4
โกรธอะไร... ขอโทษนะ" โทษที รอนานเปล่า "
คนตัวสูงใหญ่เดินกลับมานั่งลงตรงข้ามผม มีกลิ่นบุหรี่ติดตัว และยิ่งเขาพูดกลิ่นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
" ไม่นานครับ " ผมส่ายหน้า " พี่เชาไปสูบบุหรี่มาเหรอ... นึกว่าพี่เลิกแล้วซะอีก " ท้ายประโยคผมเสียงเบาลง
แค่ผมถามว่าเขาไปสูบบุหรี่มาใช่มั้ย สายตาแข็งๆ ที่มองมาก็ทำให้ผมหลุบตามองมือตัวเอง เสียงเบาลงอัตโนมัติ
ผมกลัว...กลัวทำให้พี่เชาโกรธอีก
ช่วงนี้ผมกลัวอะไรไปหมด กลัวพี่เชาโกรธ กลัวพี่เชาไม่พอใจ กลัวพี่เชาโมโห กลัวพี่เชาขึ้นเสียง กลัวพี่เชาตะคอกใส่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำผิดอะไร แต่ก็กลัวไปแล้ว
เพราะเหตุการณ์วันนั้นแท้ๆ เลย...
พี่เชาไม่ผิด ผมผิดเอง และกว่าผมจะรู้ตัวพี่เชาก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว...
" อืม วันนี้เครียด " พี่เชาพ่นลมหายใจเล็กน้อย เขาหยิบเมนูกระดาษเคลือบพลาสติกของร้านอาหารตามสั่งขึ้นมาดู " สั่งอะไรไปรึยัง " และเปลี่ยนเรื่อง....
" ยังครับ... ฟิวรอพี่เชา...มาสั่งพร้อมกัน " ผมอ้อมแอ้มตอบ เกาแก้ม
การมากินอาหารด้วยกันระหว่างผมกับพี่เชามักมีคำถามเกิดขึ้นมาเสมอ
ข้อที่1 กินที่ไหน และตามมาด้วย ข้อที่2 จะกินอะไร
ช่วงแรกพี่เชาก็ตะล่อมถามผมว่าชอบกินอะไร กินอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แพ้อาหารประเภทไหนมั้ย หนักเข้าก็ถามบ้างว่า อยากกินร้านตากแอร์ หรือข้างทาง หรือริมน้ำ หรือร้านบรรยากาศดี ผมไม่ค่อยกล้าตอบหรือปฏิเสธเราเลยลองมาแทบทุกร้าน ช่วงแรกพี่เชาสั่งให้ผม โดยถามอยู่เสมอว่าอันนี้กินได้มั้ย ผมก็จะตอบ แล้วพี่เชาก็จะจำข้อมูล พอนานเข้า แค่ผมเปิดเมนูพี่เชาก็ทายได้เลยว่าผมต้องการกินอะไร
นึกถึงตรงนี้แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะพี่เชาเป็นคนช่างสังเกต และใส่ใจผมเสมอมา
" งั้นเหรอ " พี่เชาพลิกเมนูดูอีกรอบ ตาสีน้ำตาลกวาดมองรายการอาหารตามสั่งที่อยู่ในเมนูไปมา คิ้วหนาขมวดใช้ความคิดก่อนจะวางเมนูลง กวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟแล้วสั่งอาหาร " เอากระเพาเป็ดไข่ดาว กับผัดไทกุ้งสดไม่งอก เอ้อ.. น้ำเปล่าด้วย "
เด็กเสิร์ฟสาวพยักหน้าแล้วส่งยิ้มเขินๆ ให้พี่เชาครั้งหนึ่งแล้วหมุนตัวเดินไปบอกแม่ครัว เธอร้องเรียกซะเสียงดังจนผมที่นั่งอยู่หน้าร้านได้ยิน
" แม่!!! กระเพาเป็ดไข่ดาวกับผัดไทกุ้งสดไม่งอก!!!! "
พี่เชาหัวเราะขำเล็กน้อยขณะมองตามเด็กเสิร์ฟสาวไปด้วย เธอหันมาสบสายตากับพี่เชาพอดีเห็นพี่เชายิ้มอยู่จึงสะบัดหน้าหันหนีไปทางอื่นด้วยใบหน้าเขินอาย
ผมมองภาพนั้นแล้วยิ้ม... แต่ยิ้มแบบไม่สุดเท่าไหร่ บอกว่าหวงพี่เชาก็ได้ ไม่ผิดนัก ขณะเดียวกันก็รู้สึกน้อยใจและไม่มีความมั่นใจในตัวเองเหมือนกัน
พี่เชาจัดว่าเป็นคนที่หน้าตาดีคนนึง คิ้วหนาเข้ม ตาคมสองชั้นสีน้ำตาลทรายแดง จมูกโด่งมีเนื้อ และริมฝีปากหนาหยักลึก มองดูไปหน้าพี่เชาก็คล้ายสิงโตอยู่ บวกกับผมเปิดหน้าผากยาวประบ่าไร้ทรงที่พี่เชามัดรวบเป็นจุกไว้ที่กลางหัวและเคราที่ขึ้นอยู่บริเวณสันกราม ปลายคาง และเหนือริมฝีปากทำให้พี่เชาทั้งเท่และเถื่อน แล้วพี่เชาก็ตัวใหญ่หนา สูง180 ซม.กว่า ลุคดิบเซอร์ๆ สมกับเรียนวิศวเครื่องกลจริงๆ
พอลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ อดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับพี่เชา ผมสูงแค่ไหล่พี่เชา น้ำหนักผมพอดีตามเกณฑ์ ไม่อ้วนไปไม่ผอมไป ผิวขาว หน้าจืดๆ ธรรมดา จะดีหน่อยก็ตรงที่ดวงตาของผม เพื่อนและคนอื่นบอกว่าผมตาสวย ผมตาหวาน เมื่อก่อนไม่ค่อยมั่นใจเลยใส่แว่นไว้เสมอ(เพราะสายตาสั้นด้วย) แต่ตอนนี้ผมค่อยๆ เปลี่ยนมาใส่คอนแท็กเลนส์ ก็เลยดูดีขึ้นบ้าง..... มั้ง
" พี่เชา.. วันนี้ทะเลาะกับเพื่อนเรื่องอะไรเหรอครับ "
ผมถามทำลายความเงียบ พี่เชาดูดน้ำจนหมดและกำลังเคี้ยวน้ำแข็งไปมองนู่นมองนี่อยู่หันมามองผม
" อะไรนะ.. ขอโทษที เมื่อกี้พี่ไม่ได้ยิน "
" ......ฟิวถามว่า...ทำไมพี่เชาถึงทะเลาะกับเพื่อนเหรอครับ..... "
พี่เชาเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ไม่ใช่คนที่ใช้กำลัง วันนี้ตอนผมเดินไปหาพี่เชาที่ช็อปหลังเลิกแลป พี่เชามีท่าทางหงุดหงิด บอกว่าต่อยกับเพื่อนมา
" .................. " พี่เชาเงียบไปสักพัก ตอบผมด้วยคำถาม " ถามทำไม " เสียงพี่ห้วนเล็กน้อย ใบหน้าเคร่งเครียดแสดงอาการไม่ชอบใจ
ผมเหมือนตัวหดลีบลงเหลือแค่สองนิ้ว ใจนี่แป้วไปแล้ว ผมก้มหน้าหลบสายตาพี่เชา
" ก็...ปกติ... พี่เชา..ไม่ใช้ความรุนแรง... นี่ครับ... " เหมือนเสียงถูกเปลี่ยงออกมาแค่จากคอหอย มันช่างประหม่าและเกรงกลัว
อีกแล้ว... ผมเป็นแบบนี้อีกแล้ว...
ไม่เอาสิฟิว.. แบบนี้พี่เชาไม่ชอบนะ...
" ฮืม " พี่เชาลูบหน้า ดูท่าจะเครียดกับเรื่องนี้จริงๆ " มันกวนตีน แม่งรวนเรื่องที่คิงเป็นเกย์ไม่เลิก "
" ... "
ได้ยินชื่อพี่คิง รูมเมทและเพื่อนสนิทต่างคณะของพี่เชาทำให้ผมเม้มปาก รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก ผมกลัวพี่คิง ไม่รู้ทำไมแต่ผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ากลัว ไม่น่าเข้าใกล้ แล้วพี่เชาก็ให้ความสำคัญกับพี่คิงมาก มากกว่าผมด้วยซ้ำ... ลึกๆ ผมอิจฉาพี่คิง... ฟิวเด็กไม่ดี...
พี่คิงไม่ได้ทำอะไรผิด…. แต่มัน..ช่วยไม่ได้นี่นา….ก็พี่คิงมีพร้อมทุกอย่าง...
พี่คิงสูง หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม และขาวมาก… ถึงจะหน้าเหวี่ยง แต่ก็ต้องยอมรับว่าพี่คิงหล่อ… คิ้วเข้ม ตาสองชั้นกรีดลึกเหมือนกรีดตาตลอดเวลานั้นเสริมให้พี่คิงดูดุ สวมแว่นแล้ว...ก็ยังดุ… จมูกโด่งพอเหมาะโดยไม่ต้องเสริม และไหนจะปากบางสีแดงอมส้มเป็นธรรมชาตินั่นอีก... พี่คิงอยู่หมู่บ้านเดียวกับพี่เชา แปลว่าที่บ้านพี่คิงก็มีฐานะ เพราะพี่เชาเคยเล่าให้ฟังว่าตรงข้ามบ้านพี่เชาเป็นบ้านของท่านทูตออสเตรีย….
ผมยื่นมือไปกุมมือพี่เชาบนโต๊ะอย่างกลัวๆ กล้าๆ
" ไม่เป็นไรนะครับพี่เชา เพื่อนพี่เขาคงไม่ได้ตั้งใจ... "
พี่เชาเงียบ มองผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมเผลอหายใจสะดุดอีกแล้ว เขาชักมือที่ผมกุมอยู่กลับ ปากหนาเม้มเป็นเส้นตรง ไม่ว่าพี่เชาจะตั้งใจหรือไม่ ผมรู้สึกถึงรังสีกดดันและไม่พอใจแผ่ออกมา
รู้เลยว่าผมเผลอพูดหรือทำอะไรผิดไปอีกแล้ว
ก่อนที่บรรยากาศจะแย่ไปกว่านี้เด็กเสิร์ฟสาวก็ยกจานอาหารที่เราสั่งมาให้
" ได้แล้วค่า กะเพราเป็ดไข่ดาวกับผัดไทยกุ้งสดนะคะ "
ผมรอดตัวแล้ว...ใช่มั้ย?
หลังกินข้าวเสร็จผมมาเดินห้างใกล้มหาลัยกับพี่เชา เดินผ่านร้านอุปกรณ์กีฬาแบรนด์นึงแล้วก็หยุดเดิน รั้งแขนพี่แล้วชี้ชวนให้ดูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
" พี่เชา ดูนั่นดิ รองเท้าคู่นั้นยังอยู่อยู่เลย "
สายตาของพี่เชามองตามไปที่รองเท้ากีฬาคู่สวยที่วางโชว์อยู่บนชั้นวาง ถึงมันจะไม่อยู่ในตำแหน่ง New Arrival เหมือนเดิมแต่ผมยังจำหน้าตามันได้แม่นเลย รองเท้าผ้าใบผมขาดตอนจะแข่งกีฬาเฟรชชี่ ( ถึงผมจะโดนกีดกันไม่ให้เล่นฟุตบอลหรือบาสเพราะตัวเล็ก ทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ผมก็เล่นปิงปองเป็นนะครับ ถึงจะเก่งสู้เพื่อนที่เป็นนักกีฬามหาลัยไม่ได้ก็เถอะ T T ) ก็ได้พี่เชานี่ล่ะ ขับมอเตอร์ไซค์บึ่งพาผมมาซื้อรองเท้าเปลี่ยนเล่นได้ทัน ปัจจุบันรองเท้าคู่นั้นก็ยังอยู่ในชั้นวางที่ห้องผม ถือว่าเป็นรองเท้าคู่เก่งของผมด้วยล่ะฮะ
" เออ สวยดี สีเหลืองแบบที่ฟิวชอบด้วย เข้าไปลองมั้ย? "
" .... "
ปฏิกิริยาตอบรับของพี่ทำผมหน้าชา รู้สึกจุกในอก กลืนก้อนขมลงคอไปแล้วค่อยๆ อธิบายให้พี่เชาฟัง
" ไม่ใช่คู่นั้นครับ ฟิวหมายถึงคู่สีฟ้าเทา... ที่พี่เชาเลือกให้ "
เมื่อกี้พี่เชาอาจจะได้ยินที่ผมพูดไม่ชัดทำให้เข้าใจผิด..
ไม่หรอก พี่เชาไม่ลืมรองเท้าคู่นั้นหรอก ก็เขาเลือกให้ผม ซื้อให้ผมเอง..ด้วยนี่นา...
" อ้าวเหรอ.. เอ้อ จริงด้วย ขอโทษนะ เมื่อกี้ไม่ทันฟังให้ดี "
มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้า ผมหดคอหนีหลุบตามองมือตัวเอง แล้วพี่เขาก็หัวเราะขำยิ่งกว่าเดิม จับหัวผมโยกไปมา ลักษณะคล้ายโอบผมอยู่กลายๆ
" ฟิวยกโทษให้พี่นะครับ "
เสียงทุ้มกระซิบ พี่เชาพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกเขิน
ผมพยายามกลั้นยิ้มแล้วพยักหน้าหงึก จับมือตัวเองไปมา ไม่รู้จะเอามันไปไว้ตรงไหนดี ก็ดูเอาเถอะครับ... ผมจะไม่พอใจพี่เชาลงได้ยังไง เมื่อเห็นผมสีหน้าดีขึ้นพี่เชาก็ปล่อยมือ เดินข้างๆ กันแทน เขาพลิกข้อมือดูเวลาจากนาฬิกาดีเซลที่ข้อมือขวา
" สองทุ่มครึ่งแล้ว อยากกลับหอรึยัง เดี๋ยวพี่ไปส่ง "
" ยังครับ " ผมส่ายหน้าพูดประโยคถัดมาอุบอิบอยู่ในลำคอ " ยังอยากอยู่กับพี่เชานานกว่านี้... " เขินจัง หน้าผมต้องแดงแน่ๆ
" ห๊ะ? อะไรนะ " พี่เชามองผมทำหน้างง ไม่ได้ยินว่าเมื่อกี้ผมพูดอะไร
" อ่า... เปล่าครับ ช่างมันเถอะ "
" อืม " พี่เชาพูดแค่นั้น แล้วเราก็เดินดูของไปเรื่อยๆ ต่อ
เหมือนหัวใจพองโตเมื่อกี้ของผมมันโดนเจาะให้ฟีบด้วยประโยคเมื่อกี้ของพี่เลย ผมรู้ว่าพี่เชาไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ พี่เชาจะรู้มั้ยนะ...
" เอ้อ ฟิว คืนนี้กลับหอหรือกลับบ้าน? " เหมือนจู่ๆ พี่เชาก็นึกออก ถามขึ้นมา บ้านผมอยู่แถวสมุทรปราการ ส่วนมหาลัยอยู่ใจกลางเมือง เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปกับการเดินทางมาก หม่าม๊าจึงให้ผมอยู่หอในของมหาวิทยาลัย
" เดี๋ยวกลับบ้านครับ... หม่าม๊ามารับที่ BTS บางนาตอนสี่ทุ่มครึ่ง "
" อ้าวทำไมล่ะ ปกติทุกทีมารับที่หอเลยไม่ใช่เหรอ "
" อื้อ.. แต่อาทิตย์นี้โฟร์ไม่กลับ ฟิวเลยกลับเอง ให้มารับแค่บางนาพอ "
โฟร์เป็นน้องสาวผม เรียนศิลปกรรมเอกแฟชั่น ปี1 เราเป็นฝาแฝดกัน พ่อกับแม่ห่วงโฟร์มาก เพราะเป็นเด็กผู้หญิงแล้วก็เป็นน้องเล็กด้วย ซึ่งถามผม ผมก็คิดนะ ผมกับโฟร์ป้ำๆ เป๋อๆ โดนหลอกง่ายพอกัน แต่โฟร์เป็นผู้หญิง แล้วก็หน้าตาน่ารักด้วยจึงน่าเป็นห่วงมากกว่าผม ปกติถ้าโฟร์กลับด้วยป๊ากับหม่าม๊าจะมารับถึงหอใน แต่ดึกๆ หน่อย เพราะทั้งคู่ไม่ชอบรถติด แต่ถ้ามีผมแค่คนเดียวก็จะมารับที่ BTS บางนา
" งั้นเดี๋ยวไปส่ง "
" ส่ง? ส่งไหนครับ " เป็นผมที่งงบ้าง
พี่เชาเคยไปส่งผมที่บ้านหลายครั้ง เจอป๊า หม่าม๊าและน้องโฟร์มาหมดแล้ว กินข้าวเมื่อก่อนก็เดือนละครั้ง และหม่าม๊ากับโฟร์ก็ชอบพี่เชามากด้วย โดยเฉพาะโฟร์ แต่ที่ผมกังวลคือทุกครั้งพี่เชาเอารถยนต์ไป ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์อย่างครั้งนี้
แต่ว่า.. เอาตามจริงแล้วผมรู้สึกว่าดีจัง.. เพราะได้นั่งมอไซค์กับพี่เชานานๆ แล้ว...
" รถไฟฟ้าไง ไม่งั้นจะไปยังไง? "
อีกแล้ว.. เหมือนให้ความหวังทำให้ลูกโป่งผมพอง แล้วก็ปล่อยลมให้ฟีบอีกแล้ว
ผมหงอยลง เหมือนพี่เชาจะสังเกตได้
" ลืมของไว้ที่ห้องเหรอ? "
" ... "
ผมเงียบไปพักนึงแล้วก็ส่ายหน้า ช่างเถอะ..พี่เชาไม่ผิด เป็นผมที่คิดไปเอง.. คาดหวังเองว่าเขาจะไปส่งบ้านเหมือนเมื่อก่อน...
" เปล่า ไม่ได้ลืม "
" ป่ะ งั้นไปกันเลยมั้ย พี่มีนัดกับเพื่อนตอนสามทุ่มอ่ะ เลทนิดหน่อยได้ "
คืนวันศุกร์อย่างนี้หนีไม่พ้นไปกินเหล้ากันแน่ๆ
" ไปกินเหล้ากับพวกพี่แซคเหรอครับ... "
เพื่อนสนิทพี่เชาในคณะมี 2 คน พี่แซคที่หน้าตี๋ๆ ล่ำๆ เป็นนักบอล กับพี่ขวัญที่จัดฟัน ผอมๆ แห้งๆ ส่วนเพื่อนอีกคนอยู่คนละภาคแต่พี่เชาพูดถึงบ่อยๆ คือพี่พรต (ซึ่งพี่เชาเรียกเขาว่าพี่เงาะ) เรียนวิศวโยธา ถ้าไม่ใช่พี่แซคก็พี่พรตนี่ล่ะ...
" อื้ม แล้วก็มีปีโตไปด้วย " พี่เชากอดคอผมพาเดินไปด้วยกัน " ทำไม อยากกินเหรอ? "
" ปะ..เปล่าครับ! ฟิวไม่ไหวหรอก.. แค่ช็อตเดียวก็จอดแล้ว.. "
พี่เชาหัวเราะอยู่ข้างหู มือใหญ่ขยี้ผมของผมไปมา
" หึ! อ่อนเอ๊ย! "
" ง่า...พี่เชา... "
เอาเถอะ... ไปส่งแค่ที่สถานีรถไฟฟ้าก็ได้ ไม่เป็นไร อย่างน้อยผมก็ได้เจอพี่เชาสมใจแล้ว หลังจากไม่เจอหน้า ติดต่อพี่เชาไม่ได้เป็นอาทิตย์แน่ะ!
หลังจากนั้นพี่เชาก็ปล่อยผมลงที่สถานีสยาม ผมลงจากมอเตอร์ไซค์ ดึงแขนพี่เชาไว้ก่อนที่เขาจะออกรถ
" เดี๋ยวพี่เชา ฟิวเกือบลืมเอานี่ให้พี่เลย " ผมเปิดกระเป๋าเป้ตัวเองค้นแล้วหยิบมันออกมา " เห็นพี่เชาไม่ว่างไปเอามาสักทีฟิวเลยเอามาให้แล้ว จ่ายเงินซ่อมเสร็จเรียบร้อยเลยนะครับ "
ในมือผมคือไอโฟน5s สีทองของพี่เชา
อาทิตย์ที่แล้วมันเกิดอุบัติเหตุทำให้หน้าจอแตก ตอนนั้นพี่เชาคงโมโห ถึงรีบเดินออกไปโดยที่ไม่ได้เอามันไปด้วย ผมจึงเก็บไปซ่อมให้พี่ร้านที่รู้จัก ได้ตั้งแต่ 2 วันแรกแล้ว บอกให้พี่เชาไปเอาก็ติดต่อไม่ได้... ผมเลยตัดสินใจไปเอามาให้แทน
" พี่เชาคับ วันนั้น...เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว....ฟิวขอโทษนะครับ "
เหมือนพี่เชาจะชะงักไปเล็กน้อย ผมเม้มปากรอดูปฏิกิริยาพี่เชา เห็นเขาคิ้วกระตุกขมวดเข้าหากันผมก็หลุบตาหนีมองมือตัวเองอีกแล้ว...
พี่เชาเงียบไปเกือบ 5 วินาทีก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
" ช่างเถอะ...มันผ่านมาแล้ว "
" ไม่โกรธฟิวแล้ว..จริงนะครับ? "
" อืม "
ได้ยินอย่างนี้ผมถึงยิ้มออกมา โล่งใจขึ้นเยอะเลย ผมนึกว่าพี่เชาจะโกรธผมอีกซะแล้ว
" นี่ๆ ฟิวซื้อเคสใหม่ แปะสติ๊กเกอร์เอาไว้ จะได้ไม่หยิบผิดกับของพี่คิงนะครับ "
พี่เชากับพี่คิงใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกัน สีเหมือนกัน และยังไม่ใส่เคสเหมือนกันอีก ต่างคนต่างหยิบผิด คิดว่าของอีกคนเป็นของตัวเองบ่อยๆ ผมอยากมีโมเมนท์แบบนี้บ้างจัง… แต่คงยาก เพราะมือถือของผมเป็น SAMSUNG แค่ยี่ห้อก็ต่างกันแล้ว แต่ไม่เป็นไรครับ ผมมีวิธี!
ผมพลิกให้ดูข้างหลังเคสสีใส ที่แปะสติ๊กเกอร์รูปหัวใจตามด้วยสิงโต
" รัก.. " นิ้วผมชี้ที่รูปหัวใจ " พี่เชา... " นิ้วเลือนไปที่รูปสิงโตข้างๆ เพราะพี่เชาเหมือนสิงโต
หลังจากพูดประโยคเมื่อกี้หน้าผมเห่อร้อนไปหมด ต้องหน้าแดงไปทั้งหน้าแน่ๆ รีบยัดโทรศัพท์ใส่มือให้พี่เชาแล้วเดินเร็วๆ หนีขึ้นสถานีรถไฟฟ้า โอยยย ฟิว..ทำไมแรดขนาดนี้ T/////T
---------------------------------
วันนี้เป็นน้องฟิวเล่าค่ะ
เรื่องนี้จะเล่าสองคนนะคะ ส่วนใหญ่เป็นเชา มีบ้างที่เป็นมุมมองน้องฟิวค่ะ แต่ไม่เยอะมาก มีแค่พอให้เข้าใจมุมมองความรักของทั้งคู่มากขึ้น
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
ปล. หลังจากวันนี้ขออนุญาตหายนะคะ ทนพิษไฟนอลไม่ไหวค่ะ ส่งโปรเจกต์กระจุยกระจาย
ไว้เจอกันอีก 2 อาทิตย์ค่า
ปลล. " เดี๋ยวมาต่อค่ะ "