ตอนที่18
หลังจากนั้นสักพักเด็กทั้งสองคนก็เริ่มคุยกันด้วยภาษาจีน ซึ่งผมฟังไม่ออกคุยกันได้ไม่กี่คำ ก็หัวเราะกันยกใหญ่ สร้างความประหลาดใจให้กับผมอย่างมาก คือเมื่อกี้ยังทะเลาะกันจนร้องไห้แต่จู่ๆก็กลับมาเล่นด้วยกันราวกับก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นี่แหละที่ทำให้ผมไม่ค่อยชอบเด็กเท่าไหร่ สิ่งมีชีวิตที่เดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรและยากต่อการควบคุมแบบนี้ ถ้าเลี่ยงได้ผมก็ขออยู่ห่างๆดีกว่า
แต่จะว่าไปตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนกันแน่
ผมลุกขึ้นจากเตียงมาที่ผ้าม่านพื้นใหญ่ คิดว่าความสูงคงราว3เมตรกว่าๆเลย เปิดออกดูก็เห็นต้มไม้สูงๆหลายต้น ห่างออกไปอีกหน่อยเหมือนจะเป็นบ้านของใครสักคงที่หลัง ก็น่าจะพอๆกับบ้านที่ผมอยู่ตอนนี้ แต่ดูๆแล้วคงไม่ใช่ต่างประเทศแน่นอน
“ไปล้างหน้าล้างตา แล้วลงมากินข้าว”ในขนาดที่ผมกำลังจมอยู่กับความคิดจู่ๆก็ได้ยินเสียงสั่งการจากไอ้แก่ พอหันไปก็เห็นมันเดินมาอุ้มเด็กสองคนขึ้นพร้อมๆกัน แล้วเดินออกไป แทบจะไม่สนใจผมเลยด้วยซ้ำ
จริงๆก็ไม่ได้อยากให้มันสนใจอะไรหรอก ไม่ต้องมองหน้ากันเลยก็ยิ่งดี
ทั้งๆที่คิดแบบนั้นแต่ไม่รู้ทำไม พอถูกเมินใส่เข้าจริงๆ ทำไมในอกผมมันถึงได้ปวดขนาดนี้กัน มันทำเหมือนเรื่องเมื่อวานผมเป็นคนผิดอย่างนั้นแหละ ทั้งๆที่ความจริงคงที่ทำร้ายผมเมื่อคืนก็คือมัน!
“ดิฉันวางไว้ตรงนี้นะคะ”แม่บ้านคนเดิม เดินเข้ามาหลังจากที่ไอ้แก่ออกไปไม่นานพร้อมกับอุปกรณ์อาบน้ำ รวมไปถึงเสื้อผ้าที่วางลงบนเตียงจากนั้นก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“......”
ผมนั่งครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ๆไอ้แก่ก็เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง มันเดินเข้ามาไม่พูดไม่จา ดึงแขนผมให้ลุกยืนขึ้นมือหนึ่งก็ถือของที่แม่บ้านเอามาให้เมื่อกี้ อีกมือก็ลากผมให้เดินไปที่ประตูที่ผมคาดว่าจะเป็นประตูห้องน้ำ โดยไม่สนใจแรงขัดขืนของผม ผมไม่อยากร้องบอกให้มันปล่อยเพราะผมไม่อยากพูดกับมัน ได้แต่พยายามแกะมือที่กำข้อมือผมไว้แน่นออก ถึงแม้ว่าที่ผ่านมามันจะไม่เคยสำเร็จแต่ผมก็เลือกที่จะทำ ดีกว่ายอมให้มันมาสั่งให้ทำโน้นทำนี่ง่ายๆ
“10นาที ถ้ายังดื้อไม่เลิกเดี๋ยวจะมาอาบให้เอง”มันหันมาจองหน้าผมด้วยแววตาที่ผมอ่านไม่ออก เอ่อปากขู่เสร็จก็เดินออกไปจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะฟังความคิดเห็นของผม
ผมได้แต่ร้องโวยวายอย่างระบายอารมณ์ปัดข้าวของใกล้มือล่วงล่นลงพื้นกระจัดกระจายเต็มไปหมด
“อย่าต้องให้เข้าไปนะ”หลังจากที่ผมเขวี้ยงข้าวของจนพอใจแล้วก็ได้ยินเสียงของไอ้แก่ดังขึ้นอีกครั้งที่หน้าประตู สุดท้ายผมก็ต้องจำยอมอาบน้ำล้างหน้าล้างตาตามที่มันสั่ง พร้อมกับที่ไอ้แก่เปิดประตูห้องน้ำเข้ามา ไอ้บ้านเฮงซวยนี่ประตูห้องน้ำมันล็อกไม่ได้หรือไง
“.....”ผมเดินชนไหล่ไอ้แก่ที่ยืนกอดอกมองผมเช็ดผมอยู่หน้าประตูห้องน้ำออกมา ไม่สนใจมัน
“มานี่”ผมนั่งอยู่บนเตียงเช็คผมไปเงียบๆโดยที่มีไอ้แก่ยืนจ้องอยู่ไม่พูดไม่จาหลายนาที แล้วจู่ๆมันก็เดินเข้ามาแย่งผ้าขนหนูที่ผมกำลังใช้เช็ดผมไป
“เอามา”จริงๆมันก็เป็นแค่เรื่องปัญญาอ่อนที่มันพยายามเอามาปั่นหัวผม ทั้งๆที่รู้แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะไม่ยอมมัน ผมพยายามแย่งผ้าขนหนูผืนนั้นคืนแต่ด้วยส่วนสูงและรูปร่างของผมกับมันที่ต่างกันพอควร มันเอาแขนชูผ้าขนหนูหนีผมสุดแขน ส่วนผมก็ทำตัวเป็นลิงที่พยายามจะยื้อแย่งคืน สุดท้ายไม่รู้ว่าเพราะอุบัติเหตุหรือเป็นแผนของไอ้แก่กันแน่ผมเลยล้มลงไปบนเตียงโดยที่มีไอ้แก่คร่อมทับลงมา หน้าของเราห่างกันแค่ไม่กี่เซน สายตาของมันที่กำลังจ้องเข้ามาในตาของผมเหมือนหาอะไรบ้างอย่าง เราจ้องกันอยู่เป็นนาที จนสติผมกลับมา ผมเบนหน้าหนีสายตานั้นที่จ้องผม ราวกับกำลังจะถูกดูดกลืนเข้าไป แขนสองข้างพยายามผลักไสมันออกห่าง ถึงแม้จะรวบรวมแรงมากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่เคยผลักมันให้ออกไปไกลได้สักครั้ง
ราวกับ ร่างกายของผมนั้นไม่ทำตามอย่างที่ใจผมคิด
“โกรธอะไรขนาดนั้น”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยชินใบหูพร้อมๆกับริมฝีปากอุ่นๆที่แนบลงมาหลายครั้ง
“ปล่อย”ผมพยายามดิ้นขัดขืน ราวกับตัวเองเป็นนางเอกในนิยายรักน้ำเน่า ที่ต่อให้ดิ้นยังไงสุดท้ายก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี
“จะงอนไปถึงเมื่อไหร่”แขนสองข้างของผมถูกตรึงด้วยมือใหญ่ กดล็อกไม่ให้ขยับผลักไสมันได้อีก
“กูไม่ได้งอน”ผมรีบหันมาปฏิเสธทันควัน
“หรอ ก็ดี”มันพูดจบก็เลื่อนหน้าลงมาพยายามจะจูบผม แต่ผมขัดขืน เบี่ยงหน้าหลบ ใครจะยอมให้ไอ้คนที่ทำร้ายผมขนาดนั้นจูบกันว่ะ
“ออกไปไอ้เหี้ย!”ผมตะโกนสุดเสียง
“บอกว่าอย่าด่าไง”ไอ้แก่เสียงเข้มใส่ทันที แต่มีหรอแค่นี้จะทำให้ผมหยุดได้
“ไอ้สัส!”ผมหันมาจ้องหน้ามันก่อนจะด่ามันเน้นๆ พร้อมยิ้มเยอะ แต่เหมือนผมจะพลาดไปเมื่อไอ้แก่ก้มลงมาจูบผมแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่ใช่จูบแบบในละครแต่มันเหมือนเอาปากมากระแทกมากกว่า ไม่หน่ำซ้ำยังกัดริมฝีปากผมอย่างหมั่นเขี้ยวอีก ถึงจะไม่แรงมาก แต่ผมก็เริ่มได้กลิ่นคาวเลือดลอยมาขึ้นจมูก
“ไอ้เหี้ย”พอผมเป็นอิสระผมก็ด่ามันต่ออย่างโกรธเคือง แต่ด่ายังไม่ทันจบ มันก็ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง
“ถ้าด่าอีกที ไม่ต้องกงไม่ต้องกินมันแล้วข้าว”มันขู่ด้วยสายตาจริงจัง ผมเลยทำได้แค่กัดปากตัวเองอย่างเคียดแค้นอยากจะฆ่ามันให้ตายๆไปซะเดี๋ยวนี้เลย
จุ๊บ
“อยากกัด” ไอ้แก่ก้มลงมาจุ๊บผมเบาๆ
“อย่าทำร้ายตัวเอง ไม่ว่าจะส่วนไหนของรางกายมึง กูทำได้คนเดียว”ไอ้แก่ก้มลงมาจุ๊บผมอีกครั้งก่อนจะพูดสั่ง
มันเป็นประโยคที่ฟังยังไงก็โคตรเห็นแก่ตัว ผมควรจะโกรธ แต่สายตาและสัมผัสที่มันมอบให้ กลับทำให้ใจของผมเต้นรัว จนแทบจะหลุดออกมา มันไม่ใช่แค่ประโยชน์แสดงความเป็นเจ้าของร่างกายผมอย่างหน้าไม่อาย แต่เหมือนผมกำลังถูกตำนิ เรื่องที่ผมกินยานอนหลับนั้นเหมือนมันรู้ว่าผมพยายามจะทำอะไร ถึงแม้คำพูดจะแข็งกระด้างฟังยังไงก็เหมือนขู่บังคับแต่น้ำเสียงของมันเหมือนกำลังขอร้องผมอยู่เลย
ทำเอาหน้าร้อนจนเหมือนจะเป็นไข้แถมใจก็เต้นระรัวไม่หยุด
ขี้โกงแบบนี้มันขี้โกงชัดๆ
“ปะป๊า”เสียงเรียกของเด็กดังขึ้นทำให้ทั้งผมและไอ้แก่หลุดออกจากโลกที่ดูเหมือนมีแค่ผมกับมันเมื่อกี้แทบจะทันที มันลุกออกจากตัวผมอย่างง่ายดาย
“ครับ”มันเดินไปหาเด็กผมสั้นพูดคุยกันเป็นภาษาจีนอย่างสนุกสนาน
ผมมองภาพต้องหน้าด้วยใจที่เหมือนกับแฟบลงอย่างกะทันหัน ถึงผมจะฟังไม่ออกว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน แต่ประโยคที่ใช้เรียกไอ้แก่เมื่อกี้นั้นทำเอาผมหน้าชาขึ้นมาทันที
“เช็ดผมเสร็จแล้วลงมากินข้าว อย่าช้า”มันหันมาสั่งแล้วเดินอุ้มเด็กคนนั้นออกไป ทิ้งคำถามให้ผมไว้มากมาย ใจที่เคยพองโตเต้นระรัวเมื่อครู่ก็เหมือนจะแฟบลงจนเหมือนกับจะหยุดเต้น
ถ้ามันมีลูกมันก็ต้องมีเมียอยู่แล้วซิ แล้วทำไมมันถึงได้ทำแบบนี้กับผม...
ผมคงบ้าไปแล้ว นี่อาจจะเป็นผลกระทบจากการถูกทำร้ายซ้ำๆก็ได้ และอีกอย่างถึงมันจะมีลูกมีเมียกี่คน มันก็ไม่เกี่ยวกับคนนอกอย่างผมนี่ ผมก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งที่รอวันมันเบื่อก็แค่นั้นเอง
สุดท้ายผมก็หลุดออกจากความคิดของตัวเองเมื่อมันสั่งให้แม่บ้านมาตามผมลงไปกินข้าว ผมเดินลงมาด้วยใจที่ว่างเปล่าแต่ในสมองกลับสับสน
“ช้า!”เด็กผู้หญิงผมยาวที่ตอนนี้เปลี่ยนมาใส่ชุดนอนรูปกระต่าย ปากแดงๆเล็กนั้นเม้มเข้าหากันอย่างไม่พอใจ
“ฉิงฉิง”จนไอ้แก่เรียกเสียงเย็นเป็นการตักเตือน เจ้าตัวเลยยิ่งหน้างอใหญ่
ผมนั่งลงที่เก้าอี้ตัวใหญ่ถัดจากเด็กผมสั้น ไอ้แก่นั่งหัวโต๊ะด้านซ้ายมือเป็นเด็กผมยาวด้าวขวาเป็นเด็กผมสั้นแล้วถัดมาก็เป็นผม กับข้าวเกือบ10อย่างวางเรียงจนเต็มโต๊ะ แม่บ้านเดินถือถ้วยข้าวต้มที่มีฝาปิดมาวางไว้ให้ ไอ้แก่เปิดฝาออกแล้วเริ่มกิน ก่อนที่เด็กๆจะกินตาม ส่วนผมก็ได้แต่มองพวกนั้น ใจจริงไม่อยากจะกินหรอก แต่ท้องผมมันกลับประท้วง จนสุดท้ายผมก็ลงมือกินบ้าง
“แกะให้หน่อย”ผมถูกสะกิดจากเด็กที่นั่งข้างๆ เจ้าตัวมองปูนึ่งในจานที่ตัวเองเพิ่งตักมาตาละห้อย ผมเลยดึงจานมาแกะปูให้ จริงๆปูมันก็ถูกแกะไว้แล้วล่ะครับแบบผ่าออกครึ่งตัว เนื้อเลยยังอยู่ในกระดอง ผมเลยเอาช้อนตักเอาเนื้ออกมาใส่ในถ้วยของเด็กผมสั้นให้ เจ้าตัวก็กินอย่างอารมณ์ดี ส่ายหัวไปมาเหมือนกำลังเต้นอยู่ ผมแกะให้คนหนึ่งผมก็อดที่จะเงยหน้าไปมองอีกคนไม่ได้ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเด็กคนเองก็กำลังมองมาที่ผมเหมือนกัน ในจานก็มีประดองปูที่เนื้อถูกคุ้ยออกมาเล็กน้อยตามความสามารถของเด็กที่ทำได้แต่ก็ยังเหลือเนื้อปูอีกมากที่อยู่ในกระดอง
“แกะให้เอาไหม”ผมบอกเห็นสายตาแบบนั้นแล้วจะให้นั่งกินเฉยๆก็ยังไงอยู่ ไอ้แก่ก็ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จาไม่สนใจลูกมันเลย
“ไม่”แต่เด็กที่ชื่อฉิงฉิงกลับ ปฏิเสธทันควันแล้วหันไปกินเป็ดปักกิ่งแทน แต่ผมก็แอบมองเนื้อปูในจากของเด็กผมสั้น(ยังไม่รู้ชื่อ)อยู่หลายครั้ง จนผมทนไม่ไหว เอาปูมาแกะหลายตัวแล้วเอาเนื้อใส่ฝาถ้วยข้าวต้มของผมไปวางไว้ให้แล้วกลับมากินข้าวของตัวเองต่อแบบไม่สนใจปฏิกิริยาของฉิงฉิง
อาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยความเงียบ ซึ่งมีแค่เสียงฮัมเพลงของเด็กผมสั้นเท่านั้นที่รอดออกมา กินเสร็จผมก็ถูกไอ้แก่สั่งให้พาลูกๆมันไปแปรงฟัน อยากจะเถียงกลับว่าไม่ทำ แต่เด็กผมสั้นที่ชื่อจงชิงก็เกาะผมไม่ปล่อยทั้งดึงทั้งลากผมให้ขึ้นไปชั้นสองแตกต่างกับฉิงฉิงๆที่เดินขึ้นก่อนแบบไม่สนใจใยดีผมเลยสักนิด
สุดท้ายผมก็ต้องมารับบทเป็นพี่เลี้ยงเด็ก แค่ไม่ถึง5นาทีหัวผมก็แทบจะระเบิดออกมา พอเข้าห้องน้ำทั้งจะฉี่ทั้งจะแปรงฟัน ยาสีฟันก็หลากหลายเหลือเกิน มีตั้งแต่รสสตรอเบอร์รี่ไปยังรสช็อกโกแลตไม่รู้มันจะซื้อมาทำไมนักหนา พออีกคนใช้รสสตรอเบอร์รี่อีกคนก็จะใช้บ้าง แต่คนแรกที่ใช้ก่อนก็ไม่ยอมอีกกว่าจะแปรงฟันกันเสร็จก็เสียน้ำตากันไปหนึ่งรอบ แล้วยิ่งพูดไทยคำจีนคำผมนี่ยิ่งปวดหัวไปใหญ่ เด็กหนอเด็ก เมื่อไหร่มันจะโตกันครับ!
แล้วยังไม่จบนะครับ พวกลูกคนรวยเนี๊ยจะนอนก็ต้องกินนมกินยาอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งแม่บ้านก็ทำแค่เอามาวางไว้แล้วบอกให้ผมเอาให้กิน
“ยาลดน้ำมูก”ผมพยายามอ่านซองยาที่เขียนด้วยภาษาอังกฤษลายมือหมอก็ยุ่งสุดๆแทบจะอ่านไม่ออกดีที่ซองยามันมีตัวพิมพ์ว่าเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ผมเลยเอาให้กินตามพวกซองยา
“ถุงนี้ของใคร”ผมถามเพราะยามีสองถุง
“จงชิง”จงชิงยกมือสุดแทนบอก
“ไม่ใช่ อันนี้ของเจ้ อันนี้ของจงชิน ของจงชินสีเหลืองของเจ้สีชมพู”ฉิงฉิงพูดพร้อมแย่งถุงยาไปจากมือผม
“แต่จงชินไม่ชอบสีเหลือจงชิงชอบสีชมพู”จงชิงเริ่มหน้างอ บ่งบอกว่าถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง อีกไม่กี่นานทีต้องมีการเสียน้ำตากันขึ้นมาอีกแน่
“กินยาๆ ยาสีชมพูเหมือนกันเห็นไหม”ผมบอกก่อนจะรีบเทยาใส่ช้อนแล้วป้อนจงชิงก่อนคนแรกอย่างรวดเร็ว และตามมาด้วยฉิงฉิงที่พยายามจะหนีแต่ผมก็วิ่งไปจับแล้วกรอกยาให้กินอย่างรวดเร็ว ก็มีหกบ้างแหละครับ ผมก็ไม่เคยป้อนส่วนสองคนนี้ก็ไม่ยอมอยู่เฉยๆ กว่าจะเสร็จได้ เหงื่อผมไหลทั้งที่เปิดแอร์เย็นเฉียบขนาดนี้
“นอน ได้แล้ว ดึกแล้ว”ผมบอกพยายามจะเดินออกจากห้องไป แต่ก็ถูกเรียก”
“นิทานล่ะ ยังไม่อ่านนิทานเลย”ผมหันไปมองเห็นเด็กสองคนถือหนังสือนิทานคนละเล่มในมือ พวกคนรวยมันจะเลี้ยงลูกสบายเกินไปแล้ว
ถึงจะบ่นยังไงสุดท้ายผมก็ต้องกลับไปขึ้นเตียงอ่านนิทานให้ทั้งสองคนฟัง ซึ่งแน่นอนว่าผมต้องอ่านมสองเรื่องพร้อมๆกันเล่นเอาทั้งคนอ่านทั้งนิทานหัวหมุนเนื้อเรื่องมั่วซั่วไปหมด แต่สุดท้ายก็จนลงด้วยดีกับการอ่านนิทานฉบับรีเมคของผมเอง ในชื่อเรื่องซินเดอเรลล่า ผู้ฆ่ายักษ์
TBC.
มาเเล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก เนื้อเรื่องยังคงเรื่อยๆ
น้องน่านยังคงซึนเดเระ แต่อชอบเเต่งนิยายที่มีเด็กในเรื่องด้วย
รู้สึกมันทำให้เนื้อเรื่องอบอุ่นขึ้น แต่ก็นะพอมีเด็กมันก็ดราม่าขึ้นง่ายได้เหมือนกัน
จริงๆที่แต่งไว่นิดไว้ว่าจะลงได้สัก20ตอนแต่ได้แค่ตอนนี้จร้า ตอนนี้กำลังเเต่งใหม่อยู่พยายามนึกถึงเนื้อเรื่องของเรื่องนี้ไว่ คงจะไม่หลุดพล็อตจากเมื่อ6ปีก่อนเเน่นอน ขอบคุณทุกการติดตามจะพยายามเอามาลงให้เร็วๆนะครัช
ปล.อาทิตย์หน้าสอบซัมเมอร์555555555