MUSIC BOX
#นิยายกล่องดนตรี
ผมเติบโตมาพร้อมกับธุรกิจดนตรี
แต่มีเครื่องดนตรีเดียวที่ผมชอบคือ ไวโอลิน – เบนจามิน เกียรติธนธาดา
ผมเติบโตมาพร้อมกับครอบครัวนักดนตรี ผมเล่นดนตรีได้ทุกอย่าง
ยกเว้น ไวโอลิน – คีตา นันทสกุล
CHAPTER.3: KFC
เบนจามินเคยใฝ่ฝันชีวิตการอยู่หอกับแกงค์ลูกเพื่อนแม่ตอนสมัยเรียนมหา’ลัยและฝันก็ดับลงเมื่อแม่ของทุกคนบอกว่า บ้านห่างกันสองซอยต่างคนต่างสลับบ้านกันนอนตั้งแต่สามขวบ จะไปอยู่หอเพื่ออะไรเปลืองเงิน มนุษย์แม่ไม่เข้าใจเลยว่าการตื่นขึ้นมากินข้าวเช้าส่งเสียงดังเฮฮาปาจิงโกะ หรือจะเล่นเกมด้วยกันจนถึงเวลาตีหนึ่งตีสองพร้อมกับเพื่อนมันสนุกสนานมากแค่ไหน
แต่ทุกอย่างที่คิดไว้ในหัวหายวับไปกับตาเมื่อมาเจอกับความจริง
เบนคิดว่าทุกวันนี้นี่เขาใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ล่องหนหรือเปล่า?
เกือบสองอาทิตย์แล้วที่เขาตกปากรับคำกับผู้เป็นพ่อว่าจะใช้เวลาอยู่ร่วมกับคีตา นันทสกุล เพื่อให้โปรเจคของ KTD สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแต่บอกตามตรงว่าตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขาไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่เรียกว่าการทำงานร่วมกันสักอย่าง เบนรู้อย่างเดียวว่า..
คีตา ตื่นเช้ามากทั้งๆ ที่บางวันก็ทำงานอยู่ในสตูดิโอจนดึกดื่น พอตื่นขึ้นมาก็มานั่งกินอาหารเช้าคนเดียวไม่มีอะไรมากมายมีแค่ขนมปังปิ้งไข่ดาวแล้วก็นมหนึ่งแก้ว นั่งกินเงียบๆ จนบางวันเบนนึกว่าหลับคาโต๊ะอาหารไปแล้วเพราะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย จากนั้นก็เดินไปเล่นกับน้องอันนาแป๊บนึง แล้วก็เดินเข้าห้องซ้อมดนตรีไปเล่นกีตาร์ พอเล่นดนตรีเสร็จก็เข้าไปทำงานในสตูดิโอจนเลยเที่ยงคืนทุกวัน
และมันก็เป็นอย่างนั้นซ้ำๆ วนไปทั้งอาทิตย์
ก่อนจะมาอยู่ด้วยกันพ่อก็บอกแล้วนะว่าคีตาเป็นคนเงียบๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเงียบขนาดนี้ วันๆ นึงทำหน้าตาไม่แคร์โลกเห็นยิ้มนิดนึงตอนน้องอันนาเดินเข้ามาเล่นด้วย นอกนั้นก็มีหน้าเดียวตลอด เบนจามินพยายามจะหาเรื่องชวนคุยแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง จะให้ทัก
เฮ้ย..ทำไมไม่พูดเลยวะก็กลัวว่าจะกลายเป็นหาเรื่องแทนเบนเลยเลือกที่จะไม่ถามออกไป เพราะพื้นฐานเป็นคนเฮฮาปาร์ตี้เบนเลยมีนัดข้างนอกแทบทุกวันเวลาเลยไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ พอกลับมาคีตาก็เอาแต่อยู่ในสตูดิโอพอตื่นเช้าอีกฝ่ายก็นั่งกินข้าวคนเดียวเขาก็เลยไม่กล้าทักเลยไปกินข้าวเช้าที่บริษัทแทน
แต่สิ่งที่ได้ยินทุกวันจนเป็นเรื่องเคยชินคือ
เสียงเพลงจากกล่องดนตรี เบนจามินจะได้ยินตอนกลางคืนก่อนนอนอยู่เป็นประจำเหมือนเปิดกล่อมให้นอนหลับ เขาคิดว่าพวกนักดนตรีก็คงชอบอะไรพวกนี้อยู่แล้วเลยไม่ได้เอ่ยถามอะไร
มันก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่เพราะอาทิตย์หน้าพวกเขาต้องเข้าประชุมโปรเจคนี้แล้ว
ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขากับคีตายังไม่เคยพูดถึงเรื่องงานกันสักครั้ง …
รู้สึกถึงความฉิบหายเร็วๆ นี้
“มันก็ต้องมีคนปรับ ถ้าต่างคนต่างอยู่แบบนี้กูบอกเลยชาตินี้งานนี้ก็ไม่เสร็จหรอก”
วันนี้เบนจามินมีนัดกับแกงค์ลูกเพื่อนแม่แต่ขาดสมาชิกอย่าง ภาคิน ที่รับงานต่างจังหวัดตั้งแต่มันออกมาทำฟรีแลนซ์ก็ขึ้นเหนือล่องใต้แทบจะทุกอาทิตย์เลยเหลือแค่หัวหน้าแกงค์อย่างรามิล และคุณชายทับทิม หลังจากที่เบนจามินพิมพ์หัวข้อประชุมลงไปในไลน์กลุ่ม
BEN : ประชุมด่วนเย็นนี้ต้องการเพื่อนคู่คิดมิตรคู่เรือนมาให้คำปรึกษาแน่นอนว่าเจ้าเดิมคือไอ้คินที่อ่านข้อความแล้วตอบกลับมาว่าปัญหาเดิมๆ ชัวร์
แต่จบประโยคด้วยว่าสรุปให้มันรู้ด้วยเพราะไม่อยากตกข่าวแล้วขอตัวไปทำงานต่อ
“เขาโลกส่วนตัวสูงเฉยๆ เปล่าวะ”
“ไม่รู้ว่ะเหมือนเหงาๆ”
“เหงา?”
“เออ..กูก็บอกไม่ถูกรอบตัวเขามันดูเหงาๆ ทำอะไรอยู่คนเดียว กินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว เล่นกีตาร์คนเดียว ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมากูยังไม่เคยเห็นเขาออกไปไหนหรือออกไปหาเพื่อนอะไรแบบนี้เลยว่ะ”
“เด็กมีปัญหา?”
“ไม่รู้ว่ะ ใครจะไปถามวะเรื่องแบบนี้”
“ก็อยู่ที่มึงแล้วเบน..ถ้าเขาเงียบมึงก็เอาความบ้าๆ บอๆ พุ่งเข้าใส่เลยคนอย่างมึงทำให้คนหัวเราะง่ายจะตายแค่มึงทำหน้าตาตลกๆ ด้วยตาตี่ๆ ของมึงคนอื่นเขาก็ขำจะเป็นจะตาย”
“วันนี้น้องทับทิมชมกูๆต้องได้เป็นอันดับหนึ่งแทนไอ้มิลแน่ๆ”
“ไอ้มิลเลี้ยงข้าวกูสามวันติดแล้วแถมคุณต้นไม้ยังให้ดอกไม้กูด้วยไอ้มิลยังเป็นอันดับหนึ่งอยู่”
“โหย…งั้นกูต้องแข่งกับไอ้คินเหรอ”
“มันเหงาไงเบน คู่กัดคู่หูข้างบ้านไม่อยู่ไอ้คินไปเชียงใหม่หนึ่งอาทิตย์”
“งั้นมึงไปกวนไอ้มิลถูกแล้วคนหลงเมียอย่างมันต้องเจอก้างซะบ้าง”
เบนจามินหัวเราะลั่นเมื่อรามิลแกล้งทำหน้าเบื่อใส่ทิมที่พอเห็นก็กระโดดเข้าชาร์ตใส่ เกิดการต่อสู้ระหว่างหัวหน้าแกงค์กับคนที่มีอำนาจกว่าหัวหน้าแกงค์ท่าทางตลกๆ ของแกงค์ลูกเพื่อนแม่ทำให้เบนนึกถึงอีกคนที่อยู่ด้วยกัน คีตาตัวพอๆ กับทิมถ้ายืนด้วยกันนี่ก็น่าจะเท่ากันแต่ที่อีกฝ่ายมีมากกว่าทิมก็คือแก้มที่ป่องออก
เอาจริงๆ หน้าตาก็ดูน่ารักดี
ติดที่เอาแต่ทำหน้าตายตลอดเวลา ไม่รู้ว่ามีอะไรในใจนักหนา
MUSIC BOX
“นี่คือผลงานแต่งเพลงของ KEY ครับคีตา นันทสกุลส่วนมากจะเป็นเพลงช้าเล่นกับกีตาร์ซะส่วนใหญ่”
เบนจามินรับเอกสารที่ให้มาร์ชหาให้มาเปิดดูถือว่าเก่งพอตัวเมื่อเทียบกับอายุ จริงๆ ก็เรียกได้ว่าพรสวรรค์เพราะเห็นเล่นดนตรีได้ทุกอย่างนี่คนหรืออเวนเจอร์ เผลอๆ ดนตรีไทย ขิม ระนาด ซออู้ ซอด้วง ก็อาจจะเล่นได้ เบนจามินไล่ดูเอกสารก่อนจะเสิร์ชหาชื่อเพลงแล้วใส่หูฟัง
แต่งเพลงเก่ง ทุกเพลงทั้งเนื้อเพลงและเมโลดี้ลงตัวหมด
เบนจามินยอมรับแต่…
แค่ฟังติดกันสามเพลงยังรู้สึกได้เลยว่าเพลงมีแต่เนื้อหาที่เกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวัง โดนทิ้ง เจ็บปวดจนไม่อยากเริ่มใหม่ เบนจามินลองฟังทุกเพลงที่มาร์ชหามาให้มันเป็นแบบเดียวกันหมด เนื้อหาไม่ต่างอะไรกันมากนี่เขาก็ไม่รู้เรื่องทฤษฎีการแต่งเพลงนี่มากเท่าไหร่แต่เพราะคุ้นเคยกับวงการนี้มาตั้งแต่เด็กเลยพอมีความรู้อยู่บ้าง แต่เพิ่งเคยเจอคนที่แต่งเพลงเกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวังห้าสิบกว่าเพลง
“หรือว่าโดนแฟนทิ้งมาวะ”
แต่ก็คิดว่าไม่น่าใช่…ถึงใช่เขาก็ไม่กล้าถามเผลอๆ อาจจะโดนต่อยกลับมาไปถามเรื่องละเอียดอ่อนขนาดนั้น ตอนนี้เบนเริ่มนึกถึงโปรเจคสิบนักน้องสิบเพลงรักอีกฝ่ายก็น่าจะเครียดอยู่เหมือนกันเพราะวันก่อนเบนลองเปิดสตูดิโอเข้าไปพบว่าเศษกระดาษที่เขียนทั้งคอร์ดกีตาร์ ทั้งเนื้อเพลง ถูกขีดฆ่าไม่ก็ขยำจนยับยู่ยี่เกลื่อนเต็มห้อง
เบนลองหยิบขึ้นมาอ่าน ..
ฉันไม่เคยเข้าใจคำว่ารักจนมาพบกับเธอ… #$%$^^$##$&&^ท่าทางคนแต่งจะไม่เข้าใจจริงๆ ถึงได้เขียนไม่จบมีการขีดฆ่าและตัวการ์ตูนทำน้าบึ้งตึงเต็มไปหมด ท่าทางการทำงานกับ KTD จะไม่ง่ายสำหรับคีตา นันทสกุล เบนได้แต่ถอนหายใจเพราะเขาเองก็ผิดที่ไม่ได้เริ่มคุยกับอีกฝ่ายเป็นเรื่องเป็นราวสักที ทั้งๆ ที่พรุ่งนี้จะเริ่มประชุมโปรเจคนี้แล้วแท้ๆ
22.45 น.
เบนลองเอาหูแนบประตูห้องนอนของเจ้าเด็กเปี๊ยกคิดว่าคงยังไม่นอนเพราะวันนี้ยังไม่ได้ยินเสียงเพลงจากกล่องดนตรีเหมือนทุกวัน รู้สึกว่าห้องมันเงียบผิดปกติเบนเลยเขยิบเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม
“เฮ้ย!”
เบนจามินเสียหลักเมื่ออยู่ดีๆ ประตูห้องนอนก็เปิดออกไม่ทันตั้งตัวยังดีที่มือพิงผนังไว้ทัน คีตาชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครยืนอยู่หน้าห้องปกตินี่ไม่เคยได้เจอหน้ากันเลยสักครั้งต่างคนต่างอยู่ซะจนลืมไปแล้วว่าอยู่คอนโดเดียวกัน
“พรุ่งนี้ประชุมที่ KTD คุณคีย์คงไม่ลืมใช่ไหม”
“ไม่ลืมหรอกครับ”
“ไปรถผมแล้วกัน”
“เจอกันที่ KTD เลยก็ได้นะครับ”
“เราควรเตี๊ยมกันก่อนจะเข้าประชุมกับฝ่ายอื่น”
อ้อ…พอได้ยินแบบนั้นคีตาเลยพยักหน้ารับแล้วก็กลับมาเงียบตามเดิม เบนเลยตัดบทว่าให้รีบนอนพักผ่อนแต่พูดจบก็ไม่เห็นว่าจะเดินไปไหน คีตาเลยนึกว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อแต่ก็เห็นว่าเงียบเหมือนเดิมเลยเอาแต่ยืนมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น
“คุณเบนไม่นอนเหรอครับ”
“นอน..พรุ่งนี้”
“ครับ”
“เจอกันพรุ่งนี้เช้าให้ยืมน้องอันนาคืนนึงแล้วกันเผื่อคุณคีย์ตื่นเต้นเรื่องที่จะประชุมจนนอนไม่หลับ”
คีตามองคนตัวสูงที่หายเข้าไปในห้องแล้วอุ้มเจ้าแมวหน้าหยิ่งออกมาอีกข้างก็ถือเอาที่นอนแมวติดมือมาด้วย ท่าทางทุกลักทุเลน้องอันนาห้อยต่องแต่งจนคีตาต้องเข้าไปอุ้มมากอดไว้ พอได้ที่อุ่นๆ อันนาก็ซุกตัวร้องอย่างเอาใจเบนจามินต้องยกมือเขกหัวอย่างหมั่นไส้เพราะทำท่าสนิทสนมเกินหน้าเกินตาคนเป็นเจ้าของ
“เจอกันพรุ่งนี้”
“ครับ เจอกันพรุ่งนี้”
เบนจามินมองตามหลังคนที่อุ้มน้องอันนาเข้าห้องไปแล้วดูก็รู้แล้วว่าคีตากำลังเครียดอยู่ ใบหน้านิ่งสนิทแต่แววตาเต็มไปด้วยความกังวลทำให้เบนเองรู้สึกไม่ดีไปด้วย ถ้าเขาต้องทำงานร่วมกันแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายเครียดอยู่อย่างนี้สงสัยงานนี้คงจะล่มไม่เป็นท่า คำพูดของแกงค์ลูกเพื่อนแม่ในวันนั้นย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
“มันก็ต้องมีคนปรับ ถ้าต่างคนต่างอยู่แบบนี้กูบอกเลยชาตินี้งานนี้ก็ไม่เสร็จหรอก”เอาวะ..คนอย่างเบนจามิน เกียรติธนธาดาทำไมจะทำไม่ได้
ลองดูสักตั้ง
MUSIC BOX
นึกว่าจะตื่นไม่ทัน
เบนจามินเด้งตัวขึ้นมาทันที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกมาที่โต๊ะอาหาร แน่นอนว่ามีคีตา นั่งรอก่อนอยู่แล้วมองดูบนโต๊ะเห็นว่ามีขนมปังปิ้งเผื่อไว้สองสามแผ่น เบนเลยลากเก้าอี้แล้วนั่งลงทาแยมลงบนขนมปัง
เงียบมาก..
เป็นการกินข้าวเช้าที่เงียบสุดในชีวิต
เขาไม่ชินจริงๆ นั่นแหละเบนเติบโตมาพร้อมกับครอบครัวใหญ่ มีญาติเยอะแยะจนนับไม่หมดมีลูกพี่ลูกน้องต่างวัยและวัยใกล้เคียงจนนับไม่ถ้วน มีเจ๊เบอร์ดี้ บุ๊ค บาส บี เบ บอย บิน โบว์ บอส บอล บิ๊ก แบ ถึงต่างคนต่างแยกย้ายไปอยู่คนละบ้านเล็กที่อยู่ในระแวกเดียวกันแต่ที่เวลาทานข้าวเช้าในวันหยุดก็จะรวมตัวกันที่บ้านใหญ่สนุกสนานครื้นเครงดี เจ๊เบอร์ดี้จะร้องกรี๊ดเวลาเฮียบาสขโมยไส้กรอก หรือเจ๊บุ๊คจะขอกินแต่กาแฟดำเพราะกลัวอ้วนแต่ก็จบด้วยขนมปังทาเนยที่เฮียบอยจับยัดใส่ปาก
ส่งเสียงดังเฮฮา มื้อเช้าโคตรมีความสุข
ไม่ได้การละ..มื้อเช้ามันจะเงียบเหงาแบบนี้ไม่ได้
ไม่แช่แนว!อยู่ดีๆ เบนจามินก็ลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในห้องครัวแล้วกลับออกมาพร้อมกับกล่องซีเรียลอาหารเช้าที่เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ A-Z สีสันสดใสคุณนายเจียซินซื้อมาตุนไว้ไห้สามสี่กล่อง ตอนแรกคีตานึกว่าเบนจะหยิบออกมาทานเฉยๆ แต่เห็นอีกฝ่ายเทซีเรียลใส่ชามใบใหญ่ตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“เรามาทานอาหารเช้าแบบเกียรติธนธาดากัน”
ตอนแรกไม่เข้าใจหรอก
แต่ตอนนี้กำลังเกิดการต่อสู้บนโต๊ะอาหารอย่างดุเดือด
“morning”
“O นี่มันของผมหยิบช้าอย่ามาโวยวาย”
“เฮ้ย! นี่โกงป่ะนี่คุณคีย์กำไว้ใช่ไหม”
“คุณเบนมี N สามตัวเอาให้ผมตัวนึงผมจะครบแล้ว”
“เรื่อง..ใครเขาให้สมบัติคู่แข่งเอา O มาแลก”
“ไม่! ผมมี O ตัวเดียวเอาของคุณเบนมาคำนี้ผมชนะแน่ๆ”
นี่คือสงครามแย่งตัวอักษรซีเรียลภาษาอังกฤษเบนจามินนึกขอบคุณคุณนายเจียชินและบรรดาญาติๆ ที่ชอบให้เขาเล่นหาคำศัพท์จากซีเรียลก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า จำได้ว่าถ้าใครสะกดคำและหาตัวอักษรได้เร็วซีเรียลก็จะเต็มชามเมื่อก่อนเขาเป็นน้องคนสุดท้องเลยหาไม่ทันพี่ๆ แหกปากร้องไห้เพราะในชามมีซีเรียลแค่สามตัวสุดท้ายบรรดาพี่ๆ ก็เสียสละแบ่งซีเรียลให้เขาคนละช้อนสองช้อน
ถึงแม้จะโตจนไม่มีเวลาเล่นเหมือนเด็กๆ
แต่ก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้กลับมาเล่นอีกครั้งในวัย 27
“ผมชนะ!”
ไอ้คนที่เอาแต่ปฏิเสธไม่ยอมเล่นด้วยในตอนแรกตอนนี้กำลังยิ้มจนลักยิ้มที่มีตรงแก้มข้างซ้ายบุ๋มลงไป นี่ก็ไม่เคยสังเกตว่าเจ้าเปี๊ยกนี้มีลักยิ้มกะเขาด้วยก็อย่างว่าเคยยิ้มให้เห็นซะที่ไหนทุกทีมองหน้ากันไม่ถึงห้านาที เบนจามินเท้าคางมองคนที่ตอนนี้อารมณ์ดีเพราะมีซีเรียลเต็มชามก่อนที่เบนจะลุกขึ้นเอาชามไปเก็บเพราะว่าใกล้ถึงเวลาที่ต้องไปประชุมแล้ว
“คุณ..”
“มันต้องเริ่มเช้าวันใหม่แบบนี้สิ ยิ้มซะบ้างทำหน้าตาเบื่อโลกไปทำไมกัน”เบนขอตัวไปเอาของในห้องนอนทิ้งให้คีตานั่งมองตัวอักษรซีเรียลอาหารเช้าที่คนตัวสูงวางเรียงไว้ให้บนโต๊ะคงตั้งใจให้เขาเห็นก่อนที่จะยกมือขึ้นมาตรงริมฝีปากเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้เขากำลังยิ้มอยู่จริงๆ
SMILE MUSIC BOX
“วันนี้คงคุยเรื่องคอนเซ็ปต์อัลบั้ม แนวเพลง แล้วก็คงเรื่องทั่วๆไป”
“ครับ”
“คุณคีย์โอเคนะ”
“ครับ ผมไม่เป็นอะไร”
เบนจามินหันไปมองคนข้างๆ รู้หรอกว่ากำลังกังวลอยู่ตั้งแต่ในรถที่จับมือสงบศึก(ชั่วคราว) คีตาก็ไม่พูดไม่จาเอาแต่ตอบรับแค่คำว่าครับๆ เพียงเท่านั้น ที่เบนกังวลไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวแต่เห็นรายชื่อคนเข้าประชุมด้วยนี่ถึงกับถอนหายใจ
เมธัส กิจดาการ นี่ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขามาตั้งแต่เด็กยันโตลูกชายของลุงบวรคนที่ทำงานให้กับ KTD มาตั้งแต่เริ่มบริษัท
ไม่รู้ว่าเกลียดอะไรเขานักหนา
ทำงานด้วยกันเมื่อไหร่จ้องจะหาเรื่องตลอด
“จริงๆ โปรเจคนี้ไม่มีอะไรมากและก็ไม่ได้ยากอะไรด้วยครับ แต่เพราะเป็นครั้งแรกที่จ้างนักแต่งเพลงจากที่อื่น และเป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนคนรับผิดชอบโปรเจคจากคุณเบอร์ดี้เป็น..”
มันมาละ..“สิบนักร้องสิบเพลงรักไม่ทราบว่าคุณคีตาได้ลองแต่งเพลงรักบ้างหรือยังครับ”
“………………………………………………………”
“เท่าที่ผมลองฟังเพลงที่คุณแต่ง 95% คือเพลงที่เกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวัง แต่คุณคีตาทราบใช่ไหมครับว่าทุกปีโปรเจคนี้ของ KTD มีแต่เพลงรัก”
“คือผม..”
“ผมเห็น KTD จ้างคุณคีตามาปฏิเสธนักแต่งเพลงที่ผมวางตัวไว้แล้วก็หวังว่าจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ ไม่ใช่เพลงแบบเดิมๆ เนื้อหาเดิมๆ มันฟังแล้วอาจจะน่าเบื่อก็ได้นะครับ”
เบนจามินนั่งกอดอกมองไอ้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดด้วยหน้าตากวนประสาทรู้อยู่หรอกว่าตั้งใจให้เขาโมโหอยู่คงแค้นที่คนของตัวเองโดนปฏิเสธเลยเล่นไม่หยุดแบบนี้ ยิ่งเมธัสถามซ้ำๆ ย้ำๆ อยู่อย่างนั้นความอดทนเบนก็เริ่มจะถึงขีดสุดอยู่เหมือนกัน เขารู้ว่าคีตาก็คงอยากจะลุกขึ้นมาต่อยเมธัสให้ล้มคว่ำแต่เพราะเป็นเรื่องงานเลยได้แต่นั่งนิ่งอยู่แบบนี้แถมที่สำคัญคงเป็นจุดอ่อนของเจ้าตัวด้วยมั้ง…เรื่องแต่งเพลงรักนี่
“คือผมเข้..”
คีตาหันมามามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆเมื่อสัมผัสตรงข้อมือ เบนจามินเอื้อมมือมาจับไว้ก่อนที่คีตาจะพูดตอบกลับไปพอเห็นแบบนั้นคีตาเลยเลือกที่จะเงียบลง ก่อนที่เบนจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดบ้างหลังจากปล่อยให้เมธัสพูดเองเออเองอยู่คนเดียวตั้งแต่เริ่มประชุม
“อย่างที่คุณเมธัสบอกเพราะว่าปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ในฐานะที่ผมเป็นคนดูแลโปรเจคนี้ผมก็มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนทุกอย่าง”
“………………………………………………………”
“จริงอยู่ที่โปรเจคนี้ของ KTD เป็นสิบเพลงรักแต่ถ้าปีนี้จะเป็นปีแรกที่ผมขอเสนอให้เป็น ความรักหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่เพลงรักเหมือนอย่างเดิมทุกปี”
“………………………………………………………”
“เราไม่ต้องทำอะไรให้เหมือนเดิมทุกปีก็ได้นี่แบบใหม่บ้างก็ได้ ผมต้องการให้ทุกคนได้เห็นว่าความรักไม่ได้มีแค่ความรักที่สมหวัง หรือว่ามีแค่ความรักระหว่างคนรัก อาจจะเป็นพี่น้อง ครอบครัว หรือว่าเพื่อน ผมว่าคอนเซ็ปต์เป็นแบบนี้ก็ดูน่าตื่นเต้นดี คุณเมธัสว่าอย่างนั้นไหมครับ”
“………………………………………………………”
“ถ้ามีอะไรไม่เห็นด้วยขอให้ทำมาเป็นเอกสารในการประชุมครั้งหน้านะครับ ขอบคุณ”
“………………………………………………………”
เป็นการตัดบทประชุมที่ทุกคนในห้องประชุมกลืนน้ำลายกันอย่างยากลำบากและแน่นอนว่าจะต้องมีการแบ่งออกเป็นหลายฝั่ง มาร์ชผู้ช่วยของเบนกำหมัดร้องเยสเมื่อเห็นว่าเขาสามารถโต้คุณเมธัสได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่ก็นะคุณเมธัสเขาก็มีลูกสมุนของเขาตอนนี้คงไปรวมพลังมาสู้ใหม่เพราะเห็นเดินกลับห้องทำงานไปด้วยกัน
“คุณคีย์ไม่ต้องตกใจนะครับ คุณเมธัสเป็นแบบนี้ตลอดสงสัยอิจฉาที่คุณเบนหล่อกว่า”
“สัส หล่อน้อยกว่ากูแล้วยังจ้องจะหาเรื่องอีกเบื่อหน้ามันฉิบหาย”
“แล้วสรุปเพลงในโปรเจคนี้….”
คีตาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเบนจามินพูดเหมือนสรุปทุกอย่างไปแล้วแต่เขาก็ไม่ได้คิดจะค้านอะไรหรอกเป็นอย่างที่คุณเบนบอกมันก็ดีกว่าสิบเพลงรักอยู่ดี แต่เอาเข้าจริงๆ หัวสมองมันก็ว่างเปล่าไม่ต่างกันเป็นครั้งแรกที่เขานึกอะไรไม่ออกเลยไม่มีแม้แต่เนื้อเพลงหรือเมโลดี้ในหัว
“หิวข้าว กินก่อนค่อยคิดท้องอิ่มหัวสมองแล่น”
นึกว่าจะระดับทายาท KTD จะกินแต่อาหารหรูๆ แต่สุดท้ายก็กลับคอนโดแล้วสั่งเคเอฟซีถังใหญ่ เบนจามินบอกประชุมดูดพลังต่อสู้กับเหล่าวายร้ายเลยอยากพักผ่อนไม่อยากไปนั่งร้านอาหารให้ปวดหัว คีตาเองก็ไม่อยากไปขัดเพราะคิดว่าเรื่องที่ประชุมวันนี้เขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกันเลยได้แต่นั่งกินเงียบๆ อยากถามเรื่องงานต่อแต่ตอนนี้เขาเองก็ยังจัดการตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
เขาจะต้องแต่งเพลงแบบไหน
แล้วความรักมันมีกี่รูปแบบกัน ความรักสำหรับเขาก็มีแค่ด้านเดียว..
“ผมเปิดทีวีนะ”
“ครับ”
เบนจามินไล่ช่องไปเรื่อยๆ จนมาเจอกับละครที่ฉายช่องเคเบิ้ลเนื้อหาในละครก็เหมือนที่เคยดู นางเอกกำลังจะแต่งงานกับพระเอกพระรองที่เป็นเพื่อนนางเอกแอบชอบนางเอกมาตลอดก็ไม่กล้าจะบอกความในใจเลยเก็บเอาไว้จนถึงวินาทีสุดท้าย คีตาที่นั่งดูอยู่ด้วยก็คิดเหมือนในละคร
ถ้าเขาเป็นพระรองเขาก็จะเก็บความรู้สึกเอาไว้
ไม่บอกให้นางเอกรู้เหมือนกัน
“ทำไมไม่บอกชอบไปวะ”
“อะไรนะครับ?”
“ไอ้พระรองเนี่ยทำไมไม่บอกไปว่าชอบ”
“ก็เขากลัวเสียเพื่อนหรือเปล่าถ้าบอกออกไปแล้วทุกอย่างไม่โอเค”
“ถ้าเป็นผม ชอบใครผมก็จะบอกแล้วก็จะยอมรับผลที่ตามมาด้วย ถือคติบอกให้เขารู้ดีกว่าเขาไม่รับรู้อะไรเลยจะเก็บความรู้สึกนี้ไปจนตายไม่ได้”
“แต่คนส่วนใหญ่ผมคิดว่าเขาไม่บอกกันนะ ผมเองก็คิดแบบนั้น”
“อ้าวคุณ..ก็นี่มุมมองผมคนเราจะคิดเหมือนกันได้ไงถ้าคุณคีย์ไปถามคนร้อยคนเขาก็มีมุมมองความรักร้อยแบบ ทุกคนมีรูปแบบความรักของตัวเอง สำหรับผมจะทำทุกอย่างเพื่อความรักถึงแม้สุดท้ายผมจะไม่ได้อะไรกลับคืนมาก็ตาม”
ถามคนร้อยคนเขาก็มีมุมมองความรักร้อยแบบ
ทุกคนมีรูปแบบความรักของตัวเอง“จะทำทุกอย่างเพื่อความรักถึงแม้สุดท้ายผมจะไม่ได้อะไรกลับคืนมาก็ตาม”
คีตาพูดประโยคที่ได้ยินจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ วนไปวนมามันเหมือนเพียงเสี้ยววินาทีที่ความคิดวิ่งเข้ามาในหัว เก็บความรู้สึกไว้แล้วไม่พูดออกไปก็คือรักที่ไม่สมหวังแต่ถึงจะบอกทุกอย่างไปแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็เป็นรักที่ไม่สมหวังเหมือนกันแต่ต่างกันตรงที่เลือกที่จะบอกหรือไม่บอก
เขารู้แล้ว..โปรเจคของ KTD
“เดี๋ยว..หยุด!”
เบนจามินกำลังหยิบส้อมจิ้มเฟรนซ์ฟรายเข้าปากตกใจกับเสียงตะโกนของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยค้างชะงักอยู่อย่างนั้นไม่กล้าขยับตัวไปไหนก่อนที่คีตาจะลุกขึ้นแล้วหายเข้าไปในห้องกลับมาอีกทีพร้อมกับกีตาร์และแม๊คบุ๊คก่อนจะก้มหน้าพิมพ์อะไรยุกยิกๆ แล้วก็ยื่นกีตาร์ให้เบนจามินที่รับมาถืออย่าง งงๆ
“คุณเบนเล่นกีตาร์เป็นใช่ไหม”
“เป็นครับ”
“คุณลองดีดตามที่ผมบอกหน่อย”
เบนจามินค่อยๆ ดีดกีตาร์ไปตามคอร์ด
เมื่ออีกฝ่ายทำเสียงไล่เมโลดี้ไปเรื่อยๆ
“จะขอทำทุกอย่างเพื่อความรักถึงแม้สุดท้ายจะไม่ได้อะไรกลับคืนมา”
เนื้อเพลงที่คีตาลองร้องออกมาทำให้เบนจามินยิ้มกว้างเมื่อมันคือประโยคที่เขาพูดไปเมื่อสักครู่ ก่อนที่อีกฝ่ายจะก้มหน้ากับแม๊คบุ๊คอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่เบนได้เห็นคีตา นันทสกุลในแบบนักแต่งเพลง คนตรงหน้าเรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อดนตรีโดยเฉพาะทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมดทั้งการเคาะนิ้วหาจังหวะหรือแม้แต่การฮัมทำนองเพลง
เบนบอกตรงๆ ว่าเขาละสายตาไปไม่ได้
“คุณเบนเรื่องที่ประชุมวันนี้ ผม….ขอบคุณนะครับ”
“ผมไม่อยากให้คุณเสียเวลากับเมธัส ถ้าคุณตอบเขาตอนนั้นรับรองว่าเขาไม่จบแค่นั้นแน่เขาก็จะถามจี้คุณไปเรื่อยๆ อีกอย่างนี่เราเรียกว่าปรองดองสามัคคีกันแล้วใช่ไหมครับ”
“ถ้าเรามีศัตรูคนเดียวกันก็คิดว่าใช่”
เบนจามินหัวเราะคงหมายถึงเมธัส ดีแล้วที่เขาห้ามคีตาเอาไว้เพราะเขารู้ดีว่าเมธัสนิสัยยังไง เพราะโดนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแน่ล่ะเรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาลไอ้ทิมนี่หมายหัวเมธัสตั้งแต่ป.3เพราะมันเคยโดนผลักจนหล่นจากชิงช้ามันเลยขึ้นบัญชีไว้เลยว่าโคตรเกลียดแต่จริงๆ เบนก็พอรู้สาเหตุก็คงอิจฉาเขาในฐานะทายาท KTD
ก็ทำได้แค่ปล่อยไปวันๆ ยังไงก็ลูกหลานคนเก่าคนแก่
ไม่อยากให้มันมีเรื่องราวใหญ่โต
“แล้วเรื่องแนวเพลงที่คุณเบนบอก”
“ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ ครับผมไม่อยากให้โปรเจคมันเหมือนเดิมทุกปี ไหนๆ ผมก็ได้ดูแลโปรเจคนี้แล้วก็อยากทำให้แตกต่างจากทุกปีไปเลย ส่วนเรื่องเพลง..”
“ที่คุณเมธัสบอกมันก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน เพลงที่ผมแต่งเนื้อหามัน….”
“มีแต่เพลงรักที่ไม่สมหวังวันก่อนผมไปหาเพลงที่คุณคีย์แต่งมาลองฟัง ฟังไปสามเพลงถ้าอกหักอยู่ร้องไห้น้ำตาหมดตัวแล้วนะคุณ”
“ผมเพิ่งคิดได้เมื่อกี้ว่าจะลองแต่งเพลงแบบใหม่ ไม่ใช่จากมุมมองของผมคนเดียวเหมือนที่คุณเบนบอก”
“ผม?”
“ถามคนร้อยคนเขาก็มีมุมมองความรักร้อยแบบทุกคนมีรูปแบบความรักของตัวเอง สิบเพลงรักของKTD เรามาแต่งเพลงจากมุมมองความรักของหลายๆ คนกัน ตกลงนะ”เบนจามินมองคนที่ยิ้มกว้างจนลักยิ้มบุ๋มลงไปท่าทางมีความสุขในแบบไม่เคยเห็นทำให้ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้าตอบรับไปเท่านั้นพออารมณ์ดีก็ดูเป็นเด็กน่ารักคนนึงเหมือนเด็กที่เพิ่งได้ของเล่น เบนจามินก็ไม่รู้หรอกว่าระหว่างเขากับนักแต่งเพลงตัวเปี๊ยกนี่เรียกว่าญาติดีกันหรือยังแต่ก็ไม่ได้กระชากคอเสื้อเหมือนแต่ก่อนก็โอเคแล้ว
ถึงแม้ว่ารอบตัวของคีตาจะมีบรรยากาศเหงาๆ อยู่บ้าง
แต่เบนจามินก็หวังว่าความเหงาที่คีตามีสักวันมันก็คงจะหายไปก็คงมีสักวัน..
“ห้ามกินน่อง ผมจอง”
“ไม่ได้คุณ..น่องนี่ของโปรดผมคุณคีย์ก็กินนักเก็ตไป”
“ไม่! คุณเบนกินไปแล้วอันนึงอันนี้ของผม”
“ก็ผมจะกินสองอันงั้นผมให้ไก่ป๊อบคุณสองชิ้นแลกกัน”
“ไม่เอาจะกินน่อง”
“มุมมองความรักอีกอย่างนึงคือการเสียสละเอาน่องไก่ให้ผม”
“สำหรับเคเอฟซีไม่เคยมีคำว่าเสียสละ อย่าดันแก้ม! มือมันเลอะเห็นไหมเนี่ย!”
เบนจามินหัวเราะลั่นเมื่อเขาเผลอเอามือที่ถือซองซอสไปโดนแก้มของอีกฝ่ายจนเลอะซอสสีแดงๆ นึกว่าเจ้าเปี๊ยกจะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแต่ก็แค่หันมาแยกเขี้ยวใส่แล้วก็พยายามจะแย่งน่องไก่ในกระป๋องอีกครั้ง แต่เบนก็ไวกว่ารีบคว้ากระป๋องมากอดไว้แน่น คีตาเอื้อมมือมาคว้ากระป๋องทำท่าจะแย่งไปให้ได้ท่าทางเอาจริงเอาจังทำให้เบนต้องยอมแพ้ จริงๆ ไม่ได้กลัวว่าจะไม่ได้กินน่องไก่หรอกแต่ท่าทางแบบบนี้ของคีตาเป็นครั้งแรกที่เพิ่งเคยเห็น
ตลกดีน่าเอ็นดูกว่าตอนทำหน้าเบื่อโลกตั้งเยอะ เบนจามินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ก่อนจะพิมพ์ข้อความทิ้งไว้ในกรุ๊ปลูกเพื่อนแม่
BEN : พวกมึงวันนี้กูสั่งเคเอฟซีมากินไม่เคยมีใครแย่งกูกินน่องเลยเพิ่งมีคนแรก…เคเอฟซีอร่อยว่ะวันนี้กูอารมณ์ดีในรอบหนึ่งเดือน คิดถึงนะจ๊ะแกงค์ลูกเพื่อนแม่ จุ๊บ จุ๊บ TO BE CON
#นิยายกล่องดนตรี #ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo
ผู้ชายที่อันตรายคือ ผู้ชายที่หล่อและตลก -*-