ขณะเดียวกันเตชิตก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่ศาลา เขาหยุดหอบฮั่กๆ แล้วกวาดสายตามองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งแต่ละคนทำหน้าเหมือนเจอผีหลอกมาหมาดๆ
“ทำไมช้าจังล่ะลูก” บิดาเอ่ยถาม ส่วนรวินท์ก็เขยิบให้เพื่อนรักนั่งลงข้างกัน
“พอไปถึงโรงแรม น้องพลอยก็รู้สึกไม่ค่อยดีอีกแล้ว คุณน้าคุณอาเลยขอให้พาไปส่งโรงพยาบาลอีกรอบน่ะครับ ผมบอกว่าพบหมอเสร็จแล้วให้โทรเรียกผมไปรับ แต่พวกเขาว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเรียกแท็กซี่ได้”
“พี่เต้ครับ ให้โรงแรมเอารถไปรับก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” คีรีลุกขึ้น กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในเรือนไทย สักพักก็กลับมาพร้อมกระดาษในมือ “โทรบอกพี่พลอยไว้เลยครับ พบหมอแล้วให้โทรมาที่เบอร์นี้ ทางโรงแรมจะส่งรถไปรับครับ”
“ขอบใจนะ” เตชิตยิ้มพลางรับแผ่นกระดาษมา เขากดโทรศัพท์ออกไป พูดคุยกับปลายสายเรียบร้อยจึงหันกลับมาที่โต๊ะ
“คีรีรู้จักคนในโรงแรมนี้รึ มิน่า เจ้าเต้ถึงบอกว่าอยากให้มาพักที่นี่”
“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ
“ไม่ต้องถ่อมตัวกับพ่อก็ได้ คุณตาของคีรีเป็นผู้บริหารโรงแรมนี้ครับ”
“อ้อ... โรงแรมก็ต้องมาพักที่นี่ ร้านอาหารก็ต้องมากินร้านนี้ ปลื้มบ้านแฟนมากสินะ มิน่า ไม่ยอมลงไปกรุงเทพฯ บ้างเลย ที่แท้ก็ติดแฟนเหมือนเจ้าวินนี่เอง”
“เฮ้ย!” คราวนี้ทั้งสี่หนุ่มอุทานพร้อมกัน
“พ่อ!” เตชิตร้องลั่น
“แต่เขาบอกว่ายังตามจีบลูกอยู่นะ ตกลงเป็นแฟนกันหรือไม่เป็น เอาให้แน่”
คนถูกถามหันขวับไปทางเด็กหนุ่ม แล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ “เป็นครับ เราคบกันอยู่”
“เฮ้ย! พี่เต้!” คีรีเบิกตาโพลง เขาถึงกับต้องยกมือขึ้นหยิกแก้มตัวเองดูว่าฝันไปหรือเปล่า พอตั้งหลักได้ก็รีบพูดบ้าง “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ยอมรับออกไปตรงๆ เพราะกลัวจะทำให้พี่เต้ลำบากใจ กลัวจะทำให้คุณพ่อไม่พอใจด้วย แล้วบางทีเรื่องนี้พี่เต้อาจจะอยากคุยกับคุณพ่อเอง ผมขอโทษนะครับคุณพ่อ”
บิดาของเตชิตพยักหน้าช้าๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปตบไหล่เด็กหนุ่ม “ไม่เป็นไร พ่อเข้าใจ ถึงคีรีจะยังอายุน้อย แต่ก็รู้จักพูดรู้จักรักษาน้ำใจกัน พ่อว่าเป็นสิ่งที่ดีออกนะ”
“ขอบคุณครับ” คีรียกมือไหว้
“เรื่องวุ่นๆ จบสักที พรุ่งนี้พ่อกับบ้านหนูพลอยก็จะกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว ขอบใจคีรีมากนะที่ให้พ่อยืมตัวเจ้าเต้ ขอบใจวินด้วย งานคงจะหนักน่าดู”
“ผมชินแล้วครับพ่อ ไอ้เต้มันหายหัวบ่อย ”
“ไอ้วิน~” เตชิตโวย จากนั้นก็หันไปทางบิดา “พ่อจะกลับกี่โมงนะ”
“เลขาพ่อจองไว้ให้เที่ยวบ่ายสามน่ะ” ผู้เป็นบิดาตอบ “พาน้องๆ ไปเที่ยวบ้านที่กรุงเทพฯ บ้าง เจ้าเตยก็ไปทำงานต่างประเทศ ที่บ้านมีพ่ออยู่กับแม่สองคน มันเหงานะ”
“เดี๋ยวน้องพลอยก็ไปอยู่ด้วยแล้วไงพ่อ พอมีหลานแล้วจะร้องขอความสงบกลับคืน” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ “แต่เอาไว้จะกลับบ้านให้บ่อยขึ้นนะครับ จะพาน้องๆ ไปถล่ม เอาให้พ่อเข็ดเลย”
บิดายิ้มกว้าง “พ่อจะรอ” พูดจบเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาจึงบอกขอตัวกับทุกคนในโต๊ะ “เลขาพ่อโทรมา สงสัยมีเรื่องด่วนอีก อู้งานมาหลายวันเพราะเรื่องเจ้าเตยเนี่ย พ่อขอตัวแป๊บนะ” ก่อนจะลุกเดินออกจากศาลาไป
พอคนแก่กว่าเดินออกไปพ้นรัศมีสองเมตร รวินท์ก็หันไปดึงหูเพื่อนรักทันที “สัส! สรุปว่ามีเรื่องอะไรกันวะ ทำไมมึงต้องทำลับๆ ล่อๆ ให้พวกกูงงขนาดนี้!”
“ใจเย็นเว้ย มึงให้กูตั้งตัวบ้าง!” เตชิตโวยวาย “คือเรื่องมันเป็นงี้ ไอ้เตยกับน้องพลอยน่ะคบกันมาได้ปีกว่าๆ ทีนี้ไอ้เตยมันเรียนจบ ไปทำงาน แล้วบริษัทส่งมันไปเทรนที่เมกาเว้ย แต่หลังจากมันไปได้ไม่นาน น้องพลอยเขาก็รู้สึกผิดปกติ แบบ...เมนส์ไม่มาไง คลื่นไส้ อาการไม่ค่อยจะดี ทางบ้านน้องเขาเลยพาไปหาหมอตรวจดู ก็เลยเจอว่าท้องได้สามเดือนแล้ว”
“โห! ไอ้เตย! เห็นนิ่งๆ ก็ร้ายเหมือนกันว่ะ!”
“สัส มึงอย่าผิดประเด็น! แต่คือทีนี้ทางบ้านน้องพลอยเขาค่อนข้างจะเคร่ง พอรู้ว่าน้องพลอยท้อง แต่ทางบ้านยังไม่เคยพบหน้าตาไอ้เตย ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าน้องพลอยกับไอ้เตยคบกันก็เลยดราม่าหนัก โวยวายจะให้น้องพลอยพาไปหาไอ้เตยเดี๋ยวนั้น น้องพลอยก็แบบ อารมณ์คนท้องอะมึง ก็เซนส์สิถีพ เสียใจหนักที่โดนต่อว่า ห่วงไอ้เตยด้วย ไม่รู้จะทำยังไง น้องเขาก็เลยเก็บผ้าผ่อนหนีออกจากบ้านมาบ้านกู แต่บ้านกูอะ มีพ่ออยู่คนเดียว แม่กูไปประชุมที่ต่างประเทศ พ่อก็ไม่รู้จะทำยังไง อยู่บ้านตามลำพังกับน้องพลอยก็กลัวจะดูไม่ดี แถมน้องพลอยก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ แพ้ท้องหนักแล้วยังดราม่าทั้งวันทั้งคืน พ่อเลยต้องพาหอบหิ้วกันมาหากูที่ลำพูน แต่พอมาถึงน้องเขามีอาการแพ้ท้องหนักมากว่ะ คงเพราะเครียดด้วย กูกลัวจะเป็นอะไรไปเลยต้องรีบพาไปโรงบาล ไอ้เตยก็ห่วงแฟนมัน มันโทรมาร้องห่มร้องไห้ขอให้กูช่วยดูแลแฟนมันให้ ทางพ่อแม่น้องพลอยก็จะเป็นจะตายเพราะลูกสาวคนเดียวหาย แจ้งตำรวจตามหาตัวกันให้วุ่น มึงเอ๊ย... กูเนี่ยจะบ้าก่อนใครเพื่อนเล้ย”
ทั้งสามหนุ่มได้ยินเรื่องราวก็นิ่งอึ้ง สงสารเตชิตขึ้นมาตงิดๆ
“กูกับพ่อก็พยายามพูดคุยเกลี้ยกล่อมทางบ้านน้องพลอยแทนไอ้เตยมัน สรุปว่าก็จะจัดงานหมั้นงานแต่งให้เร็วที่สุดนั่นล่ะ รอเจ้าบ่าวกลับมาเดือนหน้า” เตชิตสบตากับเด็กหนุ่มคนรัก “ขอโทษที่ไม่ได้บอกรายละเอียดแต่แรก คือมันไม่ใช่เรื่องของผมไง ผมก็เกรงใจไอ้เตยกับน้องพลอยเลยยังไม่กล้าเล่า แต่นี่น้องพลอยขอให้มาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจน่ะ เขาคงจะห่วงว่าคุณจะเข้าใจผมผิด”
“พี่เต้...”
รวินท์เลิกคิ้วขึ้น เขารีบเตะขาภูพิงค์ใต้โต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นพรวด “กูไปห้องน้ำเดี๋ยว” เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้เคลียร์กัน
“ผมไปด้วยครับพี่” ภูพิงค์ลุกตามออกมาอย่างรู้หน้าที่
เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง เตชิตก็เปลี่ยนไปนั่งข้างเด็กหนุ่ม แล้ววางมือประกบหลังมืออีกฝ่าย “ไม่เชื่อใจผมเหรอ ถึงต้องมาแอบดูเนี่ย”
“เชื่อสิครับ แต่ผม พี่พิงค์กับพี่วินเข้าใจผิดนิดหน่อย”
“เข้าใจผิดว่าอะไร”
“ก็นึกว่าคุณพ่อพี่เต้บังคับพี่เต้แต่งงาน ก็เลยจะมาช่วย เตรียมจะพาพี่เต้วิวาห์เหาะแล้วเนี่ย”
เตชิตหลุดหัวเราะ เขายกมือขึ้นขยี้เส้นผมคนอ่อนวัยกว่าอย่างมันเขี้ยว “ปล่อยให้อยู่กับไอ้วินไอ้พิงค์นานๆ มีหวังเพี้ยนตามกันไปหมดแน่ๆ”
“เมื่อวานตอนผมกับพี่ๆ ขับรถไปดูหนัง เห็นพี่เต้ที่โรงบาลก็เลยแอบตามไป พี่เต้ท่าทางเครียดมาก เหมือนไม่ค่อยสบายใจ ผมเลยยิ่งเป็นห่วง”
“แหงสิ ห่างแฟนนานๆ ใครจะยิ้มร่าได้ล่ะ”
“โห แฟนผมน่ารักชะมัดเลย” คีรียิ้มกว้าง รีบคว้ามือของทันตแพทย์หนุ่มมากุมไว้ “พี่เต้... บอกคุณพ่อเรื่องของเราแล้วเหรอครับ ผมตกใจมากเลยนะ”
“อือ ที่จริงก็ไม่ได้บอกตรงๆ หรอก พ่อถามว่ามีแฟนรึยัง ผมก็บอกว่ามี ไว้จะพามาเจอ แล้วพ่อก็ถามว่าเป็นใคร อะไรยังไง แต่ผมบอกแค่ว่า ชื่อคุณแปลว่าภูเขา คงเพราะเป็นคนเหนือ แค่นี้แหละ”
“คุณพ่อพี่ไม่ว่าเหรอ ก็ผม... เป็นผู้ชายอะ พี่ได้บอกคุณพ่อไว้ก่อนรึเปล่า”
“ก็บอก บอกว่าเหมือนวินกับพิงค์” เตชิตยิ้มบาง “พ่อไม่ได้ว่าอะไร ท่านว่าผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ชีวิตเป็นของผม พ่อเคารพการตัดสินใจของผม ใครที่ผมเลือกแล้วว่าดี ท่านก็ว่าดี”
คีรียิ้มกว้าง “คุณพ่อน่ารักชะมัดเลย” เขายกมือทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมาจูบ จ้องตากับคนรักด้วยนัยน์ตาหวานเยิ้ม “ขอบคุณนะครับ พี่เต้ของผม”
ห่างออกไปจากศาลาเล็กน้อย บิดาของเตชิต รวินท์และภูพิงค์ยืนเบ้ปากมองทั้งสองคนอยู่ด้วยความหมั่นไส้
“ปกติเป็นแบบนี้มั้ย”
“ไม่หรอกครับ เมื่อก่อนไอ้เต้มันซึนจะตาย เพิ่งจะใจอ่อนให้คีรีเมื่อไม่นานมานี้เองครับ”
ภูพิงค์โคลงศีรษะไปมา ก่อนจะหันไปหาบิดาของเตชิต “คุณพ่ออยากดูคลิปพี่เต้บอกรักคีรีปะครับ”
“หือ มีเป็นคลิปเลยเรอะ!”
เด็กหนุ่มจัดการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดคลิปให้บิดาของเตชิตดู เมื่อดูจบแล้วอีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นกุมขมับ
“เจ้าเต้เอ๊ย บอกรักบนเวทีต่อหน้าคนเป็นร้อยเลยเนี่ยนะ”
“หน่วยผิดครับคุณพ่อ หลักพันเถอะ ถ้าจะเอาตัวเลขคนมางานคืนนั้น ก็ขายตั๋วไปเกือบสี่พันใบอะครับ”
คนแก่กว่าส่ายหน้าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ “หน้าด้านเหมือนพ่อมันเล้ย ไอ้ลูกคนนี้!”
*TBC*เริ่มตอนนี่ เด็กดอยเปิดตัวมาอย่างเสือสุด แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นลูกหมาซะง้านนน 55555
แต่ก็ได้เปิดตัวกับคุณพ่อแล้วน้าเด็กดอย ดีใจด้วย~ อีกนิดจะได้กินพิหมอแย้วรูกกกก
ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า รักน้า