>> ป.14 <<
‘เฮียขอให้หนูหยุดคิดเรื่องอื่นไปก่อน ตอนนี้ ที่นี้ มีแค่เฮียกับหนูที่อยู่ด้วยกันในฐานะที่เรารู้ว่าคืออะไร ทิ้งความจริงที่ไม่ใช่ไปก่อน ได้ไหม’
‘เฮียอยู่ด้วย ไม่ต้องกลัว’
‘เมื่อคืน ที่พูดก่อนนอน เฮียหมายถึงหนูนะ’
นี่คือประโยคที่เหมือนประโยคบอกเล่าตามบทเรียนภาษาไทย แต่ฟังแล้วใจเต้น ใจสั่น ขนลุก ไม่ใช่อาการที่ถูกบุกรุกทางทวาร ผมบรรยายสุภาพไปใช่ไหม ง่าย ๆ คือ ไม่ใช่ปวดขี้ แต่มันรู้สึก อุ่นใจ มั่นคง ยิ่งกว่าทำประกันชีวิตกับบริษัทประกันดังๆทั้งหลาย ยกเว้นประกัน อาวุโส ที่อายุผมยังไม่ถึง ไม่รู้จะอยู่ถึงได้ทำหรือเปล่า ที่จริงมีอีกหลายประโยคที่เราคุยกันก่อนจะเข้ามาในตัวบ้าน แต่ผมไม่อยากรีแพร์ เอ้ย รีเพลย์ มากไป มันจะเสียพลังงานในการย้อนโดยใช่เหตุ และผมขออีกนิดเวลาผมพูดหนูกับเฮีย ช่วยนึกถึงผู้ชายที่รูปร่างสูงโปร่ง เตี้ยกว่าเฮีย หน้าตาคม แต่ไม่เข้มเท่าเฮีย เสียงห้าว ไม่ทุ้มอบอุ่นเท่าเฮีย อย่าไปคิดถึงภาพหนุ่มน้อยหน้าหวานรูปร่างอ้อนแอ้นพูดเสียงหงุงหงิง ไม่ใช่ ซึ่งมันขัดกับผมมาก โอเคตามนี้นะ
ผมมายืนตรงหน้าประตูไม้สักบานใหญ่ แกะสลักเป็นรูปมังกรกับเสือ คล้ายจะบอกว่า เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เพราะมันอาจจะได้กันเอง เลยให้มันอยู่กับมังกรแทน แต่หารู้ไม่ว่ามันอาจจะอยากลองของแปลกมั่งก็ได้ อันนี้ผมคิดเล่นๆ ปลอบใจตัวเองเหมือนทุกครั้ง ทั้งที่ในใจผมเต้นระรัวด้วยความกลัวไปหมด ถ้าไม่มีมือใหญ่กระชับให้รู้ว่าอยู่ด้วย อาจจะกลัวถึงขั้นร่างกายขับน้ำออกมาก็ได้
“หนู พร้อมไหม”เฮียถามเหมือนเป็นเฒ่าหัวงูพากูเข้าโรงแรมมาเสียตัวเลยวะ หลังจากนี้ไปอาจจะพบคำว่า ‘ไอ้’ ก่อนหน้าชื่อน้อยลงเวลาพูดคุย แต่ในความคิดผมยังมีอยู่ ผมสูดลมหายใจ ยืดอก แต่ไม่พกถุงเพราะคงยังไม่ได้ใช้ และก็ยังไม่อยากถูกใครนำมาใช้ด้วย นี่กูคิดไปถึงไหนวะ เอาเรื่องสัปดนมากลบเรื่องจริงที่กำลังจะเผชิญอยู่ได้ยังไงเนี่ยะ
“อืม”ผมพยักหน้ารับคำเบาๆ เกือบจะตอบรับว่า หนูพร้อมแล้วเฮีย ถ้าไม่มีเสียงเปิดประตูที่เหมือนรู้ว่าพวกผมมาถึงแล้ว ฮึถ้ากูไม่เหลือบไปเห็นกล้องวงจรปิด คงจะคิดว่านายมีเมียเป็นพรายกระซิบมีลูกเป็นรักยมผสมกุมารทองแน่นอนถึงได้รู้ว่ากูมาถึงแล้ว
“นายรออยู่”คนเปิดประตูหน้าตาโคตรเป็นลางร้ายเลย ทั้งคำพูดออกห้วนๆ สีหน้าเคร่งขรึม ที่จริงมึงก็ดูดีนะถ้าไม่ทำหน้าเหมือนยมทูตมารับวิญญาณไปพบท่านยม ฉิบหาย ทำเอากูไม่กล้าพูดว่า กูรู้แล้ว ไม่รอกูจะรอใครล่ะ คิดเอาเองแล้วกันครับว่าใครใหญ่ ระหว่างผมที่มาหาเพราะนายสั่ง กับนายที่ต้องรอผมเพราะสั่งให้มา เราเดินเข้าไปข้างในที่กว้างและตกแต่งอย่างสวยงามตามศิลปะไทยผสมจีน ผมไม่มีหัวทางนี้แต่ก็ดูออกครับ เพราะเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้องใช้สัญลักษณ์มังกรเกือบทั้งนั้น ดีที่ผมดูดาร์ก้อนบอลเอถึงแซ่ดเลยรู้ แต่ก็แฝงลายไทยผสมไปด้วย ผมกวาดตามองโดยรอบ ก่อนจะสะดุดกับสายตานับสิบคู่ที่จ้องมองเกือบทะลุกรอบ แต่เป็นกรอบรูปนะครับ ไม่ใช่กรอบแว่น ผมไม่ได้กวนตีนนะมันให้ความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ลองไปยืนอยู่ท่ามกลางรูปถ่ายคนดูสิครับจะรู้เลยว่ามองเราตลอดไม่ว่าจะเดินไปไหน ยกเว้นเดินลับตาแล้วถึงจะไม่เห็น แต่ถ้ายังเห็นแสดงว่าน่าจะสายตายาวและมีตีนถึงตามซะติด ผมเดาว่าคงเป็นญาติผู้ใหญ่หลายศักราชของเจ้าของห้องที่คงไปได้ดีกันแล้ว เพราะขึ้นสเตตัสให้รู้ว่า ชาตะ มรณะ เมื่อไร บางอันเป็นภาษาจีนก็คงจะอพยพไปด้วยกันแต่ผมอ่านไม่ออก ผมหลับตาภาวนาในใจบอกทุกท่านว่า ไม่ได้อยากเข้ามารบกวนหรือคิดหลบหลู่นะ ถ้าไม่ชอบหน้าผมช่วยดลบันดาลให้ลูกหลานท่านขับไล่ไสส่งผมด้วยเถิด เพี้ยงงงงงงงงง
“ง่วงนอนเหรอ”เสียงกระซิบข้างหู ราวกับรับรู้ ที่ไหนได้
“เหี้ย ตกใจหมด นึกว่าเขารับรู้”ผมลูบอกตัวเอง ห่ารากไส้เฮีย ทำกูเกือบกรี๊ด
“เขา ใคร”มันถามผมว่า เขา คือใคร แต่รู้สึกเสียงมึงแข็งไปไหมแค่กูเรียกชื่อมึงผิด
“เขาควายไง ไม่มีอะไร คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”ตอบแต่ไขว้นิ้วข้างหลัง ขืนพูดตามจริง มันได้ไปก้าวก่ายสติปัญญาผมอีก มันยังจ้องเขม็งเหมือนไม่เชื่อ ไม่เหมือนหรอก มันไม่เชื่อเลยดีกว่า มองประมาณว่า ไอ้เขาของมึงนี่ ผัวเก่าใช่ไหม ไม่ใช่ กูตอบทางสายตาอย่างหนักแน่น เชื่อกูเถอะ แม้แต่ผัวใหม่หรือผัวไหนๆกูก็ไม่เค๊ยยยยยยยอยากได้อยากมีเหมือนคนอื่นเขา จนมันน่าจะเข้าใจเลิกมอง อืม คุยกันทางนี้ก็ดีเหมือนกันไม่เมื่อยปากดี
“นั่งก่อน เดี๋ยวนายออกมา”เสียงห้วนพูดสั่งแกมเชื้อเชิญ ไม่รอให้ตอบรับเดินผ่านหลังม่านที่เป็นลูกปัดหายวับไป เฮียกระตุกมือให้ผมละสายตาจากตรงนั้นมามองตรงนี้ที่มีเฮียอยู่
“มือขวาของนาย”เฮียพูดลอยๆ แต่เจาะจงให้ผมฟังแน่นอน เพราะไม่มีใครแล้วนอกจากผมกับมัน
“สบายเลยเน๊าะมีสาขาด้วย”ผมพูดลอยๆบ้าง มันคิ้วขมวด
“สาขาอะไร”ว่าแล้วมันต้องถามกลับ
“มือขวาไง มีทั้งที่ตัวเองและคนอื่น และอย่าบอกนะว่า มือซ้าย รับหนักกว่าสาขานั้นอีก ครึครึ”ผมพูดกลั้วหัวเราะชี้ไปที่มันที่ผมคิดว่าเป็นมือซ้ายหรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้รับ
“สติอ่อน”มันส่ายหน้าพร้อมพูด นั่นไงกูเลี่ยงแล้วยังเจอจนได้
“โห มึงด่ากูว่า ปัญญาอ่อนก็ได้ทำด่าอ้อมค้อม”ผมหันไปโวยใส่มันอย่างเคย ถึงจะสุภาพแต่กูแปลออกโว้ย
“หนู”มันพูดเนิบแต่เน้น ผมอ้าปากหวอ นึกได้ว่าเราตกลงอะไรกันไว้
“อะ อะไร กูไม่ผิด”ผมพูดตะกุกตะกัก มันเลิกคิ้วประมาณว่า มึงไม่ผิดตรงไหน พูดหยาบเต็มๆ
“หนู”ส่งสัญญาณเตือนอีกครั้ง
“กะ ก็ นะ หนูไม่ผิด เฮียพูดเองถ้าอยู่สองต่อสองในห้องพูดอะไรก็ได้ ใช่ ยังไงหนูก็ไม่ผิด” เออ กูไม่ผิดแล้วทำไมต้องพูดหนูกับมันด้วยวะ ในเมื่อไม่มีใครสักหน่อย ประโยคท้ายถ้าเป็นตอนเด็กผมจะพูดไปสะบัดโก๊ะไปด้วย น่ารักโคตร
“แล้วนี่ห้องเราหรือไง”เออ เฮียพูดถูก แต่กูไม่บอกหรอก แต่รู้สึกใจสั่นตรง ห้องของเรา มันก็พูดธรรมดาๆ แปลตรงๆ ก็ห้องที่มีผมกับมันเท่านั้น ถึงจะมีเสียวบ้างนิดๆ ไม่รู้เสียวอะไรยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งเสียว ถ้ามันอยู่ด้วยไม่ค่อยเสียวเท่าไหร่
“มะ ไม่เห็นเป็นไรเลย เขาก็นึกว่าผัวเมียทะเลาะกัน ปกติจะตาย”ผมยังไม่ยอมรับว่าผิดอยู่ดี ไอ้ที่พูดก็เพราะมึงนั่นแหละพากูเคลิ้มเลยลืมตัวตนที่แท้จริงของหนู มันไม่ว่ากลับแต่สีหน้าเหมือนจะยิ้ม
“ยิ้มเหมือนจะด่า อะไรอีกล่ะ พูดอะไรผิดอีก”ผมทำเสียงเซ็งใส่มันบ้าง มันไม่ตอบหัวเราะในลำคอแทน สรุปมึงหาเรื่องกูนี่หว่าทำเป็นว่า พอเอาจริงก็หงอ เก่ง เก่งเหลือเกิ๊นนน คิดว่าเก่งอยู่ในใจไม่มีใครเกินกู ถ้าเก่งข้างนอกกูคงตายไปนานแล้วล่ะ
“งั้นเฮียขอโทษแล้วกันนะที่ว่าหนู หึหึ”มันเอาเสียงทุ้มหล่อครอบงำผม เหมือนจะพูดประชด
“ดีแล้วเฮีย ลูกผู้ชายทำผิดก็ต้องรับผิด ก็ว่าอยู่หนูผิดตรงไหน”ผมย้อนมันกลับอย่างเริ่มคล่อง แสดงว่าเริ่มฟินแล้วกู
“ก็รับผิดชอบอยู่นี่ไง ทั้งที่ไม่คิดว่าจะต้องเอามาให้ลำบากด้วย”แค่เสียงกูก็เคลิ้มแล้ว เสือกทำหน้าหล่อป้อกูอีก มึงพูดอย่างกับกูดันทุรังหนีตามมึงมาอย่างนั้นแหละ ถ้ากูรู้ว่าอ้างมึงเป็นผัวแล้วเป็นแบบนี้ ตอนนั้นกูไม่นึกถึงมึงซะก็ดี แล้วมึงจับเรื่องมันไปฟิจเจอริ่งกันได้ยังไงวะ
“คนล่ะเรื่องแล้ว อย่าโยง”ผมดักมันแก้เก้อก่อนจะมองอย่างอื่น แล้วเมื่อไหร่นายจะออกมาสักทีวะ ฟิจเจอริ่งกับมือขวาสาขาใหญ่ตัวเองอยู่หรือไง ผมมองตรงม่านลูกปัดที่แกว่งไปมาตามลมที่พัดผ่านทางหน้าต่าง ก่อนจะเลิกมอง ยิ่งมองเหมือนโดนมันสะกดจิตเวียนหัวเลยกู แต่ถ้าหันไปอีกฝั่งก็เจอหน้าไอ้เฮียอีก มองพื้นก็เจอตีนตัวเองที่ตอนนี้เริ่มลอกคราบแล้วเนื่องจากถูกแดดเผารวมถึงรอยแผลเริ่มตกสะเก็ด ไม่เจ็บแสบเหมือนตอนแรก หรือว่ามันยังเจ็บ แต่ตีนผมเริ่มด้านเลยไม่รู้สึกวะ ลองบี้ๆๆๆดูสิ
“โอ้ย”เสียงร้องออกมาไม่ดังนัก ก็ยังร้องได้แต่ทำไมไม่เจ็บ อ้าว ตีนต่างสี ผมมองตีนไล่สายตาขึ้น ก็ตรงหน้ากูนี่หว่า ทำเหมือนกันอีกตาเริ่มเหล่ออกข้าง ออกข้าง จนเจอเจ้าของที่แท้จริง อุ้ย หนูบี้ตีนเฮีย
“เฮีย”ผมเรียกเจ้าของตีน ที่อาจจะยกกรรมสิทธ์ให้หน้าผมครอบครองตีนหนึ่งก็ได้
“โกรธเฮียเหรอ”โห พระเอกมาก มึงยังนึกว่าไอ้ที่กูบี้ตีนมึงเพราะโกรธ ผมมีคำตอบที่จะบอกอาจจะฟังไม่ขึ้นแต่เรื่องจริง
“เปล่า คือ กู เอ้ย หนูมองลูกปัดแกว่งไปแกว่งมาเลยถูกสะกดจิตจนตาลายน่ะ”อีกส่วนหนึ่งที่ทดสอบความด้านของตีนไม่ได้บอก แค่นี้ก็ให้มันเชื่อก่อนเถอะ
“อืม”พยักหน้าเข้าใจ เชื่อง่ายจังวะ ทุกทีกูเห็นมึงคิดแล้วคิดอีกกว่าจะทำอะไรแต่ล่ะอย่าง แค่เหตุผลส้นตีน มึงเชื่อ ก่อนจะได้สงสัยเรื่องส้นตีนกันต่อ คนที่ให้มาพบก็ออกมาพอดี ผมทำตัวเป็นเกียร์ออโต้ถอยจนชิดเฮียแบบไม่ต้องออกแรงมาก นายอยู่ในชุดเสื้อคอจีนแขนยาวสีขาว กางเกงเข้ารูปสีดำ มีรอยแผลเป็นเหนือคิ้วเล็กน้อย กลับดูไม่น่าเกลียด ตรงกันข้ามเสริมให้ใบหน้ามีเสน่ห์เป็นเท่าตัว ถ้าจะให้ผมเปรียบดูเหมือนมาเฟียจีน แต่หน้าพระเอกซีรีย์เกาหลีก็ว่าได้
“ขอโทษทีที่ช้า”นายเอ่ยปากพร้อมกับนั่งตรงข้าม มือสาขาย่อยยกน้ำชามาวางให้ หายไปตั้งนานไม่ได้ดื่มเลยเหรอ นี่ออกมาแป๊บๆ ยังไม่ได้พูดอะไรคอแห้งแล้ว อะไรที่ได้ยินแต่บรรยายเป็นตัวอักษร นั่นคือสิ่งที่ผมคิดในใจทั้งนั้น อย่าถือสาถ้าผมจะคิดเยอะไปหน่อย
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ”นายจิบน้ำชาเสร็จก็ถาม จะให้ผมตอบนายว่า เรื่องส้นตีน เหรอครับ คงไม่รอดตีนของมือสาขาย่อยแน่ ไอ้เฮียยกยิ้มก่อนจะตอบ
“เรื่องทั่วไปครับ”ไอ้เฮียตอบเรียบๆ ผมที่ยังเป็นแค่ตัวประกอบยังไม่มีบทพูดได้แต่แสดงออกทางสีหน้าที่เรียบแต่ไม่ราบนิดๆ
“อืม เอาไหม”นายรับคำก่อนจะเลื่อนซิการ์ให้ มือสาขาย่อยทำหน้าที่ประชุมเพลิง ผมมองหน้าไอ้เฮียทันที
“ขอบคุณครับนาย”ไอ้เฮียพูดแต่ไม่หยิบ เลื่อนส่งคืนให้ ดีมากเฮียที่แปลรหัสหน้าหนูถูกว่า อย่านะมึงกูเหม็น เออ ตอนจูบกูมึงต้องสูบมาแน่เลยกูได้กลิ่นคล้ายเมนทอลจะว่ามึงอมฮอลล์เพราะอยากขี่มอเตอร์ไซด์คงไม่ใช่แน่ คราวหน้ากูต้องดมว่ามึงสูบอีกหรือเปล่าก่อนจะผายปอดกู ไม่ได้ นี่เป็นอีกข้อที่ต้องตกลงกัน สูบไม่ว่าขอให้ไปสูบไกล ๆ อย่าให้มีกลิ่นติดตัวมา แต่ก่อนผมเคยลองสูบแต่ครั้งเดียวไม่สูบอีกเลย เคยโดนล้อว่าไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่หว่า ก่อนมันจะหงายหลังเพราะโดนตีน พูดมาได้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย พ่อกูผู้ชายทั้งแท่งไม่งั้นจะแยงจนมีกูได้ยังไง แต่คิดได้รีบฉุดไอ้คนถูกตีนที่ยังมึนๆขึ้นมา บอกมันว่า เออ โทษที กูลืมไป อีกครึ่งหนึ่งกูลูกผู้หญิงเป็นเชื้อสายทางแม่ที่ช่วยผลักดัน มันก็เข้าใจและไม่ล้ออีก
“เรายังไม่ได้คุยกันเลย ชื่อหนูใช่ไหม”นายหันมาทางผม พร้อมทบทวนสมองตัวเองว่าจำชื่อผมได้
“ครับ”ผมช่วยการันตีให้ว่า นายจำถูกแล้วครับ อายุยังไม่น่าจะเป็นอัลไซเมอร์
“ฉันจะไม่ถามอะไรมากหรอกนะ ในเมื่อเฮียบอกว่า เมีย ฉันก็จะว่าตามนั้น”นายเน้นย้ำตรงตำแหน่งแต่งตั้งของผม มองด้วยสายตาคมกริบก่อนจะพ่นควันออกมา เป็นเรื่องสิครับ พ่นควันใส่หน้าผมขึ้นเลยครับ
“แค่กกกก แค่กกกก ฮัดเช้ยยยยยยยยยยยย”ผมสำลักควันจามออกเต็มๆ ดีว่าเฮียจับผมหันหน้าไปหาไม่งั้นเต็มหน้านายแน่ และผมก็จามติดๆกันอีก โอย เหนื่อยฉิบหาย ผมลืมบอกไปว่าผมแพ้บุหรี่หรือพวกฝุ่นละออง รวมถึงเกสรดอกไม้บางชนิด แต่ไม่รู้ชนิดไหนบ้างไม่เคยจดจำ รู้แต่จามเมื่อไหร่แพ้อันนั้น
“ขอโทษครับนาย พอดีเมียผมเป็นภูมิแพ้”เฮียพูดกับนายแต่ไม่ได้มอง หยิบทิชชู่เช็ดน้ำมูก น้ำตา ให้ผมที่เอะใจอยู่ว่า เฮียสามารถหรือคาดเดาได้ยังไง หนูยังไม่เคยบอกเลยว่าเป็นภูมิแพ้ เฮียสบตาบอกกลับว่า หนูจามเต็มหน้าเฮียขนาดนี้ จะให้บอกว่าแพ้น้ำกัดตีนหรือไงกัน
“เหรอ งั้นฉันต้องไม่สูบใช่ไหม”นายเลิกคิ้วเชิงถาม ถ้าพูดอย่างนี้นายก็สูบต่อไปเถอะ ใครจะกล้าขัด
“ครับ ผมขอแค่ช่วงที่เราอยู่ในนี้เท่านั้น”อ้าว ไอ้เฮียวอนตายแล้วไหมล่ะมึง นายนะโว้ยไม่ใช่ ไอ้เบียร์ ไอ้รัน
“ลืมอะไรไปหรือเปล่าถึงได้กล้าสั่ง”พี่เนิบเอ่ยเสียงเย็น ผมเห็นเขาจ้องตาแถบถลนแล้วตอนผมหลุดจามออกมา
“ไม่ลืม เพราะเป็นนายถึงกล้าขอไม่ใช่กล้าสั่ง แต่ถ้านายไม่ให้ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร”มันตอบไอ้เนิบเรียบๆแต่หางเสียงอ่อนลงเล็กน้อยตอนท้ายที่หันไปพูดกับนาย มันชักสีหน้าจะอ้าปาก แต่นายตบหลังมือเป็นการบอกว่า อย่า
“อุดจมูกไว้”มันเอาทิชชู่ยัดรูจมูกผมสองข้าง ให้ผมหายใจทางเหงือกแทน ดีที่ผมไม่มีเกล็ด คงไม่ตายหรอกมั้งถ้าคุยแค่แป๊บเดียว แต่ถ้ากูตายตอนนี้คงไม่ใครสงสัยหรอก เผลอๆแม่งเอาน้ำมะพร้าวราดหน้าพร้อมมัดตราสังข์กูเลยก็ได้ เพราะจมูกกูถูกอุดไว้แล้ว
“โอเค”นายพูดสองคำ ก่อนจะดับซิการ์ แผนสูงว่ะไอ้เฮีย ทำให้กูดูทุเรศจนนายมึงอดสังเวชกูไม่ได้
“ขอบคุณครับ”ผมยกมือไหว้ คิดว่าควรพูดบ้างไม่ใช่ให้มันออกตัวคนเดียว อย่างน้อยความนอบน้อมก็คงจะช่วยผมได้บ้าง พ่อบอกเสมอทำตัวสูงได้แต่อย่าเป็นเหมือนตึกที่สูงแต่แข็ง เปรียบเหมือนคนหัวสูง ทะนงตัว กระด้าง ถึงเวลาแตกร้าวก็ถูกทุบทิ้งแถมสร้างความเดือดร้อนให้สิ่งรอบข้าง เพราะฉะนั้นเราต้องทำตัวเป็นน้ำตกที่ไหลจากที่สูง เย็น พลิ้วไหว แต่เข้มแข็งอยู่ในตัว และถึงแตกกระเซ็นกระเด็นใส่จนเปียกก็พาให้สดชื่น ผมในวัยประถมสามมองหน้าไอดอลในใจที่ยืนยิ้มหลังพูดเสร็จเหมือนเป็นปราชญ์ระดับโลก บอกตามตรงผมไม่เข้าใจสักนิด จับใจความได้แค่ แข็ง แตก เปียก แต่สดชื่น ซึ่งผมก็สามารถนำมาปฏิบัติได้ ขอบคุณครับพ่อ
“อืม สอนมาดี”นายยกยิ้มพูดชม ว่าแต่ไปรู้จักพ่อแม่ผมตอนไหนถึงรู้ว่าสอนมาดี แต่คงไม่ใช่แล้วล่ะ หันไปหาไอ้เฮียที่มันเคยสอนผมที่ไหนล่ะไอ้เรื่อง แข็ง แตก เปียก และ สดชื่น ถือโอกาสยิ้มรับเลยนะมึง
“ได้บอกกฎแล้วใช่ไหม”นายพูดเข้าเรื่อง ผมเริ่มใจเต้นอีกแล้ว ไม่รู้มันโผล่มาชูป้ายไฟบอกหรือไง คนข้างตัวถึงเอื้อมมือมากุมมือผมเอาไว้ทันที
“ครับ”มันตอบแบบรวบรัดไม่ต้องสาธยายมาก มือยังบีบกระชับเป็นการปลอบ
“แล้วจะไหวเหรอ แค่ควันยังสำลัก ถ้าโดนมากกว่าควันไม่กระอักออกมาเลยเหรอ”ถ้าประโยคที่พูดออกมาไม่ใช่สถานที่แห่งนี้ ผมคิดว่าคนพูดคงจะเป็นห่วงสุขภาพของผม แต่ไม่ใช่เหมือนจะประเมินและสบประมาทฝีมือผมมากกว่าซึ่งเขาก็พูดถูกแล้วผมไม่ใช่คนมีฝีมือเก่งกาจอะไรแค่รู้จักเอาตัวรอดได้บ้าง ไอ้เนิบเหยียดยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดแต่หน้ามันก็ยมทูตตามเดิม ไม่ได้ดูเป็นเทวดาใจดีเลยสักนิด
“ไม่กระอักหรอกครับ ถ้าไม่มากเกินไป”เป็นคำตอบที่ฟังเหมือนจะดูดี ยังไงกูก็ต้องกระอักแต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณแรงดันของมือและตีนที่กระหน่ำลงมาบนตัวผมสินะ แค่คิดกูก็อยากกระอักล่วงหน้าออกมาแล้ว
“กฎก็ต้องเป็นกฎ ไม่มียกเว้น”นายย้ำพร้อมเอนหลังยกขาไขว่ห้างมือพาดยาวตามพนักพิง
“ผมทราบครับ กฎต้องเป็นกฎ”ไอ้เฮียสบตารับคำนาย
“ฉันเลือกไว้ให้แล้ว เมียเฮียน่าจะถูกใจ”นายพูดด้วยรอยยิ้มเหมือนผู้บริหารจะมอบสร้อยทองให้กูที่เป็นพนักงานดีเด่น ถามผมมั่งก็ได้ครับว่าถูกใจหรือเปล่า จับคู่ต่อสู้นะครับไม่ใช่เลือกคู่ไปสู้บนเตียง ถ้าคู่ผม สวย ขาว เอ็กซ์ อึ๋ม เหมือนนางแบบแม็กซิมที่มักจะปอดบวมบ่อยๆ โอเค ถูกใจหนู แต่ถ้าถึก ดำ ล่ำบึก เหมือนเป็นญาติกับควาย กูก็ขอบายครับ แต่เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นความคิดของชายไทยอย่างผมน่าจะเจออย่างหลังมากกว่า คิดอีกแล้วกูรู้ว่าคิดแม่นก็ยังคิด เชื่อเถอะถ้ากูคิดเจออย่างแรกกูไม่ได้หรอก ไม่มี๊ ไม่มีทางสมหวัง
“พอจะบอกได้ไหมครับ ว่าใคร”ไอ้เฮียถามกลับ อืม กูก็อยากรู้ว่าใคร ถึงบอกแล้วกูจะไม่รู้จักว่ามันเป็นใคร หน้าตายังไง แต่ด้วยสัญชาตญาณความอยากรู้ของกูมันตื่นตัวตลอดก็อยากรู้อยู่ดี
“เอาไววันจริงดีกว่า รับรองเซอร์ไพรส์”ถ้าเป็นวันเกิดหรือวันดีอื่นๆ กูคงลุ้นว่าจะได้อะไรว้า แต่เรื่องจริงที่เผชิญคือกูกำลังจะได้ผู้ชายที่อาจจะนำความตายมาให้ แต่ไม่ว่ามันจะเอาอะไรมาให้ กูไม่เอา โว้ยยยยยยยยยยยยย
“ยังไงก็ดูแลกันให้ดีล่ะ อย่าให้งานเสีย เข้าใจไหมว่าต้องทำยังไง ถ้าเกิดอะไรขึ้น เฮีย”คงเป็นประโยคส่งท้ายแล้วล่ะ นายมองหน้าไอ้เฮียที่พยักหน้ารับ
“ผมรับผิดชอบเอง”ไอ้เฮียยืนยัน
“คิดดีแล้วเหรอเฮีย ตัดตอนนี้ยังทันนะ แบกไว้ให้หนักเปล่า”ผมไม่คิดว่าที่นายพูดจะหมายถึงหนังเรื่อง ชัตเตอร์ จูออน รวมไปถึงผีปอบ ที่นิยมเอาผีขี่คอขี่หลังแน่ น่าจะหมายถึงผมเต็มๆ ผมนึกไม่ถึงเลยว่าไอ้เฮียจะเล่าให้นายฟังว่ามันแบกผมตอนอยู่ในป่า และกูหวังว่า เรื่องกอด จูบ ลูบคลำ มึงคงไม่ได้รายงานเขาเพิ่มเติมใช่ไหม บางครั้งเรื่องส่วนตัวมึงเก็บไว้มั่งก็ได้นะ
“ไม่หนักหรอกครับ ผมเต็มใจที่จะแบกเอาไว้จนถึงที่สุด”มึงไปรับรางวัลกับรัฐบาลหรือองค์การนาซ่าเลยดีกว่า สีหน้าน้ำเสียงเหมือนฮีโร่ต้องเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไปกู้โลกให้รอด แค่แบกกูพูดให้ดูซะยิ่งใหญ่
“ทำไม”นายชักเยอะแล้ว ถามอยู่ได้ จะอยากรู้อะไรนักหนา
“เขาเป็นเมียผม”เป็นไง อึ้งเลยดิ บอกแล้วอย่าถามมันที่กำลังฟินว่าเป็นผัวผมอยู่ และก็ไม่มีคำพูดอะไรออกจากปากนายอีก รวมถึงพี่ยมทูตที่ยืนจ้องอย่างเดียว
“ผมรับทราบทุกอย่าง ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัว”ไอ้เฮียพูดพร้อมกับฉุดผมลุกขึ้น
“เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้คุยอะไรกับเมียเฮียเลย นั่งก่อน”นายท้วงเอาไว้อีก คุยกับผมเหรอ เออ เพิ่งนึกได้ว่าตั้งแต่เข้ามาผมคุยกับไอ้เฮียตลอดส่วนนายก็คุยแต่กับไอ้เฮีย ผมคุยกับนายแค่ ‘ครับ ขอบคุณครับ’ หลังจากนั้นก็นั่งฟังและคิดในใจอย่างเดียว เพราะผมเห็นว่าผู้ใหญ่คุยกันเด็กไม่ควรเอาคานเข้าไปสอด เอาล่ะสิคุยอะไรล่ะ ถ้าประวัติไอ้เฮียผมคิดว่าท่องจำได้แล้ว ถ้าเกิดเขาถามเรื่องอื่นล่ะ ไอ้เฮียหันมาสบตากับผมพยักหน้าเป็นเชิงให้นั่งลง
“ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่า เฮียมีชื่อสกุลจริงว่าอะไร เป็นคนที่ไหน อายุเท่าไหร่ มีครอบครัวหรือยัง มันเบสิคเกินไป”นายเอามือกอดอกเอ่ยคำถามที่ไม่ได้ถาม แต่ไอ้เฮียแม่งบังคับกูท่องตลอดที่มีเวลาว่าง ยิ่งกว่าแอดมินมหาลัยอีก เอาวะยังเหลือ ชอบอะไร เกลียดอะไร ที่มันบอกคร่าวๆ แต่ในเสี้ยวความคิด นายแม่งต้องไม่ถามอะไรที่มันสติอ่อนแน่
“นอนด้วยกันใช่ไหม”กูคิดผิดที่บอกว่านายไม่สติอ่อน ไม่นอนกับมันกูจะนอนกับใครล่ะ
“ครับ”คำตอบในโลกความเป็นจริง
“ฉันหมายถึงนอนอย่างผัวเมียนะ ไม่ใช่นอนเฉยๆ”นายยกยิ้ม อ๋อ ไม่พูดล่ะว่าได้กันแล้ว เฮ้ย แค่เรื่องแบกผมก็ว่าพอแล้วนะ อยากรู้ถึงภายในเลยเหรอ แล้วกูจะกังวลทำไมวะ มันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย แค่ตอบว่า
“ครับ”ก็จบแล้ว
“งั้นก็ต้องรู้สิว่า เฮียมีรอยสักตรงไหน รูปอะไร”นายเอียงคอแต่ไม่ดูแอ๊บ
“ตรงกลางหลัง รูปหงส์”ไม่เสียแรงที่กูแอบดูมึงตอนอยู่บ้าน ไอ้เฮียเหล่มองนิดๆ เรื่องสักมันไม่ได้บอก แต่ที่มันไม่แปลกใจคงจำได้ที่ผมแอบดูมัน
“แล้วแผลเป็นล่ะ มีไหม”อยากรู้อยากเห็นอีก ถามจริง นายเคยได้มันเป็นผัวด้วยหรือเปล่า ถามเหมือนถ้าตอบผิดกูจะเอาคืน มึงไม่คู่ควร
“มีครับ”ผมตอบอย่างมั่นใจ ไอ้เฮียมองหน้าเลย เพราะเรื่องนี้มันไม่ได้บอก นายเลิกคิ้ว
“ตรงอกข้างซ้าย เป็นรอยกรีดยาว”ผมเห็นตอนมันถอดเสื้อในห้องนอน สันนิษฐานว่าไม่ได้ผ่าไส้ติ่งแน่นอน อาจจะเป็นโรคหัวใจ
“อืม ละเอียดดี”นายชม ผมก้มหัวเชิงรับ หวังว่านายคงไม่ถามถึงไฝ ขี้แมงวัน ยันขี้กลากหรอกนะ เกิดมันมีจริงแต่หลบตามซอกตูดผมคงไม่สามารถแหวกไปดูให้รู้ได้ และไม่คิดว่าจะแหวกด้วยเพราะผมไม่ได้คิดลึกขนาดนั้น แค่สมมุติให้ฟังเฉยๆ จากนั้นก็เงียบไม่มีการถามอีก แต่ลางเบญจเพสผมบอกเหตุว่า ยังไม่จบ เขาจะถามมึงอีกจนกว่ามึงจะจนมุมอับ อาจถึงขั้นอับชื้นจนลื่นไถลตายอยู่กับที่ก็ได้
ต่อ