หลังจากที่ไอ้ไม้กับกับไอ้นัทกลับมาคบกันก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปในทิศทางทีดี ทำให้ผมหมดห่วงเรื่องของมัน
“อืออพี่ลมปล่อยวานะ” เสียงหวานประท้วงเมื่อผมยังไม่ยอมปล่อยให้วาลุกจากเตียง
“พี่ไม่อยากลุกเลย” ไม่ว่าป่ามือผมก็ไม่หยุดนิ่งลูบไล้ตามแผ่นหลังเนียนที่เต็มไปด้วยรอยแดง หลังจากที่คืนนั้นวายอมผมก็โมเมกินวาแทบทุกคืน หึๆ แม้จะประท้วงแต่วาก็ยอมผมอยู่ดี แต่ผมก็ไม่ได้รังแกน้องขนาดนั้นหรอกนะ เพียงแต่การได้นอนแนบชิดนั่นทำให้ผมมีความสุขเหลือเกิน
“สายแล้วครับ แล้วก็หยุดลูบวาได้แล้วนะ อือ” วาส่งเสียงครางเมื่อผมเลื่อนไปสะกิดยอดอกแดงก่ำ แย่ล่ะผมทำร้ายตัวเองด้วยสิ ชักไม่อยากปล่อยแล้วสิ
“วาลุกไปก่อนที่พี่จะกินวาอีกรอบดีกว่านะ” พูดจบวาก็ทำตาโตเพราะสัมผัสถึงอะไรๆที่มันตื่นขึ้น
“พี่ลมหลับตาเลยนะ”
“จะอายอะไรกันพี่เห็นมาหมดแล้ว” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ผมก็ยอมหลับตาให้คนขี้อายลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมนอนเล่นบนเตียงยิ่งได้ครอบครองผมยิ่งรักวาเพิ่มขึ้นทุกวันๆ ให้ตายเถอะผมมีความสุขมากจนจะสำลักตายอยู่แล้ว
“พี่ลมยิ้มอะไรกันครับ”
“พี่มีความสุข เดี๋ยวพี่จะปลุกลูกเองวาลงไปข้างล่างเลยนะ” วาพยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้อง จะนอนอู้ต่อก็ใช่ที่ผมเลยลุกขึ้นไปจัดการอะไรๆให้เรียบร้อยแล้วเข้าไปปลุกลูกหมูที่นอนหลับอุตุ
“ตื่นได้แล้วลูก” ผมฟัดแก้มยุ้ยๆของเจ้าน้ำแรงๆเพื่อเป็นการปลุกลูกถ้าวามาเห็นผมคงโดนดุ
“อือ น้ำง่วง” ไอ้อาการง่วงๆนี่เหมือนกับวาตอนจะตื่นนอน
“ตื่นได้แล้วครับ สายแล้วนะ” น้ำงัวเงียลุกขึ้นพยักหน้าแล้วลงจากเตียงเดินโซเซเข้าห้องน้ำ เพราะวาเป็นคนสอนให้น้ำทำอะไรเองผมเลยไม่ต้องเข้าไปวุ่นวาย ปล่อยให้น้ำจัดการตัวเองผมเลยลงไปกวนวาดีกว่า
“นี่กาแฟครับ”
ฟอด
“ขอบคุณครับ” หอมแก้มไปทีแลกกับโดนวาฟาดที่ไหล่ ผมนั่งดูข่าวตามปกติซักพักทัพก็ลงมา
“พี่ เรื่องบ้านนะ จะสร้างจริงเหรอ” ผมรู้ว่าไอ้ทัพมันเกรงใจแต่ผมก็รู้จักกับมันมานานแถมมันก็ไม่มีใครแล้วผมก็ถือมันเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง
“สร้างดิวะ”
“งั้นผมจะออกเงินด้วยนะพี่จะให้พี่ออกให้คนเดียวผมเกรงใจ” ผมพยักหน้าเข้าใจ
“อยากได้แบบไหนล่ะ” จะปลูกบ้านก็ต้องตามใจผู้อยู่
“ไม่ต้องหลังใหญ่มากนะพี่เอาแบบบ้านพี่นี่ล่ะผมชอบ เอาไว้แค่นอนก็พอแล้ว ยังไงผมก็ต้องมาอาศัยน้องวาทำกับข้าวให้กินอยู่ดี” มันพูดยิ้มๆ ก็จริงของมันทุกคนต่างติดรสมือของวากันหมดแล้วขนาดพวกคนงานยังไม่เว้นเลยล่ะ
“อืมงั้นกูจะให้ช่างมาดูให้ล่ะกัน อ่าวลงมาแล้วเหรอลูก” หันไปเจอเจ้าลูกหมูที่แต่งตัวเรียบร้อยแต่ตายังปรือๆอยู่
“อรุณสวัสดิ์ครับอาทัพ พ่อลม” น้ำยกมือไหว้แล้วเดินเข้าไปในครัว ได้ยินแต่เสียงงุ้งงิ้งของสองแม่ลูก อ่ะอย่าไปเรียกให้วาได้ยินเชียวนะครับ ผมได้โดนหยิกเนื้อเขียวหมดแน่ๆ พออ้อนพี่วาเสร็จก็ออกไปวิ่ง รอบบ้าน ผมก็ได้เวลาเข้าไร่ไปดูคนงานเก็บผัก
“วาพี่เข้าไร่นะ”
“ครับพี่ลม อย่าลืมกลับมากินข้าวล่ะ” วาตะโกนออกมาบอกจากในครัว เพราะหลายวันก่อนผมทำงานเพลินลืมกลับมากินข้าววานี่บ่นผมใหญ่เลย
“ครับ เข้าไปด้วยกันไหมไอ้ทัพ”
“ไปพี่” มันวางแก้วแล้วลุกตามผม ซ้อนมอไซค์ไปที่ส่วนของสวนผัก ที่กำลังเก็บกะหล่ำปลีขึ้นรถ ผมเลยเดินไปหาไอ้ละอองส่วนไอ้ทัพนี่เดินเข้าไปในไร่ไปช่วยคนงานเก็บผักแล้ว
“เป็นไงบ้างไอ้ละออง”
“แหมๆนายกูนับวันยิ่งหน้าบานชีวิตหวานชื่น ไอ้ละอองอิจฉา” มันยังไม่เลิกแซวผมอีก
“อิจฉามึงก็ไปแดกไอ้สันสิ” ผมบอกมันหน้านิ่งๆ มันทำตาโตแทบจะพุ่งมาปิดปากผม
“นายจะพูดทำไมเนี้ย” มันโวยวายแล้วหันไปยุ่งกับการชั่งน้ำหนักผักที่จะขนขึ้นรถ
“หึๆ กูไม่พูดก็ได้ เอามาเดี๋ยวกูจดเอง” มันรีบส่งสมุดจดน้ำหนักให้อย่างเชื่อฟัง
ผมจดน้ำหนักทั้งหมดที่ได้ก็ราวๆตันกว่า ถือว่าผลผลิตไร่ดีกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีกทั้งที่ผมไม่ได้ปลูกเยอะ ไอ้ละอองยังทำหน้างอนผมที่ดันพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง
“มึงไปส่งที่ตลาดเลยไป” ผมรู้ว่ามันอยากไปในเมืองแต่มันเป็นมือขวาของผมเลยไม่ค่อยได้ออกจากไร่เท่าไหร่
“จริงเหรอนาย นายใจดีที่สูดดดด” มันกระโดดดีใจแล้ววิ่งไปขึ้นรถจนผมร้องตามไม่ทันอะไรมันจะดีใจขนาดนั้น
“เดี๋ยวพวกที่เหลือนี่ก็ไถกลบได้เลยนะ พอไถกลบเสร็จก็เอาปุ๋ยคอกในโกดังมาโรยกับพวกปุ๋ยหมักเอามาฉีดตามดินให้เรียบร้อยเลยนะ”
“ครับนาย”
“ทัพกลับไปกินข้าวกันเถอะ” ผมเรียกไอ้ทัพที่ดูเหมือนจะสนุกที่ได้มาเก็บผัก
“ครับพี่” เช็ดไม้เช็ดมือแล้วรีบวิ่งมาหาผม ซ้อนท้ายกันกลับบ้านพอดีที่ทั้งวาและทั้งน้ำจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว
“นึกว่าจะต้องไปตามซะแล้วนะครับ”
“ฮ่าๆ พึ่งขนผักเสร็จนะ พี่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ” เพราะสภาพมันเละทั้งผมและทัพเลยขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวลงมากินข้าว ไอ้ทัพก็ไปที่โรงงาน
“เฮ้ บอกไอ้ไม้ด้วยนะว่าให้กลับบ้านวันนี้”
“ผมว่าต้องบอกให้ไอ้ผู้กองดีกว่ามั้งครับ” เออจริงมันขยันมาลากไอ้ไม้ไปนอนพักด้วยตลอด
“เออวะ แต่มึงบอกมันไว้ถ้าไอ้ผู้กองมาก็ลากคอมันมาด้วยกันจบ” ไอ้ทัพส่ายหน้าแบบจนใจแต่ก็รับคำ ผมกับวาไปส่งน้ำที่โรงเรียน
“ไปล่ะครับ ขอบคุณครับพ่อลมพี่วา” น้ำยกมือไหว้ พร้อมกับไปหอมแก้มวาแล้ววิ่งเข้าห้องเรียนไป ได้แต่ส่ายหน้ากับการนัวเนียของสองคนนี้ หลังจากกลับมาที่ไร่ผมให้วาทำบัญชีส่วนผมก็ไปที่ไร่องุ่น แม้จะแยกย้ายกันทำงานแต่ตอนเที่ยงผมก็กลับมากินข้าวที่บ้าน ตกบ่ายก็ไปรับลูกด้วยกันแม้จะผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมาแต่ผมก็ไม่ยอมที่จะให้วาขับรถไปรับลูกคนเดียวผมไม่อยากเจอเหตุการณ์ที่บีบหัวใจผมอีกแล้ว
“กลับมาแล้ว”
“อาไม้!!! อ่าวอานัท” น้ำที่วิ่งเข้าไปหาอาต้องเบรกเมื่อเห็นคนที่เดินตามหลังมา
“ไงเจ้าน้ำ” น้ำวิ่งพุ่งเข้าไปกอดอานัทให้ฟัดแก้มป่องแล้วเข้าครัวไปช่วยวาทำกับข้าวส่วนพวกไร้ความสามารถในการทำครัวก็ออกมานั่งชุมนุมกันที่โซฟา
“ทัพว่าจะเอาแบบบ้านหลังนี้ แกคิดว่าไง” เมื่อมีน้ำอยู่ผมเลยต้องลดคำพูดที่ไม่ดีลง
“ก็เอาอย่างที่ทัพว่าก็ได้นะพี่ ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
“ทำอย่างกับจะได้กลับมาอยู่” ผมแทบจะลุกแท็คมือกับไอ้ทัพเมื่อมันตอกกลับไอ้ไม้
“หึๆ”
“แล้วทำไมจะไม่ได้กลับมาอยู่ล่ะ อย่ามาพูดมั่วๆน่า” แม้มันจะว่าผมสองคนแต่ผมก็เห็นว่าแก้มมันขึ้นสี เขินแล้วพาลนะเนี้ย
“งั้นเอาไม่ใหญ่มากห้องนอนสองกับห้องนั่งเล่นก็พอใช่ไหม” ผมจดความต้องการของมันลงสมุด
“อ้อ เอาห้องน้ำที่พอจะใส่อางอาบน้ำด้วยนะพี่ลม” ผมกรอกตา มันจะชอบอ่างอาบน้ำเกินไปแล้วนะ
“ชอบนักหรือไงวะไอ้อ่างอาบน้ำเนี้ย”
“พี่ไม่รู้เวลาเราทำงานเหนื่อยๆมันก็ต้องการการพักผ่อนนะ แช่น้ำอุ่นนะสบายจะตายไป” ไอ้ทัพพยักหน้าเสริม อืมอ่างอาบน้ำเหรอ หึๆ
“พี่คิดไรหื่นๆใช่ไหม” ไอ้ทัพมันทักผม
“อะไรหาเรื่องพี่ละ” แม้จะบอกปัดมันไปแต่สิ่งที่คิดในหัวของผมมันถึงได้ไหลมาเป็นฉากๆล่ะเนี้ย
“หน้าพี่โคตรหื่น”ไอ้ไม้มันว่าให้จนต้องปรับสีหน้าให้ปกติ
“ห้องนอนสอง ห้องนั่งเล่น อ่างอาบน้ำ เอาสองชั้นหรือชั้นเดียว”
“ชั้นเดียวก็พอมั้งเนาะทัพ”
“อืม ห้องกว้างแค่สองเมตรหกสิบหรือสามเมตรก็น่าจะพอ” ผมพยักหน้าในเมื่อเป็นห้องของพวกมันอยากได้อะไรก็ตามนั้น ผมจดลงบนสมุดซึ่งมันก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเมื่อต่างคนต่างออกความคิดเห็น โดยมีเจ้าน้ำออกความคิดเห็นด้วยในบางครั้ง
“ทานข้าวได้แล้วครับ” วาเรียกพวกผมทันทีที่ตั้งโต๊ะเสร็จ อาหารมากมายที่ทำเสร็จในเวลาไม่นานเพราะมีนัทเข้าไปช่วยถ้าให้พวกผมไปช่วยนี่คงเละ
ตลอดการกินอาหารเย็นที่อบอุ่นไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดเจื้อยแจ้วของน้ำ ทำให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านอย่างแท้จริง นี่ล่ะคือครอบครัวของผม ครอบครัวที่มีวาเข้ามาเติมเต็มความอบอุ่นให้
หลังจากที่ตกลงว่าอยากได้แบบไหนเสร็จเรียบร้อยพี่ลมก็เรียกช่างมาเขียนแบบผมพอใจกับแบบที่ถูกเขียนขึ้นพี่ลมเลยให้ผมเข้ามาคุมการก่อสร้างโดยให้เหตุผลว่ามันเป็นบ้านของผม จริงๆผมว่าพี่แกกลัวจะเสียเวลาที่จะสวีทกับน้องวาแน่ๆ หลังจากที่คุยกับพี่โยครั้งสุดท้าย ตอนนี้ผมแทบที่จะไม่เปิดคอมแล้วนั่นทำให้ผมรู้สึกเหงาๆแต่ก็มีงานให้ทำจนหัวหมุนช่วยให้ผมลืมเรื่องความรู้สึกที่มันเพิ่มมากขึ้นได้
“ตรงนี้แบบนี้ใช่ไหมครับ”
“ไหนครับ อ้อ ครับ ผมขอให้มันกว้างกว่านี้ได้ไหม ตรงห้องน้ำ” ผมชี้แปลนห้องน้ำของไอ้ไม้ที่ต้องการให้มันกว้างครึ่งหนึ่งของห้องนอนด้วยซ้ำ เลยต้องดูเรื่องนี้ให้เป็นพิเศษเดี๋ยวมันไม่พอใจมันจะโวยวาย
“มันจะไม่ใหญ่ไปเหรอครับ”
“ไม่หรอก พอดีคนอยากได้มันอยากได้แบบนี้”
“โอเคครับงั้นจะจัดให้ตามที่ต้องการเลยครับ” แม้จะรูสึกแปลกใจแต่ช่างก็ยอมทำตามความต้องการอยากได้ห้องน้ำที่ใส่อ่างอาบน้ำได้ ไอ้ไม้ก็ปล่อยให้ผมมาดูส่วนมันก็อยู่ที่โรงงาน
“พี่ทัพไปกินข้าวกันครับ” วาเดินมาเรียก มันได้ได้สร้างห่างจากบ้านหลังใหญ่ไม่กี่ก้าวแทบเรียกได้ว่าสร้างต่อกันเลย
“โอเคพี่จะไปแล้ว” วันนี้พี่ลมบอกว่าจะเข้าไร่ไม่ออกมาผมเลยได้นั่งกินกับวาสองคน
“พี่ทัพได้คุยกับพี่โยไหมครับ” คำถามที่เล่นเอาผมเกือบสำลักข้าว
“อ้อไม่นะ พี่เหนื่อยหัวถึงหมอนก็หลับเลยไม่ค่อยได้คุยกัน” มันอาจจะเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียวที่ว่าผมเลยไม่กล้าสบตาวาด้วยซ้ำที่บอกวาไปแบบนี้
“งั้นเหรอครับ” วาพยักหน้าเข้าใจผมเลยเงียบไปสนใจกินต่อ วาขอตัวไปส่งกับข้าวพี่ลมก่อนผมเลยอาสาล้างจานให้ จริงอยู่ที่ไม่ได้คุยกว่าผมจะหลับต้องพลิกไปพลิกมานานแค่ไหนจนกว่าจะหลับ แต่ผมก็เลือกไปแล้ว
เฮ้อ....
“ถอนหายใจอะไรหนักหนาวะ” ได้แต่บ่นให้ตัวเองที่พอเผลอผมก็ต้องถอนหายใจบ่อยๆ ให้ตายเถอะไอ้อาการโหวงๆในใจคืออะไรกัน ตอนที่เขาผิดหวังจากตองผมยังไม่อาการหนักเท่านี้เลย เลิกๆ ไอ้ทัพมึงนี่นับวันยิ่งเพ้อนะ ลูบหน้าลูบตาเรียกสติตัวเองหนักๆแล้วกลับไปคุมงานต่อ
หลังจากที่แปลนพอใจโครงสร้างทั้งหมดก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างผมก็ปล่อยให้ช่างจัดการไปส่วนผมก็กลับไปทำงานที่โรงงาน
“ไม้ไปกินข้าวกัน”
“กูก็นั่งอยู่ด้วยป่ะวะ” ทุกวันที่ไอ้ผู้กองมารับไม้ มันอดไม่ได้ที่จะเป็นก้างจะ ถ้าไม่ขัดไอ้ผู้กองเหมือนจะผิดศิลธรรมในตัวเขายังไงไม่รู้
“ไม่ชวนมึงก็ไปด้วยไม่ใช่เหรอวะ”
“แหมกับไอ้ไม้นี่เสียงอ่อนเสียงหวานเลยนะมึง กูว่ากูเดาอนาคตมึงได้วะ” หลังๆมายิ่งผมกวนมันยิ่งสนิทกันแปลกๆ
“ไอ้ทัพมึงก็เลิกหาเรื่องมันเถอะ ว่าแต่มึงจะกลับไปทำงานวันไหน” ไอ้เพื่อนรักที่เห็นคนรักดีกว่า
“ก็อาทิตย์หน้าก็กลับไปทำงานแล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ”
“ทำหน้าหมาหงอยเชียวนะมึง” เอาจริงๆไอ้สองคนนี้เป็นเป้าที่ผมแกล้งกวนประสาทคลายเหงา ลืมเล่าให้ฟังหลังจากที่ตองมาง้อวันนั้นผมก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยแต่พี่เจนเล่าให้ฟังว่าตองได้คนดามใจใหม่แล้ว ซึ่งผมก็ดีใจด้วยเพราะยังไงซะตองก็ไม่ได้เป็นคนรักที่เลวร้ายเพียงแต่การตัดสินใจที่ทำลงไปทำให้ผมหมดซึ่งความไว้ใจ
“ไอ้ทัพมึงเป็นไรวะทำไมกวนพวกกูจัง”
“เปล๊า ไปกินข้าวใช่ไหมไปดิ” ผมตัดบทลากคอไอ้ไม้ออกไปจากห้อง ขอทำตัวไร้สาระกวนมันสองคนไปก่อนละกันถ้าจะให้ไปกวนพี่ลมกับวาผมไม่อยากเสี่ยงโดนตีนขนาดนั้น
“อันนี้อร่อยนะ” มองนัทที่ตักกับข้าวใส่จานให้ไม้ และไอ้เพื่อนตัวดีก็หน้าบานยิ้มแป้นไม่ได้บ่งบอกเล๊ยว่าดีใจแค่ไหนที่ไอ้นัทคอยดูแลนะ
“อ่ะไม้อันนี้ก็อร่อยนะ” ผมตักข่าไปใส่จานไอ้ไม้ แหม ทำไมไมองกูตาคว่ำอย่างนี้วะ
“ไอ้ทัพมึงเป็นไร” ไอ้ไม้มันวางช้อนลงแล้วหันมาเซ้าซี้ผมแทน
“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงวู้ จะเซ้าซี้กูทำไม” พอบอกอย่างนั้นทั้งไอ้นัทและไอ้ไม้ตางจ้องหน้าผมนิ่งเป็นการบังคับกลายๆว่ามึงจงบอกกูมาซะ
“ก็กูพยายามทำตัวบ้าๆอยู่เพื่อกำจัดความรู้สึกบ้าๆ” ผมบอกพร้อมกับถอนหายใจยาว ไอ้ไม้จ้องผมนิ่ง
“เออน่ากูกวนพวกมึงเฉยๆน่า เดี๋ยวกูก็กลับมาเป็นปกติ”
“แน่ใจมึงเป็นหนักกว่าตอนเลิกกันกับแฟนเก่ามึงอีกนะ”
“ก็นะ กูก็ยังไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน” ผมเขี่ยข้าวไปมา ไอ้ไม้มันก็ไม่เซ้าซี้ผมอีกปล่อยให้ผมจมกับความคิดแล้วหมดอารมณ์ที่จะกินข้าวเลยแหะ หลังจากที่กินข้าวเที่ยงไปผมก็เริ่มจมกับตัวเองกับสิ่งที่ผมรู้สึก กับความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นหลังจากที่ไม่ได้คุยกับพี่โย นี่ผมเป็นคนที่ตกหลุมรักใครง่ายขนาดนี้เลยเหรอ ใจง่ายไปแล้วนะทัพ
“วันนี้กลับไปนอนบ้านไหม”
“คงไม่วะ”
“แหมเพื่อนกู ไม่ใช่ยอมมันแล้วหรอกนะ” แม้จะไม่ได้ว่าอะไรแต่มันก็ไปค้างกับไอ้ผู้กองบ่อยๆ
“ไอ้บ้ากูไม่ได้ง่ายแบบนั้นนะเว้ย”
“ว่าแต่คู่มึงนี่ตกลงใครกดใคร” ผมเท้าคางถามมันนิ่งๆ และได้ผลไอ้ไม้นี่หน้าแดงก่ำตะโกนด่าผมแล้วเดินหนี หึๆ ดูท่าเพื่อนผมคงจะโดนกดซะแล้วละมั้ง คืนนี้ผมก็ต้องนอนคนเดียวอีกแล้วเหรอเนี้ย
“อาทัพ อาทัพ น้ำนอนด้วยได้ไหม” หลังกินข้าวเสร็จเจ้าน้ำก็มาอ้อนขอนอนกับผม
“ทำไมอยากนอนกับอาล่ะครับ”ผมอุ้มน้ำขึ้นมากอด
“น้ำกลัวอาทัพเหงา” โอ๊ย ผมฟัดแก้มยุ้ยจนน้ำดันหน้าผมออก น่ารักจริงๆเลยหลานคนนี้
“อาว่าเพราะน้ำกลัวมากกว่า เอาสินอนกับอาก็ได้” ผมฟัดพุงนิ่มอย่างที่ไอ้ไม้เคยบอกไว้ว่าฟัดน้ำแล้วจะรู้สึกหายเหนื่อยซึ่งมันจริง
“น้ำคุยกับอาโยได้ไหม” อ่าตอนนี้ผมชักไม่อยากให้หลานไปนอนด้วยแล้วสิ
“อาก็ไม่รู้เหมือนกันครับอาไม่ได้คุยกับอาโยนานแล้ว”
“น้าๆๆๆอาทัพใจดี๊ ใจดี” น้ำถูหน้ากับอกผมอ้อนๆ
“อ่าครับได้ครับเดี๋ยวอาจะลองดูครับ วา วันนี้น้ำนอนกับพี่นะ” ผมที่กำลังจะอุ้มน้ำที่กลายร่างเป็นลูกลิงเรียบร้อย
“อาทัพเร็วๆซี น้ำอยากคุยกับอาโย” พอถึงห้องน้ำก็เร่งให้ผมเปิดคอม
“ครับๆ” กดดันจริงๆ ผมรีบเปิดคอมออนไลน์สไกป์เห็นไอดีพี่โยออนไลน์อยู่เลยกดคอลไป
“อาไปอาบน้ำนะคุยกันไปยาวๆเลย”
ฟอด
หอมแก้มยุ้ยนั่นแรงๆหนึ่งทีก่อนที่จะกระโจนไปคว้าผ้าขนหนูหนีเข้าห้องน้ำทันทีระหว่างอาบน้ำผมก็ได้ยินเสียงคุยเจื้อยแจ้วดังแว่วเข้ามา พยายามทำทุกอย่างให้ช้าเพื่อนที่จะไม่อยากออกไปคุย แต่สุดท้ายผมก็หนีความจริงไม่ได้แต่งตัวออกมาจากห้องน้ำ น้ำที่กำลังปรือตาท่าทางจะง่วงแล้วสินะ
“นอนได้แล้วครับคนเก่ง”
“อือ ฝันดีครับอาทัพ”
ฟอด
“ฝันดีครับ” ก้มลงหอมแก้มยุ้ยห่มผ้าให้ตัวเล็กแล้วค่อยลุกเอาผ้าเช็ดตัวไปตากพยายามไม่สนใจคนที่อยู่ในจอ จนเขาเดินกลับมาบนเตียงเตรียมตัวนอน
“หายไปไหนมาหลายวัน”
“เหนื่อยนะ” ผมโกหกไปพร้อมกับนอนลงข้างน้ำ พี่โยเลิกคิ้วเข้มขึ้นเหมือนไม่เชื่อคำโกหกผม และผมก็ไม่พูดอะไรต่อพี่โยก็เงียบแม้จะเงียบแต่ความรู้สึกคุ้นเคยก็กลับมา
“อย่าโกหกพี่เลยดีกว่า บอกพี่มานะทัพ”
“ผม..ไม่ได้โกหกอะไรซักหน่อย” แม้จะรู้สึกเคืองๆกับน้ำเสียงที่ดูหาเรื่องของพี่โยหน่อยก็เถอะ
“เอาล่ะมาคุยกันดีๆ นายเป็นอะไรบอกพี่มา” พี่โยเลิกทำงานแล้วหันมาคุยด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่ได้เป็นอะไร ทำงานต่อเถอะผมจะนอนแล้ว”
“ทัพ พี่ดูก็รู้แล้วว่าเราหลบหน้าพี่ มีอะไรรึเปล่า ไม่อยากคุยกับพี่สินะ” ไอ้น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจลงท้ายนั่นคืออะไร
“ไม่ใช่ซักหน่อย”
“เอาเถอะพี่เข้าใจแล้ว ฝันดีนะ” แล้วก็พี่โยก็ตัดไป แถมยังออฟไลน์ด้วย เดี๋ยวสิ!! ผมลุกขึ้นนั่งปกติพี่โยจะไม่เป็นคนปิด ก็น่าจะดีแล้วไม่ใช่เหรอทัพ ทั้งๆที่น่าจะคิดแบบนั้นแต่ผมกลับรู้สึกหน่วงๆในหัวใจยิ่งกว่าเดิม
หลังจากที่คุยกันเมื่อคืนผมก็แทบนอนไม่หลับเลย พี่โยโกรธเหรอ ผมตื่นนอนด้วยอาการเบลอเลยขอกาแฟเข้มๆจากน้องวา
“ขอบคุณนะ”
“พี่ทัพเป็นอะไรหรือเปล่าครับ รึว่าน้องน้ำกวนจนพี่ทัพไม่ได้นอน” วาถามเมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของผม
“อ้อไม่เป็นไรหรอกพี่นอนไม่หลับเอง วาพี่ถามอะไรหน่อยสิ”
“ได้ครับพี่ทัพอยากรู้อะไรครับ” พอวาทำท่าตั้งใจฟังคำถามผมก็พูดไม่ออก
“อ่า.....เอ่อพี่โยเป็นพวกโกรธง่ายรึเปล่า” วาทำตาโตเมื่อผมถามถึงพี่โยก่อนที่จะรีบตอบอย่างกระตือรือล้น
“อย่างที่พี่ทัพคงจะรู้นิสัยพี่โยนะครับ พี่โยชอบแกล้งแต่เป็นคนจริงจังแถมยังเป็นคนที่ชอบปกป้องแบกรับทุกอย่างแต่พี่โยไม่ค่อยโกรธใครหรอกนะครับ พี่ทัพถามทำไมเหรอครับ”
“ก็เปล่าหรอก” ผมทำให้พี่โยโกรธจริงๆเหรอเนี้ย
“แต่ถ้าที่โยโกรธ ง้อง่ายๆเลยครับแค่ขอโทษแล้วอ้อนหน่อยพี่โยก็หายโกรธแล้วล่ะครับ”
“พี่ไม่ได้อยากรู้ซักหน่อย พี่ไปทำงานดีกว่า” อ้อนเหรอ ใครจะอ้อนกันถือว่าเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไปล่ะกัน ไม่แน่พี่โยอาจจะไม่ได้โกรธอะไรผมก็ได้
ผมอาจจะหลอกตัวเองไปก็ได้เมื่อคืนนี้ที่ผมเปิดคอมไว้แต่ใครอีกคนก็ไม่ออน หรือพี่โยจะโกรธเขาจริงๆ
“โกรธจริงๆเหรอ” บ่นเบาๆก่อนที่จะปิดคอมนอน ทั้งๆที่น่าจะดีแล้ว ทั้งๆที่ผมน่าจะดีใจแต่ผมก็ยังรู้สึกผิด วันหนึ่งก็แล้ว สองวันก็แล้วจนขึ้นวันที่สามผมก็ไม่เห็นพี่โยออนไลน์อีกเลยจะถามกับวาผมยิ่งไม่กล้า ทั้งๆที่มันควรดีใจแท้ๆ
ไม่รู้ว่าไอ้ทัพเป็นเหี้ยอะไร ยอมให้มันกวนตีนยังดีกว่ามันทำงานเป็นบ้าเป็นหลังแล้วเงียบแบบนี้ หลังจากที่มันบอกว่ามันกวนผมเพราะอะไรจู่ๆวันนี้แม่งมาเป็นอีกคนแถมยังดูท่าทางจะหนักกว่าตอนที่มันมาหาผมอีก
“มึงไหวไหม หยุดก็ได้นะ”
“กูไม่รู้วะไอ้ไม้ทั้งๆที่กูน่าจะดีใจที่ไม่ต้องติดต่อกันอีกแต่...กูกลับรู้สึกเหมือนชีวิตกูขาดหาย”
“มึงชอบเขา” ถ้าให้ผมเดาก็คงเป็นพี่โยไม่รู้ว่ามันไปชอบกันตอนไหน
“ก็น่าจะ”
“แล้วมึงเอาไงทำไมไม่สานต่อไปล่ะ” หายากที่ไอ้ทัพจะเล่าอะไรให้ฟัง มันเป็นพวกเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัวไม่ว่าจะเสียใจแค่ไหนอาจเป็นเพราะมันอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่วัยรุ่นเลยมีนิสัยเสียแบบนี้ ยังดีที่มันเข้มแข็งไม่เหมือนชาวบานมันจะดึงตัวเองกลับมาได้เสมอ
“กูไม่กล้าวะ อีกอย่ามันใกล้...ใกล้ตัวเกินไป”
“มึงกลัวสินะ” มันชะงักนิ่งแล้วพยักหน้ารับ กลัวที่จะเริ่มต้นใหม่
“กูไม่กล้าที่จะรักว่ะ..แต่ช่างกูเถอะอีกหน่อยก็คงจะดีขึ้นไม่ต้องห่วง” ถ้ามันพูดแบบนี้แสดงว่ามันก็พร้อมที่จะตัดใจแล้ว นิสัยมันถ้าคิดจะตัดคือตัด ผมควรจะทำยังไงดี อยากช่วยให้เพื่อนรักสมหวังในความรักซักที
“ไม่ต้องทำหน้าเครียดเลย กูกลับล่ะ มึงวันนี้ไอ้ผู้กองมารับใช่ไหม”
“อือ” มันพยักหน้าแล้วเก็บของเดินออกจากห้องไป ผมถอนหายใจทั้งๆที่มันดีขึ้นแล้วแต่กลับดูแย่ลงกว่าตอนนั้นเสียอีกตอนที่ผมเสียใจมันก็คอยอยู่ข้างๆแต่ตอนนี้มันเสียใจผมกลับช่วยอะไรมันไม่ได้ ผมควรทำยังไงดี โขกหัวกับโต๊ะเผือจะคิดออกดีไหมวะ
“ทำแบบนั้นไม่เจ็บรึไง” ผมสะด้งเมื่อไอ้นัทจู่ๆก็เดินเข้ามา
“ไม่อ่ะ”
“เป็นอะไรไป”
“ไม่มีอะไรวันนี้จะกลับไปกินข้าวกับแม่ก่อนใช่ไหม” ผมเก็บของแล้วเดินไปหาคนที่ยืนรอที่หน้าห้อง หลังจากที่ไปเปิดตัว?? กับเพื่อนๆและผมก็เข้าใจมันแล้วตอนนี้ก็เหมือนผมกับเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่เริ่มก้าวไปพร้อมกัน
“เดี๋ยวแวะชื้อของเข้าบ้านด้วย” ผมพยักหน้าแต่ยังคิดเรื่องของไอ้ทัพอยู่ “เป็นอะไรไป”
“หือ อ้อคิดเรื่องไอ้ทัพนิดหน่อยนะ”
“อ้อ อย่าคิดมากมันเป็นเรื่องที่ไอ้ก้างนั่นจะคิดได้เอง” คำพูดคำจา นัทตั้งฉายาใหม่ให้ไอ้ทัพว่าก้าง ไม่ใช่หมายถึงหุ่นอะไรหรอกแต่เป็นเพราะไอ้ทัพชอบขัดคอเป็นก้าง
“ก็ไปเรียกมันอย่างนั้นนะ จะซื้ออะไรบ้างวะ” อีกเรื่องที่เปลี่ยนไอ้นัทมันจะไม่ค่อยพูดพวกคำหยาบกับผมจริงๆก็รู้สึกแปลกอยู่ล่ะนะ
“พวกของกินนั่นล่ะต้องซื้อเพิ่มเพราะใครบางคนมันกินเก่ง”
“เด๊ะๆ ใครกินเก่งวะ ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก”
“โอ๋ๆ ไม่ต้องทำหน้าบึ้ง ป่ะลงไปซื้อของกัน เย็นนี้อยากกินไร” มีมันก็ดีไปอย่างครับถึงไม่ได้ไปนอนบ้านแม่แต่ผมก็ไม่อดตายเพราะมันทำกับข้าวอร่อยมากแต่ก็ยังแพ้น้องวาอยู่ดี
“อยากกินยำรวมมิตรวะ”
“งั้นไปซื้อของกันก่อนล่ะกัน” มือหนาแตะเข้าที่ต้นแขนผมเบาๆเชิงบังคับให้เดินไปด้วยกัน ทีแรกผมทำท่าว่าจะสะบัดออกก็มันเป็นถึงผู้กองจะให้มาเดินใกล้เขาผมกลัวว่าหลายคนจะมองมันไม่ดีมากกว่าแต่มันก็เปลี่ยนมากุมมือผมแทน ให้ตายเหอะกูไม่ด้านเท่ามึงนะ ได้แต่ยอมให้มันจูงเข้าร้านโน้นออกร้านนี้จนข้าวของเต็มมือเลยพากันกลับ
ตอนเย็นนัทกับแม่ก็ลงครัวทำกับข้าวมากมายจนผมอิ่มตื้อไปหมด เมื่อมันชวนออกไปเดินย่อยอาหารผมเลยไม่ปฏิเสธ เดินออกมาเงียบๆที่สวนหน้าบ้านบนยากาศตอนมืดเงียบสงบเหมือนบ้านที่อยู่ไกลตัวเมือง
“อิ่มวะ”
“ก็เล่นกินไปขนาดนั้นไม่อิ่มก็แปลก”
“ก็แม่ทำกับข้าวอร่อย” ผมเล่นกินข้าววันละสองจานแบบนี้รับรองน้ำหนักขึ้นแน่ๆ ทั้งผมและนัทต่างนั่งเงียบๆ
“กลับไปทำงานแล้วคงไม่ค่อยได้กินข้าวเที่ยงด้วยกันเท่าไหร่นะ” จู่ๆมันก็พูดทำลายความเงียบ
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้นะนัท ทำหน้าที่ของแต่ละคนให้ดีก็ส่วนเรื่องของเรากูว่าค่อยๆเป็นค่อยๆไปแบบนี้เรื่อยๆก็ดีนะ ไม่ต้องทำอะไรให้กูมากก็ได้แค่มึงยังอยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว” พูดเองก็ชักจะเขินเองแหะ
“ไม้....มึงโคตรน่ารักเลยวะ” ไม่พูดเปล่ามันโถมตัวมากอดจนผมตั้งหลักไม่ทันได้แต่อยู่นิ่งๆให้มันกอด
“แน่นไปแล้วนะ” ผมเตือนเมื่อมันยังกอดผมแน่นไม่ยอมปล่อย จะมานั่งกอดกันหน้าบ้านแบบนี้มันคงไม่ดีเท่าไหร่ แต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อยแถมยังมือปลาหมึกล้วงเข้ามาในเสื้อผมอีก
ป๊าบ
“โอ๊ย เจ็บนะไม้”
“เลื้อยแล้วนะมือมึงอ่ะ” มองไอ้คนสำออยที่ดิ้นกุมหน้าผากที่ผมฟาดไปเบาๆเอง
“โถแค่นิดหน่อยเอง ทำเยอะกว่านี้ค่อยมาว่ากูเลื้อยดีกว่าน่า” ดู!! ดูมันพูดแล้วไอ้สายตาแพรวพราวนั่นอีก ผมชักไม่ไว้ใจที่จะนอนกับมันแล้วสิ ครั้งหน้าผมไม่ควรที่จะมานอนค้างบ้านมัน
****************************************************************
ิขอบอกเลยว่าตอนนี้โผล่มาครบทุกคน 555
พี่ลมจ้องแต่หาวิธิกินวาให้อร่อย
ส่วนโยกับพี่ทัพ ฮ่าๆๆขอเอาให้หน่วงต่อไปหน่อย
ไอ้พี่นัทนี่ก็เริ่มออกลายแล้ว
ส่วนน้องน้ำยังเป็นขวัญใจคนเขียนเช่นเดิม 555
สปอยตอนหน้า
คนจะง้อ จะง้อได้น่ารักหรือน่าถีบ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์นะคะ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้าเพื่อเป็นการพัฒนา
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
ปล. จบแล้วจะมีตอนพิเศษประมาณสองตอนนะคะ