-๑๙-
ผู้มาเยือน
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปปลาวาฬออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว ช่วงแรกๆ เจ้าตัวแทบทำอะไรเองไม่ได้เลยเพราะยังเจ็บแผลผ่าตัดที่ท้องอยู่ ทำให้ทุกอย่างตกเป็นหน้าที่ของนักบินโดยอัตโนมัติ ทว่านักบินกลับทำหน้าที่ไม่ได้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าคุณหญิงจะสั่งให้จ้างพี่เลี้ยงมาช่วย แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมเพราะอยากจะทำหน้าที่พ่อด้วยตัวเองให้ดีที่สุดเสียก่อน
อุแว้ๆๆ
“คุณลูกร้อง” ขณะที่ปลาวาฬกำลังป้อนนมลูกสาวอยู่นั้น ลูกชายอีกคนที่นอนอยู่บนเบาะนุ่มก็ร้องเสียงดังขึ้นมา ทำเอาคนเป็นพ่อที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เมื่อคืนนี้เจ้าตัวก็แทบไม่ได้นอนเพราะเจ้าตัวน้อยทั้งสองร้องไห้งอแงแข่งกันแทบทั้งคืน
“ตัวน้อยของพ่อเป็นอะไรครับ อย่างอแงสิ เอ่เอ้..” นักบินลุกขึ้นมาอุ้มลูกชายขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด แล้วแกว่งไปมาเบาๆ เพื่อให้ลูกชายหยุดร้องแต่ก็ไม่ได้ผล
อุแว้ๆๆ
“เอานมป้อนลูกสิคุณ สงสัยจะหิว” ปลาวาฬเอ่ยแนะนำพร้อมกับขำเมื่อเห็นสภาพของนักบิน ขอบตาล่างคล้ำอย่างกับหมีแพนด้า ผมที่เคยเรียบตรงกับฟูขึ้นมาอย่างกับโดนไฟฟ้าช็อต เขาบอกแล้วว่าให้จ้างพี่เลี้ยงแต่ก็ไม่ยอม เป็นไงล่ะทีนี้สภาพแทบดูไม่ได้เลย
“โอเคๆ” ว่าแล้วก็วางลูกชายไว้บนเบาะนอนก่อนจะเดินไปหยิบขวดนม ที่ปลาวาฬชงไว้เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ แล้วเดินกลับมาอุ้มลูกชายเอาไว้ในอ้อมแขนเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็ป้อนนมทันที
จ๊วบๆๆ
“เงียบเลยสงสัยจะหิวมากสินะลูกพ่อ” เมื่อเห็นลูกชายดื่มนมอย่างกระหายหิว นักบินก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แล้วจ้องมองอยู่อย่างนั้นพร้อมกับยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“ผมบอกให้จ้างพี่เลี้ยงก็ไม่ยอม เป็นไงล่ะสภาพดูไม่ได้เลย” ปลาวาฬเอ่ยพร้อมกับขำออกมา
“เหนื่อยแต่มีความสุขอย่างนี้...ฉันยอม อีกไม่นานคงจะชินแล้วล่ะ ว่าแต่นายเถอะหายเจ็บแผลหรือยัง” นักบินถามกลับ
“ก็ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ แต่ตอนนี้เริ่มคันมากกว่า”
“อย่าไปเกามันล่ะอีกแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หายแล้ว อีกสักสัปดาห์แล้วเราค่อยมาทำน้องให้ปลาดาวกับนักสู้กันอีกนะ” นักบินยังคงตั้งตารอวันที่จะได้เชยชมเรือนร่างของอีกฝ่ายอยู่เสมอ
“หื่นไม่เลิกเลยนะคุณ คราวนี้ผมไม่ยอมคุณง่ายๆหรอกบอกไว้เลย” ปลาวาฬแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายทันที
“นายไม่สงสารฉันเหรออดอยากปากแห้งมานานแล้วนะ” นักบินเริ่มใช้บทอ้อน
“ไม่ล่ะ...ผมสงสารตัวเองมากกว่า โดนทีแทบจะฉีกแต่ถ้าคุณไปลดขนาดไอ้นั่นมาผมอาจจะยอมก็ได้นะ” ปลาวาฬเอ่ยแนะนำพร้อมกับยักคิ้วให้ เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
“จะบ้าเหรอ! มีแต่คนอยากทำให้มันใหญ่ขึ้น มาบอกให้ลดขนาดมันทำได้ที่ไหนกันล่ะ อย่ามาเฉไฉไปหน่อยเลย ช่วงนี้มันเป็นโอกาสที่เหมาะแล้ว ถ้าเผื่อลูกโตขึ้นมามีหวังไม่ได้ทำอะไรกันแน่ๆ คงจะป่วนน่าดู”
“คุณคิดการณ์ไกลเกินไปป่ะ ถ้าคุณทำดีอย่างนี้ต่อไปผมคงไม่ใจร้ายหรอกน่า”
“จริงๆนะ นายพูดแล้วห้ามคืนคำเด็ดขาด” เมื่อได้ยินคนรักพูดอย่างนั้นนักบินก็ทำสีหน้าดีใจยกใหญ่ ปลาวาฬถึงกับขำกับท่าทางตื่นเต้นดีใจของนักบิน คนหื่นยังไงก็คงหื่นวันยังค่ำสินะ
“ผมไม่บิดพลิ้วหรอกน่าแต่ขอเวลาอีกสักพักก็แล้วกันนะ” ปลาวาฬเอ่ยกับอีกฝ่าย อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นรางวัลให้กับความทุ่มเทก็แล้วกัน
“ได้ยินย่างนี้แล้วก็หายเหนื่อยทันทีเลย” นักบินยิ้มกริ่มด้วยความดีใจ
“คุณนี่นะ...ว่าแต่นักรบจะกลับมาวันไหนนะ” ปลาวาฬนึกขึ้นได้ว่าใกล้ถึงวันที่นักรบจะกลับมาจากต่างประเทศแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมาทันที
“สัปดาห์หน้านี้ล่ะ มันเห็นรูปหลานแล้วยิ่งอยากกลับมาเร็วๆ สงสัยคงจะอยากกอดมาก” นักบินเอ่ย เขาคุยกับน้องชายเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้นักรบทำใจเรื่องปลาวาฬได้แล้ว แถมยังมีคนรู้ใจที่บังเอิญไปเจอกันที่โน่นอีกด้วย
“ดีใจจัง จะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วสินะ” ปลาวาฬเองก็คิดถึงนักรบอยู่ไม่น้อย อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ เหลือเกิน คงจะเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งแน่นอน
“ฉันเองก็ดีใจที่ทุกอย่างมันลงเอยได้ด้วยดี” นักบินมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาที่หวานซึ้ง ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกขึ้นมาทันที
“ถ้าลูกหลับแล้วไปซักผ้าอ้อมด้วยนะคุณ” ปลาวาฬอยากแกล้งอีกฝ่าย จึงเปลี่ยนเรื่องกะทันหันพร้อมกับขำออกมา
“อ้าว! กำลังจะซึ้งอยู่แล้วเชียวไหงเป็นงี้ไปได้” นักบินหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยออกมา ก่อนจะทำหน้าบูดบึ้ง
“แล้วจะทำไหมล่ะ” ปลาวาฬเอ่ยเสียงเข้มหวังจะขู่อีกฝ่าย
“ทำครับๆ อย่าดุสิ” นักบินรีบตอบรับโดยเร็ว ตอนนี้คำสั่งของปลาวาฬกลายเป็นประกาศิตที่มีพลังอำนาจสำหรับเขาไปแล้ว
ปลาวาฬพอใจกับท่าทีของคนรักที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่เพราะสามารถสั่งการอีกฝ่ายได้ แต่เพราะรู้สึกดีกับความน่ารักและเอาใจใส่ของนักบิน ที่มีให้เขาไม่เคยน้อยลงจากเดิมเลย นั่นทำให้ปลาวาฬมั่นใจว่าจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้ไปได้ตลอดชีวิต...
*-*-*-*-*-*
และแล้วก็ถึงวันที่นักรบกลับมาเมืองไทย นักบินเป็นคนขับรถไปรับน้องชายที่สนามบินด้วยตัวเอง พอเจอหน้าทั้งสองก็กอดกันอย่างแนบแน่นด้วยความคิดถึง ก่อนจะรีบกลับมาที่บ้านโดยด่วน เพราะนักรบอยากเห็นหน้าหลานแฝดเต็มทนแล้ว
บรรยากาศหน้าบ้านมหาธำรงกุลอบอวลไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม นั่นเพราะคุณหญิงและสามีพร้อมกับคนรับใช้ต่างก็มาต้อนรับที่หน้าบ้าน ราวกับว่านักรบห่างบ้านไปเป็นสิบๆปีซะอย่างนั้น เมื่อรถมาจอดเทียบที่หน้าบ้าน นักรบก็รีบลงมาแล้วเดินเข้าไปกอดบิดามารดาทันที
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” นักรบยกมือไหว้แล้วรีบเข้าไปโอบกอดบุพการีทั้งสองคนด้วยความคิดถึง
“ลูกดูผอมไปนะนักรบ” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ยพร้อมทั้งน้ำตา มือเรียวก็คลำตามตัวลูกชายไปด้วย เพื่อสำรวจความเปลี่ยนแปลง
“ไม่ใช่ผอมครับคุณแม่ แต่หุ่นดีขึ้นต่างหากล่ะ” เจ้าตัวแก้ต่างด้วยรอยยิ้ม
“แต่แม่ว่าผอมนะ” คุณหญิงยังยืนยันสิ่งที่ตัวเองเห็นอยู่ตรงหน้า
“ลูกบอกว่าหุ่นดีคุณก็ยังไม่เชื่ออีก” เกริกไกรเอ่ยขัดคอภรรยาอีกเช่นเคย
“เงียบปากไปเลยคุณฉันคุยกับลูกสองคน” ว่าแล้วก็จูงมือลูกชายเข้าไปในบ้าน ตรงไปหาปลาวาฬและหลานทั้งสองคนทันที ส่วนเกริกไกรได้แต่ทำหน้าจ๋อยเพราะโดนภรรยาด่าให้อีกตามเคย นักบินได้แต่ยิ้มให้กับความพ่อแง่แม่งอนกันของบิดามารดา
นักรบเดินจูงมือมารดาเข้าไปหาปลาวาฬกับหลานในบ้าน เมื่อทั้งสองเห็นหน้ากันก็ยิ้มด้วยความดีใจ ส่วนคุณหญิงก็เดินไปในครัวเพื่อสั่งให้แม่บ้านทำกับข้าวมื้อพิเศษเลี้ยงต้อนรับลูกชายกลับมาบ้าน
“ว่าไงครับคุณแม่ลูกอ่อน!” นักรบเอ่ยทักขึ้นก่อน ขณะที่ปลาวาฬนั่งไกวเปลลูกทั้งสองคนที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ในเปลอู่
“นักรบ! คิดถึงจังเลยอ่ะ” เมื่อเห็นเพื่อนปลาวาฬก็ยิ้มด้วยความดีใจ
นักรบเดินเข้าไปนั่งข้างๆแล้วทั้งสองก็กอดกันด้วยความคิดถึง ตอนนี้สำหรับนักรบแล้วสถานะของปลาวาฬคือพี่สะใภ้และเป็นเพื่อนที่เข้าใจ ไม่มีอะไรเกินเลยเหมือนแต่ก่อนแล้ว และนักบินเองก็รู้และเข้าใจเป็นอย่างดี
“คิดถึงเหมือนกัน....ตอนนี้เราอยากเห็นหน้าหลานแล้วอ่ะ” เมื่อผละจากอ้อมกอดแล้วนักรบก็มองไปที่เปลอู่ทั้งสองข้างสลับกันไปมา
“กำลังหลับอยู่เลย ทางซ้ายพี่สาวชื่อปลาดาว ส่วนขวามือน้องชายชื่อนักสู้” ปลาวาฬเอ่ย
นักรบชะโงกหน้าเข้าไปมองหลานสาวก่อน ตามด้วยหลานชาย เจ้าตัวยิ้มออกมาตลอดเวลาขณะมองดูความน่ารักจิ้มลิ้มของเด็กทารกที่กำลังนอนอยู่ในเปลอู่
“น่ารักน่าชังทั้งสองคนเลย พี่นักบินเก่งจริงๆ เลยหน้าตาเหมือนพ่ออย่างกับแกะทั้งสองคนเลย” นักรบเอ่ยปากชมพี่ชายที่เพิ่งจะเดินมาถึง
“แน่นอนอยู่แล้วไอ้น้อง รออีกสักปีสองปีอาจจะมีแฝดคู่ใหม่เกิดขึ้นอีกก็เป็นได้” เจ้าตัวเอ่ยพร้อมส่งสายตาหื่นไปให้คนรัก แต่ปลาวาฬกลับเบ้ปากไม่มีทางเห็นด้วยอย่างแน่นอน
“แค่สองคนก็เลี้ยงให้มันรอดก่อนเถอะคุณ” ปลาวาฬดุให้
“รอดอยู่แล้วนายก็เห็นนี่ว่าฉันดูแลลูกดีขนาดไหน” นักบินเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจกับการตั้งใจเลี้ยงลูกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
“ให้มันไหวตลอดเถอะอย่ามาบ่นให้ได้ยินก็แล้วกัน”
“คร้าบบที่รัก” นักรบยิ้มให้อีกฝ่าย
“ไปอยู่ที่โน่นเป็นไงบ้างนักรบ แล้วเจอใครถูกใจบ้างไหมน๊า” ปลาวาฬหันไปสนใจเอ่ยถามนักรบ
“ก็ดีนะได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แถมยังเจอกับใครบางคนที่นิสัยคล้ายๆ กับปลาวาฬด้วย” เมื่อเอ่ยถึงใครคนนั้นนักรบก็ยิ้มกริ่มออกมาทันที ทำเอาปลาวาฬและนักบินมองหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อย่าบอกนะว่าแกกำลังมีความรัก” นักบินได้ยินก็หูผึ่งทันที เขาอยากให้น้องชายสมหวังกับความรักบ้าง
“ก็ไม่เชิงอ่ะพี่ แต่ก็มีความรู้สึกดีๆให้กัน ตอนนี้ยังคิดถึงอยู่เลย ฮ่าๆ” นักรบตอบพี่ชายพร้อมกับหัวเราะออกมา
“ถึงขนาดนี้ถ้าไม่เรียกว่ารักคงไม่ใช่แล้วมั้ง ถ้ารักก็เดินหน้าเลยอย่าปล่อยให้เสียเวลาเหมือนคู่เรานะ” ปลาวาฬเอ่ยแนะนำ
“คร้าบเพื่อน” นักรบยิ้มให้ สื่อว่าพร้อมรับคำแนะนำไปปฏิบัติตามอย่างแน่นอน
“เห็นแกมีความสุขพี่ก็อุ่นใจจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดมากไปกว่านี้”
“รู้สึกผิดเรื่องอะไรอ่ะคุณ” ปลาวาฬได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มสงสัยขึ้นมาทันที
“ไม่มีอะไรหรอกปลาวาฬ พี่นักบินหมายถึงมีเมียก่อนเราไง คงกลัวว่าเราจะอิจฉาน่ะสิ ใช่ไหมพี่” นักรบอยากให้เรื่องที่เขาเคยแอบชอบปลาวาฬมันเป็นความลับตลอดไป
“ใช่ๆๆ อย่างที่นักรบพูดนั่นล่ะ” นักบินตอบรับโดยเร็ว
“อ๋อ...ก็นึกว่าเรื่องอะไร” ปลาวาฬพยักหน้ารับเหมือนเข้าใจเป็นอย่างดี
“ว่าแต่เมื่อไหร่จะตื่นกันนะหลานอาอยากอุ้มเต็มทีแล้วเนี่ย” นักรบบ่นออกมาแล้วมองไปที่เปลอู่ของหลานทั้งสองคน
“น่าจะใกล้แล้วล่ะเพราะนอนมาหลายชั่วโมงแล้ว อีกไม่นานก็คงร้องแข่งกันแล้ว” ปลาวาฬเอ่ย
“ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นไปบนห้องก่อนนะเดี๋ยวจะลงมาหาใหม่”
“โอเคจ้า” ปลาวาฬยิ้มตอบรับ
หลังจากนั้นนักรบก็เดินขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง เพื่อไปอาบน้ำให้สดชื่นแล้วก็นอนงีบสักพัก หลังจากนั่งเครื่องมาหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้
“ที่รักเหนื่อยไหมครับ” หลังจากน้องชายเดินออกไปแล้ว นักบินก็เดินไปนั่งซ้อนหลังแล้วกอดเอาไว้ พร้อมกับเอ่ยถามคนรักทันที
“ผมต้องถามคุณมากกว่าว่าเหนื่อยไหม” ปลาวาฬตอบกลับด้วยคำถาม
“แค่เห็นหน้านายกับลูกความเหนื่อยมันก็หายเป็นปลิดทิ้งทันที” เจ้าตัวตอบพร้อมกับหอมแก้มคนที่อยู่ในอ้อมกอดฟอดใหญ่
“ปากหวานจริงๆ เลยนะช่วงหลังมานี้” ปลาวาฬเอ่ยขณะที่ใบหน้าแดงก่ำราวกับลูกตำลึง แม้จะไม่ได้มีอะไรกันมานาน แต่นักบินก็ชอบมาแต๊ะอั๋งเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้อยู่ตลอดเวลา ไม่ทิ้งลายความหื่นแม้แต่น้อย
“ก็รู้ว่าต้องการอะไรอยู่นี่นา” น้ำเสียงออดอ้อนเปรยข้างใบหูทำเอาปลาวาฬถึงกับตัวอ่อนปวกเปียก คนอะไรจะทำให้เขารู้สึกได้ถึงความหื่นอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเพียงลำพังอย่างนี้
“ใกล้แล้วล่ะรออีกนิดนึง” ปลาวาฬเอ่ยให้ความหวัง
“จริงดิครับที่รัก” เมื่อได้ยินอย่างนั้น นักบินก็เอ่ยเสียงหวานขึ้นมาทันที บ่งบอกว่าเจ้าตัวแทบจะทนความต้องการไม่ได้แล้ว
“จริง...ครั้งนี้ไม่ได้ล้อเล่นนะถือเป็นการตอบแทนที่คุณตั้งใจเลี้ยงลูกเป็นอย่างดีมาตลอด”
“ขอบคุณนะครับที่รัก ใจจริงสามีอยากให้มันเป็นคืนนี้ซะด้วยซ้ำ” น้ำเสียงที่แหบพร่าเอ่ยข้างใบหูทำเอาปลาวาฬถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมา
“ไม่ใช่คืนนี้แน่นอนบอกไว้ก่อนเลย” ปลาวาฬรีบเอ่ยดับฝันของใครบางคนขึ้นมาทันที แต่ถึงกระนั้นนักบินก็ยังคงคลอเคลียที่ซอกคอขาวอยู่ตลอดเวลา
นักบินมัวแต่ยุ่งๆ กับการเลี้ยงลูกแฝด ทำให้เจ้าตัวลืมเรื่องเมย์ไปโดยปริยาย ลืมแม้กระทั่งว่าวันใดวันหนึ่งเจ้าหล่อนอาจจะโผล่เข้ามาทวงคำสัญญา และอาจจะทำให้ตนและปลาวาฬเข้าใจผิดกันก็เป็นได้ นักบินเองยังไม่ได้คิดหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ไว้ก่อนเลยสักนิดเดียว
หลายวันต่อมาขณะนักบินกำลังนั่งหยอกล้อเล่นกับลูกทั้งสองคนอยู่นั้น ก็มีสายโทรเข้ามาหา เมื่อได้ยินเสียงเจ้าตัวก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆแล้วมองดูหน้าจอ ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เจ้าตัวถึงกับหน้าซีด เพราะมันคือสายของอดีตคนรักนั่นเอง หลังจากอึ้งอยู่สักพักไม่ยอมรับสายเสียที ปลาวาฬจึงหันไปมองด้วยความสงสัยแล้วเอ่ยถาม...
“ทำไมไม่รับสายล่ะคุณ”
“เอ่อ...เบอร์ไม่คุ้นสงสัยจะโทรมาผิดมั้ง” ว่าแล้วก็ตัดสายไป
“ไม่คุ้นก็น่าจะรับนะเผื่อเป็นเพื่อนคุณเปลี่ยนเบอร์มาล่ะ” ปลาวาฬยังคงสนใจกับเรื่องนี้อยู่ ช่วงหลายเดือนมานี้นักบินจะไม่ได้เข้าสังคมกับเพื่อนๆ สักเท่าไร เพราะทุ่มเวลาทั้งหมดให้เมียกับลูก ใจจริงปลาวาฬก็อยากให้อีกฝ่ายออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เพราะกลัวจะเครียดและเบื่อไปเสียก่อน
“ไม่หรอกช่างมันเถอะ” พูดจบยังไม่ถึงนาทีเมย์ก็โทรมาอีกครั้ง
Rrrrr….
นักบินรีบตัดสายอีกครั้งแล้วก็ปิดเครื่อง ทำเอาปลาวาฬถึงกับทำหน้าสงสัยขึ้นมาทันที
“ทำไมคุณไม่รับสาย แถมยังปิดเครื่องอีกด้วย มีอะไรปิดบังผมอยู่หรือเปล่า” ปลาวาฬเริ่มทำเสียงดุขึ้นมา โชคดีที่เจ้าตัวน้อยทั้งสองที่นอนอยู่บนเบาะไม่ได้งอแง จึงทำให้ปลาวาฬมีเวลาซักเอาความจริงจากปากอีกฝ่าย
“ก็ฉันไม่รู้จักว่าเป็นสายใครไง รำคาญจะแย่ อย่าไปสนใจมันเลย” นักบินรีบหาข้อแก้ตัวไปเรื่อย ในใจก็หวังว่าอีกฝ่ายจะเชื่อ
“จริงนะไม่ใช่ว่าแอบไปมีใคร ไม่งั้นผมเอาคุณตายแน่” ปลาวาฬขู่ซะเสียงเย็นยะเยือก ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับหน้าเจื่อนพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ
“จริงครับที่รัก เชื่อใจเขานะ อย่าทำหน้าดุอย่างนั้นสิลูกเริ่มจะไม่ปลื้มแล้วนะนั่น” นักบินเริ่มเอาลูกมาเป็นข้ออ้าง เวลาปลาวาฬดุขึ้นมาแล้วมันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน
“อย่าให้มีนะ...ครั้งนี้ผมจะยอมเชื่อ”
“คร้าบบ จะมีเวลาที่ไหนไปมีกิ๊กล่ะ วันๆ ก็อยู่แต่กับลูกกับเมียนี่นา”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนยันนักหนาปลาวาฬก็เริ่มจะเชื่อใจ แล้วกลับเข้าสู่โหมดปกติเหมือนเดิม หลังจากนั้นทั้งสองก็หยอกล้อเล่นกันกับลูกน้อยอย่างมีความสุข แต่ระหว่างนั้นก็มีเสียงหวานของใครบางคนตะโกนเรียกนักบิน
“นักบินคะทำไมไม่รับสายเมย์เลยอ่ะ”
หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดเดรสสีแดงเพลิงแฟชั่นจ๋า ยืนยิ่มแฉ่งอยู่ตรงหน้า ทำเอานักบินถึงกับอึ้งหัวใจหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที คาดไม่ถึงว่าการตัดสายเมย์ในครั้งนี้จะทำให้เรื่องมันยุ่งขึ้นไปอีก เมื่อสักครู่เขายิ่งโกหกอีกฝ่ายเอาไว้ด้วย เจ้าตัวเข้าใจคำว่า ‘งานเข้า’ อย่างถ่องแท้ก็วันนี้นี่ล่ะ...