...อสงไขย... แจ้งข่าว[13-02-2559 แจงรายละเอียดหนังสือ หน้า๑๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...อสงไขย... แจ้งข่าว[13-02-2559 แจงรายละเอียดหนังสือ หน้า๑๒]  (อ่าน 171966 ครั้ง)

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ใช่ฝันค่ะคุณพระนาย ขอบคุณแสนนะเจ้าคะ

ยังเกาะติดเรื่องนี้อย่างเหนียวแน่นค่ะคุณทราย  :L1:

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
ส....สนุกโครตๆเลยค่ะ :heaven
ไม่เคยอ่านเรื่องไหนแล้วฟินตลอดเวลาได้ขนาดนี้มาก่อน
อ่านไปซึ้งไป ยิ่งตอนแก้วตาเจอศพในโลงแก้วแล้วรู้สึกเศร้าแทนคุณพระนาย :sad4:
ตอนนี้คุณพระนายมีตัวตนจริงๆแล้ว(?) โสภีก็ยิ่งมีบทมากขึ้น
เตรียมทำใจไว้ล่วงหน้าดีกว่า  :hao6:

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
เอ๋ คุณพระนายมาสอนได้ไงอะ
มาให้กำลังใจคนเขียนน้า เราชอบเรื่องนี้มากก สนุกครบรส อยากให้มีต่อเรื่อยๆ เรยย
อยากให้รวมเล่มด้วย จะเป็นไปได้มั้ยน้อ

ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
อร๊ากกกกกก ดีใจที่คุณทรายมาต่อนิยายครับ
สนุกจริงๆ ชอบทุกตอนเลย
มาอีกนะครับจะรอ


วินาทีที่รู้ว่าอาจารย์ใหม่หน้าเหมือนคุณพระนาย........รีบตาายซะ!!! แล้วให้วิญญาณคุณพระนายมาเข้าร่างจะได้ครองรักกับแก้วสักที

ฮรือออออ สงสารแก้วตา  แต่คิดแบบนี้ก็แอบเลวร้ายนะ ฮ่าๆๆๆ

ติดตามๆครับ

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

ได้อ่านสองตอนจุใจเลย

แล้วอาจารย์คนใหม่เป็นใครกันล่ะเนี่ย

+ 1 + เป็ดจ้า

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ขอบคุณคะที่มาต่อ อ่านจุใจ เหมือนเดิม

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ่านยาวรวดเดียวตั้งแต่ต้นเลยค่ะ
สนุกมาก ชอบภาษาที่ใช้
ตอนแรกคิดว่าพี่ชาย คือคุณพระนาย แต่เอ๊ะ! ยังไงกัน
รอมาต่อนะคะ

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
รออยู่นะเจ้าคะ

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3

...อสงไขย...
...กาลที่๑๒...








“คุณพระนาย!”  เสียงหวานอุทานตกใจเพราะใบหน้านั้นช่างคุ้นตานัก

“What  do  you  say?”

“เอ๊ะ?”  หากสำเนียงที่ตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องเลิกคิ้วแปลกใจ  ก่อนจะเลื่อนสายตาสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า  เครื่องแต่งกายแบบสูททางตะวักตกสีเทาเรียบกริบ  ทรงผมตัดสั้นสีดำ  ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มอย่างเป็นมิตรหากแววตานั้นดั่งเช่นคนแปลกหน้าเมื่อมองมาก็ให้แก้วตาใจแกว่ง

“ขอทางให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”  เสียงทุ้มสำเนียงต่างชาติทำให้เขาได้สติ  หันมองรอบกายจึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองยืนขวางประตูห้องเรียนเอาไว้  เด็กหนุ่มเลื่อนกายออกให้ร่างสูงเดินผ่านเข้าไป

“เขาใช่คุณพระนายหรือเปล่าน่ะ?”  ฤดีเอ่ยถาม  เธอหันไปมองฝ่ายนั้นอย่างสงสัย

“ไม่ใช่หรอก”

“หืม?  แต่ว่า...”

“เขาไม่ใช่คุณพระนาย”  แก้วตาตัดบทก่อนจะเดินเข้าห้องเรียน  ตลอดชั่วโมงนั้นแก้วตาแทบไม่มีสมาธิกับบทเรียนเลยสักนิด  ผู้ชายคนนั้นแนะนำตัวว่าเป็นอาจารย์สอนวาดรูปคนใหม่แทนอาจารย์กิตติ  ด้วยภาษาอังกฤษคล่องแคล่วเรียกเสียงชื่นชมจากนักศึกษาได้ไม่ขาด  สายตาคู่คมกวาดมองทั่วห้องไม่ได้หยุดที่ใครเป็นพิเศษ  มีบ้างบางครั้งเมื่อเลยผ่านมาทางเด็กหนุ่มแต่ก็ไม่ได้หยุดนิ่งนานนัก
แก้วตาใช้เวลาทั้งชั่วโมงในการสังเกตอาจารย์คนใหม่และแทบอดรนทนรอให้ถึงตอนเย็นไม่ไหวจึงต้องเอ่ยปากโกหกฤดีว่ารู้สึกปวดหัวเหมือนจะไม่ค่อยสบายนักแล้วขอตัวกลับบ้านก่อน

เด็กหนุ่มไม่ได้ตรงกลับบ้านตามที่บอกกับเพื่อน  แก้วตานั่งเรือเมล์ก่อนจะจ้างสามล้อตรงไปยังเรือนขาว  จิตใจของเขาร้อนรุ่มอยากหาคำตอบแต่ก็ไม่กล้าลืมคำพูดของมารดาและพี่ชายซึ่งห้ามไม่ให้เขาย้อนไปรับรู้ถึงอดีตคนเดียวที่เรือนขาว  นั่นเป็นการทำโทษจากเรื่องที่เขาก่อเอาไว้คราวก่อน

“คุณพระนาย?  คุณพระนาย  คุณอยู่หรือเปล่าครับ?”  แก้วตาร้องเรียก  เขายังไม่ได้เดินขึ้นเรือนร่างสูงโปร่งของใครบางคนจึงปรากฏบนชั้นสองตรงระเบียง

“แก้วตา?  พี่ไม่เห็นน้องมาที่นี่หลายวันแล้ว”

“ผมกำลังโดนทำโทษอยู่น่ะครับ”  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นตอบ  นึกแปลกใจตัวเองอยู่ครามครันที่ไม่ได้มีอาการหวาดกลัวอีกฝ่ายอย่างแล้วมา    น่าแปลกนัก

“ทำโทษ?”  คุณพระนายเลิกคิ้วแปลกใจ

“เมื่อคราวก่อนผมวางยาพี่ชายน่ะครับ  เขาก็เลยหลับลึกจนไม่ได้ปลุกผมตามเวลาธูปหมด”  แก้วตาแลบลิ้นเมื่อกล่าวถึง  คุณพระนายหนุ่มมองท่าทางนั้นก่อนจะยิ้มบางแล้วเลื่อนกายหายมาปรากฏอยู่ข้างกายเด็กหนุ่ม  แก้วตาสะดุ้งโหยงพลางก้าวถอยไปหนึ่งก้าว

“เจ้ายังกลัวพี่อยู่รึ?”  ร่างสูงเอ่ยถามพลางนึกเสียใจที่ทำแบบนี้  เขาไม่อยากให้แก้วตาหวาดกลัวเขาอีก

“ผมตกใจต่างหาก!”

“ขอโทษทีนะเจ้า”

“เอ่อ”  ประโยคขอโทษเมื่อฟังแล้วจั๊กกะจี้หูนัก

“หืม?”

“ผม  เอ่อ  คุณ...”

“พูดมาเถอะ  ถ้าพี่บอกหรือตอบอะไรได้พี่จะบอกจะตอบแก้วตาทุกอย่าง” ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยน 

“คุณ  คุณพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่า?”

“ได้ซิ  ตอนที่พี่ทำงานอยู่  ท่านพ่อเคยส่งพี่ไปเรียนเมืองนอกอยู่หลายปีทีเดียว  ไปพร้อมกับข้ารองบาทคนอื่นๆน่ะ”

“งะ  งั้นวันนี้คุณได้ไปที่มหาวิทยาลัยผมหรือเปล่าครับ?”

“หืม?”

“ตอบมาซิ!”  เด็กหนุ่มเผลอตัวแหวใส่เมื่อชายหนุ่มได้แต่เลิกคิ้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“เปล่า”  แก้วตาจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง  เรือนผมสีดำถูกหวีจัดทรงเรียบร้อยแตกต่างจากอีกคนที่สั่นเต่อ  ดวงตาของคนตรงหน้าก็คล้ายว่าจะสีดำเช่นเดียวกับเรือนผม  ไม่เหมือนอีกคนที่ออกสีอ่อนกว่า  จมูกโด่งและริมฝีปากอิ่มสีเข้มนั้นเหมือนกันอยู่

“เฮ้อ~  แสดงว่าไม่ใช่คุณพระนายจริงๆด้วย”

“น้องว่าอะไรนะ?”  ท่าทางโล่งอกโล่งใจที่เด็กหนุ่มแสดงออกทำให้คุณพระนายหลุดหัวเราะเสียงเบา

“ก็วันนี้น่ะซิ  ที่มหาวิทยาลัยมีอาจารย์มาใหม่หน้าตาเหมือนคุณพระนายมากเลย!  ดีแล้วที่ไม่ใช่คุณ”  เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง

“ทำไม?”

“ทำไมอะไร?”

“...ทำไมน้องถึงบอกว่าดีแล้วที่ไม่ใช่พี่”

“อ้าว  ก็ผู้ชายคนนั้นน่ะไม่มีสายตาแบบคุณพระนายนี่นา”

“สายตา?”

“ใช่  สายตาอบอุ่นที่มองแค่ผะ...”  ผม...  เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองแสดงอาการดีใจออกนอกหน้านอกตาและหลุดความในใจออกมาเกือบหมดเปลือกแก้วตาก็เบิกตากว้าง  หุบปากฉับก่อนจะได้เอ่ยจบประโยค

“?”  คุณพระนายนิ่งรอฟัง  หากแก้มเนียนที่ขึ้นสีแดงเรื่อก็ทำให้เขาเข้าใจประโยคที่เอ่ยไม่จบนั้นได้ทันทีแล้วใบหน้าหล่อเหลาของคุณพระนายจึงมีรอยยิ้มกว้างประดับแต้มอย่างชอบใจ  ท่าทางแบบนี้เหมือนเมื่อคราวนั้นไม่มีผิด  ไม่ว่าอย่างไรพอเขาหาเรื่องเอ่ยต่อประโยคหรือยั่วเย้าคนตัวเล็กก็จะหลุดประโยคในใจออกมาให้เขาได้ฟัง

“เอ่อ  วันนี้ร้อนจัง”  แก้วตายกมือขึ้นพัดเพื่อบอกว่าร้อนจริงๆนะ

“หึ  ถ้าอย่างนั้นไปนั่งที่ศาลาริมน้ำดีไหม?”  ร่างสูงพยายามกลั้นหัวเราะเอ่ยชวนคนน่ารัก  ศาลาริมน้ำนั้นเป็นสีขาวเช่นเดียวกับตัวเรือนหลังใหญ่  หน้าศาลามีซุ้มดอกแก้วส่งกลิ่นหอมกำจายไปทั่วบริเวณ

“เรือนขาวมีแต่ดอกไม้หอมๆนะครับ”  แก้วตาอดจะเอ่ยปากไม่ได้เมื่อสูดกลิ่นหอมชื่นใจนั้นเต็มปอด

“พี่ก็ปลูกตามที่น้องชอบนั่นแหละ”  เสียงทุ้มเอ่ยอ่อนโยน  มองแผ่นหลังเล็กของคนข้างหน้าด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง  หัวใจของเขายังคงอุ่นซ่านเมื่อนึกถึงวันที่เขาเอ่ยถามว่าคนน่ารักอยากให้เขาปลูกต้นอะไรบ้างตอนสร้างเรือนขาว  และคำตอบนั้นทำเอาแก้วตาพูดไม่ออก  เขาก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายเห็น

“ผมอยากถามคุณพระนายอีกเรื่อง  ได้ไหมครับ?”  แก้วตาทิ้งตัวลงนั่งพลางเหลือบมองร่างสูงที่ตามมานั่งข้างๆ

“ว่ามาซิ”

“ทำไมคุณพระนายถึงไม่เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังล่ะ  ทำไมต้องให้ผมเหมือนย้อนอดีตไปรับรู้”

“น้องรู้จักนิยาย  บทประพันธ์หรือนิราศอะไรพวกนี้ใช่ไหม?”

“ครับ”  แก้วตามองคนที่ถามเขากลับอย่างไม่เข้าใจ

“แล้วชอบอ่านหรือเปล่า?”

“ครับ”

“แล้วระหว่างให้อ่านเองกับฟังคนอื่นเล่า  น้องชอบแบบไหน?”

“ก็ต้องอ่านเองซิครับถึงจะสนุก  อ๊ะ!”

“ใช่  พี่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้แก้วตาฟังก็ได้แต่แก้วตาจะรู้สึกแบบไหนกันล่ะ  เรื่องเล่าของคนอื่น  พอฟังจบแล้วก็จบไป  แล้วจะมีประโยชน์อันใดที่พี่จะให้น้องนึกถึงเพราะสุดท้ายน้องก็จะลืมเลือนเรื่องราวเหล่านั้นไปและพี่ก็จะไม่เคยมีตัวตนสำหรับน้องเลย”

“คุณพระนาย...”  แก้วตามองใบหน้าด้านข้างของร่างสูงที่เหม่อมองไปยังแม่น้ำ  แววตาคมหมองเศร้าคู่นั้นคล้ายบีบหัวใจของเขาให้เจ็บหน่วง

“เมื่อครั้งที่ฟังก็ยังรู้สึกสนุกดีหากพอฟังจบแล้วเรื่องราวเหล่านั้นก็ผ่านไปเหมือนสายลมที่ต้องผิว  เย็นสบายเพียงครู่เดียว  เป็นเพียงเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่เคยผ่านหูหากไม่ได้ตราตรึงลึกซึ้งลงในหัวใจ”

“ผม...”  เด็กหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก  ที่เขาถามแบบนั้นก็เพราะอยากรู้เหตุผลแต่ไม่ได้คิดจะทำให้คนตรงหน้ารู้สึกเศร้าสร้อยแบบนี้เลย

“แต่ตอนนี้แก้วตาอยู่ตรงนี้แล้ว  ตรงหน้าพี่”  แก้วตาไม่อาจขยับหนียามเมื่อคุณพระนายหันมาสบตา  เขาได้แต่เพียงเงยสบแล้วรับรู้ความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านมา  ในแววตาคู่นั้นทั้งรักใคร่  ห่วงหวงระคนเจ็บปวดแต่ก็ยังแฝงความยินดีไม่ซ่อนเร้น

ใบหน้าหล่อเหลาห่างจากดวงหน้าหมดจดของเด็กหนุ่มเพียงคืบ  เรือนร่างของอีกฝ่ายชัดเจนจนเหมือนว่าจะจับต้องได้และแก้วตาก็อยากจะลองพิสูจน์ความคิดนั้นดูจึงยกมือขึ้นหวังเพียงแตะต้องใบหน้านั้น  หากแต่ต้องชะงักเมื่อมีภาพบางอย่างผ่านแวบเข้ามาในหัว
เคยมีเหตุการณ์แบบนี้?
ร่างเล็กหรุบสายตาลง  เห็นเพียงริมฝีปากอิ่มสีเข้มนั้นเคลื่อนใกล้เข้ามา  หัวใจของเขาเต้นระรัวเร็ว  พลันแก้มเนียนจึงรู้สึกร้อนผ่าวเมื่อคล้ายมีลมเย็นแผ่วแตะแต้มสัมผัสลงบนริมฝีปากของเขา
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมองอย่างแปลกใจ  ใบหน้าหล่อเหลาค่อยเคลื่อนห่าง  ...ไม่ใช่ความอบอุ่นจากกายเนื้อหากเป็นความเย็นเยียบอย่างนั้นหรือ?  ดวงตาคู่สวยเศร้าหมองของคุณพระนายหนุ่มบัดนี้มีหยาดน้ำเอ่อคลอ

“คุณพระนาย?”

“พี่...  ถึงอย่างไรเสีย...”  ชาตินี้ก็ยังคงไม่มีวาสนาจะได้ครองคู่กับคนที่รัก  ถึงจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วทั้งเขาและแก้วตาจำต้องพลัดพรากจากกันอีกในไม่ช้าแต่เขาก็ยังทำใจไม่ได้  ยังอยากอยู่เคียงข้างแก้วตา  ยังอยากให้แก้วตารักเขา

“คุณพระนายครับ”  เด็กหนุ่มร้องเรียก  เขายื่นมือมาจับมือแกร่งที่ไม่อาจสัมผัสได้นั้น  ชายหนุ่มก้มลงมองแล้วให้สะท้านในอก  อย่าว่าแต่อยู่ด้วยกันเลยเพียงแค่แตะต้องอย่างใจนึกยังทำไม่ได้  คุณพระนายหงายมือขึ้นเพื่อจะกระชับฝ่ามือเล็กของอีกฝ่ายที่ไม่อาจสัมผัสได้นั้นกลับ  แก้วตามองการกระทำนั้นแล้วยิ้มอ่อน

“พี่คงหวังมากเกินไป”

“เรื่องของผมหรือครับ?”

“เรื่องของเราต่างหาก”  คำตอบที่ทำให้แก้วตากลับมาใจเต้นระรัวอีกครั้ง  เด็กหนุ่มยิ้มแล้วเอ่ย

“เรื่องของเรา  ผมจะไม่สัญญาอะไรอีกแล้วแต่ผมจะบอกกับคุณพระนายตรงนี้เลยว่าผมจะนึกเรื่องราวทั้งหมดของเราให้ออก  จะจดจำตลอดไปไม่ว่าสุดท้ายแล้วเราจะต้องพลัดพรากจากกันอีกครั้งก็ตาม”  คุณพระนายมองร่างเล็กตรงหน้าพลันในหัวใจของเขาจึงรู้สึกเต็มตื้น  “ถึงตอนนี้เราจะไม่สามารถจับมือกันได้  แต่สักวันหนึ่งวันที่เราจะได้อยู่เคียงข้างกันคงมาถึง”  ดวงตาเรียวที่ส่องแสงนั้นดูเจิดจรัสยิ่งนักยามเมื่อเอ่ยเอื้อน  ชายหนุ่มจึงระงับความรู้สึกอาดูรในอกแล้วยิ้ม  แก้วตาของเขา  ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ยังคงเข้มแข็งเสมอ  เป็นแก้วตาที่เขารัก..

“ขอบคุณนะแก้วตา”  คุณพระนายยกมือขึ้นแตะแก้มเนียนแผ่วเบา  ถึงสัมผัสไม่ได้แต่เขายังแสดงออกถึงความรักอันท่วมท้นนี้ให้อีกฝ่ายรับรู้ได้  ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลง  ริมฝีปากอิ่มกดจูบหน้าผากเนียน  ก่อนเลื่อนลงเป็นข้างแก้ม...  คราวนี้แก้วตาไม่ได้หลบสายตา  สัมผัสเย็นเยียบนั้นกลับทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นยิ่งนัก
พลันภาพบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของเด็กหนุ่มอีกครั้ง
 

**********



คนอยากรู้นั่งก้นไม่ติดเก้าอี้ประเดี๋ยวก้มหน้าทำงานประเดี๋ยวก็เงยขึ้นมองคนเป็นนาย  อ้าปากขยับจะถามอยู่หลายเที่ยวก็หุบฉับจนคนที่อดรนทนไม่ได้กลายเป็นคุณพระนายเสียเอง
“เป็นกระไรของเอ็ง  เจ้าแสน  มีอะไรจะพูดก็พูดมา”
“กระผมอยากถามขอรับ!”  ได้ทีเด็กหนุ่มจึงรีบโพล่งคำพูดออกไปทันที
“จะถามอะไร?”
“มีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นตอนที่คุณใหญ่กับคุณแก้วอยู่ในป่าหรือขอรับ?  ตั้งแต่กลับมาคุณใหญ่ก็เอาแต่ยิ้มตลอด  กระผมสงสัยยิ่งนัก”
“ฉันจำเป็นต้องบอกแกด้วยรึแสน?”
“โธ่  กระผมน่ะทนสงสัยมาหลายวันแล้วนะขอรับแต่กลัวคุณใหญ่จะเตะเอาถึงได้หุบปากเงียบ เมื่อครู่คุณใหญ่อนุญาตให้กระผมถามได้แล้ว  เพราะฉะนั้นคุณพระนายก็ต้องบอกกระผมซิขอรับ”
“อุวะ  ไอ้คนนี้!”
“โอ๊ยๆๆๆ”  เด็กหนุ่มทะลึ่งพรวดลุกจากเก้าอี้ร้องเสียงหลงเตรียมหนี  หากแต่คุณพระนายยังนั่งอยู่ที่เดิม  หนำซ้ำยังหัวเราะเสียงดังไม่ถือโทษเขาอีกด้วย
“ฉันไม่บอกแกหรอก”
“โธ่  คุณใหญ่น่ะ”  แสนแสดงท่าทีกระเง้ากระงอด
“ขืนบอกแกแล้วแกไปล้อแก้วตา  มีหวังฉันคงได้หัวแตกแน่”  คุณพระนายพึมพำกับตัวเองแล้วก้มหน้าทำงานต่อ  แต่สมาธิหาได้อยู่กับงานตรงหน้าไม่  ความคิดของเขาไพล่กลับไปคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้แสนมาเอ่ยถามเขาเมื่อครู่

หลังจากวันนั้น...เมื่อแก้วตายอมอนุญาตให้เขาได้รักอีกฝ่ายอย่างเปิดเผยเขาก็ไม่เคยปิดบังความรู้สึกของตัวเองอีกต่อไป  กลางคืนเขาลากให้คนตัวเล็กขึ้นมานอนบนฟูกเดียวกัน  คราแรกที่ทำแบบนั้นแก้วตาถึงกับทุบเขาเสียจนช้ำไปทั้งตัวจนต้องสาบานว่าจะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีไม่งามกับอีกฝ่ายนั่นแหละเขาจึงได้นอนกอดคนตัวเล็กอย่างที่รอคอย  พอตื่นเช้ามาก็มีคนน่ารักในอ้อมแขนทำให้เขามีความสุขยิ่งนัก

‘แก้วตาจะเอากระดาษกับดินสอไปทำไมรึ?’  เขาเอ่ยถามเมื่อเด็กหนุ่มถามหาสิ่งนั้น  เขาค้นกองข้าวของจนได้มา

‘อยู่เฉยๆแล้วเบื่อ  กระผมจะวาดรูปขอรับ’  เด็กหนุ่มตอบพลางขยับมือ

‘แก้วตาวาดรูปเป็นด้วยรึ?’

‘เป็นซิขอรับ’  เด็กหนุ่มยิ้มอย่างภูมิใจเอ่ยตอบ

‘ถ้าอย่างนั้นวาดรูปพี่ได้ไหม?’  คุณพระนายเลื่อนกายเข้ามานั่งใกล้จนไหล่ชิดกัน

‘...กระผมไม่เคยวาดรูปคนขอรับ’

‘ถ้าอย่างนั้นก็วาดรูปพี่เป็นคนแรกเสียเลยซิ  ไม่ได้รึ?’  คุณพระนายหนุ่มทำหน้าหมองให้คนที่ตั้งใจจะปฏิเสธร้อนรน  บทจะอ้อนก็เล่นเอาคนใจแข็งต้องใจอ่อนยวบเป็นขี้ผึ้งถูกไฟลน

‘ก็ได้ๆ  กระผมจะลองดูแต่ไม่รับปากหรอกนะว่าจะออกมาสวย’

‘จริงนะ?’  เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ  คุณพระนายยิ้มกว้างเลื่อนตัวมานั่งตรงหน้าแก้วตาด้วยความกระตือรือร้น

‘ไม่ใช่วันนี้ขอรับ’

‘อะไรนะ?’

‘กระผมไม่วาดรูปคุณพระนายวันนี้ขอรับ’

‘ทำไมล่ะ?’  ชายหนุ่มถามหากแต่แก้วตาก็ไม่ได้ตอบอะไร  จนเมื่อค่ำแสนจึงเอาม้ามารับพวกเขาออกไปและไม่รู้ว่าแสนคิดอยากจะแกล้งแก้วตาหรืออย่างไรจึงได้เอาม้ามาแค่สองตัว  หนึ่งคือที่แสนนั่งและอีกหนึ่งให้คุณพระนายที่ต้องรั้งให้คนตัวเล็กมานั่งด้วยกัน  ถึงจะนึกเคืองคนในปกครองคราแรกหากแต่ก็เปลี่ยนเป็นส่งสายตาขอบใจแทนเมื่อปลายจมูกโด่งได้สูดกลิ่นเส้นผมของคนในอ้อมแขน  คนตัวเล็กนั่งตัวแข็งทื่อ  แผ่นอกกว้างสัมผัสแผ่นหลังเล็กของคนข้างหน้าคล้ายโอบกอด  ยามเมื่อม้าสะดุ้งตกใจในความมืดหรือเสียงแปลกๆคุณพระนายก็จะมีโอกาสได้กอดเอวเล็กแนบแน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตกม้าไปนั่งเล่นอยู่บนพื้น  ทั้งๆที่ทางกลับไม่น่าจะไกลนักแต่ดูเหมือนแสนจะนำไปอีกเส้นทางหนึ่งให้บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มได้แนบชิดกับแก้วตา และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณพระนายไม่ได้เอาแขนออกจากเอวเล็กนั่นจนถึงที่หมาย
คุณพระนายไปส่งแก้วตาที่เรือนของหลวงเสนาะ  กำชับให้อีกฝ่ายอย่าเพิ่งกลับจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีใครตามไปวนเวียนที่เรือนหลังเล็กของอีกฝ่ายแล้วเขาจึงค่อยกลับเรือนใหญ่ของตัวเองเพื่อทำแผลแล้วนอนฝันถึงแก้วตาในทุกๆคืนต่อมา

“คุณใหญ่ขอรับ  คุณใหญ่!”

“หืม  มีอะไรรึแสน?”

“เหม่อไปถึงไหนกันขอรับ?”  เด็กหนุ่มเอ่ยถาม  แสนซึ่งกำลังนั่งงอนคนเป็นนายเงยหน้าขึ้นมองเมื่อไม่ได้ยินเสียงปากกาขีดเขียนแล้วก็ได้เห็นคุณพระนายนั่งยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงหู

“เปล่านี่”  ชายหนุ่มปฏิเสธ

“คุณใหญ่มีเรื่องปิดบังกระผมอีกแล้วนะขอรับ!”  แสนโวยวาย

“อุวะ  ไอ้เด็กคนนี้!”

“เชอะ!”  แสนแสร้งทำเสียงไม่พอใจ  เพราะไม่รู้ว่าคนเป็นนายมีเรื่องอะไรปิดบังอยู่มันจึงทำให้เขาคันๆในหัวใจถึงได้โวยวายไม่หยุด  อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะไม่รู้เรื่องนี่แหละเขาก็เลยไม่มีอะไรจะไปแกล้งคุณแก้วของคุณพระนายน่ะซิ!
.
.

“อีกสามวันสมเด็จทรงเรียกออกขุนนางอย่างนั้นรึ?”

“ขอรับ  เห็นว่าจะทรงเปลี่ยนเรื่องระบบยศศักดิ์น่ะขอรับ”  ชายหนุ่มเอ่ยตอบ  พลางเหลือบมองคนที่ถือถาดขนมเข้ามาแล้วยิ้มกว้างเมื่อเป็นคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่

“อย่างไรเล่า?”
“ทรงโปรดให้ตั้งกรมพระตำรวจขึ้นมาน่ะขอรับ  กระผมก็คงไปอยู่ในสังกัดกรมพระตำรวจทั้งแปดด้วย”

“อ้อ  อย่างนั้นรึ?”  หลวงเสนาะซึ่งต้องเข้าร่วมรับเสด็จคราวนี้ก็มีข่าวน่ายินดีเพราะจะได้เลื่อนยศเช่นกันจากหลวงเสนาะดุริยางค์ (ผู้ช่วย) ขึ้นเป็นหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ปลัดกรม) เช่นกัน  “แล้วนี่พ่อใหญ่มาหาฉันแค่แจ้งข่าวเท่านั้นดอกรึ?”  ทั้งๆที่รู้แต่คุณหลวงก็อดจะเอ่ยปากถามอย่างหยอกเย้าไม่ได้

“มีเรื่องอื่นด้วยขอรับ”  คุณพระนายเอ่ยอ้อมแอ้ม  สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยเสียงดังฟังชัด  “กระผมจะมาขออนุญาตพาแก้วตาไปเที่ยวขอรับ”

“?”  เด็กหนุ่มซึ่งยืนนิ่งคอยรับใช้คุณหลวงอยู่ข้างประตูเงยหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างตกใจ  ก่อนจะเหลียวมองผู้อาวุโส

“ไปเที่ยว?”

“ขอรับ  พอดีว่ารถไฟที่จะไปถึงอยุธยาเพิ่งสร้างแล้วเสร็จ  กระผมจึงอยากพาแก้วตาไปเที่ยว”

“หืม?”

“เอ่อ  กระผมจะพาเจ้าแสนไปด้วยขอรับ  ไม่ได้ไปกันสองคน”

“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะพ่อ  ร้อนตัวหรืออย่างไร?”  คุณหลวงหัวเราะกับท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งร้อนรนอธิบายเสียยกใหญ่  อีกทั้งแสนที่โดนอ้างก็ทำหน้าเหรอหราด้วยไม่คิดว่าจะถูกยกเอาไปอ้าง

“มิได้ขอรับ”

“เอาเถอะ  ฉันอนุญาต”

“ขอบคุณขอรับ!”  คุณพระนายหนุ่มดีใจ  ยิ้มกว้างก่อนจะขอตัวลากเด็กหนุ่มออกไปด้วยกัน  มีแสนที่เกาหัวเกาหูแบบงงๆตามไปห่างๆ  ทิ้งให้คุณหลวงส่ายหัวกับอาการนั้น  ได้ข่าวว่าคุณพระนายหายตัวไปหลายวันหนำซ้ำเด็กในปกครองของเขายังหายตามไปด้วยกันก็ให้นึกกังวลใจในช่วงแรก  จนเมื่อแสนมาอธิบายให้ฟัง  คุณหลวงจึงวางใจและหวังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะช่วยให้คนหนุ่มทั้งสองได้เปิดใจต่อกันมากขึ้น  แล้วดูเหมือนจะเป็นผลอย่างที่ท่านหวังเอาไว้เสียด้วย

“กระผมยังไม่ได้รับปากคุณพระนายเสียหน่อยว่าจะไปด้วย”

“โธ่  พี่น่ะอยากให้แก้วตาได้ไปเที่ยวจริงๆนะ  รถไฟที่ไปถึงอยุธยาเพิ่งสร้างเสร็จด้วย”

“นั่งรถไฟไปหรือขอรับ?”  เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น  ตั้งแต่โตมาเขายังไม่เคยนั่งรถไฟเลยสักครั้ง  ถึงทั่วพระนครจะมีรถยนต์ให้นั่งแต่ก็น้อยครั้งนักที่จะมีโอกาสยิ่งไม่ได้มียศมีบรรดาศักดิ์ก็อย่าหวังว่าจะได้แตะสิ่งเหล่านั้น

“ใช่  อยากไปรึไม่?”  น้ำเสียงทุ้มเอ่ยคล้ายหลอกล่อ

“อยากซิขอรับ!”  และในที่สุดคนตัวเล็กก็ตกหลุม

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกัน  เก็บของด้วยนะพี่จะพาค้างแรมสักหนึ่งคืน”

“ค้างแรม?  แต่แม่เพิ่งกลับมา...”  เด็กหนุ่มลังเลด้วยเป็นห่วงมารดาซึ่งเพิ่งกลับจากโรงหมอมาพักฟื้นที่เรือน

“ถ้าอย่างนั้นก็พาแม่พยอมไปด้วยกัน  จะได้ไหว้พระเสียทีเดียว”  แก้วตายกยิ้มดีใจเมื่ออีกฝ่ายเห็นความสำคัญของมารดาเขา  หากแต่สุดท้ายพยอมที่ดูออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายของตนกับคุณพระนายหนุ่มหนุ่มนั้นดูจะไม่ปรกติธรรมดาก็ได้ปฏิเสธ  และเพื่อไม่ให้บุตรชายเป็นห่วงนางจึงไปพักเรือนนางรำของคุณหลวงชั่วคราว
พยอมนั่งถอนหายใจมองบุตรชายเพียงคนเดียวออกไปกับชายหนุ่มอีกคน  นางไม่ได้ขัดขวางความสัมพันธ์ที่กำลังก่อตัวนั้นของคนทั้งสองหากแต่ก็ไม่ได้สนับสนุนด้วยรู้เห็นว่าในอนาคตบุตรชายของนางคงเป็นทุกข์อย่างแน่นอน  แต่จะให้ทำอย่างไรได้เล่าเมื่อนางมองเห็นรอยยิ้มแสนสวยงามของบุตรชายอยู่ตรงหน้า  รอยยิ้มที่เป็นสุขถึงเพียงนั้น
ถ้าหากแก้วตาเป็นแม่หญิงได้ก็คงดี





v
v
v

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3


ใบหน้าน่ารักหันข้างมองไปยังทิวทัศน์ข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ  มือเล็กเกาะขอบหน้าต่างแน่นเหมือนกลัวแต่ก็ยังมีรอยยิ้มประดับใบหน้า

“แก้วตาเมาหัวหรือเปล่า?”  เพราะว่าอีกฝ่ายเพิ่งเคยนั่งรถไฟครั้งแรก  คุณพระนายเลยอดเป็นห่วงไม่ได้  กลัวว่าอีกฝ่ายจะเมารถไฟจนหมดสนุก

“ไม่ขอรับ”  เด็กหนุ่มหันมาตอบก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง คนตัวเล็กที่วันนี้แต่งตัวคล้ายคลึงกับชายหนุ่มด้านข้างดูแปลกตาไปจากเดิมด้วยเสื้อมีปกสีอ่อนกับกางเกงเนื้อนิ่มสีเข้มและรองเท้าสาน  มือเล็กมีหมวกสวมตามนิยมอีกหนึ่งใบที่คุณพระนายเลือกซื้อให้ก่อนขึ้นรถไฟ

“อะแฮ่ม!”  คนฝั่งตรงข้ามส่งเสียงกระแอมไอแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครรับรู้เขาเลยได้แต่กรอกตาขึ้นฟ้า  ถอนหายใจแล้วก็นั่งอยู่ในมุมเงียบๆของตัวเองต่อไป 
แสนมองหน้าคุณพระนายสลับกับคนตัวเล็กแล้วก็ให้อดน้อยใจคนเป็นนายไม่ได้ว่าจะชวนเขามาด้วยทำไมถ้าคิดจะมากับคุณแก้วแค่สองต่อสอง  ดูเอาเถอะ  ดูสายตาของคุณใหญ่ของเขาซิ  นี่ถ้ากลืนคุณแก้วเข้าไปทั้งตัวได้คงกลืนเข้าไปแล้วกระมัง

“ประเดี๋ยวก่อนแก้วตา  ไปไหว้พระก่อน”  แขนเรียวถูกคนด้านหลังรั้งเอาไว้ก่อนจะทันได้วิ่ง  หลังจากลงรถไฟแล้ว  คุณพระนายก็พานั่งเรือต่อ  พอขึ้นท่าได้เท่านั้นแหละคนที่บอกว่าไม่อยากมาก็ออกวิ่งจะเที่ยวคนแรกให้คนพามาต้องส่ายหัวเอ็นดู

“อ๊ะ  กระผมลืมเลยขอรับ”  เด็กหนุ่มเอียงคอแลบลิ้นเมื่อโดนเตือนให้คุณพระนายหัวเราะ

“ไหนตอนแรกคุณแก้วว่าไม่อยากมาไงล่ะขอรับ  ออกวิ่งคนแรกเลยนะ”

“นายแสน!”  คนตัวเล็กที่โดนจี้จุดถึงกับเท้าสะเอวตาเขียว  ไม่หาเรื่องแกล้งเขาสักวันจะตายหรืออย่างไร!

“โธ่เอ้ยๆ  ไม่พูดกับเด็กอย่างคุณแก้วแล้ว  ไปไหว้พระดีกว่า”  แสนแกล้งก้มลงมองคนตัวเตี้ยกว่าแล้วแสยะยิ้ม

“นายแสน!”  อยากจะวิ่งไปเตะคนปากดีสักทีให้หายโมโหนัก  คุณพระนายรั้งแขนเล็กไว้ไม่ปล่อยด้วยรู้ว่าหากเขาปล่อยมือเมื่อใดเห็นทีเจ้าแสนคงได้เจ็บตัวเป็นแน่  ชายหนุ่มจับข้อมือเล็กแล้วลากไปไหว้พระด้วยกัน  ทำบุญเสียก่อนจะได้บาปดีกว่า

“แก้วตาร้อนมากรึไม่  พี่จะหาร่มให้”  คุณพระนายมองแก้มที่แดงเพราะแดดร้อนก็ให้สงสาร

“ไม่เป็นไรขอรับ แก้วทนได้”

“?”  คุณพระนายหนุ่มเลิกคิ้วมองคนตัวเล็ก  ใบหน้าน่ารักเหลียวมองดูสิ่งรอบกายอย่างสนใจใคร่รู้  เหมือนไม่รู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกมา  “แก้วตาว่าอะไรนะ?”  ชายหนุ่มถามซ้ำ  เขากำลังคิดว่าตัวเองหูฝาด

“ไม่เป็นไร  กระผมทนได้ขอรับ”  เด็กหนุ่มหันมามองร่างสูงที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว  สายตาคมคู่นั้นระริกไหวมองเขาอย่างคาดหวังบางอย่าง  แล้วคนตัวเล็กจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดแทนตัวเองด้วยชื่อเหมือนตอนอยู่กับมารดากับอีกฝ่ายออกไปก็ให้รู้สึกอายนัก

“ไม่เอาซิ  แก้วตาพูดให้เหมือนกับประโยคก่อนหน้านั้นซิ”

“ประโยคไหนขอรับ?”  เด็กหนุ่มแสร้งเลิกคิ้วไม่เข้าใจ

“ก็ประโยคที่แก้วตาแทนตัวเองด้วยชื่อน่ะ”   เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไม่ตอบคำ  หากเปลี่ยนเป็นหันหลังเดินเที่ยวต่อให้คุณพระนายห่อไหล่ลงด้วยความผิดหวัง 

หลังจากเดินเที่ยวมาทั้งวันคุณพระนายหนุ่มก็พาแก้วตามายังเรือนพักริมน้ำซึ่งมีทุกอย่างพร้อมสรรพ  เพราะเมื่อตอนกลางวันแสนมาเตรียมไว้รอท่าอยู่ก่อนแล้ว

“เรือนของใครหรือขอรับน่าอยู่จริงเชียว”  เด็กหนุ่มเอ่ยถามเมื่อนั่งลงตรงศาลาริมน้ำ  มีแสนคอยยกข้าวปลาอาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จขึ้นวาง

“ญาติของเจ้าแสนน่ะ”  แสนยืดอกทำหน้าภูมิใจให้คนเอ่ยปากชมเมื่อครู่แกล้งเบะปากใส่  “จริงซิ  ทานข้าวเสร็จแล้วแก้วตารีบอาบน้ำเสียพี่จะพาไปที่แห่งหนึ่ง”  ชายหนุ่มเอ่ยขณะตักแกงมัสมั่นใส่จานข้าวคนตรงหน้า

“ที่ไหนขอรับ  มืดค่ำแล้วยังมีที่ให้เที่ยวได้อีกหรือขอรับ?”  เด็กหนุ่มมีน้ำเสียงตื่นเต้น

“มีซิ  สวยมากเสียด้วย”

“ที่ไหนหรือขอรับ”

“ความลับ”  คุณพระนายหนุ่มยกยิ้มกว้างเพราะเมื่อคนตรงหน้าได้ยินคำตอบของเขาก็ทำท่าไม่พอใจใส่  แก้มแดงๆพองลมจนน่าจะแกล้งไปหยิกให้ช้ำมือนัก  ริมฝีปากแดงๆจิ้มลิ้มนั่นก็น่าแกล้งเสียยิ่งกว่า

แก้วตารีบอาบน้ำประแป้งตั้งแต่กินข้าวเสร็จเพราะเขาอยากจะไปที่ที่คุณพระนายบอกว่าสวยนักหนานั่น  ร่างสูงที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จทีหลังถึงกับชะงักเท้าที่ก้าวออกจากห้องก่อนจะหัวเราะลั่นเมื่อเห็นท่าทางของคนน่ารักซึ่งยืนชะเง้อคอรอเขาออกมา

“คุณพระนายเชื่องช้านัก!”

“ไม่ใช่ว่าเพราะน้องเอาน้ำขันเดียวราดตัวก็เสร็จแล้วดอกรึแก้วตา  ถึงได้รวดเร็วถึงเพียงนี้”  ชายหนุ่มเอ่ยกระเซ้าให้คนรอหน้าเง้า

“ถ้าอย่างนั้นกระผมจะไปอาบอีกรอบก็แล้วกัน  คราวนี้จะอาบให้นานถึงยามสองแล้วค่อยไป!”  เด็กหนุ่มกระแทกเท้าเตรียมจะไปอาบน้ำอีกรอบจริงๆอย่างปากว่าให้ร่างสูงต้องรีบคว้าแขนเล็กเอาไว้ก่อนอีกฝ่ายจะได้ทำแบบนั้นจริงๆ

“โธ่  พี่เย้าแก้วตาเล่นเท่านั้นดอก”

“เชอะ!”  เด็กหนุ่มกอดอกหันหน้าหนี

“ปะ  ไปกันเถอะ  เจ้าแสนเตรียมเรือไว้รอท่าแล้ว”  คุณพระนายลากคนตัวเล็กที่แสร้งทำท่างอนไม่เลิกให้ไปยังท่าเรือ  จัดแจงที่นั่งให้อีกฝ่ายดูปลอดภัยแล้วจึงคว้าไม้พาย

“คุณพระนายจะพายเองหรือขอรับ  แล้วแสนเล่าไม่ไปด้วยหรอกรึ?”  เด็กหนุ่มหันมาถาม 

“แสนไม่ไปหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นเอาพายมาขอรับ  เดี๋ยวกระผมจะพายเอง”  แก้วตาเอ่ย  เขากลัวขี้กลากจะขึ้นหัวนักที่ให้ชายหนุ่มผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงคุณพระนายมาพายเรือให้เขานั่งแบบนี้

“พี่พายได้  แก้วตานั่งดีๆเถอะ”  ชายหนุ่มยิ้มบางเบา  เขารู้ถึงความคิดในใจของคนตรงหน้ากระนั้นก็ไม่ยอมส่งไม้พาย

“ส่งมาเถอะขอรับ  ถ้าเกิดท่านลุง  เอ่อ  คุณหลวงรู้ว่ากระผมให้คุณพระนายมาพายเรือให้นั่งอย่างนี้กลับไปมีหวังกระผมต้องโดนตีก้นลายแน่”  คนตัวเล็กพยายามยกเหตุผลมาอ้างหากชายหนุ่มตรงหน้าก็ยังส่ายหัวให้

“แขนแก้วตาเล็กอย่างนั้นมีหวังก่อนจะถึงแขนคงหักก่อนพอดี”

“แต่...”

“มือของเจ้าก็เล็กเท่านี้  มันมีไว้เพื่อร่ายรำต่อหน้าพระพักตร์ไม่ใช่เอาไว้จับพายหรอกนะ”  ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม  เขาเหลือบตามองแขนขาวและมือเล็กนุ่มนิ่มด้วยสายตาห่วงหวง  “ให้พี่ได้ดูแลแก้วตาเถอะ”  สิ้นคำพูดนั้นของร่างสูงแก้มนวลจึงขึ้นสีแดงปลั่ง  แม้อากาศยามค่ำจะเย็นเพียงใดแก้วตาก็รู้สึกแค่เพียงไอร้อนบนหน้าตัวเองเท่านั้น  หนำซ้ำหัวใจยังเต้นแรงด้วยความรู้สึกเป็นสุขจนอดจะยิ้มกับตัวเองไม่ได้

คุณพระนายจ้ำพายออกห่างจากเรือนไปเรื่อยๆ  รอบข้างมืดสนิทมีเพียงแสงจากตะเกียงพายุซึ่งแก้วตาถือเอาไว้เท่านั้นที่ให้ความสว่าง  จนมาหยุดริมตลิ่งใต้ต้นไม้ใหญ่จึงเทียบเรือแล้วก้าวขึ้นฝั่ง

“แก้วตามาซิ”  ชายหนุ่มยื่นมือให้คนตัวเล็กจับ  เด็กหนุ่มมองฝ่ามือใหญ่แล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงยอมวางมือลงบนฝ่ามืออุ่นนั้นแต่โดยดี  ร่างสูงกระชับฝ่ามือ  รั้งร่างเล็กให้ขึ้นมาบนฝั่งด้วยกัน

“ที่นี่ที่ไหนขอรับ”

“ชู่ว  อย่าเสียงดัง  แล้วก็ดับตะเกียงเสีย”  คุณพระนายหันมาบอกเสียงเบา  ถึงจะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายให้ทำแบบนั้นทำไมแต่แก้วตาก็ยอมปิดปากเงียบแล้วดับตะเกียงพายุลงจนเหลือแต่เพียงความมืดมิด  หากกระนั้นมือเล็กก็ยังคงอยู่ในการเกาะกุมของอีกฝ่ายให้ใจชื้นท่ามกลางความเงียบสงัด
เวลาผ่านไปนานจนเด็กหนุ่มเริ่มจะคิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะแกล้งเขาหรือเปล่า  กำลังจะอ้าปากโวยวายก็ต้องหุบฉับเมื่อมีบางอย่างลอยมาตรงหน้าของเขา

“!”  แสงน้อยๆกระพริบวิบวับ  ดับสว่างบินวนอยู่รอบกาย  จากหนึ่งเพิ่มเป็นสอง  จากสองเพิ่มเป็นสิบและนับสิบขึ้นไป  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองด้านบน  ด้านหน้าด้านหลังแล้วก็แทบอุทาน    หิ่งห้อย!

“สวยไหม?”  เสียงทุ้มกระซิบถามริมหู  แก้วตาพยักหน้ารับรัวเร็วมือเล็กเผลอกระชับมืออีกฝ่ายแน่นด้วยความตื่นเต้น  เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง  เขาเหลียวมองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ  บนต้นไม้ยิ่งมากกว่าที่บินอยู่เสียอีก!

“สวยจังเลยขอรับ!”  เด็กหนุ่มกระซิบบอก  เขาหันมามองใบหน้าคมคายซึ่งบัดนี้มีความมืดบดบังอยู่หากแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าร่างสูงตรงหน้านั้นมองแต่เขาหาใช่เจ้าหิ่งห้อยนับร้อยไม่

“ใช่  สวยมากและพี่ก็อยากจะให้แก้วตาได้มาเห็น”

“...ขอบคุณขอรับ”  หิ่งห้อยตัวน้อยบางตัวบินเกาะบนไหล่เล็กส่งแสงสว่างวาบให้ใบหน้าเนียนกระจ่างเพียงครู่แล้วดับลง  หลายตัวบินวนผ่านไปมา  คุณพระนายปล่อยให้เด็กหนุ่มได้ดื่มด่ำกับภาพตรงหน้าจนหนำใจก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง

“แก้วตาชอบไหม?”

“ชอบขอรับ  ชอบมากๆเลย”

“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอรางวัลจากเจ้าสักอย่างจะได้หรือไม่?”

“รางวัล?  กระผมไม่มีสิ่งใด...”

“พี่ขอแค่เจ้าแทนตัวเอง  ว่าแก้วตากับพี่ แล้วก็เรียกพี่ว่าพี่ใหญ่ได้หรือไม่?”  เขาก้มลงถามคนที่ก้มหน้าเงียบ  “ช่างเถอะ  พี่ไม่ได้จะบังคับ...”

“แก้วขอบคุณคุณใหญ่นะขอรับที่พาแก้วมาที่นี่  มันสวยมากๆเลย”

“!”  ชายหนุ่มเบิกตากว้าง  แล้วใบหน้าหล่อเหลาจึงประดับรอยยิ้มงาม  เขาคว้ามือเล็กที่ว่างอีกข้างมากุมไว้ก่อนจะรั้งร่างเล็กเข้าหา

“คุณใหญ่?”

“พี่ดีใจนักแก้วตา  พี่ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ที่ได้ยืนอยู่ข้างๆน้องแบบนี้”

“อืม”

“พี่รักเจ้า  แก้วตาพี่”

ถ้อยคำบอกรักแสนหวานพาให้หัวใจหวั่นสั่นไหว  ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นสบดวงตาหวานซึ้งก่อนจะปิดเปลือกตาลงเมื่อใบหน้าคมสันโน้มลงมา  ปลายจมูกโด่งแตะหน้าผากเกลี้ยงเกลา  กดจูบฝากรอยด้วยความรัก  เลื่อนไล้ลงตามสันจมูกมนแผ่วเบา  มือแกร่งละปล่อยมือเล็กยกขึ้นเชยคางมนให้เงยขึ้นรับจูบ
ริมฝีปากค่อยแตะละเล็มแผ่วเบา  อ่อนโยนดุจสายลมอ่อน  ริมฝีปากอิ่มกดย้ำคล้ายขออนุญาตให้คนโดนขอใจสั่นยินยอมให้เรียวลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้ามากระหวัดเกี่ยว  คราแรกเมื่อสัมผัสเด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจอยากผละหนีหากมือแกร่งที่เชยคางเอาไว้ไม่ยอมให้หันห่าง  คุณพระนายกระตุ้นจูบอ่อนโยนอีกครั้ง  รั้งเรียวลิ้นเล็กให้จูบตอบเขาอย่างไม่ประสี  ครั้นเมื่อยามเด็กหนุ่มพยายามตอบโต้อย่างที่ร่างสูงต้องการยิ่งทำให้ชายหนุ่มหัวใจพองโต  ร่างสูงกดจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่ากระหวัดเกี่ยวรั้งนำพาให้แทบเข่าอ่อน

คุณพระนายปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระเปลี่ยนมากอดรั้งเอวบางรั้งให้กายแนบชิด  พยุงคนอ่อนแรงเอาไว้ในอ้อมแขน   ค่อยละริมฝีปากออกก่อนที่คนตัวเล็กจะหายใจไม่ทัน  มือขาวเกาะดึงชายเสื้อเขาเอาไว้แน่น  ริมฝีปากสีชาดบวมเจ่อ  ดวงตาคู่สวยหรุบต่ำไม่พ้นอกเสื้อของร่างสูง  ลมหายใจหอบกระชั้นพาให้คุณพระนายหนุ่มนึกสงสารหากแต่ความเย้ายวนของริมฝีปากคู่นั้นยังดึงดูดใจอยู่ไม่คลายจนต้องเชยคางของร่างเล็กในอ้อมแขนขึ้นอีกครั้ง

“คุณใหญ่  อื้อ!”

เพราะไม่ทันตั้งตัว  ร่างเล็กซึ่งหายใจแทบไม่ทันอยู่ก่อนแล้วอยากจะทุบคนขี้แกล้งให้กระอักนักหากแต่เพราะจูบอ่อนโยนนั้นแสนจะเรียกร้องก็ทำให้สติแทบหยุดลง  ยินยอมให้ร่างสูงตักตวงความหอมหวานจากริมฝีปากของเขาอย่างไม่รู้หน่าย
แก้วตาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน  พอรู้สึกตัวอีกทีเขาก็ถูกอีกฝ่ายโอบกอดเอาไว้แน่น  คุณพระนายพายเรือกลับมาที่เรือนด้วยความรู้สึกแบบใดแก้วตาไม่อาจรู้แต่ในอกของเขานั้นมันแทบระเบิดด้วยความสุข ริมฝีปากยังคงรู้สึกเจ็บแปลบเพราะจูบที่คุณพระนายมอบให้  หากเขาไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแต่อย่างใดที่ชายหนุ่มทำแบบนั้น  และตลอดทางเด็กหนุ่มก็อายเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายจนเมื่อถึงเรือนนั่นแหละเขาถึงได้กล้าเหลือบมองร่างสูง 

ชายหนุ่มจูงมือร่างเล็กให้เดินเข้าห้อง  แก้วตาซึ่งเห็นว่าเป็นที่ใดจึงขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมก้าว    ร่างสูงหัวเราะกับท่าทางนั้นก่อนจะก้มลงกระซิบถามเสียงเบา

“น้องกลัวพี่รึ?”

“ไม่ได้กลัว!”  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นขู่ฟ่อเรียกเสียงหัวเราะจากคุณพระนายหนุ่มอีกครั้ง

“อ้อ  ถ้าอย่างนั้นก็เข้าห้องเถอะ  พี่สัญญาแล้วว่าจะไม่ทำอะไรไม่ดีไม่งามเด็ดขาด”

“แล้วทีเมื่อหัวค่ำเล่า?”  เด็กหนุ่มก้มหน้าเถียงเสียงเบา

“เมื่อหัวค่ำพี่ไม่ได้ทำสิ่งใดที่ไม่ดีนี่นา  ใช่ไหม?”  ชายหนุ่มถาม  ยิ้มในตาอย่างยั่วเย้าให้นวลแก้มขึ้นสีระเรื่อชวนมอง

“แก้วไม่คุยกับคุณใหญ่แล้ว!”  คุณพระนายหัวเราะร่วนก้าวเท้าตามคนตัวเล็กเข้าห้อง  ก่อนจะปิดประตูมือแกร่งชะงักนิ่งหันมามองทางเสาเรือนซึ่งมีร่างสูงใหญ่ตะคุ่มแอบอยู่จึงกระแอมไอส่งเสียง

“ขืนมาแอบอยู่หน้าห้องฉันจะเตะแกให้ตกเรือน!”

แสนสะดุ้งโหยงยกมือขึ้นปิดปากตัวเองก่อนจะรีบคลานออกไปอย่างรวดเร็ว  พอคิดขึ้นได้ว่าทำไมเขาต้องรีบหนีด้วยเพราะถึงอย่างไรเสียคุณใหญ่ก็ไม่มีทางออกจากห้องมาเตะเขาลงเรือนไปได้หรอกในเมื่อตอนนี้มีคุณแก้วอยู่ในห้อง

“คิก...”  แสนหัวเราะคิกคักชอบใจกับตัวเอง  คุณแก้วแทนตัวเองด้วยชื่อ  หนำซ้ำยังเรียกคุณใหญ่ของเขาแทนคำว่าคุณพระนายอีก  สงสัยจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำเป็นแน่  เหลือบมองห้องที่ปิดประตูเงียบแล้วจึงแอบย่องเข้าไปใกล้  ก่อนจะค่อยๆแนบหูเข้ากับบานประตูเงี่ยหูฟัง...

“โอ๊ะ!  แสนหน้าคะมำทิ่มพื้นเมื่อประตูห้องถูกเปิดอย่างรุนแรง

“ไอ้แสน!”  คุณพระนายหนุ่มยืนค้ำหัวมองคนสนิทที่ฝ่าฝืนคำสั่งพลางยิ้มเย็น  ก่อนจะ...เตะ!

คุณพระนายปิดประตูลั่นดาลถอนหายใจอย่างระอา  ก่อนจะก้าวไปยังเตียงนอนเพราะแสนมาปูเตรียมไว้ให้ตั้งแต่หัวค่ำ  มองคนตัวเล็กที่เอาผ้าแพรเผลาะมาห่อตัวแล้วกลิ้งออกไปจนแทบตกเตียงก็ต้องตกใจ  ดีที่ชายหนุ่มหันมาเห็นเสียก่อนจึงคว้าร่างที่ถูกห่อนั้นเอาไว้ได้ทัน

“ทำอะไรของเจ้าน่ะ  แก้วตา!”  ชายหนุ่มดุคนในอ้อมแขนเสียงเข้ม

“ก็...”  เด็กหนุ่มหรุบตาลงต่ำไม่กล้ามอง

“น้องไม่ไว้ใจพี่รึ?”  สีหน้าผิดหวังของชายหนุ่มทำเอาเด็กหนุ่มใจแป้ว  รีบคว้าแขนแกร่งเมื่อเจ้าของเตรียมผละหนีเอาไว้อย่างร้อนรน

“เปล่าขอรับ  ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจแต่แก้วแค่กลัว”

“น้องกลัวสิ่งใด?”  คุณพระนายหันกลับมาถาม

“หากนี่เป็นความฝัน  มันคงน่ากลัวนักยามที่ต้องลืมตาตื่นขึ้นมา”

“แก้วตา”

“หากย้อนเวลากลับไปได้กระผมไม่แน่ใจว่าจะยังอยากให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ไหม”  แววตาใสสั่นระริกยามเอื้อนเอ่ยให้คนมองยิ้มแผ่วก่อนจะก้มลงแนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากเกลี้ยงเกลาของอีกฝ่าย

“หากย้อนเวลากลับไปพี่ก็ยังมั่นใจว่าตัวเองจะยังคงรักน้องอยู่ดี  ไม่ว่าจะเมื่อใดพี่ก็จะรักเจ้าเพราะฉะนั้นอย่ากลัวสิ่งใดเลยนะแก้วตา  พี่จะรักแค่เพียงน้องเท่านั้น”

“อืม”  เด็กหนุ่มรับคำ  คุณพระนายผละห่างเพียงนิดก่อนจะก้มลงกดจูบหน้าผากเนียน

“นอนเสียคนดี  คืนนี้พี่อยากให้แก้วตาฝันดี”

“แก้วก็ขอให้คุณใหญ่ฝันดีขอรับ”


**********



“แก้ว!  แก้ว!”  ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกผละออกห่างจากร่างตรงหน้าแล้วเหลียวมองรอบกาย  เมื่อครู่เขาเห็นภาพในอดีตทั้งๆที่ไม่ได้หลับอย่างนั้นหรือนี่  แก้วตามองร่างโปร่งข้างกายฝ่ายนั้นจึงพยักหน้ารับ

“แก้ว!  เธออยู่ที่นี่หรือเปล่า?”  เสียงร้องเรียกของฤดีทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว  ไม่เข้าใจว่าเพื่อนตามมาที่นี่ทำไมในเมื่อเขาบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่ที่เรือนขาวนี่

“เพื่อนของน้องคงเป็นห่วงจึงตามมา  รีบไปเถอะ”  เด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจก่อนจะลุกออกไปหาเพื่อน

“เราอยู่นี่ฤดี”

“แก้ว!  เธอทำให้เราเป็นห่วงแทบแย่”  ฤดีคว้าแขนเพื่อนมาจับเขย่าแรง  “แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่?”

“เรา...เธอพาเขามาหรือฤดี!”  แก้วตากำลังจะอธิบายหากสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนที่เดินเข้ามาจึงเปลี่ยนเป็นคำถาม  ซึ่งแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจจนฤดีต้องกลายเป็นฝ่ายร้อนรนอธิบายเสียเอง

“ก็  เราเป็นห่วงเธอมาก  กลัวว่าจะไม่สบายหนักเลยขออนุญาตกลับมาก่อนแล้วอาจารย์เขาจะไปที่แกลลอรี่ของพี่ชายพอดีพอเราบอกว่ารู้จักเขาเลยอาสาพาเรามาส่งก่อนน่ะ”

“สวัสดีครับ  เราเจอกันอีกแล้ว”  อีกฝ่ายส่งเสียงทักทายหากเด็กหนุ่มขมวดคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจ  “เรือนนี้เป็นของใครหรือครับดูเก่าเชียว”  เขาไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยทักทายตอบแต่หมุนกายมองเรือนขาวแล้วถาม

“ของผมเอง”

“ของคุณหรือครับ  น่าแปลกเพราะดูเหมือนไม่มีคนอาศัยอยู่เลย”

“แล้วคุณจะทำไม  อาจารย์เปรม!”  แก้วตาเสียงดัง  จ้องมองอีกฝ่ายเขม็งก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้แล้วเหลียวมองรอบกาย  ในใจร้อนรนนึกเป็นห่วงว่าเจ้าของเรือนขาวอีกคนจะรู้สึกอย่างไรที่มีคนหน้าตาเหมือนกันมาเหยียบถึงเขตเรือน

“ไม่ทำไมหรอกครับ  แล้วคุณมองหาใครหรือ?”

“เปล่า”  เด็กหนุ่มปฏิเสธเสียงเบา  ความรู้สึกเศร้าโศกก่อตัวในอกเมื่อหันไปไม่เห็นใครที่เขานึกห่วง

“ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเถอะ  เธอยังไม่ได้รับอนุญาตจากน้าเพ็ญให้มาเรือนขาวคนเดียวนะ”

“อืม”  แก้วตารับคำเสียงเศร้า  เขายอมขึ้นรถของอาจารย์คนใหม่กลับมาบ้านของฤดีตามที่อีกฝ่ายคะยั้นคะยออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  เพราะดูเหมือนเพื่อนสาวของเขาต้องพาฝ่ายนั้นไปที่แกลลอรี่ของพี่ชายอีกต่อหนึ่ง

ชายตะลึงอึ้งเมื่อเห็นหน้าคนที่น้องสาวพามา  เขามีรูปร่างสูงโปร่ง  ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นคุ้นตาและเขาจำได้ไม่มีผิดเพี้ยน  ดวงตาสีอ่อน  ริมฝีปากอิ่มมีรอยยิ้มอยู่เป็นนิจ  เหมือนคุณพระนายรูปงามคนนั้นไม่ผิดเลย!  ถ้าหากเขาไม่ได้ยินจากปากของแก้วตาว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คุณพระนายแล้วล่ะก็เขาคงปักใจเชื่อไปแล้วว่าคุณพระนายคนนั้นกลายเป็นคนมีตัวตนจริงๆ
จากห่วงเพียงหนึ่งกลับเพิ่มเป็นสองเพราะมีคนหน้าเหมือนคนที่แก้วตารักโผล่ออกมา  หนำซ้ำยังมีชีวิตมีตัวตน  ใจเขาจึงร้อนรุ่มหนักขึ้นกว่าเดิม  แต่จะให้แสดงท่าทีไม่ดีออกไปก็ไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงอาจารย์สอนวาดรูปคนใหม่ของมหาวิทยาลัยที่น้องสาวของเขาและแก้วตาเรียนอยู่

“ผมชอบเรือนหลังสีขาวนั่นมากเลย”

“หลังไหนหรือครับ?”  ชายยกกาแฟขึ้นดื่มเอ่ยถามแขกผู้มาเยือนแกลลอรี่ของเขาแทบทุกวันตั้งแต่วันที่มาส่งฤดีที่บ้าน  ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ชายไม่พอใจหนักขึ้นเพราะว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะได้เจอแก้วตาทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงอาทิตย์

“เรือนสีขาว  ที่คุณแก้วไปเมื่อคราวนั้นน่ะครับ”

“?”  คำบอกเล่าของคนตรงหน้าทำเอาชายขมวดคิ้ว  แก้วตาแอบไปเรือนหลังนั้นคนเดียวหรือนี่

“ผมอยากจะวาดรูปเรือนหลังนั้น”

“วาดรูปหรือครับ?”

“ใช่  แต่ดูเหมือนคุณแก้วจะไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไหร่  คุณพอจะช่วยพูดให้คุณแก้วยอมให้ผมวาดรูปเรือนหลังนั้นได้ไหมครับ?”

“คุณไปพูดกับแก้วเองเถอะครับ”  ชายปฏิเสธ

“อย่างนั้นก็ได้ครับ”  จากนั้นดูเหมือนว่าอาจารย์คนใหม่จะตามแก้วตาไปเสียทุกหนทุกแห่งในมหาวิทยาลัยเพื่อให้อีกฝ่ายยอมให้เขาวาดรูปเรือนขาว

“ไม่ครับ!”  เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเป็นครั้งที่ร้อยอย่างเหนื่อยหน่าย

“โอเค  ไม่ก็ไม่”

“ขอบคุณที่ยอมเข้าใจเสียทีนะครับ”

“แต่ผมมีข้อแม้แลกเปลี่ยน”  ประโยคนั้นทำให้เด็กหนุ่มแทบเต้นผางกับความดื้อดึงของอีกฝ่าย

“อะไร?”

“ให้ผมได้มาคุยกับคุณและพาคุณไปทานข้าวบ้างนะครับ”

“ไม่!”

“ถ้าอย่างนั้นผมจะแอบไปวาดรูปเรือนขาวที่คุณแสนหวงนั่น”

“คุณ!”

“วันนี้ไปแถววังบูรพากับผมนะครับ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณต้องสัญญากับผมว่าจะไม่พยายามวาดรูปเรือนขาวถ้าผมไม่อนุญาต”

“โอเค  ผมสัญญา”  ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างพอใจ  ถึงจะไม่ได้วาดรูปเรือนขาวอย่างที่ต้องการแต่ได้สานสัมพันธ์กับคนที่เขาต้องตาต้องใจตั้งแต่วันแรกที่เห็นหน้าแทนก็ดูจะคุ้มอยู่ไม่น้อย
อาจารย์คนใหม่พาแก้วตาไปทั้งซื้อของและดูภาพยนตร์ซึ่งกำลังเข้าฉาย  หากแต่ดูเหมือนจะไม่สามารถดึงความสนใจของเด็กหนุ่มให้มาทางเขาได้เลย

“แก้ว  เธอไม่ชอบหรือ?”

“ผม...”

“อ้าว  แก้ว?”  เสียงทักทายหวานละมุนให้คนทั้งสองต้องหันไปมอง  ร่างระหงเดินเข้ามาทักทายพร้อมรอยยิ้ม

“น้าโสภี?  สวัสดีครับ”

“สวัสดีจ้ะ  เธอมาเที่ยวหรือ  ฤดีล่ะทำไมไม่มาด้วยกัน  แล้วนี่...”  หญิงสาวปรายสายตามองคนที่ยืนข้างเด็กหนุ่มด้วยแววตาสงสัย

“อาจารย์เปรมครับ  เป็นอาจารย์สอนวาดรูปคนใหม่”  แก้วตาแนะนำ

“สวัสดีค่ะ  ฉันเป็นน้าของฤดีเพื่อนของแก้ว”

“สวัสดีครับ”

“คุณดูคุ้นหน้าจังเลยนะคะ”

“อย่างนั้นหรือครับ?”

“ฉัน...”  แก้วตาไม่รู้ว่าโสภีชวนอาจารย์คนใหม่พูดคุยเรื่องอะไรบ้าง  เพราะทันทีที่ชายหนุ่มข้างๆหันไปคุยกับหญิงสาวเด็กหนุ่มก็หันหลังเดินออกทันที



“เฮ้อ~”  ร่างเล็กถอนหายใจ  กว่าจะสลัดผู้ชายน่ารำคาญคนนั้นได้ช่างยากเย็นนัก  เด็กหนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะตัดสินใจว่าเวลาที่เหลือเขาควรจะไปที่เรือนขาวเสียหน่อยดีกว่า  อย่างน้อยก็จะได้เจอใครที่เขาอยากเจอ
โสภีเหลือบมองแผ่นหลังของคนที่เดินห่างออกไปพร้อมรอยยิ้มสมใจ  ก่อนจะพยายามพูดคุยดึงความสนใจจากคนตรงหน้าเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าเด็กแก้วตาหายไป  โสภีแทบรอที่จะเข้ามาพูดคุยกับชายหนุ่มตรงหน้าไม่ไหว  เมื่อหลายวันก่อนตอนเธอแอบตามเจ้าเด็กอวดดีนั่นไปเรือนขาวแล้วเธอจึงได้เห็นเขา  ผู้ชายที่อยู่ในฝันของเธอมานานในที่สุดก็ได้เจอเสียที  และเธอจะไม่ลังเลเลยที่จะทำให้อีกฝ่ายเป็นของเธอ !


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
...อสงไขย...
...กาลที่๑๓...








ร่างโปร่งซึ่งกำลังจะเดินเข้าห้องเรียนเซถลาเมื่อโดนใครบางคนรั้งข้อศอกเอาไว้  หากแต่เคราะห์ดีเพราะดูเหมือนใครคนนั้นจะไม่ได้มีประสงค์ร้ายเพราะเขาใช้อกตัวเองรองรับร่างที่ไม่ทันตั้งตัวนั้นเอาไว้เต็มอ้อมแขน

“คุณ!”  เด็กหนุ่มอุทานลั่นด้วยความตกใจ  หากพอเห็นว่าเป็นใครจึงตวาดใส่เสียงขุ่น

“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”  ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยเสียงเบา  มองคนตัวเล็กดึงตัวเองให้ห่างจากเขาแล้วจึงเงยมองดวงหน้าเนียน  “เมื่อวานคุณทำแบบนั้นทำไม?”

“ทำอะไร?”  ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายถามถึงอะไรหากเด็กหนุ่มก็ยังแสร้งไม่เข้าใจคำถาม

“เมื่อวานคุณหนีกลับมาก่อน  ทิ้งให้ผมอยู่กับคุณโสภีได้อย่างไร?”

“อ้าว  เห็นว่าท่าทางคุณสองคนจะเข้ากันได้ดีผมก็เลยคิดว่าไม่น่าจะอยู่เป็นก้างขวางคอเลยออกมา”  เด็กหนุ่มลอยหน้าลอยตาตอบ 

“ผมไม่ได้อยากเที่ยวกับคุณโสภี”  ชายหนุ่มบอก

“แล้วอย่างไรเล่า?”

“แก้ว…”

“ผมก็ไม่ได้อยากไปเที่ยวกับคุณนี่”  เด็กหนุ่มตอบกลับ  เขาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้น  ทั้งๆที่คิดว่าใบหน้านี้ช่างเหมือนกับคนที่ทำให้เขาคิดถึงเช่นคุณพระนายแต่ก็ไม่สามารถทำให้เขานึกอยากมองหน้าอีกฝ่ายได้

“แต่คุณบอกว่าจะให้โอกาสผม”  อาจารย์รูปหล่อเอ่ยท้วง

“คุณแค่บอกว่าให้ผมไปทานข้าวและเที่ยววังบูรพากับคุณเท่านั้น  ไม่ได้พูดโอกาสอะไรเสียหน่อย”  อาจารย์หนุ่มนิ่งอึ้งเมื่อเจอไม้นี้เข้าไป  เขาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ย

“คุณผิดสัญญาก่อนนะแก้วตา”  เอ่ยจบอาจารย์หนุ่มก็หันหลังเดินออกไป  กว่าเด็กหนุ่มจะเข้าใจความหมายคำพูดนั้นเขาก็ไม่เห็นหลังอีกฝ่ายแล้ว  ครั้นจะตามหาเพื่อพูดกันให้รู้เรื่องก็ถึงเวลาเข้าเรียนพอดี  หลังจากนั้นดูเหมือนว่าโอกาสจะไม่เอื้ออำนวยให้เด็กหนุ่มได้พบอาจารย์สอนวาดรูปคนใหม่อีกเลย

แก้วตาครุ่นคิด  อาจารย์คนใหม่สัญญากับเขาว่าจะไม่วาดรูปเรือนขาวถ้าเขาไม่อนุญาตและเขาต้องไปทานข้าวกับอีกฝ่าย  แต่เมื่อเขาหนีกลับมาก่อน  ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจแบบนั้นไม่รู้ว่าอาจารย์คนใหม่จะยังรักษาสัญญาที่ว่าเอาไว้หรือเปล่า?
เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่อยากให้ใครมาวาดรูปเรือนขาว...ไม่ใช่หรอกเขาไม่ได้หวง  แต่เขาไม่ต้องการให้อาจารย์คนใหม่นี้วาดรูปเรือนขาวต่างหาก  อาจารย์ที่หน้าตาเหมือนคุณพระนายราวกับพิมพ์เดียวกันแต่แก้วตารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คุณพระนาย  ไม่ว่าใครหรือหน้าตาจะเหมือนคุณพระนายแค่ไหนก็ไม่ใช่ตัวจริงทั้งนั้น  เด็กหนุ่มก็แค่รู้สึกหวงแหนสถานที่ที่เป็นของเขาและคุณพระนาย  สถานที่ของเราเพียงสองคน


แก้วตามองเรือนขาวที่ตั้งตระหง่านพลางยิ้มกว้างเมื่อเงยหน้าขึ้นไปยังชั้นบนแล้วเห็นใครอยู่ตรงระเบียงบนนั้น

“วันนี้น้องมาเร็ว”  เสียงทุ้มดังขึ้นข้างกาย  เด็กหนุ่มไม่ได้สะดุ้งตกใจเช่นคราวก่อนเพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวทางด้านซ้ายของเขาเสมอ

“วันนี้เลิกเรียนเร็วน่ะ”  เด็กหนุ่มตอบพลางเดินไปยังซุ้มไม้เลื้อย

“คุณชายกับแม่ของน้องยังไม่ยอมให้น้องมาเรือนขาวคนเดียว”  คล้ายเอ่ยถาม  เจ้าของร่างโปร่งทิ้งตัวลงนั่งเคียงข้างเด็กหนุ่ม

“ผมแอบมาน่ะครับ”   เขาหันมามองร่างข้างกาย  ร่างคุณพระนายไม่ได้โปร่งแสง  แต่ยากนักที่จะจับต้อง  เด็กหนุ่มยกมือขึ้นหมายจะสัมผัสใบหน้านั้น  ดวงตาคู่สวยแสนโศกของคุณพระนายมองตอบ  เขาไม่ได้ขยับหนี  หากยกยิ้มอบอุ่นบางเบามาให้  แก้วตามองภาพตรงหน้าแล้วนึกย้อนไปถึงหนังสือที่เขาเพิ่งยืมมาจากหอสมุดคราวก่อน  เรื่องศกุนตลา

ดูผิวสินวลละอองอ่อน    มะลิซ้อนดูดำไปหมดสิ้น
สองเนตรงามกว่ามฤคิน    นางนี้เป็นปิ่นโลกา
งามโอษฐ์ดังใบไม้อ่อน    งามกรดังลายเลขา
งามรูปเลอสรรขวัญฟ้า    งามยิ่งบุปผาเบ่งบาน


“แก้วอยาก...”  ... สัมผัสคุณใหญ่...

“?”  ใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำ  หัวใจเขาเต้นระรัวแรงกับสรรพนามที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา    ...เหมือนกาลก่อน...

“อยู่ที่นี่จริงๆเสียด้วย”  เด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจ  เหลียวหันกลับไปมองด้านหลังแล้วต้องเบิกตากว้าง     อาจารย์เปรม!

“คุณ!”  แก้วตาลุกขึ้น  โดยไม่รู้ตัวเขาใช้ตัวเองบังร่างของคุณพระนายเอาไว้ทันทีที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้

“คิดอยู่เชียวว่าคุณอาจจะมาที่นี่  แล้วคุณอยู่กับใครหรือ?”  เขาเอ่ยถาม  มองท่าทางพิกลของคนตรงหน้าแล้วยกยิ้ม

“เอ่อ”  เด็กหนุ่มไม่ตอบ  หากยังใช้ตัวบังร่างที่อยู่ด้านหลังเอาไว้

 “คุณซ่อนอะไรไว้น่ะ?”  อาจารย์หนุ่มเอ่ยถาม  ขยับเท้าเข้าใกล้อีกนิด  ร่างเล็กของแก้วตาขยับตามให้เขายกยิ้มกว้างเขาพยายามมองสิ่งที่เด็กหนุ่มตรงหน้าปิดเอาไว้แล้วก็เบิกตากว้าง  “ไม่เห็นมีอะไรเสียหน่อย”  เขาว่า

“ห๊ะ?”  ร่างเล็กลดแขนลง  หันไปมองด้านหลัง

คุณใหญ่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม   

โดยมีจมูกโด่งของอาจารย์เปรมฉวัดเฉวียนอยู่ใกล้ๆ  อาจารย์คนใหม่พยายามมองดูว่ามีอะไรที่แก้วตาคิดอยากจะซ่อนเขา   นอกจากความว่างเปล่าแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง

“ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่”  แก้วตาไม่ได้ตอบ  คิ้วเรียวของเด็กหนุ่มขมวดมุ่นมองภาพตรงหน้าแล้วไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี  แต่ดูท่าจะค่อนไปทางอย่างหลังเสียมากกว่า  ภาพของคุณพระนายยืนนิ่งไม่ขยับและอาจารย์เปรมซึ่งมีสีหน้าไม่เข้าใจ  ยืนเคียงกัน...
ไม่มีสิ่งใดแตกต่าง  แต่เขารู้ว่าไม่เหมือน

“คุณมาที่นี่คนเดียวหรือ?”  อาจารย์เอ่ยถาม

“แล้วคุณมาเรือนนี้ทำไม?”  เด็กหนุ่มถามกลับ

“เปล่า”  คำตอบนั้นทำให้ร่างเล็กมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ  สายตาไม่เป็นมิตรส่งให้ร่างสูงอย่างไม่ปิดบัง  “ความจริงผมก็แค่อยากมาดูเรือนหลังนี้เท่านั้นแหละ”  อาจารย์ยอมแพ้ในที่สุด

“ดูทำไม?”  เสียงหวานกระชากห้วน

“แล้วคุณจะหวงทำไม”  ชายหนุ่มถอนหายใจ  จะทำท่าล้อเล่นก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่อยากเล่นด้วย

“มันเรื่องของผม”

“คุณซ่อนอะไรไว้ในเรือนขาวหรือไงถึงไม่อยากให้ผมเห็น”

“!”  ท่าทางตกใจของแก้วตาทำให้อาจารย์หนุ่มเหลียวมองไปรอบๆ

“ที่นี่ไม่มีใครอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?  แล้วคุณจะหวงทำไม?”  ชายหนุ่มเอ่ยพลางขยับเท้าเดินออกจากซุ้มไม้เลื้อย  เขาก้าวไปยังเรือนขาวตรงหน้าให้เด็กหนุ่มถลาวิ่งตามออกมากางแขนขวางหน้า

“เรือนขาวไม่มีอะไรให้คุณดูหรอก”

“ทำไมจะไม่มี?  คุณดูเรือนหลังนี้ซิ  สีขาวทั้งหลัง..การออกแบบก็ประณีตบ่งบอกว่าคนสร้างจะต้องรักเรือนหลังนี้มากแน่ๆ  โครงสร้างสวยมากเลยนะ  ดูซิสวยจะตายไป  ต้นไม้นั่นอีก  ถึงผมจะไม่รู้จักชื่อแต่ว่าผมรู้นะว่าดอกของมันหอมมาก”  เขาชี้ไปยังต้นดอกจำปีตรงมุมเรือน  และซุ้มการเวกตรงศาลาท่าน้ำ  “อ้อ  เรือนหลังเล็กนั้นก็ดูสวยนะ”  ชายหนุ่มหันไปทางเรือนซ้อมรำทำท่าจะเดินไปทางนั้น  แก้วตาผวาคว้าแขนอีกฝ่ายไว้แน่น

“นี่!  นี่มันเรือนของผมนะ  คุณไม่มีสิทธิ์มาเดินเที่ยวดูแบบนี้!”

“อ้อ  เรือนของคุณ?  ถ้าหวงนักแล้วทำไมคุณไม่อยู่ที่นี่ล่ะ  ผมรู้มาว่าคุณอาศัยอยู่ที่บ้านของฤดี  เรือนขาวไม่ได้เก่าเสียจนอยู่ไม่ได้เสียหน่อย”  เขาถาม  พลางจับจ้องสังเกตสีหน้าของเด็กหนุ่ม  ซึ่งบัดนี้ซีดเผือดและดวงตาเรียวก็ไม่ยอมสบมองเขา

“ผมมีเหตุผล”

“ผมไม่ถามเหตุผลนั้นก็ได้นะถ้าคุณไม่อยากบอก” 

“?”  แก้วตาเงยหน้ามองอีกฝ่าย

“แต่ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมให้ผมวาดรูปเรือนหลังนี้  ผมไม่ได้คิดจะสร้างเรือนเลียนแบบเรือนขาวหรอกนะ  อย่างที่ผมบอกว่าเรือนหลังนี้สวยมากผมก็แค่อยากจะวาดรูปเท่านั้น”  อาจารย์หนุ่มแจงเหตุผล  เขายิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ  “และเหนือสิ่งอื่นใด  ผมก็แค่อยากจะลองทำความรู้จักคุณให้มากขึ้น  ยิ่งรู้ว่าคุณเป็นเจ้าของเรือนหลังนี้ผมก็ยิ่งอยากจะวาดรูป  ทั้งเรือนขาวทั้งคุณ”  แก้วตาไม่ได้ตอบ  เด็กหนุ่มมองคนตรงหน้าเพียงครู่ก่อนย้ายสายตาไปยังระเบียงชั้นสอง  เงาร่างเลือนรางวูบไหว  ดวงตาคู่โศกมองสบมาก่อนร่างนั้นจะหายวูบไป  ทิ้งไว้เพียงสายลมอ่อนเจือกลิ่นดอกจำปีที่โชยมา




 “แก้วรู้นะว่าคุณใหญ่อยู่แถวนี้”  เสียงแหบหวานเอ่ยแผ่วเบา  เขายืนนิ่งริมหน้าต่างมองฝ่าความมืดของค่ำคืนออกไปหากไม่ได้จับจ้องที่ใดเป็นพิเศษ  เขาเงี่ยหูฟังเสียงขยับแผ่วเบาที่ก้าวประชิดเข้ามาทางด้านหลัง

“น้องโกรธพี่เรื่องใด?”  เสียงทุ้มเย็นกระซิบถาม

“โกรธที่คุณใหญ่คิดแบบนั้น”

“น้องรู้รึว่าพี่คิดอะไร?”

“คุณใหญ่จะบอกไหมล่ะว่าคิดอะไรอยู่?”  แก้วตายังคงกอดอกนิ่ง  เด็กหนุ่มถอนหายใจเมื่อดูเหมือนอีกฝ่ายไม่คิดจะตอบ  “คุณใหญ่กลัวเหรอ?”  ในที่สุดแก้วตาก็ต้องหันกลับไปมองเจ้าของร่างโปร่งที่ยืนทำสีหน้าเศร้าสร้อยทางด้านหลัง

“พี่สมควรจะกลัว  เขาหน้าตาเช่นเดียวกันกับพี่ถึงขนาดนี้”

“แต่เขาก็ไม่ใช่คุณใหญ่!”  เด็กหนุ่มโพล่งขัดประโยคนั้นออกไป  “ถ้าคุณใหญ่กลัวก็แสดงว่าคุณใหญ่ไม่เชื่อใจแก้ว!”  เสียงหวานกระซิบถามอย่างขุ่นเคือง  ดวงตาเรียวเล็กจ้องมองคนสูงกว่าอย่างคาดคั้น

“พี่ขอโทษ  แก้วตาอย่าโกรธพี่เลย  พี่ไม่มีตัวตนน้องก็รู้”

“แต่คุณใหญ่อยู่ตรงนี้นี่!”  แก้วตาคว้าอากาศเย็นว่างเปล่าตรงหน้า  เจ้าของดวงตาโศกมองภาพนั้นพลางยิ้มขื่น  ก่อนหน้านี้เขาเคยสัมผัสจับต้องร่างเล็กได้  ก่อนหน้านี้ไม่นานนี่เองแต่แก้วตาไม่รู้  ไม่เคยรู้ว่าเขาทำได้  คุณพระนายยกแขนขึ้นโอบกอดร่างเล็กเอาไว้  หากไม่อาจสัมผัส...
คงใกล้จะถึงเวลาแล้วกระมัง...

“เขาไม่ใช่คุณ  เพราะฉะนั้นไม่ว่าเขาจะมีตัวตนหรือไม่แก้วก็ไม่สนใจหรอก”  แก้วตายกแขนขึ้นกอดตอบ  ถึงจะรู้ว่าเหมือนกอดความว่างเปล่าแต่เขาก็อยากให้คุณใหญ่รู้ว่า  เขาเองก็อยากจะกอดอีกฝ่ายเอาไว้แบบนี้เช่นกัน

“พี่รักแก้วตา  ...รักเจ้านัก”

หยาดน้ำตาร่วงหล่นจากดวงตาคู่สวยเขาควรจะทำเช่นไรหนอเมื่อเวลานั้นมาถึง  ดื้อดึงอยู่ตรงนี้โดยไม่อาจสัมผัสจับต้องคนที่รักได้หรือหายไปตามครรลองที่ควรจะเป็น
.
.





ชายหนุ่มยกมือขึ้นเท้าคาง  นิ้วเรียวแตะดินสอหมุนๆก่อนจะจับยัดใส่กระเป๋าตรงอกเสื้อ  เขาถอนหายใจพลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเย็นที่เรือนขาว  เขาไปที่เรือนหลังนั้นเพียงเพราะอยากดูเท่านั้นจริงๆ  แต่เพราะเห็นหลังไหวๆคุ้นตาของใครบางคนเดินเข้าไปในเขตเรือนเขาจึงเผลอเดินตามเข้าไปโดยไม่รู้ตัว  เขาเห็นแก้วตายืนมองเรือนหลังนั้นแล้วก็ยิ้ม   ริมฝีปากสีสดคู่นั้นแย้มยิ้ม  เอื้อนเอ่ยหากเขาไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดอะไร   เขาเดินตามอีกฝ่ายไปที่ซุ้มไม้เลื้อย  เด็กหนุ่มนั่งลง  ใบหน้ากระจ่างใสบัดนี้แต้มสีระเรื่อที่แก้มเนียนชวนมอง  ริมฝีปากคู่นั้นยังเอื้อนเอ่ย
‘ผมแอบมาน่ะครับ’
‘แก้วอยาก...’
เขาได้ยินประโยคเหล่านั้นหากแต่แก้วตาพูดกับใครเล่า?  หนำซ้ำท่าทางโหยหาอยากสัมผัสนั่นอีกแก้วตาพูดกับใคร  ทำอะไรในเมื่อที่ตรงนั้นไม่มีใครเลยสักคน!


‘ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่’

‘....’

ตอนเขาเอ่ยประโยคนั้นแก้วตาเงยหน้าขึ้นมอง  ใช่...มองเหมือนจะมองมาที่เขาแต่ก็ไม่ใช่  สายตาคู่นั้นมองเลยไปทางด้านหลังเขา  แววโศกเจือลงในดวงตาเรียวคู่สวยของเด็กหนุ่มทันที
แล้วก่อนจะเดินจากมาอีกเล่า  เขาที่บอกอีกฝ่ายว่าอยากจะวาดรูปเรือนขาวพร้อมทั้งอยากจะทำความรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้น  อยากวาดรูป  แก้วตาเงยหน้าขึ้นมองไปยังระเบียงชั้นสองเขามองตาม  ในสายตาของเขามีแต่ความว่างเปล่าที่มองเห็น
แต่ในสายตาของแก้วตามีสิ่งใดอยู่?
ใบหน้าน่ารักนั้นจึงหม่นหมอง
จะต้องมีอะไรบางอย่างในเรือนขาวหลังนั้นแน่ๆ  ทำไมแก้วตาจึงไม่อยู่ที่เรือนนั่นทั้งๆที่หวงขนาดนั้น  ไหนจะท่าทางแปลกๆของแก้วตาวันนี้อีก  เขาจะต้องรู้ให้ได้!




[center*********[/center]

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3


เสียงขีดเขียนดังแว่วให้คนที่เพิ่งก้าวเข้ามาชะงักเท้าด้วยความใคร่รู้ว่าคนด้านในนั้นกำลังทำอะไรอยู่  จึงค่อยๆแนบกายเข้ากับผนังห้องก่อนจะชะโงกหน้าแอบดู  หากเพราะคนด้านในนั้นหันหลังออกจึงบดบังสิ่งที่เขาอยากเห็นเอาไว้จนมิด  ร่างสูงตัดสินใจเขย่งปลายเท้าย่องเข้าไปเงียบๆ  แล้วสิ่งที่เขาอยากเห็นก็ปรากฏสู่สายตา

“นั่นรูปพี่ใช่หรือไม่?”

“คุณใหญ่!”  เจ้าของมือขาวที่จับดินสอเขียนถึงกับสะดุ้งกายโหยง  พยายามขยับตัวเข้าบังรูปวาดอย่างเต็มกำลังหากก็ไม่ทันคนตัวสูงซึ่งเบี่ยงกายยื้อแขนมาคว้ากระดานวาดเอาไปไว้ในมือ

“บอกมาก่อนว่าใช่รูปพี่หรือไม่?”  ชายหนุ่มยกแขนขึ้นสูงเมื่อคนตัวเล็กกระโดดพยายามแย่งคืน  พอเห็นว่าคงเหนื่อยเปล่าร่างเล็กจึงยืนนิ่ง  เหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยท่าทางแสนงอน

“ไม่ใช่ขอรับ!”

“อย่างนั้นรึ?  แล้วทำไมคนในรูปจึงมีใบหน้าเหมือนพี่เล่า?”

“ไม่เห็นจะเหมือนเลยขอรับ!”  คนงอนยังคงงอนไม่เลิก  แก้วตาตวัดแขนกอดอกฉับแล้วสะบัดหน้าหนี

“อ้อ  แสดงว่าคนวาดฝีมือไม่ดีซินะ?”

“ใครบอก  กระผมวาดออกจะเหมือนคุณใหญ่ขนาดนี้!  อ๊ะ!”  ร่างสูงยกยิ้มกว้างเมื่อทำให้คนน่ารักหลุดปากออกมา  เด็กหนุ่มที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดสิ่งใดออกไปถึงกับหาคำพูดไม่เจอ  ได้แต่แสดงท่าทีไม่พอใจต่อไปแล้วเดินหนีไปทั้งอย่างนั้น

“เจ้าจะโกรธพี่ไปทำไมเล่าแก้วตา?”  ร่างสูงเดินตามพลางกอดภาพวาดนั้นเอาไว้แน่น

“กระผมไม่ได้โกรธ!”  น้ำเสียงหวานสะบัด  เจ้าของดวงหน้าขาวยังไม่ยอมหันมามองคนด้านหลัง  ขัดกับคำพูดเสียจนคนขี้แกล้งอดจะยิ้มเอ็นดูไม่ได้

“อย่างนั้นรึ?  แล้วทำไมปากแดงๆของน้องจึงเชิดแบบนั้น  แก้มขาวๆก็แดงเสียด้วย  แล้ว...ตาคู่สวยของน้องก็ไม่มองพี่...”  น้ำเสียงท้ายประโยคเจือแววเศร้าทำเอาคนที่อยากจะโกรธถึงกับหยุดเท้าก่อนจะหันกายกลับมาอย่างรวดเร็ว

“อย่าทำน้ำเสียงแบบนี้!”

“?”

“อย่าทำน้ำเสียงเศร้าๆแบบนี้นะขอรับ  แก้วไม่ชอบ”  คนตัวเล็กเงยขึ้นสบตา  เขยิบเท้าเข้าใกล้คุณพระนายแล้วมือเล็กจึงยกแตะริมฝีปากได้รูปของคนตรงหน้า  “อย่าทำเสียงเศร้าๆแบบนี้อีกนะขอรับ”  เป็นประโยคร้องขอที่ทำให้หัวใจของคนฟังตื้นตัน  ร่างสูงยกยิ้ม  มือหนายกขึ้นแตะทาบมือเล็กลงกับริมฝีปากของตน  กดจูบปลายนิ้วเล็กแผ่วเบาอย่างอ่อนโยน

“พี่จะไม่ทำน้ำเสียงแบบนี้อีก”  คล้ายถ้อยประโยคสัญญาที่เขามอบให้กับคนตรงหน้า  คุณพระนายยกยิ้มหวานก่อนจะโน้มกายลงแตะริมฝีปากกับปลายจมูกมนแผ่วเบาอย่างรักใคร่

“ฮื่อ!  เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”  คนตัวเล็กดุเสียงเบาหากแก้มเนียนขึ้นสีเรื่อให้ชายหนุ่มอดจะโน้มกายลงเพื่อกดจมูกลงสูดดมกลิ่นเนื้อนวลไม่ได้

“ช่างปะไร  เห็นซิดี  พี่จะได้บอกคนอื่นว่าพี่รักแก้วตามากแค่ไหน”  คุณพระนายยิ้มกว้างตอบโต้

“ไม่ดีขอรับ!”  เด็กหนุ่มแย้งขึ้นเสียงขุ่น

“?”

“หาใช่เรื่องดีไม่ที่จะป่าวประกาศให้คนอื่นรู้  คุณใหญ่จะเสียหาย”  ท้ายประโยคเสียงหวานพึมพำแผ่วเบาให้คนฟังใจหาย  เขาถอนหายใจแล้วเลื่อนกายออกห่างคนตัวเล็ก

“ไม่เอาแล้ว  เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า  วันนี้น้องว่างหรือไม่?”  ชายหนุ่มรั้งแขนให้แก้วตาเดินกลับเข้าไปในตัวเรือน  พลางวางกระดานวาดรูปที่ยังวาดไม่เสร็จลง

“ว่างขอรับ” 

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้บอกแม่พยอมเถอะว่ากลับเย็นหน่อย”  ไม่พูดเปล่า  คุณพระนายคว้าหมวกที่เขาซื้อให้คนตัวเล็กเมื่อคราวไปเที่ยวอยุธยามาสวมลงบนศีรษะทุยของอีกฝ่าย

“ฮื่อ  จะไปไหนขอรับ?”

“ความลับ!”  ชายหนุ่มยกยิ้มไม่ตอบคำ 

ร่างสูงลากแก้วตาลงเรือรับจ้าง  เขาชวนเด็กหนุ่มคุยไม่หยุดปาก  จนผ่านไปกว่าสองชั่วยามเด็กหนุ่มเอ่ยถามจนคร้านจะถามว่าจะไปที่ใดกระนั้นคุณพระนายก็ไม่ยอมตอบ  จนกระทั่งถึงที่หมายชายหนุ่มยื่นมือให้คนตัวเล็กจับเพื่อขึ้นฝั่ง

เรือนไม้กำลังก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จดีมีช่างมากมายเร่งมือทำงานไม่หยุด  หากก็พอจะมองออกว่าเมื่อยามที่ตัวเรือนถูกสร้างเสร็จแล้วจะงดงามเพียงใด  ก็ทำให้แก้วตาเงยหน้ามองแล้วหันมาถามคนข้างกาย

“เรือนใครหรือขอรับ?”

“ลองทายซิ”  ชายหนุ่มยกยิ้มถามกลับ

“แก้วจะไปรู้ได้อย่างไรกันเล่า”

“เรือนของพี่กับแก้วตาไง”

“อะไรนะขอรับ?”

“เรือนของพี่กับแก้วตา”  คุณพระนายย้ำอีกครั้ง  รอยยิ้มขี้เล่นก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยแววตาจริงจังจับจ้องตรงมา  “พี่ให้ช่างออกแบบไว้  ให้ตัวเรือนเป็นสีขาว...ถัดไปเป็นเรือนเล็กเอาไว้ให้แก้วตาซ้อมรำ  พี่จะสร้างศาลาริมน้ำให้แก้วตาวาดรูป  ทำเป็นซุ้มการเวกเวลาแก้วตาวาดรูปตอนเย็นๆจะได้มีกลิ่นหอมๆให้ชื่นใจ  มีศาลาขาวหน้าเรือนเอาไว้ให้แม่พยอมนั่งเล่นพักผ่อนยามเมื่อไม่ได้ไปรำ  ปลูกสวนดอกไม้ไว้ให้นมแย้มทำบุหงา...”  ชายหนุ่มเอ่ยพลางชี้ชวนไปยังมุมต่างๆของพื้นที่  ร่ายโครงการว่าจะทำสิ่งใดบ้างให้อีกคนฟังด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข

“...ตั้งแต่เมื่อใดขอรับ?”  เด็กหนุ่มมองตามนิ้วนั้นก่อนจะเงยมองใบหน้าด้านข้างของคนที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข

“ตั้งแต่วันที่พี่รู้ใจตัวเองว่าพี่รักแก้วตา”

“ตอนนั้น  คุณใหญ่คิดหรือว่าแก้วจะรักคุณใหญ่ตอบ”  เขาเอ่ยถาม  กลืนก้อนสะอื้นที่ตีตื้นจุกลำคอลงไปอย่างยากเย็น  ดวงตาเรียวไม่ได้มองเรือนที่กำลังสร้างหากจับจ้องใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ  ฝ่ายนั้นหันมา  แววตาคู่โศกไหวระริก

“ไม่  ไม่เคยคิด”  เสียงทุ้มสั่นไหว

“แต่คุณใหญ่ก็ยังสร้างเรือนหลังนี้ขึ้นมาเนี่ยนะ?”

“พี่อยากจะสร้างเรือนเอาไว้ให้แก้วตาได้อยู่กับพี่  หากน้องไม่อยากให้ใครรู้พี่ก็จะให้ช่างทำรั้วกั้นปิดไม่ให้ใครเห็น  หากน้องอยากซ้อมรำพี่จะสร้างเรือนเล็กเอาไว้ให้  ถึงแม้ว่าพี่จะไม่มีทางรู้เลยว่าแก้วตาจะอยากมาอยู่กับพี่ไหม”

“ถ้าแก้วไม่อยากมาล่ะ?”

“พี่จะปิดตายเรือนหลังนี้ซะ”  ในตอนนั้นเขาทุ่มเท  คาดหวังถึงสิ่งที่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเป็นจริงหรือแค่ความฝันลมๆแล้งๆ  เขาไม่รู้ว่าร่างเล็กตรงหน้าจะรักเขาตอบเช่นที่ใจคาดหวังไหม  แต่เขาก็ยังอยากจะสร้างเรือนเอาไว้เพื่อที่จะให้เขากับแก้วตาได้อยู่ด้วยกัน 

“คุณใหญ่”  มือขาวยกขึ้นแตะใบหน้าหล่อเหลาแผ่วเบา  ยกยิ้มอย่างยากลำบากเมื่อพยายามฝืนกลั้นเอาไว้ไม่ให้สะอื้นไห้  อีกฝ่ายทุ่มเทเพื่อเขาทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าเขาจะรับรักตอบหรือไม่
คุณใหญ่รักเขามากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
แล้วใจเขาเล่า?
เจ้าของดวงตาโศกแย้มยิ้ม  โน้มลงกดจูบหน้าผากเนียนผละออกแล้วเอ่ยถาม

“น้องจะว่าอย่างไร?”

“เรือนหลังนี้จะไม่ปิดตายขอรับ”  ถ้อยคำตอบรับเรียกรอยยิ้มและความปลื้มปิติให้ใจคนฟัง  คุณพระนายดึงรั้งร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอดอย่างรักใคร่ให้คนโดนกอดกระหวัดแขนรัดกอดตอบด้วยหัวใจที่เอ่อล้นด้วยความรู้สึกเดียวกัน

“พี่รักแก้วตา  รักเจ้านัก”


**********


ลมหนาวของเหมันต์ฤดูล่วงเลยผ่าน  หอบเอาลมร้อนแห่งคิมหันต์และเปลวแดดจ้าปะทะให้เหงื่อไหลซึมไปตามกัน  ร่างเล็กซึ่งถูกเงาโน้มบดบังทาบทับเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร่างก่อนจะคลี่ยิ้มบาง

“ทำอะไรอยู่?”  เสียงทุ้มเอ่ยถามให้คนตัวเล็กละงานในมือลุกขึ้นต้อนรับ  พยอมพอเห็นว่ามีใครมาเยี่ยมเยียนจึงลุกขึ้นไปตักน้ำฝนลอยดอกมะลิใส่ขันใบเขื่องมาให้

“ซ่อมชุดที่จะต้องใส่รำวันงานน่ะขอรับ”  เด็กหนุ่มตอบ  เขาละงานในมือแล้วเดินเข้ามาหาอีกฝ่าย

“อ้อ  สงกรานต์ปีนี้เห็นสมเด็จท่านว่าจะจัดงานใหญ่  กรมพิณพาทย์เห็นทีจะงานยุ่งแล้วคราวนี้”  ชายหนุ่มรับขันน้ำฝนขึ้นดื่มก่อนจะยื่นให้แสนรับไปดื่มต่อ

“งานคุณใหญ่เล่า  ช่วงนี้ปรับเปลี่ยนบรรดาศักดิ์กันให้วุ่นไม่ยุ่งกับเขาบ้างหรือ?”  เด็กหนุ่มเอ่ยเย้าพลางส่งจานขนมไปวางบนตั่งตรงหน้าคนที่เพิ่งมาถึง

“ก็นิดหน่อยเพราะมีการถ่ายโอนงานกันไปมา”  คุณพระนายตอบ  ยื่นมือไปรับผ้าชุบน้ำเย็นจากเด็กหนุ่มขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตา  แสนที่นั่งอยู่ด้านหลังเก็บยิ้มกว้างของตัวเองแทบไม่มิดเมื่อมองภาพตรงหน้า  ภาพที่คุณพระนายของเขาและคุณแก้วพูดคุยหยอกล้อนั้นช่างน่ารักนัก  อีกทั้งการเอาใจใส่ของคุณแก้วที่มีต่อคุณพระนายก็ดูเป็นธรรมชาติเหลือเกิน  ราวกับว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว

ไม่ขัดตาเลยสักนิดยามเมื่อสองคนนี้อยู่ด้วยกัน...



กรมพิณพาทย์ที่คอยเตรียมงานให้วุ่นทำเอาคุณพระนายที่ไม่ได้เจอหน้าคนรักมาหลายวันถึงกับออกอาการหงุดหงิด  ชายหนุ่มมาหาคนน่ารักถึงเรือนก็คลาดกันอยู่บ่อยครั้ง  ครั้นเมื่อตามไปถึงเรือนของหลวงเสนาะก็ไม่ได้พูดจาพาทีกันดีๆสักหน  ด้วยว่ายิ่งใกล้วันงานทุกอย่างก็ยิ่งวุ่นวายจนเขาอดจะโอดครวญเสียไม่ได้  เพราะดูเหมือนว่าคราวนี้องค์สมเด็จฯอยากจะทรงชมโขนเรื่องรามเกียรติ์ตอนนางลอยที่ทรงประพันธ์ขึ้นมาด้วยองค์เองและคนน่ารักของเขาก็ดูจะได้รับบทสำคัญเสียด้วยถึงต้องไปกินไปนอนอยู่กรมโขนกันเลยทีเดียว

“เหตุใดแก้วตาถึงไปเล่นโขนเล่า?”  คุณพระนายวางขันน้ำฝนลงแล้วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“อ้าว  พ่อไม่รู้รึว่าฉันรับเจ้าแก้วเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่พ่อมันเสียแล้วส่งมันไปเรียนโขนตั้งแต่ยังเล็ก  ไอ้ที่พ่อเห็นรำฉุยฉายวันที่สมเด็จออกขุนนางวันนั้นน่ะฉันเพิ่งเรียกตัวกลับมา  คราวนี้เพราะท่านนัฏกานุรักษ์หรอกฉันจึงยอมให้เจ้าแก้วมันไปเล่นโขนอีกครั้ง”  หลวงเสนาะเอ่ยตอบพลางยกยิ้มขันกับท่าทางของคนอายุน้อยกว่า

“แล้วทำไมกระผมจึงจำไม่ได้ว่าเคยเห็นหน้ามาก่อนล่ะขอรับ?” 

“พ่อเคยสนใจดูโขนด้วยรึ?  เห็นมีการแสดงทีไรพ่อก็ขอตัวกลับก่อนเสียทุกที”  ถ้อยคำเย้าหยอกทำเอาแก้มกร้านขึ้นสีเพราะเป็นอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริงๆนั่นแหละ  คำพูดของหลวงเสนาะจึงทำให้เขาได้รู้ว่าตนเองนั้นมีโอกาสจะได้พบได้รู้จักกับแก้วตามามากมายนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เริ่มรับราชการแต่ก็พลาดมาตลอด
ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจมากินนอนอยู่เรือนหลังเล็กของเด็กหนุ่มเสียเลยหลังจากวันที่คุยกับหลวงเสนาะ  คุณพระนายหนุ่มผงกหัวจากงานหนังสือขึ้นมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังเตรียมห่อผ้าและของมากมายไปกรมโขน  เขารึอุตส่าห์หอบงานมาทำถึงที่นี่จนดึกดื่น  จึงค่อยไปรับอีกฝ่ายกลับจากซ้อมโขนเพื่อจะได้เห็นหน้าอีกฝ่ายก่อนหลับตายังแทบจะพูดคุยกันนับคำได้  ตอนนี้เลยอดจะเอ่ยปากท้วงไม่ได้

“วันนี้ก็จะไปซ้อมรำอย่างนั้นหรือ?”  เสียงทุ้มเอ่ยถามคล้ายงอนอีกคน

“ก็ใช่น่ะซิ  หรือคุณใหญ่จะไปด้วย?”  เสียงแหบหวานคุ้นหูเอ่ยถามบ้าง  ดวงตาพราวระยับคู่สวยดีใจอย่างปิดไม่มิดเมื่อเสียงนั้นชักชวน

“คราวนี้เจ้ายอมให้พี่ไปด้วยแล้วรึ?”  เพราะคราวก่อนเขาร้องขอตามไปด้วยแต่แก้วตาที่ไม่รู้ว่าเขินอายหรืออย่างไรถึงได้ห้ามเสียงแข็ง  อีกอย่างกรมโขนก็ไม่ใช่เรือนของหลวงเสนาะที่คนในนั้นจะรู้จักคุณพระนายกันทั่วอยู่ก่อนแล้ว

“ใครว่า  แก้วไม่ให้คุณใหญ่ไปด้วยหรอก  ประเดี๋ยวคนอื่นเห็นเข้าล่ะก็...” 

“ใจร้ายเสียจริง”

“กลับมาแล้วจะมารำที่ซ้อมให้ดู  ดีหรือไม่?”  คนถามยิ้มพลางเลื่อนกายลงนั่งเคียงข้าง  แนบแก้มกับไหล่กว้างออดอ้อน  เจ้าของดวงตาสวยหวานซึ้งก้มลงมองก่อนจะหยิกแก้มเนียนเบาๆอย่างหมั่นไส้คนช่างฉอเลาะ

“ทำมาเป็นอ้อน  ประเดี๋ยวถ้าพี่ยั้งใจไว้ไม่อยู่เรานั่นล่ะจะแย่”

“ไม่แย่ดอก  แก้วรู้ว่าคุณใหญ่ไม่ทำอะไรแก้วอยู่แล้ว”

“พูดดักทางไว้เยี่ยงนี้ใครจะกล้าฝืนใจ”  ริมฝีปากสีเข้มเม้มแน่นเมื่อเจ้าของดวงตานั้นมองมาอย่างรักใคร่   

“...คุณใหญ่รอนะ  เดี๋ยวเดียวแก้วก็กลับ”  มือเล็กแตะหลังมือขาวของอีกฝ่ายแผ่วเบา  ชายหนุ่มพลิกฝ่ามือมากระชับแน่นก่อนจะยกมือนิ่มขึ้นแตะริมฝีปาก

“รออยู่แล้ว  ถ้าก่อนนอนคืนนี้พี่ไม่เห็นหน้าเจ้าคงนอนไม่หลับเป็นแน่  เพราะฉะนั้นพี่จะรอ”  คนถูกอ้อนเผยรอยยิ้มกว้างก่อนจะลุกออกไปด้วยความสุขใจ


เมื่อวันงานมาถึงตัวคุณพระนายเองก็ใช่ว่าจะว่างนักจนเมื่อค่ำนั่นละถึงได้มีเวลาพักหายใจหายคอบ้าง   ชายหนุ่มแยกตัวออกไปยังซุ้มการแสดงของกรม พิณพาทย์เพื่อหาใครบางคนที่เขาคิดถึง  แต่หาอย่างไรก็ไม่เจอเสียที

“กระผมว่าคุณใหญ่ไปนั่งที่ได้แล้วนะขอรับ  ถ้าสมเด็จฯท่านเสด็จมาแล้วจะยุ่ง”  แสนเอ่ยท้วง  เห็นคนกลุ้มใจเพราะไม่เห็นหน้าคนรักแค่ครึ่งวันทำท่าจะเป็นจะตายแล้วก็อดหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้

“บ๊ะ!  ไอ้แสน!  ฉันก็แค่...”

“แค่อยากจะเห็นหน้าคุณแก้ว”  เด็กหนุ่มไม่รอให้นายเอ่ยจบก็พูดแทรกขึ้นเสียก่อน  “โธ่  คุณใหญ่ขอรับ  ประเดี๋ยวพอการแสดงเริ่มคุณใหญ่ก็ได้เห็นหน้าคุณแก้วเองนั่นแหละขอรับ”

“ก็”

“นู่น  ผู้ใหญ่เข้ามานั่งกันเต็มไปหมดแล้วคุณใหญ่จะช้าได้อย่างไร  เสียมารยาทนะขอรับ”  แสนเอ่ยเตือนให้คุณพระนายส่งสายตาค้อนปะหลับปะเหลือกไปให้เสียหนึ่งดอก  ก่อนจะยอมทำตามคำของอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าแถวที่นั่งเริ่มเต็มแล้ว

“โขนโรงในท่าทางน่าสนุกนะขอรับ”  แสนชวนคุยหากไม่มีเสียงตอบกลับจากคนเป็นนายก็ให้น้อยใจครามครัน  ชายหนุ่มชะเง้อคอมองการแสดงด้วยใจจดจ่อเสียจนแสนที่เดิมทีแอบน้อยใจต้องเปลี่ยนมาถอนหายใจแทน  เพลงโหมโรงก็แล้วอะไรก็แล้วดูเหมือนจะดึงความสนใจจากคุณพระนายไม่ได้เลย  ดูเอาเถอะว่าคุณพระนายของเขานั้นอาการหนักมากถึงเพียงไหน  ไม่เห็นหน้าคุณแก้วแค่ประเดี๋ยวเดียวยังไม่ทันที่แสนจะคิดจบเขาก็ต้องอ้าปากตะลึงค้างตามคนเป็นนายเมื่อเห็นว่าคนที่คุณพระนายพร่ำเพ้อหานั้นงดงามเพียงใดเมื่อฝ่ายนั้นย่างเท้าออกมาจากหลังม่าน  ซึ่งเป็นตอนทศกัณฐ์สำคัญผิดคิดว่านางเบญจกายแปลงเป็นนางสีดามาเข้าเฝ้าในท้องพระโรง  จึงออกไปเกี้ยวพาราสีนางสีดาแปลง  ท่าทางขัดเขินของทศกัณฐ์เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมโดยรอบหากไม่นับรวมคุณพระนายหนุ่มเข้าไปด้วย  เนื่องจากสายตาของเขาจับจ้องอยู่แต่เพียงนางสีดาแปลงคนนั้นคนเดียว


เด็กหนุ่มที่อยู่ในคราบนางเบญจกายแปลงเป็นนางสีดานั้นดูงามจับตายิ่งนัก  ดวงหน้าแฉล้มงดงามแย้มยิ้ม  ร่างเล็กสวมเสื้อในนางแขนสั้นเป็นชั้นใน  มีพาหุรัดแล้วห่มสไบทับ  ทิ้งชายไปด้านหลังยาวลงไปถึงน่อง  ประดับด้วยปะวะหล่ำ  สวมกรองศอ  สะอิ้งและจี้นาง  ทั้งยังนุ่งผ้านุ่งยกจีบหน้า  คาดปั้นเหน่ง  ศีรษะสวมมงกุฎรัดเกล้า  ยอดรัดเกล้าเปลวประดับด้วยดอกไม้ทัดด้านซ้าย  ดอกไม้ทัดที่ด้านขวามีอุบะ  ตามตัวสวมเครื่องประดับต่างๆ  ประกอบด้วยธำมรงค์  กำไลเท้า  แหวนรอบ  กำไลตะขาบ  กรรเจียกและทองกร  ทั้งหมดทั้งมวลล้วนขับให้ร่างเล็กอรชรนั้นราวกับนางสีดาตัวจริงก็ไม่ปาน
ก็เพราะงดงามถึงเพียงนี้อย่างไรเล่าหัวใจของชายหนุ่มในพระนครบางคนถึงสั่นไหวเสียจนแทบบ้า  ร้อนรุ่มเสียจนอยู่ไม่ได้

           ฉุยฉายเอย              จะไปไหนนิดเจ้าก็กรีดกราย
เยื้องย่างเจ้าช่างแปลงกาย      ละเมียดละม้ายคล้ายสีดานงลักษณ์
ถึงพระรามเห็นทรามวัย          จะฉงนพระทัยให้อาเหลื่ออาหลัก
          งามนักเอย                ใครเห็นพิมพ์พักตร์ก็จะรักจะใคร่
หลับก็จะฝันครั้งตื่นก็จะคิด      อยากเห็นอีกสักนิดให้ชื่นใจ
งามคมดุจคมศรชัย               ถูกนอกทะลุในให้เจ็บอุรา
          แม่ศรีเอย                แม่ศรีราษกศรี
 แม่แปลงอินทรีย์                 เป็นแม่ศรีสีดา


 ทศพักตร์มลักเห็น               จะตื่นจะเต้นในวิญญาณ์
 เหมือนล้อเล่นให้เป็นบ้า       ระอาเจ้าแม่ศรีเอย
          อรชรเอย                อรชรอ้อนแอ้น
 เอวขาแขนแมน                 แม้นเหมือนกินรี
 ระทวยนวยนาด                วิลาสจรลี
 ขึ้นปราสาทมณี                เฝ้าพระปิตุลาเอย


เหมือนคราแรกเมื่อได้เห็นหน้า  คราวนั้นหัวใจของคุณพระนายหนุ่มถูกขโมยไปโดยไม่ทันตั้งตัว  ครั้งนี้ก็เช่นกัน  ยามที่ดวงตาเรียวสวยคู่นั้นเหลือบมองมาหัวใจของเขาก็แทบจะหยุดเต้นเสียให้ได้  ริมฝีปากสีชาดยามแย้มยิ้มยิ่งชวนให้หลงใหล 
ร่างอรชรในชุดนางสีดาขยับเยื้องกายหลบหลีกทศกัณฐ์หากคนที่มองอยู่กลับใจเต้นไม่เป็นส่ำ  คุณพระนายหนุ่มยกยิ้มอายๆเมื่ออีกฝ่ายเหลือบมาเห็นเขาทำท่าทางเพ้อแล้วหลุดหัวเราะขำ
...ดูท่าทางเขาจะเป็นเหมือนทศกัณฐ์ที่หลงนางสีดาเสียแล้ว


หากบอกว่าเขาหลงรูปชายหนุ่มก็ยอมรับในคราวแรก  หากยิ่งได้รู้จักยิ่งได้เห็นนิสัยอีกฝ่ายเขาจึงกล้าบอกว่าไม่ใช่แค่รูปหรอกที่เขาหลงรัก  คุณพระนายรักทุกอย่างที่เป็นแก้วตา  ทั้งตัวตนทั้งวิญญาณ...
หลังจากโขนโรงในจบลงชายหนุ่มก็แอบลุกหนีออกมาแล้วมุดลอดไปยังเขตซุ้มแต่งตัวของกรมโขนที่นักแสดงบางส่วนเริ่มผลัดเปลี่ยนผ้าเป็นชุดธรรมดากันบ้างแล้ว  ครั้นเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของใครบางคนเดินผ่านมาเขาจึงยืดกายขึ้นแล้วฉุดรั้งอีกฝ่ายออกมาอย่างรวดเร็ว

“นี่!  ปล่อยนะ!”  คนตัวเล็กตกใจ  เขาขืนร่างเอาไว้ไม่ยอมตามอีกฝ่ายไป

“ชู่ว!  นี่พี่เอง”  เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันมา

“คุณใหญ่!”  เด็กหนุ่มลดเสียงลงเมื่อเห็นเต็มตาว่าเป็นใครที่ฉุดกระชาก

“พี่คิดถึงแก้วตานัก”  ชายหนุ่มรั้งให้ร่างเล็กเข้าไปยังหลังต้นไม้ใหญ่  แขนแกร่งกักคนตัวเล็กกว่าไว้ในอ้อมแขนกับต้นไม้ด้านหลัง  เขาเพ่งพิศใบหน้าเนียนซึ่งบัดนี้ไร้สิ่งตกแต่งจากเครื่องแป้งและชาดสีแดง  แต่กระนั้นความงามตามธรรมชาติของร่างเล็กก็พาให้หัวใจของเขาสั่นไหวไม่หยุด

“อะไรกัน  แค่ไม่กี่วันเอง  อื้อ!”  เสียงหวานที่เอ่ยเย้าขาดห้วงไม่จบประโยคเมื่อริมฝีปากร้อนฉกวูบลงมา  เพราะไม่ทันตั้งตัวเรียวลิ้นร้อนจากคนตัวสูงจึงรุกรานเข้ากวาดต้อนให้ตอบโต้ไม่ทัน  ริมฝีปากนุ่มถูกบดเบียดเร่งเร้าบ่งบอกอารมณ์โหยหาจากอีกคน  และเพราะไม่คุ้นเคยเด็กหนุ่มจึงพยายามหลีกหนี  มือใหญ่จับท้ายทอยร่างเล็กให้เงยขึ้นรับจูบจากเขา  เรียวลิ้นกระหวัดเกี่ยวให้คนตัวเล็กตอบโต้

“อืม...”  เสียงทุ้มครางต่ำเมื่อได้รับการตอบสนอง  ฝ่ามืออีกข้างยกขึ้นแนบปรางสีเรื่อแผ่วเบา  เรือนผมสีขนกาที่เริ่มยาวละลุ่ยลงตามแรงของฝ่ามือใหญ่ที่เคล้นคลึง  กลิ่นหอมอ่อนรวยรินจ่อชิดปลายจมูกโด่ง   อารมณ์ร้อนพลุ่งพล่านเสียจนยากระงับ  กลิ่นกระสาจากเรือนร่างบอบบางหอมกรุ่นเสียยิ่งกว่าบุหงารำไป   แม้แต่กลิ่นแป้งร่ำที่ว่าหอมยังสู้ไม่ได้สักเพียงนิด

มือเล็กขยุ้มอกเสื้อร่างสูงจนยับย่นเมื่อรู้สึกคล้ายจะขาดอากาศหายใจ  คุณพระนายหนุ่มผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยยิ่ง  ดวงตาสวยหรุบมองริมฝีปากนิ่มแดงช้ำเพราะถูกเขาตะโบมจูบแล้วให้รู้สึกผิดในอกเล็กน้อย   กระนั้นก็ยังยกยิ้ม

“ขอโทษทีนะเจ้า  พี่คิดถึงแก้วตามากเกินไป”  เสียงทุ้มแหบพร่า  เพราะภาพตรงหน้าเขานั้นช่างดูยั่วยวนเหลือเกิน  ดวงตาเรียวเล็กของร่างในอ้อมแขนที่สิ้นเรี่ยวแรงเพราะจูบจากเขาปรือฉ่ำพยายามส่งค้อนมาให้  ริมฝีปากแดงช้ำฉ่ำหวานเผยอหลอกล่อให้ลิ้มลองโดยที่เจ้าตัวไม่รู้   

“ประเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”  มือขาวกำหมัดทุบลงบนไหล่แกร่งเสียทีหนึ่งไม่แรงนัก

“มืดแล้ว  ไม่มีใครมาเห็นดอก”  คุณพระนายยกยิ้มเอ่ยตอบ  “อีกอย่างเป็นเพราะพี่คิดถึงแก้วตามากมายนัก”

“อีกเดี๋ยวก็กลับเรือนแล้วแท้ๆ”  ร่างเล็กว่าพลางขยับตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง  แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นเมื่อชายหนุ่มออกแรงรัดร่างในอ้อมแขนมากขึ้น

“เจ้าไม่คิดถึงพี่หรอกรึ?”  คิ้วเรียวเลิกขึ้นพร้อมคำถามให้แก้มเนียนขึ้นสีเรื่อเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง

“...ไม่”  เสียงหวานพึมพำตอบแผ่วเบา

“พี่น้อยใจนะถ้าพูดแบบนี้  ไหน?  พูดให้พี่ชื่นใจบ้างไม่ได้หรือ?”  นิ้วเรียวยาวเชยคางมนให้คนที่ก้มหน้าหลบขึ้นสบตาก่อนจะเกลี่ยแก้มเนียนอย่างเบามือ  “ถ้าไม่พูดพี่ถามเอาจากริมฝีปากน้องก็ได้”  จบคำใบหน้าหล่อเหลาก็โน้มลงทันที  ริมฝีปากร้อนทาบแตะแผ่วเบา  ขยับห่างเพียงนิดก่อนย้ำอย่างวอนขอให้เจ้าของริมฝีปากนิ่มยินยอมให้เรียวลิ้นร้อนล่วงล้ำเข้ามากวาดต้อนความหวานภายใน

เสียงบางอย่างในอกข้างซ้ายระงมดังแข่งกับเสียงดนตรีในงาน  หากบัดนี้ทั้งสองกลับไม่ได้ยินเสียงใดๆนอกจากเสียงของหัวใจตนและริมฝีปากที่แตะสัมผัสกัน  จูบคราวนี้ไม่เร่าร้อนเร่งเร้าเช่นเมื่อครู่  หากอ่อนหวานละเลียดอ่อน
ริมฝีปากอิ่มบดคลึงเย้าไม่ผละห่าง  กวาดลิ้มชิมความหวานทั่วโพรงปากเล็ก  ยามที่คนในอ้อมแขนพยายามตอบโต้กลับมาด้วยเรียวลิ้นกระหวัดเกี่ยวยิ่งทำให้คุณพระนายหนุ่มแทบจะหลอมละลาย  ร่างเล็กสิ้นเรี่ยวแรงเอนกายซบให้คุณพระนายประคองคนในอ้อมแขนนั่งลงตรงโคนไม้ใหญ่  ชายหนุ่มผละริมฝีปากออกจ้องมองใบหน้าเนียนแล้วก็ก้มลงไปใหม่...
ไม่รู้ว่ากี่ครั้ง  เกินจะนับ  คุณพระนายหนุ่มเฝ้าวนเวียนจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ริมฝีปากนิ่มบวมช้ำ  ดวงตาเรียวปรือมองเขาอย่างอ่อนหวาน  ชายหนุ่มรั้งเส้นผมสีนิลของคนตรงหน้าขึ้นทัดหูแล้วกระชับฝ่ามือกับแก้มนั้น   ใบหน้าเนียนเอียงหน้าซบคล้ายออดอ้อนให้คนมองใจสั่น  ชายหนุ่มเลื่อนกายกดปลายจมูกโด่งลงบนหน้าผากเนียน  กดจูบคิ้วเรียวสวย  หางตา  ปลายจมูกมน  คลอเคลียแก้มเนียนสีระเรื่อแผ่วเบาแล้ววกกลับมาที่ริมฝีปากแดงช้ำอีกครั้ง  กดจูบแทรกปลายลิ้น  กระหวัดเกี่ยวไม่ยอมห่าง  เนิ่นนาน...


**********


ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3

"แก้ว! แก้วตา!"

“ทำไมถึงไม่ตื่นล่ะ?”

“ลูกแม่!”

เสียงอื้ออึงเอ็ดตะโรร้อนรนดังแว่ว  เพียงครู่ก็ห่างไกลออกไปแล้วกลับเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง...
ชายอุ้มร่างคนบนเตียงขึ้นก่อนจะชะงักเมื่อมือขาวไม่ยอมปล่อยภาพวาดในมือ  ฤดีเห็นดังนั้นจึงพยายามแกะออกแต่ไม่เป็นผล  สองพี่น้องมองหน้ากันเพียงครู่ก่อนจะตัดสินใจอุ้มร่างไร้สติของแก้วตาออกไปทั้งอย่างนั้น 
เมื่อบ่ายเขาเข้าไปรับเพ็ญจันทร์ที่ไปถวายเพลพระกลับบ้าน  ช่วงที่พระคุณเจ้ากำลังไหว้พระจู่ๆท่านก็หันมาบอกพวกเขาว่าให้รีบกลับบ้านเสีย  แล้วบอกกลับเพ็ญจันทร์ว่า

“เรียกลูกบ่อยๆนะ  เรียกด้วยหัวใจ  อย่าให้เขาไป”

ตอนแรกพวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านจึงบอกเช่นนั้นจนเมื่อมาถึงบ้าน  จู่ๆในใจของพวกเขาก็นึกถึงแก้วตาขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง  เพ็ญจันทร์แทบล้มทั้งยืนเมื่อเห็นบุตรชายนอนนิ่งบนเตียง  ใบหน้าขาวซีดตัวเย็นเชียบ  แผ่นอกกระเพื่อมแผ่วเบา  ในมือกอดภาพของในบางคนเอาไว้แน่น
 เกิดอะไรขึ้น?

ชายกำหมัดแน่นเมื่อมองคนที่นอนไม่ขยับไหวบนเตียงคนไข้  รู้สึกในอกเจ็บปวดเสียจนต้องระบายลงกับกำแพงห้อง  ฤดีขวดคิ้วใส่พี่ชายนิดหนึ่งก่อนจะหันไปพัดวีให้เพ็ญจันทร์ที่เป็นลมอยู่ข้างๆ
เขาใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเอาภาพวาดภาพนั้นออกจากมือของเด็กหนุ่ม  แม้ยังไม่ได้สติแก้วตาก็ยังรักเขาขนาดนี้เชียวหรือ?

“คุณทำอะไรเขา!  ออกมานะ  ผมรู้ว่าคุณอยู่แถวนี้!”  ชายตะโกนลั่น  เขาเหลียวมองความว่างเปล่ารอบตัวด้วยสายตาเคืองแค้น  หากไม่มีเสียงใดตอบกลับมานอกจากสายลมเย็นแผ่ว  คล้ายตอบโต้

“คุณทำแบบนี้ทำไม  อยากให้เขาตายตกตามกันงั้นหรือ?”  จบคำ  สายลมหอบนั้นแรงขึ้นคล้ายโกรธเกี้ยวพัดผ่าน  ชายหันไปทางเตียงคนไข้อย่างรวดเร็ว  เงาร่างเลือนรางปรากฏข้างเตียงนั้น

‘ไม่ใช่’  แววตาโศกมองตอบเขา  ถ้อยคำขาดหายไม่ชัดเจน  ร่างนั้นก็ดูจะเจือจางลงยิ่งขึ้น  ‘…โส...ภี...’

“คุณพูดอะไรน่ะ?”  ชายถาม  ฤดีเหลียวหันไปมองตามสายตาพี่ชายแต่เธอก็เห็นเพียงความว่างเปล่า

“เขาอยู่ที่นี่หรือคะ?”

“น้องไม่เห็นหรือ?”  ชายขมวดคิ้วเมื่อน้องสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ  เขามองร่างที่เริ่มเลือนหายเหมือนคลื่นสัญญาณติดๆดับๆตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ  ใบหน้าหล่อเหลาหม่นหมองนั้นก้มลงมองคนบนเตียง 

...โศกเศร้าราวกับกำลังร่ำไห้...

ร่างนั้นโน้มลงจุมพิตหน้าผากมนของแก้วตาแผ่วเบา  หากตาไม่ฝาดชายเหมือนจะเห็นหยดน้ำตาจากร่างนั้นร่วงหล่น

...เจ็บปวดราวกับจะขาดใจ...

“เขาอาจไม่ได้ทำให้แก้วเป็นอย่างนี้ก็ได้”  ชายเอ่ยกับน้องสาวพลางเหลือบมองภาพวาดข้างเตียงคนไข้

“แต่...”  ฤดีเอ่ยค้าน

“เขาร้องไห้”

“อะไรนะ?”

“คุณพระนายน่ะ  เขาอยู่ตรงนั้น  แต่ตอนนี้พี่มองไม่เห็นแล้ว  เขากำลังร้องไห้”  ชายตอบ  เขามองความว่างเปล่าที่เหลือทิ้งไว้  ถึงอย่างนั้นเขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายคงยังอยู่ที่นี่แน่ๆ  เพียงแต่ไม่มีใครมองเห็นซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขายังพูดคุยตอบโต้เหมือนว่าฝ่ายนั้นมีตัวตนจริงๆกันได้อยู่เลย

“แล้วแก้วเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?”

“โสภี”

“อะไรนะคะ?”  ฤดีคิดว่าตัวเองหูฝาดที่ได้ยินชื่อนั้น

“พี่ได้ยินไม่ชัดนัก  แต่จากที่อ่านปากเหมือนคุณพระนายจะพูดว่า  โสภี”

“คุณน้าโสภีน่ะหรือคะ?”  เด็กสาวเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดชื่อคุณน้าคนสวยจึงเข้ามาเกี่ยวข้อง   

“พี่จะไปถามอาการของแก้วกับหมออีกที” 

“น้องไปด้วยค่ะ”

“น้องอยู่ดูแลน้าเพ็ญเถอะ” 

“ขอน้องไปด้วยครู่หนึ่งนะคะ”  ฤดีเป็นห่วงเพื่อนนัก  เธออยากได้ยินกับหูว่าหมอบอกว่าอะไรบ้าง  ส่วนน้าเพ็ญจันทร์นั้นเธอคิดว่าจะตามหมอให้มาดูอาการอีกทีด้วยเลยดีกว่า  “อยากให้หมอมาดูอาการน้าเพ็ญด้วย”  ชายพยักหน้ารับก่อนจะออกจากห้องไป





ประตูห้องถูกเปิดออกแผ่วเบา  ร่างสูงมองคนบนเตียงพลางขมวดคิ้วก่อนจะหยุดอยู่ข้างเตียง  มือขาวแตะแก้มขาวซีดแผ่วเบา

“คุณเป็นอะไรน่ะ  แก้วตา?”  อาจารย์สอนวาดรูปคนใหม่เอ่ย  เขามองคนที่หลับตาพริ้มด้วยความเป็นห่วง  ตั้งแต่เมื่อวานตอนแยกจากอีกฝ่าย  เขาเอาแต่ครุ่นคิดถึงท่าทางนั้น  นึกถึงเรือนขาวหลังนั้น  วันนี้เขาจึงไม่มีสมาธิทำงานจนต้องขับรถไปที่แกลลอรี่ของพี่ชายฤดีก็เห็นว่าอีกฝ่ายกลับบ้านแล้ว  เขาจึงตามไปเพื่ออยากจะทราบเรื่องราวของเรือนขาวให้มากขึ้น  ก็พอดีได้เห็นท่าทีร้อนรนของคนในบ้านนั้น  และชายที่อุ้มร่างไร้สติของแก้วตามาโรงพยาบาลเขาจึงตามมา  แต่ที่ไม่ได้เข้ามาในทีแรกเพราะเห็นว่าทุกคนยังวุ่นวายกันอยู่จึงไม่อยากรบกวน

“เกี่ยวกับเรือนหลังนั้นหรือเปล่านะ?”  เขาสันนิษฐานก่อนจะเหลือบไปมองรอบห้อง  แล้วก็ต้องชะงักค้างกับสิ่งที่เห็น

...ภาพวาดของใครบางคนที่หน้าเหมือนเขาราวพิมพ์เดียว…


“ภาพเรางั้นหรือ?”  ร่างสูงสาวเท้าเข้าไปใกล้ก่อนจะหยิบภาพนั้นขึ้นดู  โครงหน้า  สันจมูก  ริมฝีปาก  ทุกอย่างล้วนเหมือนกันทุกประการหากอาจารย์สอนวาดรูปคนใหม่ก็ได้คำตอบแล้ว  ...นี่ไม่ใช่เขา
ถึงจะเหมือนกันทุกอย่างแต่มีบางสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเขา  นั่นก็คือดวงตาโศกคู่นั้น
แล้วคนในภาพเป็นใครกัน?
คนที่แก้วตารักอย่างนั้นหรือ?
แล้วภาพในวันที่เจอกับเด็กหนุ่มวันแรกที่มหาวิทยาลัยก็แวบเข้ามาในความคิด  ตอนนั้นแก้วตามองเขาอย่างตกใจเจือแววความยินดีก่อนจะเรียกเขาว่า...



“คุณพระนาย?”


*********




โปรดติดตามกาลต่อไป



คุย : สวัสดีค่ะ  ยังมาช้าอีกเช่นเคย  แหะๆๆๆ  (ยังมีหน้ามาหัวเราะ)
ฝากไว้สำหรับเรื่องนี้นะคะ^^
ติ-ชมกันได้เสมอค่ะ  เพื่อผลงานที่ดียิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
 :pig4:

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
ปลื้มปริ่มใจจริงๆเจ้าคะ สมกับที่รอคอย
อยากรู้ยัยป้าโสภีนางทำอะไร ไกล้เข้าไปอีกนิดละ คุณพระนายได้จูบกับแก้วแล้ววว

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

ทำไมความรักของทั้งคู่ถึงมีอุปสรรคเยอะจังนะ

ตั้งแต่ชาติที่แล้วจนมาถึงชาตินี้อีก

+ 1 + เป็ดจ้า

poolpo

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมนะ อ่านแล้วน้ำตาซึมทุกตอน สงสารคุณพระนาย สงสารความรักของคนทั้งคู่

ออฟไลน์ someone0243

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
เขาเป็นใครหนะ  o22 ไหนๆคนเขียนก็เขียนนิยายข้ามภพอยู่แล้วสนใจเขียนอีกภพให้คุณพระนายกับแก้วได้รักกันไหมคะ งืออ สงสารทั้งคู่ ;A;
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ขอบคุณที่มาต่อคะ รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ขออย่าให้แก้วตาเป็นอะไรไปนะคะ
แล้วคุณพระนายจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ

เป็นกำลังใจให้คุณทรายต่อไปค่ะ  :L1:

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ไม่ได้อ่านซะนานมาอีกอ่านอีกที
คุณพระนายมีร่างในภพปัจจุบันด้วย
สงสารคุณพระนานอ่า :mew2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ 9nawKIHAE

  • ♥BJYX~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
อ้ากกกก อยากจะกรีดร้องให้ลั่นบ้าน
ไม่ได้เข้ามาตั้งนาน อยากอ่านต่ออีกรัวๆเลยค่ะ
ฮืออออ อ่านแบบมีความสุขแต่แอบเศร้าเล็กๆ
จะสมหวังกันมั้ยน้า  :hao5:

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
...อสงไขย...
...กาลที่๑๔...








‘หลวงเสนาะขอรับ  คุณหลวง!  พระคุณเจ้าขอรับ  ช่วยแก้วตาด้วย!”  เสียงทุ้มร้อนรนร้องเรียก  ร่างโปร่งแสงปรากฏกายข้างพระคุณเจ้าซึ่งกำลังจุดธูป   ใบหน้าหล่อเหลาตื่นตระหนกร้อนรน  ‘แก้วตากำลังตกอยู่ในอันตรายขอรับ  กระผมช่วยเขาไม่ได้!’

“โยม?”


‘แตะต้องไม่ได้ขอรับ  กระผมช่วยเขาไม่ได้’

“โยม  รีบกลับเรือนกันไปเถอะนะ”  พระคุณเจ้าหันมาบอกเพ็ญจันทร์กับหนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวที่มองท่านอย่างไม่เข้าใจเมื่อจู่ๆท่านก็หันมาพูดด้วย

“มีอะไรหรือเจ้าคะ?”

“รีบไปเสีย  เร็วเข้าเถอะ”  ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ทั้งสามก้มกราบลาพระคุณเจ้าทันที  “อ้อ โยมเพ็ญจันทร์  เรียกลูกบ่อยๆนะ 
เรียกด้วยหัวใจ  อย่าให้เขาไป”  เท่านั้นแหละทั้งสามจึงทะยานกลับเรือนกันไปอย่างรวดเร็ว  ในใจของทุกคนนึกถึงแต่เพียงแก้วตาที่แยกกับฤดีกลับบ้านตั้งแต่บ่ายขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง


**********


“อ้าว  เธออยู่คนเดียวหรอกรึ?”  เสียงหวานเอ่ยถาม  ให้เด็กหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวพลางยิ้มให้  ถึงแม้ในใจจะคิดว่าอีกฝ่ายนั้นช่างเหมือนกับ  ‘คุณหนูโสภี’  คนนั้นแต่เขาก็คิดว่าคงไม่มีทางเป็นไปได้

“ครับ  ฤดีออกไปกับพี่ชายน่ะครับ  คุณมีอะไรหรือเปล่า?”  เด็กหนุ่มถามพลางลุกเลื่อนเก้าอี้ให้อีกฝ่ายนั่ง

“ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ  ฉันแค่ทำขนมมาน่ะ  อยากจะเอามาให้เด็กๆลองชิมกัน”  เธอกล่าวแล้วยิ้มหวาน

“อีกสักครู่พวกเขาคงกลับมาแล้วล่ะครับ”  แก้วตาว่าพลางปิดหนังสือเตรียมตัวออกไป

“เธอนั่งรอเป็นเพื่อนฉันสักครู่เถอะ  หรือว่ามีธุระ?”

“ไม่มีครับ”

“อ้อ  ถ้าอย่างนั้นลองทานขนมที่ฉันทำมาหน่อยนะ  ไม่รู้ว่าจะถูกปากหลานๆรึเปล่า?”  โสภียิ้มพลางยื่นปิ่นโตใส่ขนมให้เด็กหนุ่มตรงหน้าไปจัดใส่จาน  แก้วตาลังเลอยู่ชั่วครู่  เขาคิดว่าคงไม่มีอะไรจึงเอาขนมจัดใส่จาน  เมื่อฝ่ายนั้นคะยั้นคะยอให้ลองชิมเขาจึงจำใจตักใส่ปากไปสาม-สี่ชิ้นเพื่อไม่ให้เสียมารยาท

“อร่อยไหม?”  โสภีถามด้วยดวงตาวาวโรจน์

“ครับ”

“จริงซิ  ฉันมีของอยากให้เธอดูสักหน่อยเพราะคิดว่าเธออาจจะคุ้นตา”  โสภีเอ่ย  เธอยิ้มกว้างก่อนจะหันไปหยิบบางสิ่งซึ่งห่อผ้ามาอย่างดี  คาดจากขนาดและลักษณะ  แก้วตาคิดว่าน่าจะเป็นกรอบรูปและเมื่อผ้าที่ใช้ห่อถูกปลดลงก็ทำให้เขาเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“นั่น!”

“ลายเส้นนี่เหมือนของเธอเลยใช่ไหมจ๊ะ?”  โสภีถามพลางลุกขึ้นยืน  เธอวางภาพลงบนเก้าอี้ที่ตัวเองเพิ่งนั่งเมื่อครู่แล้วย้ายตัวเองมายืนดูอยู่ข้างๆ

“คุณได้ภาพนี้มาจากไหน?”  เสียงหวานสั่นพร่ายามเอ่ยถาม  ร่างเล็กลุกขึ้นแล้วยื่นมือไปหาภาพนั้น

“อืม  มีคนเอามาขายให้ฉันน่ะ”

“อะไรนะครับ?”  เด็กหนุ่มหันมามองน้าสาวของเพื่อน  รอยยิ้มหวานดูไม่น่าพิสมัยยามเจ้าของเอื้อนเอ่ย

“มีคนเอามาขายให้ฉัน  รู้ไหมฉันจ่ายแพงมากเลยนะกับภาพนี้น่ะ”

“ทำไม?”

“ไม่ใช่เพราะเป็นฝีมือของเธอหรอก  อย่าสำคัญตัวผิดล่ะ  ที่ฉันยอมจ่ายแพงเพราะว่าคนในภาพต่างหาก”

“คุณรู้หรือว่าคนในภาพเป็นใคร?”  แก้วตาเลิกคิ้วถามคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ

“เขาจะเป็นใครได้นอกจากคุณพี่ของฉัน!”  มือตบโต๊ะเสียงปังจนแก้วตาสะดุ้งตกใจถอยหลังก้าวชนเก้าอี้ที่วางรูป  เด็กหนุ่มมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา  ท่าทางเกรี้ยวกราด  ริมฝีปากที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่บิดเบี้ยวอย่างคลั่งแค้น  สายตาเกลียดชังเหลือแสนส่งมาให้เขา  นิ้วเรียวกดลงบนโต๊ะจนขาวซีด  “แกแย่งเขาไปจากฉันไม่ได้หรอก!”  เสียงหวานตะโกนก้อง  แก้วตาผงะถอย  หลังมือขาวชนเข้ากับรูปข้างตัวแล้ว  ‘คุณหนูโสภี’  คนนั้นก็เข้ามาในความคิด

“คุณหนูโสภี!”

“ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ฉันก็จะไม่ยอมให้แกได้เขาไป!”  ร่างระหงถลาเข้าหา  แก้วตาหันไปคว้ารูปวาดของเขาก่อนจะหันหลังวิ่งเข้าไปทางตัวบ้าน  เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปในห้องนอนกดประตูลงกลอนแล้วกอดภาพในแขนแน่น

คุณโสภีเป็นคุณหนูโสภีคนนั้น!




อะไรกัน?   
มือขาวยกกดหน้าอกตัวเองแน่น  ลมหายใจติดขัดและภาพที่สายตาจับได้ดูพร่าเลือน  หูได้ยินเสียงทุบประตูคล้ายคนข้างนอกจะพังเข้ามาให้ได้  แก้วตากระชับภาพเอาไว้ทั้งๆที่รู้สึกกล้ามเนื้อทุกส่วนเริ่มอ่อนแรง  แม้แต่แรงหายใจก็แทบจะไม่มี
คุณพระนาย

คุณพระนาย...

สิ่งที่เห็นก่อนสติสุดท้ายจะดับลงคือใบหน้าหล่อเหลาซึ่งโน้มลงมาหาด้วยเป็นกังวลและตกใจ  ดวงตาโศกเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำใส  ริมฝีปากอิ่มคู่นั้นร้องเรียกชื่อของเขา
แก้วตา
แก้วตาพี่...

...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...





***********




   วันพระใหญ่  วันเข้าพรรษาคุณพระนายหนุ่มขอให้นมแย้มเตรียมเครื่องถวายสังฆทานเอาไว้ชุดใหญ่  เขาคิดว่าปีนี้ต้องชวนคนน่ารักไปทำบุญแล้วก็เที่ยวงานวัดให้ได้  ก่อนจะเดินยิ้มกว้างไปทางเรือนหลังเล็กโดยมีแสนแบกสังฆทานหนักอึ้งตามหลัง
   
“แก้วไม่ไปกับคุณใหญ่หรอกขอรับ”  หากคำตอบที่ได้รับทำเอาคุณพระนายหนุ่มยืนอึ้งค้าง

“อะไรนะ?”

“แก้วไม่ไปทำบุญถวายสังฆทานกับคุณใหญ่ที่วัดหรอกขอรับ”  เด็กหนุ่มหันมาย้ำคำตอบแบบช้าๆชัดๆให้คนด้านหลังฟังแล้วหันไปพับกลีบบัวต่อ  พยอมเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่นิ่งอึ้งก็ให้หลุดหัวเราะ

“แก้วตา  ลูกจะแกล้งคุณพระนายไปถึงไหนกันเชียว?”

“นั่นซิขอรับ  คุณแก้วน่ะใจร้ายชอบแกล้งคุณใหญ่ของกระผมอยู่เรื่อยเลยขอรับ”  แสนซึ่งยืนดูอยู่ตลอดรีบเสริมคำของพยอมพลางพยักหน้าแรงๆสำทับอีกรอบด้วยเห็นท่าทางหงอยๆของคุณพระนายแล้วให้อดสงสารไม่ได้  เลยโดนแก้วตาถลึงตามองดุใส่เสียหนึ่งที

“เอาเครื่องสังฆทานมานี่ซิ”  เด็กหนุ่มว่าพลางคว้าของมาจากมือแสน  คนตัวเล็กยกของขึ้นจรดหน้าผาก  หลับตาอธิฐานก่อนจะยื่นส่งต่อให้ชายหนุ่ม  “รับไปซิขอรับ  แล้วก็อธิฐานเสีย”

“?”  คุณพระนายที่ยังไม่เข้าใจได้แต่ยืนนิ่ง  จนโดนแก้วตาดุอีกรอบนั่นละถึงได้ยอมยกของขึ้นแล้วอธิฐาน

“เอ้า  ทีนี้นายแสนก็เอาไปถวายพระได้แล้ว”  เด็กหนุ่มรั้งของในมือใหญ่ส่งให้แสนที่รับไปอย่างงงๆ

“กระผมหรือขอรับ?”

“ รึจะให้คุณพระนายถือไปเอง?”  แก้วตาเท้าเอวเลิกคิ้วถามอย่างยียวน  ในใจแสนนึกอยากจะพูดว่า แล้วเหตุใดจึงไม่ยกตัวอย่างเป็นตัวคุณแก้วเองเล่า  มาอ้างคุณพระนายของเขาทำไม  จนเมื่อแสนเดินถือของออกไปแก้วตาจึงหันไปทางร่างสูงแล้วเอ่ยปาก  “แก้วไม่อยากไปถวายสังฆทานกับคุณใหญ่ที่วัดเหตุเพราะถ้าเกิดคนอื่นมาเห็นลูกชายคนโตท่านเจ้าพระยาไปทำบุญกับผู้ชายด้วยกัน  ไม่เพียงแต่คุณใหญ่เท่านั้นจะเสียหายแต่จะรวมไปถึงท่านเจ้าพระยาด้วยนะขอรับ”  คำพูดของคนตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง  เขามองเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้วก็ให้ซาบซึ้งในน้ำใจของอีกฝ่ายยิ่งนักที่คิดถึงเขามากมายถึงเพียงนี้

“พี่ขอโทษที่ไม่เข้าใจ  แล้วก็ขอบใจแก้วตานักที่อุตส่าห์คิดถึงพี่”  ร่างเล็กส่ายหัวบอกว่าไม่เป็นไร

“ถ้าคุณใหญ่อยากจะไปเที่ยวงานวัด  รอช่วงดึกหน่อยได้หรือไม่ถ้าเป็นตอนนั้นคนคงน้อย  จะได้....”

“จะได้ไม่มีใครเห็นว่าคุณพระนายมากับผู้ชาย”  ชายหนุ่มต่อคำที่แก้วตายังพูดไม่จบประโยคแล้วมองสบเข้าไปในดวงตาเรียว  “ขอบใจนะ”  คุณพระนายหนุ่มนึกอยากจะคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดแรงๆนักหากไม่ติดว่ามีมารดาของอีกฝ่ายอยู่ด้วย  เขาจึงได้แต่จับมือเล็กมากุมไว้แล้วพลางช่วยคนตัวเล็กและมารดาเตรียมของสำหรับทำบุญวันพรุ่งนี้
.
.

หลังงานวันเข้าพรรษาผ่านไปได้พักใหญ่ดูเหมือนว่างานอื่นๆก็จะลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน  แก้วตาละมือที่จับดินสอวาดรูปก่อนจะหันไปทางเสียงที่ดังมาจากหน้าเรือน  เมื่อเดินออกไปก็พบว่าแสนมาพร้อมกับใครบางคนพร้อมข้าวของมากมาย

“นมแย้ม?”  แก้วตายกมือไหว้นอบน้อมแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาที่นี่ทำไม

“หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้นี่เอง”  นมแย้มเพ่งพิศดวงหน้าของคนอ่อนวัยกว่าก็ให้ยกยิ้ม  คราวก่อนโน้นตอนอีกฝ่ายโดนหลอกให้ไปป้อนยาคุณพระนายก็ไม่มีเวลาได้สังเกตคนตรงหน้ามากนัก  วันนี้จึงขอมองให้เต็มตาเสียหน่อย  สมแล้วที่คุณพระนายของเธอจะหลงรักอีกฝ่าย  ดูกิริยาท่าทางก็อ่อนน้อม  นิสัยใจคอก็ท่าทางไม่ต่างจากหน้าตา

“?”

“อ้อ  เข้าไปในเรือนซิ  แล้วนี่แม่เราไม่อยู่รึ?”  คนสูงวัยก้าวเดินนำเหมือนเป็นเจ้าของเรือนให้เด็กหนุ่มอ้าปากเหวออย่างไม่เข้าใจ  เมื่อเห็นว่าแสนมีสีหน้าไม่สู้ดีจึงไม่เอ่ยปากถามอีก

“ไปช่วยงานที่เรือนหลวงเสนาะท่านขอรับ”

“งั้นรึ?  ช่างเถอะๆ  เอ้า  พวกเอ็งวางของพวกนั้นเสร็จแล้วก็กลับกันไปได้แล้ว”  นมแย้มหันมาไล่เด็กๆที่แบกของมากมายให้กลับไปเมื่อวางสิ่งเหล่านั้นตรงชานเรือนเสร็จ

“เอ่อ  นมแย้มขนอะไรมามากมายหรือขอรับ?”  เขาถามพลางมองของเหล่านั้น

“ก็พวกดอกไม้  แล้วของที่จะใช้ทำบุหงาเอย  มาลัยเอยนั่นละ”

“ห๊ะ!  แล้วนมขนมาที่นี่ทำไมจ๊ะ?”

“เอามาให้เอ็งทำไง”  นมแย้มยื่นคางไปทางเด็กหนุ่ม

“กระผม?”  แก้วตาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเพื่อย้ำว่าไม่ได้เข้าใจผิด

“เอ็งนั่นละจะใครที่ไหน  เอ้าๆ  นั่งลงๆ”

“เดี๋ยวก่อน  กระผมทำไม่เป็นนะขอรับ”

“ก็ข้าจะสอนอยู่นี่ไง!”  นมแย้มเท้าเอวตวาดให้แก้วตานั่งลงแทบไม่ทัน

“แล้วทำไมกระผมต้องทำด้วยละขอรับ?”  ปากถามมือก็รับของที่นมแย้มส่งมาให้

“อุวะ  ก็เวลาที่คุณใหญ่ท่านกลับมาเอ็งจะได้มีพวงมาลัยไว้ให้ท่านไง  อย่างแป้งร่ำเอ็งต้องใช้หัดไว้ก็ไม่เสียหลาย  เวลาคุณใหญ่ท่านกอดท่านหอมจะได้ชื่นใจ  บุหงารำไปรึก็จะให้คุณใหญ่ท่านพกติดตัวไงละ”  เหตุผลยืดยาวที่แก้วตาฟังไม่ทันหากจับใจความได้อย่างเดียวก็คือ  ‘เพื่อคุณใหญ่’  เท่านั้นนั่นละ


เพี๊ยะ!

“โอ๊ย!”

“บอกให้จับเบาๆไง  ดูซิกลีบดอกช้ำหมดแล้ว!”  กว่าจะได้มาลัยสักหนึ่งพวงแผลก็เต็มนิ้วเรียวเสียเจ็ดในสิบนิ้ว  หนำซ้ำยังช้ำเสียจนดูแทบไม่ได้  นมแย้มมองผลงานนั้นแล้วส่ายหัว  ก่อนจะกลับเรือนไปพร้อมพวกมาลัยช้ำๆฝีมือของแก้วตา

เด็กหนุ่มนั่งบ่นอุบอิบโดยหารู้ไม่ว่าเจ้ามาลัยพวงนั้นถูกนำไปวางหัวเตียงของคุณพระนายหนุ่มเสียดิบดี  คราแรกเมื่อเห็นเขาถึงกับโวยวายบ่าวในเรือนว่าเหตุใดจึงนำมาลัยช้ำไม่น่ามองขึ้นวางบนเตียงของเขา  จนเมื่อแสนมาแอบกระซิบนั่นแหละจึงได้กระแอมในคอแล้วทำเป็นนิ่งเสีย
ก่อนนอนคืนนั้นคุณพระนายยกยิ้มกว้างกับพวงมาลัยช้ำพวงนั้นด้วยรู้ว่าฝีมือของใครที่ร้อยมันมา  เพียงแค่นั้นมันก็ดูสวยเสียจนไม่มีของใครเทียบเท่า


“คุณใหญ่ขอรับ  ท่านเจ้าคุณให้มาตามขอรับ”  มือขาวที่ติดกระดุมเสื้อชะงักกึกพลางขมวดคิ้วว่าบิดามีเรื่องอะไรจะคุยกับเขาในเมื่อตอนนี้  เรื่องของนายพร้อมก็ถูกโยกไปให้คนในกรมพระตำรวจจัดการแล้ว

“คุณพ่อมีเรื่องอะไรจะใช้ลูกหรือขอรับ?”  ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามบิดา

“เรื่องแต่งงานน่ะ”  คล้ายคนเป็นพ่อเองก็หนักใจที่จะพูดเช่นกัน 

“ลูก...”

“แม่โสภีเขาก็ถึงวัยที่จะออกเรือนได้แล้ว  พ่อเองก็หมายว่าจะให้แต่งกับเจ้า  จะได้ดูแลน้อง”

“คุณพ่อ  ลูกคิดกับโสภีเพียงน้อง”

“แต่งๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเองนั่นแหละ”

“ขอเวลาให้ลูกหน่อยเถอะขอรับ”

“มีคนที่รักอยู่ในใจแล้วอย่างนั้นรึ?  จะรับมาเป็นน้อยเสียก็ได้นี่  ให้แม่โสภีเขาเป็นเมียเอกเขาคงไม่ว่าอะไรหรอกกระมัง?”  บิดาผู้หวังดีตัดสินใจให้เสร็จสรรพ  หากคุณพระนายหนุ่มไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธให้เด็ดขาดเพราะเกรงใจบิดาบุญธรรมที่ฝากฝังทุกอย่างไว้กับเขา  ด้วยว่าลูกชายแท้ๆอย่างพร้อมนั้นก็กำลังต้องคดีติดตัวฐานสมรู้ร่วมคิดกับพวกฉ้อโกงคลังหลวง  จะให้เนรคุณบิดาที่ชุบเลี้ยงเขามาได้อย่างไร

ขณะที่อีกคนกำลังหนักใจหาวิธีปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้  อีกคนซึ่งยืนฟังอยู่อีกฝากกำลังยกยิ้มสมใจ  ด้วยเพราะตนนั้นเป็นคนไปเร่งให้บิดาเอ่ยปากนั่นเอง  โสภีแย้มยิ้มก่อนจะชักชวนบ่าวคนสนิทไปเลือกผ้าที่จะใช้ตัดชุดแต่งงาน  เธอเชื่อว่าอีกไม่นานนี้คุณพี่ของเธอจะต้องตกลงใจแน่นอน  ด้วยไม่กล้าปฏิเสธบิดานั่นเอง
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี  เพราะเธอจะได้ไม่ต้องลงมือทำอะไรร้ายแรงกับนางรำคนนั้น!


**********




ร่างเล็กกอดอกมองสิ่งตรงหน้าแล้วยกยิ้มก่อนจะสะดุ้งเพราะถูกกอดจากด้านหลัง  เขาส่งเสียงเอ็ดแผ่วเบาเมื่อเห็นว่าเจ้าของอ้อมแขนนั้นเป็นใคร

“คุณใหญ่!”

“ทำอะไรอยู่รึ?”  ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นก่อนจะกดจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่มแล้วสูดกลิ่นหอมอ่อน  แก้วตาไม่ตอบหากหันกลับไปมองสิ่งนั้นต่อ  “วาดรูปเสร็จแล้วรึ?”  คุณพระนายคลายอ้อมกอดแล้วเดินเข้าไปดูใกล้ๆ  “งามเชียว  ว่าแต่ตัวจริงกับภาพวาดใครงามกว่ากัน?”  ร่างสูงหันไปยืนเทียบภาพวาดแล้วเอ่ยปากถาม  แก้วตาหัวเราะก่อนจะทำท่าใช้ความคิด

“อืม”

“เร็วซิ  ตัวจริงหรือภาพวาดใครงามกว่ากัน?” 

“อืม?”  ยิ่งอีกฝ่ายเร่งเร้าเด็กหนุ่มก็ยิ่งทำท่าคิดไม่ตกให้คนถามหมั่นไส้จนต้องกระโจนเข้าหาคนตัวเล็กแล้วกอดเอาไว้

“แกล้งพี่รึ?”

“เปล่า  อื้อ!”  ชายหนุ่มโน้มกดริมฝีปากลงบดกลีบปากสีชาดนั้นแรงๆคล้ายลงโทษ  ก่อนจะผ่อนแรงลงอย่างหยอกเย้า  ขบริมฝีปากล่างของคนในอ้อมแขนให้ฝ่ายนั้นสะดุ้งจนเผยอริมฝีปากให้เขาล่วงล้ำเข้าไปภายในเพื่อลิ้มชิมความหวาน  มือหนายกขึ้นประคองใบหน้าเนียนเอาไว้ทั้งสองข้าง  ผละออกแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาสีนิลหวานซึ้งคู่นั้น  ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงให้หน้าผากแตะกัน  ปลายจมูกโด่งคลอเคลียสัมผัสกับจมูกมนรั้นอย่างรักใคร่  แตะริมฝีปากเบาๆ

“น้องวาดรูปพี่ตั้งแต่ตอนไหนรึ?”

“...ตั้งแต่  ในป่าเมื่อตอนที่คุณใหญ่เจ็บคราวนั้น”  ตอบไปแก้มเนียนก็ขึ้นสีเรื่อ  ร่างสูงมองแล้วอดตื้นตันในอกไม่ได้  ต้องก้มลงไปหอมแก้มเนียนนั้นให้ชุ่มปอดแล้วเอ่ย

“สัญญานะแก้วตา  ว่าจะวาดรูปพี่คนเดียว”

“สัญญา”

มือหนาเลื่อนลงโอบเอวเล็กเข้าหา  ก่อนจะโน้มลงจูบอีกครั้ง  คราวนี้ไม่รุนแรงกลั่นแกล้งหากแผ่วเบาอ่อนหวาน  หวานเสียจนร่างเล็กต้องยกแขนขึ้นกอดร่างสูงตอบ  เมื่อจูบนั้นทำให้ไหล่บางสั่นไหวในอกมีบางอย่างวิ่งวนเสียจนหูอื้อไปหมด  ชายหนุ่มละริมฝีปากออกเพื่อให้อีกฝ่ายกอบโกยอากาศหายใจ  ริมฝีปากสีชาดยิ่งแดงก่ำชุ่มฉ่ำเรียกร้องให้คนมองต้องกดริมฝีปากลงไปใหม่อย่างไม่รู้เบื่อหน่าย    แก้วตาซึ่งยังไม่ทันตักตวงอากาศให้เต็มปอดก็ต้องเงยหน้าขึ้นรับจูบนั้นอย่างร้อนรน  ครั้นตั้งสติได้จึงค่อยจูบตอบโต้กลับไป

“อืม~”  เสียงทุ้มเครือครางในคอ  ชายหนุ่มผละออกก่อนร่างในอ้อนแขนจะซวนเซหมดแรงซบอกแกร่ง

“พี่อยากจะจูบแก้วตาทั้งวันทั้งคืนเลย”

“...บ้าจริง”  เสียงหวานเจือแววหอบเหนื่อยเอ่ยตอบโต้ขาดห้วงให้ร่างสูงหัวเราะแผ่ว  ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนรัดร่างเล็กอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะหันให้หลังแกร่งชนผนังแล้วย่อกายลงนั่งโดยไม่ปล่อยอ้อมกอด  ส่งผลให้แก้วตาต้องนั่งลงตามโดยมีร่างหนาโอบกอดเอาไว้อีกที  คุณพระนาย
กดคางกับไหล่เล็กจ้องมองภาพวาดฝีมือคนตัวเล็กแล้วยกยิ้ม

“พี่ว่าตัวจริงดีกว่าภาพวาดเป็นไหนๆ  แก้วตาว่าอย่างนั้นหรือไม่?”

“?”

“เพราะตัวจริงกอดน้องไว้อย่างนี้ไง”

“อ๊ะ!”  แก้วตาหันกลับมามองคนพูดแล้วกรอกตาใส่ทั้งๆที่แก้มเนียนขึ้นสีเรื่อ

“แล้วก็จูบเจ้าได้ด้วย  จริงไหม?”  คราวนี้สีแดงนั้นจึงได้พาดผ่านจากแก้มเนียนลามไปถึงหูทั้งสองข้าง  คุณพระนายมองภาพนั้นแล้วหัวเราะพร้อมดวงตาพราวระยับ

...ก่อนที่มือหนาจะรั้งคางเล็กให้ใบหน้านั้นหันมารับจูบเขาอีกครั้ง
.
.








ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
.
.
.


เรือนขาวที่ใกล้แล้วเสร็จถูกสายฝนกระหน่ำสาดซัด  ลมแรงทำให้คนที่เปียกโชกถึงกับหนาวสั่น  ร่างสูงโดดขึ้นฝั่งก่อนจะยื่นมือให้อีกคนจับเพื่อพยุงร่างโดยตลอดเวลาก็กางร่มกันฝนให้คนตัวเล็กไปด้วยแต่ดูเหมือนจะไร้ผลเพราะทั้งร่างเปียกชุ่มไปหมดเสียแล้ว  ทั้งๆที่เมื่อเช้าแดดออกจะแรงถึงเพียงนั้นเขาจึงได้ชวนให้แก้วตาออกมาดูเรือนขาวด้วยกัน  แต่เพียงครึ่งทางฟ้าก็เริ่มมืดและฝนก็เทลงมา  แก้วตาเพิ่งบอกมารดาเมื่อไม่กี่วันก่อนถึงการมีอยู่ของเรือนขาวและการตัดสินใจของเขา  ซึ่งพยอมเองก็ไม่ได้คัดค้านสิ่งใด

“คงจะแล้วเสร็จช่วงฝนแล้งขอรับคุณพระนาย”  เสียงนายช่างรายงานให้รับทราบ  พวกเขาเร่งมือกันแล้วแต่ก็ยังไม่ทันฝนแรกที่ไล่ลงมา  งานเหลืออีกเพียงนิดเท่านั้นแท้ๆกลับต้องชะงักเพราะฤดูฝน  ชายหนุ่มเพียงพยักหน้ารับก่อนจะให้คนงานทั้งหมดเลิกงานเสีย  ดูท่าฝนคงไม่หยุดง่ายๆ

“แก้วตา เข้าไปอาบน้ำก่อนเถอะประเดี๋ยวหวัดจะเล่นงานน้อง”  คุณพระนายหันมาเรียกคนตัวเล็กซึ่งยืนสั่นอยู่ข้างประตูไม่ก้าวเข้าไปด้านใน

“พื้นจะเปียก...”  ริมฝีปากสีชาดบัดนี้ซีดเพราะอากาศเย็น  ซ้ำยังสั่นจนได้ยินเสียงฟันกระทบกัน

“จะเปียกก็ช่างมันเถอะเจ้า  เข้ามาเสียหรือจะให้พี่ไปอุ้ม?”  เด็กหนุ่มที่ยังลังเลเบิกตาโตก่อนจะวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย  ร่างสูงหัวเราะกับท่าทางนั้นแล้วยกมือขึ้นยีหัวเปียกๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว

“แล้วจะอาบน้ำที่ไหน?”  แก้วตาเงยหน้าถาม

“เอ้า  ก็ห้องน้ำน่ะซิ”  เขาตอบกลั้วหัวเราะ

“แต่มันยังไม่เสร็จไม่ใช่หรือขอรับ?”

“เกือบเสร็จทั้งหมดแล้วล่ะ  อีกอย่างข้าวของเครื่องใช้พี่ก็ให้บ่าวขนมาไว้บ้างแล้ว”  ชายหนุ่มตอบพลางเปิดตู้เสื้อผ้า  หยิบชุดสำหรับเปลี่ยนให้แก้วตา

“แล้วคุณใหญ่าล่ะขอรับ?”

“หืม?  อยากให้พี่เข้าไปอาบด้วยรึ?”  ชายหนุ่มเอ่ยเย้าให้แก้มเนียนขึ้นสีเรื่อ

“คุณใหญ่เข้าไปอาบก่อนเถอะขอรับ”

“ฮื่อ  เจ้านั่นละเข้าไปอาบก่อน  ดูซิตัวเย็นไปหมดแล้ว”  มือขาวยกขึ้นแตะแขนเรียวอย่างเป็นห่วง

“ตัวคุณใหญ่ก็เย็นเหมือนกันนั่นละ”  เด็กหนุ่มเถียงกลับพลางจับแขนแกร่งเอาไว้

“...พูดแบบนี้จะทำให้พี่เข้าข้างตัวเองนะเจ้า”

“เข้าข้างตัวเองว่ากระไร?”  แก้วตามองรอยยิ้มหยักแฝงแววเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“เข้าข้างตัวเองว่าแก้วตาอยากจะให้พี่อาบน้ำพร้อมกัน”

“เอ๊ะ!”  ไม่รอให้ร่างเล็กเอ่ยถามอีกครั้ง  คุณพระนายหนุ่มก็อุ้มคนตัวเล็กเข้าห้องน้ำไปพร้อมกัน  “คุณใหญ่ขอรับ!”

“อะไรรึ?”  ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะค่อยวางร่างในอ้อมแขนลงแผ่วเบา

“เอ่อ...”

“เอ้า  ถอดเสื้อเร็วเข้า  ประเดี๋ยวเป็นหวัดแล้วจะแย่”  ไม่พูดเปล่ามือใหญ่คว้าชายเสื้อของอีกคนถลกขึ้นอย่างรวดเร็ว  ฝ่ายที่ถูกดึงเสื้อไม่ทันได้คิดตามคำพูดนั้นก็ยกแขนให้ร่างสูงดึงเสื้อออกไปพ้นหัวถนัดถนี่ตามด้วยกางเกงจนเหลือแต่ตัวเปลือยเปล่านั่นแหละเขาจึงได้สติกลับมา

“คุณใหญ่!”  เสียงหวานตวาดแหว  ทั้งหน้าแดงเรื่อด้วยความอาย  มือเล็กเลื่อนลงปิดของสงวนทันทีทันใด

“ว่าอย่างไรเล่า?”  ชายหนุ่มโยนเสื้อผ้าของอีกฝ่ายลงตะกร้าพลางยกยิ้ม

“คุณใหญ่แกล้งแก้วหรือขอรับ!”  บัดนี้ผิวขาวแดงเรื่อไปทั้งตัวเพราะสายตาโลมเลียจากร่างสูง

“ฮื่อ  พี่เปล่าแกล้งเสียหน่อย”  ว่าแล้วเขาก็ขยับเข้าใกล้ร่างเล็กแนบชิดเสียจนลมหายใจร้อนเป่ารดข้างแก้มไหล่เล็กสะท้านไหว  ความใกล้ชิดที่เขาไม่เคยคิดถึงกำลังทำให้ใจของเขาสั่นระรัว

“แก้วตา~”  เสียงทุ้มแหบพร่าร้องเรียก  มือแกร่งเชยคางมนให้เจ้าของดวงหน้าเนียนเงยสบตา  ก่อนจะแต้มจูบที่ข้างแก้มแผ่วเบา

“อืม~”  มือเล็กยกขึ้นแตะอกกว้างหากไม่ได้ออกแรงผลักไส  คุณพระนายยิ้มในตาก่อนจะก้มลงกดจูบบนริมฝีปากนิ่ม  ผละออกแล้วมองสบเข้าไปในแววตาไหวระริกหวานคู่นั้น

“พี่รักแก้วตา  น้องรู้ใช่หรือไม่?”  ดวงหน้าหวานพยักรับก่อนช้อนดวงตาหวานฉ่ำขึ้นมอง  การกระทำที่ทำให้หัวใจของคุณพระนายหนุ่มเต้นแรงเสียจนเจ็บแน่นในอก  ก่อนจะแนบริมฝีปากร้อนบนแก้มเนียน  ละเรื่อยย้ายมาริมฝีปากสีชาดคู่หวาน  กดย้ำขออนุญาตแล้วล่วงล้ำละเล็มแผ่ว  มือหนาเลื่อนลงต้องผิวบนลาดไหล่มน  สัมผัสบางเบาเรียกให้แก้วตาสะท้านไปทั่วร่างยามเมื่อมือนั้นไล่ละลงไปยังเอวเล็ก

“อืม~”  เสียงหวานครางเครือ  ฝ่ามือร้อนไล่ลงบนสะโพกหนั่นเคล้นคลึงให้สะดุ้งกายขยับหนี  หากติดว่าอยู่ในอ้อมกอดของร่างหนาจึงไปไหนไม่ได้  มือเล็กกำอกเสื้ออีกฝ่ายแน่นเมื่อความรู้สึกร้อนแล่นผาดไปทั่วร่าง  ทุกตารางผิวเนื้อที่โดนฝ่ามือร้อนลากผ่านจุดนั้นก็ยิ่งเหมือนโดนถ่านไฟนาบเสียจนร้อนฉ่า

“คุณใหญ่~”  เสียงหวานเอ่ยร้องเรียก  วะแว่วหวานจนใจคนฟังแทบหลอมละลายยามที่ฝ่ามือสากลากไล้กอบกุมเบื้องล่างแล้วขยับรูดรั้ง  ร่างเล็กกระตุกกายผวากอดเจ้าของมือแน่น  ลมหายใจหอบกระชั้นสะดุด  เร่งถี่ขาดห้วงตามจังหวะการเคลื่อนไหวของมือใหญ่  เอวเล็กบิดไหวส่ายคล้ายเคลื่อนหนีบางครั้งก็กดเข้าหาความรุ่มร้อนอย่างเรียกร้อง  คุณพระนายขบกรามแน่นข่มอารมณ์พลุ่งพล่านดั่งน้ำเดือดของตัวเองให้เบาลงด้วยไม่อยากฝืนเร่งคนตัวเล็กจนเกินไปนัก

สายน้ำเย็นถูกเปิดตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ร่วงกระเซ็นอาบกระทบพื้นแข่งกับเสียงสายฝนด้านนอกที่ยังไม่หยุดตก  หากไม่อาจกลบเสียงครางหวานจากร่างเล็กที่สั่นระริกในอ้อมแขนของคุณพระนาย   ริมฝีปากร้อนกดจูบขมับชื้นเหงื่อ  ก่อนเสียงหวานจะหวีดดังเมื่อชายหนุ่มเร่งปลายนิ้ว  กระชับขยับส่งให้คนน่ารักสะท้านวูบคล้ายตกจากที่สูงด้วยห้วงอารมณ์ปรารถนาที่ถูกปลดปล่อยหยาดหยดเต็มฝ่ามือหนา 
เสียงหัวใจเต้นระรัวเต็มสองหูดังอื้ออึง  ริมฝีปากแดงเรื่อเผยอหอบหายใจคล้ายคนวิ่งมาแสนไกล  เรียวขาขาวสิ้นแรงพยุงกายให้คุณพระนายตวัดกอดแล้วอุ้มไว้ในอ้อมแขน



ชายหนุ่มวางร่างเล็กลงบนเตียงใหญ่ก่อนตามทาบทับ  มือใหญ่ยกขึ้นเกลี่ยปรอยผมสีขนกาให้พ้นจากดวงหน้าเนียน  ปรางขาวขึ้นสีเรื่อและลมหายใจยังคงหอบกระชั้น  ดวงตาเรียวปรือปรอยมองคนด้านบนหวานเชื่อมโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าแสดงถึงการเรียกร้องอะไรจากอีกฝ่าย  ริมฝีปากแดงช้ำฉ่ำหวานเชิญชวนให้ก้มลงบดจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า  คุณพระนายตักตวงความหวานเนิ่นนานเสียจนคนด้านล่างแทบขาดใจ  หากกระนั้นก็ไม่มีเสียงทัดทานออกมา  มือเล็กยกขึ้นแตะบ่ากว้างพลางเงยหน้าขึ้นรับจูบอย่างไม่เกี่ยงงอน  ร่างหนาบดเบียดกายลงแนบชิดเด็กหนุ่มก็พลันขยับกายให้สัมผัสกันและกันมากยิ่งขึ้น
ไม่รู้ว่าเสื้อผ้าหลุดออกจากร่างหนาไปตั้งแต่ตอนไหน  ร่างเล็กสะดุ้งกายไหวยามเมื่อความแกร่งร้อนของคุณพระนายสัมผัสทาบลงบนหน้าท้อง  เด็กหนุ่มช้อนตามองเอียงอาย  แก้มแดงปลั่งเมื่ออีกคนขยับเสียดสีให้ความร้อนของเขาทั้งสองแตะสัมผัสกัน  ฝ่ามือร้อนกอบกุมเขาทั้งสองเอาไว้ด้วยกันแล้วขยับข้อมือ  จากเชื่องช้าเปลี่ยนเป็นระรัวเร็วตามอารมณ์ที่พุ่งสูง 

“อืม!”  เสียงทุ้มครางในลำคอชะงักมือหยุดให้ร่างเล็กที่กำลังจะถึงจุดหมายปลายทางแอ่นผวารั้งข้อมือหนาไม่ให้ผละจาก  แก้วตามองด้วยสายตาเว้าวอนอย่างไม่เข้าใจ  ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้ม  กดจูบคนด้านล่างแล้วจึงขยับมือตามที่อีกฝ่ายเรียกร้องให้เด็กหนุ่มดิ้นพล่านเมื่อความรู้สึกพุ่งทะยานแตะขอบปลายฟ้า   แว่วเสียงหวีดหวานข้างหูให้คุณพระนายเร่งขยับมือระรัว   

ร่างเล็กที่ยังไม่ทันหายเหนื่อยเผยอปากหายใจ  อยากส่งเสียงทักท้วงเมื่อคนด้านบนยันกายลุกขึ้นแล้วจับเรียวขาขาวขึ้นพาดบ่ากว้างแต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะเอ่ยปากและขยับกายหนี  ฝ่ามือร้อนที่เมื่อครู่พาเขาไปถึงจุดหมายนั้นกำลังแตะจับหนั่นเนื้อสะโพกอิ่ม  เคล้นคลึงให้เจ้าของเกร็งร่างหวาดหวั่น  แล้วฝ่ามือร้อนจึงขยับเข้าหาเบื้องหลังที่ซ่อนเร้น  แก้วตายกแขนขึ้นปิดปากยามเมื่อเรียวนิ้วแกร่งกดชำแรกแทรกผ่านความคับแคบ  เชื่องช้าหากหนักแน่นไม่หยุดผ่อนแรงแม้เพียงนิด  ถึงจะมีหยาดหยดก่อนหน้าคอยช่วยเบิกทางหากความคับแน่นก็ยังทำให้ลำบากจนเจ็บแสบ

ริมฝีปากร้อนกดจูบระเรื่อยจากปลีน่องจนถึงต้นขาด้านในให้เด็กหนุ่มสะดุ้งกาย  มือเล็กอีกข้างกำผ้าปูเตียงแน่นราวกับจะกระชากให้ฉีกขาดเมื่อเบื้องหลังถูกล่วงล้ำจนหมดสิ้นจากปลายนิ้วแกร่ง   ความร้อนของปลายนิ้วค่อยขยับแผ่วเบาสร้างความคุ้นชินแล้วเร่งเร้าเพิ่มจำนวนจากหนึ่งเป็นสอง  หมุนวนเพิ่มจากสองเป็นสาม   คลึงเค้นควานหาก่อนที่ร่างเล็กจะกระตุกเฮือกยามแตะถูกจุดอ่อนไหว 

“อื้อ!!”  ใบหน้าน่ารักสะบัดเร่าระบายความหวามไหวที่ถูกปลุกเร้าจนเส้นผมยาวสีนิลกระจายเต็มหมอน  แว่วหวานเสียงสะอื้นแผ่วจากริมฝีปากที่เม้มแน่น  ไหล่เล็กสะท้านสั่นจากความรัญจวนที่ถูกปลุกปั่น  เรียวขาขาวบนบ่ากว้างกระตุกสั่น  ผิวขาวราวงาช้างแปรเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อจากอารมณ์ที่พุ่งสูง   ชายหนุ่มขบกรามจนขึ้นสันนูนแทบคุมตัวเองไม่อยู่กับภาพตรงหน้า  คุณพระนายดึงแขนขาวให้เลื่อนออกจากริมฝีปากสวย 

“แก้วตา  พี่ขอฟังเสียงน้องเถอะนะ”  น้ำเสียงวอนขอหวานล้ำ  ทุกครั้งที่ร่างกายถูกสัมผัสเสียงหวานจะเครือครางดังแว่วให้ได้ยิน
ยิ่งเมื่อถูกบดจูบยิ่งคล้ายถูกล่อลวงให้เคลิบเคลิ้มมัวเมา ปลายนิ้วถูกถอนออกให้คนด้านล่างบีบรัดผวาไม่อยากให้จากไป

“แก้วจ๋า~” ร่างสูงร้องเรียกชิดริมฝีปากแดงช้ำ  ออดอ้อนเสียงแหบพร่า  มือใหญ่ประคองสะโพกมนก่อนจะตามแนบชิด  ไหล่เล็กเกร็งต้านเมื่อคุณพระนายหนุ่มกดความแกร่งร้อนของตนแทรกผ่านช่องทางเบื้องล่าง  ถอยห่างกดย้ำ...ชำแรกกาย... 

“อื้อ!”  ร่างเล็กสะท้านไหว  ส่วนนั้นของคนเบื้องบนแข็งเกร็งดั่งเหล็กกล้า  อีกทั้งร้อนราวกับถ่านไฟ  ความเจ็บเสียดแทงจนต้องกัดฟันกลั้นเสียงร้อง   ความรัญจวนก่อนหน้ามลายหายไปจนสิ้นเหลือเพียงความเจ็บปวดจนต้องถอนสะอื้น     เบื้องล่างถูกชำแรกเจ็บร้าวเหมือนร่างกายจะฉีกออกจากกัน 

“รัก...”   ริมฝีปกร้อนแนบจุมพิต  กดจูบล่อลวง เกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นปลอบประโลมร่างข้างใต้  ระเรื่อยใบหูบาง  ขบเม้มสร้างความแปลบปลาบ  ลาดไหล่เล็ก  ซอกคอก่อนจะหยุดลงตรงอกซ้าย   ฝ่ามือหยาบกร้านไล้สัมผัสทั่วทุกตารางพื้นผิว   คิ้วเรียวขมวดแน่นค่อยผ่อนคลายเมื่อฝ่ามือร้อนกอบกุมความร้อนรุ่มของเขาไว้อีกครั้ง  แล้วขยับรูดรั้งให้ร่างเล็กต้องห่อไหล่เพราะความซ่านกระสันพร้อมกับสะโพกเพรียวที่หยุดนิ่งเมื่อเข้าไปข้างในจนสุดกาย  ร่างหนาพรูลมหายใจ  ชันกายขึ้นพิศใบหน้าเนียนที่แดงเรื่อ  เขากดจูบซับหยาดเหงื่อที่เปียกชุ่มไรผมให้คนน่ารัก  เลื่อนมือสอดประสาน...แล้วกดความแข็งแกร่งลงลึก   บดเบียดแนบแน่น...ขยับไหวเคลื่อนกาย...

“รัก  พี่รักแก้วตา”  เสียงทุ้มกระซิบข้างหู  ไหล่เล็กสะท้านยามคำนั้นถูกเอื้อนเอ่ย

“คุณใหญ่~”

ค่อยขยับเนิบนาบเชื่องช้า...ให้คุ้นชิน  ฝ่ามือเล็กจิกลงบนหลังมือใหญ่เสียจนเจ็บแสบยามที่คนด้านบนขยับกายกดแทรก  ช่องทางแสนหวานและร้อนรุ่มเกร็งต้าน  บีบรัดเสียจนแทบหลอมละลาย  คุณพระนายหนุ่มขบกรามแน่นสกัดกลั้นเมื่อไม่อาจเคลื่อนกาย  เขาต้องหลอกล่อด้วยปลายนิ้วกับส่วนอ่อนไหวจนคนใต้ร่างบิดกายวาบหวาม  หยาดเหงื่อหยดลงหลอมรวมกับคนด้านล่าง  แผ่นอกบางสะท้านไหวเมื่อถูกปลุกเร้าเป็นรอบที่ไม่อาจนับ  จากเนิบช้าค่อยหนักหน่วงกระชั้นความเจ็บปวดกลายกลับเป็นความวิบหวามซ่านกระสัน...

“ฮึก~”  เสียงหวานเครือเจือสะอื้น  แว่วหวานกระตุ้นให้ขยับกายเร่งระรัว  คุณพระนาย
กระชับฝ่ามือเล็กแน่น  กดกายเข้าหาเน้นหนักตามแรงอารมณ์ที่ทะยานสูง  หยาดน้ำอุ่นร่วงหล่นจากดวงตาเรียวให้กดจูบซับน้ำตาเค็มปร่า
ร่างหนาขยับเร่ง  เล้าโลมให้ร่างข้างใต้บิดกายสอดรับ  กระแทกกายโจนทะยานเร่งเร้าหนักหน่วงจนคนใต้ร่างดิ้นพล่านเพราะรัญจวนในทุกสัมผัส  ความปรารถนาอัดแน่นก่อนปลดปล่อยทุกหยาดหยดในช่องทางแสนร้อนนั้น  เสียงทุ้มครางต่ำผสานเสียงหวานหวีดร้องของคนด้านล่างที่ไปถึงปลายฝั่งฟ้าเช่นเดียวกัน  คุณพระนายแช่กายนิ่งปรับลมหายใจหอบกระชั้นให้ทุเลาก่อนเลื่อนขึ้นกดจูบปลอบประโลมเด็กหนุ่มในอ้อมแขน  ร่างเล็กสั่นระริกยามเมื่อห้วงความรู้สึกนั้นถูกโจมตีจนพ่าย  แล้วสติลางเลือนก็ดับวูบลงจากความเหนื่อยอ่อน

ชายหนุ่มยกยิ้มเปี่ยมสุข  นิ้วเรียวเกลี่ยเส้นผมที่ยุ่งเหยิงเปียกชื้นอย่างรักใคร่  กดจูบหน้าผากมน  ปรางแดงเรื่อและสุดท้ายที่ริมฝีปากบวมช้ำแล้วค่อยเคลื่อนกายออก  ตระกองกอดร่างเล็กแล้วจัดท่ารั้งให้นอนซบอกแล้วกอดแน่นด้วยความสุขเอ่อล้น    ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มกว้างกดจูบหน้าผากเนียนอีกครั้ง  กอดก่ายคนรักเอาไว้แล้วพลันนึกถึงกวีบทหนึ่งขึ้นมาก็ให้รู้สึกขัดเขิน  กระนั้นก็ยังหัวเราะแผ่วด้วยว่ามันช่างตรงยิ่งนัก



พระกอดช้อนกรต้องประคองเชย           ต่างไม่เคยขามเขินเผอิญเป็น
กระดี้กระดิกพลิกเพลี่ยงเบือนเบียงบิด            เหมือนเรือติดตมตื้นจะขืนเข็น
แต่สาวหนุ่มชุ่มชื่นระรื่นเย็น               บังเกิดเป็นอัศจรรย์ไม่ทันรู้
ด้วยรวดเร็วเปลวไฟประลัยราค           เหมือนขึ้นปากนกหินใส่ดินหู
พอลั่นฉับสับไกก็ไฟพรู                เสียงฟุบฟู่ฟุ้งฟูมดังตูมตึง
ต่างละเลิงเชิงชมภิรมย์รื่น                 อันรสอื่นหรือจะเปรียบประเทียบถึง
นางเมียยั่วผัวเย้าเฝ้าเคล้าคลึง           จนเหนื่อยจึงเคลิ้มหลับระงับไปฯ



ร่างเล็กพลิกกายขยับ  คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อความเจ็บแล่นปราดจากเบื้องล่างจนต้องนอนนิ่ง  ความร้อนจากผิวหนังทำให้เขาชะงักมอง  แล้วจึงเห็นว่าตนเองนอนอยู่บนร่างเปลือยของใครบางคนและตัวเขาเองก็ไร้ซึ่งอาภรณ์ติดกายเช่นกัน  ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นจนทำให้เขาหมดสติไป  เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วค่อยยันกายขึ้นหากยังไม่ทันได้ลุกขึ้นนั่งก็โดนรั้งให้นอนลงตามเดิมพร้อมกับฝ่ามือร้อนที่ลากไล้แผ่นหลังเปลือยเปล่า  ระเรื่อยลงต่ำไปยังสะโพกอิ่ม

“ฮื่อ  คุณใหญ่!”  ฝ่ามือเล็กตีลงบนอกกว้างไม่แรงนัก  ส่งผลให้มือร้อนหยุดชะงักตามมาด้วยเสียงหัวเราะทุ้ม  แก้วตาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ยิ้มตาพราวแล้วให้นึกอยากจะชกอีกฝ่ายสักหมัดฐานมีความสุขมากเกินไป

 “ว่ากระไร?”  ยังมีหน้ามาถามอีก!  เด็กหนุ่มดันกายออกห่าง  พยายามจะลุกหนีหากช้ากว่าคนที่จ้องตาวาวอยู่ก่อนหน้าเพราะเมื่อแก้วตายันกายขึ้นแพรเผลาะก็หล่นลงกองยังเอวเล็ก  เผยให้เห็นผิวขาวนวลที่มีร่องรอยแต่งแต้มแดงเรื่อเป็นจุดทั่วอกบาง  คุณพระนายหนุ่มพลิกตัวโถมทับจนเป็นฝ่ายอยู่ด้านบนแทน

“!”  แก้วตาอ้าปากค้างตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว

“น้องจะไปไหน?”

“กลับเรือนซิขอรับ  มืดค่ำป่านนี้แล้ว”  ท้ายเสียงแผ่วลงยามโดนมองด้วยดวงตาพราวระยับคู่นั้น  แก้มเนียนขึ้นสีเรื่อเมื่อสายตาจับภาพอกแกร่งของคนด้านบนอย่างไม่ตั้งใจ  ผิวขาวของชายหนุ่มมีแต่รอยเล็บข่วน  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝีมือใคร

“อีกเดี๋ยวค่อยกลับเถอะนะ”  เสียงทุ้มแหบพร่า  เพราะเมื่อครู่ที่โรมรันพันตูกันนั้นทำให้ร่างกายเปลือยเปล่าของเขาทั้งสองสัมผัสเสียดสีกันและกันเรียกให้ความร้อนแล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์จนยากระงับ  ซ้ำยังร่างอุ่นขาวนวลแดงเรื่อในอ้อมแขนนั้นก็ช่างดูยั่วยวนให้เขาอยากฝากรักอีกสักหลายๆรอบ

แล้วเหตุการณ์เช่นก่อนหน้าก็วนซ้ำอีกครั้ง...


เสียงหวานสะอื้นแผ่วเบาเครือคราง...หากแฝงความซ่านรัญจวนหวามไหวจนเกือบรุ่งสาง..
.
.


แก้วตาไม่มีแรงเหลือพอจะดุคนที่กำลังกกกอดพลางไล่จูบตั้งแต่ไหล่  ซอกคอและข้างแก้มเขาอีกแล้ว  ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายลูบคลำจนหนำใจโดยที่เขาอิงอกกว้างอย่างหมดแรง   

“พอแล้ว  เจ็บ...”  เสียงทุ้มหัวเราะแผ่ว  กระหวัดแขนกอดร่างนวลเนียนอย่างรักใคร่เมื่อคนตัวเล็กเอ่ยท้วง  เขากดจูบขมับชื้นเหงื่อหนักๆเสียทีหนึ่งก่อนจะเลิกก่อกวนร่างอ่อนแรงของคนในอ้อมแขนฝ่ามือเล็กถูกจับพลิกหงายโดยมีมือใหญ่กระชับอีกที  ความเย็นตรงฝ่ามือเรียกให้เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมอง
“เอ๊ะ?”  แก้วตามองของในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งกอดเขาจากทางด้านหลัง

“แหวนวงนี้  พี่อยากให้แก้วตาสวมไว้”  เขาไม่ได้ตอบรับในทันที  มือเล็กยกแหวนขึ้นส่อง  เห็นลวดลายบางอย่างตรงเนื้อด้านในของแหวนจึงก้มลงดู

...ชั่วกัลป์...

“แก้วตาจะรับแหวนวงนี้ไว้ได้ไหม?”  เด็กหนุ่มหันไปมองคนด้านหลังเต็มตา  นิ่งอึ้งเนิ่นนานกว่าจะพยักหน้ารับ  ความรู้สึกเต็มตื้นตีขึ้นจนจุกอก  ดวงตาเรียวรื้นหยาดน้ำเอ่อคลอให้คนด้านหลังกดจูบปลอบประโลม  มือใหญ่หยิบแหวนวงนั้นขึ้นมา  ยกมือซ้ายของคนในอ้อมแขนแล้วบรรจงสวมลงบนนิ้วนาง...ก่อนยกมือข้างนั้นขึ้นจรดริมฝีปาก  กดจูบลงบนนิ้วนางแผ่วเบาแล้วเอ่ยคำที่ผูกมัดเขาไว้ทั้งหัวใจทั้งจิตวิญญาณ

“พี่ขอสาบานว่าความรักของพี่ที่ให้แก้วตานั้น  จะอยู่ไปชั่วกัลป์...”

“ฮึก!”  ไหล่เล็กสะท้านไหว  มือเล็กอีกข้างยกขึ้นปิดปากกักกั้นก้อนสะอื้นหากหยาดน้ำตากลับร่วงพรูไม่ขาดสาย  ชายหนุ่มยกยิ้มบางพลางกระชับอ้อมแขน

“แล้วน้องจะไม่สวมแหวนให้พี่บ้างหรือ?”  คนด้านหลังแบมืออีกข้างออก  เผยให้เห็นแหวนทองอีกวงซึ่งต่างกันเพียงขนาดใหญ่กว่า  บนเนื้อแหวนสลักคำคำเดียวกันไว้เช่นอีกวง  มือเล็กสั่นระริกหยิบแหวนวงใหญ่ขึ้น  รั้งมือขวาของชายหนุ่มไว้แล้วสวมแหวนลงบนนิ้วนาง  กดจูบแผ่วเบาลงบนแหวนเช่นอีกฝ่ายทำ


...ชั่วกัลป์...สลักลึกลงกลางใจ...







คนบนเตียงได้แต่มองร่างสูงที่ทิ้งตัวลงนั่งพร้อมรอยยิ้มกว้างก็ให้นึกหมั่นไส้ขึ้นมาครามครัน

“ยิ้มอะไรนักหนารึขอรับ?”  เสียงหวานสะบัดถาม  จะขยับกายทีก็นิ่วหน้าเพราะระบมไปเสียทั้งตัวซ้ำยังไข้รุม  และต้นเหตุทั้งหมดก็ล้วนแต่มาจากคนที่นั่งยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้าเขานี่

“เปล่านี่”  เขาส่ายหัวปฏิเสธ  แต่สายตาดุที่ไม่ยอมอ่อนลงของเด็กหนุ่มบนเตียงทำให้ต้องถอนหายใจก่อนระบายยิ้ม  “ขอโทษนะเจ้า  เพราะพี่ถึงทำให้เป็นไข้”  เสียงทุ้มทอดอ่อนคนโมโหจึงได้หันหน้าหนี  เพราะความขัดเขินมีมากกว่า

แก้วตาจ้องมองแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังเตรียมข้าวต้มปลาให้เขาพลันในอกจึงอุ่นซ่าน  หรุบสายตาลงมองแหวนทองบนนิ้วนางซ้ายของตนแล้วก็ให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ

“คุณใหญ่”

“หืม?”  ชายหนุ่มวางชามข้าวต้มหันมามองคนบนเตียง  “อ้าว  หน้าแดงเชียว  ไข้ขึ้นอีกแล้วรึ?”  มือขาวแตะหน้าผากเนียนเพื่อวัดไข้  แก้วตาส่ายหัวแล้วจับมืออีกฝ่ายไว้

“ขอบคุณนะขอรับ”

“?”

“ขอบคุณที่รักแก้วมากขนาดนี้”  เด็กหนุ่มรั้งฝ่ามือหนาให้แนบแก้มตัวเองแล้วหลับตาซึมซับความอบอุ่นนั้น

“พี่เองก็ขอบคุณแก้วตาเช่นกัน  ขอบคุณที่ให้พี่ได้รักเจ้าแบบนี้”  ชายหนุ่มโน้มกายลงกดจูบบนริมฝีปากนิ่มแผ่วเบา  เจือความรู้สึกรักส่งผ่านแล้วผละออก  มือขวาที่สวมแหวนรั้งมือซ้ายของคนบนเตียงขึ้นกดจูบตรงนิ้วนางเร็วๆก่อนจะยิ้มกว้าง  แก้วตาหัวเราะกับท่าทางนั้นแล้วเลียนแบบอีกคนโดยการรั้งมือขวาของคนตัวโตขึ้นจูบตรงนิ้วนางข้างนั้นเร็วๆแล้วผละออกบ้าง



**********



ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3



ท่านเจ้าพระยานั่งเงียบ  มองบุตรชายคนโตตรงหน้าที่มองสบตาไม่หวั่นเกรงแล้วถอนหายใจ  ทั้งหนักใจด้วยไม่รู้ว่าจะเอาประโยคเมื่อครู่ไปบอกบุตรสาวคนเดียวอย่างไรฝ่ายนั้นถึงจะเสียใจน้อยที่สุด  ท่านรู้ว่าใจจริงของบุตรชายบุญธรรมนั้นเป็นอย่างไร  และใจของโสภีนั้นเป็นอย่างไร

“ใครกันที่ทำให้เจ้าถึงกับกล้าปฏิเสธงานแต่งครั้งนี้”

“....”  คุณพระนายไม่ตอบคำ

“หากไม่เหมาะสมกันก็อย่าคิดว่าพ่อจะยอมให้ลงทะเบียนรับเป็นเมียง่ายๆ”  คุณพระนายหนุ่มซึ่งตอนนี้มียศเป็นพระตำรวจถึงกับนิ่งอึ้ง  ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดถึงปัญหานี้  แต่เพราะคิดนั่นแหละจึงได้หนักใจอยู่ 

 “ถึงอย่างไรเสียลูกก็คงไม่แต่งงานกับโสภีอยู่ดีขอรับ”

“เอาเถอะ  พ่อจะยอมพักเรื่องนี้ไว้ก่อนก็แล้วกัน”  คำว่าพักไว้ก่อน  ไม่ได้หมายถึงจะยอมให้ตลอดไปถึงกระนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มได้  เขาตั้งใจปฏิเสธไปเรื่อยๆ  หรือจนวันหนึ่งโสภีอาจแต่งงานกับคนอื่นไปเขาก็ไม่ต้องหนักใจอีก

คุณพระนายหนุ่มลงเรือนไปด้วยหัวใจลิงโลด  ช่วงหลายเดือนมานี้เขามักจะไปอยู่เรือนหลังเล็กของแก้วตาแทบจะทุกวัน  บางครั้งมีงานที่เอากลับมาทำได้เขาจะให้แสนแบกไปให้แล้วนั่งมองคนตัวเล็กวาดรูปบ้าง  ซ้อมเพลงบ้าง  พอตกกลางคืนเวลาแม่พยอมไม่อยู่เขาก็หาเรื่องแกล้งคนน่ารักให้ได้ส่งเสียงแว่วหวานครางเครือข้างหูจนหมดสติไปในอ้อมแขนของเขาก็บ่อยครั้ง

คุณพระนายหนุ่มกุมมือขวาตัวเองแล้วคลึงแหวนที่นิ้วนางด้วยหัวใจเบิกบาน  ยามนึกถึงว่าตอนนี้แก้วตากำลังทำอะไรอยู่  ไปไหนมาบ้าง  คิดถึงเขาบ้างไหม  ก็ยิ่งมีความสุข  จนแสนซึ่งเดินมาจากเรือนพร้อมกับนมแย้มถึงกับส่ายหัว  กระนั้นแสนก็ยังยิ้มตามคนเป็นนายอยู่นั่นเอง
.
.


ฝนแล้งทิ้งช่วงห่าง  เรือนขาวเพิ่งแล้วเสร็จหากวันฤกษ์งามยามดีในการทำบุญนั้นเห็นจะเป็นใกล้สิ้นปี  คุณพระนายหนุ่มถึงกับหงุดหงิดหนักเพราะรู้สึกว่ามันช่างยาวนานนักเมื่อเทียบกับความร้อนรุ่มในอก  เขาอยากจะอยู่กับแก้วตาทุกเมื่อทุกวันเวลา  แค่เท่าที่ได้ยังไม่เพียงพอนักหรอกเมื่อเทียบกับความรักที่มันสุมอกอยู่ในตอนนี้  เขาอยากแบ่งปันทุกสิ่งอย่างร่วมกับเด็กหนุ่ม  ไม่ว่าจะความสุข  ความทุกข์  รอยยิ้ม  เสียงหัวเราะ  หรือน้ำตา  อยากกอดอีกฝ่ายยามเข้านอน  ตื่นลืมตาก็มองหน้าอีกฝ่ายในอ้อมแขน  กระซิบบอกรักทุกวัน  แบ่งปันลมหายใจภายใต้ชายคาเดียวกัน
...ที่เรือนขาว  ที่เรือนของเรา...

เพราะความรู้สึกนั้นยังค้างอยู่ในใจ  เมื่อชายหนุ่มมาถึงเรือนหลังเล็กแล้วแสนยื่นจดหมายงานให้เขาจึงขมวดคิ้วไม่พอใจ  ดูเหมือนว่าตั้งแต่เปลี่ยนยศเป็นพระตำรวจเขาก็มีหน้าที่คอยดูแลกองตระเวนทั้งหมด  คราวนี้อาจจะต้องไปราชการหลายวัน  ซึ่งนับแต่วันที่ได้กอดแก้วตาคราวแรกเขาก็ไม่ได้ไปราชการที่ไหนมากกว่าสองวันเลยสักครั้ง

“น้าพยอมจ๋า”  แสนเรียกเสียงยาวเมื่อเห็นว่าแก้วตาอยู่กับใคร  เขาถลาเข้าไปกอดแขนอีกฝ่ายพลางยิ้มกว้าง

“ว่าอย่างไรพ่อ?  กระแซะแบบนี้จะอ้อนอะไร?”  พยอมหัวเราะกับท่าทางนั้นพลางไอโขลกด้วยร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิม

“น้าพาฉันไปเที่ยวตลาดได้ไหมจ๊ะ  เห็นว่ามียี่เกคณะใหม่มาเปิดงาน”  พยอมเหลือบตามองคุณพระนายและลูกชายก็เข้าใจเจตนาของคนชวนก่อนจะรับปากตกลง
.
.


หลังจากกอดเด็กหนุ่มเนิ่นนานหลายครั้งจนอีกฝ่ายอ่อนแรงซวนซบอยู่บนอกเขา  ร่างสูงก็ยังคงตระกองกอดอีกฝ่ายไว้ไม่ปล่อยเพราะว่าหลังจากนี้คงอีกหลายวันกว่าเขาจะได้กลับมากอดคนน่ารักอีกครั้ง  คราวนี้ขอตักตวงตุนเอาไว้ก่อนคงไม่เสียหายนัก  ฝ่ามือร้อนลากผ่านหลังเนียนเปลือยเปล่าอย่างเบามือ  หากไม่ได้คิดจะปลุกเร้าอย่างเช่นก่อนหน้า  เขาแค่เพียงอยากสัมผัสและกอดแก้วตาเอาไว้อย่างนี้เรื่อยไปและตลอดไป...

เรือนผมสีขนกาตอนนี้ยาวถึงกลางหลังถูกนิ้วแกร่งสางเล่นอย่างเพลินมือตัดกับผิวขาวละเอียดเรียบลื่น  คุณพระนายกดจูบเรือนผมหอมกรุ่นระเรื่อยถึงหน้าผากมน  ข้างแก้มแล้วเชยคางให้คนในอ้อมแขนเงยขึ้นสบตา
ดวงหน้าเนียนระเรื่อแดง  ดวงตาหวานซึ้ง  ริมฝีปากสีชาดบวมช้ำ  ยิ่งพิศยิ่งชวนให้รักใคร่เป็นนักหนา  แก้วตาที่อ่อนหวานในขณะเดียวกันก็เข็มแข็ง  แก้วตาคนเก่งในบางครั้งก็อ่อนไหว  แก้วตาที่แก่นเซี้ยวในบางทีก็หวานล้ำ  เขาต้องเอ่ยสักกี่หมื่นครั้งถึงจะสมกับความรู้สึกที่มากมายนี้
รัก
รัก...


“พี่รักเจ้า  แก้วตา  บอกพี่หน่อยได้ไหม  ว่าเจ้าเองก็คิดเช่นเดียวกัน”  เขาถามเพราะไม่ว่าจะหลอมรวมร่างกายกับแก้วตากี่ครั้ง  อีกฝ่ายก็ยังไม่เคยพูดให้ได้ยินเลยว่า  รัก...

“....”

“ไม่ได้หรือ?”  ชายหนุ่มถอนหายใจ  แม้แต่เวลาถูกเขากลั่นแกล้งถึงที่สุดของห้วงแห่งอารมณ์อีกฝ่ายก็จะรั้งเขาเข้าไปจูบเพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอพูดอะไรออกมา

“แค่แสดงออกเท่านี้ยังไม่พออีกหรือไง?”  เสียงแหบหวานเอ่ยแผ่วเบา  เจ้าของริมฝีปากสีชาดก้มหน้าซ่อนแก้มแดงระเรื่อของตนจนคางชิดอก

“ถึงจะรู้แต่พี่ก็ยังอยากได้ยินจากปากของน้องอยู่ดี  พูดให้พี่ฟังหน่อยซิ?”  น้ำเสียงออดอ้อนเอ่ยชิดริมหู  ปลายจมูกโด่งเฉียดผ่านแก้มเนียนให้ร้อนผ่าวยิ่งขึ้น

“ถ้ากลับมา...”

“หืม?”

“ถ้ากลับจากราชการคราวนี้จะบอก  จะพูดให้ฟัง”

“จริงรึ?”  เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น  ทีแรกตั้งใจจะเลิกหวังเพราะไม่อยากบังคับ  แค่มีแก้วตาอยู่ในอ้อมกอดเขาแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว  ถึงไม่ได้ยินคำว่ารักตอบกลับมาก็ไม่เป็นไร

“อืม”

“สัญญานะ  กลับมาจากราชการคราวนี้พี่จะได้ยินคำนั้นจากแก้วตา”  ชายหนุ่มเอ่ยขอคำสัญญา  คนในอ้อมแขนยิ้มกว้างซบใบหน้ากับอกแกร่งซ่อนความขัดเขิน

“สัญญา  ถ้าคุณใหญ่กลับมาแก้วจะพูดให้ฟัง”





แม้นเป็นไม้ให้พี่นี้เป็นนก              ให้ได้กกกิ่งไม้อยู่ไพสัณฑ์
แม้นเป็นนารีผลวิมลจันทร์           ขอให้ฉันเป็นพระยาวิชาธร
แม้นเป็นบัวตัวพี่เป็นแมงภู่           ได้ชื่นชูสู่สมชมเกสร
เป็นวารีพี่หวังเป็นมังกร                  ได้เชยช้อนชมชเลทุกเวลา
แม้นเป็นถ้ำน้ำใจใคร่เป็นหงส์           จะได้ลงสิงสู่ในคูหา
แม้นเนื้อเย็นเป็นเทพธิดา           พี่ขออาศัยเสน่ห์เป็นเทวัญ









โปรดติดตามกาลต่อ...




คุย:  ตอนหน้า  และตอนต่อไปก็จบแล้วค่าาาาา


ขอโทษที่หายไปนานนะคะ :mew2:  เพราะรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความสุข...ก็เลยทำอะไรไม่ได้เลยล่ะค่ะ
อีกอย่างทำงานจนหัวฟูไปหมดแล้ว   เล้าไม่ได้เข้า  คอมพ์ไม่ได้แตะเลย

ขอโทษจริงๆนะคะ

ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
หากมีข้อผิดพลาดอะไรยังไงสามารถชี้แนะบอกกล่าวกันได้เช่นเคยนะคะ

ขอบคุณค่ะ
ทราย...

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ตอนนี้อ่านไปซับเลือดไป คุณใหญ่กับแก้ว................สุดยอด

เนื้อเรื่องใกล้จบแล้ว ใจหายจังเลยจ้า

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
กำลังระทึกได้ที่เลยค่ะ  จะรออีกสองตอนที่เหลือนะคะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า
 :L2:

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
เง้อ ต้องไปทำฟันก่อนค่ะ แล้วจะมาตามอ่านนะคะ

เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ คุณทรายสู้!   :กอด1:   :L1:

.................

นี่คือก่อนที่โสภีจะรู้ว่าตนเองถูกปฏิเสธสินะ
รออีกสองตอนอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ   :n1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2014 14:57:21 โดย cinquain »

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
นี่หรือเปล่าที่ดึงคุณพระนายไว้เพราะสัญญาก่อนจากนี่เอง
เกลียดโสภีจริงๆเลย ตามมาจองเวรแม้นแต่ภพนี้

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ต่อ---ตอนนี้ยาวจุใจเลย

แล้วอยู่กันคนละภพจะจบยังไงล่ะเนี่ย
หรือว่าต้องรอจนกว่าจะได้กลับมาเจอกันใหม่ในชาติต่อๆไป

+ 1 + เป็ดจ้า

ออฟไลน์ omyim_jjj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
คนเขียนสู้ๆนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด