...อสงไขย... แจ้งข่าว[13-02-2559 แจงรายละเอียดหนังสือ หน้า๑๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...อสงไขย... แจ้งข่าว[13-02-2559 แจงรายละเอียดหนังสือ หน้า๑๒]  (อ่าน 171509 ครั้ง)

oattie

  • บุคคลทั่วไป
แนวนี้ชอบมากค่ะ แต่ว่ารู้สึกสับสนอยู่ตอนนี้ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
ตัวยุ่งมาอีกแล้ววว :m16: :m16: :m16: :m31:

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
อย่ามาเอารูปของแก้วไปน๊า

devilmlb

  • บุคคลทั่วไป
นึกว่าจะต้องรอจนครบ กัลป์ เสียอีก คริคริ รอตอนหน้าจ้าา
ว่าแต่ฟิกที่ว่าเรื่องไรจ๊ะ

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
ผมชอบครับ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
โสภีจะมาแย่งของของแก้วตาเหรอเนี่ย

นางตัวร้าย ชัวร์ๆๆ

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
นางมารออกมาล่ะ คนนี้หรือเปล่าที่เป็นคนทำร้ายแก้วในชาติที่แล้วน่ะ


ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตัวร้ายหรือเปล่า   o22 เธอคือใคร  ???

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
รอแก้วตาอยู่นะคะ :call:

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ดัน ดัน :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
อยากอ่านแก้วตาน่ะ

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3

                                                        ...อสงไขย... 
                                                        ...กาลที่ ๔...
 








เสียงย่ำบันไดเรือนแม้จะเบาเพียงใด หากคนเฝ้ารอกลับได้ยินอย่างชัดเจน  เพียงเส้นผมสีนิลพ้นหัวบันไดขึ้นมาร่างโปร่งระหงของคนเฝ้ารอจึงรีบยืนขึ้นทันที

“กลับมาแล้วหรือคะคุณพี่”

“โสภี...”

“น้องมารอตั้งแต่เย็น  ไม่เห็นมีใครบอกน้องว่าคุณพี่จะกลับค่ำ”  หญิงสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้มสวย ทำท่าจะรับกระเป๋าเอกสารมาถือหากชายหนุ่มกลับส่งมันให้เด็กหนุ่มคนสนิทอย่างแสนเอาเข้าไปเก็บให้หล่อนยกมือเก้อจนต้องเสเปลี่ยนมาแตะชายผ้าตัวเอง

“พอดีพี่มีธุระน่ะ  เหตุใดน้องจึงมารอที่เรือนนี้ล่ะ”

“น้องไม่เห็นคุณพี่กลับมาทานข้าวที่เรือนใหญ่  กลัวว่าจะไม่สบายเลยเอาทั้งข้าวทั้งยามาให้   แล้วน้องมาไม่ได้หรือคะ?”  ท้ายประโยคเอ่ยถามเหมือนน้อยใจให้เจ้าของเรือนส่ายหน้าเบาๆ

“ขอบใจ  แต่หากพี่ไม่สบายจริงนมแย้มก็อยู่น้องไม่จำเป็นต้องมาหรอก...”

“ได้อย่างไรกันคะ  น้องต้องมาซิในเมื่อ...”

“คุณพระนายขอรับ  นมแย้มเตรียมสำรับเสร็จแล้วจะให้จัดอาหารขึ้นโต๊ะเลยไหมขอรับ”  แสนที่เดินออกมาจากห้องทำงาน เอ่ยขัดประโยคของหญิงสาวให้โดนมองด้วยสายตาไม่พอใจใส่  หากเด็กหนุ่มถือว่า  ไม่ใช่นายตนเหตุใดจึงต้องกลัว  คุณพระนายหนุ่มหันไปพยักหน้ารับก่อนหันมาทางโสภี

“ประเดี๋ยวพี่จะให้คนไปส่งน้องที่เรือนใหญ่”

“น้องกลับเองได้ค่ะ!”  เสียงหวานตวัดแหว   เจอหน้าไม่ทันไรเธอก็โดนอีกฝ่ายไล่กลับแบบนี้  มันน่าน้อยใจนักเชียว!

“มากับพี่ส้มมิใช่หรือ?  ถึงเรือนใหญ่จะใกล้แค่ชายคานี้แต่ค่ำมืดแล้วให้มีผู้ชายสักคนเถอะ  ไปแสน ไปบอกให้เจ้าเข้มมันไปส่งคุณโสภีเธอด้วย”  ชายหนุ่มหันมาบอกเด็กหนุ่มแล้วหยิบกระเป๋าถือใบเล็กของหญิงสาวส่งให้  พร้อมรอยยิ้มอ่อน  “บอกเจ้าคุณพ่อด้วยว่าพรุ่งนี้พี่จะเข้าไปกราบแต่เช้า”  เพียงแค่รอยยิ้มอ่อนโยนและความห่วงใยเล็กน้อยที่ชายหนุ่มมอบให้  ทำเอาความขุ่นเคืองในใจของโสภีหายไปเกือบหมด  หญิงสาวพยักหน้ารับ  ยกมือไหว้ร่างสูงแล้วเดินลงเรือนไป

“บอกนมแย้มเก็บสำรับเถอะแสน  ฉันไม่หิว”

“แต่ว่า...”  เด็กหนุ่มลังเลกับคำสั่ง  คุณพระนายของเขาดูเศร้าซึมตั้งแต่กลับจากเรือนหลังเล็กของนางรำคนนั้น  ท่าทางผิดหวังกับดวงตาโศกทำเอาเด็กหนุ่มอยากจะร้องไห้เพราะสงสารนายของตน  ดูเอาเถอะ  เจอรักแรกพบ...พอตามหากลับไม่ใช่ใครคนนั้น...

“ฉันจะอาบน้ำแล้วเข้านอนเลย  เอ็งไปกินข้าวกินปลาซะ  ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

“แล้วคุณพระนายล่ะขอรับ ไม่กินข้าวกินปลาประเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะขอรับ”  แสนเอาคำนั้นย้อนถามให้คนสั่งยืนนิ่ง

“ฉันไม่หิว”

“แต่....”

“แสน!”

“...ขอรับ...”  เด็กหนุ่มรับคำท่าทางหงอย  ก็เขาเป็นห่วงคุณพระนายแต่โดนดุกลับมา...



ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเตียงพลางถอนหายใจ   กลิ่นดอกราตรีหอมกรุ่นอวลเข้ามาในห้อง  หากเป็นคืนก่อนเขาคงนอนหลับสบายด้วยกลิ่นเย็นๆนี้  หากแต่คืนนี้...ในใจของเขากลับว้าวุ่นจนไม่อาจข่มตาให้หลับได้ลง
อยู่ไหนกันหนอ...
ดวงตาสีนิลคู่นั้น  ปรางค์นวลชวนพิศ  อีกทั้งริมฝีปากอิ่มที่แย้มยิ้ม...ทุกอย่างเขายังจำได้ติดตา  คาดหวังว่าถ้าได้เจอ...ก็อยากจะทำความรู้จักพูดคุยด้วย  คนที่แรกพบสบตาก็สามารถเข้ามานั่งอยู่ในใจเขาได้...
จะหมดความพยายามเพียงนี้น่ะหรือ?
ถึงจะคาดหวัง...แต่ความจริงบางอย่างก็ทำให้ชายหนุ่มต้องตัดใจเลิกหวัง... 
ตัดใจ...แต่จะทำได้ล่ะหรือในเมื่อหัวใจของเขานั้นโดนขโมยไปเสียแล้ว...โดนเจ้าของดวงตาคู่นั้นช่วงชิงหัวใจไปแล้วทั้งดวง....ถ้าอยากได้คืนคงต้องตามหาอีกครั้งแล้วขอหัวใจอีกฝ่ายมาบ้างเพื่อให้เท่าเทียมกัน

จะหักอื่นขืนหักก็จักได้
หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก
สารพัดตัดขาดประหลาดนัก
แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ


“เป็นอะไรของเอ็ง หืม  เจ้าแสน”  เสียงแหบสูงวัยเอ่ยถามพลางชะเง้อมองหาใครอีกคนที่น่าจะตามมาด้วยกัน

“คุณพระนายบอกให้เก็บสำรับจ้ะนม  เธอว่าไม่หิว”

“แล้วกัน   ...มีเรื่องอะไรรึ?”  มือเหี่ยวย่นยื่นชามข้าวให้เด็กหนุ่มพลางเลื่อนสำรับนั้นให้

“คุณพระนายอกหักน่ะซิ”  แสนว่าพลางยกชามข้าวขึ้น  ถอนหายใจแล้ววางมันลงทั้งที่ไม่ได้แตะสักนิด

“เอ็งพูดเรื่องกระไรของเอ็ง  คุณพระนายน่ะรึอกหัก  ประเดี๋ยวคุณโสภีได้ยินเข้าจะเป็นเรื่องหรอก”  นมแย้มว่า  แสนเบ้ปากอย่างไม่พอใจ

“เธอกลับเรือนใหญ่ไปแล้วล่ะนม  แต่ว่านะพูดถึงคุณโสภีกระผมไม่ชอบเลยขอรับ  เป็นสาวเป็นนางเหตุใดจึงทำตัวไม่เหมาะสมเช่นนี้”  เผี๊ยะ!   เด็กหนุ่มยกเข่าแทบไม่ทันเมื่อนมแย้มฟาดฝ่ามือลงมา   “นม  เจ็บ!”

“เออ  ตีให้เจ็บน่ะซิ ปากดีนักนะเอ็ง  กล้าดียังไงกล้าพูดถึงคุณโสภีเธออย่างนั้น ประเดี๋ยวเถอะ  ถ้าใครมาได้ยินเข้าเอ็งจะโดนโบยหลังลาย คุณพระนายก็ช่วยเอ็งไม่ได้หรอก” นมแย้มส่งสายตาเย็นๆใส่ให้เด็กหนุ่มเบ้หน้าคำรบสอง

“ก็มันจริงนี่ขอรับ  กระผมไม่ชอบเลยทั้งๆที่คุณพระนาย...”

“แล้วอย่างไร?   เอ็งเป็นใครถึงจะห้ามเรื่องนั้นได้  ถึงอย่างไรเรื่องที่คุณพระนายอยากทำหรือไม่อยากทำเคยกำหนดเองได้รึ? ...แต่หากไม่มีท่านเจ้าคุณเสียคนแม้แต่เอ็งก็คงได้ไปดำนาตัวดำอยู่แถวนี้แหละ”    แสนเม้มปากแน่น  เพราะจริงอย่างนมแย้มว่าจึงได้แต่เจ็บใจ  สงสารคุณพระนายแต่ช่วยอะไรไม่ได้แบบนี้มันน่าโมโหตัวเองเหลือเกิน

“เรามันบ่าวนะแสน...ได้รับความเมตตามากขนาดนี้แล้ว..เอ็งจะเอาอะไรอีก”

“กระผมรู้...”

“เอาเถอะ...ตอนที่ยังไม่ถึงเวลานั้นเอ็งจะช่วยคุณพระนายให้สมหวังเรื่องอะไรของเอ็งก็ทำไป  แต่อย่าลืมล่ะ สุดท้ายก็ต้องเป็นคุณโสภีเธออยู่ดี”  นมแย้มถอนหายใจก่อนจะลุกกลับห้องของตัวเอง  ทิ้งให้เด็กหนุ่มถอนใจหนักหน่วงพลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดีหนอ  ให้คุณพระนายผู้มีดวงตาแสนเศร้ากลับมายิ้มแย้มได้อีก

เสียงขลุ่ยหวานเศร้าบาดหูดังแว่ว...
แสนเงยหน้าขึ้นมองไปทางห้องนอนใหญ่ของคุณพระนายพลางนิ่วหน้า  ไม่บ่อยนักที่ผู้เป็นนายจะบรรเลงเพลงขลุ่ยให้ได้ยิน  หากแต่นี่คงเป็นเพราะเรื่องเมื่อตอนเย็นเป็นแน่แท้...แสนย้ายตัวเองไปนั่งลงหน้าห้องรอจนเพลงจบจึงเคาะประตูเอ่ยถามเสียงเบา

“คุณพระนายขอรับ   จะออกไปเดินเล่นหน่อยไหมขอรับ?”

“...ไม่  เอ็งไปนอนเถอะ”

“....ขอรับ” แสนถอนหายใจ  เห็นทีวันพรุ่งนี้เขาคงต้องหาทางทำอะไรบ้างเสียแล้ว
.
.


เด็กหนุ่มเหลือบมองคนด้านหลังก็ให้ถอนหายใจ  หลังจากคุณพระนายเข้าไปกราบเจ้าคุณบิดาบุญธรรมก็ออกมาทานอาหารที่ทางเรือนใหญ่จัดไว้ให้แล้วออกมาทำงานทันที  เด็กหนุ่มรู้ว่าคนเป็นนายอึดอัดเพียงใดกับการร่วมสำรับกับคุณหญิงใหญ่  อีกทั้งลูกชายลูกสาวของท่าน  หากกระนั้นคุณพระนายของแสนก็ยังรักษาสีหน้านิ่งเฉยเอาไว้    แต่ตอนนี้เล่า...ใบหน้าคมสันนิ่งเหม่อมองออกไปด้านนอกรถนั้นดูไม่สดชื่นเอาเสียเลย   แย่เสียยิ่งกว่าตอนทำหน้าตายเมื่อเช้าเสียอีก.. แสนนั่งคิดหาเรื่องคุยเพื่อให้คนเป็นนายได้หัวเราะบ้าง  เพียงแค่ขยับปากเท่านั้นเสียงทุ้มก็ตวาดลั่น

“หยุด!”

“ขอรับ?”  คนขับรถเลิกคิ้วถามหากแต่ยังไม่แตะเบรก  คุณพระนายยืดกายขึ้นมองเหลียวหลังแล้วตะคอกเสียงดังอีกครั้ง

“หยุดรถ!”

“ขอรับ”  คนขับรถแทบเหยียบเบรกไม่ทันเมื่อได้ยินคำสั่งชัดเจน  หากแสนไม่ทันเอ่ยถามว่าให้หยุดรถทำไมร่างสูงของคุณพระนายหนุ่มก็พลันเปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว

“คุณพระนายขอรับ!” แสนวิ่งตาม  เห็นแผ่นหลังกว้างเพียงครู่แล้วหายไปในกลุ่มคน  เด็กหนุ่มหยุดนิ่งพลางคิด 
คุณพระนายวิ่งตามอะไร?

ตลาดยามเช้าผู้คนพลุ่กพล่านนัก  ไหล่กระทบไหล่  เสียงพูดคุยเซ็งแซ่  หากกระนั้นเขาก็พยายามมองหาร่างคุ้นตาอย่างเอาเป็นเอาตาย      เขาไม่ได้ตาฝาด  เมื่อครู่ตอนนั่งอยู่ในรถ  แม้จะเพียงชั่วครู่เดียว...เส้นผมสีนิล  ดวงหน้าอ่อนหวาน....เขาจำได้ไม่ผิดแน่...

คนคนนั้นหายไปไหนเสียแล้วเล่า...
คุณพระนายหยุดเท้า  เหลียวซ้ายแลขวาท่ามกลางความวุ่นวาย   หัวใจของเขาเต้นรัวแรงราวกับกลางรบ...มันดังลั่นในอกเสียจนเจ็บไปหมด  ดวงตาคมคู่สวยกวาดมอง  ไล่ตามหาร่างเล็กบอบบางหากแต่ไม่มีแม้เงา...คิ้วเข้มขมวดมุ่น...
ขอตามหาอีกหน่อยเถอะนะ  พี่อยากให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดเพราะคิดคำนึงถึงเจ้ามากจนเกินไป... 

ร่างสูงทอดถอนใจเมื่อไร้วี่แววของคนในห้วงความคิด   ตัดใจหันหลังกลับไปทางเดิม   เดินเชื่องช้าด้วยเพียงหวังว่าก้าวใดก้าวหนึ่งของเขาจะนำพาไปพบใครคนนั้น 

หากเพียงชายหนุ่มจะทอดสายตาลง...
หากเพียงเขาจะเดินต่อไปอีกไม่กี่ก้าวแล้วแลสายตาไปด้านข้างของตน...
เขาก็คงได้พบเจ้าของความคิดคำนึงถึงผู้นั้น...

ร่างเล็กในเสื้อฝ้ายสีขาวสะอาดตากำลังเจื้อยแจ้วต่อรองราคากับแม่ค้าวัยกลางคนด้วยน้ำเสียงสดใส  หยิบๆจับๆพลิกหมวกสานใบงามแล้ววาดสีหน้าออดอ้อนให้คนขายระอาใจจนยอมลดราคาไปเกือบครึ่งเข้าเนื้อขาดทุนไม่น้อย

“ขอบคุณนะจ๊ะป้า”  หมวกสีสดสวมทับลงปิดเรือนผมสีนิลที่ถูกม้วนลวกๆจากความยาวนั้น  เจ้าของเรือนผมงามยิ้มกว้างให้แม่ค้าที่ส่งค้อนวงโตมาไม่ขาด    แล้วเขาจึงยื่นถุงขนมในมือ

“ขนมใส่ไส้จ๊ะ  ขอบคุณที่ลดราคาให้”

“เออๆ”  ถึงจะแกล้งทำเสียงไม่พอใจหากมือก็รับห่อขนมมา  ก่อนจะโบกมือไล่ลูกค้าจอมต่อรองซึ่งคุ้นหน้ากันดี  ร่างเล็กระหงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันเดินทิศตรงกันข้ามกับใครบางคนออกไป...

ถ้าร่างเล็กนั้นจะหันกลับมาสักนิด...เขาคงได้พบกับใครบางคนที่ถวิลหาเพียงเขา...
หากเพียงเขาจะเดินช้าลงหน่อย...เขาคงได้พบกับเจ้าของดวงตาแสนโศกที่คอยมองตามหาแต่เพียงเขา
ถ้าหากเขา...ถ้าแก้วตาจะหยุดเท้าแล้วแวะข้างทางอีกสักร้าน...เขาคงได้พบกับเจ้าของหัวใจที่เต้นรัวแรงราวกลองรบคนนั้น...
คุณพระนายแห่งวังหลวงผู้หล่อเหลา  เจ้าของดวงตาโศก  คุณใหญ่...


**********

“ขอบคุณพี่ชายจริงๆนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก  พี่ยินดีช่วยอยู่แล้ว  อีกอย่างก็เป็นความตั้งใจของพี่ที่จะเปิดแกลลอรี่ระหว่างรองานอื่นพอดี”  ชายหนุ่มส่งยิ้มสวยให้คนตรงหน้า   วันนี้ชายติดต่อให้แก้วตานำภาพวาดไปวางขายในแกลลอรี่ของเขาซึ่งเพิ่งเปิดได้ไม่กี่วันตามคำแนะนำของฤดีน้องสาว

“ถ้ายังไงพี่ชายจะไปดูภาพก่อนไหมครับ?”  เด็กหนุ่มเอ่ยถาม  อย่างน้อยก็อยากให้เป็นภาพสวยที่สุดที่จะนำไปวางขาย  ไม่อยากให้พี่ชายของเพื่อนต้องขายหน้าเพราะเขา

“ไปซิครับ”  ร่างสูงลุกตามคนตรงหน้าด้วยหัวใจพองโต  อย่างน้อยตอนนี้ก็เหมือนแก้วตาจะให้ความสนิทสนมกันมากขึ้น  เด็กหนุ่มลุกขึ้นเพื่อจะนำเข้าไปยังห้องโถงจู่ๆ แสน ที่ไม่รู้ว่ายืนซ่อนตัวอยู่ตรงไหนก็โผล่มาขวางหน้าทำเอาแก้วตาสะดุ้งโหยง 

“ให้กระผมนำภาพมาให้ที่นี่ไม่ดีกว่าหรือขอรับ?” 

“โธ่  แสน ตกใจหมด”  แก้วตาส่งค้อนให้คนตัวโตกว่าอย่างไม่ใคร่พอใจนัก  หากแสนก็ตีสีหน้านิ่งส่งสายตาไม่พอใจให้คนข้างหลังแก้วตา   มากกว่าจะเห็นสายตาของคนตัวเล็ก “ภาพตั้งหลายภาพ  แสนยกมาไม่ไหวหรอก”  สรรพนามเหมือนคนคุ้นเคยเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายไม่ติดขัด  เพราะแสนขอเอาไว้ว่าอย่าเรียกเขาว่า   คุณ  ให้เรียกชื่อเฉยๆก็พอ  คราแรกแก้วตาไม่สนิทใจนักหากชายหนุ่มยืนกรานหนักแน่นเขาจึงยอมและเสนอให้แสนเรียกเขาสั้นๆว่า    แก้ว  เช่นกันเพราะดูจากหน้าตาแล้วอายุของพวกเขาคงห่างกันไม่กี่มาก-น้อย  กระนั้นแสนก็ยังคงเรียกชื่อของเขาโดยมีคุณนำหน้าทุกครั้ง  พอเขาใช้ไม้ตายว่าจะเรียกแสน ว่าคุณแสนบ้างก็โดนสายตาดุๆโต้กลับและค้านหัวชนฝาจนอ่อนใจจะต่อล้อต่อเถียง  หนำซ้ำยังแทนตัวเสียสุภาพนักหนาราวกับแก้วตาเป็นเจ้าเป็นนายอย่างนั้นแหละ

“กระผมจะยกมาให้ขอรับ”  แสนยังคงยืนกราน   ขวางทางทั้งสองไว้ไม่ขยับพลางจ้องหน้าชายเขม็ง

“...ตามใจ!”  แก้วตากระแทกเท้าแล้วหันหลังกลับทิ้งตัวลงนั่งตามเดิม  ชายมองหน้าแสนอย่างไม่เข้าใจแต่กระนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรพลางเดินมานั่งด้วยอีกคน
แล้วแสนก็ยกภาพทั้งหมดของแก้วตามาไว้ในศาลานั่งเล่นได้ภายในเวลาอันรวดเร็วจนน่าแปลกใจว่ายกคนเดียวอย่างไรไหว   ถึงอย่างนั้นแก้วตาก็ยังคงไม่ยอมมองหน้าเขาอยู่นั่นเอง  ชายตัดสินใจนำภาพวาดของแก้วตากลับไปทั้งหมดโดยมีเจ้าของภาพช่วยยกขึ้นรถ  แต่ส่วนใหญ่เป็นแสนที่ยกเสียมากกว่า  หลังจากพี่ชายเพื่อนกลับไปแล้วเด็กหนุ่มก็เข้าไปในครัวเพื่อช่วยมารดาเตรียมของที่จะใช้ทำขนมตอนเช้ามืดต่อ
.
.


V
V
V

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
.
.

“คุณแก้วเดินดูรอบๆเรือนหมดหรือยังขอรับ?”  แสนเอ่ยถามเมื่อช่วยเพ็ญจันทร์กับแก้วตาเสร็จ   เด็กหนุ่มนิ่งไม่ยอมตอบ  แสนอมยิ้มก่อนจะเอ่ย    “คุณแก้วรู้หรือไม่ว่าเรือนนี้เรียกว่า  เรือนขาว...”  นั่นเพราะตัวเรือนทั้งหลังเป็นสีขาวนั่นเอง

“ใครจะไปรู้?”  น้ำเสียงหวานสะบัดตอบ    ในที่สุดแสนก็เรียกความสนใจของแก้วตามาได้ก่อนเจ้าของใบหน้าเนียนจะแหงนมอง เรือนขาว   ทุกอย่างตั้งแต่แผ่นไม้จนถึงหลังคา...บ่งบอกถึงความละเอียดตั้งแต่การออกแบบเรือนจนถึงวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง  ...เจ้าของคงจะสร้างเรือนหลังนี้ด้วยความรักเป็นแน่แท้...

“เรือนนี้เป็นของเจ้าหมื่นเสมอใจราชในสมเด็จฯ ที่6    ท่านเป็นบุตรบุญธรรมของท่านเจ้าคุณ   เอ่อ  เจ้าพระยานฤบดินทร์...”

“แต่นายบอกว่าเรือนนี้เป็นของฉันตอนที่นายบอกให้ฉันกับแม่มาอยู่ที่นี่?”  ไม่ใช่ว่าแก้วตาละโมบอยากจะได้เรือนนี้จึงเอ่ยท้วง  เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าตกลงแล้วความจริงคือเช่นไรกันแน่

“....เจ้าหมื่นเสมอใจราชหรือเรียกว่าคุณพระนาย ....คุณใหญ่   คุณพระนายคือคนสร้างขอรับ” แสนเล่าต่อ  ไม่ได้ไขข้อข้องใจของแก้วตาราวก็ไม่ได้ยินคำถามนั้น

“คุณใหญ่?”  ไม่รู้ทำไมชื่อนี้จึงทำให้หัวใจของแก้วตาเต้นผิดจังหวะ   มันรู้สึกคุ้นเคย  รู้สึกอบอุ่น  และเหนืออื่นใดเขารู้สึกคะนึงหาอย่างเหลือเกิน... แขนเล็กยกขึ้นโอบตัวเองเมื่อคล้ายมีสายลมแผ่วพัดผ่าน  ไม่ได้หนาว...หากแต่มันเศร้าอย่างไรบอกไม่ถูก...

“ขอรับ  ท่านสร้างเรือนนี้ขึ้นเพื่อจะอยู่กับคนที่ท่านรัก....”

ความรู้สึกหดหู่ เศร้าหมองคำรบสองจู่โจมหลังคำบอกเล่าจากคนข้างกาย  ...สร้างเพื่อคนที่รักอย่างนั้นหรือ?  แล้วทำไมเราต้องรู้สึกเศร้าด้วยล่ะ?  เด็กหนุ่มมุ่นคิ้ว  ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองหากนั่นกลับเรียกรอยยิ้มจากแสนได้อีกรอบ

“แต่ช่างน่าเศร้า  ยังไม่ทันได้ย้ายเข้ามาอยู่    เรือนนี้ก็กลายเป็นเรือนร้าง...”

“?”  น้ำเสียงเจ็บปวดทำให้แก้วตาเงยหน้าขึ้นมอง

“ทั้งๆที่รักกันมากถึงขนาดนั้นกลับต้องพลัดพรากจากกันโดยไม่ได้เอ่ยคำลาสักคำ”  ท้ายเสียงของคนตัวโตสั่นไหวจนแก้วตารับรู้ได้ถึงความเสียใจในน้ำเสียง

“จากกัน?”

“ขอรับ    แต่ไม่เป็นไรแล้ว   อีกไม่นานทั้งสองจะได้พบกัน...” แสนยิ้มกว้างเหมือนดีใจนักหนา  จ้องสบตาคนตัวเล็กอย่างคาดหวัง  หากแก้วตาไม่รู้ว่าแสนต้องการสื่ออะไร

“?”

“ด้านหลังเรือนขาวมีสวนดอกไม้หลายชนิดเลยนะขอรับ  นมแย้มท่านชอบร้อยมาลัยคุณพระนายท่านเลยให้ปลูกได้ตามใจชอบ” ร่างสูงหันหลังออกเดินนำอีกครั้ง

“นายพูดเหมือนนายกับนมแย้มรู้จักคุณพระนายคนนั้น?”

“รู้จักซิขอรับ!”

“?”

“เอ่อ   กระผมหมายถึงตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า”

“อ้อ”  แสนเดินนำแก้วตาไปยังแปลงดอกไม้ที่มีทั้งดอกกุหลาบหลากสี  ดอกยี่โถ  ดอกโบตั๋น  ดอกดาวเรือง  ดอกบานไม่รู้โรย  และอีกหลายชนิดจับนับชื่อไม่ถูกเพราะกินบริเวณกว้างพอสมควร  ต่างกับด้านหน้าซึ่งปลูกเป็นดอกไม้ต้นใหญ่และอายุยืนเพื่อให้ร่มเงานอกจากกลิ่นหอม

ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่เรือนหลังนี้แก้วตาก็เพิ่งได้มีเวลาสำรวจรอบๆคราวนี้เอง  อาณาเขตโดยรอบกว้างขวางมากจนน่าจะปลูกเรือนเพิ่มได้อีกสักหลัง  แปลงดอกไม้ที่แสนว่านั้นติดกับคลองใหญ่มีศาลาท่าน้ำยื่นออกไปสำหรับนั่งเล่น

“ด้านหลังนี้มีห้องโถงกว้างอีกห้องนะขอรับ  คุณพระนายท่านว่าสร้างไว้ให้คุณแก้ว  เอ่อ  คนรักของท่านเอาไว้ซ้อมรำ”

“ซ้อมรำ?”

“ขอรับ  เธอเป็นนางรำของกรมพิณพาทย์  โดยเฉพาะรำฉุยฉายนี่งามอย่าบอกใครเชียวขอรับ  งามจนคุณพระนายท่านหวงไม่อยากจะให้ไปรำให้คนอื่นดู”  เสียงทุ้มกลั้วหัวเราะจนเด็กหนุ่มต้องยิ้มตาม

“ขนาดนั้นเชียว?”

“ขอรับ  ท่านหวงของท่านนี่นา”

“....คงจะรักกันมาก”  ท้ายเสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา

“ขอรับ  แต่กว่าจะรักกันนี่ทำเอาคนช่วยปวดหัวไปตามๆกันเลยล่ะขอรับ พอรักกันก็ทำให้คนเคยช่วยอิจฉาได้อีก” แสนหัวเราะร่าอย่างมีความสุขยามได้เอ่ยถึงคุณพระนายและคนรัก

“แล้ว...คนรักของคุณพระนายเป็นคนยังไงหรือ?”  ไม่รู้ทำไมแก้วตาถึงอยากรู้ว่าคนที่โชคดีคนนั้นเป็นใคร  เรือนไม้สีขาวงดงามนี้จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเธออย่างตั้งใจขนาดนี้

“เธอเป็นคนที่งามมากขอรับ  เส้นผมสีนิลยาวสลวย  ดวงตาราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน...ริมฝีปากสีแดงโดยไม่ต้องแต้มชาดสักนิด...ผิวขาวราวหยวกกล้วย....รูปร่างอรชร”  ระหว่างถ้อยคำบรรยายหากแก้วตาไม่ได้คิดไปเอง  ดูเหมือนแสนจะจ้องมองเขาราวกับจะบอกว่าคนคนนั้นคือเขา...หรือเหมือนเขา....

โดยไม่รู้สาเหตุหัวใจของแก้วตาเต้นระรัว   ....ยินดีในอกอย่างแปลกประหลาดแค่เพียงเพราะคิดว่าตัวเองคล้ายใครคนนั้นของคุณพระนาย

“แต่ความจริงกลับแก่นเซี้ยวเหลือหลาย” แสนหัวเราะเสียงดัง

“ดูไม่น่าจะเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆเลยนะ  จากที่ฟังมาเนี่ย”  แก้วตายิ้มตอบ  คล้ายจะถูกชะตากับคนในอดีต

“ขอรับ  เธอไม่เหมือนผู้หญิงหลายๆคนที่เข้ามาหาคุณพระนาย  ผู้หญิงพวกนั้นเพียงหลงรูปลักษณ์ภายนอกและทรัพย์สินลาภยศของคุณพระกันทั้งนั้น”

“นายพูดเหมือนรู้จักเธออีกแล้ว?”

“ก็จากที่เล่าๆต่อกันมาน่ะขอรับ  เธอ..ในตอนแรกชังน้ำหน้าคุณพระนายอย่างกับอะไรดี   ถึงขั้นลงไม้ลงมือชกเลยนะขอรับ”  แก้วตาตาโตกับคำบอกนั้น

“ขนาดนั้นเชียว?”

“จริงขอรับ  บางครั้งก็แอบปีนต้นไม้หนีคุณพระนายที่ตามตื้อบ้างล่ะ  หลอกให้โดดลงคลองเก็บดอกบัวบ้างล่ะ โอ๊ย สารพัด  อะไรแกล้งได้เธอเล่นงัดออกมาหมด”

“แบบนี้คุณพระนายของแสนไม่หนีหรอกรึ?”

“แล้วคุณแก้วคิดว่าท่านหนีหรือเปล่าล่ะขอรับ?”  อีกครั้งเมื่อสายตาของแสนส่งคำถามมาให้เขาและแก้วตารู้ว่าความจริงแล้ว   แสนรู้คำตอบของมันดี   หากกระนั้นในใจมันก็อดไม่ได้ที่จะเต้นโครมคราม   คล้ายว่าตัวเองคือคนในอดีตที่พวกเขากล่าวถึง...คนรักของคุณพระนายคนนั้น

“ไม่...ไม่รู้ซิ  ไม่หนีมั้ง?”  ที่จริงแก้วตาเกือบจะหลุดพูดว่า  ไม่หนี  ออกไปอยู่แล้วหากแต่ขยับลิ้นเปลี่ยนทัน

“ขอรับ  คุณพระนายท่านไม่หนี  หากแต่ทำทุกอย่างเพื่อให้เธอรับรู้ว่าท่านจริงใจแค่ไหน   ถึงแม้ว่า...”

“ถึงแม้ว่า?”   แสนจ้องสบตาของคนตรงหน้านิ่ง   

“ช่างมันเถอะขอรับ”  ว่าแล้วก็เดินหันหลังออกไป

“ห๊ะ?”

“นั่นขอรับ  ห้องโถงที่ว่า”  แสนชี้ไปยังบานประตูที่ถูกคล้องกุญแจเอาไว้แน่นหนานั้น  แก้วตามองตามก่อนจะปล่อยให้ความรู้สึกค้างคานั้นพักไว้ก่อน  แล้วก้าวไปใกล้ร่างของแสน

“นี่น่ะหรือ  ทำไมถึงปิดไว้ล่ะ?”

“คุณอยากจะเข้าไปดูไหมขอรับ?” หากแก้วตาจะเพ่งสมาธิฟังน้ำเสียงของแสนสักนิดเขาคงได้รู้ว่ามันแฝงความยินดีและกระตือรือร้นมากเพียงใด

“ได้หรือ?”

“ขอรับ!”  แสนรับคำก่อนจะล้วงเข้าไปอกเสื้อ  ลูกกุญแจดอกสวยถูกจ่อเข้ากับแม่กุญแจ  แค่เพียงหมุนข้อมือเพียงเล็กน้อย  สิ่งที่เขาวาดหวังมาตลอดก็จะได้บรรลุเป้าหมายเสียที!

“มาทำอะไรกันตรงนี้?”  เสียงแหบพร่าตามวัยตวาดก้องจนทั้งสองสะดุ้งโหยง

“นมแย้ม”  แสนครางเสียงต่ำ

“พ่อแก้วมาอยู่นี่เองหรอกรึ  เห็นแม่เพ็ญจันทร์ตามหาอยู่แน่ะ”  นมแย้มละสายตาจากแสนมายังเด็กหนุ่มอีกคน

“แม่มีอะไรหรือจ๊ะ?”

“เห็นว่าจะออกไปซื้อกระจาดวางขนมหรือหาบอะไรเพิ่มนี่ล่ะ”

“งั้นหรือ  ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแก้วคงต้องไปช่วยแม่ซื้อของแล้วล่ะ”  เด็กหนุ่มว่า  พลางหันมาทางแสนด้วยท่าทางเสียดาย  “เอาไว้วันหลังเราค่อยมาดูก็แล้วกันนะแสน”   เจ้าของนามพยักหน้ารับไม่กล่าวอะไรออกมาอีกเมื่อแก้วตาเดินจากไป

“เอ็งทำกระไรของเอ็ง หะ  ไอ้แสน!”  ลับหลังเด็กหนุ่ม  นมแย้มตวาดคนที่ยืนนิ่งเสียงดังไม่พอใจ

“ก็กระผมร้อนใจนี่ขอรับนม”  แสนอธิบาย

“เอ็งก็เลยคิดจะพาเธอเข้าไปในนั้นอย่างนั้นรึ?”    แสนพยักหน้ารับ     “แล้วเอ็งคิดว่านั่นคือสิ่งที่คุณพระนายต้องการอย่างนั้นรึ  เจ้าโง่!”   สายตาของนมแย้มยังแฝงความโมโห

“แล้วจะให้กระผมทำอย่างไรล่ะขอรับ   นมก็เห็นอยู่ว่าท่านทุกข์ทรมานมากมายถึงเพียงนี้  ทั้งๆที่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือหากแต่ไม่สามารถพบหน้า  ไม่สามารถพูดคุยได้!”  เสียงของเด็กหนุ่มสั่นเครือ  ทำเอาคนโมโหใจอ่อน

“แล้วอย่างไร? เอ็งคิดว่าข้าไม่สงสารคุณพระนายหรือไง ข้าเองก็สงสารท่านแต่...หากคุณแก้วเธอนึกไม่ออกจำไม่ได้จะมีประโยชน์อันใดที่เราจะให้เธอเข้าไปในห้องนั้น  เธอคงได้ตกใจจนกลัวน่ะซิ   หรืออาจจะหนีไปก็ไม่รู้”  นมแย้มว่า

“แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะขอรับนมแย้ม  กระผมอยากให้คุณพระนายได้อยู่กับคุณแก้วเธอเร็วๆ”

“ทำให้มาอยู่ที่นี่กับเราตลอดไปก็ไม่ได้เสียด้วยซิ  แบบนั้นคุณพระนายของเราจะยิ่งเสียใจ”

“ท่านไม่ได้ต้องการวิญญาณ  ไม่ได้ต้องการกักขัง  หากเพียงแค่ความรักทั้งหมดของคุณแก้วเท่านั้น” 

“....เอาเถอะแสน  ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า  คุณพระท่านเองก็คงอยากให้เป็นเช่นนั้นแน่”

“แต่ว่า...”

“แสน!”  นมแย้มเตือนสติชายหนุ่มให้จำใจพยักหน้าก่อนเงยหน้าของขึ้นไปบนเรือนเลยไปทางด้านหน้าตรงระเบียงกว้างซึ่งมีเงาร่างของใครบางคนยืนมองแผ่นหลังเล็กของแก้วตาเดินออกไปด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ห่วงหา  โศกเศร้าจนไปถึงขั้วหัวใจ...

“กระผมตัดสินใจแล้วนมแย้ม    ว่าจะเร่งมือทำทุกอย่างให้คุณแก้วเธอจำทุกอย่างให้ได้เร็วที่สุด!”
.
.

“ไม่รู้ว่าหายไปไหนซิน่า”

“อะไรของเอ็ง หือ  แม่เพ็ญจันทร์เห็นบ่นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”  คนสูงวัยกว่าเงยหน้าขึ้นจากเชี่ยนหมากถามคนตรงข้าม

“ก็แก้วตาน่ะซิ  กลับมาจากตลาดแล้วหายไปไหนก็ไม่รู้”

“คงขึ้นไปนอนกระมัง  เห็นท่าทางเพลียๆ  บ่นๆว่าปวดหัว”

“อะไรกัน  เย็นขนาดนี้ตะวันทับตากันพอดี”  เพ็ญจันทร์บ่นทำท่าจะลุกขึ้นไปตามบุตรชาย

“ปล่อยไปเถอะแม่เพ็ญ  เด็กมันคงรู้สึกไม่ค่อยสบายแล้วเอ็งจะไปปลุกมันทำไม”

“เพราะอย่างนั้นน่ะซิ  ฉันจะขึ้นไปดูลูกเสียหน่อยจ๊ะนมแย้ม  กินหยูกกินยาหรือยังก็ไม่รู้”

“ข้าเอาให้กินแล้วล่ะ  เอ็งก็ไปทำกับข้าวกับปลาให้ลูกมันไป๊  ประเดี๋ยวมันตื่นขึ้นมาจะได้กินแล้วพักผ่อนจะได้หายเร็วๆ”

“เอาอย่างนั้นหรือจ๊ะนม?”

“เออน่า  ข้าไปดูมันมาแล้วมันหลับอยู่   เอ็งจะห่วงอะไรนักหนาเชียว”  เพ็ญจันทร์เปลี่ยนทิศทางจากห้องนอนใหญ่เป็นเข้าครัวแทนเพื่อจะทำข้าวต้มปลาให้บุตรชาย
หากแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด  พอทำอาหารเสร็จเธอจึงลืมขึ้นไปปลุกลูกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้  และนมแย้มก็ชวนหล่อนคุยจนลืมเวลาเลยไปเกือบค่อนคืนแล้วก็ขอตัวกลับห้อง  พอล้มหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายไปจนถึงเช้า  กว่าจะรู้ตัวว่าลืมไปดูแลบุตรชายที่นมแย้มบอกว่าไม่สบายตั้งแต่ช่วงหัวค่ำก็เข้าเช้าวันใหม่ไปเสียแล้ว
.
.

เจ้าของใบหน้านวลหลับตาพริ้ม  ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวอยู่ในนิทราลึกจนไม่รับรู้ถึงการมาเยือนของใครบางคน  ริมฝีปากสีเข้มเผยอหายใจ  บางครั้งก็แย้มยิ้มโดยไม่รู้ตัว  บางครั้งคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่น
ร่างสูงทรุดกายลงนั่งด้านข้างร่างเล็ก    ปลายนิ้วเย็นเฉียบแตะแผ่วเบาไล่ไล้จากหน้าผากเกลี้ยงเกลา  ปลายจมูกมนและหยุดนิ่งตรงริมฝีปากอิ่มเนิ่นนาน  โน้มกายลงแตะแต้มปลายจมูกลงผิวแก้มเนียนอ่อนเพียงแผ่วด้วยความคิดถึงที่ท้วมท้น   ถึงแม้จะใกล้ถึงเพียงนี้แต่ความคิดคำนึงยังคงพลุ่งพล่านไม่อาจทำให้มันสงบลงได้เลยแม้สักวินาที   ตั้งแต่ได้พบหน้า  ได้รับรู้ว่าใกล้กันแค่เพียงสิ่งบางเบาขวางกั้น  ...แค่มวลอากาศ....
แสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างกระทบใบหน้าหล่อเหลาหมองเศร้าของคุณพระนายเจ้าของเรือนขาว  คิ้วเรียวขมวดแน่นคล้ายไม่พอใจหากแต่ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก  เพียงแค่เฝ้ามองคนรักเงียบๆไปอย่างนั้น   ผ้าแพรเพลาะสีบานเย็นถูกรั้งขึ้นคลุมถึงแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงสม่ำเสมอเพราะอากาศกลางดึกเริ่มเย็นขึ้นกว่าตอนหัวค่ำ  กลิ่นหอมจากพวงมาลัยสดที่นมแย้มนำมาวางบนตั่งข้างเตียงส่งกลิ่นอวลกลิ่นดอกแก้วโชยมาจากด้านนอกให้เย็นชื่นทรวง  กระนั้นก็สู้กลิ่นหอมจากนวลแก้มระเรื่อนี้ไม่ได้เลย

รวยรินกลิ่นแก้วแผ่วโผยโชยมา               ชื่นในอุราหอมดอกแก้วพารำพึง
เพ้อครวญหวนคลั่งถึงคราครั้งหนึ่ง               ถึงคืนนั้นซึ่งผูกพันตราตรึงซึ้งอยู่ในฤทัย
ราตรีแจ่มจันทร์สวรรค์ริมธาร              ดอกแก้วเริ่มบานหอมกรุ่นดวงมานปานใด
หอมยังแพ้นวล หอมแก้วขวัญใจ               หอมแก้วครั้งใดหอมแก้วฤทัยก็โลมไล้ชีวิน

“...หน้าตาดูไม่สบายเอาเสียเลย...”  เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยห่วงใย

“คงเพราะตากแดดตากลมตั้งแต่หัววันกระมังขอรับ   ออกไปช่วยแม่เพ็ญจันทร์ซื้อของตั้งแต่เช้ามืด  เมื่อบ่ายก็ออกไปอีกรอบ”  เสียงเข้มในเงามืดเอ่ยตอบกลับมา  เจ้าของร่างนั้นกลืนไปกับความว่างเปล่าจนแทบจะไม่รู้สึกและมองไม่เห็นหากไม่ได้ยินเสียง  เขามองร่างที่นอนเหยียดยาวบนเตียงไม่ได้ก้าวเข้ามาใกล้ทั้งสองแต่อย่างใด

“.....ดีที่ช่วงนี้ไม่ได้ฝันถึงที่นั่น...ป่านั่น...”  ดวงตาคมไหวระริก สงสารคนตรงหน้าจับใจ

“มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ขอรับ  หากเธอไม่ฝันถึงที่นั่น  ถ้าเธอนึกไม่ออก...”

“ฉันเข้าใจแสน  ฉันเข้าใจ....  แต่เวลาที่เอ็งเห็นใบหน้านี้เจ็บปวดเอ็งทนได้ล่ะหรือ?”  แสนก้มหน้านิ่งไม่ตอบคำเมื่อได้ฟังคำ  “ถ้าเป็นไปได้...ฉันอยากจะรับความทรมานในวันนั้นมาไว้ที่ตัวเองด้วยซ้ำ...”

“คุณพระนายขอรับ...”

“...มาชาตินี้ ภพนี้แม้แต่ในความฝันก็ยังต้องเจอแบบนั้นอีก”  เสียงทุ้มสั่นไหวด้วยแรงอารมณ์  “ฉันเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า  แสน?”

“คุณพระนายไม่ได้เห็นแก่ตัวนะขอรับ!”  คนเป็นบ่าวโพล่งคำปฏิเสธดังลั่นอย่างไม่พอใจ

“ฉันรู้ดีแสน   ฉันเห็นแก่ตัวแต่ฉันก็เลิกรอไม่ได้”

แสนร้องไห้เงียบๆกับเสียงเศร้าโศกของคนเป็นนาย    เพราะคุณพระนายของเขา...ร้องไห้มานานจนไม่มีแม้แต่น้ำตาจะไหลอีกแล้ว

“ดูมือคู่นี้ซิ  แตกระแหงถึงเพียงนี้...”  ชายหนุ่มคว้ามือเล็กขึ้นแนบแก้มตัว  สายตายังไม่ละไปจากใบหน้านั้น   ก่อนจะได้เจอกันเขารู้ว่าแก้วตาลำบากมามาก  ดิ้นรนปากกัดตีนถีบเพื่อส่งตัวเองเรียนหนังสือสูงๆ  ไหนจะบ้านเช่าหลังเล็กราคาแพงนั่นอีก  ถ้าเขาตามหาเจอตั้งแต่แก้วตายังเล็กเขาก็คงไม่ต้องลำบากมากถึงขนาดนี้

“เราทำเต็มที่แล้วนะขอรับ”  ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำของแสน  “ถ้าอย่างไรสมบัติที่ซ่อนไว้...”

“เอ็งคิดว่าเขาจะรับหรือ?”  เอ่ยขัดประโยคให้แสนนิ่งเงียบส่ายหน้าตอบคุณพระนาย

“ไม่ขอรับ  เธอจะไม่รับหนำซ้ำคงจะด่าเสียจนเปิดเปิงเป็นแน่”  คำตอบของแสนทำเอาคุณใหญ่หลุดหัวเราะแผ่ว

“ใช่  ดีไม่ดีเอ็งจะโดนต่อยจนคางช้ำ...”

“เหมือนอย่างคุณพระนาย...”

“ใช่  เหมือนอย่างฉัน...”  ท้ายเสียงนั้นอบอุ่นอ่อนโยนยามนึกถึงอดีต  รอยยิ้มบางเบาประดับริมฝีปากอิ่มขับใบหน้าหล่อเหลานั้นให้โดดเด่นจนแสงจันทร์ภายนอกจนหม่นแสง  จมูกโด่งแตะแต้มปรางค์หอมนั้นอีกครั้งแล้วผละออกอ้อยอิ่ง

ได้โอบกอดหากแต่อีกฝ่ายไม่รับรู้...
เฝ้าคิดถึงหากความรู้สึกนั้นยังไม่ได้รับกลับมา...
จะมีประโยชน์อันใดหากแววตาที่เขาหลงรักนั้นว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของตัวเขาเฉกเช่นในอดีต เพราะแบบนั้นเขาจึงยังคงเจ็บปวด  ค่อยๆเรียกร้องความทรงจำที่มีร่วมกันทีละเล็กละน้อย  และเฝ้ารอถ้อยคำสัญญาที่เขารอมาเนิ่นนาน
นาน...จนเลิกจะนับ...หากไม่เคยเลิกจะรอ....


********

เด็กหนุ่มลังเลอยู่หน้าห้องกำลังคิดหาเหตุผลว่าจะอ้างสิ่งใดดีให้คนด้านในยอมไปกับเขา  หากแต่ยังไม่ทันคิดได้ประตูห้องทำงานก็เปิดออกมาเสียก่อน

“ไปกันเถอะแสน”  ท่าทางรีบร้อนทำเอาเด็กหนุ่มแปลกใจ

“ไปไหนหรือขอรับ?”

“รีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนกันเถอะ”  ปากพูดหากแต่ไม่ยอมหยุดเท้า  หนำซ้ำกลับเร่งจนคนด้านหลังต้องวิ่งตาม

“เปลี่ยนเสื้อ  เหตุใดจึงต้องเปลี่ยนขอรับ?”

“หรือเอ็งจะเป็นเป้าสายตาเมื่อเดินออกไปตามหาคน”

“ตามหาคน?”  คราแรกแสนไม่เข้าใจ  หากแต่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าตอนคุณพระนายของตนวิ่งลงจากรถคล้ายตามหาใครสักคนก็ทำเอาเด็กหนุ่มยิ้มออก  “จะไปตามหาแม่หญิงฉุยฉายคนนั้นหรือขอรับ?”

“แล้วเอ็งคิดว่าฉันจะไปตามหาใคร  แม่พยอมรึ?”  ท้ายเสียงกลั้วหัวเราะขันกับคำพูดของตัวเอง  แสนเห็นดังนั้นจึงยิ้มตาม

หลังจากเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้ธรรมดาไม่ดูโดดเด่นบ่งบอกฐานะ  ทั้งคู่ก็กลับมายังตลาดที่ผ่านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันและเพิ่งจะได้เห็นเงาของคนที่ตามหาอีกครั้ง  หากแต่คราวนี้คุณพระนายหนุ่มค่อยๆเดินไปตามร้านรวงต่างๆอย่างไม่รีบร้อนเช่นเมื่อเช้า  กวาดสายตามองหาร่างบางที่จำได้ติดตาโดยมีเด็กหนุ่มแสนช่วยอีกแรง

“...เย็นนี้ว่าจะเยี่ยมหาแม่พยอมเสียหน่อย  เห็นว่าไม่สบายมาหลายวัน  นี่เจ้าแก้วมันก็เข้าไปรำไปร้องจนจะกลายเป็นคนของกรมพิณพาทย์อยู่แล้วกระมัง”   บทสนทนานั้นเรียกให้ร่างสูงหยุดชะงักตรงร้านขายหมวก  ทั้งชื่อแม่พยอม ทั้งชื่อกรมพิณพาทย์นั้นสะดุดหูด้วยเขาเคยไปตามหาใครคนนั้นและพบเพียงหญิงวัยกลางคนที่อ้างชื่อว่าพยอม   หรือความจริงแล้วไม่ใช่อย่างที่เขาเข้าใจ?

คุณพระนายหนุ่มหันไปสบตากับแสน  สิ่งที่พวกเขาคิดนั้นน่าจะตรงกันก่อนจะเร่งเท้าไปยังเรือนไม้หลังเล็กเก่าโทรมซึ่งเขาเคยไปก่อนหน้าแล้วผิดหวังจนนอนซึมเสียหลายวันหลังนั้นอีกครั้ง  หากคราวนี้หัวใจของคุณพระนายหนุ่มนั้นอัดแน่นเต็มไปด้วยความหวัง  เด็กหนุ่มแสนชะเง้อคอมองจนน่ากลัวมันจะยืดยาวจนคนรอร้องทัก

“เอ็งจะยืดคอชะเง้ออยู่ไย  แสน”

“แหม  คุณพระนายก็...  ถ้าแม่พยอมตะเพิดเราออกมาอีกล่ะขอรับ?”  แสนหันมาตอบหน้างอ

“แต่ฉันไม่รอ”  ว่าแล้วชายหนุ่มจึงดันร่างของแสนให้พ้นทางแล้วเข้าไปทักคนที่นั่งร้อยพวงมาลัยอยู่ตรงชานเรือน  หล่อนเงยหน้าขึ้นมองพลางขมวดคิ้วกับแขกหน้าตาหล่อเหลาที่นั่งลงแล้วยกมือขึ้นไหว้จนรับไหว้แทบไม่ทัน

“พ่อมีธุระอะไรกับฉันรึ?”

“น้าพยอมใช่ไหมจ๊ะ?”  เขาจำได้ว่าหล่อนคือแม่พยอมที่คราวก่อนไล่เขากับแสนออกจากเรือน  ดูเหมือนจะหายจากอาการป่วยแล้วด้วย

“จ๊ะ”  พยอมตอบ   จำคนตรงหน้าไม่ได้

“คือ...”  เจ้าของเสียงทุ้มอ้ำอึ้งด้วยไม่รู้จะเริ่มถามจากตรงไหน เพราะคราวก่อนโดนไล่ก็เพราะถามหาคนรำฉุยฉายนั่นแหละ

“มีอะไรล่ะพ่อ?”  พยอมมองตอบด้วยเอ็นดู  เพราะเนื้อแท้หล่อนไม่ใช่คนใจร้ายอะไร กลับกันพยอมใจเย็นและใจดีมากหากเพราะป่วยและท่าทางไม่น่าไว้ใจคราวนั้นจึงให้หล่อนไล่ตะเพิดทั้งสองกลับไป

“แก้ว...” คุณพระนายลองเอ่ยอีกชื่อที่ได้ยินคนในตลาดคุยกันและเขาเดาว่าน่าจะเป็นคนที่เขาตามหา...

“อ้อ  มาหาเจ้าแก้วหรือ?  ออกไปเอาของที่เรือนซ้อมรำน่ะไปเอาชุดมาเย็บซ่อมแซมประเดี๋ยวก็คงกลับ”  คำตอบนั้นทำให้หัวใจของคุณพระนายหนุ่มเต้นระรัว ยิ้มกว้างด้วยความยินดีล้นเหลือ

ชายหนุ่มตัดสินใจนั่งรอ พยอมเอาน้ำฝนเย็นชื่นใจลอยดอกมะลิหอมกรุ่นขันใหญ่มาให้เมื่อเห็นว่ามีเด็กหนุ่มร่างสูงอีกคนมาด้วยกัน  คุณพระนายหนุ่มบอกชื่อแซ่ว่า   ใหญ่  แสนเองที่คราวนี้ไม่โดนตะเพิดไล่เหมือนคราวก่อนจึงคุยจ้อไม่หยุดจวบจนผ่านไปครู่ใหญ่นั่นแหละจึงเห็นร่างเล็กของใครบางคนเดินตรงมาทางเรือนนี้

คุณพระนายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  หัวใจที่เริ่มสงบกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง  พลางนึกขันตัวเองอยู่ในใจที่ตื่นเต้นกับการจะได้พบคนในฝันเหมือนหนุ่มน้อยทั้งๆที่อายุเกินวัยนั้นมาพอควรแล้ว  หากมันก็อดไม่ได้  ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม  ดวงตาคู่สวยพราวระยับยามนึกถึงดวงหน้าอ่อนเยาว์นั้น  เรืองร่างระหงชดช้อยยามร่ายรำ...

บัดนี้เจ้าของดวงใจของพระนายหนุ่มหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

“?”  คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อร่างสูงของใครบางคนขวางทางเอาไว้  เงยหน้าขึ้นมองก็ให้แปลกใจเมื่อรอยยิ้มกว้างถูกส่งมาให้   คุณพระนายถึงกับพูดไม่ออกเมื่อใกล้กันถึงเพียงนี้  ได้สบตา...ใกล้จนรับรู้ถึงกลิ่นหอมอ่อนของกลิ่นน้ำปรุงจากเรือนกายเล็ก  ดวงตาสีนิลไม่ยอมหลบกลับสบตอบมาอย่างไม่ยอมแพ้ถึงแม้จะต้องเงยหน้าจนเมื่อยคอก็ตาม  แขนเล็กสองข้างหอบกอดกระบุงเครื่องแต่งกายบางอย่างเอาไว้

       คนนี้แลแน่แล้วที่เราฝัน          รูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่
น้องเอ๋ยรูปร่างช่างกระไร   นางในกรุงศรีไม่มีเทียม


“ใคร? มีอะไร?”  เสียงแหบหวานถามห้วน

“เอ่อ...”  ดวงหน้าหวานหากเสียงกลับไม่หวานเท่าที่ควรเช่นใบหน้า  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ

“ฉัน...”

“ถ้าไม่มีอะไรก็หลีกไป”  ไหล่เล็กกระแทกคนตัวโตกว่าเพื่อเดินเข้าบ้านหากแขนกลับโดนมือใหญ่รั้งเอาไว้ให้ต้องหันกลับมามองด้วยสายตาดุ   คุณพระนายหนุ่มถึงกับปล่อยแขนเล็กนั้นรวดเร็วอย่างแสนเสียดายถึงกระนั้นก็ไม่ควรล่วงเกินคนตรงหน้าจึงยอมปล่อยแต่โดยดีพลางกลืนน้ำลายลงคอเพื่อควบคุมความตื่นเต้นและจังหวะหัวใจให้สงบลง

“แม่หญิง...”

“ห๊ะ?”

“แม่หญิงคือคนที่รำฉุยฉายในวันที่เสด็จออกขุนนางวันนั้นใช่หรือไม่?”  เสียงทุ้มยังคงสั่นเหมือนหัวใจของเขา  แววตาคาดหวังสั่นไหว  อยากให้คนตรงหน้าตอบเหลือเกินว่า...

“ใช่   ฉันคือคนที่รำฉุยฉายวันที่เสด็จออกขุนนาง!”  น้ำเสียงหวานตวัดห้วนไม่พอใจแทบกลายเป็นตะโกนจนคนที่นั่งในเรือนต้องเดินออกมาดู  พยอมลูบแขนลูกของตนให้ใจเย็น  ส่วนแสนเองก็วิ่งมายืนหลังคุณพระนาย

“มีเรื่องอะไรหรือลูก?”  พยอมถาม

“สองคนนี้เป็นใครจ๊ะแม่?”  คนตัวเล็กก้มลงถามมารดา

“อ้าว  แม่เห็นมาถามหาลูก  ไม่ใช่เพื่อนดอกหรือ?”

“เพื่อน? เพื่อนลูกจะมาเรียกลูกว่าแม่หญิงรึ?”  ดวงตาคู่สวยยังคงฉายแววดุส่งให้คนตัวโตไม่ลดละ

“ก็แล้วถ้าไม่ให้เรียกแม่หญิงจะเรียกว่าอย่างไรล่ะจ๊ะ?  แม่หญิงฉุยฉาย”  แสนโพล่งถามออกมาเพราะคุณพระนายหนุ่มนั้นหน้าเสียตั้งแต่โดนคนน่ารักตวาดใส่

“ฉันไม่ใช่แม่หญิงฉุยฉาย!”

“อ้าว?”  แสนส่งเสียงแก้เก้อเมื่อโดนตวาดบ้าง

“จะเรียกกระไรก็ช่าง  แต่มาเรียกแม่หญิงอย่างนี้มาต่อยกันเลยดีกว่า!”  แม่หญิง  ของคุณพระนายยังโวยวายต่อ   

“กระผมเป็นผู้ชายจะไปต่อยกับแม่หญิงฉุยฉายได้อย่างไร”  แสนว่าต่อทั้งๆที่ยังไม่โผล่ตัวมาจากหลังคุณพระนาย

“หนอย~  ถ้าอย่างนั้นข้าจะเตะเอ็งก่อนก็แล้วกัน!”  คนตัวเล็กถลกแขนเสื้อพลางยัดกระบุงของใส่มือมารดา เตรียมก้าวเข้าหาร่างสูงทั้งสอง   หากแสนกลับรั้งตัวคุณพระนายให้บังตัวเองเอาไว้

“เดี๋ยวๆ”  คุณใหญ่ยกมือขึ้นห้ามร้องเสียงดังเหงื่อตก  พลางสังเกตใบหน้าเนียนใกล้ๆอย่างพินิจ   ดูอย่างไรก็งามนัก   “เหตุใดจึงไม่ให้เรียก  แม่หญิง เล่า?”  กลั้นใจถามออกไป  หัวใจของเขาเต้นแรงกว่าเมื่อครู่เสียอีก

“ก็ฉันไม่ใช่แม่หญิง!”

“แล้ว...”   ชายหนุ่มกลืนน้ำลายได้ยากลำบากเหลือเกิน  พลางเลื่อนสายตา...

ถึงน้ำเสียงหวานจะห้าวเกินหญิงไปนิด   หากแต่อารามดีใจทำให้เขามองข้ามสิ่งนั้นไปเสีย  ท่าทางห้าวหาญประหนึ่งชายอกสามศอกมิได้สะกิดใจเขา   คุณใหญ่ไล่สายตากวาดตั้งแต่เส้นผมสีนิลละเอียดยาวถูกม้วนเก็บอย่างไม่เรียบร้อยด้วยไม้ยาวชิ้นเล็ก ใบหน้าอ่อนหวาน  ดวงตาเรียวดุ  ริมฝีปากสีเข้ม  ลาดไหล่เล็ก  แขนขาว  แผ่นอกราบเรียบ...

และไม่ทันที่ใครจะตั้งตัว  มือแกร่งยื่นออกไปวางทาบอกเล็กแบนราบนั้นของ แม่หญิง   ท่ามกลางความตกใจของคนโดยรอบและดวงตาคมของคุณพระนายก็เบิกกว้าง



ผู้ชาย!

แม่หญิงฉุยฉายเป็นผู้ชาย!

คนในดวงใจของคุณพระนายเป็นผู้ชาย!












ติดตามกาลต่อไป..





แถลงไข
อาจจะมีการหายเป็นพักใหญ่ๆบ้างนะคะ
ทั้งงานเอกสาร  งานบริการ  ตีกันวุ่นไปหมด
ไหนจะประเมินอีก  โอ้  หมดแรงค่ะ^^

มีคนเคยถาว่าเรื่องนี้แปลงมาจากฟิคของใคร  ตอบ  ยูซูค่ะ
ในบ้านยูซูพาราไดว์^^

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ต้อนรับการกลับมาก  :L2:ตอนแรกนึกว่าจะหายไปอีกเรื่องซะแล้ว

tantanlize

  • บุคคลทั่วไป
อ๊าก  ก ก ก ก มารอ
ชอบมาก ก ก ก ก  !!!

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
ฮาอะ แม่หญิงเป็นผู้ชาย

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
เห็นชื่อเรื่องกับชื่อคนแต่งก็อ๋อเลยค่ะ คุณทรายเอายูซูแปลงมาลงที่นี่ด้วย ^^
จะตามอ่านเรื่อยๆนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ bennnyyy

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 791
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ :L1:

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
โฮกกกกกกกกกกกกกก  :hao5:

คิดถึงแก้วตากับคุณพระนาย  :katai1:

ติดตามกาลต่อไป หุหุ  :katai2-1: :katai5:

สู้ๆนะคนแต่ง คิดถึ๊งคิดถึง  :katai3:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
สนุกดีค่ะ ลุ้นให้คุณพระนายกับแม่หญิงฉุยฉาย (?) รักกันเร็วๆ :o8:
แต่อดีตมันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ถึงทำให้แก้วนอนฝันร้าย แล้วคุณพระนายก็ติดอยู่ในบ่วงไม่ยอมไปเกิดเสียทีน้อ :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Satang_P

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก. กลอนเพราะสุดยอด

สามคำ.    รัก เรื่อง นี้

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

เป็นเรื่องที่ละเมียดละไมดี---ชอบจังเลย
ว่าแต่ชาติใหม่แล้วยังจะตามจองเวรจองกรรมกันต่ออีกรึเปล่าหนอ

ชอบแสนที่จงรักภักดีกับเจ้านาย

สรุปว่าตอนนี้อยู่บ้านเดียวกับผีสินะ

+ เป็ดจ้า

ออฟไลน์ kakaris

  • หากชีวิตเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราสามารถให้ผู้เป็นที่รักยิ่งนั้นได้ แล้วเราจะไม่มอบให้เ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ลุ้นอ่าาาา
แต่งต่อไวๆน้า

puyyakuma

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ได้เข้ามานานมาก ลงไปสี่ตอนแล้ว สู้ๆ ^^

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
กริ๊ดดดดดดดดดดดด น่ารักมากกกกกก

ทั้งดราม่า ทั้งสนุก อิอิ

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
รอแก้วตา

ออฟไลน์ ๐DeAchieS๐

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0


ติดตามครับ

^^

 :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
อยากรู้มากว่าใครเป็นคนข่มขื่นแก้วตาและมัดไว้ กับต้นไม้นั้น พี่ใหญ่เป็นผีดิบหรอทำไหมถึงออกมาเฉพาะกลางคืน

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
คุณพระนายนี่ช่างกล้า วางมือแปะประทับอกเลย
อย่างนี้เดี๋ยวก็โดนชกหรอก

แล้วก็นานแค่ไหนก็รอ แต่อย่าหายไปเลยก็แล้วกันนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด