อารดาออกมาเดินเล่นบริเวณหน้าบ้านในตอนสาย วันนี้แดดไม่ร้อนมากเท่าไร แถมอากาศกำลังดีเพราะใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว เธอมองดูดอกไม้ที่แผ่กิ่งก้านให้ความสดชื่นสบายตา นานเท่าไรแล้วที่ชีวิตของเธอไม่เคยพบกับความสุขสดชื่นแบบนี้
นานจนคิดว่าคงไม่ได้กลับมาเจอหน้าไอศูรย์ พี่ชายที่แสนดีของเธอ
หญิงสาวเดินเรื่อยมาจนเกือบถึงบริเวณรั้วบ้าน เห็นลูกน้องของไอศูรย์สองคนกำลังพูดคุยอยู่กับใครสักคน พอเดินเข้ามาใกล้ๆ จึงได้รับรายงานว่าผู้ชายคนนี้มาด้อมๆ มองๆ อยู่นานแล้วและดันทุรังอยากจะเข้ามาให้ได้แต่ยังไม่ได้รับการอนุญาตเพราะดูไม่น่าไว้ใจ กลัวจะเป็นพวกมิจฉาชีพ
“เอายังไงดีครับคุณเอย หมอนั่นยืนยันว่าอยากเจอคุณหวาย แต่ผมว่ามันแอบอ้างมากกว่า” ลูกน้องหนึ่งในสองคนของไอศูรย์พูดขึ้น เพราะทั้งคู่ไม่เคยเห็นหน้าณพลมาก่อน แม้แต่ตอนที่ณพลถูกอลงกรณ์จับตัวมาทรมาน ตอนนั้นชายหนุ่มถูกตีหัวจนสลบแล้วลากขึ้นรถตู้มีถุงขยะสีดำคลุมศีรษะปกปิดใบหน้าเอาไว้จนพาตัวมาถึงห้องสอบสวนที่หวายเห็น
“เดี๋ยวฉันขอคุยกับเขาเอง” หญิงสาวบอก ก่อนที่ทั้งสองคนจะผละออกมาให้เจ้านายสาว เธอจึงเดินมายืนบริเวณนอกรั้ว มองชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีเข้มใบหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเขากำลังงุนงงสงสัยว่าเธอเป็นใครเพราะณพลไม่เคยเจอเธอมาก่อน เข้าใจมาตลอดว่าบ้านหลังนี้ไอศูรย์อยู่กับบบรรดาลูกน้องของเขาเท่านั้น
“มาหาหวายเหรอคะ”
“ใช่ครับ”
“หวายออกไปมหาวิทยาลัย คงจะกลับตอนเย็นๆ น่ะค่ะ”
“ผมไม่เจอเขานานแล้ว หวายเองก็เงียบหายไปไม่ยอมติดต่อ ก็เลยเป็นห่วงน่ะครับ” ณพลตอบพร้อมชะเง้อคอมองเข้าไปในตัวบ้านเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด กลัวว่าเธอจะกีดกันเขาเหมือนอย่างไอศูรย์ หมอนั่นมันมีอิทธิพลมากขนาดไหนเขาย่อมรู้ดี
“หวายสบายดีค่ะ พี่ชายของฉันดูแลเขาอย่างดี”
“พี่ชาย?”
“ฉันชื่อเอย เป็นน้องสาวของพี่ไอ นี่ใช่คุณพลหรือเปล่าคะ เพราะฉันเคยได้ยินหวายเอ่ยถึงคุณให้ฟังอยู่บ่อยๆ” อารดาเดาจากสีหน้าท่าทางและรูปร่างสูงใหญ่ของเขา ณพลตัวสูง พอๆ กับพี่ชายของเธอ หวายเคยบอกว่าสนิทกับเขามากที่สุด เขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ไว้ใจได้และเคยช่วยหวายเอาไว้เวลามีปัญหาทะเลาะกับที่บ้าน หวายก็ไปนอนที่หอพักของณพล ถึงมันจะคับแคบไปหน่อยแต่ก็สบายใจกว่าการต้องมีปากเสียงกับพี่และแม่เลี้ยง แต่หวายก็เลือกที่จะไม่พูดถึงที่มาที่ไปของตัวเองที่ต้องมาอยู่กับไอศูรย์ พูดเพียงว่าชายหนุ่มจ้างเขามาดูแลเธอและให้ช่วยงานอื่นๆ แลกกับการส่งเสียให้เรียนหนังสือ
“ใช่ครับ ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณเลย”
“ก่อนหน้านั้นฉันไปอยู่ต่างประเทศเสียนานค่ะ เลยไม่ได้กลับมาที่บ้าน แต่ตอนนี้คิดว่าคงกลับมาอยู่กับพี่ไอแล้ว”
“อ่อ ผมเข้าใจละ” ชายหนุ่มมองรสาด้วยความรู้สึกดีอย่างประหลาด ดูนิสัยไม่เหมือนกับไอศูรย์เท่าไร
“พี่ชายคุณเคยบอกหรือเปล่าว่าเขาทำอะไรไว้กับผม”
“ไม่นี่คะ มีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ” อารดาอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าพี่ชายเธอมีปัญหาอะไรกับณพลมาก่อน หวายเองก็ไม่เคยเล่า
“ไม่เป็นไร ช่างมัน เรื่องนานมาแล้ว ผมไม่อยากรื้อฟื้นเหมือนกัน”
“งั้นก็ตามใจคุณค่ะ”
“แต่ที่คุณบอกว่าพี่คุณดูแลหวายอย่างดี ผมแทบไม่อยากเชื่อ”
“เชื่อเถอะค่ะ ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกหกคุณ”
“ถ้าคุณยืนยันเช่นนั้น ผมก็จะเชื่อคุณนะ ยังไงผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า ฝากบอกหวายด้วยว่าผมมาหา ขอบคุณครับ”
“ได้ค่ะ” พอตกปากรับคำเสร็จก็เห็นเขาเดินออกมาพ้นหน้าประตูบ้านแล้วมาขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ไม่ไกล เขาขับเคลื่อนออกไปโดยเร็วเพื่อกลับไปทำงานต่อที่อู่ซ่อมรถ
หวายนั่งดูซีรีส์แนวซอมบี้ฆ่าเวลารอไอศูรย์กลับจากประชุมงานที่โรงแรม มองนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่เห็นเขาโผล่หัวกลับมาสักที
ให้ตายดิ ทำไมเขาต้องมามีโมเม้นท์แบบนี้กับอสูรตัวร้ายด้วยวะ
โคตรไม่เข้าใจตัวเองเลย
วันๆ ต้องตื่นมากินข้าวร่วมโต๊ะ คอยโทรศัพท์รายงานว่าอยู่ที่ไหนเวลาออกไปเรียน กลับบ้านให้ตรงเวลา ไม่เถลไถล ไม่ให้ติดต่อกับณพลและคนที่บ้านเก่า แล้วต้องมานั่งรอเขากลับ
นี่มันหน้าที่เมียชัดๆ!
‘พี่ชอบหวาย’ ไอ้ประโยคนี้ก็เหมือนกันที่ไอศูรย์ทำให้เขาวางตัวไม่ถูก ตอนนั้นหวายไม่ได้ตอบอะไร ไม่ได้หันกลับไปมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ได้แต่รีบๆ ออกมาจากห้องนอนของชายหนุ่มแล้วกลับเข้าห้องตัวเอง พอเช้าต่อมาเหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ ยังดีที่โต๊ะอาหารมีอารดานั่งอยู่ด้วย แต่ก็ไม่วายเจอกับสายตาแพรวพราวจากคนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะบ่อยๆ
มันเป็นสายตาที่ทำให้หวายรู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้า
“หวาย” เสียงเรียกของชายหนุ่มทำให้หวายหลุดออกจากภวังค์ความคิดแล้วหันกลับไปมองผู้ชายในชุดเสื้อเชิ้ตสีเหลืองแขนยาวกางเกงสแล็คสีดำ
ไอศูรย์กลับมาเมื่อไรไม่เห็นได้ยินเสียงรถยนต์เลย หรือเพราะเขามัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย
“พี่ไอ กลับมาแล้วเหรอ”
“มานั่งรอพี่ทำไม”
“ผมยังไม่ง่วงเลยมานั่งดูซีรีส์”
“ในห้องนอนก็มีทีวีไม่ใช่เหรอ”
“ข้างนอกอากาศมันดีกว่านี่”
“ในห้องก็มีแอร์”
“ผมยอมแพ้แล้ว สรุปผมมารอพี่นั่นล่ะ”
“นึกว่าต้องใช้คีมง้างปากซะอีก” ไอศูรย์ยิ้มขัน ก่อนทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คนปากแข็งที่กว่าจะบอกเขาได้ว่ามารอเขาต้องเล่นให้จนมุมเสียก่อน
“ไหนว่าจะไม่โหดกับผมแล้ว”
“คิดว่าพี่จะใช้คีมง้างปากจริงๆ น่ะเหรอ ไร้สาระ แล้วนี่กินข้าวยัง”
“กินแล้ว ผมไปนอนก่อนนะ”
“เฮ้ย! เดี๋ยว!” ไอศูรย์ดึงให้อีกฝ่ายกลับมานั่งลงที่เดิมแต่หวายเสียหลักดันล้มลงบนตักของเขา ชายหนุ่มเลยกอดร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้หลวมๆ
“ปล่อยดิ”
“ปล่อยทำไม หรือกลัวใครมาเห็น” หวายพยายามดันตัวเองออกมา แต่ไอศูรย์แรงเยอะกว่า ยิ่งดันเขาก็ยิ่งกอดไม่ปล่อย
“ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะ”
“ไม่ดียังไง นี่บ้านพี่”
“ผมรู้ว่าบ้านหลังนี้พี่ใหญ่สุด”
“ที่พูดไปวันก่อน หวายคิดว่ายังไง”
“วันไหนละ”
“วันที่พี่บอกว่าชอบหวาย”
“ก็…”
แล้วจะให้คิดยังไงได้ มันก็ยังงงๆ เหมือนกัน เมื่อก่อนเกลียดกันแทบตาย
หวายเกลียดเขา
เขาเองก็เกลียดหวาย ไม่มีวี่แววจะญาติดีกันได้
แต่ตอนนี้ไอศูรย์ไม่โหดร้ายเหมือนเมื่อก่อน…มันก็เลย
“พี่อยากได้คำตอบ”
“พี่ไอ”
“หืม”
“ผมถามอะไรพี่หน่อยสิ”
“ว่า?”
“ทำไมพี่ถึงชอบผม”
“ไม่รู้ ไม่มีเหตุผล ชอบก็คือชอบ…” ไอศูรย์กดจมูกลงบนแก้มของหวาย อีกฝ่ายไม่ได้เบี่ยงหน้าหลบเขาอย่างเมื่อก่อน เลยโลภมากอยากทำมากกว่ากอดหรือหอม เขาอยากจับเด็กนี่ปล้ำเพราะความที่มันทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูมากขึ้นนี่ล่ะ
“หวายอาจจะเข้ามาในชีวิตพี่ด้วยเรื่องของความแค้นและเงื่อนไข…แต่ต่อจากนี้มันเป็นเรื่องของหัวใจ”
“….”
“เรื่องของเราสองคน”
วันนี้ไอศูรย์ยังคงตื่นแต่เช้าเหมือนเคย เขาลงมาทานอาหารมื้อเช้าพร้อมกับหวายและอารดา เห็นน้องสาวนั่งคอยอยู่ที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว วันนี้หญิงสาวอยู่ในชุดสูทกระโปรงทำงานเรียบหรูสีฟ้าอ่อน เธอแต่งหน้าโทนสีหวานที่เข้ากับสีผิว พร้อมจะเข้าบริษัทไปเคลียร์เรื่องเอกสารหลังจากที่ค้างคามาเนิ่นนาน
“เอยจะเข้าบริษัทเหรอ”
“ค่ะ”
“ไปพร้อมพี่มั้ย หรือยังไง”
“เอยขับรถไปเองดีกว่าค่ะ” อารดาตักข้าวต้มกุ้งทานเมื่อแม่บ้านนำมาเสิร์ฟ
“เมื่อวานพี่พลเขาแวะมาหาหวายนะ พี่ลืมบอก”
“แล้วพี่พลว่ายังไงบ้างครับ” หวายอยากรู้ขึ้นมาทันที เขากับณพลไมได้ติดต่อกันนานมากแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นณพลก็หายเงียบไป แล้วไอศูรย์ก็ตั้งกฎบ้าๆ นั่นว่าห้ามเขาไปเจอกับพี่ชายร่วมโลกอีก
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แค่ฝากพี่ให้บอกหวายว่าเขามาหา ดูเขาเป็นห่วงหวายมากเลยนะ”
“ไอ้หมอนั่นมันยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ” ไอศูรย์โพล่งขึ้นอย่างอดไม่ได้ สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจ
“ทำไมพี่ไอต้องโมโหขนาดนี้ด้วยล่ะคะ เอยว่าพี่พลเขาก็แค่อยากรู้ว่าหวายสบายดีหรือเปล่า กินอยู่เป็นยังไงบ้าง”
“คนไม่ได้เป็นอะไรกันจะมาหากันทำไมบ่อยๆ”
“พี่พลมาหาหวายบ่อยเหรอ?” อารดาหันไปถามเด็กหนุ่มบ้าง เพราะดูจากเมื่อวานแล้วไม่น่าจะใช่
“ถ้ารวมเมื่อวานก็สองครั้งนะครับ”
“แค่สองครั้งเองนะคะพี่ไอ ไม่เห็นบ่อยตรงไหนเลย” อารดาหันไปบอกพี่ชายยิ้มๆ
“ครั้งเดียวก็มากเกินพอแล้ว”
“เหรอคะ” อารดาหัวเราะคิกคักชอบใจ ไม่เคยเห็นไอศูรย์หึงใครออกนอกหน้าขนาดนี้
“เอยขำอะไรพี่”
“ขำพี่ชายกำลังหึงโหดคนแถวนี้ เอยไปทำงานก่อนนะคะ ไม่ได้เข้าบริษัทนานแล้ว” อารดาอมยิ้ม พลันคว้ากระเป๋าสะพายแล้วก้าวออกจากบ้านไป ทิ้งให้สองหนุ่มนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันตามลำพัง
จริงๆ ต้องเรียกว่าอารดากำลังเปิดโอกาสให้พี่ชายเธอกับหวายได้คุยกันเป็นการส่วนตัว คงจะดีกว่ามีเธอนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
........................................................
ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน
https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/