ต่อจากหน้า:
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47105.msg3146263#msg3146263ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซต์ดังมาจอดหน้าบ้าน ผมหันไปมอง เห็นไผ่กำลังเปิดประตูเดินเข้ามาตามติดด้วยเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทุกคนอยู่ในชุดนักเรียน หอบกระดาษโปสเตอร์แผ่นใหญ่ ๆ กับอุปกรณ์อะไรเยอะแยะติดมือมาด้วย
พวกมันพากันยกมือไหว้พี่ฟ้า ยกเว้นไผ่ที่สนิทจนไม่ต้องไหว้แล้ว เดินมาทางผม ผมปล่อยกระดาษให้พี่ฟ้าถือคนเดียว
“ดีขึ้นรึยังมึง” ไผ่มันถาม อังมือกับหน้าผากผมเบา ๆ
“ดีแล้ว” ผมตอบรับ หันไปทักเพื่อน ๆ ที่เหลือต่อ
“แล้วขนไรมากันเยอะแยะ” ผมมองอุปกรณ์ในมือของแต่ละคน
“จารย์เขี้ยวอ่ะดิ ให้โปรเจ็คยักย์มา ไม่รู้จะไปรวมตัวกันที่ไหน เลยพากันมาบ้านมึงนี่แหละ จะได้เยี่ยมมึงไปในตัว”
ผมพยักหน้าเข้าใจ พวกมันหิ้วขนมมากันด้วย เยอะแยะเลย ผมรับมาถือไว้ พูดขอบใจพวกมันเบา ๆ
“งั้นฝนพาเพื่อนเข้าไปนั่งรอในห้องนั่งเล่นนะ ขอเวลาพี่เก็บพวกนี้ก่อน จะเข้าครัวไปทำอะไรให้กิน”
พวกมันพากันยิ้มลาภปาก หันหัวเรือพากันเดินเข้าบ้าน ไผ่มันเข้ามาช่วยผมถือข้าวของ มันสั่งให้พวกเพื่อน ๆ ผมคนอื่นไปนั่งรอในห้องนั่งเล่น ส่วนมันกับผมพากันเดินเข้าครัวไปเอาของออกจากถุง
เยอะเลยครับ นี่พวกมันคงกะซื้อมาฝากบวกกินกันเองด้วยแน่ ๆ พอเรียบร้อยผมกับมันก็พากันเอาของถือลำเรียงไปยังโต๊ะที่มีเพื่อน ๆ ผมนั่งประจำการอยู่ พวกมันรีบเข้ามาช่วยกันยก
“มีผลไม้อยู่ในตู้เย็นด้วย” ผมหันไปบอกไผ่ มันพยักหน้า เดินตามผมเข้าครัวไปอีกรอบ ผมเปิดตู้เย็นดึงถุงผลไม้ออกมา มีฝรั่ง มะม่วงแล้วก็แอ๊พเปิ้ล ผมยัดถุงผลไม้ทั้งหมดใส่มือไผ่ที่ยืนรออยู่ใกล้ ๆ พอเรียบร้อยก็ปิดตู้เย็น เอาผลไม้ทั้งหมดไปล้าง
“นี่ถ้าไม่เกรงใจพี่มึงนะ กูว่าจะใช้ที่นี่เป็นที่สิงเวลาทำโปรเจ็ค แม่ง ยัยเขี้ยวให้โปรเจ็คมาราธอนมาก เห็นได้ข่าวว่าแฟนเก่าเจ้าหล่อนควงผู้หญิงมาเย้ย แค้นฝังหุ่นหนักหน่วง งานยากเลยมาตกที่เรานี่แหละ” ไผ่มันบ่นตอนผมกำลังเฉาะฝรั่งลงจาน
“งั้นขอกูถามพี่กูก่อนละกัน”
“เอาสิ” เสียงพี่ฟ้าตอบรับทันที ผมกับไผ่หันไปมอง พี่ฟ้าเดินเข้ามาในครัว “จะมากันตอนไหนก็โทรมาบอกกันก่อนละกัน จะได้ทำอะไรไว้ให้กิน”
“ไม่ต้องก็ได้ แค่ให้ที่สิงตอนทำโปรเจ็คก็พอ”
“ไม่เป็นไร ไงพี่ก็ว่างไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” พี่ฟ้าหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ เดินมาช่วยปอกมะม่วง “ไปนั่งกินกันก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ดูก่อนว่ามีอะไรให้ทำได้บ้าง”
ผมกับไผ่รีบพากันถือจานผลไม้ที่หั่นเรียบร้อยบางส่วนแล้วออกไปทันที
“พี่ฟ้าให้ใช้ที่นี่เป็นที่สิงได้ แต่ต้องโทรบอกก่อนจะได้เตรียมทำของกินไว้ให้ได้”
“โห ใจดีว่ะ สวยเหมือนนางฟ้าไม่พอนิสัยยังนางฟ้าอีกต่างหาก” หินมันว่า
ไผ่โยนงานเบา ๆ มาให้ผมทำ บ้านแทบแตกครับ ไม่รู้พวกมันมาทำรายงานหรือมาก่อสงครามกันแน่ พองานเบาหมด ผมก็หันไปแย่งงานจากคนอื่นมาทำต่อ
เพราะโต๊ะมีจำกัด พวกผมบางคนจึงต้องลงไปนั่งทำกับพื้น รวมถึงผมที่เป็นเจ้าของบ้านด้วย ตอนนี้ผมกำลังเขียนตัวอักษรที่หินมันร่างไว้เพื่อเตรียมให้เพื่อนผู้หญิงอีกคนตัด แต่อยู่ ๆ ไผ่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ดึงดินสอออกจากมือผม จับคอเสื้อผมบังคับให้ลุกเดินออกจากกลุ่มไป
“ไผ่ กูทำงานอยู่”
“พอแค่นั้นแหละ ที่เหลือเดี๋ยวพวกกูจัดการเอง เดี๋ยวไข้กลับ”
“กูไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
“ห่า แล้วใครวะ เข้าโรงบาลนอนซมเป็นว่าเล่น เลิกแค่นี้แหละ”
ผมทำหน้าเหม็นเบื่อ แต่ก็พยักหน้ายอม ๆ หันหลังเตรียมจะเดินกลับ ทำไม่ได้นั่งดูก็ยังดี ยังไม่ทันจะก้าวเดินผมก็ต้องหมุนติ้วกลับมายืนที่เดิมจากแรงฉุดของมัน
“มีไรอีก”
มันไม่พูดอะไร จ้องหน้าผมเขม็ง ทำท่าอึดอัด ก่อนลากผมเดินลิ่ว ๆ ไปยืนหลบอยู่หลังพุ่มไม้ใต้ต้นลีลาวดี ตรงนี้ถ้ามองจากหน้าบ้านหรือในบ้านไม่เห็นหรอกครับ เป็นมุมอับที่ผมกับพี่ฟ้าชอบมาแอบพ่อแม่เล่นขายของกันประจำ
มันหันซ้ายหันขวา คล้ายกับจะเช็กว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่า แล้วหันมาจ้องหน้าผมเขม็ง
“กูมีเรื่องอยากถาม”
“อะไร”
“มึงคบกับใครอยู่หรือเปล่า”
ผมขมวดคิ้วไปกับคำถามนั้น
“กูจะไปคบกับใครได้ วัน ๆ ก็อยู่แต่กับพวกมึง”
มันจ้องผม
“มึง ไม่ต้องปิดบังกูก็ได้ กูเพื่อนมึง หรือมึงคบกับคนที่เปิดเผยตัวไม่ได้”
ผมมองมันงง ๆ ยิ่งกว่าเดิม
“หมายความว่ายังไง”
มันพยักหน้ามาแถว ๆ หน้าอกผม ผมก้มมองตาม แต่ไม่เห็นอะไรหรอกนอกจากลายการ์ตูนบนเสื้อยืดที่ผมใส่อยู่
“อะไร” ผมเงยหน้าถามมันงง ๆ
“เมื่อวานกูเห็นรอยคิสมาร์คบนตัวมึง”
ผมหน้าชาวูบ รีบก้มมองตามอีกรอบ ไม่น่าจะมีนะ เพราะปกติพี่หมอไม่เคยทิ้งรอยไว้
“กะ กูว่ามึงตาฝาดแล้ว”
ผมกุกกักบอก มันทำหน้าหงุดหงิด จับชายเสื้อผมเลิกสูงจนถึงคอ ลมเย็นปลิววูบ
“เฮ้ย ทำอะไรของมึงเนี่ย!” ผมจับมือมันหวังดึงออก แต่มันยึดจับไว้แน่นเหมือนเดิม กวาดมองมารอบ ๆ ทำหน้าแปลกใจ ผมก้มมองตาม ตาโตทันทีเพราะบนหน้าอกผมตอนนี้มีรอยคิสมาร์คอยู่จริง ๆ
สองรอย แดง ๆ อย่างชัดเลย ไผ่ขมวดหัวคิ้ว ทำท่าคิด
“เมื่อวานกูเห็นแค่รอยเดียว แต่วันนี้มันเพิ่มมาอีกรอย” มันพูดเสียงเบา ช้อนตามองผม ผมหลุกหลิกสายตาไปมา
ไม่มีทาง พี่หมอไม่มีทางมาทิ้งรอยไว้แบบนี้แน่ ๆ
แต่เดี๋ยวนะ…
เมื่อวานรอยเดียว แต่วันนี้สองรอย..
ผมขมวดคิ้วคิด แล้วรอยพวกนี้มาจากไหน พี่หมอเป็นคนทำเหรอ แล้วมาทำตอนไหน เพราะครั้งสุดท้ายที่ผมนอนกับพี่หมอ คือตอนไปทำรายงานบ้านไผ่ หลังจากนั้นก็ไม่ได้นอนด้วยกันอีก แล้วตอนนั้นพี่หมอก็ไม่ได้ทิ้งรอยอะไรไว้ด้วย
มันเกิดขึ้นได้ยังไง...
วันนี้ตอนอาบน้ำก็ไม่ได้มองด้วยเพราะความรีบ จะว่าเป็นรอยอะไรกัดก็ไม่น่าจะใช่ ต่อให้ผมไม่เคยนอนกับใครมาก่อน แต่ก็ใช่จะแยกไม่ออกว่าอะไรคือรอยกัดจากสัตว์กับรอยคิสมาร์คที่เกิดจากน้ำมือคน
สิ่งที่เด่นหราอยู่บนหน้าอกผมตอนนี้ มันรอยคิสมาร์คแน่ ๆ
ผมพยายามคิดทบทวน แล้วภาพบางอย่างก็หวนเข้ามาในความคิด ภาพของปีศาจพี่หมอที่มานอนกับผมเมื่อคืน
“ไม่จริงน่า…”
ผมครางกับตัวเอง ไผ่จับสองไหล่ผมไว้ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มึงคบกับใครอยู่ ทำไมแค่นี้บอกไม่ได้”
“กะ กู” ผมหลุกหลิกสายตาไปมา
“ฝน”
ผมไม่กล้าเงยหน้าสบตามัน
“ที่กูถามนี่เพราะกูเป็นห่วง มึงไม่สบายหนักมากเมื่อคืน หมอบอกว่าเป็นเพราะสภาพจิตใจมึงแย่ ตอนแรกกูก็คิดว่าเป็นเพราะงานที่โรงเรียน แต่กูว่าไม่น่าจะใช่ เพราะคนคนนั้นใช่ไหม คนที่ทำรอยนี้กับมึง มึงถึงได้เครียด บอกกูมา แล้วมีปัญหาอะไรกัน ทำไมต้องเครียดขนาดนี้ด้วย”
ภาพพี่หมอแล่นเข้ามาในหัว
จะให้ผมบอกมันได้ยังไง
“ฝน...”
ผมควรจะทำยังไงดี...
บอกมันไปเลย หรือปิดบังให้ตัวเองทรมานอยู่แบบนี้
“ฝน ฝน เฮ้ย! ขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจบังคับมึง ใจเย็น ๆ นะ อย่าเพิ่งร้องไห้” มันรีบโอบผมเข้าไปกอดทันที
นี่ผมร้องไห้เหรอ...
ผมไม่รู้...
ผมกอดตอบมันเบา ๆ
ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นเงาอะไรบางอย่างหลังพุ่มไม้ ผมรีบผลักมันออกมาปาดน้ำตา
“ไว้ถึงเวลากูจะบอกนะ อย่าเพิ่งถามอะไรกูตอนนี้เลย”
มันมองหน้า สีหน้าไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ยอมพยักหน้ารับ ซับน้ำตาให้เบา ๆ ไอ้นี่มันเป็นพวกเห็นน้ำตาคนไม่ได้ครับ ต้องเข้าไปซับให้ตลอด
แม่ง กูไม่ใช่ผู้หญิงนะ
แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจมัน ยืนนิ่งให้มันซับอยู่อย่างนั้น
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กูเชื่อใจมึง และจะอยู่เคียงข้างมึงเสมอนะ จำเอาไว้”
ผมพยักหน้า มองเห็นคนที่ซ่อนตัวอยู่ชัดเจนขึ้น ผมรีบผลักไผ่ออก
“เราเข้าไปในบ้านกันเถอะ”
ผมชวน ไผ่พยักหน้า ผมเหลือบไปมองใครคนนั้นอีกที ไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ที่นี่ได้ยังไง และมาทำไม แต่ผมไม่อยากอยู่ใกล้เขา
ระหว่างทางที่กำลังเดิน ๆ อยู่ มือถือที่ผมตั้งระบบสั่นไว้ดังขึ้น ผมชะลอฝีเท้า ปล่อยให้ไผ่เดินล่วงนำหน้าเข้าไปก่อน ล้วงหยิบมือถือขึ้นมามอง ไผ่หันมามอง ผมพยักหน้าให้มันเข้าบ้านไปก่อน มันพยักหน้าเข้าใจเดินข้าบ้านไป
ผมมองชื่อคนที่โทรมาอยู่นาน
‘ปีศาจ’
ผมตัดสินใจกดตัดสาย จะเดินอีกรอบ แต่มือถือดังขึ้นอีก ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นใคร ผมกดตัดสายอีกที เดินลิ่วเข้าบ้านไป ยังไม่ทันจะถึงกลุ่มเสียงเมสเสจก็ดังขึ้น
เสียงเรียกเข้ายังไม่ทำให้ผมหวาดผวาได้เท่ากับเสียงเมสเสจเลย เพราะนั่นหมายถึงอาจมีภาพถ่ายบางอย่างของผมส่งมาให้ ผมหยุดเดิน หยิบมือถือขึ้นมากดเปิดดู ผมลบภาพนั้นทันทีที่มันปรากฏ
ดีว่าไผ่เข้าห้องน้ำก่อนเลยไม่มารู้เห็นด้วย
ผมรีบหันหลัง วิ่งกลับไปยังจุดเดิมทันที
To Be Con...
บอกแล้วว่าเรื่องนี้ แรก ๆ มันสั้น หลัง ๆ ยาวมากกกกกก TT
แอบเป็นห่วงคนอ่าน แยกแบ่งโดด ๆ แบบนี้ อ่านกันรู้เรื่องไหมคะ (กลัวอ่านกันไม่รู้เรื่องมาก TT)