ตอนที่ 47
เซ็งเป็ด....
เมื่อคืนนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ได้นอนจริงๆ เกือบเช้า เลยตื่นเที่ยง แถมเมื่อคืนลืมกินยา ต้องมากินยาตอนเช้าแล้วมันทั้งปวดหัว ทั้งคลื่นไส้
พอล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเห็นข้อความ 27 สายไม่ได้รับ แล้วยิ่งปวดสมองหนัก
ป่านนี้ไม่โมโหจนหาเรื่องเผาหอแล้วหรือไงนะ
แต่ช่างปะไร อยากเอาแต่ใจตัวเองดีนักไม่ยอมฟังคนอื่นเขาบ้างเลย งอนซะให้เข็ด
เฮ้อ....น่าเบื่อ.... ไม่มีอะไรทำ เลยมานั่งหั่นยา เป็นเสี้ยวๆ อยู่ที่โต๊ะเครื่องเขียน
จากนั้นก็นั่งชันเข่าคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ยากินที่กินอยู่ก็ช้าเกินไปนะ จะให้ไปฉีดก็ไม่มีเวลาขนาดนั้นด้วยสิ เพราะมันต้องต่อเนื่องทุกอาทิตย์ไม่งั้นโทรมไว สงสัยต้องพึ่งมีดหมออย่างเดียวแล้วล่ะ
ดึงสมุดบัญชีของตัวเองขึ้นมาดูจำนวนเงินแล้วถอนหายใจเฮือก...
มีตังค์อยู่แค่นี้ ทำได้แค่หัวนมรึเปล่าคะ?
หวา......... เทอมหน้าคงต้องหางานพิเศษทำแล้วล่ะเรา....
เฮ้อ.....
“นี่.... ถอนใจบ่อยๆ เดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก” หนูหันไปมองตามเสียง เอกยืนแซวอยู่ข้างกาย
“แหม คนเรามันก็ต้องมีเรื่องเครียดบ้างสิ” หนูตอบเอก รูมเมทที่ไม่ได้เจอหน้ามานาน เพราะเอกเองก็ไม่ค่อยอยู่ห้อง
“ทะเลาะกะแฟนเหรอ ถึงได้เครียด” เอกถามต่อ ซึ่งสุดแสนจะแทงใจดำ หนูไม่ได้ตอบเอาแต่ทำหน้ามุ่ย เบื่อพวกคนรู้ทัน
“ว่าแล้วเชียว ไม่งั้นคงไม่เห็นฐากลับมานอนหอในหรอก ไม่เจอกันนานจนจำหน้าแทบไม่ได้แล้วเนี่ย” ขนาดนั้นเชียว?
“ถึงเรากลับมา เอกก็ไม่ค่อยอยู่ห้องอยู่ดี” หนูเถียงกลับไป เพราะตัวเอกเองก็เป็นหนุ่มติดแฟนเหมือนกัน
“พอกันแหละ แล้วนี่เทอมหน้าฐาจะย้ายออกจริงเหรอ?”
“ก็ว่าจะอย่างนั้นน่ะนะ มีอะไรหรือเปล่า? ทำหน้าเครียด”
“เอกจะไปมีอะไร้ แต่เดย์อ่ะดิ มันบอกให้เอกมากล่อมไม่ให้ฐาย้ายออก”
หนูหมุนตัวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หันไปมองเดย์ที่โดนกล่าวถึง
“จริงเหรอเดย์ ไม่อยากให้เค้าไปเหรอ? แล้วทำไมไม่บอกฐาเองล่ะ ฝากเอกมาบอกทำไม” หนูเอ่ยปากถามพลางทำตาหวานใส่ ตั้งใจแค่ว่าจะหยอกเพื่อนเล่นตามประสาที่เคยเล่นกันมาตลอด ซึ่งปกติทั้งสองคนนี้มันก็มีภูมิต้านทานสูง ตอกกลับมาได้ตลอดนะคะ แต่ก็ไม่รู้ทำไมครั้งนี้เดย์ไม่ได้ตอบเอาแต่ทำหน้าปั้นยาก
“สงสัยเดย์มันเขินมั้ง มันจีบสาวไม่ค่อยเก่ง เลยต้องวานพ่อสื่อ” ต๊ายยยยย ช่างพูด
“เอกชงได้โดนมากค่ะ” หนูทำเสียงชอบอกชอบใจพลางหัวเราะร่า
“โห ไอ้..... พ่อสื่อห่าไรเล่า แค่บอกให้ช่วยกันพูด ไม่งั้นก็ไม่มีคนเก็บห้องให้ต่างหาก” เดย์รีบปฏิเสธกลับมาหน้าแดงก่ำ ปกติก็แซวกันแบบนี้ออกบ่อยไม่เคยเห็นเดย์จะออกอาการเขินขนาดนี้มาก่อนเลยแฮะ เห็นแล้วก็แปลกดีเนอะ
“ฮ่าๆ ๆ ไอ้โง่ แล้วมึงดันไปพูดแบบนั้น แล้วใครที่ไหนเขาจะอยากอยู่ต่อวะ” เอกหันไปด่าเดย์ ที่ดันเผยไต๋ออกมาจนได้ว่าอยากจะให้หนูอยู่ที่นี่ต่อไปในฐานะแม่บ้านประจำห้อง
“ก็มึงอ่ะ.....” เดย์สวนกลับแล้วก็ไม่พูดต่อ คงประมาณว่าไม่ชอบให้แซวล่ะมั้งคะ
“ทีแรก เอกก็คิดจะบอกฐาว่าอย่าไปเหมือนกัน แต่ตอนนี้ชักเปลี่ยนใจแล้วล่ะ” หนูละสายตาจากเดย์ที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่เตียงตัวเองแล้วหันมามองหน้าเอกพลางเลิกคิ้ว
“ทำไมอ่ะ” หนูถามหน้าเครียด กำลังคิดว่าเอกจะไม่พอใจอะไรหนูหรือเปล่าก็เลยตั้งใจฟังเป็นพิเศษ
“ก็เห็นฐาที่เป็นแบบนี้ แล้วก็อดคิดไม่ได้นะว่าอยู่หอหญิงคงเหมาะกว่าหอชาย”
หือ...แบบนี้อ่ะมันแบบไหนอ่ะ?
หนูนิ่งคิดอย่างเบลอๆ แล้วก็พอจะเก็ทเมื่อเห็นสายตาที่ละจากใบหน้าของหนูมองลงไปที่ขาตะเกียบคู่สวยที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นออกมา ทั้งๆ ที่แค่โดนมองเฉยๆ ไม่ได้ว่าอะไร แต่หนูกลับลดขาที่ชันเข่าไว้วางลงไปเบื้องล่างทันควันอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“อ้าวไอ้นี่ กูบอกให้รั้งเพื่อนไม่ใช่ให้ไล่” เดย์ลุกจากเตียงของตัวเองแล้วเดินมาตบไหล่เอกพลางโวยวาย
“ก็มึงไม่พูดเองเล่า” เอกเถียงกลับไป ทำลอยหน้าลอยตา
“ก็......” เดย์ทำท่าจะพูดแต่พอหันมามองหน้าหนูแล้วก็อ้ำอึ้งไปอีก
หนูเกาหัวแกรกๆ ไม่เข้าใจรูมเมทตัวเองเอาเลยว่าเป็นอะไรกัน ไม่เจอกันแค่ไม่เท่าไร ทำตัวเข้าใจยากขึ้นเยอะแยะเลย
“เออ นานๆ จะอยู่พร้อมกันสามคนสักที วันนี้กินข้าวพร้อมกันไหม เดี๋ยวไปสั่งกับข้าวร้านป้าดาวแล้วก็ซื้อข้าวใส่ถุงมากินด้วยกัน” ท้ายที่สุด เดย์ก็เปลี่ยนเรื่องซะเฉยๆ แต่เป็นความคิดที่ดีมาก
“เอาสิ กำลังหิวพอดีเลย” หนูตอบรับคำชวน ไมได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตามานานแล้ว
“งั้นเดี๋ยวฐาออกไปร้านข้าวกับเรานะ เราจะได้เอาผ้าไปส่งซักด้วย” ชิ มีการไหว้วานอีกแน่ะ
“ได้ค่าคุณผู้ชายยยยย” หนูดัดเสียงเป็นอีแจ๋วตอบกลับไป แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า
“ฐาจะทำอะไรเหรอ? อย่าบอกว่าจะอาบน้ำนะ” โอ๊ย.... เค้าอาบตั้งแต่ตื่นมาแล้วย่ะ
“อ๋อเปล่า... เปลี่ยนกางเกงหน่อยอ่ะ ตัวนี้สั้นไป” หนูตอบไปตามความเคยชิน เวลาออกไปข้างนอกห้ามรัด ห้ามสั้น ไม่งั้นจะโดนพี่โต้งด่า
“เดี๋ยวนี้ขี้อายขึ้นเนอะ” เดย์ว่ายิ้มๆ ก็คงแปลกใจมั้งเพราะเรื่องนิยมนุ่งสั้นของหนูนี่เป็นมานานชาติแล้ว
“เปล่าหรอก แต่พอดีมีแฟนหัวโบราณอ่ะ ไม่อยากโดนด่าก็เลยต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง” หนูตอบด้วยเสียงเชิงบ่นนิดๆ
“งั้นวันนี้ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้มั้ง ออกไปแป๊บเดียวเองคงไม่เจอแฟนหรอก...”
“อืม...ก็ได้....” หนูพยักหน้าหงึกหงักแล้วเอาที่มัดผมสีแดงมามัดผมตัวเอง หยิบมือถือและกระเป๋าเงินใส่กระเป๋าถือ
เดย์ขับรถหนูออกไปค่ะ เพราะนั่งสบายว่ารถจ๊อกของเขา เห็นบอกว่ารถเดย์ซ่อมเสร็จแล้วแต่ไม่ได้เจอหนูก็เลยไม่มีโอกาสคืนกุญแจสักที เราสองคนเอาผ้าไปส่งซักที่ร้านกันก่อนแล้วค่อยขับต่อไปที่ร้านข้าวตรงหลังมอ ระหว่างทาง ฝนดันตกลงมาซะได้แถมหนักซะด้วย กว่าจะมาถึงร้านข้าวก็เล่นเอาเปียกโชกเลยค่ะ
ฝนตกหนักและนานได้อีก ขนาดกับข้าวที่สั่งไว้ได้ครบแล้วเราก็ยังติดฝนกลับหอไม่ได้อยู่ที่ร้าน
หนูตัวสั่นเป็นเจ้าเข้านั่งกอดอกตลอดเวลาเพื่อปกป้องหน้าอกเอลบของตัวเองให้พ้นสายตาชาวบ้าน มันเป็นกรรมอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ถ้าวันไหนหนูใส่เสื้อสีขาวกับชั้นในสีดำแล้วฝนมันต้องตกพอดีทุกที เหมือนวันที่เจอพี่โต้งวันนั้นแล้วลุงยามไม่ยอมให้เข้าหอนั่นเลย ฮึ่ย... ปวดหัว คลื่นไส้ หงุดหงิด
โทรศัพท์มือถือที่ปิดเสียงไว้ดังครืดคราดเบาๆ เพราะแรงสั่นเนื่องด้วยมีสายเข้า หนูหยิบขึ้นมาดูเห็นเบอร์พี่โต้งแล้วต้องกุมขมับไม่กล้ารับสายเพราะกลัวงานจะเข้า
โชคยังดีที่เมื่อคืนยังชาร์ตแบตทิ้งไว้ไม่งั้นเครื่องคงดับไปนานแล้ว
ห้าสายผ่านไปที่หนูไม่ยอมรับสาย จนสายต่อมาเป็นของอีกิ๊งทำให้หนูขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะกดรับสาย
“อีฐา มึงอยู่ไหนเนี่ย?”
“อยู่ร้านข้าวทำไมเหรอ?”
“แล้วทำไมมึงไม่รับสายพี่โต้งล่ะ มัวทำห่าอะไรอยู่” โอ๊ย เบื่อคนหน้าสวยแต่ชอบพูดจาหยาบคายอย่างมันชะมัด
“แล้วมึงรู้ได้ไงล่ะว่ากูไม่รับสายเขา” หนูถามกลับเสียงเหวี่ยงๆ
“ก็เขาโทรหากูนี่ไง โทรมาถามว่ามึงอยู่ห้องไหน เขาจะเข้าไปหา” หา!!! ว่าไงนะ
“ฮ้า.... แล้วมึงบอกหรือเปล่า?”
“เปล่า ไม่ได้บอก” ฉลาดมาก สวยแล้วไม่โง่นะเนี่ย
“แต่ถึงกูไม่บอก ถ้าเขาจะหาก็ไม่เห็นยากนี่ เข้าไปถามพี่หอหรือไม่ก็คนในหอเดี๋ยวก็รู้อยู่ดีว่ามึงอยู่ห้องไหน”
เออจริง ทำไงดีล่ะเนี่ย...
ติ๊ด...ติ๊ด
กรี๊ดดดดดดด สายซ้อน
“เขาบอกกูว่าถ้ายังติดต่อมึงไม่ได้อยู่ เขาจะไปเคาะห้องถามหาตั้งแต่ชั้นหนึ่งยันชั้นห้าเลย”
ไปกันใหญ่แล้วพี่โต้ง ได้ข่าวว่าหอมีสามชั้นแล้วจะปีนไปเคาะหาสวรรค์วิมานไหนอีกสองชั้นคะนั่น?
“เออๆ เขาโทรมาอีกแล้วล่ะ เดี๋ยวกูรับสายเขาก่อนนะ” หนีรีบตัดบทกลัวจะโดนขู่มากกว่านี้อีก...
“อือ” กิ๊งรับคำแล้ววางสายไป หนูกลั้นใจกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ” หนูส่งเสียงที่แสดงถึงความประหม่า เตรียมพร้อมรับคำด่าทอล้านแปด
“...................” เงียบ ไร้เสียงใดตอบกลับมาจนหนูต้องดึงโทรศัพท์มาดูที่หน้าจอว่าสายหลุดไปหรือยังแต่เลขวินาทียังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ฮัลโหล....พี่คะ......” หนูกรอกเสียงซ้ำอีก ไม่ชอบความเงียบที่ตอบกลับมา
“น้องฐา..... เฮ้อ..............” น้ำเสียงที่เอ่ยชื่อหนูมันอ่อนเบาเหมือนคนเหนื่อย ตามด้วยเสียงผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งอก
“ในที่สุดก็ติดต่อได้สักทีนะเรา” ไม่มีความโกรธเกรี้ยว เหมือนอย่างที่คิดไว้ มีแต่ความโล่งอกโล่งใจเสียมากกว่า
“...........................” หนูพูดอะไรไม่ออกค่ะ ความที่คิดว่า จากที่เป็นคนงอนจะต้องเป็นฝ่ายง้อกลับมาเป็นผู้ได้เปรียบอีกครั้งหนึ่งทันที
“จะกลับหอในก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่พี่โทรไปทำไมไม่รับสายคะ” พี่โต้งถามกลับมาด้วยเสียงตัดพ้อ
“ไม่อยากรับ ไม่มีอารมณ์ค่ะ” หนูตอบชัดถ้อยชัดคำด้วยเสียงนิ่งๆ
“จนป่านนี้แล้วยังไม่หายงอนอีกเหรอคะ หืม? แค่ยาแผงเดียวจะโกรธอะไรนักหนา” พี่โต้งถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงชัดว่าหนูไร้สาระมากจนน่าโมโห
“พี่ไม่ใช่ผู้หญิง พี่เข้าไม่ใจความรู้สึกหนูหรอก” หนูใส่อารมณ์ไปยังปลายสายด้วยน้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด พร้อมกับน้ำตารื้นขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ค่ะใช่ พี่ไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละว่าน้องฐาจะต้องกินอะไรเยอะแยะทำไม พี่ว่าแบบนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้ว ไม่ต้องกินอะไรก็สวยอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไรก็รักจะตายอยู่แล้วไม่รู้หรือไง” พี่โต้งตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แสนอ่อนโยนจนหนูพูดอะไรแทบไม่ออกจนต้องแอบสะอื้นฮึกๆ เบาๆ ในลำคอ
บ้าเอ๊ย ไม่ต้องมาพูดดีเลย ตบหัวแล้วก็ลูบหลังตลอด ฮือ.....
“ไม่รู้.... ฮึก.....ก็ใครล่ะที่ว่าหนูอย่างนั้นอย่างนี้ ฮึก....เกลียดพี่ที่สุดเลย ฮือ...” หนูตอบกลับ ต่อว่าปนงอแงเหมือนเด็ก
“โอ๋.... พี่ขอโทษนะคะ อย่าร้องไห้เลย พี่มาง้อแล้วนี่ไง อย่าเกลียดพี่เลยนะ ถ้าโดนน้องฐาเกลียดน่ะ พี่เสียใจตายเลยนะคะ” ฟังประโยคนี้แล้วทำให้ยิ้มได้ทั้งน้ำตาเลยค่ะ
“สม....” หนูพึมพำสั้นๆ
“ระหว่างที่เรางอนน่ะ เคยรู้บ้างไหมว่าทำให้ใครเขาเป็นห่วงมากมายแค่ไหน หายงอนแล้วกลับบ้านเรากันเถอะนะคะ พี่มารับแล้ว” พี่โต้งกล่อมด้วยเสียงอ่อนโยนตามเคย
ทำไมพี่โต้งเป็นคนแบบนี้ ทำไมปากหวานแบบนี้ ฮือ....
แล้วทำไมหนูเป็นคนแบบนี้ ทั้งๆ ที่อยากใจแข็งให้ได้นานๆ แต่มันก็ไม่เคยสำเร็จสักทีสิน่า.....
คำว่า “ห่วง” และคำว่า “บ้านเรา” มันทำให้ละลาย...
นึกอยากกลับไปเห็นหน้าคนพูดใจจะขาด คิดถึงที่สุด.....
หนูปาดน้ำตาสูดน้ำมูก พยายามหยุดร้องไห้
“พี่อยู่ไหนเหรอคะ?”
“หน้าหอค่ะ รีบออกมาให้ไวเลย ถ้าไม่ออกมาภายในห้านาทีจะเข้าไปตามหา จะเคาะให้ครบทั้งหอเลย ฝนก็ตกอยู่ด้วย ดูซิจะหนีไปไหนได้” พี่โต้งทำเสียงขี้เล่น แต่ทำให้นึกกลัวใจ ขืนมัวเล่นแง่ดื้อด้านคงได้อับอายขายขี้หน้าเขาทั้งหอแน่เลยเรา
“พี่คะ ตอนนี้หนูไม่ได้อยู่หอใน พอดีออกมาซื้อกับข้าวกับเพื่อนแล้วติดฝนยังกลับไม่ได้” หนูรีบบอกกลัว
“อยู่ร้านไหนล่ะ?”
“ร้านป้าดาวหลังมออ่ะค่ะพี่ รู้จักไหม?”
“อ๋อ....รู้จักค่ะ งั้นรออยู่นั่นก่อนนะคะเดี๋ยวไปรับ อยู่แต่ในร่มอย่าออกมาตากฝนล่ะ เดี๋ยวไม่สบาย” พี่โต้งกำชับก่อนจะวางสายไป
หนูหลุดหัวเราะให้กับโทรศัพท์
นึกขำพี่โต้งอ่ะ มีการเป็นห่วงเป็นใยกลัวจะตากฝน แต่ไม่ทันแล้วล่ะมันเปียกมาตั้งนานแล้วเนี่ย ทั้งเปียกทั้งหนาวเลยด้วย
“แฟนจะมารับเหรอฐา?” จู่ๆ เดย์ก็ถามขึ้นมา จนหนูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเดย์ก็อยู่ด้วย มัวแต่โลกส่วนตัวจนลืมเพื่อนไปเลย
“อื้ม.....” หนูรับคำในลำคอ อดเขินหน่อยๆ ไม่ได้เผลอเป่าปี่เต็มที่เลย
“แล้วถ้าเขาเห็นว่าแต่งตัวแบบนี้ออกมา จะไม่โดนด่าเหรอ?” เดย์ถามขึ้น มาทำให้หนูเลิกคิ้ว ก้มมองดูสภาพตัวเองแล้วก็เหงื่อแตกพลั่ก.....
มาบอกตอนนี้ไม่ทันแล้วมั้งเดย์......
เสื้อยืดสีขาวที่ตอนแรกยังเหมือนจะหลวมๆ ใส่สบาย พอโดนฝนกลับเปียกลู่แนบเนื้อมองเห็นชั้นในสีดำ(เสริมฟองน้ำ)ได้ลางๆ กับกางเกงยีนขาสั้นมากยิ่งกว่ากระโปรงทรงเอที่เคยโดนด่าว่าปิดจิ๊มิจะไม่มิดซะอีก
เป๊ะอ่ะ!!!
ดวงน้องฐาจะถึงคราวซวย ใครก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เนอะ
ฮือ....ฮือ.....
....................................
ไม่ขยายความนะคะ อ่านแล้วน่าจะพอเดาๆ อะไรได้บ้างทั้งเรื่องเดย์และเหตุการณ์ตอนหน้า ตอนนี้....ขอระบายสิ่งที่กังวลหน่อยนะคะ....
ไม่รู้ทำไมนะคะ เวลาที่นิแต่งตอนน้องฐาอยู่กับเดย์ น้องฐาจะไม่ใช่น้องฐาเลย เพราะชีจะไม่จิก ไม่โวยวายเหมือนตอนอยู่กับพี่โต้ง การวางตัวถึงจะดูร่าเริงก็เถอะ แต่....ก็เหมือนจะยิ้มหัวเราะพร่ำเพรื่อเกินไปไม่เป็นธรรมชาติอ่ะ ดูเฟคยังไงชอบกล คือแต่งเองรู้สึกเองแต่แก้ไขไม่ได้น่ะค่ะ บ้าจัง การบรรยายตอนต้นตอนก็ดูเลื่อนลอย ไม่บ้าไม่ฮา รู้สึกกันไหม? หรือนิคิดไปเองคนเดียว?
แปลกจัง... แต่พออยู่กับพี่โต้งทีไรน้องฐาดูเปลี่ยนไปเลยอ่ะ ความบ้ามาเต็ม จะเหวี่ยง งอแง ขี้อ้อน คิดเยอะ แล้วก็เซนสิทีฟโคตรๆ อีกต่างหาก ไม่เข้าใจเลยยยยยยย
แต่งน้องฐามาพักใหญ่ก็มานั่งคิดนะว่าเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับกะเทย ตัวเอกเลยออกแนวสาวจ๋ามากๆ จนบางทีเราก็คิดนะว่า ทำให้คนอ่านรู้สึกในทำนองที่ว่าเอียนเพราะนึกว่าอ่านนิยายชายหญิงกันอยู่บ้างไหม? ถ้ามีตรงไหนทำให้รู้สึกอย่างนั้นก็เตือนมั่งก็ได้นะคะ จะพยายามปรับแก้ นอกเสียจากนิสัย (เสียๆ) ของนายเอกอ่ะที่แก้ลำบากแล้วฮาๆๆ
อีกอย่าง.... เนื้อหาบางเรื่องอาจจะซ้ำซาก หรือจำเจไปบ้าง เช่นเรื่องหน้าอกและ บางทีก็ใส่ลงไปเป็นทั้งมุกและทั้งยัดเนื้อหาหนักๆ ที่บางคนไม่รู้ลงไปด้วย เรื่องยานี่ก็อยากใส่ลงมาเป็นข้อคิดนะคะ ว่าอย่าไปเอาอย่างน้องฐากัน เรื่องอย่างว่าของคู่นี้มันอาจจะรูติดเรตกันบ้าง...แต่ยังไงมันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคู่แหละเนอะ ทุกเรื่องสำคัญหมด แต่ถ้าคิดว่ามีมากไปจนเซ็งนิ ก็ขอโทษนะคะ
ยังไงนิยายเรื่องนี้จุดประสงค์หลักมันก็อยู่ที่อยากให้ความสุขและมอบอารมณ์ขัน นิพยายามสรรหามุกต่างๆ นาๆ มาใส่ ทั้งมุกบ้าปัญญาอ่อน มุกหื่น บลาๆ แต่ใส่แล้วขำมั่ง แป้กมั่งก็ถัวๆ กันไปเนอะ ขอให้อ่านให้สบายใจอย่าไปเครียดดีกว่านะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ จ๊วบๆๆๆ ตอบเม้นท์
$VAN$:
พี่โต้งคง..ไรว้า~ ตูอุตส่าห์หวังดี ของเมดอินไชน่าใครๆก็รู้คุณภาพว่าน่ากลัว
น้องฐา ไม่ต้องมีนมจริงหรอก แค่นี้พี่โต้งก็ฟินพอแล้ว
เวลาแต่งตัวก็เอาฟองน้ำหรือซิลิโคนหนาๆเสริม โกยๆดันๆมันเข้าไป ก็ดูอึ๋มแร้ววว 555 ใครจะรู้ว่าตูแบน
ฝากคลิปให้น้องฐา อิอิ
http://www.youtube.com/watch?v=PR2nweaXBbY
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
วันนี้นิอยู่บ้านนั่งดูคลิปโกยนมที่ตะเองให้มา แล้วเปิดจอค้างไว้ ลูกค้าที่หลังบ้านเรียกพอดี มองเห็นจอแต่ไกลๆ แอบประจานเค้าท่ามกลางผู้คน (ชาย) เกือบสิบคนว่า เค้านั่งดูหนังโป๊
แม่เจ้า
พยายามอธิบายว่ามันไม่ใช่ย่ะ
ก็ไม่มีใครสนใจเลย แง้ๆ โอ๊ยยยยอยากเอาหน้ามุดดิน
ชอบใจตรงที่บอกว่าถึงไม่มีนมพี่โต้งก็ฟิน
(หัวเราะทั้งน้ำตา
)
หวังว่าพี่แกจะรีบลืมๆเรือ่งนี้ไปซะอย่าเอาไปเล่าต่อเลย โฮๆๆๆๆๆ