...อสงไขย...
...กาลที่๓...
เสียงตึงตังดังก่อนจะตามมาด้วยเสียงทุ้มที่ร้องเรียกคนด้านในให้ต้องขมวดคิ้วด้วยเคยตักเตือนอยู่หลายทีก่อนหน้า
“คุณพระนาย คุณพระนายขอรับ!”
“.....”
ปัง! เสียงปิดประตูไม่เบานักทำให้คนในห้องต้องส่งสายตาตำหนิให้เด็กหนุ่มที่ยิ้มร่าเต็มหน้า เมื่อเห็นสายตาดุเข้านั่นล่ะจึงได้เจี๋ยมเจี้ยมขึ้นมาทันที
“เอ่อ”
“แสน ฉันสอนแล้วไม่ใช่รึว่าอย่าวิ่ง เป็นคนของหมื่นเสมอใจราชเสียเปล่าเหตุใดจึงทำตัวไม่เหมาะ...”
“คุณพระนาย กระผมรู้แล้วขอรับว่าแม่หญิงที่รำฉุยฉายคนนั้นชื่ออะไร!”
“...สม..” หางเสียงสุดท้ายแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ข้อความที่เด็กหนุ่มแสนเอ่ยขัดเพื่อบอกเขานั้นทำเอาชายหนุ่มหยุดชะงัก มือแกร่งที่กำปากกาอยู่เผลอปล่อยให้มันทิ้งตัวลงบนโต๊ะ แววความยินดีฉายในดวงตาคู่สวย ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มให้เด็กหนุ่มต้องยิ้มตาม
เรือนหลังกว้างตรงหน้ามีเสียงของเครื่องสายเครื่องเป่าดังลอดออกมาเป็นระยะๆ ให้เด็กหนุ่มต้องหันกลับไปมองคนด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลาของคุณพระนายหนุ่มยังคงมีรอยยิ้มประดับ ผิวเกลี้ยงเกลาสะท้อนแสงนวลจากตะเกียงหน้าเรือนขับให้ผ่องดูน่ามอง ร่างสูงโปร่งสวมชุดธรรมดาด้วยไม่อยากให้ใครรู้เร็วนักว่าเขาคือใคร
“มาหาใครหรือเจ้าคะ?” ดูเหมือนว่านางรำคนหนึ่งจะจำได้ว่าชายหนุ่มคือใครจึงถามด้วยความนอบน้อม หากไม่วายหางตาจะเหลือบมองใบหน้าคมของร่างสูงไปด้วย
“เอ่อ นางรำที่รำฉุยฉายในวันที่สมเด็จออกขุนนางอยู่หรือไม่ขอรับ พี่สาวคนสวย?” แสน ที่แสนรู้เอ่ยประจบถามแทนนาย ร่างสูงกวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อหวังว่าจะสามารถพบใครคนนั้นได้เร็วขึ้นแม้สักนิดก็ยังดี ไม่สนสายตาของบรรดาสาวสวยนางรำมากมายที่เมียงมองส่งมาให้เป็นระยะๆ
“อ้อ แม่พยอมน่ะรึ ไม่สบายอยู่ที่บ้านนู่นแน่ะ”
“ไม่สบายรึ?” ร่างสูงกลายเป็นคนถามแทน
“เจ้าค่ะ” เมื่อตอบแสนจบ เธอจึงหันมาตอบชายหนุ่มตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“พี่สาวคนสวยบอกทางไปบ้านแม่พยอมให้ฉันได้หรือไม่จ๊ะ?” แสนถามก่อนที่คุณพระนายหนุ่มจะได้สั่งเสียอีก
“...ได้สิ ว่าแต่คุณพระนาย...”
“อ้อ ฉันต่างหากล่ะจ๊ะที่มีธุระหาใช่คุณพระนายไม่ ท่านแต่เพียงอยากมาดูเรือนฝึกดนตรีฝึกรำของหลวงเสนาะเท่านั้นเองจ่ะ” แสนว่าพลางยิ้มแหย
“อย่างนั้นรึ?” หล่อนว่า ก่อนจะบอกทางไปเรือนหลังเล็กของแม่พยอม
ตัวเรือนไม้เก่ามีแสงตะเกียงลอดผ่านออกมาทางหน้าต่าง เด็กหนุ่มแสนเดินนำหน้าหยุดยืนก่อนจะส่งเสียงเรียกหากมีแต่ความเงียบตอบกลับมา เด็กหนุ่มหันไปมองร่างสูงก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปด้านใน
“แค่กๆ!” เสียงไอโขลกทำให้แสนต้องวิ่งเข้าไปหา
“แม่เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ?” เด็กหนุ่มพยุงร่างผอมบางให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะหันหาขันน้ำมาให้
“ขอบใจจ้ะพ่อ...” ดวงตาสีอ่อน ใบหน้าซีดเซียวและผิวพรรณที่บ่งบอกว่าอายุว่าไม่ใช่สาวน้อยหากแต่เริ่มเข้าสู่วัยกลางคนนั้นยังมีแววความงามให้เห็นอยู่บ้าง “แล้วนี่พ่อมีธุระอะไรหรือจ๊ะ?” ถึงจะเป็นคนแปลกหน้าหากแต่น้ำใจเมื่อครู่ทำให้หล่อนเอ็นดูเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่น้อย ชายหนุ่มร่างสูงที่มาด้วยกันทิ้งตัวลงนั่งข้างๆยิ้มอ่อนโยนมาให้จนต้องยิ้มตอบ
“กระผมชื่อแสนขอรับ ส่วนนี่นาย..เอ่อ พี่ชายของกระผมชื่อใหญ่..ขอรับ” ขณะอธิบายแสนก็เหลือบตามองคนด้านหลังว่าจะดุว่ากระไรหรือไม่ที่เขาแอบอ้างอย่างนี้ เมื่อไม่เห็นทีท่าไม่พอใจเด็กหนุ่มจึงยิ้มเผล่กล่าวต่อ “กระผมมาหาแม่หญิงที่รำฉุยฉายในวันงานที่สมเด็จออกขุนนางวันนั้น แม่พยอมน่ะจ่ะ”
“....”
“น้าสาวคนสวย?”
“แม่หญิงที่รำฉุยฉายในวันงานหรือจ๊ะพ่อ?” แสนพยักหน้ารับ
“จ่ะ”
“...พ่อมีธุระอะไรหรือ?”
“กระผม....เอ่อ พี่ชายของกระผม...เห็นทีคงจะตกหลุมรักนางรำคนสวยเสียแล้วล่ะขอรับ” ท้ายประโยคเด็กหนุ่มก้มลงกระซิบเสียงเบาแล้วหัวเราะอายๆ
“.......” ดวงตาสีอ่อนหม่นแสงคู่นั้นจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่นั่งเงียบนิ่ง ใบหน้าใจดีกลายเป็นเย็นชาให้ชายหนุ่มนึกหวั่น หากกระนั้นก็ยังคงส่งยิ้มบางให้
“น้าสาว?”
“ฉันนี่ล่ะที่รำฉุยฉายในวันนั้น”
“!”
“แต่?” แสนอึกอักคล้ายไม่อยากเชื่อ
“ถ้าพ่อมาตามหาคนรำฉุยฉายในวันงาน ก็ฉันนี่แหละแม่พยอมคนนี้”
“......” แสนหันไปมองใบหน้าของพระนายหนุ่มที่บัดนี้ซีดขาว ไม่ใช่เพราะรังเกียจว่าคนตรงหน้าไม่ได้เป็นสาวน้อยหน้าแฉล้มงดงาม หากแต่ไม่ใช่คนที่เขาตกหลุมรักต่างหาก ไม่ใช่เจ้าของดวงตาพราวระยับราวกับดาวคนนั้น ไม่ใช่เจ้าของรอยยิ้มหวานที่พาใจแช่มชื่นคนนั้น ไม่ใช่เจ้าของปรางค์นวลสีเรื่อราวกุหลาบคนนั้น
ไม่ใช่!
**********
เรือนไม้หลังใหญ่สีขาวสะอาดบ่งบอกว่าต่อให้เวลาผ่านมานานแค่ไหนก็ยังคงมีผู้ดูแลเรือนนี้เอาไว้อย่างดีแน่นอน ตัวเรือนแบ่งเป็นสองชั้น ด้านหน้าของเรือนชั้นบนมีระเบียงยื่นออกมา หน้าต่างมีม่านสีฟ้าอ่อนถูกผูกเอาไว้เหมือนมีคนอยู่ ส่วนชั้นล่างเองก็เช่นกัน ผ้าม่านสีฟ้าใสปลิวไหวเบาๆตามแรงลม....ดวงตาเรียวกวาดมองก่อนจะก้มลงสบตากับมารดาอย่างลังเล
ดูอย่างไรเรือนนี้ก็ไม่น่าจะเป็นของเขาได้เลย...
แอ๊ด... ประตูรั้วเตี้ยสีเดียวกับตัวเรือนเปิดออกเมื่อเด็กหนุ่มผลักมันเบาๆ สวนด้านหน้าเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่บ่งบอกอายุสถานที่แห่งนี้ได้ดี แปลงดอกรักเร่ชูช่อบานสะพรั่ง ต้นจำปาเองก็ส่งกลิ่นหอมจากดอกสีขาวลอยอวล ซุ้มดอกการเวกที่ภายในมีชุดเก้าอี้ไม้สีขาววางแจกันดอกกุหลาบสีแดงเข้มเอาไว้ พุ่มดอกราตรีเรียงตามแนวรั้วที่ค่ำคืนคงส่งกลิ่นหอมเย็นไปทั่ว ต้นดอกลำดวนเองถึงแม้จะไม่มีดอกออกมาให้ชมหากใบสีเขียวทั้งต้นก็พาให้รู้สึกสดชื่น สระบัวเองก็น้ำใสเสียจนเห็นปลาสีสวยแหวกว่าย
“มาแล้วหรือเจ้าคะ?”
“!” ไหล่เล็กสะดุ้งไหวเมื่อจู่ๆเสียงแหบพร่าทักขึ้นจากทางด้านหลัง มองมา ทางมารดาเขาเองก็ตกใจเช่นกัน หันมาอีกทางก็พบเจ้าของเสียงที่ว่า เป็นหญิงอายุมากผมสีขาวโพลนไปทั้งหัว ดวงตาดุตวัดเงยขึ้นมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างไม่พอใจ
“คุณแก้วตากับแม่ซินะเจ้าคะ?”
“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบรับ
“เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” หญิงสูงวัยว่า พลางเดินนำหน้า เพ็ญจันทร์พยักหน้ารับก่อนจะเดินตามไปก่อน แก้วตายืนนิ่ง....ความรู้สึกคล้ายมีสายตาจับจ้องและเงาร่างเคลื่อนไหวทางหางตาทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองระเบียงชั้นสองทันควัน !
....ว่างเปล่า...
“.....” แก้วตายังคงกวาดสายตามองหาว่ามีใครแอบซ่อนอยู่หรือไม่
“จะยืนอยู่จนค่ำเลยหรือเจ้าคะ ห้องของคุณอยู่ชั้นบนเจ้าค่ะหาใช่ที่สนามไม่” คนเดินนำหน้าหันมากล่าวให้แก้วตาต้องละสายตา ก้มหัวขอโทษที่ทำให้อีกฝ่ายเสียเวลา ก้าวเท้าไปทางมารดาเร็วๆ คนนำทางเหลือบมองไปยังชั้นบนในจุดที่เด็กหนุ่มจ้องมองเมื่อครู่พลางรีบก้มหน้าคล้ายคนถูกดุ
.
.
“นี่เป็นห้องของคุณเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณครับ เอ่อ...”
“เรียกอิฉันว่านมแย้มเจ้าค่ะ”
“ครับ ขอบคุณนะครับนมแย้ม” แก้วตายกมือไหว้พลางยิ้มกว้าง ใบหน้าดุของนมแย้มกระตุกก่อนกระแอมไอแก้เขินพลางโบกมือไล่ให้เด็กหนุ่มเข้าห้องนอนไปเสีย
ห้องกว้างมีเตียงสี่เสาหลังใหญ่อยู่กลางห้อง มุ้งสีขาวถูกรวบไว้แต่ละเสาเรียบร้อย ตรงหัวเตียงมีตั่งตั้งวางพานพวงมาลัยสดส่งกลิ่นหอมกำจาย ผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเล่นลายลูกไม้ตรงชายผ้าปลิวสะบัดตามแรงลม เครื่องเรือนทุกชิ้นทำมาจากไม้เนื้อดีขัดเงาสวย กระจกบานใหญ่ที่เห็นได้ทั้งตัวถูกตั้งชิดผนังในกรอบแกะสลักลายฉลุงดงาม
“นมแย้มคงจะเตรียมเอาไว้ซินะ?” มือขาวแตะช่อมาลัยดอกไม้สดแผ่วเบา
เด็กหนุ่มคิดพลางเดินดูรอบห้อง ก่อนจะหยุดคิดบางอย่างแล้วสาวเท้าไปยังบานประตูอีกฝั่งที่ถูกปิดเอาไว้รวดเร็ว มีระเบียงจริงๆด้วย! ถ้าอย่างนั้นห้องนี้ก็เป็นห้องใหญ่น่ะซิ? ไม่มีใครคนอื่นอยู่ที่นี่จริงๆหรือ?
“แก้ว แม่มาชวนไปเดินดูรอบๆบ้านไปไหมจ๊ะ?” เด็กหนุ่มเดินกลับเข้ามาในห้องเมื่อได้ยินเสียงมารดา เหลือบเข้ามามองในห้องอีกครั้งก่อนปิดบานประตูลงอย่างเบามือเพื่อลงไปชั้นล่าง
ภายในห้องที่ปิดเงียบ สายลมพัดโบกจนผ้าม่านตีกระทบขอบหน้าต่าง กลิ่นดอกไม้สดจากพวงมาลัยลอยอวลคละคลุ้งหวานไปทั่วห้อง คล้ายยินดี...ชื่นทรวง...
*********
“ขอโทษที่มาสายนะฤดี พอดีว่าทางนั้นไกลจากนี่พอควรอยู่” เสียงแหบหวานเอ่ยขอโทษเพื่อนสาวที่นั่งหน้ามุ่ยรออยู่
“เรานึกว่าแก้วจะไม่มาเรียนซะอีกนะวันนี้” เด็กสาวหยิบถุงกระดาษมาวางตรงหน้าเพื่อน
“อะไรน่ะ?”
“พี่ชายฝากมาให้” ฤดียิ้มกว้างล้อเลียนเด็กหนุ่ม
“น้ำหอม?” ขวดเล็กสลักลายมีน้ำสีสวยอยู่ข้างในทำเอาแก้วตาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“พี่ชายเขาเอามาฝากทุกคนนั่นแหละ พอดีเราขอมาเผื่อแก้วด้วยขวดหนึ่ง”
“....เธอก็รู้ว่าเราไม่ใช้น้ำหอมพวกนี้...”
“เก็บเอาไว้เฉยๆก็ได้นี่ เสียน้ำใจคนให้นะถ้าเธอปฏิเสธ” คำพูดที่ทำให้แก้วตาต้องถอนหายใจ เก็บขวดเล็กลงถุงกระดาษแล้วใส่กระเป๋าสะพายข้าง “แล้วนี่ งานนั้น...เป็นยังไงบ้าง?”
“...ก็ยังวาดไม่ได้น่ะ” เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องย้ายบ้าน แล้วแม่ก็ป่วยอีกเลยทำให้แก้วตาลืมเรื่องงานที่ค้างคาไปเสียสนิท
“แปลกจริง...ทั้งๆที่แก้วก็วาดรูปอื่นได้นี่”
“....อืม” เขาจะบอกเพื่อนดีไหมนะว่าไอ้ที่เขาวาดไม่ได้เพราะมีความรู้สึกว่า...เขาตั้งใจจะวาดรูปใครบางคน...
“ว่าแต่บ้านหลังใหม่เป็นยังไงบ้าง” ฤดีเปลี่ยนเรื่อง
“ก็ดี...”
“ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้เราไปเที่ยวนะ” เด็กหนุ่มพยักหน้า มันคงจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ถ้าฤดีจะไปเที่ยวหาเขาบ่อยๆ ไม่รู้ทำไม...ความรู้สึกของเขาถึงได้กลัวบ้านหลังนั้นแปลกๆ เหมือนไม่ได้มีแค่เขากับแม่หรือนมแย้มอยู่ที่นั่น....
หลายครั้งที่เขารู้สึกเหมือนมีใครอยู่ในห้องด้วยพอเหลียวมองก็มีแต่ความว่างเปล่า...ทำให้ต้องยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองเบาๆเมื่อขนแขนพากันพร้อมใจลุกตั้งเป็นแถว ถึงอย่างนั้นเมื่อคืนเขาก็หลับเป็นตายเพราะเหนื่อยอ่อนติดกันมาหลายวัน
หลังจากพยายามเลี่ยงอาจารย์กิตติที่อยากจะแนะนำเรื่องงานที่ค้างคาของเขาได้ แก้วตาก็รีบดึงแขนฤดีวิ่งออกจากตึกทันที
“พี่ชาย ทางนี้ค่ะ!” เด็กสาวยกมือทักทายร่างสูงโปร่งที่ยืนพิงรถรออยู่ด้านนอกเสียงดัง
“เธอไม่เห็นบอกว่าพี่ชายจะไปด้วย!” แก้วตาหันมาถามเพื่อนเสียงขุ่น
“มีคนขับรถให้สบายจะตาย” ฤดีว่า พลางลากแขนแก้วตาเข้าไปหาพี่ชายร่างสูงที่ในวันนี้มาในชุดกางเกงสีขาวกับเสื้อโปโลสีเขียวอ่อน ขับผิวขาวแบบชาวจีนให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
“สวัสดีครับ พี่ชาย” เด็กหนุ่มยกมือไหว้พี่ชายของเพื่อนแล้วยิ้มบาง
“อนุญาตให้พี่ไปเที่ยวบ้านใหม่ของแก้วตาด้วยคนนะครับ”
“ครับ” เขาได้แต่พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ จะอย่างไรเสียก็พี่ชายเพื่อน
.
.
“เป็นบ้านที่เก่านะครับ แต่ดูแข็งแรงดีทีเดียว” ชายว่า พลางรับแก้วน้ำจากเด็กหนุ่ม แก้วตาพาเพื่อนสาวและพี่ชายมานั่งที่ซุ้มไม้สีขาว วันนี้แจกันใบเตี้ยเปลี่ยนจากดอกกุหลาบสีแดงเข้มเป็นดอกจำปาแซมหญ้าอ่อนเล็กน้อย ประดับใบดอกจำปาอีกนิดพอสวยงาม กลิ่นหอมอ่อนกำจายทั่วจนชายอดจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆไม่ได้
“สวยนะแก้ว แต่ว่า...บางทีมันก็ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้...”
“ฤดี!” ชายหันมาดุน้องสาวเสียงเบาด้วยกลัวว่าคำพูดนั้นจะทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้ากลัวขึ้นมา
“อืม” แก้วตายิ้มเซียว จะบอกอย่างไรดีว่า เขากลัวไปแล้ว...
“แล้วนี่อยู่กี่คนครับ”
“มีผม แม่ แล้วก็นมแย้มอีกคนน่ะครับ”
“นมแย้ม?”
“คนดูแลบ้านนี้น่ะ”
“ตั้งแต่มานี่ยังไม่เห็นเลยนะ”ฤดีถามหา
“แกคงไม่อยู่มั้ง จริงซิ เดี๋ยวเราไปเอาขนมในครัวก่อนนะ วันนี้แม่ทำลูกชุบล่ะ”
“ว้าว~ คุณน้าทำของชอบเลยนี่”
“จ้าๆ แถมด้วยน้ำมะตูมด้วยนะ” แก้วตาหัวเราะกับท่าทางของฤดี ก่อนจะลุกออกมา
“ไปเดินเล่นแถวนี้ได้ไหมนะ?” ชายลุกยืนขึ้นเต็มความสูงเดินไปรอบๆซุ้มไม้ ต้นดอกจำปาด้านข้างเรียกความสนใจเมื่อดอกสีขาวโผล่ออกมาให้เห็น ข้างกันเป็นต้นดอกลำดวน ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหยุดเท้ากึก
“นายเป็นใคร!” ชายถามเสียงดัง ในเมื่อแก้วตาบอกว่าอยู่กันเพียงสามคน ชายหนุ่มร่างสูงผิวเข้มที่อยู่ตรงหน้านี้คง...
“กระผมต่างหากที่ต้องถามว่าคุณเป็นใคร กล้าดีอย่างไรถึงเข้ามาในเขตเรือนนี้!” เสียงทุ้มตวาดก้องจนชายรู้สึกเย็นวาบที่แขนสองข้างแบบแปลกๆ หากแต่เมื่อคิดถึงความปลอดภัยของเด็กหนุ่มแก้วตาทำให้เขายืดไหล่ขึ้น
“ผมเป็นใครก็ช่าง แต่ผมจะเรียกโปลิส...”
“โปลิสรึ? คิดว่ากระผมกลัวอย่างนั้นรึ? กล้านักที่มาเหยียบเรือนนี้ถ้ายังไม่ออกไปจากที่นี่จะได้เห็นดี!” ท่าทางคุกคามทำเอาชายเผลอก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว
“แสน!” เสียงทุ้มกังวานตวาดให้ไหล่หนาสะดุ้ง ใบหน้าคร้ามหันไปยังต้นเสียง ชายเองก็เงยหน้าขึ้นไปยังระเบียงชั้นสองตาม
“คุณพระนาย!”
ผิวขาวจัดราวกับจะโปร่งแสง คิ้วเรียวเข้มรับดวงตาหมองเศร้า จมูกโด่งรั้นและริมฝีปากสีเข้ม เส้นผมสีนิลไหวแผ่วตามแรงลม บ่ากว้างภายใต้เสื้อคอตั้งสีขาวสง่าสวย คางเรียวเชิดขึ้นอย่างคนมีอำนาจ กระแสบางอย่างในดวงตาคู่นั้นทำให้ชายเย็นตรงหลังคอขนลุกซู่
|
|
v