...ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรที่แน่นอนหรอกครับ
พี่แบงก์บ้างครั้งพี่กั๊กอาจจะเป็นคนรักของพี่แบงก์ในอนาคตก็ได้น่ะครับ
ผมนับถือมนความรักของพี่กับพี่กั๊กมากเลยน่ะครับ
มันเป็นความรักที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน
ความรักที่ขอแค่ให้อีกคนมีความสุขก็พอแล้ว
ผมว่าในชีวิตจริงมันหาไดอยากมากเลยน่ะครับ
และหากว่ารักที่พี่มีต่อพี่กั๊กเป็นจริง
ผมอยากให้พี่ได้เป็นคู้ที่รักกันจริง ๆ อ่ะครับ
เป็นกำลังใจให้เสมอน่ะครับ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
หากพี่มีปัญหาหรืออยากจะระบาย
ผมก็พร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้เสมอครับ....
( ชมรม คนรักแบงก์กับกั๊ก )
ขอบคุณนะครับ สำหรับกำลังใจดี ๆ มากมาย ผมก็ภาวนาอยู่ทุกวันให้เป็นเช่นนั้นครับ เพราะผมยอมรับว่ายังลืมมันไม่ได้ 6 ปีแล้วนะที่ยังลืมมันไม่ได้ ทำไมใช้เวลานานก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ
++++++++++++++
เอาละตามที่สัญญาเอาไว้ว่าจะเล่าตอนพิเศษให้ฟัง งั้นเริ่มกันเลยนะครับ
ตอน...รักจังวิชาพิมพ์ดีดเนี่ย
ในช่วง ม. 5 เป็นช่วงที่มีวิชาอยู่หนึ่งตัวที่ต้องเรียนพิมพ์ดีด ซึ่งอาจารย์ที่สอนนั้นขึ้นชื่อว่าเฮียบสุด ๆ ระหว่างพิมพ์ใครแอบมองแป้นตัวอักษร จะถูกลงโทษด้วยการให้เอากระดาษมาปิดไว้ที่แป้น แล้วสอดมือเข้าไปพิมพ์ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นแป้นได้ และแกก็จะสรรหาวิธีลงโทษแปลก ๆ มาให้พวกหัวโจกกัน รวมถึงผู้ทีทำผิดกฎต่าง ๆ
ในช่วงเข้าเรียนวิชาของแก ก่อนจะเรียน แกจะตรวจเล็บ ตรวจเครื่องแต่งกาย ตรวจผม เหมือนครูฝ่ายปกครองเปี๊ยบ
และไอ้กั๊กก็เป็นหนึ่งในผู้ที่แต่งกายผิดระเบียบ ทั้งเสื้อผ้า ทรงผมที่ยาวมาก ๆ อาจารย์เลยลงโทษมันด้วยการใช้หนังยางมัดจุกผมมัน ส่วนเสื้อที่ผิดระเบียบ อาจารย์ก็จะยึดไว้ และให้มันถอเสื้อเรียน ตอนนั้นมันเรียกเสียงกรี๊ดกร้าดจากเพื่อน ๆ ได้เยอะทีเดียว ซึ่งผมได้บอกไปแล้วว่าผมนั้นเลขที่ 5 ส่วนมันเลขที่ 6 มันก็ต้องนั่งถัดจากผม ทำเอาชั่วโมงนั้นสมาธิผมกระเจิดกระเจิงไปหมด คนบ้าอะไรหุ่นดีชะมัน กล้ามเป็นกล้าม ท้องเป็นลอน โอยเห็นแล้วจะละลายคาเครื่องพิมพ์ดีด
และเนื่องจากผมค่อนข้างเป็นคนที่พิมพ์ดีดได้เร็ว ประมาณ 50 คำต่อนาทีได้ ไอ้กั๊กก็เลยอาศัยจุดนี้มาแหย่ผมให้ผมหน้าแดงอยู่เรื่อย ๆ
เพื่อน ๆ ครับ ก็มันอะ จะทำเป็นหาตัวอักษรไม่เจอบ้าง ให้ผมเดินเข้าไปช่วยหา พอผมเดินไปชี้ให้ดูว่า อยู่ตรงนี้นะมันก็จะเหมือนเดิมครับ โน้มคอตีเข่า เอ้ยไม่ใช่ 5555 โน้มคอเข้าไปกัด เต็ม ๆ เลยครับ มือไม้ผมสัมผัสกับเนื้อมันเต็ม ๆ ตอนหลัง ๆ ชักรู้แกว เลยไม่ช่วยมันหา
มันก็จะเปลี่ยนวิธีใหม่ โดยการเดินมาที่โต๊ะผม เข้ามาทางข้างหลัง โน้มตัวลงใกล้ ๆ ก่อนที่จะทำมาเป็นมองผมพิมพ์ ไอ้ผมก็ไม่กล้าหันหน้าไปไหน เพราะกลัวว่าหน้าผมจะไปโดนหน้ามัน
"แบงก์" มันเรียกครับ
"อะไร" ผมก็ตอบมันโดยไม่หันหน้าไปหามันที่อยู่ข้างหลัง แหม ก็คนมันอายนิครับ ถอดเสื้ออยู่ด้วย
"แบงก์" อะ เสียงมันสูงขึ้นอีกนิด
"อะรั้ย" ผมก็ขึ้นเสียงเหมือนกัน
"หันมาหน่อยดิ" อะอะ กรูรู้ทัน
"มีไรก็พูดมา" ไม่ยอมหรอกครับ อายด้วย 555
"ไม่อยากเห็นคนหล่อหรอ"
แหม พูดมาได้นะเมิง
"เอ้ย เห็นจนชินละ" จริง ๆ ก็อยากหันไปอยู่หรอก แต่ฟอร์มจัด
"อะ งั้นอนุญาตให้กอดทีหนึ่ง" เมิงกรูเอาจิงนะ
"ไม่"
"โหย ใจแข็งวะ" มันบ่นครับ
สาเหตุที่ผมไม่หันไป เพราะกลัวครับ กลัวมันจะเห็นหน้าแดง ๆ ที่ซีด ๆ ร้อนผ่าว ๆ ของผม 5555
"แบงก์ดูหน่อยสิ ว่าเราเอามือวางที่แป้นเหย้าถูกหรือป่าว" มันพูดเสร็จก็เอื้อมมือสองข้างของมันมาวางที่แป้นเหย้าที่เครื่องพิมพ์ดีดของผม ตอนนี้สภาพมันโอบผมอยู่ครับ ไอ้เพื่อน ๆ คนอื่นก็ไม่สนใจหรอกครับ เพราะไอ้คู่นี้เล่นกันอย่างนี้ประจำ
"เมิงก็ไปวางเครื่องเมิงดิ" ผมด่ามันครับ
ในที่สุดผมก็ต้องหันกลับไปด่ามันจนได้ มันก็ยักคิ้วให้ทีหนึ่งที่มันชนะ แค่เนี้ยแหละครับที่มันต้องการ มันชอบครับทีเห็นผมอาย หน้าแดง มันบอกว่าเหมือนซาลาเปานึ่งสุกใหม่ ๆ น่ากินดี 555555555555
พอหนำใจมันแล้วมันก็เดินกลับโต๊ะมันไป ทิ้งให้ผมมือไม้อ่อนอยู่คนเดียว
ผมอยากจะด่ามันจริง ๆ ไอ้บ้า.................................................... มันบ้ามาก ๆ ครับ
อิอิ
แบงก์