หลังจากสร้างวีรกรรมอันเป็นตราบาประดับชาติให้กับชีวิต Y^Yผมก็มานั่งเหงาหงอยรอคอยไอ้คิวที่หลังตึกคณะ พ่องเอ้ยยย คิดย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วผมก็อยากจะแทะโต๊ะไม้นี่กินแก้เขิน ยิ่งถูกพวกเชี่ยคิวเชี่ยหนึ่งล้อก็ยิ่งอยากจะฉาบตัวเองติดผนังตึก กระดงกระดาษสีเสอพู่กัน อะไรใกล้มือกูจับแดกแม่งหมดล่ะครับ
เพราะไอ้ภูมิคนเดียวเลย!!!! เพราะมัน มันบังคับให้ผมทำเรื่องบ้าๆน่าอ้วกรดศีรษะ พอมันทำเวรทำกรรมกับผมเสร็จมันก็หนีหาย ปล่อยให้ผมเผชิญโลกมืดอยู่คนเดียว มัน มันอ่ะ มันน่ะมาทำให้เขินทำไมมมมม!!!! แค่เพื่อนแซวน่ะมันไม่ค่อยเท่าไรหรอกครับ ผมยังพอทำใจแต่อาจารย์นี่สิ อาจารย์ที่น่าเคารพของศิษย์ ดันมาร่วมแซวว่าถึงแม้จะเขินก็อย่าด่าแฟน มันไม่ดี มันจะไม่ดีก็เพราะอาจารย์มาเหยียบผมซ้ำนี่ล่ะครับ เหอะ
แล้วนี่ไอ้ห่าคิวมันไปเข้าห้องน้ำหรือไปตั้งรกรากหาอะไรแดกประทังชีวิตกันแน่วะ มันจะสิบนาทีแล้วนะเว้ย กูหิวข้าวววววแล้วอีกอย่างขืนไปช้าเดี๋ยวไอ้ฟ่างก็ได้แดกหัวกูพอดี คือว่าพวกผมนัดกันไปกินข้าวแถวๆหน้ามอนี่แหละครับ เพราะไอ้ฟ่างเกิดอยากแดกก๋วยเตี๋ยวไก่ แล้วก็เสต็ปเดิมคือมันสั่งให้ทุกคนไปกินกับมัน ไอ้นี่ก็อำนาจนิยมไม่เลิกไม่รา เดี๋ยวกูจะทำรัฐประหารสักวัน เดี๋ยะๆ ฮึ๋ยยยยย อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างคอยดูนะเจอหน้าไอ้หล่อผมจะไม่คุยกับมัน คอยดู้วววววว
และก่อนที่ผมจะทันได้แดกกระดาษปอนด์แก้เซ็ง โทรศัพท์บนโต๊ะก็ส่งสัญญาณเตือนว่ามีไลน์เข้า พอเปิดอ่านแล้วก็แทบจะเขวี้ยงทิ้ง ถ้าไม่ติดว่ามันแพงและเป็นของขวัญที่ไอ้ภูมิซื้อให้นะกูปาติดซากรูปปั้นนกอินทรีที่อยู่ใกล้ๆไปแล้ว
ไหกูหย่ำ : เชี่ยหนอนปล้องตอนนี้กูจะถึงร้านแล้วนะ มึงก็กระดึ๊บๆตามกูมาไวๆล่ะสัดพร้อมด้วยอิโมติค่อนตูดเด็กที่แม่งไม่รู้ไปสรรหามาจากขุมไหน ผมได้แต่จ้องตัวหนังสือสีเขียวๆบนจอ พยายามระลึกว่ามันหมายความว่ายังไง ไอ้คิวไปแล้ว มันไปแล้ว ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย
พ่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง มึงไปแล้วทิ้งกูไว้เนี่ยนะ มันเอาความเลวเส้นที่เท่าไรคิด แอบไปแล้วปล่อยกูนั่งรอสัมภเวสีตนไหน ให้กูรอเพื่ออะไรมิทราบครับไอ้ห่า
แดกเสือน้อย : ค_ยแล้วกูจะไปยังไง ระยำเอ๊ยแล้วมันก็อ่านแล้วมันก็ไม่ตอบ แล้วผมก็โมโห ไอ้กระบือชายแดนเปิดอ่านแล้วไม่ตอบกูโมโหกว่ามึงไม่ได้อ่านอีกนะฟายยยยยย
“ไอ้คิว ไอ้เลวเอ้ย อย่าให้กูเจอมึง ไอ้…. เฮ้ยยยย เชี่ยกูตกใจหมด”
ผมกำลังจะแร็ปอวยพรเชี่ยคิวมันส์ๆก็มีอันต้องสะดุดด้วยความตกใจ เพราะมีคนกระโดดมาตะครุบไหล่ พอหันไปก็ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวที่ไหน มันคือมนุษย์โลกตนหนึ่งซึ่งชอบโผล่มาเวลาที่ผมถูกทิ้ง
“ไอ้เวรคลื่นนนน มาเงียบๆนะมึง กูตกใจหมด”
ผมเหลือบมองหน้ามันด้วยอาการเหวี่ยงๆ มาขัดเวลากูด่าคนนี่ยิ่งกว่าขัดตอนกูหลีสาวอีกนะ แต่ไอ้คลื่นก็ยังคงเป็นไอ้คลื่นที่แม้จะถูกผมต่อว่าแค่ไหนมันก็ยังยิ้ม คำด่าของผมคงไม่สามารถเข้าไปสัมผัสสร้างความระคายเคืองให้กับอวัยวะที่เรียกว่าหูของมันกระมัง
“ใครบอกมาเงียบๆ กูว่ามึงบ่นดังเกินไปเลยไม่ได้ยิน ใครทำอะไรให้อีกละ” ถามเสร็จมันก็อันเชิญตัวเองขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ เอ่อ มึงจะข่มกูหรือจะรีดไถค่าคุ้มครองจากกูป่ะเนี่ย ม้านั่งฝั่งตรงข้ามก็มีทำไมต้องกระแดะขึ้นไปนั่งสูงกว่ากูด้วย หรือมันจะด่าผมทางอ้อม ไม่ได้การล่ะผมควรขึ้นไปยืนบนโต๊ะจะได้สูงกว่ามัน กรั่กๆ
“เรื่องของกู ว่าแต่มึงเหอะถ่อมาทำไรแถวนี้ไอ้เดือนถาปัดอินเตอร์”
“แวะมาหาดาวคณะศิลปกรรมที่ชื่อพีมน่ะครับ ไม่รู้อยู่ไหน”
“เชี่ย กวนตีน ดาวพ่อง”
“ฮ่าๆ โอ๋ กูแซวเล่น อย่าโกรธดิวะ แล้วนี่ทำไรอยู่ ทำไมมานั่งคนเดียว ไม่มีคนคบไง หื้อ”
“เออไม่มีคนคบ” นึกหน้าไอ้เชี่ยคิวแล้วกูอยากเอาส้อมจิ้มตาขาวมัน
“งั้นมาคบกูไหม” บ๊ะ!!!! มาเร็วเครมเร็ว ไวไฟได้ใจกูจริงๆ ปตท. ควรจะเรียกเชี่ยคลื่นไปวิจัยหาพลังงานทดแทนนะครับเพราะมันไวไฟติดง่ายซะเหลือเกิน ว่าแต่กูจะตอบมันยังไงดีล่ะเนี่ย มึงมามุขนี้แล้วกูจะไปทางไหนวะ
“เตะเข้าประตูตัวเองซะงั้นนะมึง แต่เสียใจด้วยกูไม่คบคนหน้าตาดีเว้ย”
“โห แล้วไอ้ภูมิขี้เหร่มาก”
“ก็ขี้เหร่กว่ามึง” ตอแหลชมมันหน่อยครับ คึคึ
“ทำเป็นชม มีใจป่ะเนี่ย” ไม่แซวเปล่ามันยังเสือกยื่นนิ้วชี้กับนิ้วโป้งอันโสโครกมาหนีบคางกูอีก พอถูกผมปัดออกพร้อมทำหน้าแขยงใส่ มันก็เอาแต่หัวเราะ ไอ้พวกซาดิสม์ชอบมีความสุขบนความทุกข์ของกู
“เลิกหม้อกูได้แล้วฟายยย สรุปมึงมาทำอะไรที่คณะกูห๊ะ”
“หึหึ ไรวะเปลี่ยนเรื่องตลอดอ่ะมึง” ยัง ยังไม่หยุดอีก ผมมองหน้าอย่างเอาเรื่องว่าตกลงมึงจะพูดไหมนั่นแหละมันถึงยอมบอก “โอเคๆไม่แกล้งแล้ว พอดีวันศุกร์หน้าที่บ้านมีงานน่ะเลยแวะมาชวน”
“งานไร งานใคร มีของกินฟรีไหม”
“งานทำบุญเลี้ยงพระ อืมมมม ปกติพวกวิญญาณก็มากินฟรีนะ แล้วกูต้องจุดธูปเรียกมึงอีกรอบไหมพีม”
“กูไม่ไปล่ะสัด” ผมตอบไปแบบไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรแต่คลื่นมันก็ยังคงยิ้มแบบที่มันชอบยิ้มให้ผมบ่อยๆ ยิ้มที่คนมองรู้สึกเย็นตาสบายใจ แต่อยู่ๆมันก็เลิกยิ้มแล้วจ้องหน้าผมซะงั้น พอถูกมันจ้องมากๆเข้าผมก็เอ๋อเหรอทำตัวไม่ถูก เลยก้มหน้าหารอยจิตกรรมบนโต๊ะ ไอ้เวรคลื่นเลิกมองกูได้แล้วสาดดดดดด กูสยอง
ฟึบ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงแปลกๆดังขึ้นพร้อมกับเสื้อช้อปสีคุ้นๆลอยผ่านหน้าผมไป ผมว่ามันน่าจะเฉียดหน้าไอ้คลื่นด้วยหรืออาจจะไม่ใช่แค่เฉียดหรอกแต่โดนเข้าเต็มๆเลยก็ได้ เพราะมันเป็นจังหวะที่คลื่นมันกำลังย้ายลงไปนั่งที่ม้านั่ง อารมณ์นี้คุ้นๆเหมือนเหตุการณ์ลูกบาส สมัยเมื่อนานมาแล้วเลยว่ะ อาการไอ้คลื่นเป็นยังไงผมไม่รู้ แต่กูเย็นกระดูกสันหลังประหนึ่งมีใครเอาก้อนน้ำแข็งมาทาถูๆกลางแผ่นหลังเลยล่ะครับ เหมือนมันเตือนว่ากำลังมีอันตรายมาเยือนและลางสังหรณ์กูก็ดี๊ดี
เมื่อหันหลังไปเจอผู้ชายคนหนึ่งซึ่งสูงร้อยแปดสิบนิดๆ คิ้วหนาๆหน้าใสๆ สรุปจากทุกเพศทุกวัยว่ามันคือผู้ชายที่หล่อมากคนหนึ่ง แต่……ตอนนี้คือว่าความหล่อก็ไม่ใช่ประเด็นเพราะหน้ามันนิ่งซะเหลือเกิน มันยืนห่างจากผมไม่ถึงสามก้าว ตามันจ้องไอ้คลื่นไม่กระพริบ นี่ถ้าสายตาของภูมิเผาคนได้ไอ้คลื่นได้ลอยอังคารแล้วนะกูบอกไว้ก่อน
“เอ่อ…”
ผมควรเงียบหรือควรอธิบายดีวะ ถ้าเงียบเดี๋ยวไอ้หล่อจะเข้าใจผิด ถ้าจะอธิบายก็ไม่รู้จะพูดอะไรในเมื่อผมก็ไม่ได้ทำไรผิด แต่การที่ภูมิมาเจอผมกับคลื่นอยู่ด้วยกันตามลำพังแม้ไม่ใช่ในยามวิกาลก็เถอะ หายนะก็อาจแวะมาจับมือทักทายชีวิตผมได้ครับ หรือผมจะวิตกจริตเกินไป
แต่ถ้าใครไม่มาเป็นผมไม่เข้าใจหรอกครับ ว่าชีวิตที่อยู่กับภูมิเหมือนชีวิตที่ติดเทปใสแล้วเอาไปแปะไว้บนเส้นด้าย เห็นภาพไหมว่ามันแย่กว่าแขวนไว้นะเว้ยเวลาที่ภูมิหึงอ่ะ แล้วยิ่งมันถอดช้อปออกเหลือแค่เสื้อยืดคอวีสีดำกางเกงยีนส์ก็ยังสีดำ แบบว่ามันพร้อมแล้วที่จะมาสวดอภิธรรมงานศพผม อิอิ กูนี่ก็นะ ขยันแช่งตัวเองเหลือเกินสงสัยจะว้อน
“มาเรียนไกลนะมึง”
ภูมิเอ่ยถามเสียงนิ่งยิ่งกว่าหน้ามันอีก จริงๆแล้วเวลามันพูดกับคลื่นเสียงก็จะเป็นแบบนี้แหละครับ จะว่าไปมันสองคนก็คุยกันแทบจะนับคำได้ เพราะถ้าคุยเยอะกว่านั้นได้ตีกันตายก่อนพอดี ภูมินี่รู้อยู่ว่าอารมณ์แรงแค่ไหน ส่วนไอ้คลื่นเห็นเย็นๆอย่างนั้นแต่มันไม่ค่อยเย็นเวลาเห็นภูมิเท่าไรนะ เพราะมันจะกวนตีนยิ่งรู้ว่าภูมิของขึ้นง่ายมันก็ยิ่งทำตัวให้น่าเอาเท้าไปวัดสันจมูก ส่วนผมก็เป็นแค่หมาแมวประกอบฉากตอนที่มันสู้กันแค่นั้นเอง
ผมรับแก้วน้ำจากภูมิมากินพร้อมกับทำตัวเนียนๆดึงช้อปมันมาถือไว้ เดี๋ยวแม่งเกิดบ้าขึ้นมาเอาเสื้อฟาดหน้ากูทำไง ไอ้หล่อเลยได้โอกาสนั่งลงข้างผม หืมมม มึงจะเบียดกูทำไมวะครับแล้วทำไมต้องมาโอบไหล่ด้วย กูร้อนนนนน รำคาญ หงุดหงิดแต่ไม่กล้าปัดออกเพราะยังไม่อยากไปรายงานความดีความชั่วในนรก เห็นรึยังว่าเวลาที่ภูมิกับคลื่นเจอกันทีไรคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือกูนี่แหละครับ แสรดดดด ที่ทำได้ตอนนี้ก็แค่ก้มหน้าเขี่ยน้ำแข็งในแก้วมากัดเล่น ปล่อยมันสองตัวเชือดกันไป กูไม่เกี่ยว กูไม่รู้ กูกลัวววววว
“กูไม่ได้มาเรียน” ไอ้คลื่น
“แล้วมาทำเหี้ยไร” ไอ้ภูมิ
กรุบๆ แจ๊บๆๆๆ เขย่าๆ เขี่ยๆเชี่ยภูมิแม่งแดกน้ำหมดแล้วเหลือแต่น้ำแข็งมาให้กู ผมเองครับ แฮ่
“กูคิดถึงพีมเลยมาหา”
“เหี้ย”
พรวดดดดด
น้ำแข็งติดคอกูตายห่าขึ้นมาหมาตัวไหนจะรับผิดชอบครับเชี่ยธารนที และมันสองตัวก็เกือบจะได้เปิดThai fight กัน แต่ยังดีที่ผมดึงภูมิไว้ทัน มือมันไปถึงคอเสื้อไอ้คลื่นตอนไหนก็ไม่รู้ โอยยยยยยยย กว่าจะไกล่เกลี่ยให้ยอมความกันได้แบบอยุติธรรมกันทั้งสองฝ่ายก็เล่นเอาเหนื่อย ให้ยุติธรรมไม่ได้ครับเดี๋ยวภูมิจะไม่จบ
คือบางทีไอ้ภูมิมันก็เกินไปนะครับเพราะคลื่นมันก็ไม่อะไรกับผมแล้ว(มั้ง) มันแค่หมาหยอกไก่ไปวันๆ ผมได้ข่าวว่ามันมีแฟนแล้วสวยด้วย แต่ภูมิก็ยังไม่เลิกกันท่าผมกับคลื่นสักที ก็ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา เอ้ออออออ ถ้ากูหล่อแบบพี่โดมปกรณ์ ก็ว่าไปอย่าง
สุดท้ายด้วยผลบุญที่ผมเคยทำมา เราสามคนเลยได้ไปหาพวกไอ้ฟ่างด้วยกันอย่างปลอดภัยครบสามสิบสองประการ ระหว่างทางผมก็ได้ทราบความว่าเหตุอันใดทำไมภูมิถึงโผล่มาที่คณะ มันบอกว่ามันโทรมาบอกไอ้คิวให้ล่วงหน้าไปก่อนเลยเพราะมันจะแวะมารับผมเอง แล้วทำไมมึงไม่บอกกูไปบอกเชี่ยคิวทำไมวะ กูจะได้ไหวตัวทันไม่ต้องให้มึงกับไอ้คลื่นมาเล่นงิ้วแบบนี้ และพอไปถึงร้านที่เพื่อนๆรออยู่บรรยากาศก็ไม่ต่างจากที่ผมคิดไว้สักเท่าไร
“เหยดดดดดดดดดดดดดด ดูนั่นๆพวกมึงดูนั่นนนนนนนน หนึ่งหญิง สองชายยยยย สามคนกับสองทางงงงง” ไอ้มิค
“เชี่ยแคระแม่งโคตรแจ่ม ฟร้าวววว(ว้าว เชี่ยคิวมันใส่ฟีลลิ่งโอเว่อไปหน่อยครับ) ควงสองเลยแสรดดดดดดดเขาที่เพิ่งเจอกับเธอที่มาก่อน ฮิ้ววววว” ไอ้คิว
“คนหนึ่งเขาช่างดีกับฉันจะทิ้งเขาลงยังไง หื้อ หืมมม ฮืออ โห โอ้ เย้” ไอ้มิคผู้ที่ชอบดำน้ำตอนร้องเพลง
“เธอมันกิ้งก่าทองอีนางสองใจ มึงจักต้องตายด้วยความร่านอีกากี อีคนสองผัว” ไอ้คิวมึงเต็มที่ไปไหม
เอาเถอะครับถือว่าทำบุญให้หมามันได้เห่าได้หอนบริหารปุ่มเหงือกและขากรรไกร ไอ้คิวกับไอ้มิคก็ดูจะเข้าขากันดีเหลือเกิน ไอ้มิคกับไอ้ปันว่าแปลกแล้ว แต่เวลาใดก็ตามที่ไอ้คิวกับไอ้มิคร่วมมือกันมันจะเป็นอะไรที่แบบว่า……ไม่มีใครจินตนาการออกแน่ๆเพราะแค่คิดก็เสียวถุงน้ำดีแล้ว ส่วนไอ้แทนก็เอาแต่หัวเราะ ไอ้ฟ่างก็แค่นยิ้มเหยียดหยามกูเหลือเกิน ไอ้เบียร์ก็นั่งยิ้มเป็นคุณชายวังตะไคร้ ดีนะที่มันมากันแค่นี้เพราะถ้าเยอะกว่านี้ผมก็ไม่รู้จะรับมือกับความหน้ามืดไหวไหม ผมเกาะแขนภูมิอย่างไม่รู้จะทำยังไง รู้แค่ว่าตอนนี้……..
“ภูมิกลับเหอะ”
แถ่แดแด้มมมมมม ทายสิที่นี่ที่ไหน ฮ่าๆ ถ้าน้องไม่รู้พี่จะบอกให้ว่าที่นี่คือหอประชุมนะค้าบบบบบ วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดีเลยมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันครบก๊วน หลังจากแยกย้ายไปร่ำเรียนเพียรศึกษา(คนอื่นนะไม่ใช่ผม คึ) คุณกำลังสงสัยกันล่ะสิว่าพวกผมหอบสังขารอันดิบเถื่อนมาแปดเปื้อนสถานนี่อันสูงส่งของมหาวิทยาลัยกันทำไม แล้วทำไมไอ้ปันกับไอ้มิคถึงได้กลายร่างเป็นหมาขี้เรื้อนแซวสาวคณะนั้นคณะนี้อยากออกรสออกชาติเหมือนอีแร้งแรกเกิดที่เพิ่งเคยเจอซากศพ ทำไมไอ้เต้ยถึงลากแขนเฮียเบียร์ของมันไปดูนั่นดูนี่จนเพื่อนร่วมสถาบันและพี่ๆเจ้าหน้าที่นับสิบชีวิตหันมามอง
ทำไมไอ้แมทถึงมัวแต่สนใจไอโฟนในมือจนไม่แยแสสรรพสิ่งรอบข้าง ทำไมไอ้ฟ่างไอ้แทนต้องมาทำตัวเป็นณเดช ญาญ่าเข้าบทพระเข้านางกันต่อหน้าสาธารณชน แล้วทำไมผมต้องมานั่งให้ภูมิหลับพิงไหล่ ทำไมไอ้เชนต้องไปอยู่ในดงหมดดงพยาบาล ทำไมไอ้คิวถึงนั่งดมยาหม่อง ทำไม..ผมถามก็ตอบสิเพราะผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ฮ่าๆ พอจะเดากันออกไหมครับว่าเรามาทำอะไร
เรามา…….บริจาคโลหิตพิชิตความแมนกันคร้าบ แต่ก็อย่างที่เห็นว่ามีบางคนหน้าซีดตัวซีดตัวเหลืองเยี่ยวราดแล้วเพราะแม่งกลัวเข็ม ฮ่าๆๆ ไอ้คิวแม่งตลกชิบหาย วันนี้จะเป็นวันของพีรณัฐ กูจะครองโลกกูจะเอาคืนไอ้คิวให้มันกระอักเลือดตายไปเลย
คนที่แม้แต่ผีก็ไม่อยากจะข้องแวะอย่างมันก็มีจุดอ่อนเหมือนกันนะครับ นอกจากการที่มันชอบสีชมพูจะเป็นจุดบอดในชีวิตที่พวกผมมักขยี้ให้มันอับอายอยู่เนืองๆ อีกเรื่องที่เป็นความลับของมันก็คือเชี่ยคิวแม่งกลัวเข็มครับ นับเป็นสิ่งที่มันพลาดมากๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ โอยยยยยยยยยยยยยยย สงสารเพื่อนอ่ะคร้าบบ หึ
พักเรื่องไอ้คิวมาฟังสาระกันสักนิด จริงๆแล้ววันนี้เป็นวันสำคัญของคณะแพทย์ครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าวันอะไร แค่ได้ข่าวจากไอ้เชนว่าให้มาร่วมบริจาคเลือดพวกผมก็มา ก็แอบแปลกใจอยู่ที่วันนี้ผมเห็นทั้งเจ้าหน้าที่จากสภากาชาดทั้งนิสิตแพทย์(เห็นหม่อมแว่บๆ หัวใจก็เสียวแปล๊บๆกลัวไอ้คนที่หลับอยู่จะเห็นแล้วลุกไปหาT^Tผมก็หึงเป็นเหมือนกันนะเว้ย)
แล้วก็มีสาวๆคณะพยาบาล รวมถึงเพื่อนเลิฟๆของผมอย่างคุณหมอฟันก็อาสามากับเขาด้วย เห็นมันใส่เสื้อกราวด์เดินไปเดินมาถึงจะมีผ้าปิดจมูกแต่กูก็จำเพื่อนได้นะฮ้าฟฟฟ เห็นไอ้เชนมาดนี้แล้วก็ไม่น่าเชื่อนะครับว่ามันคือจอมโจรพรากพรหมจรรย์ผู้หญิงมาแล้วหลายร้อยชีวิต
“พีมมึงกรอกประวัติเสร็จยังวะ พวกนั้นมันไปวัดความดันกันหมดแล้วนะ เร็วๆ”
“เออๆของกูเสร็จแล้ว กำลังกรอกให้ภูมิอยู่ มึงเสร็จแล้วหรอวะ” ผมเงยหน้ามองไอ้แทนที่ยืนค้ำหัวอยู่ เลยทำให้ภูมิรู้สึกตัว มันปรือตาบิดขี้เกียจนิดหน่อยแล้วก็หันมาขยี้หัวผม ตื่นมาก็แกล้งกูเลยนะมึงแค่นอนซบกันนี่คนก็มองทั้งหอประชุม แล้วไอ้หล่อนี่คนรู้จักน้อยซะที่ไหน ผมยู่ปากใส่คนขี้เซาที่ตื่นแล้วก็ไม่ยอมนั่งดีๆ ไอ้แทนคงหมั่นไส้มันเอากระดาษตีหัวภูมิพร้อมกับย้ำว่าให้รีบกรอกข้อมูลก่อนจะเดินกลับไปหาไอ้ฟ่าง
“เมื่อยไหมเตี้ย” ภูมิเอ่ยถามเสียงแหบแบบคนที่เพิ่งตื่น ไอ้หล่อมันอยู่ในช่วงอ่านหนังสือสอบน่ะครับ เลยอดหลับอดนอนมาหลายวันแล้วดีนะที่เมื่อคืนมันได้นอนไม่งั้นคงอดบริจาคเลือด เห็นงานกลุ่มมันก็เยอะงานเดี่ยวก็แยะ ไหนจะช่วยน้องๆเตรียมงานรับน้องของวิศวะ บางทีกลับมาห้องตีหนึ่งตีสอง ผมก็เลยใจดียอมให้มันนอน ยอมให้มันยืมไหล่ในที่สาธารณะไงครับ แหมหล่อๆดีๆแบบพีรณัฐนี่แรไอเทมนะคร้าบบ
“เมื่อยมากกกกก กูคิดค่าเช่าเอามาเลย”
“เดี๋ยวเลี้ยงข้าว” ปกติมึงก็เลี้ยงป่ะวะ นานๆทีผมถึงจะเลี้ยงมันเพราะผมมีหน้าที่ซื้อของเข้าห้อง ส่วนภูมิก็จะจ่ายเวลาออกมากินข้าวนอกบ้าน กินหน้าประตู ฮ่าๆ อ่ะล้อเล่น มันจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอม กร้ากกกกกกกกก บ้าเหรอ ผมจ่ายเองเว้ยเปล่าหรอกหนวดกับคุณนายจ่ายให้ “อยากกินอะไร หื้ม”
“แค่เลี้ยงข้าวหรอวะ ธรรมดาไปป่าววววววว ไม่ใจๆ” โอกาสมาเราต้องรีบคว้าไว้ครับ ^o^
“เยอะล่ะๆแค่ยืมไหล่แค่นี้ หึ ไอ้เตี้ยขี้งก อ้าว นั่นหม่อมนิ” เหมือนมันจะรู้ตัวว่าพูดอะไร ภูมิรีบคว้ามือผมไว้ มันรู้ได้ไงวะว่ากูจะลุก ไอ้หล่อนี่ก็แสนรู้แฮะ คึ “ไม่หึงนะพีม กูแค่ไม่คิดว่าจะเจอหม่อมที่นี่” ภูมิกุมมือผมไว้ เสียงก็หงอยตาก็ละห้อยเลย
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร มึงคิดมากไปล่ะ” เย้ดเข้ เหอะ พระเอกโคตรโคตร กูอยากจะหล่อลูกโลกทองคำให้ตัวเอง ผมหึงนะแต่ไม่แสดงออก แสดงออกไม่เป็น จะโกรธก็ไม่รู้จะโกรธทำไมเพราะสองคนนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรผิด จะงอนก็……… ไม่รู้จะงอนไปเพื่ออะไร สรุปก็ได้แต่แสร้งทำเป็นคนดี ฮ่าๆๆๆ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความสบายใจของภูมิแหละครับเพราะความสบายใจของภูมิก็ถือเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของผมเหมือนกัน^^
“ไม่โกรธใช่ไหม” ไอ้นี่ไม่จบเว้ยเฮ้ย ยังอุตส่าห์เดินตามกูมาอีกนะ สงสัยภูมิมันคงระแวงว่าผมจะหนีเหมือนคราวก่อนตอนที่เราเคยทะเลาะกัน
“ไม่มมมมมมมม กูจะโกรธมึงทำไม แต่ถ้ามึงส่งสายตาสื่อความในถึงกันนี่ก็ไม่แน่”
“ไม่มีหรอก มีแฟนน่ารักขนาดนี้กูจะส่งสายตาให้คนอื่นทำไม” โอ้ แม่ เจ้า ผมเหลือบมองหน้าภูมิอย่างวิตกจริตว่าจะมีใครได้ยินวลีอาจหาญของมันหรือไม่ ดีที่ไอ้พวกเพื่อนๆยังรุมไอ้ปันอยู่ในมุมไกลๆผมเลยหันมาสนใจไอ้ผู้ชายคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ภูมิยิ้มขำที่เห็นผมทำหน้าเอือมๆใส่ คือบางทีกูก็ไม่ได้พิศวาสคำพูดหวานๆของมึงสักเท่าไรหรอกนะ ที่หน้าร้อนๆหูแดงๆไม่ได้เขินเลยสักนิด
“เชี่ยปันมึงกรุ๊ปเลือดอะไรก็รีบๆบอกพี่เขาไปดิวะ” เสียงไอ้แทนตะโกนบอกไอ้ปันจากมุมหนึ่งของหอประชุม เรียกให้ผมก้าวขาเข้าไปดูใกล้ๆว่าพวกมันกำลังทำเรื่องบัดสีอะไรให้ชีวิตกูอับอายอีก
“พี่รู้ป่ะว่าผมเลือดกรุ๊ปอะไร” สิ่งที่เห็นคือไอ้ปันมันนั่งอยู่ที่โต๊ะซักประวัติกำลังชวนพี่เขาคุยแบบที่มันน่าจะรู้เรื่องอยู่คนเดียว เพราะดูจากสีหน้าพี่เขาแล้วผมว่าไม่เมาก็ใกล้บ้าแล้วครับ
“เอ่อ ไม่รู้ค่ะ น้องถามพี่มาสามรอบแล้วนะคะสรุปว่าน้องกรุ๊ปอะไร”
“พี่ไม่รู้หรอครับว่าว่ผมกรุ๊ปอะไร”
“ไม่รู้ค่ะ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่าๆ แล้วพี่รู้ไหมพี่เป็นใคร”
???????????????????????????????????????
วอททททททททททททท
ก่อนที่จะมีใครรู้ว่าผมรู้จักไอ้ปันผมก็รีบลากแขนภูมิที่ยืนขำออกมาจากตรงนั้น เชี่ยมันเป็นอะไรที่แบบ กูโคตรอาย ถึงคนแถวนั้นจะขำ ถึงพี่คนนั้นจะหัวเราะไม่ถือสาแต่ว่าคนเป็นเพื่อนอย่างผมก็รับไม่ได้ครับ
“ตรงนั้นมีอะไรกันวะภูมิ”
ไอ้เบียร์ทำตัวเป็นผู้ดีบริทิชด้วยการอ่านหนังสือภาษาประกิดระหว่างรอคิวพี่ๆเจ้าหน้าที่ มันเอ่ยถามภูมิที่ไม่ได้สนใจมันเท่าไรเพราะหยังหยุดขำไม่ได้ ผมเลยนั่งลงข้างๆไอ้เบียร์ ถัดไปก็มีไอ้ฟ่างที่นั่งไขว่ห้างเล่นเกมส์ในไอแพดไม่สนใจโลก ปลายรองเท้ามึงจะเกยตักไอ้เบียร์แล้วครับ ส่วนภูมิพอเจอพี่ชาย มันก็ไม่นั่งข้างผมแต่เลือกจะฝ่าไปหาไอ้ฟ่าง เหอะ
“มึงอยากรู้ก็ไปดูเองเถอะเพราะกูไม่สามารถอธิบายได้ กูบอกได้แค่ว่าตรงนั้น…..มีไอ้ปันด้วย หึหึ” พูดแล้วก็ขำแม่งฮาได้แม้กระทั่งจะบริจาคเลือด ไอ้คุณชายมันส่ายหน้าพลางยิ้มเหมือนปฏิเสธที่จะเดินไปหาพวกไอ้ปัน ดีแล้วล่ะเบียร์มึงอย่าให้ภาพพจน์มึงต้องแปดเปื้อนไปมากกว่านี้เลย