คนในครัวกำลังกุลีกุจอเตรียมอาหาร เขาเดินเข้าเดินออกระหว่างห้องครัวหน้าบ้านกับครัวในบ้านสลับไปมา ไม่นานนักผมก็ได้น้ำผักที่สั่งไว้มาดื่ม มันหมดแก้วภายในพริบตา ห้องครัวริมระเบียงขนาดสี่คูณสี่ ประตูหน้าต่างบานพับรอบด้าน ดูเหมือนจะได้รับการทำสีใหม่ไม่นานนี้ กลิ่นหอม ๆ ของข้าวที่กำลังหุงลอยโชยเตะจมูกเป็นครั้งคราว คนทำอาหารดูตั้งอกตั้งใจอย่างไม่มีวอกแวก ผมนั่งมองจากที่ระเบียง เก้าอี้ตัวเดิม องศาที่เก้าอี้ตั้งอยู่นั้นพอดีกับที่จะมองกวาดไปทั่วได้ ดูเหมือนสมุทรจะรู้ตัวว่าตัวเองถูกมองจากตรงนี้ จังหวะที่พอจะเดาออกได้ว่าเขาพยายามที่จะตรวจสอบว่าเขาถูกมองอยู่หรือไม่ ผมจึงเหสายตามองไปอีกทางแทนอย่างไม่ให้ดูผิดเพี้ยนนัก ซึ่งการทำแบบนี้มักเป็นการหลบหลีกที่ได้ผล ตามตรงแล้วผมจะให้เขารู้ตรง ๆ ไปเลยก็ได้ว่าผมนั่งมองเขาทำอาหารอยู่ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็คงไม่สนุกเท่าไหร่ และดูเหมือนมันจะได้ผลเสียด้วยเพราะอีกฝ่ายเองก็พยายามที่จะทำเช่นเดิมเพื่อตรวจสอบอยู่ถึงหลายครั้ง
อาหารของผมเสร็จก่อนอันดับแรก สมุทรนำมาเสิร์ฟให้ถึงที่โดยนำโต๊ะกินข้าวสำหรับนั่งด้านนอกเลื่อนมาวางให้กินได้สะดวก เสร็จแล้วเขาก็เข้าไปทำอาหารต่อ จะบอกว่าเขาเป็นคนที่มีลักษณะแบบที่ผมชอบคงไม่ใช่เสียทีเดียว ผมคิดว่าแต่ละคนมีจุดที่จะเชื่อมตรงถึงความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบอยู่ เหมือนกับเวลาที่เราพบหน้าใครแล้วไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรก โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ให้มาก ลักษณะเฉพาะตัวในแบบของสมุทร คนที่ชอบชีวิตเรียบ ๆ ก็คงชอบผู้ชายแบบนี้ทั้งนั้น ผมไม่ได้บอกว่าชีวิตผมราบเรียบเสียทีเดียว
ผมแค่ต้องการความราบเรียบนั้นที่เขามี ผมมักจะใช้ของมีคุณภาพและสามารถยอมรับในราคาที่สูงนั้นได้ อีกทางหนึ่งผมก็ไม่ชอบคนที่ฟู่ฟ่าเกินจำเป็น ผมไม่ชอบให้เงินกับคนประเภทนั้น แต่สมุทรกลับมีมุมนั้น ๆ ที่ผมถูกใจ เขาเป็นคนแบบที่ไม่แตะโทรศัพท์มือถือแต่ก็ไม่เดือดร้อนเลย ผมสังเกตเขาในมุมนี้อยู่หลายครั้ง เขาดูไม่ร้อนใจเลยสักนิดเดียว เหมือนกับว่าสั่งเสียน้องสาวเรียบร้อยแล้วทุกอย่างจึงสบายใจในหน้าที่ของตน
หลังมื้ออาหาร สมุทรดูสบายใจที่เห็นผมกินยาได้ครบถ้วน เขาลงไปเตรียมอุปกรณ์ซ่อมลานฝึก ลูกน้องหงส์เข้ามาจัดแจงนำของที่ต้องใช้เตรียมไว้ให้และสักพักก็หายไป เหลือเพียงคนงานคนเดียวที่คอยเป็นลูกมือให้สมุทรได้ ผมลากสังขารตัวเองลงไปนั่งดูใกล้ ๆ สมุทรมีสีหน้ากังวลขึ้นมาในทันที เขาออกปากว่า “ทำไมคุณไม่นอนพักละครับ!” ด้วยความตกใจ ผมทำหูทวนลม อีกฝ่ายจึงไม่พูดอีก
เสียงตอกตะปูเพื่อล็อกเป้าหมายก่อนทำการเจาะสว่าน แดดสาดส่องเข้าเต็มตาเมื่อต้องเงยหน้าขึ้นมองสมุทรที่ปีนอยู่บนบันไดสูง ผมจึงหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ไม่ไกลนัก ดูท่างานคงจะไม่เสร็จง่าย ๆ
“ขอสว่านหน่อยครับ” สมุทรบอกคนที่อยู่ข้างล่างเพื่อคอยเป็นลูกมือให้ ลูกน้องของหงส์รับค้อนกับตะปูกลับไปก่อนจะยื่นสว่านไฟฟ้าขนาดใหญ่ให้คนด้านบน สมุทรหมุนดอกสว่านตรวจให้เรียบร้อยอีกครั้งก่อนเล็งไปที่เป้าหมายที่ได้ทำเครื่องหมายไว้ในทีแรก เขาหันตัวกลับมามองผมที่นั่งมองอยู่ทางด้านหลัง
“ระวังกระเด็นใส่นะครับ” อีกฝ่ายพูดบอกด้วยสีหน้ากังวลไม่เลิก
“ถ้ามันจะกระเด็นใส่ฉัน มันก็กระเด็นใส่หน้านายก่อนนั่นแหละ” ผมพูด ดันมาห่วงอะไรไม่เข้าท่า ลูกน้องหงส์หัวเราะอ่อน ๆ สว่านทำหน้าที่เจาะลงเสาปูนจนเสียงสะท้อนดังลั่นน่าปวดหัว แต่วิวตรงหน้ามันดีเกินกว่าที่ผมจะเดินหนีได้ ผมแสยะยิ้มมองกล้ามแขนของคนที่ถือสว่านอย่างมั่นคง
กล้ามเนื้อหลังที่เห็นผ่านเนื้อผ้าทะลุออกมาอย่างชัดเจนแบบนี้นี่มันให้ความรู้สึกซาบซ่านดีจริง ๆ - - - - - - - - - - - - - - -
6 วันผ่านไป : 07:00 น.“ขอบคุณ” หงส์บอกลูกมือ สมุทรผงกหัวพร้อมรอยยิ้ม แผลถูกทำความสะอาดให้ครั้งใหญ่หลังจากที่ผมเพิ่งเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อย กล่องเครื่องมือแพทย์ปิดสนิท คุณหมอและผู้ดูแลของผมนั่งเงียบ ผมอมยิ้มทำเฉยเมยต่อสถานการณ์ระหว่างพวกเรา
“ไม่ทราบว่าคุณท่านต้องการรับอะไรเพิ่มไหมคะ วันนี้ดิฉันต้องเข้าโรงพยาบาล จะกลับอีกทีก็ค่ำ ๆ โน่นล่ะค่ะ” หงส์ถามด้วยน้ำเสียงประดิษฐ์ประชดประชัน
“ไม่ล่ะ ขอบคุณนะ” ผมตอบอย่างประดิษฐ์กลับเช่นกัน
“..........” เราสองคนเหล่มองกันและกันด้วยหางตา
“ลูกตามึงนี่น่าหมั่นไส้จริง ๆ!” หงส์สบถ
“หน้ามึงทั้งหน้าอะ น่าหมั่นไส้!” เธอกระแทกเสียง ทำมือโบ้ยไปมา
“หน้ามึงก็อุบาทว์ใช่หยอก” ผมย้อนนิ่ง ๆ หงส์จิปากกลอกตาหนี
“นี่ชุดไปโรงบาลของมึงเหรอ” ผมกวาดตามองเสื้อสายเดี่ยวคอวีที่ไม่มีแม้แต่สายชุดชั้นใน มันโชว์ทั้งอกและไหล่ที่แสนกระชับของเธอ ถึงแม้มันจะดูสวยและเข้ารูปไปกับรูปร่างจนผมละสายตาไปไหนไม่ได้ ไหล่ที่มีแต่กล้ามเนื้อแข็งแรงกับหน้าอกที่ได้รูปแบบที่ผู้หญิงปกติทั่วไปไม่สามารถมีรูปร่างแบบนี้ได้ง่าย ๆ ซึ่งถ้าให้พูดตามตรงแล้วมันเป็นเป้าหมายอย่างโจ่งแจ้งสำหรับบ้านนอกแบบนี้เลยนะครับ นี่ไม่ใช่ต่างประเทศ บ้านเรายังห่างไกลกับคำว่าทัศนคติอย่างสากลโดยสิ้นเชิง
“ทำไม” หงส์ทำเสียงห้วน มองขวางไม่พอใจ
“ล่อไอ้เข้ขนาดนี้น่ะนะ” ผมจิปากว่า
“มึงไงหัวหน้าไอ้เข้!” หงส์วกกลับมาด่าผม
“ฮึ” ผมพ่นหัวเราะไม่ปฏิเสธ
“เดี๋ยวกูใส่เสื้อทับ” เธอบอก ผมกลอกตาพยักหน้ารับทราบยิ้ม ๆ สมุทรนั่งเงียบ สายตาตกลงมองพื้นมานานแล้ว เขาเก็บอาการเก่งมากทีเดียวที่ไม่มองหุ่นของหงส์สักตา
“ขออนุญาตครับ กระเป๋าของคุณหงส์ครับ” ไอ้เข้มเปิดประตูเข้ามา มันคลานเข่าเข้ามาใกล้เพื่อที่จะนำกระเป๋าของหงส์มาวางให้ใกล้มือ ผมจึงเอื้อมมือคว้าคอเสื้อไอ้เข้มแล้วกระชากเจ้ามาอย่างแรงจนไอ้เข้มหน้าเกือบทิ่ม หงส์ตกใจ เบี่ยงตัวหลบโดยสัญชาตญาณ
“เอ๊ะ นายครับ” ไอ้เข้มอุทานหน้าเหวอ ผมนำมืออีกข้างที่ว่างอยู่ล็อกหน้าของไอ้เข้มไว้แน่นก่อนออกแรงบังคับให้มันหันหน้ากลับไปทางร่างกายของหงส์ หน้าของมันอยู่ในระดับหน้าอกของหงส์พอดิบพอดี
“ขนาดกำลังดีเลยใช่ไหมละ” ผมพูด แสยะปากแลบลิ้นด้วยความพอใจ
“ไอ้สัสไฟ!” หงส์ร้องเสียงหลงด้วยความโมโห ทันทีนั้นเธอก็ง้างมือขึ้นตบหน้าไอ้เข้มอย่างแรง
เพี้ยะ !!!! เสียงดังลั่นไปทั่วห้อง ผมอ้าปากยิ้มกว้างเพราะหงส์ตบมาเต็มแรงจนหน้าไอ้เข้มสะเทือนเลย
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมขำก๊าก ไอ้เข้มหน้าหันแทบจะทิ่มลงมาบนที่นอนที่ผมนอนอยู่ ผมปล่อยมือออก เมื่อลูกน้องผมเป็นอิสระมันก็คลานถอยหลังหนีหน้าตาตื่น
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้...” ไอ้เข้มก้มหัว ตะกุกตะกักพูดด้วยสีหน้าร้อนรน
“ไปตายซะ!” หงส์ตะคอกใส่ ไอ้เข้มผงกหัว รีบลุกออกจากห้องไปในทันที
“เอ้า เดี๋ยวมันก็ไปตายจริง ๆ หรอก” ผมยังไม่เลิกกวน
“มึงนี่มัน....อ้าก!” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็กระแทกเสียงร้องคล้ายหงุดหงิดและอึดอัดใจ
“ฮิ ๆ ๆ ๆ” ผมก้มหน้างุด ขำฉิบหาย
“........” หงส์นิ่งไปแล้ว คราวนี้จับจ้องผมเขม็งดูท่าจะไม่ชอบจริง ๆ
“โอเค ๆ กูขอโทษ” ผมผายมือยอมแพ้ พยายามควบคุมปากตัวเองไม่ให้ยิ้ม
“ขอโทษครับ” ผมยื่นมือเข้าไปจะจับแก้ม อีกฝ่ายปัดมือผมออกงอน ๆ
“มึงนี่มันควรไปตายซะหลาย ๆ รอบเหมือนที่ไอ้โปรดว่าจริง ๆ” หงส์บ่นพึมพำพลางถอนหายใจยอมความ สะบัดหน้าหนีแล้วก้มลงตรวจดูสัมภาระของเธอในกระเป๋าอีกครั้ง ผมยิ้มมอง ไม่ปฏิเสธ นึกถึงไอ้โปรดขึ้นมาเพราะมันเคยด่าผมว่า
“ไปตายห่าซะหลาย ๆ รอบ! ไปตายซะไอ้เหี้ย!” จำได้ขึ้นใจเลยว่าตอนนั้นไอ้โปรดโกรธผมมากจนหน้าดำหน้าแดง ดูเหมือนมันจะด่าผมออกมาจากใจจริงซะด้วย
“..........” ผมเม้มปาก กะพริบตาปริบ ๆ
“อยู่กับไอ้บ้านี่ นายต้องระวังตัวไว้ให้มากล่ะ” หงส์เปลี่ยนประเด็น หันไปหาพักหาพวกกับสมุทรที่นั่งอยู่ข้างหลังเธอ
“ครับ” สมุทรผงกหัวขอบคุณซะงั้น
“ฉันไม่ได้หมายถึงระวังตัวทั่ว ๆ ไปนะ ฉันหมายถึงระวังทุกเรื่อง นี่คิดยังไงถึงได้มาอยู่กับมันล่ะ” หงส์ขึ้นเสียง
“คิดน้อยมั้งครับ” สมุทรตอบทันทีอย่างกับเตรียมคำตอบไว้แล้วอย่างนั้น
“ฮึ!” หงส์ยิงฟัน กลั้นหัวเราะด้วยความตกใจ ดูเหมือนเธอจะพอใจในคำตอบเป็นอย่างมากทีเดียว
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ กร๊าก!” หงส์ปล่อยหัวเราะลั่น อ้าปากซะกว้าง ตกลงอีนี่ใช่ผู้หญิงเหรอ ?
“ชอบอะ! วันหลังว่าง ๆ มานั่งคุยกันนะ” หงส์ตบไหล่สมุทรพร้อมผงกหัวขึ้นลงอย่างกับตัวการ์ตูน
“นี่...”
“ฉันจะบอกวิธีไม่หลงกลคนประเภทนี้ให้เอาไหม” หงส์กุมมือสมุทรไปด้วยสีหน้าเป็นห่วง ทำอย่างกับว่าโลกจะแตก สมุทรยิ้มอย่างสุภาพตั้งหน้าตั้งตารอฟัง ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารอฟังอยู่ด้วย แค่คิดว่าท่าทางของสมุทรในตอนนี้น่ามองดี
“มันก็เหมือนหมานั่นแหละ เมื่อไหร่ที่นายสบตาจ่าฝูง แสดงว่านายพร้อมสู้”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง กูไม่ยักรู้มาก่อน” ผมทำเสียงแทรกก่อกวน หงส์เหล่ตาขวางมา
“หลีกเลี่ยงการสบตาไว้นะรู้ไหม” เธอย้ำ
“หน้ามันเจ้าเล่ห์ใช่ไหมละ กฏไม่สบตาน่ะ ฉันรู้มาจากคนที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวเรื่องบนเตียงกับมันมาแล้วทั้งนั้นเลยนะ”
“อีหงส์” ผมสบถ
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ โอ๊ย!” หงส์ขยับตัวหนีออกไปไกลมือไกลเท้าทันควัน เธอยกมือขึ้นปรามผมคล้ายขอเวลานอกเพื่อหัวเราะให้เต็มที่
“ไฟ.. นี่กูไม่ได้หัวเราะขนาดนี้นานเท่าไหร่แล้ววะเนี่ย กูคิดถึงมึงจริง ๆ นะ” หงส์ปิดปากตัวเอง คุณคิดว่าตอนนี้เธอขำหนักขนาดไหนละครับ ขำขนาดที่น้ำตาเล็ดออกมาได้
“สมุทร” หงส์ขยับตัวไปอยู่ด้านหลังสมุทรเพื่อเป็นเกราะกำบัง
“มันขึ้น
อีกับฉันอะเมื่อกี้ นายได้ยินไหม” เธอฟ้องไปยิ้มไป หางตายังเห็นน้ำตาเปื้อนอยู่เลย สมุทรยิ้มกว้าง
“นาน ๆ ทีจะได้ยิน สะเทือนใจ” เธอบอกปนหัวเราะพร้อมนำมือแนบอก
“ขำพอรึยัง เก็บกดขนาดนี้มึงก็เข้ากรุงเทพสิ” ผมถอนหายใจ
“ก็นะ เออ..ไปแล้ว มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” หงส์ตัดบททำท่าจะลุกขึ้น
“เดี๋ยวผมช่วยครับ” สมุทรรีบเข้าไปคว้ากล่องแพทย์ของหงส์ไว้ หงส์มองสมุทรกะหลับกะเหลือกและยังคงนั่งเฉย ทำให้สมุทรนั่งลงตามเธอเหมือนเดิม
“มาทำงานกับฉันไหม” หงส์ยิ้มถาม ใบหน้าปรับเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“ได้ข่าวว่าเคยทำสวนมาก่อน เคยอยู่ฟาร์มโคนมด้วยนี่ ผ่านงานใช้แรงมามากแล้วสินะ” เธอพูด
“ไปได้แล้ว” ผมพูดดักคอ
“เราทำสวนออร์แกนิคนะ มีฟาร์มโคนมด้วยอยู่ทางเหนือไร่โน่นแหละ นายมัวแต่เฝ้ามันก็เลยไม่ได้ไปเปิดหูเปิดตาแถวนี้เลยใช่ไหมละ” หงส์ส่งสายด่ากึ่งด่ามาทางผม
“หงส์..” ผมย้ำเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจังกลับเช่นกัน เธอควรไปทำงานได้แล้ว
“คนงานที่นี่ได้กินอาหารออร์แกนิคกันหมดล่ะ มีอาหารให้สามมื้อ มีเงินออมให้ด้วย โบนัสก็มี สวัสดิการเจ๋งเป้งสุด ๆ ฉันอยากได้คนที่มีความเป็นผู้นำ...แต่ก็โอบอ้อมอารี มีระเบียบวินัย อึดถึกควายด้วยจะดีมาก ทำงานกับคน ๆ นี้ได้ดูแล้วนายน่าจะอึดพอทน” หงส์มองสมุทรด้วยแววตาเป็นประกาย ผมคิดว่าเธอไม่ได้แค่แกล้งกวนผมเท่านั้นแต่กำลังสนใจสมุทรในฐานะลูกน้องอย่างจริงจัง สมุทรรับฟังยิ้ม ๆ ไม่ได้สบตาเธอ
“ฉันชอบ.. กำลังมองหาผู้จัดการไร่แถบที่ดินฝั่งนี้อยู่ ยังไม่ได้ใครถูกใจสักที มีที่พักให้สำหรับผู้จัดการไร่โดยเฉพาะด้วยนะ ไม่หรูหรอก เป็นบ้านไม้โง่ ๆ ขนาดสี่เหลี่ยมพอกระดิกตัวได้ไม่อึดอัด ไม่เหมือนคฤหาสน์ของท่านที่นอนป่วยอยู่นี่หรอก ถ้านายสนใจ ฉันจะสตาร์ทเงินเดือนให้เลยสองหมื่น สามเดือน...ถ้านายผ่านทดลองงานกับปู่ฉัน ฉันจะเพิ่มเงินให้อีก” หงส์สาธยายยาว รายละเอียดมาเต็มเมื่อได้โอกาส พูดตามตรงว่าผมกลัวใจคนฟังมากเลย
“น่าสนใจมากเลยนะครับ ถ้าผมอยู่ที่นี่ หกพันก็ไม่รู้ว่าจะใช้ถึงรึเปล่า” สมุทรยิ้มตอบ
“ใช่ไหมละ !?” หงส์กระแทกเสียงด้วยความตื่นเต้น
“คนงานที่นี่คนไหนที่ไม่มีหนี้ก็มีเงินเก็บกันหมดแหละ ถ้านายความประพฤติดีเยี่ยมถูกใจปู่ละก็ ขาดเหลืออะไรบอกได้เลย อยากจะขอกู้เงินก็ได้นะ ฉันคิดดอกเบี้ยไม่โหดเหมือนคนแถวนี้หรอก”
“กูบอกให้ไปได้แล้ว!” ผมขึ้นเสียง เอื้อมแขนออกไปอย่างลืมตัว มือคว้าผมของหงส์มาไว้ในมือจนเจ้าตัวกรีดร้องเสียงหลง ผมของเธอยาวพอดีมือ ความแรงที่ผมดึงทำให้อีกฝ่ายเกือบล้มจนสมุทรรีบเข้าไปคว้าตัวช่วยพยุงไว้ ผมจึงปล่อยมือออก
“ไอ้เหี้ยไฟ!” หงส์โวยวาย ปากยิ้มกว้าง ทรงผมยุ่งกระเซิงไม่เป็นทรง
“สมุทรดูสนใจมาก มึงดูตาเขาสิ” เธอพูดแทบตะโกน ทำเอาไอ้เด่นถึงกับวิ่งกรูมาดูเหตุการณ์
“มึงนี่เป็นผู้หญิงที่น่าเอาส้นตีนยัดปากจริง ๆ”
“อ๋อ อีกอย่างนึงนะสมุทร ฉันไม่ได้อารมณ์ผีเข้าผีออกแบบมันด้วยนะ” หงส์ยังไม่หยุดเพิ่มข้อดีของตน
“ผมยังมาทำงานที่นี่ให้ไม่ได้หรอกครับ พอดีว่า ติดสัญญาบางอย่างกับคุณเขาอยู่น่ะ” สมุทรตอบ อมยิ้มด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม
“เรื่องเงินเหรอ ? ให้ฉันช่วยไหมละ” หงส์ยิ้มกว้าง
“มึงจะลองดีกับกูใช่ไหม” ผมเลิกคิ้ว หงส์เม้มปากยิ้ม ๆ ขยับตัวหนีห่างออกไป
“นี่นามบัตรฉัน” หงส์กระซิบ เธอหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้อีกฝ่าย
“หงส์! อีสัสเอ๊ย!” ผมหลุดยิ้มและตวาดอย่างสุดทน หยิบไม้เท้าของปู่หาญที่ให้ผมไว้ใช้ระหว่างที่อาศัยอยู่ที่นี่ขึ้น ร่างกายเคลื่อนที่ไม่ได้มากจึงยื่นปลายไม้เท้าไปทางเพื่อนสนิท หงส์หัวเราะลั่นกระโดดลุกขึ้นยืน
“จะไปแล้วนี่ไง เอากล่องเครื่องมือมาสิ” เธอว่า ไม่ยอมเข้ามาหยิบกล่องเครื่องมือด้วยตัวเอง สมุทรทำท่าจะยกกล่องเครื่องมือไปให้ ผมจึงดันปลายไม้เท้าเข้าที่คอของเขาในทันทีเพื่อสั่งห้าม
“ไอ้เด่น มาเอาไป!” ผมสั่ง มือปัดกล่องจนมันกระเด็นไปไกล เจ้าของกล่องยังคงหัวเราะชักดิ้นชักงอชอบใจอยู่ที่ไกล ๆ หงส์หันกลับมาโบกมือบอกลาผมอีกครั้งก่อนลงจากบ้านไปพร้อมกับไอ้เด่น ผมวางไม้เท้าลงที่เดิม เหลือบตามองสมุทรที่ยังคงถือนามบัตรของหงส์ไว้ในมือ ความเงียบสงบกลับมาอีกครั้ง ทันทีที่ผมจะเข้าไปคว้านามบัตรมาแต่อีกฝ่ายกลับรู้ทัน นำนามบัตรชูขึ้นสูงเหนือหัว
“ฉีกทิ้งเดี๋ยวนี้เลย” ผมว่า ศอกข้างซ้ายตั้งเท้าไว้กับที่นอน
“ไม่ครับ เผื่อจำเป็น” สมุทรตอบด้วยทีท่านิ่งสงบ
“จำเป็นอะไร” ผมถามเสียงห้วน
“จำเป็นสิครับ อีกอย่าง.. คุณหงส์ก็พูดถูก ผมชอบที่นี่น่ะครับ”
“........” ผมนิ่ง ดูเหมือนเขาจะพูดออกมาจากใจจริง ขวดน้ำใกล้มือถูกคว้าขึ้นยกดื่มตัดอารมณ์ที่ค่อนข้างเซ็งก่อนเอนหลังพิงพนักพิง หันหน้ามองออกไปทางระเบียงบ้าน
“คุณเองก็ดูผ่อนคลายเวลาอยู่กับคุณหงส์ด้วย” อีกฝ่ายพูด ทำเป็นรู้ดี ผมเงียบฟังเมินไปที
“โกรธเหรอครับ”
“เปล่านี่” ผมตอบส่ง ๆ
“ถึงโกรธก็ไม่ทิ้งหรอกนะครับ”
“เลิกกวนตีนสักทีได้ไหม” ผมขมวดคิ้ว หันกลับไปมองอีกฝ่าย สมุทรอมยิ้มเล็กน้อย เราทั้งคู่เงียบลง พอได้โอกาสผมจึงคว้ามือเข้าไปเพื่อจะแย่งมันมาอีกครั้ง ร่างกายที่ขยับไม่ถนัดทำให้อีกฝ่ายรู้ทันนำนามบัตรหลบหลีกไปได้ทั้งที่เขายังคงนั่งอยู่กับที่ ด้วยความหมั่นไส้และทั้งหงุดหงิดร่างกายตัวเองในตอนนี้ ผมจึงคว้าคอเสื้อของสมุทรมาอย่างแรง การที่ออกแรงดึงมาอย่างแรงและอีกฝ่ายกับผมก็ตัวเท่า ๆ กันทำให้สู้แรงกันพอสมควร สมุทรยอมเป็นฝ่ายตามแรงดึงของผมมา คงเห็นว่าร่างกายผมยังไม่หายดีนัก หลังผมเซพิงกลับไปทางด้านหลัง สมุทรล้มตัวเข้ามาไม่ทันได้ตั้งหลัก แขนทั้งของข้างของเขากางออกคร่อมตัวผมไว้โดยสัญชาตญาณ
“จะมาที่นี่ก็ได้” ผมพูด มือยังคงกำคอเสื้อสมุทรไว้แน่นไม่คิดปล่อย อีกฝ่ายมองผมไม่วางตา พอเขาขืนตัวเพื่อที่จะลุกขึ้นก็ยิ่งทำให้คอเสื้อยืดออกจนเกือบเสียทรง สมุทรจึงไม่คิดขัดขืนอีก ผมจ่อหน้าเข้าไปใกล้ ใบหน้าของเราจดจ่ออยู่ใกล้กันเพียงคืบเท่านั้น
“แต่ต้องหลังจากที่ฉันอนุญาตให้นายออก” ผมกวาดตามอง อีกฝ่ายหลบสายตาลง
“อ๋อ ไม่ดีกว่า” ผมจ่อปลายจมูกเข้าไปใกล้ปลายคางของเขา
“หลังจากที่ฉันอึ๊บนายแล้วดีกว่า เข้าใจคำว่าอึ๊บไหมละ” ผมเลิกคิ้วพลางแสยะยิ้ม
“เปลี่ยนสีหน้าทำไม ? หรือว่านายอยากอึ๊บฉัน ? ก็ได้ ๆ เอาเป็นว่าหลังจากที่เราอึ๊บกันก็แล้วกัน ถ้านายคิดจะมาอยู่ที่นี่ ฉันก็จะตามมาอึ๊บนายที่นี่ด้วย” ผมกระซิบกวนไม่หยุด จมูกจดจ่อเกลี่ยแก้มอีกฝ่ายอย่างคลอเคลียแต่ก็ไม่คิดที่จะหอมอย่างตรงไปตรงมา
โป๊ก!!! “โอ๊ย!” ผมร้อง มือที่กำคอเสื้อสมุทรอยู่ปล่อยออกเปลี่ยนมาจับหน้าผากตัวเองในทันที
“นี่นายใช้หัวโขกฉันอีกแล้วนะ เวรฉิบ!” ผมสบถประท้วง มือขยี้หน้าผากตัวเองไปพลาง
“คุณนี่มันไม่เปลี่ยนจริง ๆ นะครับ” สมุทรบ่นเสียงเข้ม เขาจะบ่นก็ไม่แปลก
“คึ!” ผมกุมหัว เอนตัวซุกหน้าลงบนที่นอนและกลั้นหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย ที่ผ่านมาตลอดเกือบหนึ่งอาทิตย์นี้ ผมไม่ได้ถึงเนื้อถึงตัวอีกฝ่ายเลย ไม่ทำรุ่มร่าม แม้จะมีเย้าหยอกเล่นอยู่บ้างแต่ทำแบบเพียงพอ ผมแค่อยากให้อีกฝ่ายตายใจ แผลผมยังไม่หายดีแม้ร่างกายจะได้ฟื้นฟูสภาพขึ้นมากแล้ว ผมอยากให้ตัวเองหายดีกว่านี้ก่อนที่จะใช้โอกาสที่ได้อยู่กันลำพังนี้ทำอะไรอย่างที่ใจต้องการ ดังนั้นจึงมีการควบคุมอาการมาโดยตลอด
“เจ็บ” ผมแกล้งร้องเสียงเบาอยู่ในลำคอ เสริมไปด้วยการขดตัวเอาหน้าทิ่มซุกกับที่นอนไว้ด้วย สมุทรนั่งนิ่งไร้ปฏิกิริยาตอบโต้เหมือนไม่เชื่อผมอีก ผมเลยแกล้งเงียบแล้วค้างท่าไว้อยู่อย่างนั้น
“ขอผมดูหน่อยสิครับ” อีกฝ่ายยอมเป็นฝ่ายก้มเข้ามาจับใบหน้าผมอย่างเบามือ ผมเงยหน้าขึ้นพร้อมฉีกยิ้มกว้าง ล็อกมือของเขาไว้ที่ข้างแก้มพร้อมหอมลงที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายในทันที
จุ๊บ!“.........” สมุทรนั่งเงียบ ดวงตาถึงกับนิ่งไปเลย สงสัยกำลังโกรธตัวเองอยู่ที่ดันเชื่อผมง่าย ๆ
“อยากฝึกฉันให้เชื่องงั้นเหรอ เร็วไปพันปีมั้ง” ผมอมยิ้มมอง
“แต่ก็นะ... อยากเชื่องจะแย่แล้ว” ผมพูดบอก ริมฝีปากที่ยังคงยิ้มอยู่อย่างไม่สามารถหุบยิ้มลงได้ ผมบังคับมันไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าทำไม สมุทรมองผมด้วยหางตา ความหมายแรกของสายตาดูเอือมระอา ผมนอนมองเขาตรง ๆ ทำให้อีกฝ่ายหลบตาไปอีกทางหนึ่ง มือซ้ายกุมมือของสมุทรไว้ใกล้ตัว นิ้วโป้งกับนิ้วชี้กรีดนิ้วชี้ของอีกฝ่ายเบา ๆ อย่างเย้าหยอก สมุทรหันกลับมามองผมอีกครั้งแต่กลับไม่ชักมือกลับทั้งที่เขาสามารถทำได้
ร่างกายของเราต่างไม่ขยับเลย มีเพียงนิ้วมือของผมเท่านั้นที่กำลังขยับเล่นฝ่ามือของอีกฝ่ายอยู่ สงครามปัญญาอ่อนสงบลงแล้ว
แต่มือของผมยังคงโอบเกี่ยวนิ้วชี้ของสมุทรไว้ไม่ปล่อย “ถ้าใครมาบอกคุณว่าเจ้าชู้ แล้วเขาไม่ไว้ใจคุณ คุณก็ยอมรับทั้งหมดนั่นไปซะนะครับ” อีกฝ่ายพูดว่า
“ได้ครับ” ผมขานรับโดยง่าย
...............(ไฟ)..............
ไว้อาลัย 5 วิให้ ท่านเข้ม ----