ตอนที่ 20 อดีตที่ฝังใจ(2) หลังจากมีเรื่องวันนั้น พี่โฟล์ทเงียบและไม่ติดต่อท็อปอีกเลย เด็กชายทินภัทร์ทำใจแล้วว่าคงอกหักแน่นอนและพร่ำบอกกับตัวเองให้มันเป็นบทเรียนสอนใจแทนแล้วกัน
ท็อปคิดว่าเรื่องระหว่างท็อปกับพี่โฟล์ทมันควรจะจบลงด้วยดี แต่ไม่กี่วันถัดมา เรื่องราวที่สมควรถูกลืมเลือนปลิวหายไปกับสายลม กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเรื่องนี้ ถูกเล่าขานกันปากต่อปาก อันเนื่องมาจากเพื่อนรุ่นพี่ที่เห็นวันนั้นไปกระจายข่าวเพิ่มเติม ผนวกกับแก็งค์พี่โฟล์ทดันเป็นกลุ่มใหญ่ประจำโรงเรียน เรื่องที่ท็อปชอบพี่โฟล์ทกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่เด็กนักเรียนต่างฮือฮา แถมข่าวลือหนาหูนั้นกลับใส่สีตีไข่เพิ่มจนแทบไม่เหลือเค้าโครงความจริง ข่าวพูดกันว่า ท็อปอยากได้พี่โฟล์ทจนตัวสั่นเลยขอจูบพี่โฟล์ทก่อน และหลังจากนั้น ท็อปตามไปบ้านพี่โฟล์ทเพื่อยอมนอนอ้าขา พลีกายให้พี่โฟล์ทมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเรียบร้อยแล้ว
นี่แหละหนา...ปากของคนเรา คิดอยากจะพูดเสริมเติมแต่งอะไรก็พูดไป ขอแค่ความสนุกปาก คึกคะนอง โดยไม่คำนึงหรือสนใจว่ามันอาจสร้างปัญหาบานปลายจนส่งผลกระทบต่อคนที่จิตใจอ่อนไหวง่ายให้เขาคิดอยากฆ่าตัวตายก็เป็นได้...
ช่างน่าอดสูยิ่งนัก ที่คนเรามักสนุกเพราะได้เห็นความอับอายขายขี้หน้าของคนอื่น จนมันกลายเป็นสินค้าของสังคม
ไม่เพียงเท่านี้ ความเจ็บปวดไม่หยุดแค่ข่าวลือ เพราะหลายครั้งในช่วงเวลาเปลี่ยนคาบเรียน ที่ท็อปบังเอิญเจอกลุ่มพี่โฟล์ท ท็อปจะโดนพวกกลุ่มรุ่นพี่ตะโกนแซวเสียงดังลั่น ไม่ว่าจะเป็น
'ตุ๊ดน้อย!' 'ตุ๊ดหัวโปก' 'น้องตูดบาน' และเสียงหัวเราะไล่ตามหลัง จนคนที่เดินผ่านไป ผ่านมา มองท็อปเป็นสายตาเดียว
เด็กชายทินภัทร์ฝืนเดินผ่านและไม่พูดอะไร ทั้งๆที่อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี การแซวแบบนั้นส่งผลร้ายแรงให้กับชีวิตของเด็กชายทินภัทร์ในเวลาต่อมา เมื่อเพื่อนๆท็อปที่เคยสนิทสนมก็เริ่มเหินห่างเพราะอายที่จะมีเพื่อนเป็นตัวตลกของกลุ่มดังระดับโรงเรียน
ท็อปยังไม่มีโอกาสได้บอกความจริง เพื่อนๆก็ตีตัวออกห่างและเด็กชายทินภัทร์ก็กลายเป็นคนไม่มีเพื่อนนับตั้งแต่บัดนั้นมา
เมื่อไม่มีใครคบ ท็อปต้องไหว้วานแม่ให้ทำกับข้าวมื้อเที่ยงไปกินที่โรงเรียนทุกวัน ส่วนเวลามีรายงานกลุ่ม ท็อปก็โดนบังคับให้ทำรายงานเพียงคนเดียวเพื่อแลกกับการมีรายชื่อของตัวเองอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ...
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ทำให้ท็อปเสียความรู้สึกก็มาจากคนใกล้ตัวอย่างเพื่อนในห้องเริ่มแกล้งท็อปเสียเอง หนักสุดก็เห็นจะเป็นการแปะโพสต์อิทไว้ที่หลังเสื้อนักเรียนของเด็กชายทินภัทร์โดยไม่รู้ตัว ซึ่งข้อความเขียนว่า
'เป็นตุ๊ดครับ เชิญเอาตูดได้'
ตั้งแต่มีเรื่อง ไม่มีวันไหนที่ท็อปไม่ร้องไห้เลย เขากลับมาจากโรงเรียนด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจว่า แค่เขาชอบผู้ชาย มันผิดขนาดนั้นเลยหรือ?
เป็นอย่างนี้มาปีกว่าที่ทุกอย่างไม่ดีขึ้นจนเด็กชายทินภัทร์เครียดจนไม่อยากไปโรงเรียน ทำให้หลังๆมา ท็อปเริ่มโดดเรียน เพราะไม่อยากไปพบเจอหน้าใครอีก
แต่แล้วความซวยก็ยังมาพาลพบ เมื่อวันหนึ่ง ท็อปเดินห้างสรรพสินค้า ดันเจอสารวัตรนักเรียนจับได้ เรื่องถึงฝ่ายปกครอง แต่ยังดีคนที่มาเจรจา เป็นพี่แทนเลยทำให้เรื่องไม่ใหญ่โตกว่าเดิม เพราะถ้าเป็นพ่อ ท็อปรู้เลยว่า คงโดนทำร้ายร่างกายไปแล้ว
ถ้าเป็นอยู่อย่างนี้ ท็อปแย่แน่ๆ เขาทนไม่ไหว ตัดสินใจบอกแม่ขอย้ายโรงเรียนเพราะมีปัญหากับเพื่อน แม่ตบปากรับคำว่าจะช่วยพูดกับพ่อให้ เด็กชายทินภัทร์กลัวพ่อมาก เพราะพ่อเป็นทหาร ค่อนข้างดุและเคร่งครัดในระเบียบวินัย มีความขึงขัง แข็งแกร่งดั่งชายชาติทหาร และที่สำคัญกว่านั้น พ่อท็อปเกลียดเกย์เข้าไส้ ท็อปเคยได้ยินพ่อพูดบ่อยๆ ถึงรู้เหตุผล
นั่นจึงเป็นจุดที่ท็อปต้องยิ่งกดความชอบไม่ให้ใครรู้และจับได้เรื่องรสนิยมที่ชอบผู้ชาย รวมถึงบุคลิกภาพภายนอกท็อปก็ต้องฝืนตัวเองแสดงออกด้วยความเป็นชายแท้โดยสมบูรณ์
มันทรมานมากแค่ไหนกับสิ่งที่รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่แสดงออกไม่ได้ ท็อปเก็บกดมาโดยตลอด จนหัวสมองมีแต่เรื่องของการคิดฆ่าตัวตาย
และแล้วก็มีโอกาส เมื่อวันหนึ่ง พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน พี่ธัญไปเที่ยวกับเพื่อน ส่วนพี่แทนไปทำธุระยังไม่กลับ เด็กชายในวัยมอสองคว้าเชือกไนล่อน มาผูกยึดกับราวแขวนเสื้อในตู้เสื้อผ้า เพื่อหวังจะปลิดชีพตัวเองให้จบปัญหานี้เสียที
เด็กชายทินภัทร์มัดปมเงื่อนเสร็จเรียบร้อย พร้อมสวมเข้าคอตัวเอง แต่เสี้ยววินาทีนั้น พี่แทนที่ตั้งใจซื้อขนมมาฝากน้องชาย เปิดประตูเข้าห้องมาเห็นภาพตรงหน้า ถึงกับช็อคและวิ่งถลามาดึงเชือกออกและกอดท็อปแน่นจนท็อปตกใจ
อ้อมกอดอบอุ่นที่เจือด้วยความรักแผ่ซ่านไปถึงหัวใจของเด็กชายทินภัทร์ และเสียงสะอื้นร้องไห้ของพี่แทนพร้อมคำพูดย้ำๆว่ารักทำให้ท็อปดึงสติกลับมาอยู่กับปัจจุบันและไม่คิดวู่วามอีก เพราะท็อปรู้เลยว่า เขายังมีครอบครัวเป็นที่พึ่งสุดท้าย
คำว่ารักและอ้อมกอดของพี่แทนนั้น เป็นเหมือนสายน้ำชะโลมหัวใจให้เด็กหนุ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง และจุดพีคที่ทำให้ท็อปใจสั่น เมื่อพี่แทนจูบซับที่เปลือกตาของเด็กหนุ่มพร้อมบอกว่าจากนี้จะคอยอยู่เคียงข้างท็อปตลอดไป นั่นจึงเปลี่ยนความคิดของท็อปไม่คิดฆ่าตัวตาย รวมไปถึงความรักที่ท็อปมีให้พี่แทนก็ไม่ใช่แบบพี่ชายอีกต่อไป...
และ
พี่แทน คือ ผู้ชายที่ท็อปรัก เป็นคนที่สอง...
พี่แทน เป็นลูกชายคนโตและเป็นที่ปลาบปลื้มของพ่อพอสมควร เพราะเขาสามารถทำตามคำสั่งของพ่อได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
พี่แทน คือ ส่วนผสมผสานของความเป็นพ่อและแม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขามีทั้งความเข็มแข็ง เด็ดเดี่ยวเป็นผู้นำ แต่ในทางกลับกัน เขาก็อ่อนโยน นุ่มนวลได้อย่างไม่น่าเชื่อ พี่แทนไม่เคยใช้บทโหดกับท็อปมีแต่เอ็นดูและปกป้องท็อปเสมอ
และตั้งแต่วันที่ท็อปฆ่าตัวตาย พี่แทนไม่แพร่งพรายบอกใคร แถมดูแลและเป็นห่วงเป็นใยไม่ยอมให้ท็อปคลาดสายตาสักวินาทีเดียว
ที่สำคัญ พี่แทนกลัวน้องชายคิดสั้นอีก จึงบังคับให้ท็อปมานอนที่ห้องด้วยกัน และทุกเช้าที่ตื่นมา ท็อปมักเห็นตัวเองอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน เด็กหนุ่มเคยถามก็ได้คำตอบว่า ท็อปนอนผวาตลอด พี่แทนเลยต้องกอดให้คลายกังวล
พี่แทนเข้ามาเติมเต็มความรักในวันที่ท็อปขาดหายและไม่เคยได้รับจากใคร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ท็อปรักพี่แทนมากขึ้นกว่าเดิม
จากนั้นไม่นาน ช่วงเวลาที่เหมือนตกนรกทั้งเป็นของท็อปได้ผ่านพ้นไป เมื่อแม่ขอพ่อเรื่องย้ายโรงเรียนให้ท็อปได้สำเร็จ
เด็กชายทินภัทร์ได้เข้าสถานศึกษาแห่งใหม่ ในขณะที่กำลังขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม
ท็อปพร่ำบอกกับตัวเองว่า จากนี้เขาจะเข็มแข็ง ทำตัวแกร่งไม่ยอมให้ใครมาวางอำนาจบาตรใหญ่ใส่อีกต่อไป
เด็กชายทินภัทร์รู้สาเหตุแล้วว่าการชอบผู้ชายเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ท็อปไม่เป็นที่รักและยอมรับในสังคม ท็อปจึงกดข่มความรู้สึกชอบผู้ชายฝังลึกลงไปในจิตใจ ไม่ยอมแสดงออกให้ใครรับรู้ เพียงเพราะอยากมีพื้นที่ยืนในสังคมเท่านั้นเอง
เมื่อท็อปย่างกรายมา ณ สถาบันการศึกษาแห่งใหม่ ชีวิตเขาก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ อาจเป็นเพราะท็อปเป็นคนผิวขาว หน้าตาดีเป็นทุนเดิม พอเข้าโรงเรียนใหม่ ท็อปกลายเป็นคนฮอตประจำโรงเรียน มีผู้หญิงเข้ามาจีบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้องหรือแม้กระทั่งรุ่นเดียวกัน จนท็อปไม่คิดว่าเขาจะได้ชีวิตที่ดีกลับคืนมาอีกครั้ง
เมื่อรู้ว่าทำแบบนี้แล้วดี ท็อปจึงหันหลังให้กับสิ่งที่ตัวเองเป็น
ไม่น่าเชื่อว่า จากคนที่โดนล้อจนเคยคิดฆ่าตัวตาย เวลานี้ ชีวิตในรั้วโรงเรียนแห่งใหม่กลับดำเนินไปได้อย่างสวยงาม
ท็อปได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไปโรงเรียนก็ไม่ต้องเครียดอะไร แถมกลับมาบ้านก็ยังเจอคนที่เขารักได้ทุกวัน
เวลาถึงวันหยุด ท็อปชอบใช้เวลาอยู่กับพี่แทนเป็นส่วนใหญ่ไปขลุกอยู่ในห้องพี่แทนและดูหนังด้วยกัน ซึ่งหนังส่วนใหญ่ที่ดูก็ไม่พ้นความชื่นชอบของพี่ชาย คือ หนังแนวสงคราม ทหาร และประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้ท็อปชอบตามไปด้วย
Black hawk down และ We Were Soldiers คือหนังโปรดของพี่แทน และล่าสุด คือ Fury ทุกครั้งที่ดูหนัง ท็อปชอบนอนซบบนอกพี่แทน แต่เพราะท็อปเป็นคนขี้อ้อนอยู่แล้ว พี่แทนจึงชอบมองว่าท็อปเป็นเด็กเลยไม่เอะใจอะไร
ท็อปมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้คนที่รัก และไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับพี่แทนด้วย เวลาผ่านไปจนกระทั่ง ท็อปเรียนจบมอหก เขารู้สึกมีบางอย่างเปลี่ยนไป ท็อปเริ่มอยากสัมผัสและแตะต้องตัวพี่แทนมากกว่าแค่อยู่ใกล้กัน
ทุกคืนเวลาที่พี่แทนหลับสนิทแล้ว ท็อปมักจะแอบจูบปากพี่ชายก่อนกลับห้องตัวเอง และเมื่อท็อปสังเกตว่าพี่แทนยังทำตัวปกติ ไม่มีทีท่าแปลกประหลาดหรือสงสัยอะไรในตัวน้องชาย ท็อปจึงทำแบบนี้มาเป็นปีๆ
จนกระทั่ง คืนหนึ่ง ท็อปแอบจูบพี่แทนเช่นเคย ทว่า พี่ชายดันลืมตาขึ้นมา
ท็อปอึ้ง เพราะไม่คิดว่าคนที่แอบรักจะตื่นลืมตา เขารีบดันตัวออกและรีบคิดหาข้อแก้ตัว แต่พี่แทนกลับยิ้มหัวเราะและพูดขึ้น
"ซ้อมจูบสาวหรอ? ฮึ!" "อะ...อื้ม รู้ได้ไง พี่แทน" ท็อปรีบไหลตามน้ำ
"จูบอีกสิ"
"พ...พี่แทนว่าอะไรนะ" ท็อปอึกๆอักๆพลางมองหน้าพี่แทนอย่างไม่เข้าใจ
แม้พี่แทนจะเปิดทางให้ แต่ท็อปไม่กล้าเพราะกลัวว่าถ้าจูบกันหนนี้ พี่แทนจะจับได้ว่าท็อปคิดเกินเลยไปมากกว่าพี่ชาย แต่ทันใดนั้น พี่แทนกลับดึงคอท็อปโน้มลงมารับจูบกัน แต่มันไม่ใช่แค่ปากแตะปากกลับมีเรื่องของการใช้ลิ้นมาเกี่ยวข้อง
ในวัยนั้น มันแปลกใหม่สำหรับท็อปมาก เพราะเขาไม่เคยจูบใครล้ำลึกเช่นนี้มาก่อน
นานพอสมควรที่ทั้งสองจูบกันดูดดื่ม และเป็นพี่แทนที่ถอนริมฝีปากออก ก่อนจะใช้มือลูบผมท็อปอย่างอ่อนโยน จนเขาใจเต้นแรงจนกลัวจะทะลุออกจากอก
"จูบบ่อยๆเดี๋ยวก็ชินเอง...อ้อ!...ถ้าจะออกเดทกับสาว อย่าลืมพกถุงยางด้วยล่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้นะ รู้ไหม?"
"พ....พี่แทน ไม่รังเกียจที่จูบกับผู้ช...า...." ท็อปไม่สนคำเตือน สิ่งที่เขาสนคือพี่แทนจูบท็อปด้วยความรู้สึกที่ดูจริงใจ ท็อปจึงรีบถามอย่างอยากรู้
"อย่าถามมากได้ไหม? นอนได้แล้ว...คืนนี้ไม่ต้องกลับห้อง นอนกับพี่นี่แหละ" พี่แทนว่าจบก็รวบตัวท็อปไปกอดแน่นเหมือนท็อปเป็นหมอนข้าง จนท็อปสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น แต่แล้วจู่ๆ พี่แทนก็ดูดเม้มที่หลังคอ จนท็อปหน้าร้อนฉ่าเพราะอายที่รู้ว่าลูกชายตื่นตัวกับสิ่งที่พี่แทนทำ ท็อปรีบนอนหนีบขาตัวเองทันที
"ฝันดีนะ เด็กน้อยของพี่"
"อะ..อ่า...อื้มม....ฝันดีเหมือนกันนะ พี่แทน" ท็อปนอนยิ้มทั้งคืน เพราะสัมผัสได้ถึงความรักเต็มอ้อมกอด
แต่ใครจะรู้ว่าคืนนั้น จะเป็นคืนสุดท้ายที่ได้นอนด้วยกัน เพราะหลังจากนั้น วันรุ่งขึ้น พี่แทนที่เดินทางไปทำธุระกับพ่อก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และเสียชีวิต
ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางหัวใจ คนที่เป็นเสมือนครึ่งหนึ่งของชีวิตท็อปได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา
ร่องรอยแห่งการจูบของพี่แทนยังตราตรึงในหัวใจท็อป
ไม่คิดว่านั่นคือจูบสุดท้าย
การตายของบิดาและพี่ชายทำให้ครอบครัวสูญเสียเสาหลัก และท็อปเสียใจแทบบ้า คนที่รัก ดูแลและปกป้องท็อปเวลาเจอเรื่องไม่ดี บัดนี้ ไม่มีอีกแล้ว....
กว่าท็อปจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้เหมือนเดิมก็เล่นใช้เวลาอยู่หลายเดือน และตั้งแต่ที่พี่แทนตายไป ท็อปไม่คิดรักใครอีกเลย
จนเวลาผ่านไปสองปีกว่าๆ ที่ทำให้ท็อปได้พบรักอีกครั้ง...
เป็นครั้งที่สาม ครั้งที่ทำให้ได้เจอกับพี่ฆีน ตั้งแต่ท็อปเลือกเส้นทางเดินให้ตัวเองต้องชอบผู้หญิงก็ไม่เคยมีผู้ชายหน้าไหนมาจีบ จนมาเจอพี่ฆีนที่กล้าเข้ามา และความย้อนแย้งในหัวใจท็อปก็เกิดขึ้น ทั้งชอบ ทั้งกลัว ปะปนกันจนปั่นป่วนในอก เมื่อพี่ฆีนมากระตุ้นความรู้สึกลึกๆในหัวใจ
มันทรมานแค่ไหน ที่ท็อปต้องทำสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจ เพื่อไม่ให้ใครมาว่าและเป็นตัวตลกของสังคมอีก
แม้ใจจะชอบพี่ฆีน แต่เพราะรู้ดีว่าอดีตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ท็อปจึงกลบเกลื่อนด้วยการแสดงออกว่าเกลียดพี่ฆีนสุดฤทธิ์ เขาก้าวร้าว เพื่อให้พี่ฆีนไปจากกัน แต่ไม่คิดว่าพี่ฆีนจะมุ่งมั่นจีบท็อป จนท็อปนับถือหัวใจของเขาจริงๆ
ท็อปไม่เคยเจอใครตื้อหนักเท่าพี่ฆีนมาก่อน ผู้ชายที่ไม่เคยลดละความพยายาม กลับยิ่งเพิ่มพูนความรักมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไล่แล้วไม่ไป ท็อปก็คิดเสียว่าใช้โอกาสนี้ให้คุ้ม
พออยู่กับพี่ฆีน ก็มักเป็นเหตุการณ์ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มามีส่วนเกี่ยวข้อง ท็อปเลยใช้โอกาสนี้เป็นข้ออ้างในการได้จูบ ได้สัมผัสกับคนที่ท็อปชอบเหมือนกัน เพื่อเวลาถ้าโดนจับได้ ท็อปจะได้มีสิทธ์ โยนความผิดและโทษได้ว่าเป็นเพราะความเมา ไม่ใช่ตัวท็อปแต่อย่างใด ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ท็อปจำได้แทบทุกรายละเอียด
ตอนแรกท็อปตั้งใจจะฉวยโอกาสเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่คิดว่า ตัวเองจะเผลอรักพี่ฆีนไปจนหมดหัวใจ สุดท้าย ท็อปจึงตัดสินใจมอบกายให้พี่ฆีนเป็นครั้งแรกเพื่อการคบกันเป็นแฟน แต่เพราะการกลัวอดีตยังตามมาหลอกหลอน ท็อปจึงมีข้อต่อรองว่าขอคบแบบไม่ให้ใครรู้
การใช้ชีวิตด้วยการยึดติดอดีต ย่อมไม่ส่งผลดีกับใคร
รักพี่ฆีนแต่ยังกลัวสังคมตราหน้าทำให้ท็อปไม่กล้าเปิดเผยและทำอะไรไม่ชัดเจน แถมยังเลือกวิธีผิดๆ ด้วยการคบผู้หญิงบังหน้าไปพร้อมๆกัน
และแล้ว กรรมก็ตามสนอง เมื่อความจริงถูกเปิดเผย จนท็อปได้สูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดไปอย่างน่าเสียดาย
มันก็ถูกต้องแล้ว ที่ท็อปได้รับบทเรียนจากผลของการกระทำที่ท็อปได้ทำลงไป...
ช่วงระยะเวลาที่พี่ฆีนหายไป ทำให้ท็อปตระหนักอย่างถี่ถ้วนต่อสิ่งที่เลือกเดินแล้วว่า นาทีนี้ ท็อปไม่แคร์สังคมแล้ว ใครจะมองอย่างไรก็ช่าง จะด่าว่า เลว สวะ ขยะสังคม ตุ๊ด แต๋ว ตูดบาน หรืออะไรก็ตาม ท็อปไม่สนใจกับคำพูดเหล่านั้นอีกต่อไป
สิ่งเดียวที่มีคุณค่ามากเกินกว่าคำพูดไร้ราค่าของคนเหล่านั้น คือ...พี่ฆีน...คนที่ท็อปรักสุดหัวใจ
ผู้ชายที่ยอมทำเพื่อท็อปมาโดยตลอด ถึงเวลาที่ท็อปต้องตอบแทนสิ่งเหล่านั้น ด้วยการแก้ไขเป็นคนที่ดีขึ้นและพาพี่ฆีนกลับมาเป็นคนรักของท็อปให้ได้อีกครั้ง...
...........................................
คือ เราอยากบอกจากใจจริงๆอะค่ะ ขอซึ้งหน่อยนะ ฮ่าๆๆ
อยากขอบคุณจากใจ สำหรับคนที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ เรารู้สึกดีจริงนะๆเพราะตั้งแต่เราเขียนนิยายตัวเองแล้วลองอ่านทบทวน มันค่อนข้างเครียดและดราม่าพอสมควร แต่พวกคุณก็ยังเลือกจะอ่านนิยายที่ไม่ค่อยผ่อนคลายและไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไหร่
แถมมีแต่เหตุการณ์ชวนให้ด่าทั้งนั้น ฮ่าๆๆๆ
ชอบไม่ชอบตอนนี้บอกได้นะคะ เพราะเราจะนำไปพัฒนาเรื่องต่อไป
น้อมรับทุกคอมเมนท์
ขอบคุณค่าาาาา
rinyriny.