ตอนที่ 4
หลังจากที่พี่ดินมันเปลี่ยนแปลงตัวเองจนใครต่อใครตกอกตกใจ เพียงไม่นานผมก็เห็นรูปของพี่มันขึ้นในเพจทำเนียบหนุ่มหล่อของมหาลัยอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มันขึ้นแท่นสามีของมหาลัยแล้วครับ แถมมันยังเป็นที่หมายปองอันดับหนึ่งของสาวๆไปแล้วด้วย เดินไปไหนสาวๆก็ตามกรี๊ดอย่างกับโอปป้าเกาหลี
แถมความหล่อของมันก็ไม่ธรรมดานะครับ เพราะมันดันไปทำตัวสะดุดหูสะดุดตาเด็กนิเทศการแสดง ถึงขนาดมาตามอ้อนวอนขอให้มันไปเป็นพระเอกละครเวทีปีนี้ แต่พี่ดินมันก็ปฏิเสธเขาตลอด ปฏิเสธจนความซวยมันมาตกอยู่ที่ผม เพราะรุ่นพี่ในคณะมันดันรู้ว่าผมกับพี่ดินรู้จักกัน คือจะไม่ให้พวกพี่มันรู้ได้ยังไง ก็ผมเล่นซ้อนท้ายรถพี่ดินมันมามหาลัยเกือบทุกวัน ตอนแรกกะจะไม่มากับมัน เพราะกลัวเป็นประเด็นร้อน แต่มันยกเอาคำสัญญาที่ผมบอกว่าจะเป็นไม้กันหมาขึ้นมาขู่ ผมก็เลยต้องจำใจ
ช่วงแรกๆ ก็วุ่นวายครับ มีแต่คนเข้ามาถามว่าผมกับพี่ดินเป็นอะไร ผมเลยได้แต่ตอบพวกเขากลับไปว่า
อ๋อ เป็นพี่น้องกันครับ รู้จักเพราะบ้านอยู่ข้างกัน ไม่มีอะไรในกอไผ่แน่นอนครับ ตอนนี้ผมขอโฟกัสเรื่องเรียนกับเรื่องงานก่อน ผมโสดครับ โสดร้อยเปอร์เซ็นต์ผมตอบแบบนี้ทุกครั้งที่มีคนมาถาม ทำเอาคนฟังรู้สึกหมั่นไส้จนตอนนี้พวกเขาเลิกถามผมไปเลย
และชีวิตตอนนี้ของผมก็ยังต้องยุ่งวุ่นวายเหมือนเดิม แถมอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะต้องทำหน้าที่เป็นไม้กันหมา แถมยังต้องมานั่งพูดปากเปียกปากแฉะ อ้อนวอนแทนรุ่นพี่เอกการแสดง ขอร้องให้พี่มันไปเป็นพระเอกละครให้พวกเขาอีก
“พี่ไม่สนใจที่จะแสดงละครจริงๆอ่ะ” ผมนั่งกินไอติมอยู่ตรงโต๊ะหน้าบ้านพี่ดิน โดยที่สายตาก็มองไอ้พี่หน้าหล่อที่เอาแต่อาบน้ำไก่ แกล้งทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินที่ผมถาม แหมวันนี้ทำมาเป็นหยิ่ง ไม่คุยกับผม!
“พี่ดิน ผมถามว่าพี่ไม่อยากเป็นพระเอกเหรอ”
“...”
“พี่ดิน ตอบผมหน่อยดิ”
“...”
“ไม่อยากเป็นพระเอกเหรอ”
“ไม่”
“แต่ผมว่าพี่หล่อนะ หล่อมากจนน่าไปเป็นพระเอก”
“กูบอกว่าไม่ไง มึงนิน่ารำคาญ”
“พี่พระเอกใจร้าย”
“เดี๋ยวกูถีบ”
“พี่พระเอก วันนี้มีเรียนป่ะ”
“ไม่”
“พี่พระเอกกินติมม่ะ”
“ไม่”
“นี่พี่พระเอกจะถามคำ ตอบคำกับผมใช่ไหม”
“เออ”
“โกรธอะไรผมเนี่ย”
“โกรธทุกอย่าง!... และจะเลิกพูดกับมึงด้วย ถ้ายังไม่เลิกเรียกกูว่าพี่พระเอก”
“งื่อ ผมทำอะไรผิดอ่า”
“เกลียดเสียงงื่อของมึงจริงๆ” พี่มันมองค้อนผมครับ ก่อนจะเปิดปากบ่นผมต่ออีกรอบ
“กูไม่น่าเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะคำพูดมึงเลย วุ่นวายชิบหาย”
“อ้าวทำไมอ่ะ เปลี่ยนตัวเองก็ดีแล้ว หล๊อหล่อ”
“ก็เพราะเปลี่ยนตัวเองไง เลยทำให้ชีวิตของกูช่วงนี้รู้สึกวุ่นวายไปหมด มีแต่คนอยากจะเข้ามาทำความรู้จัก แล้วมึงดูโทรศัพท์กู สั่นอยู่บนโต๊ะอย่างกับเต้นสามช่า คนโทรหากูทั้งวัน”
“ก็ดีไงได้มีเพื่อนคุย รับดิ”
“รับบ้านพ่องดิ กูเบื่อ!... มึงไปทำยังไงก็ได้ให้พวกเขาหยุดโทรหากูที่ดิ”
“ปิดไปดิ”
“เดี๋ยวที่บ้านกูโทรมา ทำไงอ่ะ”
“เปลี่ยนเบอร์”
“เลขมันสวยแล้ว”
“แล้วพี่จะให้ผมช่วยยังไง ไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้” ผมมองมันอย่างไม่เข้าใจ พอหล่อเข้าหน่อยทำเป็นเรื่องมาก
“กูจะรู้เหรอ มึงบอกกูเองนะ ว่าจะเป็นไม้กันหมาให้กู..ไป ไปทำหน้าที่เลย”
“โอเคๆ ก็ได้” ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู อือหื้อ 96 สายไม่ได้รับ และเพียงไม่นานก็มีเบอร์แปลกๆโทรเข้ามาอีกครั้ง ผมเลยตัดสินใจกดรับ
“สวัสดีครับ”
[นั่นดินใช่ไหม]
“ไม่ใช่ครับ”
[อ้าว แล้วมารับโทรศัพท์ดินได้ไง]
“อ๋อ พอดีเป็นน้องของพี่เขาครับ มีอะไรรึเปล่า”
[ไปเรียกดินมาคุยหน่อย]
“พี่ดินไม่ว่างทำงานอยู่”
[แล้วเมื่อไรดินจะว่าง!!! ไปเรียกดินมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้] ผมยกโทรศัพท์ออกจากหู อิเจ้นิเป็นใครกันทำไมเกรี้ยวกราดแบบนี้
“ชาติหน้าพี่ดินถึงว่าง แค่นี้นะครับ” พูดเสร็จเสียงกรี๊ดก็ดังลั่นออกมาจากทางปลายสาย อือหือถ้ากดวางช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เสียงกรี๊ดของยัยเจ้มันคงทำขี้หูผมเต้นระบำแน่
“มึงนิมันแสบจริงๆ” ไอ้พี่ดินหัวเราะผม มันยังคงปล่อยให้ผมรับโทรศัพท์ของมันไปเรื่อย ส่วนตัวมันก็เดินไปถอนหญ้าปลูกผักบนแปลงเล็กๆที่อยู่ข้างบ้านของมันต่อ บ้านเช่าของพวกพี่ดินกว้างกว่าของผมอยู่นิดนึง ด้านนอกตัวบ้านยังมีเนื้อที่เยอะพอสมควร เยอะพอที่จะทำให้พวกๆพี่เขา เลี้ยงนก ตกปลา ปลูกผัก ทำสวนทำไรของมันได้ ถึงแต่ละอย่างที่มันทำจะดูเป็นไซส์มินิก็เถอะ แปลงเล็กๆ บ่อเล็กๆ น่ารักๆ ขัดกับหน้าตาของพวกพี่มัน
ผมเลิกสนใจมองไอ้พี่ดินมัน แล้วกลับมาสนใจโทรศัพท์ที่อยู่ในมือต่อ ตอนแรกผมก็กะจะรับแบบใจเย็น แต่พอเริ่มรับไปเรื่อยๆ ชักมีน้ำโห มึงจะโทรอะไรกันหนักหนา โทรแบบถี่หยิบจนเครื่องสั่นเป็นเจ้าเข้า แล้วคำถามแต่ละอย่าง ก็ไม่มีห่าอะไรเลยนอกจาก ดินอยู่ไหน ดินทำอะไรอยู่ และผมเป็นอะไรกับดิน วนแม่งอยู่สามคำถามเดิมๆ ผมล่ะอยากจะอัดเสียงเอาไว้ แล้วให้มันตอบกลับอัตโนมัติเลย ให้ตายเถอะ
“พวกสาวๆไม่โทรมาแล้วเหรอ” พี่ดินมันเดินมาหยุดตรงหน้าผม ในมือมันถือพลั่วเล็กๆไว้อันหนึ่ง
“โทรมาดิ โทรมาไม่หยุดเลยเนี่ย”
“แล้วทำไมไม่รับ”
“เหนื่อย ขอพักก่อน”
“เฮ้ย ทำหน้าที่ให้มันเต็มร้อยหน่อยดิ ใครบอกว่าถ้ากูเปลี่ยนแปลงตัวเองมันจะยอมเป็นไม้กันหมาให้กู”
“เออก็ทำอยู่นี่ไง แต่สาวๆพี่ โทรมาไม่หยุดเลย ดูเนี่ย!โทรมาอีกแหละ” ผมโชว์หน้าจอมือถือให้พี่มันดู ก่อนจะกดรับด้วยความโมโห
“สวัสดีครับ”
[นั่นใคร]
“เมียดิน!!!”
พูดเสร็จผมก็กดวาง ก่อนจะเงยหน้ามองพี่ดินที่ตอนนี้มันทำหน้าตาตื่นตกใจ
“โทษนะพี่ ที่ต้องสมอ้างว่าเป็นเมีย ไม่งั้นแม่งก็โทรซ้ำๆย้ำๆ อยู่นั่นแหละน่าโมโห”
“ก็... ก็ไม่ได้ว่าอะไร ตอบไปเถอะ”
“แล้วนี่พูดติดอ่างทำไม เอ้า!เอามือเช็ดจมูกทำไม เปื้อนหมดแล้ว พี่นิมันป้ำๆเป๋อๆเหมือนกันนะ” ผมลุกขึ้นไปปัดดินที่จมูกให้พี่มันอย่างลืมตัว ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นพี่มันจ้องมองผมแบบไม่วางตา
“จะ..จ้องทำไมเนี่ย มีอะไรติดหน้าผมรึไง”
“ไม่มี แค่อยากรู้ว่า ทำไมหน้ามึงเหมือนหมาแท้ว่ะ” พูดเสร็จพี่มันก็ผลักหัวผม จนผมเกือบเซ
“หน้าผมเหมือนหมา หน้าพี่ก็เหมือนหมาแบบผมนั่นแหละ”
“ไอ้เด็กนี่ เถียงคำไม่ตกฟาก” พี่ดินมันหยิบพลั่วขึ้นมาจะตีผม แต่ผมวิ่งไปหลบที่หลังโต๊ะก่อน
“นี่พี่ดิน คงไม่โกรธผมนะที่ผมตอบไปแบบนั้นอ่ะ”
“จะโกรธทำไมอ่ะ นั่นมันหน้าที่มึงนิ”
“โอ๊ย คนนี้โทรมาอีกแล้วอ่ะ ดูดิพี่ดิน คนนี้โทรมาสองสามรอบแล้วเนี่ย ผมเบื่อจริงๆ” ผมเดินหงุดหงิดไปทางพี่มัน ก่อนจะโชว์หน้าจอให้อีกฝ่ายมันดู
“ดะ... เดี๋ยว คนนี้อย่างเพิ่งกดรับ” ไอ้พี่ดินมันเดินมาใกล้ผม ก่อนจะชี้ให้ผมยื่นโทรศัพท์มาให้มันดู เพราะว่ามือมันเปื้อนมันเลยจับโทรศัพท์ไม่ได้
“คนนี้ทำไมอ่ะพี่... พี่เมมชื่อไว้แค่สระ
แ คนนี้สำคัญเหรอ”
“อือ มึงรับไปกี่หนแล้ว!”
“สองหน ก่อนหน้านี้ กับเมื่อกี้”
“กูอยากจะบ้าตาย”
“อะไรอ่ะพี่ คนนี้ใคร คนสำคัญเหรอ”
“โอเค กูขอหายใจเข้าลึกๆแปบ” ผมเห็นพี่ดินมันทำสีหน้าวิตกกังวล ผมก็ชักจะเริ่มจะกลัวขึ้นมาแล้วแหละ
“คนนี้ทำไมอ่ะพี่”
“คนนี้แม่กู!!!”
พี่ดินรีบเดินไปล้างมือ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในมือผมออกไปโทรหาแม่ของเขา คือพี่มันจะมาโกรธผมไม่ได้นะเว้ย ก็เล่นเมมชื่อแม่ตัวเองไว้แค่สระแอ แล้วใครมันจะไปรู้ละ ว่านั่นเป็นแม่ของพี่มัน ผมมองตามร่างสูงที่เดินไปเดินมาตรงสวนข้างบ้าน แอบได้ยินไอ้พี่ดินมันคุยกับแม่แล้วรู้สึกขนลุกเบาๆ
เสียงอีกฝ่ายมันดูอ้อนผิดปกติมากเลย ไม่ยักจะรู้ว่าไอ้พี่ดินมันเป็นคนอ้อนแม่เก่งขนาดนี้ ดูแต่ละประโยคของมันดิโคตรน่าขนลุกเลย
“โธ่แม่ ผมคิดถึงแม่เสมอล่ะ”
“รัก รักมากอยู่แล้ว รักคนเดียว”“ครับ”
“เดี๋ยวผมโทรไปใหม่นะ ช่วงนี้ก็เรียนหนักอยู่ เข้าแล็ปเหมือนเด็กวิทย์เลย”
“ไม่ติดเอฟหรอก โธ่แม่ก็พูดไป”
“เดี๋ยวปิดเทอมผมกลับไป”
“ครับ”
“เดี๋ยวผมพาไปแนะนำ อือ น่ารัก”
“ครับๆ งั้นแค่นี้นะแม่ สวัสดีครับ”“มึงแอบฟังกูคุยเหรอ” ร่างสูงเดินมาประชิดผมที่บ่อปลาเล็กๆ หน้าบ้าน
“ไม่ได้แอบฟังสักหน่อย ผมแค่ว่างเลยเดินเอาอาหารมาให้ปลาเท่านั้นเอง”
“นึกว่าแอบฟัง”
“ใครมันจะไปอยากรู้เรื่องของพี่ ผมไม่ได้เป็นคนขี้เสือกขนาดนั้น”
“หืม ว่าตัวเองทำไมล่ะ”
“ไอ้พี่ดิน!!”
“เสียงมึงจะแหลมไปไหน”
“พี่ดิน ผมขอถามอะไรหน่อยนะ ทำไมพี่เมมชื่อแม่พี่แบบนั้นอ่ะ”
“คือกูจะพิมพ์ว่าแม่นะ แต่ตอนนั้นโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ไว้ใช้เมมเบอร์หน้าจอมันดันแตกไปครึ่งหนึ่ง กูเลยพิมพ์ได้แค่นั้น พอเปลี่ยนเครื่องใหม่ก็ไม่ได้แก้ ลืม”
“เอ้า!ซะงั้นอ่ะ”
“คนอื่นมาเห็นก็เข้าใจผิดแย่”
“ไม่มีใครมาจับโทรศัพท์กูหรอก มึงคนแรก”
“...” เอาอีกแหละ พี่มันพูดให้ผมรู้สึกแปลกอีกแล้ว
“เออ ไปหาไรกินกันม่ะ กูเริ่มหิวแล้ววะ”
“พี่ก็ทำกินเองดิ”
“กูทำอาหารไม่เก่ง”
“ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ทำอาหารไม่เก่ง ผมก็หลงคิดไปเองว่าพี่ทำอาหารอร่อยแน่ๆ เพราะเห็นพี่ภูพี่เมืองทำอาหารโคตรเก่ง”
“กูไม่ถึงขั้นไอ้พวกนั้นหรอก ต้มมาม่าทอดไข่ได้ก็เก่งแล้ว”
“เรียนเกษตรทั้งที่ นึกว่าจะเก่งด้านงานครัวด้วย”
“เรียนเกษตรไม่จำเป็นต้องทำกับข้าวเก่งเว้ย”
“แต่ผมขี้เกียจไปอ่ะ ให้พี่ภูพี่เมืองมาทำให้กินดิ”
“มึงนั่งอยู่กับกูตั้งนานสองนาน เห็นหัวไอ้พวกนั้นไหม”
“เออว่ะ แล้วพี่เขาไปไหนกันอ่ะ”
“มันไปช่วยงานอาจารย์ที่ฟาร์ม”
“ว้าว ที่มหาลัยมีฟาร์มด้วยเหรอ”
“มีดิ เอาไว้เรียน”
“แล้วทำไมวันนี้พี่ไม่ไปช่วยอ่ะ”
“วันนี้กูอยากพัก เลยไม่ไป”
“เสียดาย ผมอยากไปดูอ่ะ”
“เอาดิ ถ้ามึงสนใจเดี๋ยวกูพาไปก็ได้ แต่ตอนนี้ไปกินข้าวกับกูก่อน”
“ผมยังไม่หิวเลย พี่ไปกินเถอะ”
“คือกูก็อยากจะไปเองนะ ถ้าไม่ติดว่าเวลาแห่งการรับประทานอาหารที่แสนจะมีความสุขของกูมันจะต้องวุ่นวาย เพราะมีไอ้หมาที่ไหนไม่รู้มาให้กูเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนความอิสระของกูหายไปหมด”
“โอเคๆ ไม้กันหมาๆ”
“เข้าใจก็ดีแล้ว”
“งั้นขอเปลี่ยนกางเกงก่อน”
“เปลี่ยนทำไม”
“กางเกงขาสามส่วน กับเสื้อยืดย้วยๆตัวใหญ่ของผมมันดูบ้านๆไปวะ”
“จะใส่สูทผูกไทป์ไปนั่งแดกข้าวข้างทางกับกูเหรอ”
“ทำไมปากร้าย เอาเถอะสภาพเสื้อยืดดำ กางเกงสามส่วนของพี่ก็ดูซกมกไม่ต่างจากผม”
“เด็กอะไรพูดมากจริง” พี่มันเดินไปหยิบเสื้อคลุมแขนยาวสีดำมาใส่ ผมว่ามันคงชอบเสื้อตัวนี้มาก เพราะผมเห็นมันใส่อยู่ตัวเดียว ทั้งตอนไปเรียน ตอนออกไปซื้อของ หรือไปกินเหล้า เคยถามว่าไม่มีเสื้อตัวอื่นเหรอ มันก็บอกว่ามีอยู่สามสี่ตัว แต่ก็เป็นสีเดียวกันหมด ยี่ห้อเดียวกัน และคำตอบพี่มันก็ทำเอาผมอึ้งไปสักพักใหญ่ ไม่คิดว่ามันจะเป็นได้ขนาดนี้
ระหว่างที่ผมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์ พี่ดินมันก็ถามผมขึ้นมาว่าผมอยากกินอะไร
“มึงอยากกินอะไรอ่ะ”
“อะไรก็ได้”
“งั้นข้าวมันไก่ตาบื๋อม่ะ”
“ไม่เอาอ่ะ ผมเบื่อเมื่อวานเพิ่งไปกินกับพวกไอ้สิงห์มา”
“ข้าวซอยร้านป้านิด”
“เลี่ยนวะพี่ หัวกระทิทั้งนั้นเลย”
“ก๋วยเตี๋ยว”
“เบื่อเส้น”
“ข้าวหมกไก่”
“มันก็เหมือนข้าวมันไก่ไหมล่ะ”
“หมูกระทะ”
“ตลก นี่ตอนกลางวันนะ ใครเขากินหมูกระทะกัน”
“งั้นไม่ต้องแดก เดี๋ยวกูจะถีบมึงลงจากรถล่ะ”
“โธ่ ก็พี่ถามผมเอง”
“แล้วใครมันบอกว่ากินอะไรก็ได้ เด็กอะไรเรื่องมากจริง”
“งั้นก็แล้วแต่พี่ล่ะกัน”
“งั้นไปกินอาหารตามสั่ง ตรงซอยสี่”
“ก็ได้”
เพียงไม่นานรถของพี่ดินก็มาจอดอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่ง พอผมเห็นด้านในก็รู้เลยว่านี่มันเป็นถิ่นใคร ถ้าไม่ใช่พวกเด็กเกษตร
“เด็กเกษตรทั้งนั้นเลย”
“ก็นี่ร้านประจำของพวกกู ป้าหมูแกให้เยอะดี”
“ถึงว่า มีแต่เด็กเกษตร”
“กินที่นี้ไม่ค่อยมีคนสนใจกู เพราะรู้จักกันหมดแล้ว”
“แล้วมาบอกให้ผมเป็นไม้กันหมาทำไม ถ้าจะมากินร้านประจำของตัวเอง”
“เลิกบ่น แล้วเดินเข้าไปได้”
พอผมกับพี่ดินเดินเข้าไปในร้านเท่านั้นแหละ เสียงแซวรอบข้างแม่งดังขึ้นเป็นระยะเลย ขนาดสาวๆที่มีอยู่น้อยนิดยังหวีดร้องให้ไอ้พี่ดินกันเบาๆ แต่ละคนหันมามองผมกับพี่เดียวเป็นตาเดียว
“อ้าวไอ้ดิน มึงไม่ได้ไปช่วยพวกไอ้เมืองในฟาร์มหลังมอเหรอวะ” คนที่ทักพี่ดินคนแรกดูเหมือนจะเป็นรุ่นพี่ในคณะ
“ไม่ได้ไปพี่ ปิดเทอมที่ผ่านมา ผมทำมาเยอะแล้ว”
“อ๋อ... เออกูจะถามตั้งแต่เจอมึงที่คณะล่ะ คิดไงไปเปลี่ยนตัวเองเนี่ย เจอคนที่ชอบรึไงมึง” ไอ้พี่คนนั้นหันมามองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“พี่มากินนานยังอ่ะ” ไอ้พี่ดินมันเปลี่ยนเรื่องคุยครับ คงไม่อยากตกเป็นประเด็น
“แหมทำมาเปลี่ยนคำถาม พวกกูมากินนานแล้ว มึงก็ไปสั่งเถอะ กูไม่กวนแล้ว”
“ครับ”
แต่พอพี่มันจะพาผมไปนั่งทางโต๊ะด้านใน ระหว่างทางมันก็ถูกคนนู่นคนนี้เรียกให้หยุดคุยตลอด จนผมชักจะหงุดหงิด เลยต้องเดินนำมันเข้าไปก่อน
“เฮ้ย เด็กมึงงอนวะ”
“ก็พวกมึงชวนกูคุยอยู่ได้ ไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวดิน คนนี้เหรอ”
“คนนี้อะไรของมึง”
“โอเคๆ ไม่พูดก็ได้ เฮ้ยเดี๋ยวมึงกินข้าวเสร็จไปเที่ยวฟาร์มดิ เมื่อเช้าพวกกูรีดนมวัวกัน แม่งโคตรอร่อย”
“ได้ เดี๋ยวกูไป”
“เออ เจอกัน พวกไอ้เมืองแม่งก็นอนเล่นอยู่ที่นั่นแหละ”
“เค”
“ทำหน้าเป็นตูดเลย สั่งไรยังอ่ะ”
“ยัง ผมรอสั่งพร้อมพี่ไง”
“งอนกูเหรอ”
“ผมจะงอนพี่ทำไม”
“ก็เห็นเดินมาก่อน”
“ผมขี้เกียจรอพี่คุยกับเพื่อนต่างหาก”
“หน้าที่ไม้กันหมา คือมึงต้องอยู่ข้างๆกู”
“แต่กับเพื่อน ไม่ต้องก็ได้มั้ง”
“ไอ้แสบเอ๊ย แล้วจะกินอะไรได้สั่งให้”
“อะไรก็ได้”
“งั้นเอาเหมือนกูนะ”
“ครับ”
พออาหารที่พี่ดินสั่งมาถูกเสิรฟ์ที่โต๊ะ ผมก็ได้แต่อึ้ง เพราะข้าวผัดกระเพราหมูกรอบไข่ดาวที่ได้มามันเยอะจนพูนจาน
“ข้าวเยอะมาก ผมจะกินหมดเหรอพี่”
“ลองกินไปก่อน ถ้าไม่หมดค่อยว่ากัน”
“ถ้าไม่หมดช่วยผมนะ”
“เออ”
พอผมตักอาหารเข้าปากคำแรกเท่านั้นแหล ฟินลืม โคตรอร่อยอ่ะ ป้าแกฝีมือดีจริงๆ ฝีมือดีจนผมกินเพลิน กินลืมตัวจนแม่งหมดจาน
“ไหนใครว่ากินไม่หมด... ไหนใครบอกต้องให้กูช่วย ใครวะ” ร่างสูงตรงหน้าแกล้งหันซ้ายหันขวา ทำเป็นมองหาใครบางคน
“ก็ผมแค่เสียดาย”
“ไอ้อ้วนเอ๊ย”
“อ้วนที่ไหน ออกจะหุ่นดี”
“หึ...นี่ยังอยากไปฟาร์มอยู่รึเปล่า ถ้าอยากกูจะได้พาไป”
“อยากดิ เพราะยังไงวันนี้ผมก็ว่างทั้งวันอยู่แล้ว”
พี่ดินมันพาผมขี่รถไปทางฟาร์มหลังมหาลัย ตอนแรกผมก็คะยั้นคะยอให้มันพาผมไปเปลี่ยนชุดก่อนอยากแต่งตัวให้เรียบร้อย เผื่อเจออาจารย์ประจำคณะของพี่มันพวกเราจะได้ไม่โดนดุ แต่พี่มันก็ไม่ยอม พาผมขับรถมาทั้งสภาพโทรมๆแบบนี้แหละ
“ขอไปเปลี่ยนชุดก่อนก็ไม่ได้”
“จะแต่งหล่อไปไหนล่ะ กูพาไปฟาร์ม พาไปลุย ถ้ามึงเปื้อนจะได้ไม่เปลืองชุด”
และไม่นาน พี่ดินก็พาผมมาถึงฟาร์มด้านหลังมหาลัย ผมมองรอบๆอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่ามหาลัยเราจะมีแบบนี้ด้วย ด้านหน้าที่ผมยืนมองอยู่มีทั้ง สวนผลไม้ แปลงนา ไร่ข้าวโพด ทุ่งดอกไม้ แถมยังมีลานกว้างเลี้ยงวัว เลี้ยงม้าด้วย ดูไปดูมาฟาร์มแห่งนี้มีครบทุกอย่าง สมกับที่เป็นสถานที่ให้นักศึกษาได้เรียนรู้
“เดี๋ยวไปเข้าโรงเรือนก่อน ไปเอารองเท้าบูธมาใส่”
“อืม”
พี่ดินหยิบรองเท้าบูธมาให้ผมใส่ แถมยังเอาหมวกสานมาสวมให้ผม พี่แกบอกผมว่าให้ผมใส่เอาไว้ เดี๋ยวพวกหมูในเล้าจะคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน ดูพี่มันพูดได้น่าตบปากมาก เราเถียงกันอยู่พักใหญ่ ก่อนพี่มันจะพาผมเดินดูนู่นดูนี้
“น่าเสียดายไม่ได้เอากล้องมาด้วย” ผมมองธรรมชาติที่อยู่รอบๆตัว มันร่มรื่น ดูแล้วสบายตาไปหมด
“วันหลังกูพามาถ่ายใหม่ก็ได้”
“ต้องพามานะ”
“เออ”
“พี่ดินนี้ลูกอะไรอ่ะ” ผมชี้ไปที่ต้นไม้ข้างทาง ที่ลำต้นมันมีลูกเล็กๆ ติดเต็มกิ่งไปหมด
“ต้นกาแฟไง นี่ไม่เคยเห็นเหรอ”
“ไม่เคย”
“แล้วนู่นอ่ะ”
“ตะลิงปลิง ลองกินได้นะ”
“รสชาติไงอ่ะ”
“ลองสิ จะได้รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง” พี่ดินมันเด็ดลูกสีเขียวที่มีรูปร่างเรียวๆมาให้ผม ก่อนจะจ้องมองผมกินลูกตะลิ่งปลิ่งด้วยสายตาจดจ่อ
“อือออ!!! โอ๊ยยย เปรี้ยว ไอ้พี่ดิน พี่แกล้งผม”
“555 ไม่ได้แกล้ง แค่อยากให้ลองกิน” พี่มันหัวเราะผมครับ หัวเราะหนักมากด้วย
“ไม่เอาแล้ว จะกลับบ้าน”
“โอเค ไม่งอนดิ เดี๋ยวกูให้กินอันนี้”
“อะไรอีกอ่ะ ทำไมลูกมันแปลกๆ” ผมมองลูกดำๆ ลักษณะแปลกๆ ผิวมันตะปุ่มตะปำไม่น่ากินสักเท่าไร
“หม่อน ลูกหม่อน อร่อยนะลองกินดิ” พี่มันยืนตรงหน้าผม ก่อนจะพยักหน้า ผมมันก็บ้าครับ พอพี่มันทำหน้าเหมือนอยากให้ผมลอง ผมก็หยิบมาลองกินจริงๆ และพอเข้าปากเท่านั้นแหละ ลูกหม่อนที่พี่ดินว่ามันก็อร่อยจริงๆ รสชาติมันเปรี้ยวอมหวาน ไอ้พี่ดินมันยังบอกอีกว่ายิ่งสีเข้มเท่าไร ลูกหม่อนยิ่งหวานเท่านั้น ผมเลยลองเด็ดสีเข้มๆมากิน ก็หวานจริงอย่างที่พี่มันว่า
“แล้วนี่อ่ะพี่ดิน” ผมจับมือพี่ดินให้หยุดเดิน ก่อนจะชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่มีลูกห้อยลงมาเหมือนลูกรักบี้
“อ๋อ บักแซว”
“บักแซว?”
“เรียกอีกอย่างว่ามะกอกน้ำ”
“อร่อยไหม”
“เปรี้ยวแถมยังฝาดด้วย ต้องเอาไปแปรรูป เอาไปดองถึงจะอร่อย”
“ผมอยากลองอ่ะ ลูกไหนสุกเหรอ”
“ถ้าสีเข้มๆอ่ะดิบ แต่ถ้าสีอ่อนๆอ่ะใกล้สุก มึงดูนะ” พี่มันคว้ามือผมมาจับไว้ แล้วลากไปที่ใต้ต้นมะกอก
“มีวิธีดูอีกอย่างคือ ถ้ามันมีลักษณะเหมือนลูกรักบี้อ่ะ มันยังดิบอยู่ ถ้าลูกไหนมันบวมๆ ดูไม่เหมือนลูกรักบี้นั่นแหละสุกล่ะ” พี่มันอธิบายให้ผมฟังอย่างตั้งใจ และผมว่านี่มันคงเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของพี่ดิน เพราะเวลามันตั้งใจทำอะไร หรือเวลามันทำอะไรที่ชอบ พี่มันดูน่ามองจนไม่อยากละสายตาไปไหนเลย
“มองมะกอกสิ มองกูทำไม” พี่ดินมันหันมามองผม เราสองคนสบตากันพอดี... บรรยากาศเดดแอร์ไปสิ แล้วหัวใจของผมมันจะเต้นแรงไปถึงไหน ร่างกายแม่งเริ่มทรยศ หน้าเริ่มร้อนใจแม่งสั่น นี่ผมจะเขินพี่มันทำไมเนี่ย
“อ่ะ..มดติดผมพี่อ่ะ” พอผมทำอะไรไม่ถูก ผมเลยแกล้งเปลี่ยนเรื่องเสียเลย
“เหรอ เอาออกให้กูที” พี่มันก้มหัวให้ผม
“ปล่อยมือผมก่อนสิ ผมปัดไม่ถนัด”
“ก็ข้างที่ไม่ได้จับไง”
“พี่หลอกแต๊ะอั๋งผมเหรอ”
“เปล่าสักหน่อย” พอผมพูดแบบนั้นพี่มันก็ปล่อยมือผมทันที ผมเลยรีบปัดมดให้มัน แล้วรีบเดินนำพี่มันไป
“ปัดเสร็จแล้วเหรอ! แล้วนั่นมึงจะรีบเดินไปไหน” พี่ดินเดินตามผมมาติดๆ
“ก็ยืนอยู่เฉยๆ มันร้อนนิหน่า” ผมยกมือขึ้นมาพัดหน้าตัวเอง
“คงร้อนจริงๆ แก้มมึงแดงเป็นลูกตำลึงเลย”
“....” พี่มันจ้องหน้าผม ผมเลยต้องหันหน้าไปทางอื่น แล้วยกมือขึ้นมาพัดหน้าตัวเองไปมาอีกครั้ง อันที่จริงผมไม่ได้ร้อนเพราะอากาศหรอก วันนี้อากาศกำลังสบายๆ แต่ผมร้อนเพราะพี่มันเนี่ยแหละ...
“ถ้าร้อนก็กลับได้นะ” พี่ดินยกมือขึ้นมาช่วยพัดหน้าผมด้วยอีกคน
“ไม่เป็นไร ผมอยากเที่ยวต่อ สนุกดี”
“งั้นเดินต่อ ไม่ต้องกินมันแล้วบักแซวอ่ะ คงโดนมันแซวมากหน้าเลยแดง”
ผมยิ้มเมื่อได้ยินพี่มันพูด คนอะไรเล่นมุขได้โคตรเป็นมิตรกับธรรมชาติมาก
ระหว่างทางที่เราเดินไปด้านใน พี่มันก็ดีนะครับแนะนำนู่นแนะนำนี่ให้ผมรู้จัก อยู่กับพี่มันผมก็รู้สึกสนุกเหมือนกัน มีอะไรทำมากมาย ดูไม่เบื่อดี
“เฮ้ยไอ้ดิน มาได้ไงวะ” พี่เมืองกับพี่ภูและเพื่อนในคณะตะโกนทักพี่ดิน สภาพพวกพี่เขาตอนนี้คือ เสื้อแขนยาวลายตารางกางเกงขาสั้นใส่รองเท้าบูธ แฟชั่นสไตล์คนตัดอ้อยกันมาเลย
“เมื่อกี้เจอพี่ปีสี่กับพวกไอ้พัฒน์ มันบอกให้กูมาเที่ยวฟาร์ม เห็นว่าพวกมึงรีดนมวัวกัน”
“เออ รีดเสร็จแล้วเมื่อเช้า ลองไปชิมดิ ตรงโรงเรือนเล็กอ่ะ” ไอ้เมืองมันชี้ไปทางโรงเรือนเล็กอีกด้าน
“อ้าวฟ้า วันนี้มาเก็บข้อมูลด้วยเหรอ” พี่ภูเดินเข้ามาหาผม
“เปล่า กูชวนมันมาเที่ยวเอง”
“แล่ว แล้วววววววววววววว”
“พาน้องฟ้ามาเที่ยวในฐานะอะไรครับเพื่อน มึงก็รู้ว่าอาจารย์ไม่ค่อยอนุญาตให้พาคนนอกเข้ามาเพราะแกกลัววุ่นวาย แต่ถ้าพามาในฐานะคนรู้ใจ หรือคนให้กำลังใจ อาจารย์แกยกให้เป็นกรณีพิเศษน้า” พี่เมืองมันยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วมองผมกับพี่ดินสลับกันไปมา
“ฐานะอะไรก็เรื่องของกู อย่าเสือก
“กูไม่ได้อยากเสือกสักหน่อย ก็แค่สนใจเรื่องมึงมากเป็นพิเศษเท่านั้นเอง”
“ถ้าเขาไม่ให้คนนอกเข้ามา ทำไมพี่ดินไม่บอกผมล่ะ ผมได้ไม่มา” ผมสะกิดถามพี่ดินมัน
“พวกมันก็พูดกันเกินไป อาจารย์เขาไม่ได้ว่าอะไรหรอก อย่าไปฟังพวกไอ้เมืองมันมาก มันเพ้อเจ้อ”
“แหมมมมมมมม ทำมาเป็นว่ากู”
“เออ แล้วนั่นน้องปีหนึ่งมาทำอะไรกันวะ ถือบัวรดน้ำกันคนล่ะอัน สองอัน” พี่ดินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ผมคิดว่ามันคงไม่อยากโดนเพื่อนๆแซวมาก
“อ๋อ ก็มาเรียนรู้ทักษะเบื้องต้นทั่วไป ปลูกผักปลูกหญ้า จะไปทักทายก็ได้นะ ถ้าพวกรุ่นน้องเห็นหน้ามึงมันจะได้หายเหนื่อย”
“ไม่เอาอ่ะ วุ่นวาย”
“งั้น มึงก็ลองพาฟ้าไปกินนมดิ สดใหม่เลย เพิ่งรีดเมื่อเช้า”
“อือ ก็ว่าจะพาไปอยู่”
“เฮ้ยพาไปดูคอกหมูด้วยก็ได้นะเว้ย วันนี้แม่หมูคอกในสุดเพิ่งออกลูก... ออกมาเป็นสิบตัวเลยมึง”
“โห่ เสียดายกูไม่ได้มาตอนมันออกลูก”
“ก็เสือกอยากพักเอง สมน้ำหน้า”
“ให้กูได้พักบ้างเห๊อะ ช่วงปิดเทอมมึงไปเที่ยวกันสนุก มีกูที่มาช่วยอาจารย์ไม่ได้หยุดเลย”
“จะบอกว่ากูขี้เกียจสินะ มึงจะไปไหนก็ไปเลยป่ะ ไม่อยากคุยล่ะ เสียเวลาทำงานกู”
“เออ! งั้นกูไปแล้ว เดี๋ยวพาไอ้หมาไปลองกินนมก่อน จะได้สูงๆกับเขาบ้าง ”
“ไม่ธรรมดานะครัชชช มีชื่อรงชื่อเรียกประจำตัวกันด้วย”
“ไอ้ห่านิก็แซวกูได้ทุกเวลา กุไปแล้ว” พูดจบพี่ดินมันก็จับมือผม แล้วพาเดินไปทางโรงเรือนด้านใน
“กีดดดดดดด ว๊ายตายแล่ววววว เขาจับมือกันแล้วววววว” ไอ้พี่ภูที่ยืนสังเกตการณ์เงียบๆ มาตลอดก็ร้องแซวผมกับพี่ดินดังลั่น ทำเอาพวกปีสามที่ทำงานกันอยู่ประมาณแปดเก้าคน เงยหน้ามามองพวกผมสองคนทันที พอพวกพี่เขาเห็นผมปุ๊บก็ต่างพากันร้องแซวกันอย่างพร้อมเพียง ก่อนจะร้องเพลงอะไรบางไม่รู้กันให้ลั่นฟาร์ม
ตอนแรกผมก็จะสะบัดมือพี่มันออก แต่พอพี่มันกระชับมือผมแน่น ผมเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย แปลกจริงๆ ตัวกู! แปลกที่ยอมพี่มัน ทั้งๆทีสมัยก่อนเป็นคนไม่ค่อยยอมใคร โอ๊ย จะบ้าตาย!
“พี่ดิน พวกเพื่อนพี่ร้องเพลงอะไรกันอ่ะ ผมได้ยินไม่ถนัดเลย อะไรขาดเหล้าแล้วเพลีย เหล้าๆอะไรเหรอพี่ พวกพี่เขาร้องว่าอะไรกันแน่พี่”
“พวกมันร้องว่า
จะดรอปหรือไทล์ จะเอฟหรือดี ไม่เคยหน่ายหนี รีเกรดเอาซีไว้เป็นเบื้องต้น”“555 เพลงอะไรของพี่อ่ะ” ผมหัวเราะขำ
“ลูกเกษตรศาสตร์ขาดเหล้าแล้วเพลีย
ขาดเบียร์พอทน แต่แปลกพิกลจีบคนไม่เป็น...
แต่แปลกพิกลจีบคนไม่เป็น” ประโยคสุดท้ายพี่มันหันมามองผม ผมเลยรีบหันไปทางอื่นแทน อยากจะบ้าตาย มึงจะดาเมจกูรุนแรงไปแล้วนะ ไอ้พี่ดิน
..................tbc...........................
ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ