เสี่ยครับ
5 – เสี่ยล่อเสือ
น่าเสียดายที่โชคไม่เข้าข้างคุณกันต์ธีร์เอาเสียเลย
ผมหัวเราะเบาๆ กับตัวเองเมื่อคิดอย่างนั้น เพราะก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้แก้แค้นผมในคราวล่าสุด ประธานใหญ่ของบริษัทเหมวิวัฒน์กรุ๊ปคนนั้นมีธุระด่วนจะต้องบินไปมัลดีฟส์แบบกะทันหันเสียก่อน
ที่ผมรู้ คงต้องยกความดีความชอบให้กับ ‘นักสืบจำเป็น’ ที่นั่งอยู่กับผมในมุมหนึ่งของคอฟฟี่เลานจ์บรรยากาศสบายๆ ใจกลางย่านธุรกิจ รอบข้างตกแต่งเรียบหรูด้วยโทนไม้สีดำแดงและรายล้อมด้วยวิวแบบพาโรนามาบนตึกสูง
ผมอาจจะมีใช้ของที่ราคาไม่สูงนักในชีวิตประจำวันหากเทียบกับรายได้ แต่การกินเที่ยวดื่มนั้นถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หลังจากพบว่าสำรวจว่าที่นี่เป็นส่วนตัวมากพอ บทสนทนาจึงเริ่มขึ้น
“เอ้านี่ ข้อมูลที่แกอยากได้!”
ชายวัยกลางคนที่คาบบุหรี่กลิ่นฉุนแรงกึ่งโยนกึ่งกระแทกแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะกลม ตาขวางๆ สีดำสนิทประกอบกับใบหน้าบึ้งตึงที่มีริ้วรอยอยู่อย่างไรก็ไม่เป็นมิตร และไม่สมกับที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของประชาชน
“ขอบคุณครับอาพจน์ เดี๋ยวผมเลี้ยงกาแฟตอบแทนแล้วกัน” ผมหยิบแฟ้มนั้นมาพลางยิ้มหวาน ยิ่งเห็นเส้นเลือดปูดข้างขมับของขี้โมโห ผมล่ะกลัวว่าเขาจะเส้นเลือดในสมองแตกตายไปสักวันหนึ่ง
“หุบยิ้มเสแสร้งของแกซะ เห็นแล้วรำคาญลูกตา”
“เพราะปากร้ายอย่างนี้น่ะสิ อายุปูนนี้แล้วถึงยังต้องนอนกอดคานอยู่”
“ฉันเลือกที่จะโสดเองโว้ย” คนตรงหน้าพ่นควันสีขาวขุ่นมัวด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ พึมพำกับตัวเอง “น่าจะเอาขี้เถ้ายัดปากไปตั้งแต่แรก ถ้ารู้ว่าแกโตมาแล้วจะกวนส้นตีนขนาดนี้”
“คุณอาทำเด็กน่ารักๆ อย่างผมไม่ลงหรอก”
“น่าลักไปฆ่าน่ะสิ”
“เกรี้ยวกราดมากระวังผมบางนะครับ”
“ยังไม่บางเว้ย!”
อาพจน์ หรือ ร้อยตำรวจเอกประพจน์คนนี้เป็นที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เกิด หรือตอนผมแยกตัวออกมาอยู่หอเพื่อเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้เขานี่แหละเป็นคนส่งเสีย แม้ว่าตาแก่ผมบางปากร้ายคนนี้จะไม่ค่อยพูดจาดีๆ หรือแสดงความรักด้วยคำพูด แต่ผมก็รู้ดีว่าเขาเป็นคนที่ผมพึ่งพาได้มากที่สุด
การทำงานในโลกกลางคืนอย่างสงบสุข อย่างน้อยถ้ามีแบ็กดีก็ช่วยได้เยอะ
ผมไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาแบบประคบประหงม ดังนั้นผมจึงเรียนรู้ว่าโลกนี้ซับซ้อนและโหดร้ายกว่าที่คิด การตัดพ้อต่อว่าสิ่งต่างๆ ไม่ได้ทำให้ผมมีชีวิตสุขสบายขึ้น นอกจากจะลงมือทำและรับความเสี่ยงเอง
เพราะอย่างนั้น รู้ทั้งรู้ผมถึงเลือกเส้นทางในการทำงานกลางคืนที่เป็นสีเทาเข้มเกือบจะดำนี้ สาเหตุหลักก็เพราะว่า ‘เงิน’ หรือ ‘สิ่งที่เอาไว้ใช้หนี้และซื้อความสุขได้’
แต่อย่างว่า ถ้ามีเงินแล้วคุณภาพชีวิตบัดซบ จะมีไปเพื่ออะไร
นั่นทำให้ผมเป็นผู้เฝ้าดูอยู่วงนอกและเคลียร์ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ มาตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้ที่จู่ๆ ปัญหาที่ได้ชื่อว่า ‘เสี่ยกันต์ธีร์’ ก็เพิ่งเข้ามาในชีวิตผม
ข้อมูลในมือผมเป็นแฟ้มหนาเหมือนใบสั่งรายการสินค้า แต่พอเปิดดูคร่าวๆ แล้วข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวเขาจริงๆ ดูเหมือนจะมีอยู่ไม่กี่แผ่น เพราะนอกนั้นคล้ายเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับตระกูลเหมวิวัฒน์และทรัพย์สินที่ครอบครอง มีมากกว่าที่ผมสืบค้นด้วยตัวเองเกือบเท่าตัว
“รวยจริงๆ”
“รวยฉิบหายเลยล่ะ” คนตรงหน้าว่า ใช้นิ้วที่คีบบุหรี่ชี้มายังข้อมูลเหล่านั้น “มีบางส่วนที่เป็นของประธานบริษัทคนก่อนซึ่งก็คือพ่อของเขาทำไว้ แต่ในส่วนคุณกันต์ธีร์คนนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการเป็นประธานบริษัท ดีลธุรกิจสัมปทานใหญ่ๆ รวมทั้งให้การสนับสนุนวงการต่างๆ รวมไปถึงราชการ”
ยอมรับกันอย่างหน้าด้านดีกว่า คำว่า ‘สุจริต’ ในแต่ละวงการหายากยิ่งกว่าอะไร
“แล้ว... คุณเจอสิ่งที่ดูไม่ชอบมาพากลรึเปล่า”
“ไม่เจอ”
“จริงดิ”
“เออ” ร้อยเอกเน้นเสียงอย่างหงุดหงิด “เสี่ยมาเฟียคนนี้มีแต่ข่าวลือไม่ดี แต่ไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง”
ผมอดเลิกคิ้วสูงไม่ได้ คนตรงหน้าจึงเสริม
“จะมีก็แต่ผิดศีลธรรมแต่ไม่ผิดกฎหมาย อย่างเช่น... ฆ่าคู่แข่งธุรกิจให้ตายทั้งเป็นด้วยการบีบคั้น ตลบหลัง ลวงข้อมูล ยืมมือคนอื่นจัดการ อะไรแบบนั้น”
ผมได้ยินก็หลุดหัวเราะออกมา “แสดงว่าเขาฉลาด”
“ฉลาด แล้วก็โหดเหี้ยมกว่าที่เห็น ถ้าเจอเขาแล้วรู้สึกว่าเขาเป็นแค่เสี่ยโง่ๆ ที่ดูแล้วโคตรหล่อแสดงว่าแกยังอ่อนหัด”
“คุณอาประเมินผมต่ำอยู่เรื่อย”
“แกมันอวดดีแล้วก็ไม่ระวังตัว แล้วเขาไปถูกใจแกได้ยังไงกัน”
“พอดีเขามาที่คลับ เด็กในคลับทะเลาะกันแล้วผมเข้าไปห้าม อยู่ๆ เขาก็ถูกใจผมเลยชวนให้ไปทำงานด้วย”
“แค่นั้น?”
ความจริงแล้วชวนให้เป็นเด็กเสี่ย... ผมไม่อยากโกหกหรอก แต่กลัวแต่ว่าคนตรงหน้าจะช็อกไปเสียก่อน “ใช่ แต่เขาตื้อน่าดู ถึงขนาดมารับผมไปกินข้าวด้วยกัน”
“กับอีกแค่ผู้จัดการบาร์เล็กๆ เนี่ยนะ?”
ผมพยักหน้า “หรือบางที... คุณกันต์ธีร์อาจจะอยากได้ข้อมูลของคลับที่ผมจัดการอยู่ ใครจะรู้”
“ไม่ได้หวังตูดแกแน่นะ”
ผมที่ดื่มกาแฟเข้าไปแล้วต้องค่อยๆ กลืนลงคอ ดื่มเสร็จก็กระแอมไอเบาๆ เพื่อไม่ให้สำลัก เหลือบสายตามองเขาอย่างไม่อย่างเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากคนหัวโบราณแบบนั้น
อาพจน์พูดต่อด้วยท่าทีจริงจังเคร่งเครียด “เขาเป็นไบเซ็กซ์ชวล ฉันรู้!”
“อาก็คิดมาก หลานอาไม่ได้น่าเอาขนาดนั้น ที่มาถามเพราะว่าผมแค่อยากหาทางหนีทีไล่ไว้เฉยๆ”
“อย่าให้มีเรื่องจนฉันต้องเดือดร้อนแล้วกัน” คำพูดของนายตำรวจตรงหน้าดูเย็นชาและไม่รักษาน้ำใจ แต่ผมรู้ว่าลักษณะการพูดปากอย่างใจอย่างแบบนี้ต่อให้เขาจะตายแล้วก็คงรักษาไม่หาย
“เออ... อีกอย่าง ‘คุณพฤกษ์’ ยังค่อนข้างจะไม่กินเส้นกับเขา ตอนนี้มีคดีเกี่ยวกับเหมวิวัฒน์กรุ๊ปที่ถูกสืบลับๆ อยู่หลายคดี” ผมได้ยินก็ชะงักไป ก่อนตอบรับช้าๆ
“...ขอบคุณที่บอกครับ”
“ไปล่ะ จ่ายเงินด้วย”
ชายรูปร่างสูงหมุนข้อมือดูนาฬิกาแล้วลุกพรวดไปโดยไม่รอคำตอบ ผมยังคงนั่งอยู่ เท้าคางอย่างใช้ความคิดขณะยกข้อมูลในมือขึ้นมองผ่านสายตา
‘คุณพฤกษ์’ ที่อาพจน์พูดถึงเป็นหนึ่งในชื่อที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินเมื่อพูดถึงคุณกันต์ธีร์
เขาเป็นผู้ชายที่ผมคล้ายจะมองเห็นแต่เงาของแผ่นหลังมาตลอด สิ่งที่ทำได้คือเฝ้าดูอยู่ไกลๆ แล้วไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง กระทั่งชื่อหรือหน้าตาของผมเขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ผิดกับผมที่รู้จักเขาดี
ผมถอนใจ วางข้อมูลนั้นลงแล้วนวดขมับ
“หวังว่าคงเบื่อผมในเร็ววันนะครับเสี่ยกันต์ธีร์”
ผมไม่อยากอะไรข้องเกี่ยวกับอะไรที่นำพาความยุ่งยากมาให้ชีวิตอยู่แล้ว ยิ่งคนที่เกี่ยวข้องกับพ่อแท้ๆ ผู้ให้กำเนิดแต่กลับไม่รู้จักลูกชายตัวเองคนนั้นผมยิ่งควรถอยห่างออกมา
เวลาผ่านไปราวห้าวันหลังจากที่ได้รับข้อมูลของเขา ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาบนจอมือถือของผม หากคุณกันต์ธีร์กำลังเห่อที่จะเล่นกับผม ตอนนี้ก็นับว่ายังไม่ออกจากช่วงระยะเวลานั้น
‘มัลดีฟส์สวยมาก’
ผมมองดูภาพบรรยากาศโรงแรมริมทะเลแล้วหลุดหัวเราะออกมาอย่างอ่อนใจไม่ได้ แม้ว่าดิสกับชื่อของคนส่งมาจะน่ารำคาญใจและคงระบุตัวไม่ได้ หากว่าผมจะแคปไว้ประจานหรือแบล็กเมล์
เขานี่ทำให้ผมประหลาดใจได้ไม่หยุดจริงๆ
ใครใช้ให้คุณกันต์ธีร์ตั้งชื่อว่า ‘อยากกินหนูเสือ’ แล้วตามด้วยข้อความว่า ‘พร้อมเปย์’ พร้อมเอารูปผมตอนใส่แว่นที่กำลังนั่งทำบัญชีอยู่มาขึ้น หรือคิดว่าไม่ใช่แอคเคาท์จริงจะทำยังไงกับรูปชาวบ้านก็ได้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระทำของคุณเสี่ยนี่ตรงข้ามกับคำพูดของอาพจน์ว่าเขาอันตรายจริงๆ
ข้อความยังคงเด้งรัวๆ ทำให้มือถือในกระเป๋ากางเกงของผมสั่นเหมือนจะเป็นการประท้วงที่อ่านแล้วไม่ตอบ จนผมต้องหยิบขึ้นมาดูแม้อยู่ในเวลางาน
ภาพรีสอร์ทแบบบ้านบนน้ำทะเลสีฟ้าสวยในมุมต่างๆ ถูกส่งมา ไหนจะภาพอาหาร เกมกีฬา สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ในชุดบิกินี่ยั่วน้ำลายที่เดินกรีดกรายไปมา
‘อิจฉาล่ะสิ’
‘ถ้ายังอ่านแล้วไม่ตอบจะส่งชุดบิกินี่ไปก่อกวน’
ตามด้วยภาพบิกินี่ตัวเล็กจิ๋วลายเสือที่วางอยู่บนแคร่ไม้ไผ่สไตล์ริมหาด ป้ายราคาที่ติดอยู่ไม่สอดคล้องกับขนาดของมันเลยสักนิด
‘ผมแจ้งจับคุณข้อหาก่อกวนทางเพศได้ไหมครับ’ ในที่สุดผมก็พิมพ์ตอบกลับไป
‘นี่ก็อยากแจ้งจับเราข้อหาหลอกลวงปอกลอกทรัพทย์เหมือนกัน’
‘อันนั้นคุณสมยอม’
‘ใครกันนะ วันก่อนโดนแค่จูบก็เคลิ้ม แถมเชิญชวนผู้ชายเข้าห้องก่อน’
‘ไปทำงานแล้วนะครับ ขอตัวก่อน’
ก่อนที่จะกดส่งประโยคตัดบท อยู่ดีก็มีเสียงร้องดังขึ้นพร้อมกับหน้าของใครบางคนที่ชะโงกเขามาใกล้
“แน่! คุยกับใครครับพี่พะ—โอ้ย!”
เดียวลูกน้องคนสนิทโผล่พรวดมาไม่มีบอกกล่าว ทำให้ปฏิกิริยาตอบโต้ของผมทำงานโดยอัติโนมัติ ศอกแข็งๆ ส่วนเป็นกระดูกของผมจึงกระแทกหน้าเขาไปจังๆ ถึงไม่แรงนักแต่ก็ทำให้เซแล้วผงะออกไปหลายก้าว
“แค่นี้ทำไมต้องโหดด้วย!”
“นายทำฉันตกใจทำไมล่ะ” ผมหัวเราะแล้วเก็บโทรศัพท์ก่อนเข้าไปหาคนสำออย “เลือดไม่ออกใช่ไหม”
“ไม่ออกแต่โคตรเจ็บ” เดียวเป็นผู้ชายที่ตัวเล็กบางกว่าผมเล็กน้อย ย้อมผมทองและเจาะหูห้ารู ด้วยหน้าติ๋มๆ ทำให้ดูก็รู้ว่าค่อนข้างปอดแหกและไม่มีพิษมีภัย แต่พอสวมชุดพนักงานคลับแล้วก็นับว่าดูดีอยู่พอสมควร รวมทั้งยังเอาใจเก่งและช่างคุย จึงมีลูกค้าหลายคนที่ชื่นชอบเขาไม่น้อย โดยเฉพาะสุภาพสตรีวัยชรากระเป๋าหนัก
คลับอีรอสของผมแห่งนี้เน้น ‘ผู้หญิง’ ไว้บริการ ‘ผู้ชาย’ มากกว่า แต่ก็มีชายให้บริการไว้ด้วยประมาณสามสี่คน ส่วนสตาฟด้านอื่นๆ มักจะไม่ออกไปกับแขก ยกเว้นจะเป็นความพึงพอใจเชิงชู้สาวของเจ้าตัว
ถึงที่นี่จะอยู่กันอย่างครอบครัว ทว่ามีกฎว่าแต่ละคนมักไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน เว้นแต่ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงคลับ ส่วนการที่เดียวถือวิสาสะชะโงกดูมือถือผมได้นับว่าเป็นความสนิทประสาพี่น้องที่มีมากกว่าคนอื่น
“ปกติผมไม่ค่อยเห็นพี่พยัคฆ์เล่นมือถือตอนทำงานเลย แถมยังยิ้มไปด้วยอีกต่างหาก อย่าบอกนะว่าพี่มีแฟนแล้ว”
ผมส่ายหน้ากับคำกระเซ้าปนตัดพ้อนั้น “พอดีมีโรคจิตส่งข้อความมาก่อกวนเฉยๆ”
“แต่ดูหน้าพี่ก็รู้ว่าไม่ใช่นา...”
“ยุ่ง” ผมดีดนิ้วใส่หน้าผากคนตรงหน้า เดียวร้องอูยกุมหน้าผากแล้วทำหน้าตาน่าสงสาร ผมจึงโบกมือไล่กึ่งเล่นกึ่งจริงจัง “ไปทำงานไป วันนี้ลูกค้าเยอะ”
“ครับๆ คุณผู้จัดการ”
กลางโถงกว้างประดับด้วยแชนเดอเลียคริสตัลหรูล้อกับแสงไฟ เสียงดนตรีเย้ายวนดังมาจากด้านหนึ่งของเวที วันนี้เป็นดนตรีคลาสสิกที่เหล่านักแสดงสวมหน้ากากสีดำ สูทและชุดราตรียาวผ่าเผยให้เห็นเนินอกและเรียวขารำไร
นักเปียโนสาวผู้มีผมสีดำเกล้าสูงในชุดราตรีสีแดงฉานตัดกับผิวขาวนวลดูจะโดดเด่นกว่าคนอื่น แต่ความสามารถในการจรดปลายนิ้วลงกับเครื่องดนตรีของเธอก็ดึงผู้คนให้อยู่ในห้วงเสียงเพลงได้มากกว่าสัดส่วนเรือนร่างอวบอิ่มวับแวมนั้น
คลับอีรอสเป็นสถานบันเทิงที่รู้กันว่ามีขายเรื่องอย่างว่า แต่ไม่ได้ไร้คลาสขนาดให้นัวเนียกันเรี่ยราดหากไม่เปิดห้องซึ่งเป็นโรงแรมด้านบน อีกทั้งยังมีช่วงเวลาที่จัดการแสดงสดหลากหลายประเภท ที่บางครั้งผู้คนก็มาเพื่อคลายเครียดและเสพสุขจากการมองและฟังสิ่งสวยงาม
ผมที่คอยเดินต้อนรับ ทักทายและตรวจสอบความเรียบร้อยยังอดไม่ได้ที่เหลือบสายตามอง ตรงช่วงหนึ่งของจังหวะบรรเลงที่แสงสีทั้งมวลตกลงที่ร่างเจ้าหล่อน ยิ่งเห็นความเปล่งปลั่งของผิวกาย
หน้ากากสีดำครึ่งหน้ายิ่งขับให้ดวงตาคู่คมสวยมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา ในเสี้ยวเวลานั้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเธอก็สบกับผม
คล้ายว่ามีเปลวไฟดวงเล็กเต้นเร่าอยู่ภายในนั้น ผมรู้สึกว่ามีประจุไฟฟ้าบางอย่างแล่นในร่างเพียงชั่วครู่
ริมฝีปากแดงฉานอวบอิ่มส่งยิ้มเชิญชวนให้ผม ในขณะที่มือก็พริ้มเร่งเร้าจังหวะท่อนสำคัญของดนตรี
ผมหรี่ตา ไม่ได้ยิ้มกลับไปแต่ก็ไม่ละสายตาไปจากนักเปียโนสาวคนนั้นเช่นกัน
หลังจบการแสดง คนกระเป๋าหนักมากมายตรงไปให้ช่อกุหลาบและหวังจะพาเธอคนนั้นไปต่อ แต่เธอปฏิเสธอย่างไว้เชิงและสุภาพ ก่อนที่จะเดินมาทางผม
“คุณเป็นผู้จัดการของที่นี่ใช่ไหมคะ?”
“ครับ”
เสียงของหวานและเบานั้นน่าฟัง พนันได้ว่าสามารถปลุกความเป็นสัตว์ร้ายในตัวผู้ชายส่วนมากได้ไม่ยาก เมื่อมองใกล้ๆ ยิ่งเห็นว่าตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าของเธอถูกตกแต่งอย่างประณีตเข้ากลับโครงหน้ารูปไข่ที่ดูอ่อนหวาน แต่ก็ยั่วเย้า
“แพรวพรรณค่ะ คุณละคะ?”
“พยัคฆ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมระบายยิ้มให้ บัญชีของคลับในวันนี้ดูไม่น่าสนใจไปถนัด
“แพรวอยากรู้จักคุณมากกว่านี้ แต่ถ้าคุณไม่ว่าง ก็ไม่เป็นไรค่ะ”
นับตั้งแต่ครั้งที่พบเสี่ยกันต์ธีร์ ผมก็แทบไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร แถมครั้งนี้ยังเป็นคู่นอนเกรดเอที่ตรงมาตรฐานของผม ไหนคุณกันต์ธีร์จะไม่อยู่ที่นี่ให้วุ่นวาย ถือว่าเป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆ
“เกรงว่าผมอาจจะต้องให้คุณรอหลังคลับปิด...”
“ไม่เป็นไรค่ะแพรวรอได้”
“ขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ แต่คิดวิธีไถ่โทษที่ทำให้สุภาพสตรีรอไว้ก็พอ”
แพรวพรรณก้มลงกระซิบข้างหูของผม เพียงครู่เดียวก็ผละออก แล้วเดินจากไป แต่กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงแบบกลิ่นหวานอ่อนๆ แต่เซ็กซี่ทำให้ผมต้องปรายตามองตามแผ่นหลังขาวเนียนนั้น
ผมยิ้มกริ่ม นับเงินแล้วผิวปากเบาๆ ไปด้วย เจ้าเดียวคนเดิมยังไม่วายเข้ามาแซว
“โห คราวนี้เล่นคุณแพรวนักดนตรีคลาสสิกอัจฉริยะคนนั้นเลยเหรอพี่”
เจ้าตัวบุ้ยใบ้ไปยังสาวนักเปียโนที่นั่งอยู่บริเวณแขกวีไอพีกับเหล่านักดนตรีร่วมงาน ผมยกมือขยี้ศีรษะเจ้าคนชอบยุ่ง “ยุ่งทุกเรื่อง”
“พี่ด่าผมเสือกอ่ะ”
“หรือไม่จริง”
“เอ๊า ก็พี่ชายทั้งคน เดี๋ยวผมเร่งเด็กๆ ให้รีบเก็บร้านเลยพี่ ไม่อยากขัดขวางคนกำลังมีความสุข หึๆ”
เดียวทำได้อย่างว่าจริงๆ มีเด็กในคลับเข้ามาแซวผมอยู่ประมาณสองสามคน คงเพราะผมไม่ได้ออกไปไหนกับใครมานานด้วยส่วนหนึ่ง หลังเดินออกมาก็พบกับคุณแพรวพรรณกำลังรออยู่ในห้องผู้จัดการหลังร้านท่ามกลางไฟสลัว เธอค่อยๆ ถอดหน้ากากและเอียงคอน้อยๆ
“ถ้าช้ากว่านี้แพรวว่าจะหนีกลับไปแล้วเชียว”
ท่าทีกระเซ้าเหย้าแหย่ของเธอมีชั้นเชิง ดวงหน้าของเธอไร้ตำหนิทุกส่วน ทั้งดวงตาคมเฉี่ยว จมูกโด่งเล็ก และริมฝีปากอิ่ม เมื่อตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น ผมจึงอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปใกล้ๆ ใช้หลังมือลูบผ่านหัวไหล่เปลือยเปล่าของเธอของแผ่วเบา
“ถ้าคุณหนีไปผมคงผิดหวัง เพราะตั้งใจคิดวิธีขอโทษคุณเอาไว้แล้ว”
แพรวพรรณหัวเราะคิก “แพรวก็อยากรู้ว่าจะเป็นเสือสมชื่อรึเปล่า คุณพยัคฆ์”
ผมไม่ตอบแต่ก้มลงจุมพิตเธอ
แพรวพรรณไม่คล้ายจะตกใจ แต่ตอบรับผมอย่างเร้าร้อนไม่แพ้กัน ทำให้รู้ว่าเธอไม่ใช่สาวน้อยไร้ประสบการณ์
ริมฝีปากประกบกันไร้ช่องว่าง บ่งบอกว่าค่ำคืนนี้คงเร่าร้อนเป็นทะเลเพลิง ขณะผมลิ้มรสและโอบประคองไหล่บอบบางแบบผู้หญิงไว้ จู่ๆ กับมีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในหัว
ถ้าเป็นคุณกันต์ธีร์ เขาคงไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษและอ่อนโยนขนาดผม คงจะรุกเร้าจนอีกฝ่ายหอบตัวโยน
ผมอดคิดอย่างนั้นไม่ได้ แต่ก็รีบไล่ความคิดเพี้ยนๆ นั้นออก แล้วสนใจกับหญิงสาวในอ้อมกอดแทน
ร่างกายที่แนบชิดบดเบียดเริ่มร้อนวาบ ผมไล่ละริมฝีปากลงไปตามลำคอขาวนวลของเธอ กระแสเลือดพลุ่งพล่านด้วยความกระหายอยากของผู้ชาย ตอนนี้มีแค่อยากกลืนกินเธอทั้งเป็น
“อา...” แพรวพรรณครางแผ่วเสียงหวานเมื่อมือหนึ่งของผมกอบกุมหน้าอกของเธอ ประท้วงทั้งๆ ที่เริ่มหอบและนวลแก้มขึ้นสีระเรื่อ “ใจเย็นสิคะพยัคฆ์”
“?”
“เปิดโรงแรมดีไหมคะ แพรวมีที่ที่อยากไป ทำกันในนี้แพรวรู้สึกไม่เร้าใจพอ”
อันที่จริงห้องผู้จัดการของผมก็ไม่ได้ตกแต่งอย่างแย่นัก จัดว่าค่อนข้างหรูหราด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเธอว่าอย่างนั้น ผมจึงเลือกที่จะตามใจ แต่ยังไม่ปล่อยแขนขณะใช้ปลายจมูกไล้ตามแก้มเนียน
“ทนไหวเหรอครับ”
“อย่าแกล้งแพรวสิคะ”
เจ้าหล่อนใช้สองแขนดันแผ่นอกผม หลุบตาเขินอายอย่างอิดออด ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นจริตแต่ผมก็อดรู้สึกชมชอบไม่ได้
“ตามใจคุณผู้หญิงเลยครับ” ว่าอย่างนั้นแล้วปล่อยให้เธอผละออก เห็นจากผิวขาวๆ ที่เริ่มขึ้นสีของเธอ แพรวพรรณเองก็มีอารมณ์กับผมไม่น้อยเหมือนกัน
ผมขับรถพาเธอมายังโรงแรมแห่งหนึ่ง ดูจากความหรูหราแล้วก็น่าจะราคาแพงไม่น้อย แพรวพรรณยักคิ้วขณะใช้นิ้วไล้ตามคางของผมก่อนลงจากรถ “แพรวจ่ายเองค่ะ อ๊ะๆ อย่าปฏิเสธเชียว ไหนๆ คุณก็อุตส่าต์ตามใจแพรวแล้ว”
“ครับผม”
ผมอดคิดไม่ได้ว่ากับเธอคนนี้คงไม่ใช่แค่วันไนท์แสตนด์ ผมชอบความท้าทาย เร้าใจ และแพรวพรรณก็ดูจะเป็นผู้หญิงที่ให้ความรู้สึกเช่นนั้นกับผมได้ ติดแต่ว่าอาจจะต้องซ่อนเธอจากเสี่ยกันต์ธีร์หน่อยเพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมา
แพรวพรรณไปติดต่อห้องยังเคาท์เตอร์ ก่อนที่จะนำกุญแจและคีย์การ์ดมาให้ด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนไป
“คุณไปก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวแพรวตามไป”
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“มีสายเข้าค่ะ น่ารำคาญจริงๆ”
“...” ผมรู้ว่าไม่ควรเสียมารยาทถาม แพรวพรรณเห็นสายตาผมจึงตอบ “แฟนเก่าค่ะ ตื้อไม่เลิกซะที!”
ผมพยักเพยิดไป “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
แพรวพรรณรีบส่ายศีรษะ “ไม่ต้องหรอกค่ะ เกรงใจ แพรวขอโทษจริงๆ เดี๋ยวจะตามไปนะคะ ขอแค่สิบนาที”
ดูเหมือนว่าเธอแค่ประชดแฟนเฉยๆ โดยการมานอนกับผู้ชายคนอื่น ผมเองก็ถามไปอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ไม่แน่ใจว่าเธอจะหนีผมไปรึเปล่า แต่ผมก็เลือกที่จะเดินไปที่ห้องตามคำขอ เพราะหากพลาดจริงๆ ผมอาจโทรเรียกคนอื่นมาแทน
ห้อง 913
ผมใช้คีย์การ์ดและกุญแจเปิดเข้าไป แต่ทันใดนั้นร่างก็ถูกดึงเข้าไปติดกำแพงพร้อมกับมีอีกร่างหนึ่งที่สูงใหญ่กว่าเข้ามาทาบทับ ล็อกแขนสองข้างติดกำแพง เวลาเพียงไม่กี่วินาทีต่อมา ผมถึงจะตระหนักได้ว่าความซวยมาเยือนอีกแล้ว
“ไม่อยู่แปบเดียว เป็นเด็กไม่ดีเลยนะหนูเสือ”
“คุณกันต์ธีร์...”
100%
หนูเสือจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป555 ตอนที่แล้วพิมพ์ forget เป็น forgot ด้วย รีบไปหน่อย
ขอบคุณคอมเมนต์ที่เป็นกำลังใจให้นะคะ ถ้าอยากหวีดในทวีตสามารถใช้แท็ก #เสือกับเสี่ย ได้ค่า เพราะชื่อเรื่องมันยาวเกินไป เอ๊อะ