนุ่มรินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้จีรัชญ์ แต่อีกฝ่ายกลับปัดออก สายตาที่คนป่วยมองมาที่ณิชมันเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ส่วนหนึ่งนั่นเพราะอาการบาดเจ็บที่ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจได้ซึ่งณิชเข้าใจจุดนี้ดี จิตใจของผู้ป่วยหลังผ่าตัดมักอ่อนไหวเสมอ จากคนที่ทำทุกอย่างได้เป็นปกติแต่ต้องมานอนติดเตียงขยับไปไหนไม่ได้ เป็นเขาก็คงหงุดหงิดเหมือนกัน

“คุณช่วยออกไปก่อนได้ไหม” จีรัชญ์พูดขึ้นทำลายความเงียบระหว่างพวกเขาทั้งสอง ณิชที่กำลังเอาผ้ามาซับน้ำบนพื้นชะงักไป

“ครับ?”

“ออกไปก่อน ผมอยากอยู่คนเดียว” จีรัชญ์พูดเสียงห้วน ณิชก้มลงเช็ดพื้นให้แห้งก่อนจะยอมออกจากห้องไป หัวใจปวดหนึบกับความเย็นชาที่อีกฝ่ายมอบให้จนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขาเอ่ยปากบอกกับพยาบาลว่าตนจะลงไปซื้อของข้างล่าง จึงฝากพยาบาลดูแลจีรัชญ์แทนสักครู่

ไอ้มั่นยืนมองเจ้านายตัวเองที่เดินเข้าลิฟต์ไปพร้อมไหล่เล็กที่ลู่ลงอย่างคนใกล้หมดแรง ความอดทนของไอ้มั่นขาดผึง มันเข้ามาในห้องเห็นไอ้หาญนอนถอนหายใจฟึดฟัดเพราะความหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ มันจึงเข้าไปยืนใกล้เตียงคนป่วย

“มึงมันบ้า! เหตุใดนายกูต้องมาเจอเรื่องราวห่าเหวแบบนี้ด้วย! มึงรู้หรือไม่ว่าคุณปราณน้ำตาตกเพราะมึงในชาตินี้กี่ครั้งกี่หนแล้ว รีบๆ จำเรื่องราวทั้งหมดได้สักที ก่อนที่กูจะหมดความอดทนไปมากกว่านี้!”

เพล้ง!

ลมพัดวูบใหญ่พัดแก้วน้ำที่ใส่น้ำอยู่เกือบเต็มแก้วตกลงมาแตก ส่งผลให้จีรัชญ์สะดุ้งเฮือก ห้องนี้มีหน้าต่างก็จริงแต่ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ ห้องพักผู้ป่วยมีเครื่องปรับอากาศจึงไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าต่าง แต่ลมที่ไม่รู้ที่มาเมื่อครู่ทำเขาเย็นวูบจนรู้สึกขนลุก อีกทั้งแก้วน้ำบนโต๊ะยังตกแตกอีก

ไอ้มั่นเห็นสภาพเพื่อนรักของตนที่กำลังทำหน้าเหลอหลาเพราะงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันยิ้มเย้ยก่อนจะฟาดกบาลไอ้หาญไปหนึ่งที แน่ล่ะว่ามันเป็นเพียงวิญญาณอีกฝ่ายจึงไม่รู้สึกอะไร แต่อย่างน้อยมันก็ได้ระบายความโกรธที่มีอยู่บ้าง

ทางด้านณิชที่โดนจีรัชญ์ไล่ออกมาก็เข้าร้านคาเฟต์ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ เขาสั่งช็อกโกแลตร้อนมาดื่ม น้ำตาที่เอ่อคลอในตอนแรกถูกเจ้าตัวกะพริบตาไล่ไป เขาเก็บความเสียใจไว้ให้ลึกสุดใจ ปลอบใจตัวเองว่าที่จีรัชญ์เป็นแบบนี้เพราะอารมณ์ของคนป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

เขาหยิบมือถือตัวเองออกมาเปิดดูรูปภาพที่เคยถ่ายไว้ตอนอยู่ที่วังปริพัตร หวังให้มันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวใจเขาไว้ให้อยู่กับความสุขที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในตอนนี้ ทุกภาพทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขายังจำมันได้ดี ภาพวาดบ้านเรือนไทยที่เขาเห็นครั้งแรกจนตกอยู่ในภวังค์ รูปดอกบัวจากสระบัวที่เขาถ่ายเก็บไว้ในมือถือเครื่องนี้ เพราะเครื่องเก่าดันตกน้ำไปพร้อมๆ กับเขา ไหนจะดอกพุดน้ำบุษย์ที่มักส่งกลิ่นหอมลอยมาตามลมยามดอกบานสะพรั่งสีเหลืองเข้มทั่วทั้งต้น

เขาเริ่มต้นใหม่ที่วังแห่งนั้น เพราะตลอด 27 ปีที่ผ่านมา เขามีชีวิตอยู่ไปวันๆ ไม่ได้รู้สึกพิเศษกับอะไรตรงไหนจนมาเจอจีรัชญ์ และก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งชีวิตที่เกิดมาเขาอยู่มาเพื่อพบคนคนนี้ ณิชเลื่อนมาเจอรูปที่เขาแอบถ่ายจีรัชญ์ไว้ แค่เสี้ยวหน้าด้านข้างในมือมีหนังสืออยู่หนึ่งเล่ม แค่เพียงรูปเดียวก็ทำให้ใบหน้าเศร้าสร้อยมีรอยยิ้มได้อีกครั้ง เขาจะรอวันที่จีรัชญ์กลับมาเป็นไอ้หาญเหมือนเดิม จะรอวันที่อีกฝ่ายจำได้ว่าเขารักจีรัชญ์มากแค่ไหน

*

ณิชยังคงทำหน้าที่ทุกอย่างได้ไม่บกพร่อง ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องดูแลจีรัชญ์ เป็นฝ่ายจีรัชญ์เองที่รู้สึกไม่สะดวกใจและเกรงใจอีกฝ่ายจนต้องเอ่ยปากกับพยาบาลในวันหนึ่ง

“คุณพยาบาลครับ ผมต้องการพยาบาลพิเศษให้มาดูแลผม ไม่ทราบต้องทำเรื่องติดต่อยังไงบ้างครับ” จีรัชญ์ถามขึ้นหลังจากเขาถูกเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยฝีมือของพยาบาลสาวเรียบร้อยแล้ว ณิชที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่เงยหน้ามองทันที

“เอ่อ...ผมเฝ้าคุณเองครับคุณจีรัชญ์ ไม่ต้องจ้างพยาบาลหรอกครับ หรือว่าผมทำอะไรไม่ดีครับ คุณบอกได้นะ”

“ผมเกรงใจ คุณแขใช้งานคุณเกินหน้าที่ไปแล้ว คุณเป็นสถาปนิกไม่ใช่พยาบาล คุณควรได้ทำหน้าที่ตามความสามารถของคุณไม่ใช่ต้องมาดูแลผมแบบนี้ ส่วนป้าแจ่มก็ต้องกลับไปดูแลวัง ผมไม่อยากให้ป้าแจ่มทิ้งวังมานานครับ”

ถึงจะไม่เข้าใจตัวเองนักกว่าทำไมถึงได้เป็นห่วงวังปริพัตรนัก แต่เขาก็ไม่อยากให้ณิชกับป้าแจ่มต้องมาคอยดูแลเขาแบบนี้ เขามีเงินมากพอที่จะจ้างพยาบาลมาดูแล ไม่จำเป็นต้องให้คนทั้งสองคอยสับเปลี่ยนเวลามาเฝ้าเขาเลย

“แต่ผมอยากเฝ้าคุณ”

ณิชพูดเสียงเบา ยิ่งเห็นว่าจีรัชญ์ยืนกรานที่จะจ้างพยาบาลพิเศษเขายิ่งใจเสีย เพราะนั่นแสดงว่าระยะห่างของพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้น พยาบาลสาวเห็นบรรยากาศอึมครึมในห้องพักผู้ป่วยเธอจึงหลบออกไปก่อน เพื่อให้ญาติกับคนไข้เคลียร์กันให้เรียบร้อยแล้วเธอค่อยจัดการให้ทีเดียว

ภายในห้องมีเพียงแค่เสียงจากโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้เท่านั้น จีรัชญ์เงียบเพราะไม่เข้าใจว่าณิชจะมาทรมานตัวเองทำไม ส่วนณิชก็เงียบเพราะไม่รู้จะอธิบายกับอีกฝ่ายอย่างไร จนตอนนี้เขาก็ยังไม่กล้าบอกไปว่าก่อนหน้านี้เขากับจีรัชญ์คบหากันอยู่ เพราะคิดว่าพูดไปอย่างไรฝ่ายนั้นก็คงไม่เชื่อ

ในตอนนี้สิ่งที่จีรัชญ์รู้คือตนเองคบหากับแขไข ขนาดที่เขาอาสามาเฝ้าจีรัชญ์ยังเข้าใจว่าเป็นเพราะแขไขสั่งมา และเรื่องราวในอดีตระหว่างไอ้หาญกับคุณปราณก็ถูกลืมจนหมดสิ้น เขาไม่มีทางอธิบายให้จีรัชญ์เข้าใจเรื่องเหลือเชื่อนี้ได้เลยเพราะมันยิ่งกว่านิทานหลอกเด็ก ณิชจึงทำได้แค่ดูแลจีรัชญ์ไปเรื่อยๆ จนกว่าอีกฝ่ายความทรงจำจะกลับมา แต่เหมือนว่าถ้าเขายังไม่พูดอะไรออกไปตอนนี้ เขากับจีรัชญ์คงต้องห่างเหินกันไปแล้วจริงๆ

กลายเป็นว่าหลังจากคืนนั้น จีรัชญ์ก็นิ่งเงียบไม่ค่อยพูดค่อยจากับณิชสักเท่าไหร่ คงมีแค่ป้าแจ่มที่อยู่เป็นคนกลางระหว่างคนทั้งสอง จีรัชญ์วางแผนว่าหลังจากนี้จะจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลตน และเขาได้ให้แขไขจัดการเช่าคอนโดฯ ไว้ห้องหนึ่ง เพื่อเป็นสถานที่พักฟื้นหลังจากออกจากโรงพยาบาล แม้ใจณิชอยากคัดค้านมากแค่ไหน เขาก็ได้แค่เก็บงำความน้อยใจเอาไว้เพราะจีรัชญ์ไม่ยอมพูดกับเขาเลย

“ป้าแจ่ม... ผมกับคุณณิชสนิทกันมากเลยเหรอครับ”

จีรัชญ์ถามขึ้นในบ่ายวันหนึ่ง เพราะไม่ว่าเขาจะฟังเรื่องเล่าของป้าแจ่มที่เล่าเรื่องณิชให้ฟังอยู่เนืองๆ อย่างไร เขาก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าเหตุการณ์ตอนนั้นมันเคยเกิดขึ้น

“ถ้าป้าพูดไปคุณตรีจะเชื่อไหมล่ะคะ คุณตรีจะให้ป้าเล่าซ้ำๆ กี่ครั้งก็ได้ แต่มันอยู่ที่ใจคุณตรีด้วยว่าจะเชื่อหรือไม่” ป้าแจ่มหันมาตอบพร้อมยิ้มอบอุ่น เธอกำลังปอกแอปเปิ้ลฟูจิลูกใหญ่ให้จีรัชญ์ทาน ชายหนุ่มหยิบผลไม้ที่ปอกเปลือกเกลี้ยงและหั่นเป็นเสี้ยวพอดีคำมากิน สีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไป

“ผมเชื่อครับ” จีรัชญ์ตอบเพราะป้าแจ่มไม่มีทางโกหกเขาอย่างแน่นอน

“ในตอนแรกๆ คุณตรีไม่ค่อยถูกชะตากับคุณณิชค่ะ ออกแนวนิ่งเงียบไม่ค่อยพูดกับคุณณิช วันแรกๆ ที่คุณณิชไปถึงก็ตกสระบัว คุณตรีรีบไปช่วยไว้คุณณิชเลยไม่จมน้ำไปเสียก่อน หลังจากนั้นพวกคุณทั้งสองก็เริ่มคุยกันมากขึ้นค่ะ”

“ผมดุกับเขามากไหมครับ”

“ดุค่ะ แต่คุณณิชก็ใช่ว่าจะยอม คุณตรีน่ะปากแข็ง ทำเหมือนไม่สนใจคุณณิชแต่ที่จริงก็เป็นห่วงเขามาก อย่างตอนคุณณิชเข้าโรงพยาบาลเพราะตกบันได คุณกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไปเฝ้าทั้งวันทั้งคืนด้วยตัวเอง”

จีรัชญ์เงียบฟังพลางคิดตาม แสดงว่า 3 เดือนที่ผ่านมามันเกิดเรื่องราวมากมายจนเขาสร้างความสัมพันธ์กับใครอีกคนนอกจากแขไข

“คุณณิชหัดทำอาหารเพื่อให้คุณตรีได้ทาน บางวันพวกคุณก็ไปปั่นจักรยานเล่นด้วยกันในสวน พากันไปถึงสวนหลังวังโน่นแหละค่ะ” ป้าแจ่มยังคงเล่าต่อ หญิงสูงวัยคอยสังเกตอาการของจีรัชญ์ไปด้วยว่ามีปฏิกิริยาเช่นไร เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ปวดหัวอย่างที่แล้วมาเธอจึงพูดขึ้นอีก

“คุณตรีบอกเลิกคุณแขไขเพื่อมาคบหากับคุณณิช คุณทำทุกอย่างให้ชัดเจนและถูกต้องที่สุด คุณรักคุณณิชมากแบบที่ป้าไม่เคยเห็นว่าคุณจะทุ่มเทและรักใครเท่านี้มาก่อน คุณกับคุณณิชเหมือนคู่ที่เกิดมาเพื่อกันและกันเลยค่ะ”

ในสายตาของเธอที่อยู่ดูแลจีรัชญ์มาหลายปี ไม่เคยเห็นสายตาหวานซึ้งหรือรอยยิ้มที่อบอุ่นของจีรัชญ์ที่ออกมาจากใจเท่ากับตอนเวลาอยู่กับณิช เวลาคนทั้งสองอยู่ด้วยกันเหมือนโลกทั้งใบของคนทั้งคู่หยุดหมุน และไม่มีใครเข้าไปในโลกใบนั้นของพวกเขาได้ เธอดีใจมากตอนที่รู้ว่าแขไขถูกจีรัชญ์สารภาพไปแล้วว่าตนนั้นหลงรักณิช ซึ่งเธอเห็นด้วยกับการกระทำนี้มากๆ เพราะดูยังไงจีรัชญ์ก็ไม่เคยรักแขไขเช่นชู้สาวจริงๆ

วันนั้นทั้งวันหลังจากได้ฟังเรื่องราวที่ป้าแจ่มเล่า จีรัชญ์ก็อยู่กับความคิดของตัวเอง เขาไม่ได้พยายามเค้นความคิดอีกต่อไปว่าตนเองนั้นรู้จักณิชดีแค่ไหน แต่เขากำลังซึมซับความรู้สึกผ่านคำบอกเล่าของป้าแจ่มที่บอกว่าเขากับณิชเหมือนเกิดมาเพื่อกันและกัน

*

“ตรีคะ ตรี... ตรีคะ” แขไขเรียกคนที่นอนอยู่บนเตียงและกำลังเหม่อลอย จีรัชญ์หันมองหญิงสาวที่มาเยี่ยมเขาในเย็นวันนี้ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ

“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อกี๊ค่ะ ตรีทานข้าวทานยารึยังคะ แขแวะซื้อข้าวหมูแดงเจ้าประจำที่คุณชอบมาให้ค่ะ” หญิงสาววางถุงอาหารที่ตนซื้อมาลงบนโต๊ะทานข้าว ก่อนจะจัดแจงหยิบจานและช้อนออกมาจากชั้นวางพื่อจะได้จัดข้าวให้จีรัชญ์ เพราะชายหนุ่มบอกว่ายังไม่ได้ทานมื้อเย็นเลย

“ป้าแจ่มไปไหนคะเนี่ย” เธอถามเพราะไม่เห็นแม่บ้านสูงวัยที่คอยอยู่เฝ้าจีรัชญ์ตลอดอยู่ในห้อง

“คงไปซื้อของกินล่ะครับ ป้าแจ่มไปเวลานี้ประจำ”

แขไขพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจก่อนจะเลื่อนโต๊ะที่ไว้ให้สำหรับผู้ป่วยทานข้าวบนเตียงได้ไปใกล้ๆ จีรัชญ์ ข้าวหมูแดงหน้าตาดูน่าทาน แต่จีรัชญ์กลับไม่รู้สึกอยากกินมันสักนิด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจของหญิงสาว ยอมทานสิ่งที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่มีอิดออด

“ผมมีเรื่องจะถามคุณเกี่ยวกับเรื่องของคุณณิช”

มือที่กำลังรินน้ำใส่แก้วอยู่ชะงัก ก่อนแขไขจะหันกลับมาหาจีรัชญ์ที่ยังคงทานข้าวหมูแดงที่เธอซื้อมาให้

“เรื่องอะไรเหรอคะ”

“เรื่องระหว่างผม ณิช และคุณ” สายตาของชายหนุ่มหันมองหญิงสาวที่ยืนอยู่เต็มๆ ตา เขาวางช้อนลงเพราะไม่สามารถฝืนกินต่อไปได้ ตอนนี้เขาอยากรู้เรื่องราวจากฝั่งของแขไขบ้าง เพื่อจะได้เอามาชั่งน้ำหนักกับเรื่องที่ป้าแจ่มเล่า

“คุณจำได้แล้วเหรอคะ” จีรัชญ์ไม่ตอบ แขไขจึงยิ้มและพูดต่อ “ถ้าจะพูดถึงเรื่องของคุณกับณิช แขไม่รู้เรื่องอะไรมากนักหรอกค่ะ แต่ถ้าเรี่องของคุณกับแข คือ...คุณบอกเลิกแขก่อนหน้านี้แล้วค่ะ เราสองคนไม่ได้คบหากันอีกแล้ว”

“ทำไมผมถึงเลิกกับคุณ”

“เพราะคุณบอกว่ารักณิช”

เพียงคำตอบเดียวของหญิงสาวที่ไม่หลงเหลือความเสียใจแล้วทำให้จีรัชญ์พูดไม่ออก เรื่องราวผันผ่านมาจนถึงจุดนี้แต่เขาจำอะไรไม่ได้ นึกโกรธตัวเองที่ต้องประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อม เขาลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ไปได้ยังไงกัน

“ผมขอโทษ ผมจำเรื่องพวกนี้ไม่ได้เลย”

“คุณขอโทษแขมามากพอแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้แขเคยคิดโกรธพวกคุณสองคนเพราะรู้สึกเหมือนโดนแทงข้างหลัง แต่พอเห็นสิ่งที่ณิชทำในตอนนี้แล้วแขต้องยอมรับจริงๆ ณิชเขารักคุณมาก มากจนแขคิดว่าถ้าเป็นแขเองก็คงไม่สามารถทำอะไรได้แบบเขา”

แขไขทิ้งคำพูดไว้ให้จีรัชญ์จมอยู่กับความคิดตัวเอง แม้หญิงสาวจะกลับไปแล้วก็ตาม แต่จีรัชญ์ก็ยังคิดวนอยู่กับคำพูดนั้น ใช่ว่าเขาจะไม่รับรู้ถึงสิ่งที่ณิชทำ แต่เขารู้สึกแปลกๆ ทุกครั้งที่ต้องเห็นณิชมาทำอะไรแบบนี้ โดยที่เขานึกถึงเรื่องราวระหว่างเขาสองคนไม่ออกมันเลยกลายเป็นความไม่สนิทใจ

เสียงเม็ดฝนสาดกระทบหน้าต่างโรงพยาบาล ฝนตกมาตั้งแต่ช่วงเย็นจนตอนนี้ก็ยังไม่หยุด คงเป็นฝนหลงฤดูที่ทำให้เมืองกรุงแห่งนี้ชุ่มฉ่ำ จีรัชญ์นอนมองเม็ดฝนที่ไหลจากหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ก่อนจะได้ยินเสียงป้าแจ่มพูดขึ้นเสียงดัง

“ว้าย! คุณณิช ทำไมตัวเปียกแบบนี้ล่ะคะ”

“รถเสียน่ะครับ ผมเลยนั่งวินมาเพราะเห็นว่าไม่ไกลจากนี่”

รถเขาดับกลางทางจนต้องจอดหลบเอาไว้แล้วโทรให้ช่างเจ้าประจำไปยกรถมา ตอนแรกฝนซาไปแล้วเขาจึงเลือกใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ แต่ใครจะไปรู้ว่าเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นมันจะตกลงมาห่าใหญ่จนเขาเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำแบบนี้

“ไปค่ะๆ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เปียกแบบนี้ยิ่งมาโดนแอร์จะทำให้เป็นหวัดเอา” ป้าแจ่มเอากระเป๋าของณิชมาวางบนโซฟา ก่อนจะดันหลังชายหนุ่มให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย


ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
(ต่อ)


เมื่อออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งณิชบอกว่ามิ้งกำลังมา หญิงสาวคิดจะมาเยี่ยมจีรัชญ์และจะได้พาป้าแจ่มไปส่งที่คอนโดฯ เขาด้วย เนื่องจากตอนนี้ฝนยังไม่หยุดตกเลย จีรัชญ์มองตามคนที่เดินไปมาทั่วห้อง มือถือที่ถือติดมือไว้รับสายจากคนโน้นคนนี้ที่โทรเข้ามาแทบไม่ว่างเว้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงานมากกว่า ถึงแม้จะเลยเวลาเลิกงานมาแล้วแต่ณิชก็ยังคงคุยเรื่องงานอยู่

“คุณกินข้าวมารึยัง หิวไหม”

จีรัชญ์เอ่ยถามในที่สุดหลังจากที่มองตามณิชอยู่นาน ทำเอาทั้งห้องเงียบไปทันที ป้าแจ่มลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่มองณิชอยู่ตลอดเปิดปากพูดสักที ไอ้มั่นที่ไม่คิดอยากเข้าใกล้เพื่อนรักถึงกับทำหน้าประหลาด เพราะนี่คือประโยคแรกที่จีรัชญ์แสดงความห่วงใยออกมาตั้งแต่รักษาตัวในโรงพยาบาล

“ครับ? เอ่อ...ผม...ผมยังไม่กินอะไรเลยครับ คิดว่าเดี๋ยวค่อยโทรสั่ง” ณิชตอบตะกุกตะกักอาการดีใจแทบปิดไม่มิด เพราะตลอด 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาจีรัชญ์ไม่ได้มีคำพูดที่สื่อถึงความห่วงใยให้เขานักหรอก

“สั่งเลยสิครับ เอาเงินของผมไปใช้ได้เลย คุณมิ้งกำลังมาสั่งมาทานหลายคนคงดี”

ไอ้มั่นถึงกับยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเพื่อนเกลอเริ่มทำอะไรเข้าตาพูดอะไรเข้าหู วันนี้มันจะยกให้ไอ้หาญกลับมาเป็นเพื่อนรักสักหนึ่งวันก็แล้วกัน

‘สงสัยผีออกจากร่างมันแล้วขอรับ’ คำพูดของไอ้มั่นทำณิชถึงกับกลั้นขำก่อนจะตอบจีรัชญ์ออกไป

“ไม่เป็นไรครับ ผมมี...”

“เอาไปเถอะครับ ถือว่าแทนคำขอบคุณของผม” จีรัชญ์ยืนยันหนักแน่น ณิชไม่อยากให้บรรยากาศตรงนี้เสียไปเขาจึงรับเงินจากจีรัชญ์มา

หลังจากนั้นเขาก็สั่งอาหารจากแอปพลิเคชัน ประจวบเหมาะกับมิ้งมาพอดีพวกเขาจึงเหมือนกับจัดปาร์ตี้เล็กๆ กันในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ครั้งนี้ไอ้มั่นไม่ได้กินด้วยเพราะมิ้งหาโอกาสจุดธูปให้มันไม่ได้ แต่หญิงสาวแปะโป้งไว้แล้วว่าเธอจะซื้อให้ไอ้มั่นได้กินหลังจากนี้

“หนูเคยขออาจารย์ไปเข้าห้องน้ำตอนเรียนค่ะ บอกไปว่าปวดฉี่แต่จริงๆ ซ่อนหนังสือไว้ในเสื้อเพื่อจะเอาไปคืนเพื่อนที่อยู่อีกห้อง แต่อาจารย์ดุมากบวกกับรีบก็เลยลื่นไถลจากกลางห้องไปอยู่หลังห้องเลยค่ะ ตอนนั้นอายมาก ทั้งห้องเงียบหมดหันมามองหนูเป็นตาเดียวเลย”

ณิชหัวเราะไปกับเรื่องเล่าของมิ้งที่กำลังเล่าอยู่ มันเป็นเพียงเรื่องตลกธรรมดาๆ แต่เขากลับรู้สึกราวกับมันคือความสุขที่ไม่ได้เจอมานาน เขาหันไปมองจีรัชญ์ที่กำลังดูละครหลังข่าวอยู่ ชายหนุ่มอมยิ้มกับตัวเองที่เขายังมีจีรัชญ์อยู่ตรงนี้ แม้อีกฝ่ายจะยังจำเรื่องราวของพวกเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยจีรัชญ์ก็ยังมีลมหายใจ

*

“อิ่มแล้วเหรอครับ คุณกินไปแค่นิดเดียวเอง” ณิชถามเมื่อเห็นว่ามื้อกลางวันของจีรัชญ์พร่องไปเพียงนิด วันนี้เขาหยุดเลยได้มาดูแลจีรัชญ์เต็มวัน ส่วนป้าแจ่มเขาให้หยุดพักที่คอนโดฯ หญิงสูงวัยจึงอาสาทำความสะอาดห้องเขาเสียสะอาดเอี่ยม ทั้งที่เขาบอกแล้วว่าไม่เป็นไรเพราะเขาค่อยหาเวลาว่างทำเอง แต่หญิงแม่บ้านของวังปริพัตรก็ไม่ยอม

“ผมเบื่ออาหารโรงพยาบาล” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบ อาหารโรงพยาบาลก็เมนูเดิมๆ แม้เขาจะเลือกได้แต่มันก็หนีไม่พ้นเมนูที่เคยทานมาแล้ว อีกทั้งรสชาติไม่จัดจ้านถูกปากสักเท่าไหร่

ณิชลอบยิ้มกับคำพูดนั้น เพราะจำได้ว่าป้าแจ่มเคยบอกเรื่องที่อีกฝ่ายกินยาก ถ้ารสชาติอาหารไม่ดั้งเดิมจริงๆ ก็แทบไม่แตะเลย ห้องเขาไม่มีครัวเหมือนที่วังป้าแจ่มเลยไม่ได้โชว์ฝีมือการทำอาหารเลย กลายเป็นว่าจีรัชญ์ต้องฝากท้องกับอาหารโรงพยาบาล ไม่ก็อาหารที่เขาซื้อมาให้จากข้างนอก

“ผมอยากกินหลนเต้าเจี้ยวกับไข่ต้ม” อยู่ๆ จีรัชญ์ก็พูดขึ้น ณิชชะงักไปเล็กน้อย หัวใจสั่นไหวเต้นรุนแรงเพราะกำลังคิดว่านี่คือการร้องขอของจีรัชญ์ที่มีกับเขาหรือเปล่า

“คุณทำเป็นไหม ป้าแจ่มบอกว่าคุณเคยหัดทำอาหารตอนอยู่ที่วัง”

“ทำเป็นครับ ถ้าคุณอยากทานเดี๋ยวผมจะทำมาให้พรุ่งนี้นะ” รอยยิ้มหวานของมัณฑนากรหนุ่มทำให้จีรัชญ์หยุดมองไปชั่วขณะ รอยยิ้มที่ดูเจ้าตัวมีความสุขจริงๆ สายตาที่เป็นประกายนั้นทำเขารู้สึกเอ็นดูไม่น้อย

เพราะคำว่าอยากกินหลนเต้าเจี้ยว ณิชจึงต้องไปขอยืมครัวบ้านพี่โอ๋ในการทำอาหารในวันรุ่งขึ้น พี่โอ๋ที่ติดจะงงไม่น้อยแต่ก็เข้าใจได้ว่าณิชต้องการทำอาหารไปเอาใจคนรัก เขาจึงอำนวยความสะดวกให้รุ่นน้องเต็มที่

“มึงอยากได้อะไรอีกไหม ของที่ซื้อมาครบรึเปล่าเดี๋ยวกูไปซื้อที่ตลาดหน้าหมู่บ้านให้”

“ครบแล้วครับพี่ เดี๋ยวถ้าทำเสร็จผมแบ่งให้กินนะ” ณิชบอกพร้อมรอยยิ้ม

“กินได้แน่นะ”

“แน่สิ รับรองว่าชาววังมาเอง” ณิชได้ทีก็โอ้อวดใหญ่

มิ้งที่ตามมาด้วยยืนกอดอกมองรุ่นพี่คนสนิท ตอนนี้ณิชดูมีความสุขใบหน้ายิ้มกว้างปากแทบฉีก เธอหันไปพยักหน้ากับไอ้มั่นที่มองเจ้านายไม่วางตา วันนี้คุณปราณโชว์ฝีมือสุดฤทธิ์เพื่อมัดใจไอ้หาญอีกครั้ง มันเชื่อว่าฝีมือปลายจวักของคุณปราณในครั้งนี้จะทำให้ไอ้หาญจดจำอีกฝ่ายได้แน่นอน

เมื่อทำเมนูที่จีรัชญ์อยากกินเสร็จเขาก็ยืมปิ่นโตพี่โอ๋ใส่กับข้าวและข้าวสวยมา มาถึงโรงพยาบาลก็รีบเอาอาหารขึ้นไปให้คนไข้ที่กำลังรอมื้อเที่ยงอยู่ ป้าแจ่มยิ้มต้อนรับเมื่อเห็นณิชกับมิ้งมาพร้อมปิ่นโตเถาหนึ่งในมือ

“ที่จริงผมอยากทำต้มกะทิสายบัวปลาทูมาด้วย แต่หาสายบัวทั่วตลาดแล้วไม่เจอเลยจึงได้แค่หลนเต้าเจี้ยว เอาไว้ครั้งหน้าถ้าผมเห็นสายบัวผมจะทำให้ทานนะครับ” เขาพูดระหว่างจัดแจงปิ่นโตที่เต็มไปด้วยอาหารมื้อกลางวันที่เขาจัดเตรียมมา

“ผมไปยืมครัวพี่โอ๋ พี่เขาอยากกินไข่ทอดชะอมกับน้ำพริกกะปิ ผมเลยทำไข่ทอดชะอมส่วนน้ำพริกกะปิพี่โอ๋เป็นคนทำ ลองชิมดูนะครับ” ณิชพูดต่อ ก่อนจะยืนรออยู่ข้างเตียงด้วยอาการลุ้นว่าอาหารที่เขาทำจะถูกปากจีรัชญ์ไหม เสียงเจื้อยแจ้วของณิชเงียบไป จีรัชญ์ลอบยิ้มกับท่าทางลุ้นว่าเขาจะชอบอาหารหรือไม่ดูน่าเอ็นดู

ป้าแจ่มเห็นท่าทางณิชเหมือนกับวันที่ทำ Egg Benedict ให้จีรัชญ์ทานก็อดเอ็นดูไม่ได้ ตาเป็นประกายนั้นกำลังลุ้นตอนที่จีรัชญ์ตักข้าวเข้าปาก ไข่ต้มที่ปอกเปลือกแล้วถูกตัดครึ่ง ราดด้วยหลนเต้าเจี้ยวด้านบนกินกับข้าวสวยร้อนๆ จีรัชญ์รับรู้รสชาติที่เหมือนกับที่ตนเคยกิน เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันมาบอกณิช

“อร่อยมากครับ”

ณิชยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้รับคำชม ใจฟูคับอกราวกับจะระเบิดออกมาด้วยความดีใจ ป้าแจ่มยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้เขา ส่วนมิ้งกับไอ้มั่นยิ้มกว้างไม่หุบไปพร้อมกับความสำเร็จในครั้งนี้

‘เจ้าเห็นหรือไม่ ไอ้หาญมันก็มิได้โง่เสียทีเดียว’ หนุ่มโบราณร่างกำยำกอดอกมองเพื่อนรักด้วยสีหน้าภูมิใจ มิ้งเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะตอบกลับในใจ

‘หนูก็ไม่ได้บอกว่าคุณตรีโง่สักหน่อย มีแต่พี่นั่นแหละที่ฟึดฟัดโกรธเพื่อนตัวเอง’

‘เหอะ! ใช่ว่าเอ็งจะไม่แอบคิดเสียเมื่อไหร่ ช่างเถอะ ไอ้หาญมันทำให้คุณปราณยิ้มได้อีกครั้งข้าก็ดีใจ’

‘หนูอยากให้คุณตรีจำเรื่องราวทั้งหมดได้เร็วๆ คำสาปก็หมดแล้ว หลังจากนี้ควรจะมีความสุขจริงๆ สักที เอาจริงๆ นะพี่ ถ้าพี่ณิชเป็นผู้หญิงหนูคิดไปถึงตอนพี่ณิชมีลูกแล้วนะ’


‘ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ก็คงดีสิวะ แต่ตอนนี้ข้าอยากกินชานมไข่มุก เจ้าซื้อให้ได้หรือไม่’

‘ติดใจล่ะสิ กินมากๆ ระวังเบาหวานถามหา’

‘ข้าเป็นวิญญาณ ไยต้องกลัวโรคเช่นนั้น’


ไอ้มั่นเห็นข้อดีของการเป็นวิญญาณก็ตอนนี้ เพราะมันกินเครื่องดื่มที่มีเม็ดหนึบๆ ได้ไม่อั้น เสียอย่างเดียวก็ตรงที่มิ้งบ่นเสมอเพราะชานมไข่มุกหนึ่งแก้วใช่ว่าจะราคาถูกนัก

*

“ผมอยากให้ป้าแจ่มกลับไปดูแลวังได้แล้วครับ ทิ้งมานานแบบนี้ผมกลัวว่ามันจะรกร้างเอาได้ ผมอยากให้มีใครสักคนที่ผมวางใจอยู่ที่นั่น” จีรัชญ์พูดกับป้าแจ่มในช่วงวันหยุดซึ่งณิชก็ยังคงทำงาน เขาไม่อยากฝากวังไว้กับแม่บ้านคนอื่น เพราะไม่มีใครดูแลวังได้ดีเท่าป้าแจ่มอีกแล้ว

“แล้วใครจะดูแลคุณตรีช่วงกลางวันล่ะคะ”

“ผมจะจ้างพยาบาลพิเศษครับ”

ถึงบรรยากาศระหว่างเขากับณิชจะดีขึ้น แต่จีรัชญ์ก็ยังยืนยันความคิดนี้ เพราะเขาไม่อยากให้ณิชต้องมาอดหลับอดนอนดูแลเขา ไหนจะเรื่องงานอีกที่เจ้าตัวเร่งให้จบงานโดยไว แม้หน้าตาของณิชในช่วงนี้จะดูมีความสุขกว่าเมื่อก่อน ไม่ได้มีดวงตาเศร้าสร้อยแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายมากเกินไป

“คุณณิชจะยอมเหรอคะ”

จีรัชญ์ไม่ตอบ แต่ไอ้มั่นที่ได้ยินถึงกับอยู่ไม่ติด ไยเพื่อนรักที่ทำตัวดีขึ้นมาหน่อยถึงผีเข้าอยากสร้างเรื่องให้เจ้านายมันเสียใจอีกก็ไม่รู้ ไอ้มั่นรีบกลับไปบอกเจ้านายของมันทันที ณิชยังคงติดพันงานจึงมาหาจีรัชญ์ไม่ได้ ไอ้มั่นคอยบอกนายมันเรื่อยๆ ว่าตอนนี้จีรัชญ์ได้ติดต่อกับพยาบาลให้ช่วยดูพยาบาลพิเศษที่รับงานด้านนี้แล้ว ซึ่งจีรัชญ์ยินดีจ่ายค่าตอบแทนให้

“มิ้ง! พี่ฝากดูงานต่อด้วยนะ พี่มีธุระต้องรีบไป” พูดจบณิชก็รีบบึ่งรถมายังโรงพยาบาลทันที

จีรัชญ์มีกำหนดจะออกจากโรงพยาบาลภายใน 2-3 วันนี้ ณิชจัดการทุกอย่างไว้แล้วทั้งเรื่องที่พักและตารางเวลาในการดูแลจีรัชญ์ เพียงแต่ยังไม่ได้บอกเจ้าตัวเพราะคิดว่าจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์

เขารู้ดีว่าจีรัชญ์เป็นห่วงวังปริพัตร เพราะฉะนั้นป้าแจ่มจึงไม่สามารถอยู่ดูแลจีรัชญ์ต่อได้ เขาคิดวางแผนไว้เลยว่าจะเอางานมาทำตอนอยู่กับจีรัชญ์ เนื่องจากห้องพักของเขามีขนาดไม่ใหญ่พอ อีกทั้งจีรัชญ์คงไม่สะดวกใจนักที่ต้องมาอาศัยอยู่กับเขา จากที่จะเช่าห้องที่คอนโดฯ ณิชจึงออกความเห็นร่วมกับแขไขว่าจะเช่าเป็นบ้านสักหลังดีกว่า จีรัชญ์จะได้มีพื้นที่ไม่อุดอู้อยู่แต่ในห้องแคบๆ มากเกินไป

ณิชใช้ชื่อตัวเองในการทำสัญญาเช่าบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใจกลางเมือง และไม่ไกลจากโรงพยาบาล เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน รวมไปถึงดูเตียงนอนสำหรับผู้ป่วยและให้ช่างต่อเติมอุปกรณ์ที่ช่วยในการกายภาพให้ด้วย เขาได้พูดคุยกับหมอกายภาพบำบัดไว้ล่วงหน้าแล้ว ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้วเหลือเพียงแค่จีรัชญ์เข้าไปอยู่เพียงเท่านั้น

ปึง!

“แฮ่กๆ ผม...แฮ่ก...ผมจะดูแลคุณเอง” ณิชเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษเข้าไปก่อนจะพูดโดยที่อาการหอบจากการวิ่งยังชัดเจน ชายหนุ่มแทบหายใจไม่ทันเพราะวิ่งมาเต็มฝีเท้า ใจเต้นรัวในอกแทบหลุดออกทางปากด้วยความเหนื่อย

จีรัชญ์มองคนที่กระหืดกระหอบมาบอกเขาถึงสิ่งที่เจ้าตัวต้องการจะทำ ตั้งแต่วันแรกที่เขาฟื้นจนวันนี้เวลาผ่านมาเดือนกว่าแล้ว แต่ณิชก็ยังยืนกรานจะทำแบบเดิม

“ผมติดต่อพยาบาลพิเศษไปแล้วครับ”

“ไม่! ผมบอกแล้วไงว่าผมจะดูแลคุณเอง คุณก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ คุณรู้เรื่องของเราจากป้าแจ่มแล้ว ทำไมล่ะครับ ผมอยากทำให้ผมทำไม่ได้เหรอ” ท้ายประโยคณิชพูดเสียงอ่อนเมื่อเห็นแววตาแน่วแน่ของจีรัชญ์ที่จะปฏิเสธความหวังดีของเขา ป้าแจ่มถอนหายใจก่อนจะหลบออกจากห้องไปเพื่อให้คนทั้งสองได้คุยกันเอง

“คุณไม่เข้าใจคุณณิช” จีรัชญ์พูดเสียงเรียบ ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเตียงด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“คุณนั่นแหละที่ไม่เข้าใจ ผมบอกแล้วว่าผมยินดีดูแลคุณ ต่อให้คุณเจ็บหนักกว่านี้ผมก็ยินดีทำ ทำไมไม่ให้โอกาสผมบ้าง”

“คุณจะฝืนทำไม” จีรัชญ์ถามเสียงอ่อน ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับสิ่งที่ณิชทำให้ แต่ทุกอย่างสำหรับเขามันคือความไม่สนิทใจ เพราะในความทรงจำของเขาไม่มีคนชื่อณิชอยู่เลย

“ผมไม่ได้ฝืน ผมสบายดี ผมยังทำงานได้ยังดูแลคุณได้ ผมไม่เป็นอะไรเลย คุณจะเกรงใจผมทำไม” ต่อให้เขาต้องอดนอนมากกว่านี้ แต่ถ้าทำเพื่อจีรัชญ์แล้วเขายอมทุกอย่าง ขอเพียงแค่ได้เห็นหน้าอีกฝ่าย ได้ดูแลอยู่ใกล้ๆ ก็พอ

“แต่มันทำให้ผมอึดอัด”

เพียงคำพูดเดียวที่หลุดออกมาจากปากคนที่ตนรักสุดหัวใจทำให้ณิชเกือบเข่าอ่อน ริมฝีปากบางเม้มสนิทพร้อมความเจ็บปวดในอกที่ถาโถมเข้ามาราวคลื่นทะเลซัด น้ำตาค่อยๆ ไหลอาบแก้ม เจ้าตัวพยายามปาดเช็ดเท่าไหร่แต่มันก็ยังไหลอยู่

เขาคิดว่าเรื่องระหว่างเขากับจีรัชญ์มันดีขึ้นแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายจำกันไม่ได้เขาก็พร้อมสร้างความทรงจำใหม่ๆ ให้จีรัชญ์ได้จดจำเขาได้ ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตามเขาก็ยินดี ต่อให้ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเขาก็ทำได้ ต้องแนะนำตัวเองว่าเขาคือปราณันต์ลูกน้องของแขไขเขาก็ทำได้ จะให้เขารื้อฟื้นเรื่องราวทุกอย่างใหม่ เอาชนะใจจีรัชญ์ให้ได้อีกครั้งก็เขาทำได้ แต่มันต้องไม่ใช่คำนี้ที่ทำให้กำลังใจในการสู้ต่อของเขาหมดลง

“พอเถอะครับ คุณเหนื่อยมามากแล้ว” จีรัชญ์พูดต่อ สงสารอีกฝ่ายเช่นกันที่ต้องมารับรู้คำพูดตรงๆ จากเขาแบบนี้ เขาเห็นในความพยายามของณิช แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เขาไม่สบายใจอยู่ดี

มันปวดหน่วงในอกทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาในช่วงกลางดึกแล้วเห็นว่าณิชยังคงเปิดแลปท็อปทำงานอยู่ในห้องมืดๆ แสงจากหน้าจอทำให้สายตาเสียได้ แต่ณิชก็ยังทำเพราะไม่อยากเปิดไฟรบกวนเขา ทุกครั้งที่เขาขยับตัวอีกฝ่ายจะสะดุ้งตื่นเพื่อมาดูว่าเขาต้องการอะไร หลายครั้งที่เขาเห็นความเหนื่อยล้าจากแววตาเศร้านั้น แม้ใบหน้าจะเปื้อนยิ้มแต่ลึกๆ แล้วเขารู้ว่าเจ้าตัวไม่มีความสุขเลย

“ผะ...ผม...ผมทำคุณอึดอัดจริงๆ อึก...เหรอครับ”

ณิชถามเสียงแผ่วเบา แต่เพราะภายในห้องที่เงียบสนิททำให้จีรัชญ์ได้ยินชัดเจน ชายหนุ่มร่างบางเงยหน้าขึ้นมองสบตาคนที่นอนอยู่บนเตียง และตอนนี้ถอดเหล็กที่ดามไว้นอกร่างกายออกจากตัวแล้ว จีรัชญ์แข็งแรงขึ้นจากตอนแรกมาก แต่หมอยังไม่ให้เดินเพราะกลัวกระดูกที่เริ่มติดกันจะหักซ้ำ ตอนนี้จึงทำแค่กายภาพเล็กๆ น้อยๆ เพียงเท่านั้น

จีรัชญ์ไม่ตอบคำถามนั้น เขาให้ความเงียบเป็นคำตอบ แต่สำหรับณิชแล้วนั่นคือคำตอบที่ดีที่สุดที่เขาเข้าใจ ชายหนุ่มเม้มปากแน่นสนิท เขาไม่รู้เลยว่าการทุ่มเทให้จีรัชญ์มันทำให้อีกฝ่ายอึดอัด ไม่รู้เลยว่าต่อให้พยายามมากแค่ไหนท้ายสุดเขากับจีรัชญ์ก็ยังคงห่างเหินกันเช่นเดิม

“ครับ... ต่อไปผมจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก”

ณิชยอมให้กับจีรัชญ์ ไม่ใช่เพราะอยากยอมแพ้ แต่เพราะการได้ยินคนรักบอกกับเราว่าเขารู้สึกอึดอัดในสิ่งที่เราทำ มันทำให้เขาไม่มีแรงสู้ต่อในตอนนี้ เขาคงต้องกลับไปตั้งหลักกับตัวเอง และอาจจะต้องใช้วิธีของจีรัชญ์ในการดำเนินชีวิต

นั่นคือการรอ...

รอว่าสักวันพวกเขาอาจวนกลับมาพบกันอีกครั้ง





โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai1:




โอยยยยยยยยยย เจ็บไปทั้งหัวใจ

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๓๔

ก๊อกๆๆ

“พี่ณิช! พี่ณิชเปิดประตูให้หน่อย พี่ณิช!”

ปึงๆๆ

มิ้งเคาะประตูเรียกเจ้าของห้องที่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องของตัวเองมาสามวันแล้ว น้ำหนักมือเพิ่มขึ้นตามอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้เธอรู้ข่าวจากป้าแจ่มว่าณิชยอมให้จีรัชญ์จ้างพยาบาลพิเศษเพราะป้าแจ่มต้องกลับไปดูแลวังปริพัตร หลังจากนั้นก็ไม่เห็นหน้าณิชอีกเลย ป้าแจ่มไม่รู้ว่าจีรัชญ์กับณิชตกลงกันอย่างไรณิชถึงได้หายหน้าไปเลย ร้อนถึงหญิงสาวที่ต้องตามมาดูรุ่นพี่คนสนิทว่ายังอยู่ดีหรือไม่

“พี่ณิช! ถ้าพี่ยังไม่เปิดประตูหนูจะให้รปภ.คอนโดฯ พังเข้าไปแล้วนะ”

หญิงสาวร้องบอกด้วยความร้อนใจ ตอนแรกเธอคิดว่าณิชคงไม่สบายธรรมดา แต่เพราะแม้แต่ไอ้มั่นเธอก็ไม่เห็นเลยจึงไม่สามารถรับรู้ข่าวจากใครได้ว่าณิชเป็นอย่างไรบ้าง และการที่ไม่เห็นหน้าณิชรวมไปถึงไอ้มั่นพร้อมกันแบบนี้ แสดงว่านายกับบ่าวคู่นี้มีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอนเธอจึงต้องตามมาดูถึงคอนโดฯ

ตอนนี้จีรัชญ์ออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยมีแขไขคอยจัดการธุระให้ทุกอย่าง ชายหนุ่มย้ายไปอยู่บ้านที่ณิชเช่าไว้ให้ เธอไม่รู้ว่าระหว่างคนทั้งคู่กันเกิดอะไรขึ้น จากที่คิดว่าคนทั้งสองกำลังสร้างความทรงจำใหม่ร่วมกันเพื่อรอจีรัชญ์จำเรื่องราวในอดีตได้ ทำไมถึงได้กลับตาลปัตรแบบนี้

“เจ้ามิ่ง”

เสียงของไอ้มั่นดังขึ้นด้านหลัง มิ้งหันไปหาดวงวิญญาณที่คุ้นเคยยืนอยู่ แต่สีหน้าและแววตาของไอ้มั่นไม่สดใสเหมือนอย่างเคย มันเศร้าจนดูเหมือนคนจะร้องไห้ตลอดเวลา

“พี่มั่น พี่ณิชเป็นอะไร หนูถามรปภ.ข้างล่างเขาบอกไม่เห็นพี่ณิชออกไปไหนเลย”

ไอ้มั่นไม่ได้ตอบในทันที แต่ดวงตาทั้งสองค่อยๆ มีน้ำเอ่อคลอก่อนจะไหลออกมา นี่คือความอ่อนแอครั้งแรกของไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ ความรู้สึกของมันไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เพราะสงสารเจ้านายตัวเองจับใจ เสียงสะอื้นของไอ้มั่นเริ่มดังขึ้นแต่ยังดีที่มันเป็นเพียงวิญญาณจึงไม่มีใครได้ยินนอกจากมิ้ง

"หนูเข้าไปได้ไหม พี่บอกให้พี่ณิชเปิดประตูหน่อยสิ" ยิ่งเห็นท่าทีของไอ้มั่นเป็นแบบนี้มิ้งยิ่งหวั่นใจกลัวเกิดเหตุร้ายอะไรกับณิชอีก

"คุณปราณรู้ว่าเจ้ามา"

"แต่ไม่เปิดประตูให้สินะ" มิ้งพูดเสียงเศร้า รู้สึกน้อยใจรุ่นพี่ขึ้นมาเสียดื้อๆ ทำไมถึงได้เมินเฉยความห่วงใยของเธอแบบนี้

"ใช่สิ! พี่คิดว่าพี่ห่วงคนอื่นเป็นคนเดียวรึไง หนูก็ห่วงพี่เหมือนกันนะพี่ณิช! เป็นอะไรทำไมไม่พูดไม่บอก อยู่ๆ จะหนีหน้ากันแบบนี้เหรอ"

มิ้งตะโกนใส่ประตูราวกับว่ามันคือณิชเอง ทุบบานประตูระบายความน้อยใจไปด้วยหนึ่งที แต่ภายในห้องก็ยังเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่ หญิงสาวถอนหายใจเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอยืนฟึดฟัดอยู่หน้าห้องอยู่หลายนาทีก่อนจะหันไปพูดกับไอ้มั่นอีกครั้ง

"หนูฝากพี่ไปบอกพี่ณิชด้วยว่าเดี๋ยวหนูจะซื้อข้าวมาแขวนไว้ให้ ถ้ามีอะไรก็โทรบอก อ้อ! ถ้าพี่ณิชเป็นอะไรพี่ไปบอกหนูได้ตลอดเลยนะพี่มั่น หนูกลัวพี่ณิชจะตายคาห้องไปก่อน"

ในเมื่อณิชยังไม่พร้อมเจอใครในตอนนี้เธอก็คงไม่เซ้าซี้ต่อ เมื่อพูดจบหญิงสาวก็จากไปและทำอย่างที่พูดไว้ ข้าวหนึ่งกล่องรวมไปถึงพวกขนมปัง นมกล่องและของกินเล่นที่เก็บไว้หลายวันได้ ผลไม้จำพวกแอปเปิ้ล ส้มก็มาพร้อมกัน อย่างน้อยๆ เก็บไว้วัน 3-4 วันมันก็ยังกินได้ ไม่ได้เน่าเสียภายในวันเดียว

"คุณปราณขอรับ เจ้ามิ่งซื้ออาหารมาเต็มเลยนะขอรับ ออกไปเอามากินหน่อยเถิดขอรับ" ไอ้มั่นพูดกับคนที่นั่งทำงานอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน จะมีก็แค่ลุกไปเข้าห้องน้ำเพียงเท่านั้น

มือของทาสที่ติดตามเจ้านายทุกภพทุกชาติลูบเบาๆ ไปบนแขนของณิช แม้ไม่รับรู้ถึงแรงสัมผัส แต่มันก็หวังว่าความห่วงใยที่มีจะส่งถึงเจ้านายมันได้

"คุณปราณขอรับ อย่าทำแบบนี้เลย จะให้บ่าวทำกระไรก็ได้แต่อย่าทรมานตัวเองเช่นนี้เลยขอรับ" ไอ้มั่นร้องขอเสียงสั่นเครือ มันแทบก้มกราบกรานให้เจ้านายกินอะไรเสียบ้าง มือเรียวที่กำลังร่างแบบอยู่หยุดนิ่ง เขาเหลือบมองไอ้มั่นที่นั่งหมอบอยู่ใกล้ๆ สีหน้าและแววตาเศร้าสร้อยสื่อให้รู้ว่าเป็นห่วงเขาจับใจ

"ผมกินไม่ลงหรอกมั่น"

เขาไม่อยากกินอะไรเลยเพราะไม่มีอารมณ์จะกิน ตอนนี้เข้าใจความทรมานของไอ้หาญแล้ว แต่ที่เขารู้สึกตอนนี้มันก็แค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น การจากลาของพวกเขาในครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนเพราะเขายังมีชีวิต

แต่การมีชีวิตของคุณปราณในครั้งนี้ กลับไม่มีตัวตนในห้วงคำนึงของไอ้หาญเลย

"ฝืนสักหน่อยนะขอรับ บ่าวไม่อยากเห็นคุณปราณต้องล้มป่วย ไอ้หาญมันใจร้ายกับคุณปราณ แต่คุณปราณอย่าใจร้ายกับตัวเองเลยนะขอรับ"

คำพูดเตือนสติของบ่าวคนสนิททำคุณปราณในชาติปัจจุบันชะงักไป เขาไม่ได้ยอมแพ้ ไม่เคยคิดถอยหรือถอดใจจากจีรัชญ์ เขาแค่เหนื่อยและรู้สึกเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ น้ำตาที่เจ้าตัวคิดว่าเหือดหายไม่เหลืออยู่ในตัวแล้วค่อยๆ เอ่อคลอขึ้นมา แค่เพียงกะพริบตาหยาดน้ำตาเม็ดโตก็ไหลลงในทันที ณิชนั่งหลับตาอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ๆ ปล่อยให้น้ำตามันไหลไปจนหยุดไปเอง

ใครจะอยากทำร้ายร่างกายตัวเองกัน เขาไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ จากตอนแรกแรงสู้มีเต็มเปี่ยมแต่มันก็ถูกบั่นทอนทีละน้อย ความเจ็บปวดที่มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้สึก นึกโกรธและเกลียดการกระทำของตัวเองในอดีต

คุณปราณผู้อ่อนหวานแต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อน ผูกมัดใจไอ้หาญด้วยคำรักและความรู้สึกที่มี แต่กลับขลาดเขลาเอาตัวรอดเพราะเกรงกลัวบิดาด้วยการโป้ปด น่าสมเพชสิ้นดี! หากได้ย้อนเวลากลับไปในตอนนั้น เขายอมให้ท่านออกญาฯ เฆี่ยนตีดีกว่าต้องมาทุกข์ระทมกับความรักที่แสนขมขื่นทุกภพทุกชาติแบบนี้

แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เขาย้อนเวลาไม่ได้จะมีก็แต่เวลาที่เดินหน้าต่อ ชีวิตในชาตินี้มีเขาเลือกเอง เพราะฉะนั้นถ้ายังมัวแต่จมปลักอยู่กับความเสียใจแบบนี้เรื่องทุกอย่างก็คงไม่ต่างจากที่แล้วมา

ณิชตั้งสติได้ก็ลุกไปหยิบของที่มิ้งซื้อมาให้ รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อเห็นถึงความห่วงใยของรุ่นน้องตัวเล็ก เขาจึงส่งข้อความไปว่าขอบคุณซึ่งฝ่ายนั้นรีบกดอ่านอย่างไว ก่อนจะส่งกลับมาเป็นสติ๊กเกอร์ว่าไม่เป็นไร

มิ้ง : หนูไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไร แต่หนูพร้อมฟังพี่ระบายนะ

อีกฝ่ายส่งมาแค่นั้นและณิชไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขานั่งลงกินข้าวที่เป็นมื้อแรกของสามวันที่ผ่านมา ไอ้มั่นนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ มองณิชไม่วางตาด้วยความเป็นห่วง ทั้งลุ้นทั้งห่วงว่าณิชจะกินข้าวหมดไหม

“อิ่มแล้วหรือขอรับ ฝืนอีกสักหน่อยนะขอรับ กุ้งนั่นดูสดแถมตัวใหญ่ด้วย คุณปราณกินสิขอรับ บ่าวว่ามันต้องอร่อยแน่ๆ”

ณิชยิ้มบางกับคำพูดหลอกล่อของไอ้มั่นที่เหมือนผู้ใหญ่หลอกเด็กน้อยให้กินข้าว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยอมตักกุ้งตัวใหญ่เข้าปากเป็นคำสุดท้าย ก่อนจะเก็บข้าวที่เหลือกว่าครึ่งกล่องเข้าตู้เย็น ถ้าอยากกินอีกเมื่อไหร่ค่อยเอาออกมาใส่ไมโครเวฟอุ่นกินสักมื้อ

ชายหนุ่มยังคงใช้ชีวิตอยู่ในห้องที่ราวกับห้องปิดตาย เขาไม่ได้ออกไปไหนหรือพบเจอใคร มีเพียงดวงวิญญาณคอยอยู่เป็นเพื่อน ชวนคุยบ้างชวนเล่นบ้าง ไอ้มั่นมองคนที่นอนหลับคากองงานไปด้วยความอ่อนเพลีย ทั้งที่งานไม่ได้เยอะท่วมหัวแต่ณิชทำราวกับมันกำลังจะถล่มใส่ตัว

พี่โอ๋คุยกับลูกทีมตัวเองเพื่อให้ณิชมาทำงาน แม้งานของณิชจะเสร็จทันเวลาหรือไม่มีข้อบกพร่อง แต่เขาก็อยากเห็นหน้าเห็นตัวใช่แค่โต้ตอบแค่ทางโทรศัพท์หรือข้อความเท่านั้น แต่ณิชกลับบอกว่าขอเวลาพักสักหน่อย แม้วันลาที่มีทั้งปีกำลังจะหมดแล้วก็ตาม

แขไขที่รู้เรื่องราวจากจีรัชญ์ไม่ได้ตามให้ณิชกลับไปทำงาน เธอให้เวลาณิชรักษาใจที่บอบช้ำกับคำพูดที่เสียดแทงใจ ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่มิตรที่ดีโดยดูแลจีรัชญ์ให้ก่อน ไว้ทุกอย่างอยู่ตัวเมื่อไหร่เธอก็จะถอยออกมาเช่นเดียวกัน

ตุ้บ!

เสียงของตกจนณิชสะดุ้งตื่น ชายหนุ่มตาปรือเพราะยังง่วงอยู่ อาการเมื่อยเนื้อตัวเริ่มมาเพราะเขาเผลอหลับในท่าทางที่ไม่ใช่ท่านอนปกติ ณิชหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าตอนนี้ตี 2 แล้ว ท้องฟ้ามืดสนิทและภายในห้องเขาเองก็เช่นกัน ณิชขยับตัวไล่ความปวดเมื่อยก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะไปนอนที่เตียง แต่ก็ต้องชะงักเพราะเท่าเขาสะดุดกับของบางสิ่งที่มันไม่ควรมาอยู่ตรงนี้

สมุดบันทึกของคุณปราณ

ชายหนุ่มก้มลงหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา นึกถึงตอนที่เขาพยายามค้นหาเพื่อจะรู้ความจริงจนต้องแอบขโมยเจ้าสิ่งนี้มาจากห้องทำงานของจีรัชญ์ ในตอนนั้นไม่สนเลยด้วยซ้ำว่าถ้าเจ้าตัวรู้แล้วจะโกรธมากแค่ไหน ขอเพียงเขาได้รู้อะไรเกี่ยวกับคนชื่อปราณและหาญบ้างก็พอ

ณิชเปิดสมุดบันทึกอ่านดูอีกครั้ง ความรู้สึกของเขายังคงเหมือนเดิม อ่านจบจนถึงหน้าสุดท้ายที่มีกลอนของไอ้หาญก็ยังรู้สึกแบบเดิม เขายิ้มให้กับสมุด ลูบไล้มันแผ่วเบาราวกับมันคือสิ่งล้ำค่าที่เปราะบางที่สุด

ไอ้มั่นยืนมองเจ้านายตัวเองอยู่ในมุมมืดเพราะณิชไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงแสงจากดวงจันทร์เท่านั้นที่ส่องเข้ามาให้เห็นรางๆ มันใช้ความสามารถที่ตัวเองพอจะมีสร้างลมขึ้นมาเพื่อปัดสมุดบันทึกนั้นให้หล่น เพราะมันไม่เห็นหนทางไหนแล้วที่จะดึงคุณปราณให้กลับมาสู้ได้อีกครั้งนอกจากวิธีนี้

การให้คุณปราณได้เห็นสมุดบันทึกที่เป็นดั่งเรื่องราวร้อยเรียงของคนทั้งคู่ อาจทำให้คุณปราณคิดหาวิธีที่จะทำให้ไอ้หาญจจำเรื่องทั้งหมดได้อีกครั้ง

“คุณปราณจำเรื่องราวทั้งหมดได้จากสมุดบันทึกเล่มนี้ หรือคุณปราณลองเอาให้ไอ้หาญอ่านดีไหมขอรับ เผื่อมันจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง” ไอ้มั่นออกความเห็นก่อนจะปรากฏกายข้างเจ้านายของมัน ณิชนั่งอยู่ตรงปลายเตียง เขามองสมุดในมือแต่ไม่ได้พูดอะไร

*

จีรัชญ์มาอยู่บ้านเช่าได้ราวสองอาทิตย์ เขาเพิ่งมารู้ตอนออกจากโรงพยาบาลว่าณิชจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งเรื่องเตียงและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยให้เขาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น รู้สึกปวดหน่วงในอกยามเห็นถึงความพยายามของณิชที่แฝงอยู่ทุกมุมของบ้านหลังนี้ มันสื่อว่าณิชให้ความสำคัญและห่วงใยเขามากจริงๆ

“คุณตรีจะทานมื้อเย็นเลยไหมครับ” คนดูแลที่ถูกจ้างมาเอ่ยถาม เขาขอไปว่าให้เป็นผู้ชายเพราะมันสะดวกมากกว่า อีกทั้งต้องให้คนดูแลพักที่นี่กับเขาด้วย เพราะฉะนั้นเป็นเพศเดียวกันจะดีที่สุด ชายหนุ่มคนนี้ที่เคยทำงานโรงพยาบาลเอกชนมาก่อนจึงถูกเรียกตัวให้มาดูแลเขา และอีกฝ่ายก็ทำหน้าที่ได้ดี

“ครับ” จีรัชญ์ตอบรับ แม้สายตายังจับจ้องอยู่ที่อ่างบัวก็ตาม

บ้านหลังนี้อยู่ในหมู่บ้านที่มีพื้นที่บริเวณ ไม่ว่าจะสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สนามเด็กเล่น เรียกได้ว่ามีทุกอย่างครบครันเหมาะกับการใช้ชีวิตแบบครอบครัว บ้านที่ณิชเช่าให้ก็มีบริเวณ สนามหญ้าเล็กๆ เป็นพื้นที่สีเขียว แต่ที่สะดุดตาเห็นจะเป็นอ่างบัวที่เจ้าตัวดูจงใจจัดหามาวางไว้

ภายในอ่างบัวสวยมีดอกบัวอยู่ 3 สี สีขาว ม่วงและส้มแซมเหลือง ปลาหางนกยูงทั้งตัวผู้และตัวเมียถูกปล่อยแหวกว่ายอยู่ในนั้นเพื่อไม่ให้ยุงลายวางไข่ ถ้าดูผิวเผินบ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านทั่วไป แต่ความพิถีพิถันที่คนเช่าสร้างไว้ทำให้เขารู้สึกผิดกับณิชไม่น้อย

“ตรีคะ” เสียงเรียกของหญิงสาวที่คุ้นเคยทำให้จีรัชญ์หันไปมอง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนรถเข็นทำให้เห็นแขไขที่ลงจากรถมายืนเกาะรั้วอยู่ สาวเจ้ายิ้มหวานพร้อมกับคนที่ตามมาด้วย

“สวัสดีค่ะคุณตรี” มิ้งเอ่ยทักทาย วันนี้เธอขอติดรถแขไขมาเยี่ยมจีรัชญ์ด้วย เธอมีธุระสำคัญมาคุยกับจีรัชญ์ แน่นอนว่าอาจจะดูเหมือนเธอเป็นคนจุ้นจ้านมากเกินไป แต่แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้นที่เธอจะทำแบบนี้

คนทั้ง 4 ซึ่งรวมคนดูแลจีรัชญ์ด้วยนั่งทานมื้อเย็นด้วยกัน แขไขซื้อกับข้าวมาหลายอย่างเพราะรู้ว่าจีรัชญ์ทานมื้อเย็นเวลานี้ มิ้งลอบมองปฏิกิริยาของคนทั้งสองว่าเป็นเช่นไร เพื่อจะได้เก็บข้อมูลสักหน่อยว่าณิชยังพอมีโอกาสที่จะกลับมาอยู่ในใจของจีรัชญ์ได้หรือไม่

หลังจากมื้อเย็นผ่านไปมิ้งใช้โอกาสตอนที่แขไขออกไปคุยโทรศัพท์ และคนดูแลจีรัชญ์ออกไปทำธุระนอกบ้านมาคุยกับจีรัชญ์ สาเหตุที่เธอมาวันนี้ก็เพราะณิชไหว้วานให้มาทำบางอย่าง

“คุณตรีคะ” หญิงสาวเรียกคนที่นั่งอยู่บนเตียง จีรัชญ์หันมามองพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น เพราะสีหน้าของมิ้งดูจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ครับ?”

“หนูมีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ เกี่ยวกับพี่ณิช”

“อ่า...คุณณิช”

ตั้งแต่วันนั้นที่เขาพูดทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายไป เขาก็ไม่เห็นหน้าณิชอีกเลยอย่างที่เจ้าตัวบอก เขารู้ว่าคำพูดตัวเองตรงเกินไป แต่จะให้เขาพูดอ้อมค้อมจนเกิดความกระอักกระอ่วนใจกันก็ทำไม่ได้

“ผมยังไม่ได้ขอบคุณเขาเรื่องบ้านหลังนี้เลย เขาเป็นอย่างไรบ้างครับ สบายดีใช่ไหม”

มิ้งที่ได้ยินคำถามนั้นถึงกับยิ้มฝืน นึกโกรธจีรัชญ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกันที่กล้าถามคำนี้ออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอีกฝ่ายอยู่ในสถานะความจำเสื่อม เธอจะด่าให้เลยว่าใครที่ไหนเขาจะสบายดี โดนคนรักพูดว่าอึดอัดใส่ถ้ายิ้มได้ก็บ้าแล้ว

“พี่ณิชฝากของมาให้คุณค่ะ” มิ้งเข้าเรื่องทันทีไม่ยื้อเวลาต่อให้มากความ จีรัชญ์เลิกคิ้วเชิงสงสัยว่ารายนั้นจะฝากอะไรมาให้เขา

สมุดเล่มหนึ่งที่สภาพของมันดูเก่ามากจนเห็นขอบกระดาษเป็นสีเหลืองถูกยื่นมาตรงหน้า หญิงสาวยื่นมันให้เขาพร้อมกับบอกว่าเป็นของสำคัญที่อยากจะให้เขาไว้ มิ้งไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ประจวบเหมาะกับคนดูแลเขามาพอดี แขไขที่คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วจึงเข้ามาบอกว่าต้องขอตัวกลับก่อนเพราะมีธุระต่อ มิ้งจึงต้องกลับด้วย สายตาของหญิงสาวร่างเล็กมองมาที่สมุดเล่มนั้นไม่วางตา เหมือนจะฝากฝังเขาเป็นครั้งสุดท้ายโดยไม่ลืมกำชับว่า...

"คุณตรีต้องอ่านมันนะคะ”

*

“ในที่สุดลูกทีมกูก็มาครบองค์สักทีสินะ” พี่โอ๋เดินมาเคาะโต๊ะณิชพร้อมยิ้มกว้าง เป็นการเจอหน้ากันหลังจากที่ไม่ได้เจอมาร่วมสองอาทิตย์ ณิชดูซูบลงไปไม่น้อย ใบหน้าไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน แต่โดยรวมก็ไม่ได้ผิดหูผิดตาไปมากนัก

แน่นอนว่าการหยุดงานของณิชเป็นที่กังขากับพนักงานคนอื่นๆ เพราะช่วงหลังมานี้ณิชหยุดงานบ่อย แต่แขไขออกโรงปกป้องว่าณิชกำลังอยู่ในช่วงที่เจอเหตุการณ์สะเทือนใจ ทำให้ต้องหยุดพักอยู่ห้องไปแต่ยังคงทำงานอยู่ ซึ่งข้อนี้เขาการันตีในฐานะหัวหน้าทีมว่างานของลูกค้าที่ณิชต้องรับผิดชอบส่งมาให้ครบหมดแล้ว ถ้ามีสิ่งที่ต้องทำอย่างเช่นออกสถานที่หรือไปเจอลูกค้าส่วนใหญ่เขาก็ให้มิ้งกับบอยไปอยู่แล้ว

“กินข้าวแล้วเหรอพี่” ณิชถาม

“ยัง จะมาชวนมึงเนี่ย ไปไหม”

“ไปดิ ชวนไปทั้งทีมเลยนะพี่ มื้อนี้ผมเลี้ยง” ณิชตอบพร้อมยิ้มให้ มิ้งเหลือบมองรุ่นพี่คนสนิทของตัวเองแล้วอดสงสัยไม่ได้ วันก่อนณิชฝากให้เธอเอาสมุดบันทึกไปให้จีรัชญ์ สีหน้าตอนนั้นยังเศร้าตาบวมปูดเป็นลูกมะนาวอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมาเป็นปกติราวกับก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

‘พี่มั่น ทำไมพี่ณิชดูแปลกๆ’

‘ข้าไม่รู้ใจคุณปราณเลยว่ะ ไม่รู้เลยว่าคุณเขาคิดทำอันใด’

‘เออ หนูกลัวใจพี่ณิชจริงๆ’


ถ้าณิชทำใจเรื่องจีรัชญ์ได้เธอก็ดีใจด้วย เพราะจะได้เห็นณิชกลับมาสดใสเป็นคนเดิมเสียที แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ...

พี่โอ๋พาบอย มิ้ง ริสาและณิชไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารใกล้ๆ บริษัท โชคดีที่จองโต๊ะไว้แล้วจึงทำให้พวกเขาไม่ต้องรอคิวนาน หรือต้องไปแย่งโต๊ะกับลูกค้าคนอื่นๆ

หลังจากสั่งอาหารกันไปเรียบร้อยพวกเขาก็นั่งคุยสัพเพเหระกันไปเรื่อย ณิชนั่งฟังเรื่องส่วนตัวของพี่โอ๋ที่ยังทะเลาะกับแฟนอยู่เสมอๆ แต่ก็กลับมาคืนดีกันได้ ส่วนบอยกำลังตามจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เป็นลูกค้าของบริษัทซึ่งดูท่าแล้วสาวเจ้าก็เล่นด้วย อีกไม่นานพวกเขาคงได้ข่าวดีว่าบอยมีเจ้าของหัวใจสักที ไม่ทำตัวเมาหัวราน้ำเป็นแฝดกับมิ้งไปวันๆ

ริสายังคงเป็นสาวขาเมาท์ประจำทีม ข่าวคราวของคนในบริษัทยังถูกป้อนให้พวกเขารู้เสมอ ส่วนมิ้งที่เป็นคนที่สนิทกับเขาที่สุด อีกทั้งยังผ่านเรื่องราวต่างๆ มาด้วยกันบอกกับเขาว่าตัวเองแต่งนิยายเรื่องนั้นจบแล้ว เป็นตอนจบที่เธออยากให้เป็นและสมบูรณ์แบบที่สุด


ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
(ต่อ)

“พี่โอ๋... ผมจะลาออก”

คำพูดของณิชทำทั้งโต๊ะเงียบลงทันที ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว

“มึงล้อเล่นไรไอ้ณิช ไม่ตลกนะเว้ย”

“ผมพูดจริงๆ” ณิชพูดพร้อมรอยยิ้ม เป็นยิ้มที่สื่อให้รู้ว่าเขาตัดสินใจดีแล้ว

ก่อนหน้านี้ที่เขายังอยู่ทำงานต่อนั่นเพราะอยากยื้อเวลาเผื่อว่าจีรัชญ์จะจำเขาได้ จมอยู่กับความเสียใจที่มีเสี้ยวของความหวังรั้งไว้ให้เขาอยู่ แต่เมื่อคิดตรึกตรองดูแล้ว การรอคอยของเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เดิมเสมอไป ไอ้หาญยังเดินทางไปรอบโลกเพื่อรอเขา แล้วทำไมเขาจะต้องรออยู่ที่เดิม หากโชคชะตาต้องการให้พวกเขาสองคนต้องพิสูจน์ความรักอีกครั้ง เช่นนั้นการห่างกันและอยู่รออย่างสงบคงเป็นทางออกที่ดี

“พี่พูดจริงเหรอวะ พี่เอาจริงดิ?” บอยถามหน้าตื่น เพราะถ้าทีมพวกเขาขาดณิชไปสักคนก็คงขาดสีสันไปไม่น้อย

“อืม คิดไว้นานแล้วว่าจะออก ตอนนี้คงได้เวลาแล้วล่ะ”

“มึงไม่รักพวกกูเหรอวะ” พี่โอ๋ถาม หัวหน้าทีมทำหน้าเศร้าทันทีเมื่อรับรู้ข่าวนี้ เขารู้สึกว่าทีมนี้เป็นเหมือนครอบครัวของเขาไปแล้ว ไม่อยากจากกันไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

“รักสิพี่ แต่ผมอยากพักว่ะ มัน...เหนื่อยๆ ไงไม่รู้” พอพูดมาถึงตรงนี้เสียงเขาก็สั่นหน่อยๆ น้ำตารื้นขึ้นมาจนต้องกะพริบตาไล่มันไป มิ้งแตะข้อศอกณิชเบาๆ ปลอบใจอย่างคนที่เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย ณิชจึงหันไปยิ้มให้หญิงสาวเชิงว่าขอบใจ

“คุณแขรู้เรื่องนี้ยังวะ”

“รู้แล้ว”

“แล้วเขาไม่รั้งมึงเลยเหรอ”

“รั้งสิ แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว”

“ถ้ามึงออกจากงานนี้แล้วมึงจะทำอะไร จะไปอยู่ไหน หรีอมีบริษัทไหนมาเสนองานเสนอเงินให้มึงวะ” พี่โอ๋เริ่มคิดไปไกลจนณิชหลุดขำ เขารีบโบกมือให้อีกฝ่ายใจเย็นลง

“ไม่ๆ พี่คิดมากไปแล้ว ไม่มีบริษัทไหนมาเสนอเงินให้ผมทั้งนั้นแหละ ผมแค่...”

“เออๆ กูไม่ถามต่อแล้ว หน้ามึงตอนนี้เหมือนโดนกูรังแกยังไงไม่รู้ อย่าร้องไห้นะเว้ยอายเขา”

หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่คุยกันถึงเรื่องนี้อีก แม้บรรยากาศจะกร่อยกว่าตอนแรก แต่คนในทีมก็เคารพการตัดสินใจของณิช เมื่อกลับมาถึงบริษัทมิ้งจึงรีบเข้าหาณิชตอนที่อยู่กันสองคนทันที

“เรื่องลาออกน่ะ พี่แน่ใจแล้วเหรอ คุณตรียังจำเรื่องราวไม่ได้แต่พี่จะหนีเขาไปเหรอ ไหนบอกจะรอไง” มิ้งถามแทบไม่หายใจ หญิงสาวเขย่าแขนณิชแทบหลุดเพราะเร่งจะเอาคำตอบ

“ไม่ได้หนี บอกแล้วไงว่าเหนื่อยแค่อยากพัก”

“จะไปพักที่ไหนล่ะ อย่าบอกว่าอยู่ห้องเฉยๆ นอนให้ฝุ่นเกาะตัวอะนะ”

“ตอนนี้ยังไม่รู้ว่ะ อาจจะ...ไปอยู่ต่างจังหวัดมั้ง”

“ต่างจังหวัดที่ว่านี่คือวังปริพัตรปะ พี่จะไปรอคุณตรีที่นั่นเหรอ” มิ้งตาเป็นประกายทันที อย่างน้อยๆ ถ้าณิชไปอยู่ที่นั่น ถ้าหากจีรัชญ์จำเรื่องราวได้คนทั้งสองก็ไม่ต้องพลัดพรากจากกันอีก เพราะณิชไปรออยู่ที่เดิมที่ที่คนทั้งสองเคยจากกันเมื่อชาติที่แล้ว

ณิชไม่ตอบอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มก่อนจะกลับไปทำงานที่ค้างไว้ตามเดิม พอเข้าสู่ช่วงบ่ายสายณิชก็โดนแขไขเรียกพบ

“คุณบอกเรื่องลาออกกับโอ๋แล้วเหรอ รายนั้นมาโวยวายใหญ่บอกว่าลูกทีมตัวเองกำลังจะหนี เขาให้ฉันยื้อคุณไว้ให้ได้” แขไขพูดน้ำเสียงไม่จริงจังนักณิชจึงยิ้มกับสิ่งที่ได้ยิน พี่โอ๋ก็คือพี่โอ๋ ปากบอกไม่ถามต่อและเคารพการตัดสินใจของเขา แต่พอลับหลังก็มาขอให้แขไขพูดกับเขาเพราะไม่อยากให้เขาลาออก

“เพิ่งบอกเมื่อตอนเที่ยงนี่แหละครับ”

“แล้วยังไง ตกลงจะอยู่ต่อไหม เอาจริงๆ ฉันไม่อยากให้คุณไปเลยนะณิช หรือคุณไม่พอใจที่ฉันคอยดูแลตรี ฉันไม่ไปเจอเขาได้นะ เพราะจริงๆ ฉันกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว พอฉันเป็นธุระให้คุณอาจไม่สบายใจได้”

“ไม่ครับ เรื่องของผมกับเขามันซับซ้อนเกินกว่าใครจะเข้าใจ แต่ผมบอกเลยว่าผมไม่ได้มีความคิดแบบนั้นกับคุณแขครับ ดีเสียอีกที่คุณจีรัชญ์ได้คุณมาคอยจัดการเรื่องต่างๆ ระหว่างรักษาตัว ผมเบาใจไปเปลาะหนึ่งที่อย่างน้อยเขาก็มีคนคอยช่วยเหลือ”

“คุณจะไม่รอให้เขาจำได้แล้วเหรอ”

“ยังรอครับ แต่ระหว่างรอนี้ผมแค่อยากใช้เวลากับตัวเองให้มากขึ้น หวังว่าคุณแขจะเข้าใจนะครับ”

แขไขพยักหน้าเข้าใจ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ต้องเสียลูกน้องฝีมือดีไป ณิชยังคงทำงานได้ตามคุณภาพของตัวเองอย่างคงเส้นคงวา ตลอดระยะเวลาการทำงานของอีกฝ่าย ณิชเป็นคนมีวินัย อาจมาเข้างานสายบ้างแล้วแต่วัน แต่เนื้องานที่ได้ยังคงดีเลิศเสมอ

“ฉันขอให้คุณโชคดีกับทางทีเลือก และขอให้การรอคอยของคุณสิ้นสุดลงในเร็ววัน”

คำอวยพรสุดท้ายจากเจ้านายทำให้ณิชยิ้ม เขาจากลากับทุกคนด้วยการมอบขนมให้ ริสาร้องไห้ที่จะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว ส่วนบอยกับพี่โอ๋ก็บอกว่าถ้าวันไหนว่างจะนัดไปดื่มกันสักหน่อย ณิชทำเพียงแค่พยักหน้าแต่ไม่ได้ตอบรับอะไร ไม่ได้บอกด้วยว่าเขาคงไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯ อีกแล้ว ส่วนมิ้งนั้นกำชับไอ้มั่นว่าห้ามลืมเจ้าตัวเด็ดขาด ต้องมาหากันบ้างหรือไม่ก็ส่งข่าวคราวกันบ้าง

ณิชใช้เวลาเก็บของในห้องใส่ลังให้เรียบร้อย ใช้เวลาจัดการราวอาทิตย์กว่าๆ ก็เสร็จ ตอนนี้เขาได้ที่อยู่ใหม่แล้วจึงย้ายออกจากที่นี่ เขาอยู่ที่นี่มาหลายปีไม่เคยย้ายไปไหนจึงใจหายไม่น้อยที่ต้องจากห้องนี้ไป

“คุณปราณขอรับ แล้วถ้าเกิดไอ้หาญมันจำได้ขึ้นมาในวันสองวันนี้ล่ะขอรับจะทำยังไง คุณปราณไม่ได้บอกใครเรื่องที่อยู่ใหม่เลยนะขอรับ”

ไอ้มั่นถามด้วยความเป็นห่วง เรื่องที่อยู่ใหม่ของณิชนั้นมันโดนกำชับว่าห้ามบอกมิ้งเด็ดขาด เพราะณิชต้องการอยู่กับตัวเองจริงๆ และหากโชคชะตาของณิชกับจีรัชญ์ต้องคู่กัน ยังไงจีรัชญ์ก็ต้องหาณิชเจอ

“ผมอยู่ไกลถึงกรุงเทพฯ โชคชะตายังพาให้ผมกับคุณจีรัชญ์ได้เจอกัน ถ้าเกิดคุณจีรัชญ์เขาจำได้แล้วผมเชื่อว่ายังไงเขาก็หาเจอ อย่าลืมสิมั่น ตอนนี้ไม่ใช่เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ไม่ใช่สมัยที่ยังเขียนจดหมายหากันนะ ถ้าคนจะเจอกันห่างกันแค่ไหนมันก็เจอ ผมแค่ล่วงหน้าไปก่อน...เขาจะตามมาตอนไหนก็ปล่อยให้เป็นเรื่องโชคชะตา”

เขาเสียใจกับคำพูดของจีรัชญ์ในวันนั้นก็จริง เขาท้อเพราะเหนื่อยกับการที่ต้องพยายามก็จริง แต่เขาก็ยังมีความหวังในทุกๆ วันว่าสักวันหนึ่งเขากับจีรัชญ์ต้องได้กลับมาเจอกัน

*

“นอนไม่หลับเหรอครับคุณตรีหรือไฟแยงตาครับ ให้ผมปิดให้ไหม” เมื่อเห็นว่าเที่ยงคืนกว่าแล้วแต่จีรัชญ์ยังคงนอนอ่านอะไรสักอย่างบนเตียง ชายหนุ่มที่ถูกจ้างมาเป็นคนดูแลจึงเอ่ยถาม

“ไม่เป็นไรครับ คุณไปนอนเถอะ ผมขออ่านอะไรอีกสักหน่อยก็จะนอนแล้วครับ”

แต่ถึงจีรัชญ์จะพูดไปแบบนั้น เมื่ออีกฝ่ายจากไปยังห้องของตัวเองที่อยู่ชั้นเดียวกัน เขาก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่ดี มือใหญ่ยังคงเปิดหน้ากระดาษทีละหน้า อ่านบันทึกของคนชื่อปราณอย่างพิจารณาทุกถ้อยคำ

ถึงเขาคิดว่าเพิ่งเคยเห็นสมุดบันทึกเล่มนี้ แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยราวกับเห็นสิ่งนี้มาแล้ว และการจดบันทึกของคุณปราณก็ดึงดูดเขาเข้าไปเจอสิ่งต่างๆ อย่างที่เจ้าตัวเคยเจอ คุณปราณเขียนถึงไอ้หาญบ่อยครั้ง บรรยายถึงความรักที่สุกงอมระหว่างตนกับทาสคนนั้นได้ซึ้งกินใจ จีรัชญ์รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกเปียกตรงแก้ม น้ำตาเขาไหลออกมาไม่รู้ตัว และถึงแม้จะปาดมันออกหรือจะห้ามน้ำตาอย่างไร เขาก็ยังคงร้องไห้ไปกับเรื่องราวของคุณปราณในบันทึกเล่มนี้

จีรัชญ์ไม่อาจหักห้ามใจจะไม่อ่านให้จบเล่มให้ได้ แม้เวลาจะล่วงเลยเข้าวันใหม่แล้วก็ตาม เขายังคงนอนอ่านบันทึกเล่มนี้ต่อไปราวกับเสพติดมัน แต่เมื่อเปิดอ่านเรื่อยๆ ก็พบว่าหน้าหลังๆ ไม่มีเขียนอะไรไว้แล้ว จะมีก็แต่บทกลอนที่ลายมือช่างคล้ายลายมือเขาเสียเหลือเกิน

“อึก...”

เมื่ออ่านกลอนนั้นจบจีรัชญ์ถึงกับต้องอุดปากกลั้นเสียงร้องของตัวเองไว้ เขาปวดหน่วงในอกราวจะขาดใจ เจ็บลึกจนแทบหายใจไม่ออก ชายหนุ่มนอนดิ้นอยู่บนเตียงพร้อมกับอาการปวดหัวที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น น้ำตาไหลพรากจากตาคมทั้งสองข้าง ความเสียใจที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนถาโถมเข้าหาราวพายุ ก่อนความรู้สึกนั้นจะค่อยๆ หายไปหลงเหลือไว้แค่แรงหอบหายใจและหยาดน้ำใสที่ปลายหางตาเพียงเท่านั้น

“คุณณิช”

จีรัชญ์เรียกชื่อคนที่ฝากสมุดบันทึกเล่มนี้มาให้เขา กระดาษหน้าสุดท้ายมีรูปวาดดอกไม้ชนิดหนึ่ง มันถูกจับเข้าเป็นช่อเล็กๆ ถึงจะเป็นภาพระบายสีไม้แต่กลับสวยงามสมกับที่ณิชทำงานสายออกแบบจริงๆ

‘ผมวาดดอกพุดน้ำบุษย์มาให้ ถ้าหากวันใดที่คุณจำเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว ผมจะมอบของจริงที่สวยกว่านี้ให้คุณ’

“ถ้าเรารักกันแล้วทำไมผมถึงจำคุณไม่ได้” จีรัชญ์พึมพำกับรูปวาดในสมุด เขาลูบมันเบาๆ ราวกับมันคือของจริง แม้ไม่เข้าใจว่าณิชจะให้เขาอ่านสมุดบันทึกของคุณปราณเพราะอะไรก็ตาม

*

“พร้อมนะมั่น”

ณิชถามดวงวิญญาณที่นั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ ครั้งนี้เขาจะทำใจขับรถตัวเองออกต่างจังหวัด เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาขับรถในระยะทางไกลหลายร้อยกิโล ทั้งตื่นเต้นและกลัว แต่เพราะเขาไม่สามารถไหว้วานบอยได้บ่อยๆ เพราะฝ่ายนั้นก็มีงานที่ต้องสะสาง ณิชจึงตัดสินใจขับรถตัวเองเพื่อไปยังที่พักที่เขาได้เช่าไว้แล้ว

“คุณปราณแน่ใจนะขอรับ บะ...บ่าวว่าให้เจ้ามิ่งขับดีกว่าไหมขอรับ” ไอ้มั่นถามเสียงตะกุกตะกัก หากการขับรถครั้งนี้ทำให้คุณปราณของมันต้องมีอันเป็นไปจะทำอย่างไร

“มิ้งไม่อยู่ ไปทำงานที่โคราช เอาน่ะ...มาลองกันสักตั้ง”

“แต่บ่าวกลัวคุณปราณ...” แววตาของไอ้มั่นเต็มไปด้วยความกังวล ณิชจึงหันมาปลอบใจคนที่จะร่วมเดินทางไปกับเขา ผู้พิทักษ์ที่ลั่นสัตย์สาบานว่าจะช่วยเหลือเขาทุกภพทุกชาติ

“ผมจะขับช้าๆ จะรักษาชีวิตตัวเองเพื่ออยู่รอไอ้หาญ ผมสัญญา” เขาบอกให้ไอ้มั่นสบายใจ และย้ำเตือนตัวเองไปไหนตัวด้วยว่าการออกเดินทางในครั้งนี้เขาต้องปลอดภัยไปถึงจุดหมายให้ได้

เขาจะล่วงหน้าไปรอจีรัชญ์ก่อน เพื่อหวังว่าสักวันจีรัชญ์จำเขาได้แล้วจะได้ไม่ต้องตามหาเขาแบบพลิกแผ่นดินอีก โซเชียลมีเดียต่างๆ เขาก็อัปเดตอยู่ตลอดว่าจะไปไหนทำอะไรบ้าง ถ้าวันที่จีรัชญ์จำเขาได้มาถึง เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายคงหาเขาไม่ยากอย่างแน่นอน

ณิชขับรถลงใต้และเมื่อตกเย็นเขาก็หาที่พักเพื่อพักผ่อน แต่ด้วยเพราะความกลัวมันคอยเล่นงานอยู่เนืองๆ ทำให้เขาต้องแวะพักที่ปั๊มบ่อยๆ ตอนนี้เขาจึงออกจากกรุงเทพฯ มาไม่ไกลนัก

เขาใช้เวลาในการเดินทางจากกรุงเทพฯ มายังจังหวัดหนึ่งที่อยู่ทางใต้ราว 1 วันกับอีก 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นจังหวัดที่เขาเคยอยู่มา 3 เดือน ความรู้สึกแรกเมื่อเห็นป้ายยินดีต้อนรับเข้าสู่จังหวัด เขารู้สึกราวกับกลับบ้านเก่า ถนนหนทางในเมืองที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีทำให้ณิชสบายใจขึ้น ไม่เกร็งเหมือนก่อนหน้านี้

เขาขับรถไปยังบ้านเช่าหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว มีที่จอดรถสำหรับ 1 คัน มีพื้นที่บริเวณบ้านไม่มากแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย เพราะเขาอยากปลูกต้นพุดน้ำบุษย์ไว้รอบๆ ด้วย

เจ้าของบ้านมาพูดคุยกับเขาและมอบกุญแจบ้านให้ อีกฝ่ายใจดีจนเขาต้องกล่าวขอบคุณไปหลายครั้ง จากนั้นณิชก็ขนของเข้าบ้าน พวกของใช้อื่นๆ จะตามมาทีหลังทำให้ตอนนี้เขามีแต่พวกเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นเท่านั้น

การปรับตัวกับเมืองแห่งนี้ไม่ยากเท่าไหร่ อาจเพราะคุ้นเคยมาก่อนเขาจึงไม่รู้สึกว่าอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนัก มิ้งโทรมาหาและบ่นว่าอยากมาเที่ยวด้วย แต่เพราะติดงานเลยเจ้าตัวจึงต้องทำงานไปก่อน ไว้มีวันหยุดเมื่อไหร่จะมาหาเขาทันที

“มั่น... คุณเคยคิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าตามสมัยบ้างไหม ผมซื้อให้” ณิชถามขึ้นในสายวันหนึ่ง เขาออกไปตลาดมาเห็นเสื้อผ้าสมัยนี้มีขายเกลื่อนถนนจึงถามดู

“ไม่ขอรับ บ่าวชอบแบบนี้” ไอ้มั่นตอบทันที มันส่ายหน้าหวือเพราะไม่ชอบเสื้อผ้าสมัยนี้ อีกทั้งมันเป็นเพียงดวงวิญญาณเท่านั้น จะแต่งให้ดูดีแค่ไหนก็ไม่มีใครเห็น

ณิชยิ้มขำกับท่าทางราวเด็กน้อยไม่อยากกินยานั่น วันเวลาผันผ่านไปตามจังหวะของมัน จนตอนนี้เขามาอยู่ที่นี่ได้ 4 เดือนแล้ว และได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ต่างอำเภอ เงินเดือนอาจไม่เท่าตอนอยู่กับแขไขแต่เขาก็รู้สึกสบายใจดี อาจเพราะการเดินทางโดยทางลัดที่เขาใช้ไปทำงานผ่านวังปริพัตร เขาจึงได้เห็นรั้ววังทุกวัน บางวันก็เห็นนายพลีออกจากประตูสวนเพื่อเอาผลไม้ไปขายตามฤดูกาล มันอาจเป็นภาพธรรมดาๆ แต่สำหรับณิชแล้วเขาคิดถึงความรู้สึกตอนที่เข้าไปอยู่ในวังแห่งนั้นจับใจ

ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เขามีไอ้มั่นเป็นเพื่อน ไอ้มั่นไม่เคยห่างกายไปไหนเลย อาจจะแวบไปดูจีรัชญ์และไปหามิ้งบ้าง แต่ก็รีบกลับมาหาเขาเพราะไม่อยากทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวนานเกินไป

‘ไอ้หาญอาการดีขึ้นมาแล้วขอรับ แต่ยังต้องไปหาหมอเพื่อทำกายภาพบำบัดอยู่เรื่อยๆ มันยังกินข้าวนอนหลับได้ดี ส่วนมุมโปรดที่มันชอบไปนั่งก็ตรงอ่างบัวที่คุณปราณลงบัวไว้ให้นั่นแหละขอรับ’


คำบอกเล่าล่าสุดที่ไอ้มั่นไปเยี่ยมจีรัชญ์บอกกับเขา ณิชยิ้มบางกับสิ่งที่ได้ยิน เขาไม่รู้ว่าจีรัชญ์อ่านสมุดบันทึกแล้วหรือยัง แต่ก็ยังคงหวังว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายจำเขาได้เหมือนที่เขาจำไอ้หาญได้จากสมุดเล่มนี้

*

ณิชแวะซื้อกาแฟให้ตัวเองตรงปากซอยทางเข้าบ้าน และไม่ลืมสั่งชานมไข่มุกให้ไอ้มั่นด้วย เพราะมิ้งบอกว่าไอ้มั่นชอบชานมไข่มุกมาก เป็นเมนูต้นๆ ที่ไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์เอ่ยปากบอกเลยว่าถูกใจ เมื่อกลับมาถึงบ้านเขาก็ขนของใช้ที่ซื้อมาเข้าบ้าน ก่อนเข้าบ้านก็แวะชมต้นพุดน้ำบุษย์ที่เขาซื้อมาปลูกริมรั้วที่เติบโตขึ้นทุกวัน เขารอวันที่มันจะออกดอกส่งกลิ่นหอมอีกครั้งซึ่งคาดว่าคงอีกไม่นาน

“มั่น วันนี้เราไปเยี่ยมป้าแจ่มกันนะ” ณิชบอกดวงวิญญาณที่นั่งดูละครอยู่ตรงโซฟาในโซนห้องนั่งเล่น

ตั้งแต่มาถึงที่นี่ ผ่านไปเกือบปีแล้วแต่เขาไม่ได้ไปเยี่ยมป้าแจ่มเลยเพราะมัวแต่ยุ่งๆ อย่างที่รู้กันว่าต่างจังหวัดไม่ค่อยมีสายงานอย่างพวกมัณฑนากรสักเท่าไหร่ เมื่อเขาได้ทำและมีโปรไฟล์ให้ลูกค้าดูการบอกปากต่อปากจึงทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากที่หนีความวุ่นวายจากกรุงเทพฯ มา เมื่อมาอยู่ที่นี่เขาก็ยุ่งแทบไม่ต่างจากตอนอยู่เมืองกรุงเช่นกัน เพียงแต่มันไม่วุ่นวายเท่าก็เท่านั้น

ณิชขับรถมาตามทางที่คุ้นเคย เขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานที่ที่คุ้นเคย ประตูรั้ววังปริพัตรเปิดไว้ในช่วงกลางวันเหมือนอย่างเคย สนามหญ้าหน้าตัวตึกยังเขียวชอุ่มและถูกนายพลีตัดแต่งอย่างดี พุ่มไม้ต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน

“มาหาใคร... อ้าว! คุณณิช!” แม่บ้านของวังปริพัตรที่ชื่อหวีเรียกชายหนุ่มเสียงดังเมื่อเห็นว่าเขาลงจากรถยนต์ส่วนตัว อีกฝ่ายยิ้มกว้างก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปตามป้าแจ่ม ซึ่งหญิงสูงวัยเมื่อได้ยินว่าณิชมาก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมาต้อนรับในทันที

“คุณณิชจริงๆ ด้วย” หญิงสูงวัยเข้ามากอดชายหนุ่มร่างบางเต็มรักด้วยความคิดถึง “มายังไงคะ มากับใคร คุณมิ้งมาด้วยไหมคะ”

“ทีละคำถามสิครับป้าแจ่ม ผมตอบไม่ทัน” ณิชพูดพลางกลั้วหัวเราะ

“แหม ก็ป้าดีใจนี่คะ มาค่ะๆ เข้าข้างในก่อน อ้อ! คุณตรียังไม่กลับมานะคะ บอกว่าจะอยู่ที่กรุงเทพฯ ต่อไว้พักให้แน่ใจอีกสักหน่อยว่ากระดูกแข็งแรงแล้วถึงจะกลับค่ะ”

ณิชพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะถ้ามาที่นี่การเดินทางอาจทำให้กระดูกที่กำลังต่อกันหักซ้ำได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จีรัชญ์จะอยู่รักษาตัวที่กรุงเทพฯ ต่อ

ป้าแจ่มดีใจที่ณิชมาหาจึงรั้งชายหนุ่มไว้เพื่อให้อยู่มื้อเย็นด้วยกันก่อน โดยหญิงสูงวัยไม่ลืมโทรบอกสุทินให้มาทานข้าวที่บ้านด้วย เพราะรายนั้นมักมาฝากท้องและช่วยเป็นหูเป็นตาในการดูแลวังแห่งนี้ให้จีรัชญ์อีกแรงหนึ่ง

อาหารวันนี้ณิชทานมากกว่าที่เคยทานมาหลายเดือน เพราะฝีมือปลายจวักของป้าแจ่มมัดใจเขากับมิ้งได้อยู่หมัดตั้งแต่มื้อแรกที่มาอยู่วังปริพัตร จนตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ มื้อเย็นที่รสชาติอาหารถูกปาก รวมถึงการพบปะพูดคุยกับคนคุ้นเคยอย่างป้าแจ่มและสุทินทำให้ณิชยิ้มกว้างมากกว่าทุกวัน ดวงตาสวยดูสดใสจนไอ้มั่นอดยิ้มตามไม่ได้

ขอแค่นี้... แค่คุณปราณยิ้มให้กว้างขึ้นอีกสักหน่อยมันก็พอใจแล้ว







โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด