END【you are my day 1◑│กาลครั้งที่รักคุณ】Special - Day1-3 (4/11/61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: END【you are my day 1◑│กาลครั้งที่รักคุณ】Special - Day1-3 (4/11/61)  (อ่าน 186920 ครั้ง)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อยากให้เมฆมีความสุขเสียที  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เสียดายเมฆกับโปนะคะ ถึงจะแอบหวังลึกๆ แต่พอเห็นพี่เพทายก็ไม่กล้าคิด กลัวบาป  :mew2:

โอเคมากที่มันจบแบบนี้ ต่างคนต่างวางสิ่งที่ถืออยู่ เป็นกำลังใจให้นังเมฆเร้กๆ ค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เรื่องนี้ดีงาม หลังจากที่ได้อ่านช่วงอรกๆแล้วหยุดยาวจนมันจบ ไล่อ่านทั้งคืนไม่หลับไม่นอนจนถึงเจ็ดโมงครึ่งของวันใหม่ คุ้มจริงๆค่ะกับการไม่นอน ชอบๆ

ออฟไลน์ mybear_sr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เพิ่งได้มาอ่านและอ่านรวดเดียวเลย อยากขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ เราได้อ่านหลายสิ่งดีๆเยอะเลย และนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่สมเหตุสมผลและเป็นความจริงจนเราอยากให้สมจริงน้อยกว่านี้ในบางเรื่อง นั่นคือเรื่องของเมฆกับอาโป...มันจะดีแค่ไหนถ้าเป็นนิยายแบบเพ้อฝันที่เขาสองคนได้กลับมารักกันอีก เราหวังมากๆเลยว่าในที่สุดเขาจะกลับมาเริ่มกันใหม่แต่ก็ผิดหวัง... ความคิดเราเห็นแก่ตัวมากอะ แบบว่าถ้าในอนาคตอาโปเลิกกับคุณเพทาย(ที่แสนดีและไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่คุณเป็นพระรองของเราอะ;-;) เมฆไม่ได้สานต่อกับน้องปี1คนนั้นและรออาโปแล้วเขาได้กลับมาคบกันอีกเหมือนเกลกับทีเจคงดีมากเลย คนเราต้องเดินไปข้างหน้าก็จริงแต่เราสามารถเดินย้อนกลับมาข้างหลังเพื่อจับมือคนเดิมแล้วก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันใหม่ได้นะคะ จริงๆก็รู้ว่าคุณคนเขียนไม่ได้วางให้เขาคู่กัน(โอ้ย เศร้า)เพราะไม่อย่างนั้นคงให้อาโปรู้ความจริงตั้งนานแล้ว ฮืออออออ //ถือถุงกาวขึ้นเรือผีแบบเหม่อๆ

อ้าว ลืมคู่หลัก5555555 แต่สำหรับพี่ดิมน้องศิคือไม่มีอะไรจะพูดถึงนอกจากเหม็นความรักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก หลงกันให้ตายไปเลยค่าาาา555555555555555

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ร้องหนักมากกับพาร์ทของเมฆอาโป :m15:
ความรักมันซับซ้อนจริงๆ
สนุกมากๆ แต่ละตอนยาวสะใจมาก
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่านนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นเรื่องที่โคตรดี ดีมาก ชแบความเข้าใจโลกของศิ ชอบความดุของหมอ ชอบความสดใสของพูล ชอบความเป็นแม่ของเฌอ แต่ๆๆเราคิดว่าอาโปกับเมฆน่าจะไปต่อ หรือเพราะเราชอบความซับซ้อนของใจคนแต่สิ่งหนึ่งที่ยึดมั่นไม่เปลี่ยนคือความรู้สึกต่อคนๆนึงเสมอมา

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คู่น้องศิพี่ดิมหวานเจี๊ยบเลยค่าา น่ารักกันสุดๆ
อยากอ่านคู่น้องพูลล์กับพี่ภีมจังง
สนุกมากๆเลยยย ขอบคุณมากๆค่ะ  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
ชอบเรื่องนี้มาก คู่ศิกับดิมน่ารัก แต่เสียใจคู่เมฆกับอาโปอ่ะ เราอยากให้คู่กัน :hao5:
เราว่าความรักเป็นเรื่องซับซ้อนนะการที่เรารักใครสักคนมานานมาก ทั้งที่เจ็บปวดทั้งที่เสียใจแต่ยังรัก
ต่อให้เจอคนใหม่ที่ดีแค่ไหนก็แทนกันไม่ได้อ่ะ เพทายเป็นคนดี แต่เป็นพระรองอ่ะ
กลับไปอ่านอีกรอบเราก็ยังให้เมฆเป็นพระเอกอ่ะ :sad11: แต่ก็ยอมรับการตัดสินใจของคนเขียนนะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรืื่องนี้น๊า :L2:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เพิ่งเข้ามาอ่าน รวดเดียวจบเลย สนุกค่ะ
แม้จะเอาใจช่วยอาโปกับเมฆ แต่เป็นแบบนี้ดีมากๆ

ถ้าจะต้องปรับก็คงเป็น มีที่พิมพ์ผิดอยู่หลายจุด ใส่ชื่อตัวละครผิด มีประโยคที่ใส่ซ้ำ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JanJanIsHappy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ก่อนอื่นเลยคือความแด๊ดดี้ของพี่ดิมคือโอ้ยยยยยยยยแพ้ ในส่วนของคู่รองคือทำเราหน่วงมากๆ และเชียร์น้องยิ้มสวยมากจริงๆ น้องแอบชอบพี่เขามาตั้งแต่ตอนแรกแล้วใช่มั้ย แง ดี อยากอ่าน

ออฟไลน์ c4jeab

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากๆๆๆ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai2-1:คู่พระนายก็รักกันจนฉ่ำ ดีใจที่พระเอกกับ,ฟนเก่าจบกันด้วยดี
น่าอิจฉา ส่วนเพื่อนๆก็มีดราม่ามาให้ลุ้น สนุกสนาน หวานละมุน

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เป็นนิยายที่ดีมากเลย
เวลาที่ได้อ่านทุกตัวอักษร
มันเหมือนเราติดตามชีวิตของคนที่มีอยู่จริง
อ่านไปก็เอาใจช่วยทั้งเรื่องงาน เรื่องเรียนและชีวิตความรักของพวกเขา
รักมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
You are my day 1◑ : กาลครั้งที่รักคุณ
Day 1-2 : I never know a better sexy then my lips on your leg (Part 1)
[/size]


หลังจากซีรีส์จบความฮอตยิ่งกว่าอากาศร้อนประเทศไทยคือคือคิวงานของนักแสดงวัยรุ่นจากซีรีส์วายกระแสแรง ทำให้นอกจากเรียนปีสุดท้ายแล้ว ศิรัสและเพื่อนนักแสดงคนอื่นต่างวิ่งงานเป็นพัลวัล แม้จะไร้เงาพระเอกซีรีส์ยืนประกบข้างอย่างที่แฟนคลับอยากเห็น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ลูกค้ายีหระสักเท่าไหร่ เพราะความน่ารักที่พุ่งประกายราวกับดวงดาวน้อยๆ เจิดจรัสท่ามกลางหมู่ดาวนพเคราะห์ดวงใหญ่นั้นกำลังค่อยๆ เฉิดฉาย และเรียกลูกค้าสาววายได้อย่างล้นหลาม

วันนี้ก็เช่นนี้ ศิรัสและเพื่อนพ้องมีเพียงเข้ามาคุยกับอาจารย์เรื่องหัวข้อการทำวิทยานิพนธ์เท่านั้น ก่อนที่ช่วงบ่ายศิรัสและชโลทรจะไปถ่ายแบบให้นิตยสารวัยรุ่นชื่อดัง หลังจากเคยขึ้นมาแล้วหนึ่งครั้งและกระแสตอบรับดีเกินคาด นิตยสารหลายหมื่นเล่มถูกจับจองแถมยังรีปริ้นท์เพิ่ม ช่วงเวลากอบโกยของธุรกิจสิ่งพิมพ์ซบเซา ไม่ต่างจากนักแสดงหน้าใหม่ที่ต้องการพื้นที่สื่อ

อาคิราไม่เคยก้าวก่ายงานของคนรัก เช่นเดียวกับศิรัสที่ไม่เคยแง่งอนเวลาแฟนไม่ค่อยกลับคอนโด เนื่องจากงานทั้งหลายที่รัดตัว บางทีบินไปประชุมที่วิชาการที่ต่างประเทศนานหลายวัน มีแค่ความคิดถึงและเป็นห่วงสุขภาพจากการสื่อสารโซเชียลทางไกลเท่านั้น นับว่าทั้งสองเรียนรู้ที่จะเติบโตในทางเดินของกันและกันอีกหนึ่งสเต็ป

“เสี่ยเมฆใจดีอีกละ” ศิรัสพูดขึ้นหลังคาดเบลท์ ฆิฆาทัศน์อาสาพาไปส่งเพื่อนเพราะเห็นว่าจะไปเอาของให้คุณแม่ช่วงสี่โมงแถวนั้น พอโทรถามทางสตูดิโอว่าสามารถให้เพื่อนไปนั่งรอได้หรือไม่ก็ได้รับอนุญาตว่าไม่ติดอะไรแค่อย่าถ่ายรูปลงโซเชียลก็พอ

“ว่าแต่วันนี้ถ่ายแบบอะไรกัน หมายถึงถ่ายแบบไหน” สารถีถามขึ้น ก่อนที่เพื่อนที่นั่งข้างหลังอีกคนจะตอบ “ถ่ายให้แบรนด์ดีไซเนอร์ไทยอะ คอนเซ็ปต์ก็โตๆ หน่อย ไม่ได้ดูวัยรุ่นจ๋าแบบครั้งก่อน”

“แต่เห็นว่าวันนี้จะมีดีไซน์เนอร์จากเกาหลีมาด้วยนะ จะมาหานายแบบไทยไปเดินแบบให้ห้องเสื้อเขาอะ” ศิรัสพูดพลางกดมือถือส่งข้อความหาคนรักว่าตัวเองกำลังจะไปทำงานแล้ว พร้อมส่งกำลังใจให้คุณหมอที่มีเคสต์ผ่าตัดช่วงบ่ายเช่นกัน “กูไม่ได้ยืนหนึ่ง ฮ่าๆ อย่างอาโปว่าไปอย่าง”

“ใครจะรู้”  ชโลทรตอบยิ้มๆ เพื่อนที่ไม่เคยมั่นใจในตัวเอง แม้จะเจอแสงแฟลช แสงสปอตไลท์ส่องมานับครั้งไม่ถ้วน ก็ยังตื่นเต้นและไม่มั่นใจกับตัวเองอยู่ร่ำไป ทั้งที่ไม่ใช่แค่น่ารัก แต่ดูดี มองไม่เบื่อ มันเป็นเสน่ห์ที่ไม่ใช่ใครก็มีได้

สามเกลอมาถึงสตูดิโอขนาดใหญ่ที่จะใช้เป็นโลเคชั่นสำหรับวันนี้ เป็นอาคารรูปทรงหลากหลาย แต่พวกเขาตรงไปยังอาคารโกธิคที่จะใช้เป็นสถานที่หลักสำหรับงานวันนี้ ไม่รีรอรีบล้างหน้าล้างตาเพื่อแต่งหน้า โดยนักแสดงคนอื่นๆ ก็เดินทางมาพร้อมกัน นักแสดงชายในเรื่องยกเว้นพระเอกที่ปฏิเสธงานทั้งหลาย ต่างจับจองช่างแต่งหน้าฝีมือดี

“ศิ อาโป มากันแล้ว!” เสียงสดใสจากผู้ชายที่กำลังลงรองพื้นบนผิวเนียนละเอียดทักทายเพื่อนสองคนที่มาถึง “อ้าวเมฆมาด้วยหรอ” คนถูกทักยกมือแล้วยิ้มให้บางๆ พูลล์ยังคงเป็นคนน่ารักไม่เสื่อมคลาย

“พี่ๆ ครับนี่เมฆเพื่อนศิกับอาโป วันนี้ขอมาดูงานด้วย” ฆิฆาทัศน์ยกมือสวัสดีช่างแต่งหน้าทำผมและสไตล์ลิสต์ในห้อง ก่อนจะหาที่นั่งไม่ให้เกะกะการทำงาน


ชุดสูทคุมโทนสีเข้มขรึม รวมไปถึงลายตาลางของดีไซน์เนอร์ไทยถูกสวมโดยไม้แขวนหน้าตาดีที่ถูกแต่งแต้มโดยเครื่องสำอางให้เขากับคอนเส็ปต์ในวันนี้

“ภัทรกับอาโปไปยืนข้างหลังนะ ส่วนศิ พูลล์เดี๋ยวนั่งตรงกลาง เงินกับปาล์มขนาบข้าง โอเคครับ ไป ดี ดีครับ” ช่างภาพชักภาพไป นายแบบมือใหม่ต่างก็โพสต์ท่าตามอารมณ์ที่ถูกบรีฟมาก่อนหน้านี้

“โอเค เปลี่ยนชุดได้เลยครับ”

“น้องศิ น้องพูลล์ พี่ขอคุยด้วยหน่อยค่ะ” ทีมงานสาวแต่งตัวสมกับทำงานให้กับแบรนด์เสื้อผ้าเดินมาเรียกนายแบบที่คล้ายกันอย่างกับฝาแฝด

“ครับ/ครับ” ศิรัสและพีทพลมองตากันอย่างงงงวย ที่ทำไมถึงถูกพี่ผู้หญิงสุดเฉี่ยวคนนี้เรียกแค่สองคน

“พอดีทางคุณคิมเขาอยากให้พี่มาคุยเรื่องที่จะให้น้องสองคนถ่ายแบบให้ทางห้องเสื้อเขาน่ะค่ะ”

“ผมหรอ/พูลล์ด้วยหรอครับ” ทั้งสองเอ่ยขึ้นแทบจะพร้อมกัน เพราะไม่คิดว่าจะถูกหวยขนาดนี้

“ค่ะ น้องทั้งสองคนเลย ถ้าสนใจเสร็จงานแล้วเดี๋ยวเราคุยกันอีกทีนะคะ”

“คะ ครับ” เสียงศิรัสตอบรับ ขณะที่พีทพลอ้ำอึ้งไปกะทันหัน

“ศิ! นี่จริงใช่ป่ะ เราไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยอะ”

“เราก็ถามตัวเองอยู่”

“เรารู้มาว่าแบรนด์เสื้อผ้าเขาอะ ได้รับความสนใจมากๆ ในปีที่ผ่านมาด้วย โหยตื่นเต้นอะ ทำไมเลือกเรา งื้อ” พีทพลจับบีบแก้มตัวเองแรงๆ หนึ่งทีพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป



“ทางคุณคิมเขาบอกว่าอยากให้น้องทั้งสองคนถ่ายแบบเป็นแอดหน้าร้านเขาน่ะค่ะ” หลังจากเสร็จงานถ่ายแบบแล้ว เพื่อนรักทั้งสองคนที่ถูกเชิญมานั่งคุยกับดีไซน์เนอร์หญิงชาวเกาหลีใต้ โดยเธอแจ้งความประสงค์และรายละเอียดงานผ่านล่าม โดยมีทางเออาร์ของพีพีมีเดียนั่งฟังข้อตกลงด้วย ในฐานะผู้ดูแลศิลปินแม้จะไม่ได้เซ็นต์สัญญาเป็นศิลปินในค่าย แต่ถึงอย่างไรก็อาจจะต้องคีพคาแร็กเตอร์ของตัวศิลปิน ตามสัญญาก่อนรับเล่นซีรีส์

ศิรัสและพีทพลตั้งใจฟังคอนเส็ปต์ของงานที่ว่า และปรึกษาเออาร์ของบริษัทอีกที โดยทั้งสองไม่ได้ติดเรื่องคอนเส็ปต์สักเท่าไหร่ แต่กลัวจะติดเรื่องภาพลักษณ์ของบริษัทมากกว่า เลยจะแจ้งอีกครั้งผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด

“ศิฟังแล้วว่าไง”

“อืม เราว่าก็ไม่มีอะไรเสียหายนะ”

“คงไม่มีใครรู้หรอกเนอะว่าเป็นเรา”

“อื้อ อีกอย่างก็ใช้แค่ในเกาหลีด้วยอะ”

เพื่อนรักสองคนพยักหน้าให้กันอย่างเข้าแกเข้าใจ ต่างจินตนาการถึงการร่วมงานกับต่างชาติในฐานะนายแบบครั้งแรก โดยก่อนหน้าเคยไปจัดแฟนมีตติ้งหลายประเทศมาแล้ว และกำลังจะจัดขึ้นที่ประเทศเกาหลี ทางดีไซน์เนอร์ทราบเรื่องก็เลยอยากใช้กระแสของซีรีส์นี่แหละมาเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด เพราะแบรนด์ของเธอเป็นสไตล์ยูนิเซ็กส์ ก็คือสามารถใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง และจะบุกตลาดเพศที่สามของที่นู้นด้วย แม้สังคมจะไม่ค่อยยอมรับแต่เธอกลับมองเห็นกำลังซื้อที่สูงจากกลุ่มคนเหล่านี้และนั่นจะทำให้แบรนด์ของเธอตอบคำถามต่อสังคมชายเป็นใหญ่ว่ามันคร่ำครึไปเสียแล้ว


ทางทีมงานสั่งอาหารมาเลี้ยงทุกคนโดยใช้บริการเดลิเวอรี่และดูเหมือนทุกคนจะวุ่นวานไปเสียหมดจนลืมไปรับอาหารที่สั่งไว้ ฆิฆาทัศน์เห็นมีผู้ชายใส่หมวกและชุดของบริการรับส่งอาหารมาด้อมๆ มองๆ บริเวณประตูทางเข้าสตูอยู่นานสองนาน และเหมือนพยายามโทรหาใครบางคน เขาเลยตัดสินใจเข้าไปสอบถาม

“ติดต่อใครหรอครับ”

“ติดต่อคุณพีทครับ พอดีผมเอาอาหารมา..ส่ง”

น้ำเสียงคุ้นหูชวนประหลาดใจก่อนจะเงยหน้าไปพบกับผู้ชายคนนั้นที่เราไม่ได้เจอกันมาหลายคืน

“เธอ”

“เอ่อ คุณ สวัสดีครับ” คนตรงหน้าเอ่ยขึ้น และหลบตา

“นี่ทำงานกี่อย่างกัน แล้ววันนี้ไม่เรียนหรือไง ทำไมมารับส่งอาหารด้วย” พลางคิดในใจว่าคนๆ ทำไมต้องทำงานมากมายขนาดนี้ การเป็นนักร้องควบบาร์เทนเดอร์มันไม่หนักหนาไปแล้วสำหรับเด็กปีหนึ่งหรือ นี่ยังมาขับมอเตอร์ไซค์ตากแดดส่งอาหารอีก

“คุณช่วยรับของแทนได้มั้ยครับ พอดีจะต้องไปส่งอีกที่” คำถามถูกผลักตกไป จำใจเซ็นต์รับของและรับจากถุงอาหารจากร้านดังมากมายมาถือไว้

“ขอบคุณที่ใช้บริการนะครับ” ผู้ชายตัวเล็กกว่ายกมือไหว้ก่อนจะคล่อมมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว เรียกแทบไม่ทัน จากวันนั้นที่เจอผู้ชายคนนี้ที่มหาวิทยาลัยใจมันก็เต้นเป็นจังหวะแปลกๆ อยากไปพบเจอเขาที่บาร์ในคืนนั้นให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดที่กลัวว่ามันจะย้ำอะไรบางอย่างให้ชัดเจน ไม่อยากจะเริ่มต้นเพราะแค่นั่นเป็นเรื่องสบายใจที่ฉาบฉวย แต่พอได้เจอวันนี้อีกครั้ง จากที่กลัวว่ามันจะย้ำ มันยิ่งชัดว่าอยากรู้จักให้มากขึ้น รอยยิ้มสดใสในวันนั้นหายไปแท้จริงแล้วอันไหนคือรอยยิ้มแท้จริงกันแน่

พอทางการตลาดและฝ่ายดูแลศิลปินไม่ติดเรื่องคอนเส็ปต์ในการถ่ายแบบนี้ รวมถึงการพูดคุยการเผยแพร่โฆษณาชุดนี้กับทางดีไซน์เนอร์แล้ว แพลนวันถ่ายทำร่วมถึงการเตรียมตัวของนายแบบทั้งสองคนว่าดีไซน์เนอร์ต้องการให้ร่างกายของนายแบบเพอร์เฟ็คในระดับที่จะเกิดการรีทัชให้น้อยที่สุดเพื่อความสมจริง

“นี่เราจะต้องไปทำแบบนี้จริง ๆ หรออาโป”

“นั่นดิ คือแบบมันก็น่าอายนะ”

“ต้องถอดหมดเลยใช่มั้ยอะ”

ศิรัสพลางปรึกษากับเพื่อนที่นั่งข้างคนขับ โดยที่เขาอาสาเป็นสารถีเพื่อที่จะไปคลีนิดเสริมความงามแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ สำหรับการ ‘ประทินผิว’

[My Sun]

“ครับ พี่ดิม”

(วันนี้พี่ออกเวรไว ว่าจะชวนศิไปกินข้าวข้างนอกตอนเย็น) ศิรัสกดรับโทรศัพท์สายสำคัญเสมอ เสียงทุ้มลอดผ่านลำโพงทำให้เพื่อนอีกคนได้ยินไปด้วย

“ศิมีไปเตรียมตัวถ่ายแบบอะ ที่บอกไว้เมื่อคืน”

(แล้วจะเสร็จกี่โมง ให้ไปรับหรือเปล่า)

“ศิเอารถมาด้วยอะวันนี้ งั้นกลับไปเจอกันที่บ้านดีมั้ยอะ”

(ทำไมงานนี้ดูเป็นความลับจังหื้ม)

“ไม่ใช่ซะหน่อย” พีทพลได้ยินเพื่อนลากเสียงยาวแล้วก็อดขำในใจไม่ได้ เพราะเขาก็โดนแฟนตัวดีซักไซ้ไม่ต่างกัน ทั้งที่งานมันไม่มีอะไรแต่ทำไมพวกเขาสองคนถึงคิดตรงกันว่ายังไม่ควรบอก เพราะเกรงในใจลึกๆ ว่าผู้ชายสองคนจะต้องทัดทานแน่นอน ทั้งที่มันเป็นทั้งโอกาสและรายได้ที่ดีพอสควร

“น้านะ ไปเจอกันที่บ้านนะครับลุง” สรรพนามใหม่ที่ศิรัสเพิ่งลองใช้ดูแล้วคนถูกเรียกไม่โกรธ กลับหัวเราะหึในละคอและหันไปสนใจเท็กบุ๊กส์เล่มหนา เลยได้ใจเรียกมาเรื่อยๆ แต่ก็มีเวลายกเว้นคือขณะที่ทำกิจกรรมอย่างว่า ถ้าเรียกเขาจะยิ่งมีแรงฮึดและคนเรียกไม่ต้องหลับต้องนอนตลอดคืน

ศิรัสวางสายจากคนรักก่อนจะยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อนที่นั่งข้างกัน “เราไม่ได้บอกพี่ดิมอะ คือมันรู้สึกทะแม้งๆ ว่ายังไงเขาต้องห้ามแน่ๆ”

“เหมือนเราเลย พี่ภีมต้องฆ่าเราแน่”

“เนอะ” สองสหายจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น และทำเป็นว่ามันจะผ่านไปได้อย่างดี

ร้านเสริมความงามที่ส่วนมาลูกค้าจะเป็นผู้หญิง วันนี้มีผู้ชายหน้าตาดูได้สองคนเดินเข้าร้าน พอแจ้งชื่อก็รู้ว่าทางทีมงานของห้องเสื้อเขาจองคอร์สไว้แล้ว

นี่มันคอร์สเตรียมถ่ายแบบหรือคอร์สเจ้าสาววะเนี่ย! ทั้งทำเล็บ นวดตัว ขัดผิว นวดหน้า กระทั่งโกนขนที่ลับทุกส่วนในร่างกาย…

“ศิเราต้องทำแบบนี้จริงหรอ คือ...เราไม่เคยแบบแก้ผ้าต่อหน้าใคร เอ่อ นอกจากแฟนอะ”

“เราก็ด้วย ทำไงดี”

“คุณลูกค้าเชิญเลยค่ะ ไม่ต้องอายนะคะ พนักงานของเราเป็นผู้ชายค่ะ” ศิรัสค้านในใจว่านั่นแหละที่ทำให้เขาอายไปกันใหญ่

เริ่มจากแว๊กซ์ขนขา ขนอ่อนตามลำตัว ไล่ไปถึงขนลับตรงนั้น ทางพนักงานไม่ได้แว๊กซ์อย่างที่พากันกังวลหมดไม่อย่างนั้นคงมีตะโกนด่ากันบ้าง เพียงแว็กซ์และจัดแต่งทรง(?) ให้ดูสะอาดขึ้นก็เท่านั้น

พีทพลแต่งตัวเสร็จก่อนออกมารอเพื่อนอีกคนที่กำลังจะออกมา แม้จะไม่ได้ถูกทำความสะอาดทั้งหมด แต่การแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นนี่ทำเอาเขาอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดถึงหน้าคนรักว่าถ้ารู้จะต้องโดนอะไรบ้าง

ไม่ต่างจากศิรัส ขณะขับรถกลับคอนโดคนรักก็จินตนาการไปถึงวันหนึ่งหากร่างสูงรู้เรื่องขึ้นมาว่าเขาแก้ผ้าต่อหน้าใครก็ไม่รู้ แถมยังโดนสัมผัสตัวนั่นนี่อีก ยังจำการขี้หึงของเขาได้ว่ามันมีอนุภาพร้ายแรงแค่ไหน แค่คิดก็ขนคอตั้งแล้ว


@Condo W

วันต่อมาก็ถึงคิวถ่ายแบบตามแพลน โลเคชั่นเป็นคอนโดต้นแบบราคาครึ่งร้อยล้านย่านเอกมัย ใช้ห้องราคาแพงที่สุดของโครงการมันจึงใหญ่โตโอ่โถง และถูกตกแต่งอย่างหรูหรามากทีเดียว ขนาดอาจจะเท่ากับเพนเฮ้าส์ของคนรัก ศิรัสคาดเดา แต่การตกแต่งต่างกันโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยๆ ห้องของคุณหมอก็ไม่มีแชนเดอร์เรียใหญ่เท่ารถหนึ่งคันแขวนบนเพดานแบบนี้

พีทพลมาถึงก่อน รับทราบจากที่ไลน์คุยกัน วันนี้มีเออาร์ที่ทางบริษัทส่งมาดูแลด้วย รู้สึกอุ่นใจเล็กน้อยเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้ไม่ต้องตัดสินใจกันเอง

ใบหน้าเราสองคนถูกแต่งแต้มอย่างพอดิบพอดีไม่ได้หนาเตอะ แต่บางเบาธรรมชาติ ดูสดใสและเน้นงานผิว ไฮไลท์หรืออะไรสักอย่างทำให้ผิวดูมีออร่าเหมือนดื่มน้ำวันละสามลิตรเป็นประจำ

“น้องศิ น้องพูลล์ เดี๋ยวเปลี่ยนชุดเลยนะคะ” พี่ทีมงานผู้หญิงคนเดิมเดินมาบอก

ชุดแรกสำหรับถ่ายวันนี้ เอ่อ...เสื้อเชิ้ตสีขาวหนึ่งตัว

“เซตแรก Morning suite เริ่มเลยนะครับ”

ไฟถูกเซตเป็นแสงแดดอ่อนยามเช้าสองผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา สองนายแบบโพสต์ท่าบนเตียงนอนขนาดใหญ่ มีพร็อพคืออาหารเช้าแบบฝรั่งจัดวางอย่างระเกะระกะดูไม่ตั้งใจ ช่างภาพชาวเกาหลีบอกจะไม่ถ่ายให้เห็นใบหน้าเต็ม แต่จะเห็นสัดส่วนร่างกาย และเน้นที่เสื้อผ้าเป็นหลัก

เชตที่สองเป็น afternoon tea เครื่องแต่งกายเป็นโค้ทเปิดไหล่ และเสื้อคลุมไหล่ โดยมีเอสเซสเซอรี่เพิ่มคือหมวกและเครื่องปรับดับอย่างแหวน ต่างหู กำไลเลท เราย้ายโลเคชั่นมาเป็นริมระเบียงกว้าง จากตรงนี้มองเห็นกรุงเทพฯ ในมุมที่เงินห้าสิบล้านซื้อมาแล้ว คุ้งน้ำเจ้าพระยาไกลๆ สุดมุมท้องฟ้า และตึกอาคารที่สวยงาม เซตนี้ก็เช่นเคยโฟกัสจะไปอยู่ที่เสื้อผ้าและร่างกายที่เผยออกจากเสื้อผ้าเล็กน้อยนั่น

ต่อมาเซต Day off เรียกได้ว่าเป็นชุดสบายๆ ใส่อยู่บ้านหรืออกไปแฮงเอาท์กับเพื่อนก็ได้ โลเคชั่นคือห้องนั่งเล่นกว้างขวางมีเครื่องใช้ไฟฟ้าครบถ้วน กางเกงขายีนส์ขาดขาสั้นมากอาจจะแค่สองคืบจากต้นขา ความเว้าแหว่งของมันทำให้เผยเนื้อหนังเล็กน้อย เสื้อยืดสีขาวพอดีตัวที่สวมใส่ก็ดูน่ารักในแบบที่ผู้ใส่ก็น่าจะได้เหมือนกัน ช่างภาพให้เรานั่งเล่นเกม อ่านหนังสือ กินขนม

เซตสุดท้าย sexy leg จริงๆ ในตอนที่คุยกันครั้งแรกติดกับคอนเส็ปต์เซตนี้ที่สุดเพราะต้องใส่ชุดว่ายน้ำนี่แหละ แม้จะเห็นฝีมือของช่างภาพในเซตก่อนหน้ามาแล้ว แต่การที่ต้องร่วมเฟรมกับเพื่อนตัวเองและนายแบบคนอื่นด้วยมันค่อนข้างจะวาบหวิว ย้ายโลเคชั่นไปที่สระว่ายน้ำไม่เล็กไม่ใหญ่ข้างนอก นายแบบหน้าฝรั่งจ๋าหุ่นแน่นเดินเรียงรายเข้ามาด้วยชุดว่ายน้ำสีขาว ซึ่งต่างจากของศิรัสและพีทพลที่ดีไซเนอร์ออกแบบมาให้ดูโป๊น้อยกว่า ด้วยความยาวเท่าต้นขา และเป็นกางเกงที่เก็บสัดส่วนได้ดีกว่ากางเกงว่ายน้ำทั่วไป มาถึงตอนที่ต้องเข้าเฟรมนี่แหละ

“น้องศิเดี๋ยวคล่อมนายแบบคนทางซ้ายมือนะคะ ส่วนน้องพูลล์พิงนายแบบข้างหลังได้เลยค่ะ”

“OK great! so beautiful Next” ช่างภาพที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เล็กน้อยเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับล่ามแล้วเธอก็หันมาคุยกับเราที่หน้าเซต

“น้องศิเดี๋ยวคล้องคอนายแบบนะคะ เอาตัวแนบเข้าไปอีกค่ะ” ภายในใจศิรัสระส่ำระส่ายไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นขนาดนี้มาก่อน 

“นายแบบคะ คนที่น้องพูลล์พิงอยู่ เอานิ้วมาเกี่ยวกางเกงน้องหน่อย ล้วงเข้าไปเลยค่ะ” ล่ามที่แปลภาษาก็ไม่ปราณีปราศัยเท่าไหร่เลย พีทพลหน้าเจื่อนมากแต่ก็พยายามแสดงสปิริตของการทำงาน ท่องในใจวนหลายรอบว่ามันคืองานและมันจะออกมาดี

“OK finished!  checking ”

จะบอกว่ามันแทบจะดูไม่โป๊เลย กลับดูน่าค้นหา วับๆ แวบๆ อย่างที่ให้คนดูจินตนาการเอาเองว่าแท้จริงแล้วคนในภาพเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง จะมีภาพหนึ่งเท่านั้นที่ดูจะเซ็กซี่มากก็ตรงที่เห็นสะดือจุ่นของศิรัสรวมไปถึงหน้าท้องแบนราบมีไลน์ไล้ลงใต้ร่มผ้าเล็กน้อยจากการถูกบังคับให้ออกกำลังกาย นอกจากนั้นรูปก็ดูเป็นแฟชั่นและศิลปะมากทีเดียว

งานไปเป็นได้ตามที่พูดคุยจะบอกว่าเป็นงานเห็นความลับก็ไม่ใช่ จะเปิดเผยก็ไม่เชิง เพราะแทบจะไม่เห็นหน้านายแบบเลยด้วยซ้ำ มีเพียงโคลสอัพดวงตาบ้างก็เท่านั้น เพราะทางห้องเสื้อมีแพลนจะเปิดตัวเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายด้วย

ดูรวมๆ แล้วไม่มีทางรู้ว่าคือศิรัส และพีทพล นักแสดงจากประเทศไทย






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2018 10:17:19 โดย mifengbee »

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Peem’s Part

ผมสังเกตว่าสองสามวันมานี้แฟนผมดูน่ารักขึ้นแปลกๆ ตั้งแต่บอกว่าจะไปถ่ายแบบให้ดีไซน์เนอร์ของเกาหลี เคยถามรายละเอียดแล้วก็อ้อมแอ้มตอบไม่เคยชัดเจนว่าสรุปคอนเส็ปต์คืออะไร เห็นต้องเตรียตัวอะไรหลายอย่าง และเขาก็ดูจะตื่นเต้นกับการร่วมงานกับชาวต่างชาติครั้งแรก

วันนี้พูลล์จะมาหาที่บ้าน เป็นจังหวะดีเพราะไม่มีใครอยู่เนื่องจากทุกคนไปเที่ยวต่างประเทศกันหมด ผมอาสาดูแลบ้านโดยนัยคืออยากใช้เวลาอยู่กับคนรักหลังจากโหมงานติดต่อกันหลายสัปดาห์

ติ๊ง เสียงแมสเสจดังขึ้น ผมละจากอาหารเช้าตรงหน้าแล้วเปิดข้อความใน i message

คุณดิม

‘เผื่ออยากแชร์วิธีทำโทษเด็กที่แอบไปทำงานแบบนี้มา’


ข้อความสั้นๆ แนบรูปถ่ายป้ายโฆษณาที่มีตัวอักษรภาษาเกาหลี คิดว่าคงมีคนส่งมาจากเกาหลีให้คุณหมออีกที ซึ่งมองเผินๆ จะเห็นว่าเป็นการขายเสื้อผ้าจริงจัง เพราะไม่เห็นหน้านายแบบเลย แต่เดี๋ยว! ไฝเล็กๆ ตรงขาด้านในของนายแบบที่กำลังพรีเซนต์ชุดว่ายน้ำอยู่นั่นเอาทำผมตาโต และหัวร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ไม่เพียงเท่านี้ยังมีภาพในชุดเสื้อเชิ้ตทรงโอเวอร์ไซส์ โดยนายแบบนอนราบบนเตียงพร้อมกับอาหารเช้า ผ้ามันบางมากถึงกับเห็นตุ่มไตที่หน้าอก และรอยปานสีแดงเล็กๆ ตรงเนินอกนั่น ใครจะจำร่างกายแฟนด้วยเองไม่ได้วะถามหน่อย!

ผมตอบกลับคุณหมอไปถึงวิธีการของตัวเอง แล้วได้รับอิโมจิยกนิ้วมาให้

น้องพูลล์กล้าดียังไงให้คนทั้งเกาหลีเห็นขาอ่อน!

คิดวนหัวร้อนจนตกบ่าย เด็กตัวดีก็ขับรถเข้ามาในอาณาบริเวณบ้านของผมอย่างไม่รู้เรื่อง คงแอบผิดสังเกตหน่อยที่ผมไม่โทรถาม ไม่คะยั้นคะยอให้รีบมาเหมือนทุกที ผู้ชายตัวเล็กกว่าผมสิบกว่าเซ็นต์หอบหิ้วถุงขนมและอาหารการกินนานาจิปาถะที่ชอบซื้อมาเสมอ พร้อมกับไอแพดและมือภือหนีบรักแร้มาด้วย

“พี่ภีม มาช่วยกันหน่อยซี ไม่เห็นหรอว่าของเยอะอะ” มาถึงก็โวยวายทันที ทั้งที่เรียกหนูแดงเด็กในบ้านก็ได้ และคราวนี้ผมนิ่งเฉยไม่พูดจาทำท่าสนใจจอไอแพดตรงหน้าอย่างกับว่าหุ้นที่ซื้อดิ่งลงเหว แต่เปล่าเลยอารมณ์ตอนนี้ต่างหากที่ดิ่ง

“เรียกไม่ได้ยินหรอ หื้อ” เขานั่งลงบนแขนโซฟาก่อนจะเอามือนุ่มมาหยิกแก้มไปมา “ทำไมหน้าบึ้ง หุ้นตกหรอครับ” พอเขาจับสังเกตได้ว่าผมไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนอย่างเลย คนตัวเล็กก็หงอยลงไปนิดหน่อย

“เปล่าครับ”

“แล้วเป็นอะไรอะ ทำไมดูไม่ดีใจที่น้องมาหาที่บ้าน ไม่งั้นกลับก็ได้นะ” น้ำเสียงติดจะแง่งอนและเตรียมตัวจะลุกออกไป ความคุกรุ่นในใจมันก็เพิ่มพูนขึ้นก่อนจะลากแขนเล็กนั่นให้ขึ้นไปบนห้องนอนจะได้สะสางสิ่งที่มันรบกวนหัวใจและปลุกอารมณ์ปีศาจร้ายในตัวให้พลุ่งพล่านแบบนี้

“เดี๋ยวสิพี่ภีมเป็นอะไร ทำไมต้องลากน้องแบบนี้ด้วย” ควักมือถืออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วโชว์รูปที่เซฟจากข้อความมาให้คนตรงหน้าดูว่าผมควรจะโกรธเขาไหม

คนรักของผมตอนนี้ทำตาโตและอึ้งไปกับสิ่งที่เห็น คงคิดไม่ถึงว่าจะมีคนเห็นแม้จะไม่ได้เปิดเผยล่ะสิ หึ เด็กขี้โกหก

“น้องจะอธิบายว่ายังไง น้องก็รีบพูดมาเลย” ยืนกอดอกหันหลังให้เขา ถามว่าโกรธมากขนาดนั้นมั้ย จริงๆ ก็ไม่ได้มากขนาดนั้นแต่ น้อยใจ มากกว่า มันแปลความหมายได้ว่าน้องคิดว่าผมไม่เข้าใจงานของเขามากพอ ไม่แม้แต่จะปรึกษากันว่าควรทำหรือไม่ ตรงกันข้ามที่ผมบอกน้องทุกเรื่องในชีวิต

“พี่ภีม คือน้องคิดว่ามันเป็นงานที่ไม่ได้เสียหายอะไร อีกอย่างก็มีศิทำด้วย มันเป็นงานแรกที่ได้ทำงานร่วมกับทีมงานต่างชาติเลยนะ”

“...”

“อีกอย่างก็ได้ค่าขนมเยอะเลย”

“...”

ผมไม่รู้จะตอบอะไรเลยยืนกอดอกนิ่งให้รู้ไปเลยว่าไม่พอใจ และรู้สึกว่าชายเสื้อถูกดึงเบาๆ ไม่อยากหันไปเห็นหน้าจ๋อยๆ เหมือนน้ำเสียงที่เขาพูด ไม่งั้นก็ได้ใจอ่อนและเด็กคนนี้ก็จะคิดว่าผมโกรธไม่เป็น

“พี่ภีม....น้องพูลล์ขอโทษที่ไม่ได้บอก”

“ไม่ใช่แค่น้องไม่บอก แต่น้องจงใจปิดพี่ และโกหกพี่ด้วย”

“ไม่ใช่นะ! ไม่ใช่!” ปฏิเสธทันควัน เสียงสั่นเจื่อปนมาด้วย

“ถ้าบอกพี่คิดว่าพี่จะห้ามไม่ให้ไปทำใช่มั้ย แล้วคิดมั้ยว่าถ้าพี่มาเห็นทีหลังพี่จะรู้สึกยังไง กับการที่แฟนตัวเองโชว์นั่นโชว์นี่ให้คนอื่นเห็น”

“คนอื่นไม่รู้นี่”

“แต่พี่รู้ไง!” ผมเผลอใช้เสียงดัง มือเล็กกำชายเสื้อแน่นขึ้นก่อนที่เสียงสะอื้นเบาๆ จะดังขึ้น เลยหันหน้ากลับมากอดเขาแน่นแนบอก น้ำตาที่ไหลมาจากไหนไม่รู้มากมายทำเอาชุ่มจนเสื้อเปียก

“ถ้าสมมติน้องโดนหลอกแล้วงานพวกนี้มันมีมากกว่าที่เขาถ่าย ถ้าไปโผลในพวกเว็บขายทำยังไง พี่เป็นห่วงรู้มั้ย” คนร้องไห้พยักหน้ากับอกก่อนจะผละตัวเองออกมามองหน้ากัน ใบหน้าเปื้อนน้ำตาอาบแก้มไม่รู้ว่าสำนึกผิดหรือเสียใจที่โดนผมดุกันแน่ ตาแดงๆ ก็ทำเอาใจอ่อนยวบไปหมดแล้ว ใครจะชอบเวลาแฟนร้องไห้ เขาร้องมามากพอแล้วกับผม แต่ครั้งนี้มันอดไม่ได้ที่จะทำแบบนี้จริงๆ พอได้เห็นรูปนั่นแล้วในหัวก็จินตนาการไปต่างๆ นาๆ เป็นห่วงมาก่อนเลย และหวงเขาขึ้นอีกร้อยเท่า

“พี่หวงน้องเข้าใจมั้ย” ใช้นิ้วปาดน้ำตาข้างแก้มขาวก่อนจะก้มลงไปจุมพิตอย่างที่ชอบทำ “พี่ไม่เคยเห็นน้องเป็นสิ่งของ หรือไม่อยากให้ร่างกายน้องต้องเป็นของพี่ น้องมีสิทธิ์ในตัวเองทุกอย่าง และน้องมีค่ากับพี่มากกว่าที่ตัวน้องเองจินตนาการถึง”

“พี่ภีม น้องขอโทษจะไม่ทำอีก” คนตรงหน้ายกมือขึ้นมาแนบมือผมอีกชั้น สายตาฉ่ำวาวจากการร้องไห้ทำให้เขาน่าเอ็นดูขึ้นเป็นกอง

“ครับอย่าทำอีกเลย พี่ใจจะขาด”

“อื้อ”

“ถ้ามีงานแบบนี้อีกบอกกันหน่อยนะ อย่างน้อยๆ พี่จะได้รู้ว่ามันปลอดภัย” เขาพยักหน้าก่อนจะยิ้มให้ และผมก็ทำเช่นเดียวกัน เคลียร์กันแล้วใช่ว่าเด็กที่ทำผิดจะไม่โดนลงโทษนี่ใช่มั้ย?
 
พาน้องมานั่งที่เตียงใหญ่ กิจกรรมอย่างว่าไม่เคยเกิดขึ้นที่นี่ทั้งที่มันเหมาะนะเอาจริงๆ น้องเคยมานอนเล่น เกลือกลิ้ง นอนกลางวัน แต่ไม่เคยแตะต้องน้องที่นี่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง แต่วันนี้ก็ไม่แน่

“ทำไมพี่ถึงเห็นแอดพวกนี้อะ”

“คุณหมอดิมส่งมาให้ครับ”

“เห้ย! จริงดิ งั้นศิก็ซวยเหมือนกันหรอ”

“คิดว่าเพื่อนน้องจะรอดหรอ คุณหมอดูโกรธทีเดียว” เกลี่ยผมสีน้ำตาลอ่อนเส้นเล็กดัดลอน น้องเพิ่งดัดผมมาไม่กี่วันก่อนก็หลังจากที่หนีไปทำงานนั่นแหละ เพราะเห็นว่าจะไปแคสต์ซีรีส์เรื่องใหม่ แต่งานนี้หายห่วงเป็นซีรีส์วัยใสไม่ใช่ซีรีส์วายด้วยซ้ำ

“พี่ภีม…”

“หื้ม” สายตาละห้อยของคนตรงหน้าส่งมาให้ มันเจื่อปนด้วยความรู้สึกหลายอย่าง เด่นชัดที่สุดคือรู้สึกผิด อาจจะเพราะน้องไม่เคยโกหกผมเลย หนักสุดแค่ปกปิดความรู้สึกแต่การกระทำเขาชัดเจนเสมอ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกเลยที่น้องเป็นแบบนี้

เข้าทาง

“น้องจะไม่ทำแบบนี้อีกนะ จริงๆ ก็ลืมคิด ไว้ใจทีมงานมากเกินไปจริงแหละ สมมติรูปที่มีมันมากกว่าที่ถูกปล่อยออกมา ต้องแย่แน่เลย”

“ยังไม่นับรวมถ้ามีคนจำได้ แฟนคลับน้องน่ะธรรมดาที่ไหน”

“ไหนบอกพี่ได้มั้ยว่าไปโชว์ตรงไหนอีก หื้ม” ทำท่าจับส่วนนั้นส่วนนี้น้อง จะได้ดูไม่ละลาบละล้วง หรือเผยเจตจำนงของตัวเองจนเกินไป กลัวไก่ตื่น

“ก็มีตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้” น้องเลิกเสื้อขึ้นตรงไหน หน้าท้อง และต้นขา โถ่เด็กน้อยช่างไม่รู้อะไรเลย “แต่ว่ามันไม่เห็นหมดนะ นิดๆ หน่อยๆ”

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ

ไม่รอช้าในคนตรงหน้าคิดนาน กดจุมพิตบนร่างกายตามจุดที่น้องบอกทันที และก่อนที่เขาจะส่งเสียงถ้อยคำด่า ก็กดจูบลงบนริมฝีปากที่ค้างเติ่งเพราะตกใจกับการกระทำอันรวดเร็วของผม

ไม่รอช้าในคนตรงหน้าคิดนาน กดจุมพิตบนร่างกายตามจุดที่น้องบอกทันที และก่อนที่เขาจะส่งเสียงถ้อยคำด่า ก็กดจูบลงบนริมฝีปากที่ค้างเติ่งเพราะตกใจกับการกระทำอันรวดเร็วของผม

ผลักไหล่บางลงบนเตียงกว้างที่เคยมีผมเป็นเจ้าของคนเดียวมาโดยตลอด ขณะนี้กำลังจะมีเจ้าของร่วมอีกคน พูลล์พยายามจะพูดบางอย่างเขาส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ ทว่าผมไม่ปล่อยให้น้องปรามาสอะไรอีก แค่นี้ก็ทนมาเกินพอแล้ว ทนให้คนอื่นเห็นส่วนที่ผมอยากเห็นคนเดียว ทนให้น้องอ้อนแบบที่เขาไม่รู้ตัว และทนต่อการเรียกร้องในใจไม่ไหวอีกต่อไป

“ฮะ พะ พี่จะทำที่นี่จริงหรอ หื้ออ คุยกันหน่อยสิ” ผละจากการสำรวจซอกขาด้านในของคนรักเพื่อมาตอบเขาสักหน่อย

“ครับจะทำ แรงด้วย” ความหมันเขี้ยวพูดจบเลยขนซอกขาที่แน่ใจว่าใส่กางเกงสั้นแค่ไหนก็ไม่เห็น ถ้าเห็นก็คือใส่กางเกงในแล้วล่ะ ซึ่งนั่นควรเป็นตัวน้องและผมที่ได้เห็นมัน “ขออุทธรณ์แต่ยังไงก็ต้องถูกลงโทษอยู่ดีนะครับ”

“อื้ออออ ยะ อย่า อื้อออ พะ ภีม” เสียงทัดทานไม่เคยทำให้ผมละออกจากร่างกายที่เหมือนอาหารรสเลิศที่ชวนลิ้มลองอย่างไม่รู้เบื่อ ค่อยละเลียดชิมทุกสัดส่วนอย่างใจเย็นเสมอ เป็นอาหารรสชาติที่โปรปราณสำหรับผมตลอดกาลเลยก็ไม่ผิด ใช้ปากสำหรับส่วนนั้นดูดดึงเน้นคลึง ว่าจะไม่ถอดปากออกแต่คนใต้ร่างใช้มือผลักไหล่ผมออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างกระตุกเกร็ง

“หื้ออออ ภีมบ้าว่ะ” สรรพนามไร้คำนำหน้าเป็นความต้องการของผม อยากจะให้เวลาที่เราทำรักไม่มีกฏเกณฑ์อะไร มีแค่เราที่เสมอกัน เป็นความสุขให้กัน อันนี้คิดในมุมเท่ๆ แต่ความจริงเป็นรสนิยมความชอบโดยส่วนตัวของผมเอง แต่แค่ยังไม่กล้าบอกคนใต้ร่างที่นอนหอบหายใจรุนแรง ว่าอยากให้เขาพูดทุกอย่างที่รู้สึกขณะที่ทำรักกัน ซึ่งวันนี้ได้โอกาส

เอื้อมมือไปควานหาเจลและอุปกรณ์ป้องกันออกมาจากลิ้นชักข้างหัวเตียง พูลล์ตัวแดงหน้าแดงขณะที่ผมใช้ปากฉีกฟลอยด์ถุงยางและสวมใส่ส่วนที่แข็งขืนต่อหน้าเจ้าตัว ก่อนจะบีบเจลใส่มือก่อนจะป้ายไปยังส่วนนั้นของน้อง

“ถ้าไม่เตรียมตัวมาเธอแย่แน่ๆ ภีม” ผมยกยิ้มกับสรรพนามนี้ ‘เธอ’ ชอบชะมัด ฟังแล้วคันในใจยิบๆ อีกอย่างน้องเตรียมตัวมาพร้อมเหมือนรู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องมีเหตุการณ์นี้ ที่บอกจะทำแรงไม่แรงเดียวแล้วล่ะหลายแรงน่าดู

ร่างกายของเราสอดประสานราวกับบทเพลงที่ถูกแต่งใหม่ทุกครั้ง ท่วงทำนองที่บรรเลงด้วยหัวใจที่นำทางมันไม่เคยซ้ำกัน มิใช่เพราะเราหาลูกเล่นหาสิ่งใหม่อะไรมาเพิ่มสีสัน แต่เพราะเราสองคนนี่แหละที่ไม่รู้สึกพอในรสสัมผัสที่ต่างฝ่ายมอบให้กัน มันแปลกใหม่ราวกับเป็นดอกไม้ผลิบานในดินแดนใหม่เสมอ

“อื้อออ แรงไปแล้ว ชะ ช้าหน่อย”

“เจ็บมั้ย”

“ซอยถี่ขนาดนี้แล้วมาถามว่าเจ็บมั้ย อ๊ะ อ๊ะ อื้อ” ไม่ต้องรอให้คนใต้ร่างที่โดนเปลี่ยนเป็นทา dogy พูดจบ เพราะคำพูดตรงๆ จากปากเขาทำเอาแรงที่มีมาเพิ่มจากไหนไม่ทราบ จับเอวบางแน่นก่อนจะสวนกระแทกเข้าจุดเดิมแรงกว่าเดิม บอกตามตรงว่าชอบครับชอบให้น้องพูดลามกๆ

“บะ บอกหน่อยว่ารู้สึกยังไง ที่รักครับ”

“ฮะ ฮื้ออ สะ เสียว เธอจะ...เสร็จ” รีรอได้ที่ไหนในเมื่อคนใต้อาณัติพูดขนาดนี้ กระแทกกระทั้นอย่างไม่บันยะบันยังไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะเจ็บเพราะฟังจากเสียงคงไม่เจ็บ ที่เจ็บน่าจะเป็นคอมากกว่าจากเสียงครางสุดรัญจวญใจ

“พร้อมกันนะ” เสียงพร่าของตัวเองบอกคนรักก่อนจะใช้แรงขยับอีกไม่กี่ครั้งก่อนที่คนใต้ร่างจะเกร็งช่องทางรัก จับส่วนนั้นของตัวเองออกมาอย่างรวดเร็วเกือบจะถอดเครื่องป้องกันไม่ทัน ของเหลวสีขุ่นขาวเปรอะเปื้อนหน้าท้องขาวที่ยุบพองจากการหอบหายใจอย่างรุนแรง

“จะต่อเลยหรอ” น้องถามเพราะผมฉีกถุงยางอีกชิ้นและสวมเข้าอวัยวะที่ยังแข็งขืนอย่างรวดเร็ว โดยที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดของรอบที่แล้วเลย

“อืม” ผมตอบรับในลำคออย่างง่ายๆ สบายๆ ก็วันนี้เป็นคนคุมเกมนี่นา อีกอย่างน้องก็ดูจะไม่ขัดอะไรเพราะรู้ว่าตัวเองผิดเต็มๆ นานๆ ทีไอภีมคนนี้ไม่ต้องอ้อนวอนขอมีอะไรกับแฟนนะครับ ถือว่าเป็นแต้มบุญแล้วกันที่อดเปรี้ยวมาตลอด



ไปเจอในบอร์ดเนติเซนเกาหลีเขาถามหานายแบบในแอดนี้กันเพียบ พวกแกว่าคุ้นๆ ป่ะวะ *แนบรูป* /ล้มมมมมมมมม #น้องสะดือขาวกับน้องมีไฝที่ขา
นี่อยู่เกาหลีจ้า แอดนี่ขึ้นเต็มเมียงดงเว่อร์ คือตาคุ้นมากกกกกกก ถ้าถอดคอนแท็กเลนส์ออกนี่ใช่เลยป่ะ อิลูกกกกกกกกกกก #น้องสะดือขาวกับน้องมีไฝที่ขา
เหมือนดีไซเนอร์คนนี้เขาเพิ่งมาไทยป่ะ เนี่ยรูปในไอจีเมื่อไม่นานเอง หรือว่าที่น้องไปถ่ายแบบวันนั้นวะ เพราะเขาเช็คอินที่นั่นด้วย กรี๊ดดดดดดดดด อิภาพตอนเช้ากับสะดือขาวๆ นั่น หัวนมนั่น อิดอกกกกกกกก #น้องสะดือขาวกับน้องมีไฝที่ขา
กูเป็นแม่น้องเกือบปีจะจำไฝสีน้ำตาลที่นิ้วชี้ลูกไม่ได้หรอวะ #น้องสะดือขาวกับน้องมีไฝที่ขา
จริงๆ ขาดเซตที่มีลูกไม้ป่ะวะ แบบบางๆ งี้อะ แงงงงงง เจจีวีเว่อออออ #น้องสะดือขาวกับน้องมีไฝที่ขา
   Reply แบบนี้ป่ะคะ *แนบรูป* /หืดหอบ
#ประเทศกูมี นายแบบผู้ชายที่หุ่นเหมือนผู้หญิง จนผู้ชายเกาหลีตามกันให้วุ่น คือไรรรร #น้องสะดือขาวกับน้องมีไฝที่ขา
   Reply  พระนพดลสิริวฺโส : ประเทศกูมีพระหัวโปกใส่สะบงและเหมือนผู้หญิงนะโยม
   Reply ค่อน : อันนี้เป็นพระกะเทยป่ะครับ
   Reply : 55555555555555555555555555
ล่าสุดแม่เกานางไปหาวาร์ปมาเทียบแล้วว่ะ ก็คือเดือนหน้าจะมีมีตด้วยป่ะ สนุกแน่มึงเอ้ยยยยยยยยยย #น้องสะดือขาวกับน้องมีไฝที่ขา




-------------- End Day 1-2 --------------

การอธิบายภาพที่น้องไปถ่ายแบบนี่ยากมากเลยไม่รู้ว่าทุกคนพอจะเข้าใจไหม
แต่ภาพในหัวนี่ชัดเจนมาก เพราะเป็นคนชอบอายัยวับๆ แวบๆ แงงง
น้องงงงงงงงงงงงงงงงงง
ตอนนี้พี่ภีมก็มาแล้วนะบับว่าท็อปฟอร์มมั้ยอารัยยังไงงงงง

เจอกันใหม่นะงับบบบบบบ

บี

#กาลครั้งที่รักคุณ
#youaremyday1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2018 10:16:38 โดย mifengbee »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ไหนนนนนนนน ขอดูรูปหน่อยค่าาา  :hao7: นี่ว่าพี่ดิมต้องดุกว่าเดินอีกสิบเท่า ลุ้นจนจะเป็นลมมมม  :z1:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ JanJanIsHappy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ่ยยยย จะเป็นลม แด๊ดดี้ดิมเตรียมเชือดหนูศิแล้วค่ะงานนี้

ปล. เพิ่งเห็นทวิตของคุณนักเขียนเรื่องรีไรต์ โดยเฉพาะรีไรต์ฉากเรทให้มีการป้องกันอะไรตั่งๆ มากกว่าเดิมแล้วดีใจมากเลยค่ะ คือจริงๆ แบบเดิมเราก็ไม่ขัดอะไรเลยนะคะ เข้าใจได้ว่าเป็นนิยาย และในชีวิตจริงก็อาจจะมีกันบ้าง (รึเปล่า ไม่แน่ใจเพราะเราก็ไม่เคย) แต่พอเห็นว่านักเขียนจะเพิ่มตรงนี้เข้าใจก็ดีใจอ่ะค่ะ น่าจะเป็นการช่วยนำเสนอการ safe sex ได้อีกทางนึง ถึงแม้อาจจะเล็กน้อยมากก็ตาม ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เพลิน~~~

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ชอบมาก..เรื่องราวมากมายของแต่ละคู่มันเรียลจริง ๆ ..วิธีเริ่ม วิธีจบ บทสรุปของแต่ละคู่ก็มีเหตุมีผลดี

คู่เมฆโปแม้จะเศร้าแต่ถือว่าโอเค..เพราะอย่างที่โปบอกว่าเราจะเชื่อใจคนที่ทำให้เราเสียใจได้แค่ไหน..

เมฆมาช้าไปหัวใจโปซ่อมแซมตัวเองแล้ว..จบสวย..ทุกคนไปต่อ..เยี่ยมค่ะ  o13  :m3:

คู่เมฆเหมือนจะมาแวบ ๆ ใช่มั้ยคะ  :m12: รอนะจ้ะ  :m4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2018 15:14:09 โดย unicorncolour »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ชอบคู่ #ภีมพูลล์ เค้าพูดจาไพเราะเสนาะหูเหลือเกินเจ้าค่ะ น่ารัก   :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
You are my day 1◑ : กาลครั้งที่รักคุณ
Day 1-3 : I never know a better sexy then my lips on your leg (Part 2)



Si’s Part

พี่ดิมไม่กลับคอนโดมาสองวันแล้ว เขาบอกว่าใกล้จะถึงช่วงประเมินวิชาเฉพาะทางแล้ว ไหนจะต้องเร่งงานวิจัยก่อนจะไปประชุมที่โตเกียวในอีกสองสัปดาห์ แต่เอาจริงๆ ผมไม่เจอหน้าพี่ดิมมาเกือบอาทิตย์ได้แล้ว เขาทำงานกลับดึกและผมรอไม่ไหวก็นอนก่อนตลอด ตื่นเช้ามาเตียงก็ว่างเขาออกไปทำงานแล้ว อดคิดไม่ได้ว่าเขาหลบหน้ายังไงไม่รู้....

กิจกรรมอย่างว่าช่วงนี้แทบจะไม่เกิดขึ้น ทั้งที่ปกติไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนเขาจะต้องหาเวลาดอดเล็กดอดน้อยตลอด แต่นี่ไม่มีเลย

เขาเบื่อผมแล้วหรือเปล่านะ

หลังจากถ่ายแอดให้ห้องเสื้อที่เกาหลีผ่านพ้นไป จู่ๆ ก็มี #น้องสะดือขาวกับน้องมีไฝที่ขา เกลื่อนทวิตเตอร์ ซึ่งทำเอาผมตกใจมากทีเดียว กลัวคนจะจำได้ กลัวคนเข้าใจผิด กลัวจะทำให้ค่ายเดือดร้อน ที่สุดเลยกลัวพี่ดิมจะรู้ว่าไปทำงานแบบนี้ แถมยังปิดบังเขาอีก แต่แล้วก็เป็นเพียงกระแสของชาวเน็ตพอไม่มีการตอบโต้อะไรกระแสก็ค่อยๆ เงียบไปเอง

วันนี้วันเสาร์ผมตื่นแต่เช้ากะว่าจะทำปิ่นโตไปให้คนที่อยู่โรงพยาบาลสองวันสองคืน ไลน์ไปตั้งแต่เมื่อคืนปรากฏว่าตอนเช้าแล้วก็ยังไม่ได้รับการเปิดอ่านจากเจ้าตัว สงสัยงานคงจะยุ่งมากแน่ๆ ทำซูชิ กุ้งเทมปุระ แล้วก็สลัดอะโวคาโดไปให้ดีกว่า จะได้เติมพลัง

ตระเตรียมของทุกอย่างเรียบร้อย วันนี้เลือกเสื้อตัวที่พี่ดิมซื้อให้เป็นลายยีราฟประหลาดๆ เพราะเป็นจินตนาการเด็ก เขาสั่งซื้อจากเว็บไซต์ที่อเมริกา บอกว่าน่ารักและได้ทำบุญให้กับเด็กด้อยโอกาสทั่วโลก นอกจากจะเป็นคนดีของแฟนแล้วยังเป็นคนดีของโลกใบนี้ด้วยนะคุณหมอดิมเนี่ย

ช่วงกลางวันโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ก็ยังคราคร่ำไปด้วยผู้คน ทั้งผู้ป่วยและญาติเดินขวักไขว่อย่างกับมีงานอีเวนท์ แต่เปล่าเลยนี่คือความปกติที่น่าเศร้าของระบบการจัดการของวงการสาธารณะสุขของประเทศเรา ความแออัดจอแจสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางสิทธิขั้นพื้นฐานได้เป็นอย่างดี

ขยับปีกหมวกแก๊ปเล็กน้อย ขณะที่เดินลัดเลาะผ่านระเบียงทางเดินเพื่อไปห้องพักแพทย์ของพี่ดิมที่มาประจำจนจำทางได้ มองลอดบานเกล็ดหน้าต่างเข้าไปก็พบว่าคุณหมอกำลังคุยกับคุณหมอผู้หญิงอีกคนในห้อง เหมือนกำลังอธิบายอะไรสักอย่างอาจจะเป็นเอ็กซ์เทิร์นล่ะมั้ง

“ขอบคุณพี่หมอดิมมากเลยนะคะ ยังไงเย็นนี้เจอกันค่ะ” คุณหมอสาวสวยเดินออกจากห้องด้วยท่าทีขวยเขินเล็กน้อย ผมว่าผมมองปฏิกิริยาเธอไม่ผิด

“ครับ เจอกัน ติดรถพี่ไปก็ได้นะ” คนรักของผมยิ้มให้สาวเจ้า ก่อนจะสังเกตว่าผมยืนอยู่เยื้องกับประตู “ศิ มาหาพี่หรอ”

ผมพยักหน้าและยกยิ้มอย่างปกติที่สุดทั้งที่ในใจรู้สึกแปลกๆ กับภาพที่เห็นเมื่อสักครู่

“งั้นดาวไปก่อนนะคะ” พี่ดิมพยักหน้าแล้วยิ้มให้เธอ ก่อนจะเปิดประตูห้องให้กว้างขึ้นเพื่อเชื้อเชิญผมเข้าไป ห้องพักแพทย์ขนาดเล็กที่ดูสะอาดสะอ้าน มีเตียงผ้าใบที่ไม่น่าจะดูนอนสบายนักถูกพับเก็บพิงผนังอยู่ด้านขวาห้อง ส่วนอีกด้านเป็นโต๊ะทำงานมีแฟ้มเอกสาร รวมถึงหนังสือวางระเกะระกะเต็มโต๊ะ

“ศิทำข้าวกลางวันมาให้ พี่ดิม...กินข้าวหรือยัง” เหมือนแผ่นสะดุดเพราะหันไปเห็นกล่องทัปเปอร์แวร์สองกล่องวางอยู่ข้างๆ เครื่องชงกาแฟด้านหลังโต๊ะทำงานของเขา “มีข้าวแล้วหรอ”

“อื้ม น้องเอ็กซ์เทิร์นซื้อมาฝากน่ะ แต่พี่จะกินของศิ อันนั้นไว้อุ่นก็ได้ ไหนมีอะไรกินบ้าง” ร่างสูงรับกระเป๋าผ้าข้างในมีกล่องทัปเปอร์แวร์หลายใบพร้อมบรรจุอาหารที่เจ้าตัวชอบแน่นขนัด เรานั่งกินข้าวด้วยกันภายในห้องเล็กๆ แอร์ไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่ เสียงโอเปอร์เรเตอร์ประกาศลอดเข้ามาในห้องอย่างที่ถ้าเข้ามาพักก็เหมือนไม่ได้พัก พี่ดิมยกนาฬิกาดูเป็นระยะคล้ายกับจะบอกเป็นนัยว่าเขาไม่สามารถใช้เวลาตรงนี้ได้อีกนานนัก

“พี่ดิมรีบหรอ ค่อยๆ กินก็ได้ เดี๋ยวติดคอ”

“พี่มีตรวจคนไข้ตอนบ่าย แต่ต้องมีแวะไปดูคนไข้ที่ผ่าตัดเมื่อคืนก่อนน่ะ” ผู้ชายตรงหน้าพูดไปพลางเคี้ยวอาหารไปพลาง อย่างคนที่รีบร้อนจริงๆ “แล้วศิไม่มีงานหรอวันนี้”

“ไม่มีครับ ศิบอกพี่ดิมไปแล้ว”

“อ่อหรอ พี่คงลืมน่ะ” เขาพูดทั้งที่ไม่ได้มองหน้าผมด้วยซ้ำ ความอึดอัดใจมันพุ่งชนเข้าเต็มหัวใจ พี่ดิมที่เคยใส่ใจอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอดกลับเพิกเฉยต่อเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ หรือเป็นความเคยชินที่เราอยู่ด้วยกันตลอด ผมอาจจะคิดมากไป

“แล้ววันนี้พี่ดิมจะไปไหนหรอครับ กลับบ้านหรือเปล่า ศิจะได้ทำกับข้าวรอ”

“ไม่ต้องหรอก พี่มีไปเลี้ยงส่งเอ็กซ์เทิร์นน่ะ อาจจะกลับดึกครับ” ถ้าผมไม่เอ่ยถามร่างสูงจะบอกมั้ยนะ แอบน้อยใจได้หรือเปล่าที่มีเวลาว่างไปเลี้ยงส่งรุ่นน้อง แต่กลับไม่มีเวลามาอยู่ด้วยกัน เป็นอาทิตย์แล้วนะที่ไม่ได้รับอ้อมกอดจากเขา ไม่แม้แต่จะแตะตัวด้วยซ้ำ

ผมพยักหน้ารับเบาๆ พยายามกินอาหารที่ตัวเองเตรียมมาอย่างปกติที่สุด แม้ในใจจะห่อเหี่ยวแค่ไหนก็ตาม ไม่รู้ว่าเขาสังเกตมั้ยว่าผมใส่เสื้อที่ตัวเองซื้อให้ วันนี้ฉีดน้ำหอมที่เขาเคยบอกว่าชอบมาด้วย ไหนจะกำไลข้อมือที่เขาซื้อให้ตอนไปประชุมที่อังกฤษ หรือเขาอาจจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้

ไม่เคยรู้สึกน้อยใจขนาดนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่พี่ดิมไม่รับงานในวงการนี่ก็หลายเดือนมาแล้ว ก่อนหน้านี้เขาแบ่งเวลาได้ดีเสมอ เรายังเคยไปเที่ยวทริปสั้นๆ ด้วยกัน แต่สองอาทิตย์มานี้พี่ดิมดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่สนใจอะไรที่เคยสนใจเหมือนเคย โดยเฉพาะเรื่องของเรา ไหนจะหาเรื่องกลับบ้านดึก เลี่ยงตอบคำถามเวลากลับบ้าน ทั้งที่ผมไม่เคยคะยั้นคะยอแต่เขาก็ดูเหมือนไม่อยากตอบ

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ คืนนี้ไม่ต้องรอพี่นะน่าจะกลับดึก”

“พี่ดิมจะดื่มหรือเปล่า ให้ศิไปรับมั้ย”

“อืมมม ไม่เป็นไรดีกว่า ศิเอารถมาหรือเปล่า” ผมส่ายหัวแทนคำตอบ กำลังจะบอกว่ามารอเขากลับบ้านพร้อมกัน แต่แล้วก็ยังไม่ได้เอ่ย เพราะร่างสูงตรงหน้ายื่นกุญแจรถให้ “งั้นพี่ฝากรถกลับไปด้วยสิ”

“ไม่ต้องไปรับคุณหมอคนนั้นแล้วหรอครับ” น้ำเสียงที่ติดจะแข็งขึ้นเล็กน้อยเอ่ยถามเขา

“นั่นสิ  พี่ลืมไปเลย งั้นศิกลับเองได้ใช่มั้ย”

“อื้ม พี่ดิมก็ตั้งใจทำงานนะ”

“ครับ พี่ไปก่อนนะ” คุณหมอหนีบเสื้อกาวน์สั้น กับสเต็ทโทสโคป พาดที่คอ แล้วก้าวขายาวๆ นั่นอย่างรวดเร็วออกจากห้องไปโดยไม่ได้หันกลับมามองอีก มีแต่ผมที่เหลียวมองเขาเดินจนสุดริมระเบียงลับสายตาไป ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้คิดอะไรสะเปะสะปะเต็มหัวไปหมด ไม่อยากจะคิดว่าพี่ดิมนอกใจเพราะคิดว่าเขาไม่มีวันทำ หรือเป็นตัวผมเองที่หมดความน่าหลงใหลน่าชื่นชมในสายตาเขาก็ไม่ทราบได้

ทำยังไงดี




กลับคอนโดมาอย่างคิดไม่ตกกับเหตุการณ์วันนี้ นอนมองเพดานอย่างเลื่อนลอย มีสายของเออาร์ของบริษัทโทรมาหลายสาย คงจะคอคิวงานแต่ผมไม่อยากคุยเรื่องงานตอนนี้เลย แค่คิดว่าพี่ดิมจะรู้เรื่องที่แอบไปถ่ายแบบนั่นมาก็เครียดจนราจะขึ้นสมอง เลยตัดสินใจขอคำปรึกษาจากเพื่อนสนิท ในตอนแรกคิดว่าจะโทรหาพูลล์ แต่เพื่อนคนนี้ช่วงนี้งานยุ่งมากทีเดียวเพราะกำลังเวิร์กช็อปซีรีส์เรื่องใหม่อยู่ จึงตัดสินใจโทรหาเฌอลักษณม์แทน

“เฌอ”

[ว่า]

“มีเรื่องจะปรึก”

[ปรึกเรื่อง]

“ถ้าสมมติว่าแฟนแบบไม่สนใจ จะมีวิธีไหนทำให้เขา เอ่อ กลับมาสนใจเราได้บ้างอะ”

[มึงจะสมมติเพื่อ นี่ก็พูดเรื่องตัวเองอยู่ไม่ใช่หรือไงอินี่ ทำไมผัวไม่ทำการบ้านหรอ] น้ำเสียงรู้ทันของเพื่อนสนิททำเอาผมอ้ำอึ้ง

“กะ ก็เออ นั่นแหละ ช่วงนี้พี่ดิมดูไม่สนใจกูเลยว่ะ”

[มึงปล่อยตัวเองให้โทรมป่ะ โหมงานหนักอะดิ หรือไม่มึงก็ไม่มีเวลาให้เขา เขาน้อยใจหรือเปล่า] ผมพยายามนึกตามคำที่เฌอบอก ถึงขนาดเดินไปที่กระจกในห้องแต่งตัวว่าตัวเองดูเป็นยังไงบ้าง หน้าหมองหรือก็ไม่ดูปกติดีทุกอย่างเลย ยิ่งไม่มีเวลานะตัดออกไปได้ไม่เคยจะกลับบ้านดึกหรือออกไปทำงานเช้ามากจนไม่ได้เจอเขา มีแต่เขานั่นแหละที่เลี่ยงจะเจอกัน

“ไม่เลย กูว่ากูปกติดีทุกอย่าง วันนี้กูเอาข้าวไปให้เขาที่โรงพยาบาล เจอเขาอยู่กับหมอผู้หญิงเอ็กซ์เทิร์นคนหนึ่งด้วย กูไม่อยากคิดอะไรแบบนี้นะ แต่ก็อดคิดไม่ได้”

[จริงหรอวะ แล้วพี่ดิมมีท่าทียังไง]

“ก็...ถ้ากับหมอคนนั้นเหมือนจะไม่มีอะไรมั้ง กูแค่รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยดีใจที่กูไปหาเหมือนทุกที”

[นี่มึงทำอะไรให้เขาโกรธหรือเปล่า คิดดีๆ นะ บางทีเขาอาจจะรอให้มึงสำนึกผิดอยู่ก็ได้] ผมพยายามคิดตาม ถ้าเป็นเรื่องที่ไปถ่ายแบบให้ดีไซน์เนอร์เกาหลีล่ะก็อาจจะเป็นไปได้ แต่พี่ดิมจะรู้ได้ยังไงในเมื่อภาพที่ออกมาแทบจะมองไม่ออกเลยว่าคือผม อีกอย่างเขาไม่ใช่คนเชื่ออะไรง่ายๆ ถ้าจะเชื่อความเห็นชาวเน็ตที่มโนเป็นอาหารหลักอยู่แล้วก็ไม่สมกับเป็นพี่ดิมเลยไม่ใช่หรอ

“จริงๆ ก็มีเรื่องที่ไปถ่ายแบบนั่นแหละ”

[มึงยังไม่ได้บอกเขาอีกหรอ!!] เฌอเสียงดังจนต้องเอามือถือออกจากหู ทำไมทุกคนต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นอะ
[กูว่าเรื่องนี้แหละ มึงไปสารภาพผิดเลย มึงก็รู้เขาขี้หึงขี้หวงขนาดไหน ครั้งนี้กูว่าเขาโกรธมากเลยแหละ และที่ทำเป็นไม่สนใจมึงก็คือรอให้มึงไปง้อไปบอกเขาเองไง]

“กูต้องทำไงไม่ให้เขาไม่โกรธมาก กูรู้ว่ากูผิดนะเฌอ แต่มันก็ไม่ขนาดนั้นป่ะวะ”

[มึงยังไม่รู้เลยว่ามึงผิดแค่ไหน ถึงกูบอกวิธีไปมึงก็ไม่ได้รู้สึกผิดจริงๆ อะ ไปทบทวนตัวเองนะอิศิว่าทำไมมึงถึงผิด แล้วทำไมพี่เขาถึงโกรธมึง]

เปลี่ยนมาคุยเรื่องธีสิสนิดหน่อยก่อนจะวางสายจากเพื่อนสนิทไป ในใจเริ่มกังวลกับสิ่งที่เฌอบอกมากๆ พี่ดิมจะโกรธที่แอบไปทำงานแบบนั้นจริงๆ น่ะหรอ ทั้งที่มันก็แค่งาน แต่อย่างว่าผู้ชายอย่างที่ดิมขี้หึงมาก หึงกระทั่งแฟนเก่าจนเกือบมีปากเสียงกันก็มีมาแล้ว แต่ที่เขาทำนี่ผมโกรธคืนได้มั้ยล่ะ ไม่พอใจกันก็น่าจะบอก ก็น่าจะคุยกันสิ ไม่ใช่มาเมินกันแบบนี้ ทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วแท้ๆ ถ้ามีอะไรเราจะคุยกันทุกเรื่อง

แต่คราวนี้ยังไงผมก็มีส่วนผิด คงต้องหาวิธีง้อเขา แต่ปัญหาคือจะหาเวลาไหนง้อในเมื่อร่างสูงหลบหน้ากันแบบนี้


ห้าทุ่มก็แล้ว เที่ยงคืนก็แล้ว ตีหนึ่งก็แล้ว คนรักก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับ โทรไปก็ไม่รับสายนี่เขาโกรธผมหรือกำลังจะทำให้ผมโกรธเขาคืนกันแน่ แต่ความเป็นห่วงมีมากกว่า อาจจะเมากลับไม่ได้ กลัวเกิดอุบัติเหตุก็กลัว กลัวโดนตำรวจจับก็กลัว เป็นอีกคืนที่นอนดึกเพื่อรอแฟนให้กัลบมานอนกอด แต่ก็ไร้วี่แวว

ตี๊ด

เสียงประตูใหญ่หน้าห้อง จอที่แสดงผลในห้องนอนบอกว่าร่างสูงที่ผมเป็นห่วงกลับมาแล้ว ผมวิ่งมาชะโงกหน้าดูที่บันไดก่อนจะผลุบเข้าห้องนอนทำทีเป็นนอนหลับ ทั้งที่จริงๆ อยากคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าทำไมถึงเลือกหาทางออกของปัญหาด้วยวิธีนี้ เหมือนเราต่างยังไม่โตพอที่จะเข้าใจมันอย่างนั้น

เสียงอุปกรณ์บางอย่างกระทบกันจากการวางของ ถอดนาฬิกา ถอดแหวน เข้าไปอาบน้ำ และสักพักก็ออกมาจากห้องน้ำ ก่อนที่เขาจะเปิดประตูระเบียงห้องนอนออกไป ผมที่นอนหันหน้าไปทางนั้นก็เห็นว่าพี่ดิมสูบบุหรี่และมีแค่ผ้าขนหนูพันรอบเอวในค่ำคืนที่อากาศเย็นเช่นนี้

คิดว่าเป็นจังหวะที่ควรจะเข้าไปปฏิบัติการง้อเขาอย่างจริงจังซะที ทันทีที่ผลักบานประตูเลื่อนออก พี่ดิมชะงักเล็กน้อยแต่ไม่ได้หันกลับมามอง นี่โกรธขนาดนี้เลยหรือไง

“พี่ดิมทำไมกลับดึกจัง ศิโทรหาก็ไม่รับ” ตรงเข้าไปกอดเอวผู้ชายตรงหน้า ร่างกายเขายังชื้นด้วยหยดน้ำเกาะตามร่างกายอยู่เลย

“พี่ไม่สะดวกน่ะ” เขาพูดและพ่นควันสีเทาออกจากปากจำนวนมาก

“โกรธศิหรอ”

“...”

“โกรธศิเรื่องที่หนีไปทำงานนั่นใช่มั้ย พี่ดิมรู้แล้วใช่มั้ย ศิขอโทษที่ไม่ได้บอก”  รู้สึกผิดจริงๆ กับเรื่องนี้ พอมาคิดดูแล้วมันก็ไม่ต่างจากการโกหกเขา แม้พี่ดิมจะไม่เคยก้าวก่ายการทำงาน แต่การซื่อสัตย์ต่อคนรักด้วยการบอกเรื่องสำคัญก็เป็นสิ่งที่ควรทำ

“พี่จะโกรธศิเรื่องนั้นได้ไง นั่นมันร่างกายศิ ศิจะให้ใครเห็นมันก็เป็นสิทธิ์ของศินะ”


“...” ผมฟังแล้วสะอึก เขาพูดเหมือนผมไม่มีค่าสำหรับเขาแล้ว ร่างกายที่อีกฝ่ายเคยเชยชมเคยโอบกอดมันไว้ทุกค่ำคืน วันนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพียงเพราะผมเอามันไปให้ใครก็ใครเห็น...อย่างนั้นหรือ

“รู้มั้ยว่าทำไม”

“...”

“เพราะพี่ให้เกียรติในการตัดสินใจของศิเสมอ”

“พี่ดิม ศิขอโทษ ขอโทษนะ” ผมกอดคนตัวโตแน่นขึ้น พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้มีมากแต่แรกเพราะทิฐิในใจ ตอนนี้หัวใจกลับบีบรัดจนหายใจไม่ออก ความคิดน้อยของตัวเองทำให้คนรักรู้สึกแย่ได้ขนาดนี้เลยหรอ

“พี่บอกแล้วไงครับว่าไม่ได้โกรธ” พี่ดิมพ่นควันทีเทาลอยฟุ้งไปในอากาศครั้งสุดท้าย ก่อนจะเขี่ยบุหรี่และดับไฟ ทั้งที่เพิ่งสูบไปได้ไม่ถึงครึ่งมวน เพราะรู้ว่าผมไม่ถูกกับกลิ่นบุหรี่เท่าไหร่ แค่นี้เขายังแคร์เลย ทำไมผมถึงไม่แคร์เขาทั้งที่มันเป็นเรื่องควรแคร์แท้ๆ

“โกรธศิ โกรธศิเยอะๆ เลย ศิทำตัวไม่ดี แย่มากๆ ศิจะไม่ทำอีกนะๆ” แผ่นหลังหนานิ่งอยู่นาน ก่อนจะขยับและแกะมือของผมออกจากเอวเขา ใจหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม ทุกทีเขาจะจับมือ หรือไม่ก็ดึงไปกอดแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ผมคงหวังมากไปให้เขายกโทษให้รวดเร็วทันทีแค่เพียงได้ยินคำขอโทษที่ทำได้แค่พูด

“ช่างเถอะไม่เป็นไร ศิไม่ได้ตั้งใจโกหกพี่นี่เนอะ”

ผมไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนตรงหน้า ก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเอง พยายามห้ามไม่ให้ร้องไห้เพราะไม่อยากใช้น้ำตาเพื่อทำให้เขาใจอ่อนยกโทษให้

“ศิผิดไปแล้ว ศิตั้งใจโกหกพี่ดิมแต่แรก เพราะกลัวว่าพี่ดิมจะห้ามไม่ได้ทำงานนี้”

“ครับ” คำตอบรับสั้นๆ ยิ่งทำให้ใจโหวงไปหมด ให้เขาโกรธยังดีกว่าให้เขาไม่รู้สึก และไม่อยากรับรู้อะไรอีก ความรักที่ดีมากๆ กลับพังทลายด้วยมือของผมเอง

“ศะ ศิ กะ วะ ว่า ฮึก จะบอกพี่ดิม แต่ว่าศิกลัว ก็เลยผลัดมาเรื่อยๆ ฮึก” ปาดน้ำตาออกจากแก้ม พี่ดิมยืนนิ่งยังไม่พูดอะไร “ศิขอโทษที่ให้พี่ดิมรู้เอง ถ้าสิ่งที่พี่ดิมทำมาทั้งอาทิตย์คือการลงโทษ ศิได้รับโทษนั้นแล้วนะ ทรมานมากเลยที่พี่เดิมทำเหมือนไม่รักกันแล้ว”

“...”

“หรือถ้าพี่ดิมเบื่อกันจริงๆ ก็บอกได้นะ ศิจะปรับปรุงตัว จะไม่โกหกอีกแล้ว จะไม่รับงานแบบนั้นอีก จะไม่ให้พี่ดิมเหนื่อยใจอีก ฮึก”

“พอเถอะ” คนตรงหน้าพูดขัดขึ้น เขาคงไม่อยากได้ยินคำแก้ตัวของคนขี้โกหกหรอก ผมรู้ดีว่าพี่ดิมเป็นคนรักษาคำพูด ซึ่งนั่นหมายถึงคนที่เขารักก็ควรจะรักษาคำพูดด้วยเช่นกัน แต่ผมดันเลือกที่จะทำตรงกันข้าม ถ้าจะโดนเขาบอกเลิกก็เป็นเหตุผลที่ดี

“ฮึก..”

“เข้าไปข้างในได้แล้ว อากาศมันเย็น” พี่ดิมจับข้อมือของผมแล้วเดินเข้าห้องมาพร้อมกัน ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ปล่อยแขนผมและเดินไปในห้องแต่งตัว น้ำตาไหลแบบพรุ่งพรูแต่พยายามกลั้นเสียงสะอื้นกลัวเขาจะรำคาญ พอร่างสูงเดินออกมาสายตาจับจ้องทุกการกระทำของเขาอย่างตั้งใจ รอว่าเขาจะพูดอะไร รอว่าคืนนี้จะมีสิทธิ์นอนที่นี่หรือเปล่า

“นอนเถอะ พี่เหนื่อย อยากนอนกอดศิ”

“อื้อๆ” รีบเช็ดน้ำตาออกจากหน้า แล้วมุดตัวเข้าไปซุกพี่เขาที่นอนก่อนแล้ว ตอนนี้แค่ใฟ้ได้อยู่กับเขาตรงนี้ก็พอ จะไม่ขออะไรอีก ไม่ต้องรีบยกโทษให้ก็ได้ แต่จะพยายามทำตัวให้ดีขึ้น ความไว้ใจถ้ามันเสียไปแล้วจะเรียกกลับคืนมาได้ยาก แต่ยากยังไงก็จะเรียกคืนมันมาให้ได้!





มีต่อ

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Dim’s Part

วันนี้ไม่มีเข้าเวร เลยกะว่าจะนั่งลุยงานเอกสารที่ต้องสรุปผลงานวิจัยเรียบเรียงเพื่อเตรียมไปประชุมที่โตเกียวในอีกไม่กี่วัน ยอมรับว่าสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาเหนื่อยมาก เหนื่อยกายดูจะหนักหนาสาหัสมากที่สุด นอนน้อย กินข้าวไม่ตรงเวลา แถมไม่ได้ออกกำลังกาย กิจกรรมอย่างว่าแล้วใหญ่มันหมดแรงทุกทีเวลากลับมาถึงบ้าน

เรื่องที่น้องไปถ่ายแบบอะไรนั่นมาถามว่าโกรธมั้ย ยอมรับตรงๆ ว่าโกรธมาก มันไม่ใช่แค่น้องโกหก แต่น้องพาตัวเองไปเสี่ยง ทีมงานนั่นไม่ใช่คนไทย การสื่อสารอาจจะผิดพลาดคลาดเคลื่อน เข้าใจว่าทางการตลาดและทีมกฏหมายของบริษัทเก่งและรัดกุมมาก แต่ทุกอย่างมันมีช่องโหว่งเสมอ แม้ผมจะเห็นโฆษณาทุกภาพที่ออกสื่อทั้งหมด แต่ไม่มีการรับประกันเลยว่าภาพที่อยู่ในกล้องหรือภาพเบื้องหลังมันจะไม่ถูกบันทึกไว้

ผมติดต่ออาติณณ์ไปให้ช่วยประสานงานเรื่องทีมงานเพื่อจะขอซื้อทุกภาพที่ศิและพูลล์ไปถ่าย และให้เผยแพร่เฉพาะภาพที่ทางทีมงานเลือกใช้เท่านั้น ความยุ่งยากคือต้องจ้างทนายที่นู้นเพื่อเข้าไปเจรจา ทำสัญญา ซึ่งยังไม่เสร็จดีด้วยซ้ำ เพราะการส่งเอกสารจากต่างประเทศค่อนข้างต้องใช้เวลา ผมรู้สึกทะแม่งๆ ทางทนายที่เกาหลีบอกว่าดีไซน์เนอร์ควบเจ้าของห้องเสื้อนี้มีธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงธุรกิจสีเทาด้วย แม้ธุรกิจเสื้อผ้าจะดูโปร่งใส่ดีแต่อย่างไรก็ป้องกันไว้ก่อน ไม่อยากให้น้องเสียหายทั้งนั้น แม้จะต้องใช้เงินจำนวนมากก็ตาม

เสียงกุกกักในครัวตอนเดินลงบันไดมา ทำให้รู้ว่าคนที่นอนข้างกันเมื่อคืนคงกำลังทำอาหารเช้าอยู่ ผมจำได้ว่าน้องมีงานตอนบ่าย ทำไมยังไม่ไปเตรียมตัวกันนะ

“พี่ดิม ตื่นแล้วหรอ” เสียงสดใสทักทายเมื่อสังเกตว่าผมนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวในห้องครัว ศิดูร่าเริงกว่าปกติทั้งที่สีหน้าตรงกันข้าว แววตาหม่นหมอง ใต้ตาดำคล้ำทำเอาผมรู้สึกผิดที่เมื่อคืนพูดจาแบบนั้นออกไป ใช่อยู่ที่ผมโกรธน้องจริงๆ แต่มันไม่ได้มากมายจนยกโทษให้ไม่ได้ เพียงแต่เหนื่อยจากงานจนไม่อยากพูดคุยอะไรทั้งนั้นตอนนั้น ก็เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้แหละที่เห็นสภาพคนรักเป็นแบบนี้

“พี่ขอกาแฟหน่อยได้มั้ยครับ”

“ศิเตรียมให้แล้ว พี่ดิมจะกินข้าวเลยมั้ย” พยักหน้าตอบพร้อมยิ้มให้เขาไปด้วย เช้านี้รู้สึกปวดหัวสงสัยไมเกรนจะมาเยือนอีกแล้ว

อาหารมากมายตรงหน้ามีแต่ของชอบผมทั้งนั้น ถุงจากวิลล่าวางเรียงรายบนเคาเตอร์ครัวทำให้ทราบว่าน้องคงไปหาซื้อของเพื่อทำอาหารเช้าให้ เขาต้องตื่นตั้งแต่กี่โมงเพื่อมาเตรียมทั้งหมดนี่ ผมเผ้ารุงรังไม่หวีสาง แว่นตาฝ่าขึ้นไม่มีกระทั่งเวลาเช็ด ไหนจะหน้ามันเยิ้มนี่อีก อยากรวบมากอดเสียจริง แต่ติดที่ว่าก็อยากให้น้องเรียนรู้ที่จะรู้สึกผิดและเติบโตขึ้นด้วยความเข้าอกเข้าใจ ‘เรา’ ให้มากขึ้น

“ทำไมกินน้อยจังล่ะ ไม่อร่อยหรอ” สีหน้าคนถามรวมถึงน้ำเสียงที่ฟังดูหมดความเชื่อมั่นในฝีมือทำอาหารอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่กินน้อยเพราะปวดหัวจนไม่อยากกินอะไรมากกว่า

“เปล่าครับ พี่แค่รู้สึกปวดหัว สงสัยนอนน้อยหลายวัน”

“งั้นศิไปหยิบยาให้นะ วันนี้พี่ดิมไม่มีเข้าเวรใช่มั้ย” พยักหน้ารับก่อนจะยกแก้วกาแฟดำขึ้นดื่ม “เดี๋ยวศิกลับจากทำงานจะซื้อซุปเห็ดร้านที่พี่ดิมชอบมาให้นะ” รอยยิ้มที่จะพยายามทำให้สดใสแต่สายตามีแต่ความพะวงฉายชัดอยู่ในนั้น ศิกำลังพยายามทำให้ผมพอใจ และอยากให้ยกโทษให้ ในใจรู้สึกผิดมากที่ต้องให้น้องเรียนรู้มันด้วยวิธีนี้ แต่ผมก็เสียใจที่น้องโกหกผมเหมือนกัน


ศิออกไปทำงานด้วยดวงตาแดงช้ำ น้องคงแอบไปร้องไห้ขณะอาบน้ำ เขาเดินมาบอกแต่พยายามหลบหน้าไม่สบสายตาผมก่อนจะรีบคว้ากุญแจรถแล้วออกมา ยกมือลูบใบหน้าตาเองอย่างคิดไม่ตก นี่เราทำเกินไปหรือเปล่าที่ให้น้องวิตกขนาดนี้ พอแค่นี้ดีกว่า ก่อนที่หัวใจผมจะสลายไปก่อน น้ำตาน้องมันคือของต้องห้ามสำหรับผมจริงๆ

นั่งทำงานจนเวลาล่วงเลยมาถึงเย็นย่ำ แสงอาทิตย์สีส้มลอดผ่านผ้าม่านทาบบนผนังห้องนั่งเล่น โต๊ะทำงานเล็กที่เอามากางเสริมข้างโซฟาโดนอาทิตย์ที่กำลังอัสดงทาบไปด้วย ถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองนั่งทำงานมานานพอควร เมื่อสายกินยาไปแล้วนอนพักไปสองชั่วโมงก่อนจะลุยงานอย่างขมักเขม้น จนลืมจับมือถือไปเสียสนิท พอหยิบมาดูก็พบข้อความจากศิหลายสิบข้อความบอกเล่าว่าเขาทำอะไรบ้าง ถามไถ่ว่ากินยาแล้วดีขึ้นมั้ย บ่นว่าตัวเองตื่นเต้น กระทั่งวันนี้แต่งหน้าหนามาก แต่ผมก็ไม่ได้ตอบข้อความน้องเลยเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องของตัวเอง

หรือเป็นผมกันแน่ที่ไม่ได้ใส่ใจน้องเท่าที่ควร กี่ครั้งแล้วที่ให้เขาต้องเผชิญกับงานยาก หรืออยากได้กำลังใจเล็กน้อย แต่แล้วผมก็มาไม่เคยทันเพราะติดงานตลอดเวลา ถึงอย่างนั้นน้องก็เข้าใจผมและผ่านปัญหาตรงนั้นมาได้ด้วยภูมิคุ้มกันของน้องเอง ใครกันแน่ที่บกพร่อง ใครกันแน่ที่เป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่อง ถ้าน้องจะกลัวว่าผมจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับงานที่น้องแอบไปทำก็คงไม่ผิด เพราะเอาเข้าจริงๆ ผมไม่ได้ทำความเข้าใจน้องมากพอด้วยซ้ำ

ตู๊ดด ตู๊ดด

“เลิกงานหรือยังหนู”

[เสร็จแล้วครับ กำลังเปลี่ยนชุด ศิซื้อซุปเห็ดให้แล้วนะ]

“พี่ไม่อยากกินซุปเห็ดแล้ว”

[อะ อ้าว ทำไมล่ะครับ หรือจะเอาอย่างอื่นมั้ยศิจะซื้อไปให้]

“อยากกินศิมากกว่า”

[พะ พี่ดิม พะ พูดอะไร เอ่อ พี่น้ำหวานศิแขวนชุดไว้ตรงนี้นะ พูดลามกแบบนี้ได้แสดงว่าหายแล้วล่ะสิ] เสียงปลายสายเงียบลงกว่าเมื่อครู่ สงสัยคงเดินออกจากจุดที่คนจอแจแล้ว

“นะ รีบกลับมาเถอะ ไม่ต้องซื้อะไรหรอก แค่พาตัวเองกลับมาให้พี่กอดหน่อย” จะบอกว่าอ้อนก็ไม่เต็มปาก เพราะจริงๆ มันควรจะมีคำพูดคำจาที่หวานกว่านี้ แต่ได้เท่านี้ล่ะนะสำหรับคนอย่างอาคิรา จากที่ตอนแรกทำเป็นโกรธเขา พอเห็นน้องเสียใจเข้าหน่อยก็ต้องกลายเป็นคนง้อแทน

“อื้อ ศิก็อยากให้พี่ดิมกอดแน่ๆ เลย”


ตี๊ด



สียงปลดล็อคประตูหน้าห้องทำให้รับรู้ว่าคนที่รอมาถึงแล้ว

“เอ่อพี่ดิม ศิกลับมาแล้ว”

“อื้ม พี่เห็นแล้ว”

เสื้อเชิ้ตสีชมพูคอกว้างสมัยนิยมกับกางเกงยีนส์สีขาวที่น้องเลือกสวมใส่ เหมาะกับเขาดีทีเดียว ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง แก้มที่แดงเปล่งปลั่งอมชมพู ผมสีน้ำตาลอ่อนที่น้องกลับมาทำอีกครั้ง นี่ผมไม่ได้สำรวจแฟนตัวเองอย่างถ้วนถี่มานานแค่ไหนแล้วนะ

“ศิซื้อของกินติดมาด้วย พี่ดิมจะกินเลยมั้ย งั้นเดี๋ยวศิไปเอาใส่จานมาให้นะ” ผู้ชายตรงหน้าวิ่งดุ๊กๆ เข้าไปในห้องครัวอย่างที่ไม่รอคำตอบจากคำถามของตัวเองด้วยซ้ำ ผมส่ายหัวกับท่าทาที่ดูเขินอาย แน่สิ เพราะผมใช้สายตาที่น้องเองก็รู้ว่ามันมีความนัยแบบไหนซ่อนอยู่ เล่นมองเหมือนถอดเสื้อผ้าเขาแบบนั้น…

ผมไม่ได้ตามน้องเข้าไปในครัวทันทีเพราะเดี๋ยวเขาจะประดักประเดิดยิ่งกว่าเดิม เลยจัดการเช็กทวิตเตอร์สำหรับงานที่น้องไปร่วม ซึ่งเป็นอีเวนท์เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบรนด์ดังดึงดาราศิลปินที่เป็นกระแสมาร่วมงานเป็นช่วงๆ สำหรับน้องคิวโชว์ตัวสี่โมงเขาเลยเสร็จงานไว ทั้งที่ไปเตรียมตัวซ้อมคิวตั้งแต่เที่ยง พอน้องมีงานเยอะขึ้นเขาก็ไม่เคยใช้บัตรเครดิตที่ผมให้อีก ขนาดซื้อข้าวของเข้าบ้านน้องก็เอาเงินตัวเองจ่าย สรุปใครเป็นเจ้าของบ้านใครเป็นคนอาศัย ตั้งแต่น้องมาอยู่ด้วยบ้านก็มีชวิตชีวากว่าแต่ก่อนเยอะ แอบเห็นที่ระเบียงน้องชำผักสวนครัว อย่างพวกกะเพรา โหระพา ผักชี ต้นหอมไว้ด้วย สงสัยต้องโอนชื่อบ้านให้เขาแล้วล่ะถ้าจะดูแลดีกว่าผมขนาดนี้

เสียงลงบันไดตึงตังทำให้ผมหันกลับไปมอง เห็นว่าน้องกำลังลงจากชั้นบน ชุดน่ารักนั่นถูกเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านแทน หน้าตาก็ถูกเช็ดออกจนหมดเกลี้ยง นี่แหละศิรัสเวอร์ชั่นที่จะไม่ยอมให้ใครเห็น

“อ่อ ศิไปเปลี่ยนชุดน่ะ พี่ดิมกินข้าวเถอะครับ เดี๋ยวจะเย็น” น้องยังหลบสายตากันอยู่ดี ผมเดินไปหาเขาก่อนจะโอบเอวอย่างที่ชอบทำแล้วเดินเข้าครัวไป

ซุปเห็ดทรัฟเฟิ้ล และสเต็กปลาแซลม่อนสำหรับสองคนถูกจัดวางที่โต๊ะอย่างปกติ มีแต่คนตรงหน้านี่แหละที่นั่งกินข้าวไปพร้อมกับหน้าแดงหูแดง เหมือนร้อนทั้งๆ ที่อากาศก็ปกติดี หรือเขาจะไม่สบาย

ใช้หลังมืออังหน้าผากและแก้ม ปรากฏว่ามันร้อนนิดหน่อยแต่คิดว่าไม่มีไข้ “ตัวก็ไม่ร้อนนิ ทำไมหน้าแดงจังหนู เผ็ดอะไรหรือเปล่า”

“ปะ เปล่าเลย! พี่ดิม ศิแค่ร้อนเฉยๆ ซุปมันหายร้อนยากเนอะ” คนตัวเล็กเป่าซุปเห็ดใหญ่ก่อนจะกินอาหารตรงหน้ากลบเกลื่อนไป

รับประทานอาหารเสร็จน้องก็รีบเก็บจานและขอตัวขึ้นห้องนอนทันที ยังไม่ทันที่จะได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันเลย ดูน้องลุกลี้ลุกลนชอบกล หรือเขาไปทำอะไรที่น่าตีมาอีก คราวนี้ล่ะจะโกรธจริงๆ จะเอาให้เข็ดไปเลย

ขึ้นมาห้องนอนเพื่อรอน้องออกมาจากห้องน้ำ วันนี้คนตัวเล็กใช้เวลาในนั้นมากเป็นพิเศษ คงอยากจะล้างเครื่องสำอางให้สะอาด น้องเคยบ่นสิวขึ้นเพราะขี้เกียจมาสองสามครั้งแล้วก็เข็ดอีกเพราะมันหายแล้วก็ทิ้งรอยดำนาน ทั้งที่ผมอ่านเอกสารในไอแพดก็แล้ว เล่นโซเชียลก็แล้ว เล่นเกมก็แล้ว น้องก็ยังไม่ออกมา มันชักจะยังไงๆ แล้วนะ

ก็อกๆๆๆ

“ศิ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมอาบน้ำนานจัง ศิครับ ตอบพี่หน่อย”

“อีกแป๊บเดียวนะพี่ดิม ใกล้จะเสร็จแล้ว” เขาพูดเสียงดังออกมาจากห้องน้ำ

“ไม่แป๊บแล้ว ออกมาเลย เดี๋ยวนี้ครับ” น้องเงียบไปอึดใจ ก่อนที่จะเปิดประตูห้องน้ำแล้วทำเอาผมตะลึงงั้นกับสภาพคนรักที่เห็นตอนนี้

หูแมว ลูกไม้ กระดิ่งคอ

“เผื่อแด๊ดดี้จะหายโกรธหนูบ้าง”

“คะ ใครบอกให้ทำแบบนี้”

น้องส่ายหน้า ก่อนจะช้อนตามองผม โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังอ้อนกันอยู่ “เห็นในแอคเคาท์ทวิตเตอร์คนญี่ปุ่น แล้วคิดเอาเองว่าน่าจะดี ก็...เลยให้เฌอสั่งชุดมาให้”

จะเรียกว่าชุดก็ไม่ถูก เพราะมีแค่กางเกงที่สั้นเทียบเท่ากางเกงในชายระบายลูกไม้บางแนบเนื้อ จนเห็นทุกสัดส่วนเว้าโค้ง ที่พีคคือมีหางฟูเป็นพวงงอกจากก้นน้อง แถมยังมีกระดิ่งสายสีดำประดับบนคอระหงอย่างที่ทำให้มันดูเป็นชุดขึ้นมา ที่คาดผมแมวนี่ก็ยิ่งทำใจแทบจะวายตาย อยากงับแมวตัวนี้ให้จมเขี้ยวเดี๋ยวนี้ตอนนี้

แต่ต้องใจเย็นไว้จะให้รู้ว่าเสือหิวจนน้ำลายสอไม่ได้

“อะ อืม” เสียงที่เปล่งออกไปอย่างเก็บอาการ ทำเอาแมวตรงหน้าเหมือนจะหมดความมั่นใจทั้งที่ตอนแรกก็คงมีไม่มากอยู่แล้ว แต่ก็ต้องตัดใจทำเป็นเมินแล้วเดินกลับเตียงให้ดูปกติ “มานอนได้แล้วศิ”

ผู้ชายในชุดแมวเดินมาที่เตียงด้วยใบหน้าที่หมดความมั่นใจ แต่ก็ยังใจกล้าเดินมาหยุดที่ปลายเตียง และทิ้งเข่าลงที่บนเตียงก่อนจะค่อยๆ คลานเข่าเข้ามา ย้ำครับว่าคลาน แต่แมวที่กำลังคลานกำลังก้มหน้าก้มตาอย่างไม่กล้าสู้หน้านัก สงสารแต่ก็อยากรู้ว่าน้องจะทำอะไรต่อ ไปศึกษาเรื่องพวกนี้มาแค่ไหน

แมวตัวใหญ่กำลังนั่งทับหน้าขาและใช้บั้นท้ายที่มีนางฟูนุ่มนิ่มบดเบียดส่วนนั้น บอกตามตรงว่าเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทำให้พลังที่ซุกซ่อนอยู่สูบฉีดเลือดในร่างกายให้พลุ่งพล่านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ก็เพิ่งจะเคยโดนแมวอ้อนก็วันนี้

มือเรียวจัดการถลกเสื้อนอนสีเทาของผมก่อนจะถอดออกจากตัว ดีที่ยังใส่คอนแท็กเลนส์อยู่เลยเห็นทุกการกระทำของแมวยั่วสวาทเด่นชัดทุกท่วงท่า น้องสบตากับผมด้วยความกล้าที่มีทั้งหมด ก่อนที่เขาจะโน้มตัวมากดจุมพิตที่จมูกของผมเบาๆ และใช้จมูกไล้ตามกรอบหน้า ลำคอ และหน้าอก น้องชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะใช้ลิ้นเย็นชื้นเลียที่ตุ่มไต่สีน้ำตาลเข้มบนหน้าอก ทำเอาผมสะดุ้งโหย่งเพราะไม่คิดว่าน้องจะทำแบบนี้ ปกติหน้าที่นี้ต้องเป็นผมทำให้เขา

“ฮ่าาา” ส่งเสียงที่กลั้นไม่อยู่ออกมาจากลำคอ ความรู้สึกน้องเป็นอย่างนี้สินะ เสียวจนเกร็งหน้าท้องไปหมดแล้ว

“ไหนว่าจะกอดกันไง” แม้ปากเขาจะขยับแต่ลิ้นกลับโลมเลียไปทั่วหน้าท้อง น้องไม่รีรอคำตอบจากผม มือเล็กไวกว่าที่ผมคิดเขาถอดกางเกงนอนขาสั้นของผมออกจากตัว ท่อนกายกลางลำตัวผงกขึ้นมาอย่างคนรู้สึกมาก ใช่ ผมไม่ได้ใส่กางเกงในนอนมานานแล้วเพราะอยากนอนสบายๆ 

“อ๊ะ” ริมฝีปากบางครอบลงมาที่ท่อนกลางกายอย่างไม่รีบร้อน ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำ แต่ครั้งนี้ดูไป...ศึกษามาดี ไม่มีท่าทีเคอะเขินเอียงอายและหวาดกลัวเหมือนครั้งก่อนหน้า ไอ้ที่เก๊กๆ อยู่ก็คือหมดสภาพไปแล้ว ความนุ่มนิ่มของริมฝีปากและเรียวลิ้นที่ตวัดไปมาตรงจุดที่ไวต่อสัมผัส ทำเอาท้องน้อยปั่นป่วน เกร็งหน้าขา จนต้องระบายออกโดยการขย้ำผ้าปูเตียง

“ฮื้อ ศิช้าหน่อย”

“อ้อออกอ่าอยากใอ้ออดไอ่ใอ่อ่อ” (ก็บอกว่าอยากให้กอดไม่ใช่หรอ)

หัวทุยผงกขึ้นลงจนหูแมวกระดุ๊กกระดิ๊กไปมา พวงหางส่ายสะบัดปัดป่ายตามไปด้วย ช่างเป็นภาพที่จะบันทึกไว้ในซีรีบรัมไม่รู้ลืมตลอดชีวิต

ศิหยุดกิจกรรมใช้ปาก ก่อนยกยิ้มอย่างคนคุมเกม น้องดึงเนกไทด์สีดำออกจากขอบกางเกงผ้าลูกไม้ตัวบางและจัดการผูกข้อมือผมไว้ “ศิกำลังจะไถ่โทษที่ทำให้พี่ดิมโกรธ...นะครับ”

ไม่ได้ตอบรับอะไรได้แต่ยิ้มบางๆ รอดูว่าแมวตัวนี้จะเตรียมอะไรมาบ้าง ร่างบางล้วงซองฟอยล์ออกจากกางเกงในอีกแล้ว นี่เขาซ่อนของเล่นไว้เยอะเหมือนกัน ปากบางฉีกซองอย่างช้าๆ และจัดการสวมเข้ากับส่วนนั้นของผมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ก่อนจะลุกไปหยิบเจลที่หัวเตียง และมานั่งคุกเข่าหันหลังให้เอนตัวไปข้างเล็กน้อย บีบเจลและทาทาบไปที่ส่วนนั้นโดยไม่ได้ถอดหางฟูออก นิ้วเรียวหมุนวนรอบจุดนั้น ยั่วยวนและโคตรเซ็กซี่จนอยากจะคว้าตัวน้องมากอดแรงๆ แต่ห้ามใจไว้อยู่

แมวสุดยั่วคล่อมหน้าขา จับท่อนเอ็นที่แข็งขืนตั้งชั้น ก่อนจะกดก้นลงมาครอบครองมันไว้

“อื้ออออออ” คนด้านบนเปล่งเสียงครางในลำคอ หัวนมสีอ่อนชูชันตรงหน้าทำให้รู้ว่าน้องรู้สึกมากพอกัน ไม่นับส่วนนั้นของน้องที่แข็งตัวเช่นกัน

“แน่นจังครับน้องแมว” ศิไม่ตอบอะไรแต่เริ่มขยับขึ้นลง มือบางจับที่เอวของผมก่อนจะเริ่มใช้แรงมากขึ้น อยากคว้าคนตรงหน้ามาจูบแทบขาดใจแต่มือที่โดนมัดไม่อำนวย คนตัวเล็กเขี่ยตุ่มไตที่หน้าอกของผมอย่างแรง ก่อนจะใช้ลิ้นกับมัน ในขณะที่เอวก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี เรียกว่าดีมากทีเดียว นี่ไปดูมากี่กระบวนท่าวะเมียผม

“ศิขอโทษที่ทำให้พี่ดิมโกรธ” ริมฝีปากที่ยังชิดกันพูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับลมหายใจไม่สม่ำเสมอ “ศิรู้ แฮ่ก ว่าพี่ดิม อื้อ เป็นห่วง” น้องเด้งตัวเป็นจังหวะแรงขึ้น มือเล็กหาที่ยึดโดยจับหัวไหล่ผมไว้แน่น “แต่พี่ดิมไม่ อื้อออ เห็นต้องทำตัวน่ารัก แฮ่กๆ กับหมอคนนั้นด้วย อื้อออ เลย”

“พี่เปล่า ฮ่าาา”

“ไม่จริง อื้อ อื้อ อื้อ” น้องกระแทกตัวอย่างแรงลงมาเหมือนจะลงโทษผมกลายๆ “อื้อ อื้อ คนใจร้าย แฮ่กๆ” คนด้านบนกระตุกเกร็งช่องทางรักบีบรัดท่อนกลางกายยี่กระชั่น น้ำสีขาวขุ่นเลอะเปื้อนหน้าท้องเรื่อยมาจนหน้าอกผม เหงื่อชื้นตามไรผมและลำคอระหง เป็นวันที่รู้สึกแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการที่คนรักทำอะไรแบบนี้ให้มันจะกระตุ้นความต้องการในตัวเองมากขนาดนี้ อดรนทนไม่ไหวกระชากเนกไทด์ออกและรีบพลิกตัวแมวที่ควรต้องโดนเสือดูแลบ้างแล้ว

ศิหอบหายใจรุนแรงเหนื่อยอ่อนจากการใช้แรงมหาศาล ไหนจะความกล้าบ้าบิ่นทำไปแบบไม่กลัวอายหลังจากคืนนี้ ผมโน้มตัวไปเกลี่ยผมที่ปรกหน้าน้องออก สายตาฉ่ำหวานมองมาที่ผม และจับมือผมไว้ “ศิขอโทษนะ จะไม่โกหกพี่ดิมอีกแล้วนะครับ ไม่เอาแล้ว โดนพี่ดิมเมินจนคิดว่า...เบื่อศิแล้ว”

“เลยใส่ชุดแมวนี่มา?” ศิพยักหน้ารับ โถ่เด็กน้อยของพี่ แต่ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรหรอกนะ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เชยชมแมวน้อยตัวนี้แน่นอน

“พี่ไม่ได้เมิน แค่พี่เหนื่อยๆ จากงานเท่านั้นเอง เรื่องงานนั่นพี่ไม่สบายใจเลยนะ กลัวศิจะโดนหลอกเข้า สมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน” คนมือไวพูดไปก็ไล้ไปตามเนื้อตัวคนใต้ร่างไปด้วย จนมาสะดุดที่หน้าท้อง ปกติมันจะมีไรขนอ่อนแต่ตอนนี้ไม่มี น้องโกนมันออกหรือไง เพิ่งสังเกตว่าภายใต้ผ้าลูกไม้สีอ่อนขนตรงส่วนนั้นถูกกำจัดอย่างดี ไม่ใช่แต่โกนหรือตัด “ศิไปแว็กซ์ขนมาหรอ”

“ฮะ อะ ก็อื้อ ทางลูกค้าให้ทำ”

“เดี๋ยวนะ งั้นก็ต้องแก้ผ้าต่อหน้าคนทำน่ะสิ”

“พี่ดิม~~”

“น้องแมวตัวดี บอกลาน้องศิเขาหน่อยนะ ฟ้าไม่สว่างอย่าคิดว่าจะได้นอน”

ผมเริ่มขยับอย่างไม่ค่อยเป็นไม่ค่อยไป สวนสะโพกเข้าหาแมวน้อยตรงหน้าด้วยแรงที่อดกลั้นจากการกระทำของเขาก่อนหน้า เอวบางถูกรั้งเข้ามาใกล้กันมากขึ้น กางเกงในมีหางนี่ทำเอาเกะกะใช้ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ขัดขวางการทำหน้าที่เอวแข็งแรงของผมได้ ถอนกายเกือบสุดแล้วกระแทกเข้าไปในตัวเขาอย่างแรงหลายครั้ง

“นี่สำหรับที่ให้คนทั้งเกาหลีเห็นต้นขา”

“อ๊ะ”

“นี่สำหรับให้คนทั้งกองเป็นเรือนร่าง”

“อื้อ”

“นี่สำหรับไปแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่น”

“อ๊ะ ฮื้อออ แฮ่ก หนูจุก”

“แค่จุกอย่างเดียวหรอครับ” มือเล็กปัดป่ายหาที่ยัดเหนี่ยว ก่อนที่เราจะประสานมือกันทั้งสองข้างและสะโพกผมทำหน้าที่โยกขยับถี่ระรัว น้องร่างกายกระตุกอีกครั้ง และน้ำขุ่นก็พุ่งกระจายเต็มหน้าท้องของเขาและกระเซ็นมาโดนหน้าอกผม ไม่รอช้าตัวเองก็ตามน้องไปติดๆ แต่ปลดปล่อยในอุปกรณ์ป้องกัน เพราะไม่งั้นยกเดียวก็คงเลอะเทอะไปต่อไหน เดี๋ยวจะไม่มีแรงมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกันเสียเปล่าๆ

“ฮะ แฮ่กๆ” เสียงผมเอง ยังไม่เหนื่อยแค่มันตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ กับสภาพแมวตรงหน้า

“ฮะ ต่อไปก่อนรับงานศิจะบอกพี่ดิมคนแรกเลย ไม่เอาแล้วแบบนี้”

“แต่พี่อยากเอา”

ดึงเครื่องป้องกันอันเก่าทิ้งลงถังขยะข้างหัวเตียง ก่อนจะสวมอันใหม่ไฉไลให้ตัวเองอย่างรีบร้อน มือสั่นพัลวัลไปหมด นี่ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองก็ชื่นชอบเซ็กส์แบบคอสเพลย์แบบนี้ ไว้ต้องพรีออร์เดอร์จากญี่ปุ่นมาบ่อยๆ เสียแล้ว ตื่นเต้นเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กวัยคนองอีกครั้งเลย ผับผ่า

“อื้อๆๆๆ”

“ทำไงดีกางเกงในแมวน้องขาดแล้วอะ”

“ก็ทำแรงขนาดนี้!!”

“ก็แมวน่ารัดเอ้ยน่ารักขนาดนี้ พี่ยั้งตัวเองเท่านี้ก็ดีแล้นะน้องเหมียว”

“อ๊ะๆ ฮ่าาา ช้าหน่อยแด๊ดหนูไม่ไหว”


ก็ไม่รู้ว่าพี่ดิมโกรธศิมากแค่ไหน ถ้านับรวมถุงยางที่หมดไปก็เกือบสองกล่องเท่านั้นเอง

จุดจบของเด็กขี้โกหก

มันมักจะเจ็บก้นเสมอ

ก่อนจะหลับไปก็เคลียร์กับน้องเรื่องหมอเอ็กซ์เทิร์นคนนั้น เล่าให้น้องฟังว่าเธอเป็นนักเขียนนิยายวายและอยากจะขอคำปรึกษาเวลาที่ผู้ชายมีเซ็กส์ในเรื่องของความรู้สึก อีกอย่างเธอก็เป็นอีกคนที่รู้ว่าผมเป็นแฟนกับศิจากการสังเกตตลอดระยะเวลาที่มาทำงานที่โรงพยาบาล น้องมักจะมาหาผมหรือไม่ก็มารับเวลาเลิกงานบ้าง ผมก็ตอบคำถามน้องเขาปนเขิน แต่ก็ดีกว่าจะให้เขียนความเข้าใจผิดๆ ให้คนอ่านเข้าใจผิดตามไปด้วย เป็นหมอด้วยอย่างน้อยการให้ความรู้กับประชาชนคนอ่านกลุ่มเล็กๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำให้ถูกต้อง

น้องได้ฟังก็เข้าใจ พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะซุกตัวเข้ามาให้แนบอกของผมแล้วหลับไปเลย เกือบตีห้ากว่ากิจกรรมอย่างว่าจะจบลง เราทั้งสองคนเลอะเทอะไปตามๆ กัน ทำให้ต้องพากันอาบน้ำใหม่ ความผิดหลักๆ คือผมเองเลยต้องจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ศิ แถมต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่อีก เช้าอย่างที่บอกน้องไปจริงๆ นั่นแหละ ดีที่วันนี้เข้าเวรกลางคืนไม่งั้นก็คงเบลอไปทำงานแน่

เบลอเพราะเมคเลิฟทั้งคืน แฮะๆ

มันไม่ใช่ทุกปัญหาของงคู่รักจะจบลงหลังจากเมคเลิฟได้ ปัญหาตรงนั้นมันก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข มันยังอยู่เหมือนเดิม การแก้ปัญหาที่แท้จริงหรือการที่เราควรจะพูดคุย ปรับความเข้าใจ ปรับทัศนคติที่มีต่อกัน ปัญหาความรักมันไม่ได้เกิดแค่ใครคนใดคนหนึ่งแต่มันเกิดขึ้นเพราะต่างคนต่างไม่เข้าใจกันมากพอ ให้ความเคารพกันไม่มากพอ ให้เกียรติกันไม่มากพอ และซื่อสัตย์ต่อกันไม่มากพอ ฉะนั้น การเอาใจเขามาใส่ใจเราในทุกเรื่องคือความรักที่แท้จริง

ผมและน้องโตกันขึ้นไปอีกขั้นในความรักของเรา

ขอให้ความรักของผมตื่นขึ้นมาแบบสบายดี ไม่บ่นเจ็บก้น และต่อว่าผมก็พอ ไม่งั้นอดอีกหลายวัน



--------------------END Day 1-3-----------------




จะว่าพี่ดิมดุก็ไม่ได้ป่ะ ก็น้องเป็นแมวยั่วเยแบบนี้อะะะะะะะะะะะ
อิตาบ้าๆๆๆๆๆ
ไปให้สุดจ้าน้องงง แมวมาแล้วต่อไปเป็นอะไรดี เมดงี้ พยาบาลงี้ นักศึกษางี้
แงแงแงแง คูมหมอของประชาชนชอบอะยัยแบบนี้

ตอนพิเศษอีก 3 ตอนคิดว่าเจอกันอีกทีในเล่มเนาะ เยิ้บบบ

ขอบคุณที่ติดตามนะฮะ จะดีไปอีกถ้าจะอุดหนุนนิยายจากนิเขียนตัวเร้กๆ ไปโดย
5555555555555555555555
เจอกันใหม่งับบบบบบบบบบบบ


บี

#กาลครั้งที่รักคุณ
#youaremyday1

@mifengbeexx







ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ทำไมดุจังเลยยยยยยยย ฮือออออออ
 สงสารน้องง :hao7: :hao7://ขอที่อยู่พี่หมอดิมหน่อยค่ะจะส่งชุดใหม่ไปให้ :hao6: :hao6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด