( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 485137 ครั้ง)

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
โอยยยยย เมด อิพี่มันแอบรักแอบตามมานาน

ตอนนี้ทันสมหวังอล้ว มันจะไม่รักษาไว้ได้ไง

อย่าคิดมาก อนาคต ยังมาไม่ถึง

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
จากอาฟจะโกรธเมด นี่คิดว่าเมดจะโกรธอาฟมากกว่านะ
โดยเฉพาะเรื่องที่อาฟเป็นคนซื้อนมให้เมดไม่ใช่บักบิน



 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น่ารักมาจ๊ะพี่อาฟจ๋า 555

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
คิดว่าตอนนี้คือแบบว่าบึ้มแน่ๆ
และก็บึ้มจริง หึๆ เตียงแทบหัก
ส่วนเรื่องหึงนั้น น้องเดย์เป็นผู้ชนะ
คนอะไร เก็บอารมณ์เก๊งเก่ง

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
โล่งใจ  :katai2-1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เมดสตรองมาก~

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
อาฟชัดเจนอยุ่แล้ว

ยิ่งตอนถาม แล้วเล่าแบบหมดเปือกขนาดนั้น


ไม่รุ้จะหึงหรือมั่นไส้ดี


5555

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เราเชื่อใจพี่อาฟ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
มีเหตุผลสมเป็นน้องเมดและมีความตรงสมกับเป็นพี่อาฟ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
นี่มันคลื่นใต้น้ำชัดๆ ฮือออออออ

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ตอนที่ 41

“ สีหน้าของคนรวยมันจะประมานนี้เองเหรอวะ ” ท่าทางน่าหมั่นไส้ของน้องเดย์กำลังยกมือขึ้นลูบคางตัวเองแล้วเอียงซ้ายเอียงขวาพิจารณาใบหน้าของตนผ่านกระจกที่ตกแต่งของส่วนบาร์ มือข้างนึงถือเงินเป็นหมื่นกำมันไว้แน่นก่อนจะถอนหายใจแล้วคลี่นับมันทีละใบด้วยความเชื่องช้าก่อนจะพับเก็บมันใส่กระเป๋าไป แต่ก็ไม่วายหันมาพูดอวดคนที่นั่งอยู่อย่างเจแล้วก็น้องอัยย์ที่ก็ยืนมองอยู่ข้างๆแบบเซ็งๆ “ ขอบคุณมากนะครับสำหรับเงิน ”

“ กูฝากสักทีอัยย์ ” เจพูดแบบนั้นและไม่ต้องรอนานเท้าของน้องอัยย์ก็ถีบเข้าไปด้านหลังของน้องเดย์แบบเต็มๆ อีกคนที่ก็เซไปจนเกือบล้มแต่ถึงอย่างงั้นก็มีแต่เสียงหัวเราะของความสุขที่ได้เป็นผู้ชนะในการพนันครั้งนี้

“ มีความสุขจริงโว้ยยยยยย ฮ่าๆ ”

“ อย่าลืมเลี้ยงหนมพี่เมดนะเว้ยน้องเดย์ ” ผมบอกอีกคนก็ยื่นมือทั้งสองข้างมาหยิกแก้มด้วยรอยยิ้มแบบตาปิดก่อนจะพูด

“ ได้เลยจ้า พี่จะเหมาร้านเครปทั้งร้านให้หนูเมดก็ย่อมได้ ”

“ หมั่นไส้ชิบหายไอ้สัด ” เจพูดยิ้มๆ มือยกเบียร์ในขวดตรงหน้าขึ้นกินแล้ววางด้วยความรู้สึกเซ็งอย่างที่สุด แต่มันก็ไม่แปลกหรอก ลงทุนพนันไปตั้งห้าพันในฝั่งที่คิดว่าตัวเองต้องชนะแน่นอน แต่สุดท้ายต้องมาแพ้แบบนี้ เป็นใครมันก็ต้องรู้สึกเซ็งเป็นธรรมดา

“ กูแม่งยอมลงทุนห้าพันเพราะเชื่อใจเด็กวิวแท้ๆ ” น้องอัยย์ว่าก่อนจะส่ายหน้าไปมา แล้วตอนนั้นมือของน้องเดย์ก็กอดคอเพื่อนสนิทไว้

“ เพื่อนรัก คนที่มึงไม่ควรเชื่อที่สุดคือ เด็กวิว จำไว้นะ เพราะมันชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง คิดว่าใครๆก็ต้องเป็นแบบมัน มันหึงไอ้พี่เจแบบงี่เง่า พี่เมดก็เลยต้องหึงสัดพี่ตามแบบงี่เง่า แต่มันจะเป็นไปได้ไง ในเมื่อพี่เมดกู น่ารัก ใจดี มีเหตุผลขนาดนั้น เนอะพี่เมดของน้องเดย์เนอะ  ” ท้ายประโยคที่หันมายิ้มให้ผมที่ก็ต้องหลุดยิ้มทันทีก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ เลียจนหน้าแข้งไอ้เมดเนียนไปหมดแล้วสัดเดย์ ” เจบอก แต่เหมือนอีกคนจะได้สนใจอะไรทำได้แค่ยักไหล่แบบเหนือกว่าเท่านั้น ก็คงอย่างที่ใครเคยบอก ถ้าเราชนะเราจะทำอะไรก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไงเราก็ชนะ  “ แล้วทำไมมึงถึงคิดว่าไอ้เมดมันจะไม่หึง ”

“ เออ อันนี้กูก็อยากรู้ ” ผมบอกก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมอีกคนคิดไม่เหมือนคนอื่น ทั้งๆที่ถ้ามองไปในแง่ของความเป็นจริงก็แทบจะเป็นไปไมได้ถึงเรื่องที่ผมจะไม่หึง ไม่มีใครนั่งนิ่งในตอนที่โดนคู่นอนเก่าของแฟนพูดอวดได้หรอก ขนาดผมยังอยากจะลุกขึ้นแล้วถามว่า ‘ มึงเป็นอะไรมากมั้ย ’ ตั้งหลายครั้ง

“ หรือเพราะว่ามึงวางแผนกับเฮียเอาไว้ ” น้องอัยย์หันไปมองเพื่อนตัวเอง “ คนชั่วๆอย่างมึง มันต้องใช่แน่ ”

“ เป็นไปได้ ” เจจ้องอีกคนที่ทำทีเป็นถอนหายใจก่อนจะตอบ

“ ถ้าพวกมึงใช้สมองที่มีอยู่น้อยนิดใคร่ครวญดูสักนิดว่า ถ้าเกิดกูแค่ไปบอกกว่าจะทำ สัดพี่มันจะยอมทำมั้ยกับการที่พวกเราไปเล่นกับความรู้สึกของพี่เมด แฟนสุดที่รักของมัน ” ผายมือมาทางผมก่อนจะเอียงมองหน้าเจทีนึงแล้วก็น้องอัยย์อีกทีนึง “ ดีไม่ดีมันจะมาจัดการพวกมึงอีก ที่มาพูดให้พี่เมดฟังว่าเซลล์ขายเหล้าเคยเป็นคู่นอนมันจริงมั้ย ”

“ ก็จริงของมึง ” น้องอัยย์คิดตามแล้วพยักหน้ารับ “ แล้วทำไมมึงถึงมั่นใจนักวะ ว่าพี่เมดจะไม่หึง ”

“ แล้วมันมีอะไรต้องหึง พวกมึงคิดว่าสัดพี่มันจะทำให้พี่เมดเสียใจเหรอวะ ทั้งๆที่มันก็รู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไง มันก็ต้องเลือกที่จะปกป้องพี่เมดก่อนสิ จริงมั้ย ” น้องเดย์ถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ ไม่ฉลาดเลยพวกมึง คิดง่ายๆ ไม่ต้องคิดเยอะ ยกตัวอย่างเช่นมึงพี่เจ สมมุติว่าพี่เบลแฟนเก่ามึงอีกคนมาเจอมึงโดยบังเอิญในตอนที่มึงอยู่กับเด็กวิว แล้วพี่เบลเค้าก็มากอดแขนมึงแบบว่า ‘ เจเป็นยังไงบ้าง พาน้องมากินข้าวเหรอคะ ’ ” คนพูดออกท่าทางไปจับแขนน้องอัยย์ทำท่าทางไม่ต่างจากผู้หญิงจนผมหลุดหัวเราะ

“ ขนลุกไอ้สัดเดย์ ” คนโดนกอดบอกก่อนจะดึงมือตัวเองออกทำท่าทางเหมือนรังเกียจ

“ นั่นแหละ ถ้าเป็นมึง มึงจะพูดอะไรในตอนนั้น มึงก็ต้องพูดว่า ‘ เบลมาคนเดียวเหรอ เจมากับแฟนชื่อวิวนะ ’ มึงต้องพูดแบบนี้เพื่อให้แฟนมึงรู้สึกว่า เราไม่ได้เกรงใจแฟนเก่าจนไม่กล้าแนะนำเค้ากับแฟนใหม่จริงมั้ย  มึงต้องทำให้เค้ามั่นใจว่าเราไม่ได้แคร์เค้าเลย แล้วในกรณีสัดพี่ที่รักที่หลงพี่เมดขนาดนั้น มันก็ต้องคิดแล้วว่าจะทำยังไง ตอนที่เจอกัน เพื่อให้พี่เมดรู้สึกว่า มันไม่ได้สนใจเซลล์คนนั้นแล้ว ซึ่งมันก็ต้องแสดงออกแบบชัดเจนในระดับนึงอะ ”

“ จากใจนะ ” เจพูดขึ้นหลังจากอีกคนพูดจบ “ อยู่ๆมึงก็ฉลาดขึ้นมา กูแม่งไม่ค่อยชินเลย ”

“ สัด ” ผมหลดหัวเราะออกกับคำสบถของน้องเดย์ “ แต่มันเป็นเรื่องปกติของคนมีความรักเปล่าวะ กูแค่คิดว่าถ้ากูมีคนที่จริงจังด้วย กูก็คงทำแบบนี้ กูคงไม่อยากจะให้เค้าคิดมากเรื่องเก่าๆกับกู เพราะปัจจุบันกูก็รักแค่เค้าอะ ”

“ เฉียบ ” เจยกนิ้วโป้งให้น้องที่ก็กอดอกตัวเองแล้วเชิดหน้าขึ้นทันที

“ หล่อเลยกู ”

“ งั้นเฮียก็ต้องรักซ้อมากเลยอะดิจริงมั้ย ไม่งั้นจะปกป้องพี่เมดจากทุกความรู้สึกที่จะทำให้พี่เมดเสียใจได้อย่างไรกัน ” เสียงล้อที่มาพร้อมกับแววตาของคนทั้งสามคนที่หันมายิ้มล้อเลียนผมที่ก็ทำทีเป็นหันไปมองทางอื่นแบบไมได้สนใจอะไร ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง ก่อนจะทำทีเป็นเขียนงานไปเรื่อย

“ ทำเป็นไม่สน แต่แก้มแดงไปหมดแล้วครับคุณเมด ” เจแซว ผมก็หันไปมองด้วยหางตาก่อนจะพูดหยิบกระดาษที่อยู่แถวนั้นขึ้นมาพัดหน้าตัวเอง

“ ร้อน ”

“ เปลี่ยนมุกบ้างพี่เมด ” น้องเดย์บอกก่อนจะยักคิ้วยิ้มๆ “ ทางที่ดีบอกออกมาเลย อะไรของพวกมึงว่ะ กูเขินนะไอ้สัด ”

“ เหรอ ” ผมหันไปตอบรับคำพูดของน้อง “  งั้น...  เออ กูเขินนะเว้ย พวกมึงแม่งเลิกมองกูได้แล้ว ใจจะหลุดออกจากอกแล้วตอนนี้ ยิ่งพูดยิ่งมีความสุขไอ้สัด ” บอกแบบนั้นเสียงดัง ก่อนเสียงหัวเราะของคนทั้งสามคนจะดังขึ้นมาเพราะไม่คิดว่าผมจะทำตามความคิดเห็นของน้องเดย์

แต่จริงๆมันก็รู้สึกแบบนั้น ยิ่งได้ฟังคำพูดที่ว่า ‘ ก็เพราะรักมาก เลยอยากปกป้องจากทุกความรู้สึกที่จะทำให้
เสียใจ ’ แล้วพอคิดถึงการกระทำทุกอย่าง หัวใจของผมมันก็ฟูขึ้นมาไม่ต่างอะไรกับลูกโป่งถูกเป่าลมที่ล่องลอยไปในอากาศ มีความสุขมากจนอยากจะเดินขึ้นไปบนห้อง แล้วกอดคนที่ตอนนี้คงนั่งดูหนังอยู่ หอมแก้มอาฟสักสิบฟอด ถ้าไม่ติดว่าอาฟคงลำบากเก็กหน้านิ่งๆแล้วด่าว่า ‘ เป็นเหี้ยอะไร ’ ทั้งๆที่ในใจมันคงเต้นแรง ผมคงทำไปแล้ว

“ แต่กูถามจริง มึงไม่หึงเหรอวะเมด ” คำถามของเจที่หันมาถามกันแบบขมวดคิ้วตอนที่น้องสองคนตรงหน้าเราเดินออกไปจัดเหล้าที่บาร์อีกฝั่ง “ กูไปเล่าน้องมึง มันยังบอกไม่เชื่อเลยว่ามึงจะไม่หึง ”

“ ก็มันไม่มีอะไรให้หึงไง แล้วมึงจะให้กูไปหึงอะไรมันวะ ”

“ แล้วมิกิไม่ยั่วไอ้อาฟเหรอ ” เจหันมาถามผมเพื่อความมั่นใจ วางขวดเบียร์ที่ถืออยู่ลงก่อนจะหันมามองหน้าผม “ กูว่ามันน่าจะพูดอะไรกับมึงนะเมด ตอนกูไปเรียกไอ้อาฟลงมาก็เห็นท่าทางมันเหมือนรออยู่แล้วที่จะให้อาฟออกไป ทางจะได้สะดวก ”

“ มันก็พูด แต่ก่อนหน้านั้นที่อาฟมันแนะนำกูกับเค้า มันก็ชัดเจนไงว่ากูเป็นใคร กูเลยไม่ได้รู้สึกว่าต้องหึง แล้วเรื่องที่มันอวดแต่ละเรื่อง ก็ไม่ได้มีอะไรให้น่าหึง คือ ง่ายๆว่าดวงมึงกับดวงน้องอัยย์จะเสียทรัพย์มากกว่า ”

“ สัด ” เจสบถก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วพูดเบาๆ “ คงจะจริงของมึง โคตรเหี้ย ไม่มันส์เลย ”

“ อย่าให้ชีวิตกูต้องมันส์มากเลย แค่นี้ก็พอแล้ว ให้กูได้ใช้ชีวิตสงบๆบ้าง วันรับมือกับไอ้เชี้ยอาฟกูก็จะตายแล้ว ”

คนที่ไม่รู้ผีจะเข้าผีจะออกตอนไหน วันไหนอารมณ์ดีมากๆก็ชอบมาทำให้ผมใจเต้นแรง แล้วอย่าคิดไปแกล้งกลับเพราะไม่มีทางที่จะชนะแน่ แล้วบางทีก็ชอบมากอดมาหอมกันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่นับคำพูดคำจาที่ชอบทำให้หงุดหงิดจนอยากจะต่อยนับครั้งไม่ถ้วน

ยอมรับเลยว่าเป็นคนที่รับมือด้วยยาก ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หรือหัวใจ ชวนให้ทั้งรักทั้งเกลียดตลอดเวลา

“ แต่ก็ดีแล้วที่มึงไม่งี่เง่า อดีตก็ส่วนอดีตอย่าเอามารวมกับปัจจุบัน ” ประโยคที่พูดขึ้นราวกับบ่นของคนข้างตัวชวนให้ผมชะงักสิ่งที่คิดจะทำไปทันที อยู่ๆคำถามที่ผมอยากรู้มันก็ผุดขึ้น

“ มึงถามหน่อย ”

“ ว่า ”

“ เวลาที่อาฟโกรธมากๆมันเป็นยังไงวะ ”

“ ถามทำไมวะ ” เจหันมาถามยิ้มๆ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

“ คือกูไม่หึงอาฟก็จริง แต่นั่นเพราะอาฟมันก็ให้ความชัดเจนกับกูมากๆเลยไง มันแนะนำกูว่ากูเป็นแฟน แล้วเรื่องที่อีกคนอวดมันก็อดีตทั้งนั้น ก่อนคบกับกูอีก คุยกันก็มีแต่เรื่องงาน แล้วแบบนั้นกูจะไปหึงอะไร จะหึงที่มันเคยเอากับเค้ากูว่ามันงี่เง่าเปล่าว่ะ ”

“ ก็จริง ”

“ แต่คุณมิกิก็พูดนะ ว่ากูยังไม่เคยทะเลาะกับอาฟแบบแรงๆ อย่ามั่นใจว่าจะควบคุมอาฟได้ทุกอย่าง อย่าคิดว่าแค่อาฟให้ความสำคัญแล้วคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ ”

“ ขู่เหมือนรู้จักเพื่อนกูดีทั้งๆที่ก็แค่เอากันอย่างเดียวไม่เคยรู้จักนิสัยลึกๆสักนิด ” เจพูดพลางส่ายหน้าไป “ ฟังนะเมด อาฟเป็นไงมึงคนที่คบรู้ดีที่สุด อย่าฟังคนอื่นให้มากเพราะไม่เคยมีใครมาอยู่ในฐานะเดียวกับมึง ทุกคนเป็นแค่คู่นอนที่รู้จักมันแค่ผิวเผิน ”

“ อื้ม ” ผมพยักรับคำพูดของอีกคนที่บอก

“ แล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไมว่าตอนไอ้อาฟโกรธมากๆเป็นยังไง ”

“ ก็อยากรู้ มึงสนิทกับอาฟมาตั้งแต่เด็ก มึงน่าจะเคยเห็นว่ามันเป็นยังไง ”

“ มึงเลยอยากรู้ว่าเวลาไอ้อาฟโกรธมากๆมันจะเป็นยังไง ”

“ จะเตรียมพร้อมรับมือ ? ”

“ หึ ” ผมส่ายหน้าเพราะรู้ดีว่าไม่มีทางรับมือคนอย่างมันได้หรอก อย่างตอนพี่ต่อเซ ลล์ขายเหล้าที่พูดแซวผมนิดหน่อย มันก็โกรธเป็นฝืนเป็นไฟ มีเหตุผลยังไงก็เอาไม่อยู่สักอย่าง “ กูจะได้ระวังตัวไม่ทำให้มันโมโหแบบขีดสุดต่างหาก ”

“ เอาจริงๆกูก็ไม่เคยเห็นหรอก ”

“ อ้าว ” ผ่อนตัวเองลงพร้อมคำพูดนั้นอย่างฉับพลัน เจก็ถึงขึ้นหลุดหัวเราะ

“ มากสุดที่กูเคยเห็นก็แค่เข้าไปต่อยเพื่อนจนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลแต่นั่นก็เด็กแบบเลือดร้อนทะเลาะกับเพื่อน แต่ถ้าโกรธขีดสุดเพราะการหึงหวงกูไม่เคยเห็นหรอก ” เจพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ แต่เรื่องแบบนี้มันก็อยู่ที่ว่าใครเป็นคนทำให้โกรธไม่ใช่เหรอวะ บางทีเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นคนที่รักมากๆทำให้เจ็บ มันก็ต้องเจ็บแล้วก็โกรธมากกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว ”

“ อื้ม ” ตอบรับเสียงเบาก่อนจะถอนหายใจออกมา ช่วงเวลาหนึ่งในตอนนั้นผมกลืนน้ำลายอย่างตกประหม่าทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่มีเรื่องทำผิดอะไร

“ เพราะมันจริงจังกับมึงเป็นคนแรก กูเลยไม่รู้เหมือนกันว่าเวลามันโกรธมึงสุดๆจะเป็นไง แต่ถ้ามึงอยากรู้กูลองสิ กูก็อยากเห็นเหมือนกัน ” เจที่ยิ้มให้ผมที่ตอนนั้นก็ได้แต่สบถออกไป

“ สัด ” ไม่แปลกเลยที่พวกมึงจะคบกันได้ เหี้ยเหมือนกันมาจริงๆ 

“ แล้วนี่คิดยังไงถึงมาทำงานข้างล่างวะพี่เมด ” น้องอัยย์ที่เดินเข้ามาจัดเหล้าอยู่ตรงหน้าพวกผมถามขึ้นมา มันคงดูแปลกตาอยู่ไม่น้อย ทั้งๆที่ปกติผมชอบนั่งทำงานอยู่คนเดียวแบบเงียบๆบนชั้นสาม แต่วันนี้กลับพางานตัวเองมานั่งในผับที่เปิดเพลงเสียงดังแบบนี้

“ อาฟมันดูหนัง แล้วพี่เมดโคตรไม่มีสมาธิเลย ทำงานสามวิ หันไปดูหนังอีกครึ่งชั่วโมง นี่แค่พิมพ์วันหยุดวันลาของพนักงานจะได้เก็บไว้จ่ายเงินเดือนยังไม่เสร็จเลย ทั้งๆที่พี่ซองก็เขียนมาให้หมดแล้ว ” หยิบกระดาษหลักฐานขึ้นมา ผมส่ายหน้าไปมากับตัวเอง ก่อนจะเริ่มตั้งใจทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ

“ อยู่ข้างล่างยังมีสมาธิมากกว่าว่างั้น ”

“ ไม่รู้ แต่ตั้งแต่ลงมายังไม่ได้ทำเหี้ยอะไรเลย มัวคุยกับพวกมึงเนี้ย” ผมบอกเสียงดุแต่เหมือนจะมีแค่รอยยิ้มที่ส่งกลับมาให้ ก่อนที่เจจะบอก

“ งั้นก็เชิญทำงานของคุณเลขาต่อเลยครับ พวกผมไม่กวนละ ”

“ เดี๋ยวพักแล้วไปกินหมูตุ๋นกันพี่เมด น้องเดย์เลี้ยงเอง ”

“ จัดไป ” ชี้นิ้วไปที่หน้าน้องเป็นอันตอบตกลง น้องเดย์ที่หันไปมองเพื่อนข้างๆ ก่อนจะหันกลับมาเจที่นั่งข้างผม

“ ส่วนมึงสองคนก็อดไปนะ เพราะกูจะไปเดทกับพี่เมดแค่สองคน ฮิฮิ ”

“ โทรหาไอ้อาฟแปป หมั่นไส้มึงสัดเดย์ ” แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรจริงๆแต่อย่างใด ทุกคนจะแยกย้ายออกไปทำงาน แล้วตอนนั้นผมก็ได้ฤกษ์เริ่มต้นทำงานอย่างที่ตั้งใจเสียที

บรรยากาศในซอยข้างผับที่มีแต่ของกินยังคงคึกคักแม้จะเป็นช่วงเวลาห้าทุ่ม ผมมองไปรอบๆเหมือนทุกทีในใจที่ถามตัวเองว่าจะกินอะไรดีแต่สุดท้ายก็หย่อนตัวเองลงนั่งที่ร้านหมูตุ๋นร้านเดิมแทบทุกครั้งที่มา

“ น้องเมด วันนี้กินอะไร ” ป้าเจ้าของร้านเอ่ยทักกัน จากที่ไม่รู้จักในครั้งแรกแต่ตอนนี้สนิทกันจนเอ่ยเรียกทุกครั้งที่เห็นหน้า “ เหมือนเดิมมั้ย ”

“ ครับผม เหมือนเดิม ” ผมบอกก่อนจะหันไปหาน้องเดย์ “ น้องเดย์เอาอะไร ”

“ เอาเหมือนพี่เมดครับ ”

“ สองเลยครับ ขอกระดูกอ่อนเยอะๆเลยนะครับป้า ”  ยิ้มกว้างให้อีกทีเธอก็พยักหน้ารับก่อนที่ผมจะเดินมานั่งตรงโต๊ะตัวประจำ “ อยากกินเตาฮวยนมสดมะพร้าวอ่อนวะน้องเดย์ ”

“ เดี๋ยวกินหมูตุ๋นเสร็จเราไปกินกัน ”

“ เครปก็อยากกิน ”

“ ถามจริงนะ กินหรือยัดวะพี่เมด ” น้องเอ่ยถามผมก็ได้แต่ยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาเจ้าของผับที่ตอนนี้ก็หายเงียบไปเลยเพราะมัวแต่จดจ่อกับหนังเรื่องโปรด

“ ว่าไง ” ปลายสายที่ตอบรับ ผมก็ทำทีเป็นปรับเสียงจริงจัง

“ นี่คือเสียงตอบรับอัตโนมัติ  ไม่ทราบว่าคุณลูกค้า.. ” มือถือถูกตัดสายไปตั้งแต่ยังพูดไม่ทันจบ ดึงมือถือออกมาดูหน้าจอที่ถูกตัดสาย ทั้งผมแล้วก็น้องเดย์ก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ผมกดโทรออกไปอีกครั้ง แล้วตอนที่มันรับ ผมก็ไม่ต้องรอให้มันพูดอะไรทั้ง “ ไอ้สัด ”

“ ว่างมากก็ขึ้นมาหากูเมด ”

“ ไม่ไปเว้ย ” ผมบอก “ คนอุตส่าห์จะโทรไปถามว่าจะกินอะไร จะได้ซื้อไปให้ ตัดสายกูเฉย แกล้งเล่นนิดเดียว ”

“ นี่ไม่ได้อยู่ข้างล่าง ” อาฟถาม ผมเดาว่ามันต้องหันไปมองกล้องวงจรปิดตอนที่ถามประโยคนั้นกับผม “ นี่มึงอยู่ไหน ”

“ มากินหมู่ตุ๋นกับน้องเดย์ที่ซอยข้างๆ มึงจะกินอะไรมั้ยกูจะซื้อเข้าไปให้ ” ไม่มีเสียงตอบรับอะไรทั้งนั้นถ้าให้เดาอีก อาฟคงอยู่ในอารมณ์ที่เรียกว่า ไม่พอใจเป็นแน่ “ อาฟ ”

“ เอาอะไรก็ได้ ” ผมพูดคำตอบของอีกคนออกมาพร้อมคำตอบที่ได้ฟัง เอาจริงๆก็ไม่ต้องโทรไปถามหรอก เพราะทุกครั้งที่ถามก็คำตอบเดิมคือ ‘ อะไรก็ได้ ’

“ มึงไม่มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษนะ ”

“ มึง ”

“ ว่า ” ถามกลับเพราะรู้สึกเหมือนโดนเรียก แต่ปลายสายก็แค่เงียบ ผมได้ยินแต่เสียงลมหายใจที่บอกกันว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้ม “ ว่าไง อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย เอาขนมโตเกียวเปล่า ”

“ มึง ”

“ อะไรวะ เรียกกูอยู่นั่น ” ขมวดคิ้วกับเสียงเรียกครั้งที่สองก่อนจะคลายลงตอนที่ได้คำตอบ

“ กูไม่ได้เรียกมึง กูตอบคำถามที่มึงถาม กูอยากกินมึงเป็นพิเศษ ”

“ ไปตายนะอาฟ ” ผมบอกมันแค่นั้นแต่ก็ยิ้มกว้างออกมา พร้อมกับนั่งฟังปลายสายหัวเราะอยู่แบบนั้นสักพัก “ เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้แล้วกัน แค่นี้แหละครับ ”

“ เสร็จแล้วก็รีบมา ”

“ มีอะไรรึเปล่าวะ ” ถามออกไปเพราะคิดว่าเรื่องงาน แต่ทว่ามันก็ไม่ใช่

“ กูไม่ชอบให้ที่นั่งข้างกูมันว่าง ” เป็นแค่คนปากแข็งคนนึงที่ฟอร์มจัดเสมอ ผมถอนหายใจออกกมาในตอนนั้น แกล้งตอบกลับไปแบบทำทีเป็นไม่รู้ว่าประโยคนั้นมันหมายถึง ‘ เหงา ขึ้นมานั่งด้วยกันหน่อย ’

“ เดี๋ยวกูโทรไปบอกเจให้ขึ้นไปนั่งเป็นเพื่อนมึง ”

“ ได้ ” อีกคนบอก “ แต่กูอยากให้เป็นมึงมากกว่านะ ”

“ กูยอมมึงแล้วอารยะ ” เอื้อมมือปิดหน้าตัวเองที่กำลังเขินจนตกเป็นเป้าสายตาของคนตรงหน้าที่ตอนแรกก้มลงไปเล่นเกมส์อยู่แท้ๆ ผมพูดเสียงเบาๆกับปลายสาย “ แพ้มึงทุกทีเลยสัด ”

“ รีบมา ”

“ ครับผม ขอกินสามสิบนาที ” เสียงอื้มที่ตอบรับ ผมกดวางสายลงในตอนนั้นน้องเดย์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ปิดมือถือเตรียมแซวกันทันที

“ หวานกันจริงเว้ย ”

“ น้องเดย์เรียกความกวนตีนว่าหวานเหรอวะ ” ผมถามน้องก็หัวเราะ

“ ก็หวานแบบสัดพี่กับพี่เมดไง  มันเป็นสไตส์เว้ย ” หมูตุ๋นถูกยกมาเสิร์ฟหลังที่อีกคนตอบ เนื้อหมูชิ้นนุ่มที่เห็นกระดูกอ่อนสีขาวลอยอยู่เต็มชามจำกัดความได้ว่าจัดเต็มอย่างที่สั่ง ผมเช็ดช้อนตะเกียบส่งไปให้น้องก่อนจะทำให้ตัวเอง “ น่ากินสัดๆ ”

“ ถ่ายลงไอจีดีกว่า ” ผมยกมือถือขึ้นมา ก่อนจะกดอัพลงไอจีสตอรี่ของตัวเอง กดจิ้มอยู่สักพักก่อนจะปิดหน้าจอแล้วเริ่มกินของที่อยู่ตรงหน้า น้ำซุปที่ตักเข้าปากพร้อมกับชิ้นเนื้อหมู บอกได้คำเดียวเลยว่า ‘ อร่อยสุดๆ ’

“ อร่อยมากเลยวะ ” น้องเดย์บอกก่อนจะซัดเข้าไปคำใหญ่ “ อยากกินข้าวเปล่าด้วยอะพี่เมด ”

“ แปปนึงนะ ” บอกน้องก่อนจะหันไปสั่งข้าวเปล่าเพิ่มให้อีกถ้วย

“ พี่สะใภ้ของน้องเดย์น่ารักที่สุด ” ผมหลุดยิ้มตอนที่น้องเรียกแบบนั้น ไปๆมาก็ชักจะชินกับคำนั้น ทั้งๆที่ตอนแรก ผมว่ามันแปลกอยู่เหมือนกันเพราะตัวเองก็เป็นผู้ชาย แต่พอทุกครั้งที่เห็นน้องเดย์เรียกแล้วยิ้มตาปิดให้กัน  มันทำให้รู้สึกแค่ว่า น้องเดย์ก็ยอมรับผมในฐานะแฟนของพี่ชาย เพราะงั้นก็ไม่ควรมีเหตุผลอะไรที่ต้องไม่ชอบ “ เออ พี่เมด เดย์คุยกับแม่เรื่องหมูตุ๋นกับลูกมันแล้วนะ แม่บอกกว่าให้เอาไปเลี้ยงไว้ที่บ้านได้เลย ”

“ เหรอ ” ชะงักตะเกียบที่กำลังจะกินอยู่ทันที ผมยิ้มให้น้องที่ยักคิ้วให้

รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก สำหรับสิ่งที่ได้ยิน ผมแอบคิดหาทางออกเรื่องนี้กับน้องเดย์มาสักพักแล้ว เพราะว่าลูกหมูตุ๋นมันก็เริ่มโต ความน่ารักของลูกแมวพันธุ์ผสมเปอร์เซียชวนให้พนักงานในผับ เข้ามาขอจะเอาไปเลี้ยงกันแทบทุกวัน บ้างก็บอกจะเอาไปให้แฟน และอีกสารพัดเหตุผล แต่ผมไม่ค่อยอยากจะให้เท่าไหร่ เพราะกลัวว่าคนเอาไปแล้ว จะเลี้ยงไม่ดี น้องเดย์เลยอาสาจะไปถามแม่ตัวเองที่ก็เลี้ยงแมวสองตัวอยู่แล้วที่บ้าน แล้วผลสรุปที่ได้ มันก็คือข่าวดี

“ น้องเดย์นะพี่เมด นวดขาแม่อยู่สองชั่วโมง แต่สุดท้ายแม่ใจอ่อนจะเลี้ยงเพราะเห็นหน้าไอ้หมูตุ๋นที่เดย์เคยถ่ายไว้อะ ”

“ ไอ้หมูตุ๋นมันน่ารักไง กลมๆอ้วนๆน่าฟัดแก้มจะตายไป ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ ดล่งอกไปที อยู่บ้านน้องเดย์ ยังไงก็ไว้ใจได้ว่าจะเลี้ยงดูอย่างดีอยู่แล้ว ”

“ พี่เมดก็ไปหามันได้บ่อยๆเลยด้วย เพราะมันก็เหมือนบ้านพี่เมด ”

“ มันจะไปเหมือนได้ไงวะน้องเดย์ ”

“ แล้วมันจะไม่เหมือนยังไงวะ พี่เมดเป็นแฟนแฟนสัดพี่ งั้นเราก็ต้องเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันสิ ”

‘ ถามพ่อแม่มึงก่อนมั้ย ว่าจะยอมรับกูเปล่า ’ ผมตอบน้องในใจ ก่อนจะส่งไปแค่ยิ้มแห้งๆ

ผมไม่เคยมีประสบการณ์การไปหาพ่อแม่แฟนมาก่อน ครั้งเดียวที่เคยถูกแนะนำก็ไม่ใช่คำว่าแฟน ตอนคบกับบินแล้วตอนนั้นเราเผลอไปเจอญาติมันซึ่งก็เป็นพี่สาวพ่อ  วันนั้นบินแนะนำกับเธอแค่ว่า ผมเป็นรูมเมท แล้วให้เหตุผลที่ไม่พาไปหาครอบครัวแค่ว่า ‘ พ่อแม่บินเป็นคนเชื้อจีน เค้ายอมรับเมดที่เป็นผู้ชายไม่ได้หรอก ไปก็เสียใจเปล่าๆ ไม่ต้องไปหรอก แอบคบกันไปแบบนี้แหละ สบายใจดี  ’

คำอธิบายที่ได้ฟังตอนนั้น เพราะทั้งรักและหลงมันอย่างที่สุด ผมเลยคิดแค่ว่ามันคงจริง บินคงกำลังปกป้องความรู้สึกของผมอยู่ ทั้งๆที่จริง ถ้าลองคิดให้ดี ผมเองในตอนนั้นก็ชวนมันไปที่บ้าน แนะนำกับพ่อ บอกกับเค้าว่า ผมรักคนคนนี้ แม้พ่อจะบอกว่า ไม่ชอบ แต่ผมก็ยังดื้อ แล้วบอกกับเค้าแค่ว่า ไม่ว่าจะยังไงก็จะรัก จะพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่ารักกันจริง แล้วทำให้พ่อชอบเค้าให้ได้ ผมที่เลือกพยายามฝ่าฟันเพื่อรักของเรา แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดแบบเดียวกัน บินเลือกที่จะไม่พยายามอะไร ในเรื่องของเราสักอย่างเดียว

เหมือนผมไม่ได้สำคัญ เป็นคนที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ในอนาคต
 
“ โง่จริงๆ ไอ้สัดเมด ตอนนั้นก็เสือกคิดว่าเค้ารักอยู่ได้ ” ผมส่ายหน้าไปมากับตัวเองตอนที่คิดถึงเรื่องอดีตที่เหมือนจะหาข้อดีในตัวอีกฝ่ายไม่เจอ ผมรู้สึกตัวเองโง่ แล้วทุกครั้งที่นึกถึงหน้าผู้ชายคนนั้น ผมจะรู้สึกว่าเกลียดมัน เกลียดจนไม่อยากจะพูดหรืนึกถึง

“ พี่เมดว่าไงนะ ”

“ เปล่าๆ ” ผมส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้อีกคนที่ก็ตักข้าวกินกับหมูตุ๋นเข้าไปคำโต

“ เดี๋ยวอีกไม่นานสัดพี่มันก็ต้องพาพี่เมดเข้าบ้านไปแนะนำแน่นอน เชื่อน้องเดย์ ” ท่าทางมั่นใจที่ออกมาทางสีหน้า “ คิดถึงหน้าแม่ไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง ตอนที่เจอหน้าพี่เมด ต้องอึ้งแดก ”

“ พูดอะอไรแบบนั้นวะ นั่นแม่นะเว้ย ” ผมว่าก่อนจะหลุดหัวเราะ “ แล้วอาฟมันเคยพาใครเข้าบ้านมั้ยวะน้องเดย์ ”

“ ไม่เคย ” อีกคนส่ายหน้า “ มันเป็นกฏของพี่บ้าน ไม่จริงจังไม่ต้องพาเข้ามา แม่บอกไว้ ”

“ แล้วที่บ้านเป็นยังไงวะ แบบ พ่อแม่ ความสัมพันธ์ของครอบครัว ” คนโดนถามเหล่มองผมยิ้มๆ ก่อนจะตักข้าวกินต่อ

“ หลอกถามเหรอพี่เมด ”

“ นิดนึง ” พูดเสียงเบาน้องก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

“ ก็ถ้าถามว่าลูกรักแม่คือใคร ตอบอย่างมั่นใจเลยว่า น้องเดย์ แต่ถ้าถามว่าลูกรักพ่อคือใคร ไม่ค่อยมั่นใจแต่คิดว่าน่าจะรักสัดพี่มากกว่าน้องเดย์ละนะ อื้มมม “ อีกคนลากเสียงเหมือนกำลังพยายามคิดว่าจะแนะนำครอบครัวตัวเองยังไงดี “ พ่อเป็นคนเงียบๆ เหมือนดุแต่ใจดีนะ ให้อิสระทางความคิดเต็มที่เลย แม่ก็เหมือนกันแต่เค้าจะเข้มงวดเป็นเรื่องๆเฉพาะเรื่องสำคัญเท่านั้น แต่บ้านน้องเดย์มีแต่คนดีนะ ไม่ต้องห่วง เห็นพี่เมดบุ๊ปรับรองต้องรักเลย ”

“ เหรอ ” ไม่อยากจะบอกเลยว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างงั้น ยิ่งพาผู้ชายเข้าบ้านยิ่งไม่ง่ายเลย มันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับกันง่ายแบบนั้น

“ แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกพี่เมด สัดพี่มันไม่สนใครอยู่แล้ว ต่อให้พ่อแม่ไม่ชอบพี่เมด มันก็รักพี่เมดอยู่ดี ไอ้สัดพี่มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ไม่แคร์ไม่สนใครทั้งนั้น เหมือนประเทศที่ปกครองตนเอง แต่ก็มีบ้างที่มีปัญหาและต้องเข้าไปพึ่งพาประเทศเพื่อนบ้านที่ใหญ่กว่าแล้วนั่นก็คือพ่อนั่นเอง ”

“ ช่วงนี้ดูมีความรู้นะเราน่ะ เปรียบเทียบอะไรก็ดูเป็นหลักเป็นการ ดีๆ แสดงว่าสมองเริ่มพัฒนาแล้ว ” ผมแซวอีกคนเล่นๆ ตอนที่ก้มหน้าลงกินอาหารตรงหน้าต่อ น้องเดย์ก็นิ่งไปก่อนจะเอียงหน้าถาม

“ เอ๊ะ ? นี่ด่าถูกมั้ย ”

“ บ้าน่า ชมทั้งนั้น ” หลุดหัวเราะออกมากับคนตรงหน้าผมก็พูดปัด “ รีบกินๆ เดี๋ยวพี่เมดจะไปต่อคิวซื้อข้าวให้อาฟอีก ”

“ เมียที่ดี ” ยกนิ้วให้กันแค่นั้นแต่ผมก็เลือกที่จะไม่เถียงอะไรอีกคนในยืดยาวกว่านั้น




ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
หยิบแก้วน้ำมากินหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ก่อนจะเปิดมือถือขึ้นเล่นฆ่าเวลาเพื่อรอใครอีกคนกินข้าวให้เสร็จ ผมเข้าไปในไอจีของตัวเองกดดูสตอรี่ที่อัพเมื่อครู่ก่อนจะพบว่าหนึ่งในจำนวนคนที่เข้ามาดูมีคนคุ้นเคยอย่าง ‘ ยีนส์ ’ เข้ามาดูด้วย

‘ ยังไม่บล็อคกันไปอีกเหรอวะ ’ ผมคิดอยู่ในใจก่อนจะกดออกมาจากหน้าจอสตอรี่แบบไม่สนใจแล้วหันมาดูอัพเดททั่วไปที่หน้าจอแรกแทน แต่ในตอนที่กำลังกดไลค์ภาพล่าสุดของวิวที่อัพ ผมก็ต้องขมวดคิ้วกับการกดไลค์จากยีนส์ที่เหมือนว่ามันกำลังจะเล่นโปรแกรมนี้อยู่

ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นการเผลอกดหรืออะไร เพราะภาพที่กดถูกใจ เป็นภาพนานแล้ว และเป็นแค่ข้อความภาษาอังกฤษที่เขียนว่า ‘ Time doesn’t change us , it just unfolds us.’ มันแปลว่า ‘ เวลาไม่ได้เปลี่ยนคน แค่เปิดเผยตัวตนของคนออกมา ’ แล้วนั่นก็เป็นข้อความแรกที่ผมโพสหลังจากร้องไห้เหมือนคนบ้ามาเป็นอาทิตย์หลังจากที่รู้ความจริงเรื่องของมันกับบิน

“ น้องเดย์ ยังจำคนที่มันไปนอนกับแฟนเก่าพี่เมดได้มั้ยวะ ”

“ จำได้ ” คนตรงหน้าพยักหน้ารับผมก็เงยหน้าขึ้นถาม

“ มันมากดไลค์ภาพพี่เมดในไอจีวะ เพื่ออะไรวะ ”

“ เพื่อให้พี่เมดสนใจมั้ง ไม่ก็..” น้องเดย์เว้นเสียงก่อนจะยกยิ้ม “ มีอะไรอยู่ในไอจีมัน แล้วมันก็อยากให้พี่เมดเข้าไปดู ”
กดเข้าหน้าโปรไฟล์ของอีกคนตามที่น้องบอก แล้วนั่นก็ทำให้ผมต้องคว่ำปากทันทีตอนที่เห็นภาพที่เพิ่งอัพขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนั้น มันเป็นของยีนส์กำลังยกมือข้างนึงปิดปากอยู่ข้างๆกับบินแฟนเก่าผมที่ทำท่านั้นเหมือนกันสองคนนั้นกำลังยิ้ม และคำว่า ‘ MINE ’ ก็เป็นแค่สเตตัสสั้นๆที่อีกคนเขียน

“ กูจะอ้วก ” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะหันภาพไปให้น้องเดย์ดู “ ผีเน่ากับโลงผุชัดๆ ”

“ สนใจเหี้ยอะไรวะพี่เมด บล็อคแม่งไปเลย มันทำเพื่อที่จะอวดพี่เมดชัดๆอะ ” ผมก้มลงมองภาพนั้นอีกรอบ ก็อยากจะบล็อคแต่ก็อยากรู้ความเคลื่อนไหวของมันอยู่ดี เลยไม่อยากจะทำแบบนั้น 

มันมีความคิดถึงนึงโผล่ขึ้นมาในสมอง หรือผมควรจะกดไลค์มันกลับไปดี เป็นการบอกให้รู้ว่า กูก็รับรู้ในความเหี้ยของมึงแล้วนะ หรือว่าจะทำเป็นเงียบไม่สนใจแบบที่น้องเดย์บอก และอีกวิธีนึงที่คิดออกคือ อัพรูปแฟนตัวเองอวดมันไปบ้าง

กดเข้าไปในอัลบั้มรูปตัวเองหลังจากที่ความคิดนั้นโผล่ขึ้นมา ก่อนจะพบว่าในนั้น นอกจากของกิน กับภาพเก่าๆในเครื่องเก่าที่ถูกย้ายโอนมาตอนเปลี่ยนมือถือก็แทบไม่มีอะไรเลย ผมไม่เคยถ่ายรูปกับอาฟเลยสักภาพเดียว

“ มีอะไรรึเปล่าวะพี่เมด ” น้องเดย์ที่ชะงักการกินอาหารตรงหน้าเงยหน้าขึ้นถาม คงเห็นผมนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนไม่สบายใจอะไร “ ไอ้เหี้ยนั่นส่งข้อความมาด่าเหรอวะ ”

“ เปล่าๆ ” ส่ายหน้าบอกน้อง “ แต่กำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ”

“ อะไรทำยังไง ”

“ จะกดไลค์ถูกใจว่ารับรู้แล้ว จะอัพภาพโต้ตอบมันไป หรือว่าจะเงียบไปดี ”

“ เงียบไปดีกว่า อย่าไปสนใจมันเลย ไร้สาระ ” น้องบอกผมก่อนจะส่ายหน้า “ อย่าโดนมันดึงจมูกสิวะ อย่าไปแสดงว่าเรารู้สึกอะไร คนพวกนี้ยิ่งเราด่า ยิ่งเราตอบโต้ แม่งยิ่งชอบ เพราะมันเหมือนพี่เมดยังรักยังแคร์ แล้วก็ยังเจ็บกับพวกมันอยู่ ”

“ มันแค่แค้นเว้ย ” ผมเถียงกลับน้อง “ ไม่ได้รักแล้ว ไม่ได้แคร์ด้วย พี่เมดเกลียดพี่พวกมัน ทั้งเกลียดทั้งขยะแขยง แล้วก็ไม่ได้อยากจะเป็นฝ่ายที่ถูกปั่นหัวอยู่คนเดียว ”

“ แต่มันไม่ได้คิดแบบนั้นไง ถ้าพี่เมดไปกดไลค์หรืออัพภาพสัดพี่ไปสักภาพ มันก็คงจะแค่ยกยิ้มแล้วก็มองว่าพี่เมดยังแคร์ ยังดิ้นตามเกมส์ของมัน มันไม่ได้คิดว่าพี่เมดเกลียดมันหรอกแต่ถึงจะคิด มันก็ไม่แคร์ เพราะมันก็อยากจะให้เป็นแบบนั้น คนพวกนี้มันบ้า ทางที่ดีเงียบๆไปดีกว่า อย่าไปสนใจ ปล่อยให้มันนั่งรอไปว่าเมื่อไหร่พี่เมดจะเดือด ”

“ เหรอว่ะ ” ตอบรับออกไปแบบนั้น แต่ก็รู้สึกไม่สะใจเลยวะ ผมอยากจะทำอะไรที่มันสะใจบ้าง อยากอยู่ในฐานะของคนที่ได้ยกยิ้มมองพวกมันดิ้นบ้าง แต่ก็เห็นด้วยกับสิ่งที่น้องเดย์พูด ถ้าแสดงผลตอบรับอะไรออกไปก็ไม่พ้นโดนเข้าใจว่าทั้งรักทั้งแคร์อยู่ ทั้งๆที่ความจริง มีแค่ความเกลียดชังเท่านั้นที่ผมรู้สึกกับพวกมัน

“ เออ อย่าไปสนใจ ”

ก้มหน้าลงมองมือถือตัวเอง ผมกดเข้าไปในไลน์น้องชาย ตอนที่คิดจะเริ่มเล่าเรื่องที่เจอ ผมก็คิดอย่างขบขันจนต้องอมยิ้มกับตัวเอง ‘ คนเราก็แปลก เวลาตัดสินใจอะไร ทั้งๆที่มันมีสิ่งที่คิดไว้อยู่แล้ว แต่กลับไปถามความคิดเห็นของคนรอบข้างเพื่อสนับสนุน ทั้งๆที่ต่อให้คนคนนั้นเลือกสิ่งที่ไม่ตรงใจ เราก็เลือกจะทำตามที่ใจเราคิด หรือไม่ก็ถามใครคนอื่นเพื่อหาคนที่คิดเหมือนกันเป็นพวกอยู่ดี ’

[ วิว ] ผมกดพิมพ์เข้าไปในไลน์ของน้องชายตัวเอง [ มีอะไรจะเล่าให้ฟัง ]

[ ว่ามา ] ข้อความตอบรับกลับมาชวนให้ผมยกยิ้มก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ก่อนจะถามคำถามเดียวกันกับที่ถามน้องเดย์เมื่อครู่ว่าผมควรทำยังไงต่อไปดี [ ถ้าเป็นวิวจะไลค์แล้วก็เม้นท์ไปว่า น่าเหี้ยดีจัง ] ผมยกยิ้มขึ้นมาตอนที่อ่านจบ

[ น่าสนใจ ]

[ เอาจริงๆ มันเป็นบ้าอะไรรึเปล่า ถึงยังวอแวกับพี่เมดอยู่แบบนี้ เหมือนมันคิดอยู่ตลอดว่า เจ็บปวดสิมึง ทุกข์สิมึง เห็นมั้ยกูมีความสุขมากเลยนะ คืออยากเข้าไปถามมันมากว่าเป็นอะไรรึเปล่า เมื่อคืนมึงไม่ได้นอนเหรอ สมองถึงได้ขาดความคิดในส่วนผิดชอบชั่วดีไปขนาดนี้ ]

[ มันบ้า คงคิดว่าพี่เมดต้องยังรักไอ้เชี้ยบินอยู่เต็มหัวใจ แล้วพี่เมดต้องเสียใจแน่ๆ ถ้าเห็นมันกับไอ้บินมีความสุข ]

[ ไม่ก็อยากให้พี่เมดเห็นว่าตัวมันเองมีความสุขมากขนาดไหน ทั้งๆที่ความจริงความรู้สึกในตอนนั้นมันอาจจะกำลังแย่สุดๆก็ได้ ไม่ก็อาจจะกำลังกลัวอะไรอยู่ ]

[ ยังไงวะ ]

[ ยกตัวอย่างนะ สมมุติไอ้เชี้ยสองตัวยีนส์กับจิงบอกว่าพี่เมดกับพี่อาฟไปกันไม่รอดหรอก แต่พี่เมดก็ไม่สนใจ ไม่แคร์ แต่พอวันนึงมันเหมือนจะไม่รอดจริงๆ พี่เมดก็ไม่อยากจะให้มันสองคนที่เคยดูถูกมาสมน้ำหน้า พี่เมดก็ต้องอัพภาพ เพื่อสร้างภาพ ว่ารักของพี่เมดยังมั่นคงอยู่ ไม่ได้เป็นอะไร ก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้เชี้ยยีนส์อะ มันก็คงอยากจะสร้างภาพให้พี่เมด หรือใครๆ ที่ด่าว่ามันแย่งของของเพื่อนมา รู้สึกว่า มันรักกับไอ้เชี้ยบินดีอยู่ ไม่ได้เป็นอะไร ทั้งๆที่จริงมันก็คงคิดอยู่ตลอดว่ามันแย่งของเพื่อนมา  มันก็คงกลัวแหละ ว่ามันจะถูกแย่งไป ไม่ก็กลัวว่าพี่บินยังรักพี่เมดอยู่ ]

[ คนเหี้ยๆอย่างมัน จะคิดกลัวอะไรแบบนั้นด้วยเหรอวะ]

[ คนเหี้ยก็มีหัวใจนะพี่เมด ก็คนทำเลวอะมึง มันต้องกลัวกรรมตามสนอง แล้วระแวงทุกอย่างอยู่แล้ว ]

[ อื้ม ]

[ แล้วพื้นฐานมนุษย์อะ ฆ่าได้หยามไม่ได้ พี่เมดก็ลองถามตัวเองสิ ว่าตอนที่ทะเลาะกับพี่อาฟ จะกล้าอัพลงไอจีมั้ยว่าตัวเองทุกข์ใจมากแค่ไหน ] ผมไม่ตอบอะไร น้องชายตัวเองก็พิมพ์ย้ำคำตอบในใจของผมขึ้นมา [ พี่มึงก็ไม่กล้าใช่มั้ยละ ความรู้สึกแรกของมึงยังคิดเลยว่า มึงจะให้ไอ้จิงไอ้ยีนส์มาสมเพชมึงไม่ได้ ]

 [ ก็จริงของมึง ]

คนเราก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น เราอัพเดทความสุขลงในสื่อโซเซี่ยลเพื่ออวดผู้คน ทั้งๆที่ความจริงเราเองก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขขนาดนั้น และบางทีก็อาจจะอัพเพื่อปิดบังความรู้สึกแย่ๆในใจ อย่างคำพูดที่ผมเคยโพสขึ้นไปเหมือนกัน

 ‘ Time doesn’t change us , it just unfolds us.’ ประโยคที่ดูเหมือนไม่เสียใจ ไม่แคร์ และ ทำใจได้ ทั้งที่จริงแล้ว หัวใจของผมยังคงร้องไห้อย่างหนักและความโศกเศร้าก็ยังคงหมุนวนอยู่อย่างงั้นในใจไม่หายไปไหน

[ แต่ถ้าวิวเป็นพี่เมดนะ วิวจะอัพภาพกุมมือพี่อาฟให้เห็นพวกมาลัยรถ GTR แล้วขึ้นสเตตัสว่า MINE เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ MINE ที่แปลของฉันนะ แต่ MINE ที่แปลว่า กูก็มีเหมือนกัน ดีกว่ามึงด้วย อีสัด ]

ผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังจนน้องเดย์ที่กินข้าวเสร็จยังเอียงหน้างง โบกมือไปมาตรงหน้าคนที่มีแต่ความสงสัย ผมเรียกป้าเก็บเงินแล้วตอนที่รอเงินทอนผมก็ตอบน้องชายตัวเองออกไปด้วยสติกเกอร์มีเสียงหัวเราะและประโยคที่คิดอยู่ในใจ

 [ มึงแม่งช่างคิด ไว้เดี๋ยวกูจะทำตามบ้าง ]

“ หัวเราะอะไรวะพี่เมด ” น้องเดย์เอ่ยถามผมตอนที่เราเดินเข้าไปท้ายซอยลึกขึ้นเพราะอีกคนอยากจะกินไอติมกระทิไข่แข็งราดของเชื่อมตบท้ายมื้ออาหาร ส่วนผมเองก็อยากจะกินเต้าฮวยนมสดมะพร้าวอ่อนในร้านเดียวกันนั้นด้วยเหมือนกัน

“ พี่เมดคุยกับวิวแล้วมันพูดตลก ” บอกน้องแค่นั้นอีกคนก็พยักหน้ารับไม่ถามอะไรต่อ ผมมองไปรอบๆ คิดว่าจะซื้อข้าวสวยไก่กรอบแล้วก็เกาเหลาหมูไปให้อาฟกินเพราะที่ร้านจะให้กล่องแบบที่แค่เปิดก็กินได้เลย แถมมันยังเป็นร้านเจ้าอร่อยที่ผมชอบฝากเด็กๆในผับซื้อมาให้กินกันตายเวลาต้องทำงานแบบที่ยุ่งชนิดว่าไม่ได้ไปไหน  “ ขอแวะสั่งข้าวแปปนึง ”

“ โอเคครับ ” 

“ เอาข้าวสวยไก่กรอบพิเศษหนึ่งกล่องแล้วก็ต้มเลือดหมูใส่แค่หมูไม่ใส่เครื่องในกับเลือดหนึ่งถ้วยครับ ขอช้อนด้วยนะครับ ”

“ ได้ครับ ” คนรับออเดอร์ยิ้มรับกับผม

“ เดี๋ยวพี่มาเอานะ ”

“ ครับ ”

เดินลึกเข้าไปจนสุดซอยเราเดินถึงร้านไอติมที่คนข้างผมอยากกินแต่ยังไม่ทันจะได้สั่ง กลุ่มเด็กมหาลัยสี่คนที่ยืนอยู่ในร้านก็เอ่ยทักขึ้นมาก่อน

“ อ้าว ไอ้เดย์มึง ” เสียงของเด็กผู้หญิงในกลุ่มนั้นเอ่ยทักอีกคนที่ก็เบิกตาด้วยความตกใจทันทีก่อนจะยิ้มให้

“ อ้าว พวกมึง มาแดกอะไรกันวะ ”

“ ข้าวไก่กรอบร้านนั้น ” ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มเป็นคนตอบก่อนจะชี้ไปที่ร้านที่ผมเพิ่งแวะสั่งข้าวให้อาฟเมื่อครู่ “ อร่อยมากเลยมึง ไก่กรอบโคตรชิ้นใหญ่ แล้วนี่มึงมายังไง มากินอะไร ”

“ มากินบะหมี่หมูตุ๋น ” น้องตอบก่อนที่เพื่อนทั้งสี่คนจะหันมาเหล่มองผม

“ แล้วจะไม่แนะนำแฟนให้พวกกูรู้จักหน่อยเหรอ ” เป็นเด็กผู้หญิงคนเดิมที่เอ่ยทักขึ้นมาด้วยรอยยิ้มล้อๆ ผมเหลือบมองน้องเดย์ที่ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นยังไง แต่แววตาเรียวเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจก่อนจะตอบออกไปเสียงดัง

“ ไอ้พวกเชี้ย นี่พี่สะใภ้กู ”

“ อ้าว แฟนพี่อาฟเหรอ ” ทุกคนที่ดูตกใจก่อนจะหันมายกมือไหว้ผม

“ เออ นี่พี่เมดพี่สะใภ้กู ส่วนพี่เมดนี่เพื่อนน้องเดย์ที่มหาลัยครับ ” ผมยกมือรับไหว้ทุกคนก่อนที่น้องเดย์จะหันมาพูดกับผมเพื่อแกล้งเพื่อน “ พี่เมดเดี๋ยวกับไปบอกสัดพี่ด้วยนะว่าเพื่อนน้องเดย์กลุ่มมหาลัยมันบอกว่า พี่เมดเป็นแฟนน้องเดย์ ”

“ พี่เมดอย่านะคะ ไหว้แล้วค่ะ อย่าทำอะไรแบบนั้นเชียวนะคะ ” หนึ่งในเพื่อนของน้องเดย์บอกก่อนจะตีหลังคนชอบแกล้งทันที “ พี่เมดอย่าไปฟังไอ้เชี้ยเดย์นะคะ ไม่งั้นพวกหนูถึงตายเลยนะ ”

“ ไม่ขนาดนั้นมั้ง ” ผมบอกยิ้มๆน้องก็เถียง

“ ขนาดนั้นแหละพี่เมด ภาพที่พี่เค้ามองพวกเราด้วยหางตาทั้งๆที่แซวเล่นเรื่องที่เค้าโหดยังจำอยู่ในสมองไม่มีลืมเลย ”

‘ สมกับเป็นอารยะผู้ซึ่งเป็นที่หวาดกลัวของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก ’ ยิ้มกับตัวเองตอนที่คิดขึ้นมาในใจแบบนั้น แล้วนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไม ผมถึงชอบบอกให้อาฟยิ้มให้คนอื่นบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ทำหน้าดุแล้วบอกว่า ‘ ก็ไม่รู้จักกูจะไปยิ้มให้มันทำไม ’

ผมเดินฮัมเพลงขึ้นบันไดมาจนถึงห้องทำงานบนชั้นสาม มือข้างที่ถือถุงกับข้าวผมดูดเตาฮวยนมสดที่ชอบมาด้วยแบบไม่หยุดปาก เปิดประตูเข้าไปในห้องวางถุงข้าวลงบนโต๊ะของคุณเจ้าของผับที่ก็แค่ปรายตามามองกัน ผมเห็นว่ามันไม่ได้ดูหนังเรื่องที่ชอบแล้ว และตอนนี้มันแค่นั่งนิ่งๆเหมือนกำลังรอผมกลับมา

“ หิว ” มันพูดสั้นๆ ผมก็ผละปากออกจากหลอด พลางเอียงหน้างง แล้วเชิดหน้าไปที่ถุงกับข้าวที่ตั้งอยู่ตรงหน้า

“ ก็เปิดขึ้นมากินสิว่ะ ”

“ ไม่อยากกินคนเดียว ”  พูดแบบนั้นก่อนจะทำทีเป็นหันไปมองคอมพิวเตอร์ที่อยู่เบื้องหน้าทั้งๆที่ก็ไม่ได้เปิดโปรแกรมอะไรทิ้งไว้ทั้งนั้น ท่าทางที่บอกกกับผมว่าอีกคนกำลังงอน

“ งอนอะไรกูอาฟ ก็ซื้อข้าวมาให้แล้วไง ไม่ชอบเหรอ ของโปรดด้วยนะ ” หยิบกล่องพลาสติกที่ซื้อมา ผมจัดการเปิดทั้งข้าวแล้วก็ถ้วยเกาหลาให้มันเรียบร้อย แต่อีกคนก็ยังนิ่ง “ ยังไงอีกครับคุณ ”

“ ไปกินข้าวอร่อยมั้ย ” เสียงนิ่งที่เอ่ยถาม ผมนิ่งไปสักพักเพราะไม่รู้จะตอบยังไงให้อีกคนพอใจ แต่สุดท้ายก็เลือกตอบความจริงออกไป

“ อร่อยสิ อร่อยมาก ป้าให้หมูตุ๋นกูมาเพียบเลย ” แต่ยิ่งพูดก็ดูเหมือนอีกคนจะยิ่งหน้านิ่งไปกันใหญ่ ผมเลยทำได้แค่เม้มปากตัวเองสนิทไปในตอนนั้น

“ มึงไปกินข้าวกับคนอื่นแล้วรู้สึกอร่อยได้ไงวะ ” อาฟถามเสียงนิ่งก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาแล้วขยับตัวเข้าใกล้โต๊ะ มันที่กำลังจะเริ่มกิน “ ทั้งๆที่กูต้องมีมึงนั่งอยู่ข้างหน้าเท่านั้นถึงจะอร่อย ”

“ ว่าไงนะ ” ได้ยินทุกอย่างชัดเจนแม้จะเอ่ยถามออกไปแบบนั้น ผมหุบยิ้มไม่ได้เลยใบหูที่เริ่มแดงจัด ตอนนั้นอาฟที่กำลังตักข้าวขึ้นกินมันก็เงยหน้าขึ้นบอก

“ หูหนวกก็ไปหาหมอ ”

“ ทำมาเป็นไล่ ไม่มีกูนั่งอยู่ข้างหน้าเดี๋ยวก็กินไม่อร่อยหรอก ” เลื่อนเก้าอี้มานั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าอาฟ ผมดึงตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะอ้าปากเพื่อบอกให้อีกคนป้อนข้าวให้ชิมหน่อย อาฟลังเลอยู่นานด้วยหูแดงจัดแต่สุดท้ายมันก็ตักเอาชิ้นเนื้อหมูในน้ำซุปใส่ปากผมให้ เคี้ยวอยู่แบบนั้นสักพัก ผมรอจนอาฟเคี้ยวเสร็จก่อนจะถาม “ อร่อยขึ้นแล้วยัง ”

“ ก็ดี ”

“ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปกินด้วยกัน วันนี้เห็นมึงติดหนังไง กูเลยไม่อยากกวนแล้วไปกับน้องเดย์เพราะน้องมันก็พักพอดี ”

“ แต่กูอยากให้มึงกวนนะ ” อาฟพูดแค่นั้นสั้นๆทั้งที่กำลังก้มหน้าลงกินข้าว “ แค่เฉพาะมึงเท่านั้น ” ก้มหน้าลงฟุบกับโต๊ะแทบจะทันที โดนทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิดอีกแล้ว  ผมในตอนนั้นทรงตัวให้นั่งจ้องหน้าคนตรงข้ามกันไม่ได้เลย

ข้าวคำสุดท้ายถูกตักเข้าไปในปากของคนตรงหน้า อาฟจัดการปิดฝากล่องอาหารที่มันกินเองจนเกลี้ยง ผมเองก็ลุกขึ้นพยายามบริการมันเต็มที่แบบเอาใจเพราะอยากให้มันลืมเรื่องที่ผมทิ้งมันไปกินข้าวกับน้องเดย์ซะเฉยๆแบบไม่บอก

“ เออ จะเล่าอะไรให้ฟังเมื่อกี้ตอนกูกินข้าวเสร็จกูแวะเข้าไปกินไอติมไข่แข็ง แล้วกูเจอเพื่อนมหาลัยของน้องเดย์ด้วย ”  เอ่ยชวนมันคุยตอนที่เก็บกล่องใส่ถุงแล้วมัดให้แน่นหนาก่อนจะเอาไปตั้งไว้หน้าห้องเพื่อรอทิ้ง 

“ แล้วยังไง ” อาฟถามในตอนที่ดึงเต้าฮวยนมสดของผมขึ้นมาดูด

“ เพื่อนน้องเดย์คิดว่ากูเป็นแฟนน้องเดย์ ถามน้องเดย์ด้วยนะว่าทำไมไม่แนะนำแฟนให้รู้จัก มึงต้องเห็นหน้าน้องเดย์ที่ตาโตขึ้นมา โคตรตลก ฮ่าๆ ” ผมหัวเราะเสียงดังแต่เหมือนอาฟจะไมได้ตลกด้วย มันนั่งมองผม มองอยู่นานมากจนผมรู้สึกว่า หรือคำพูดที่ออกไปจะไม่ใช่เรื่องที่น่าเล่ากันวะ ผมเริ่มเม้มริมฝีปากเพราะถูกจ้องอยู่นานมากเกินไป อาฟตอนนั้นยื่นมือมาจับมือผม

“ มานั่งนี่มา ” มันพูดเสียงเรียบ ผมก็ได้แต่เบิกตาเชิงถาม

“ นั่งไหน ? ”

“ ตรงนี้ ” ก้มลงมองตามสายตาของมันที่บอก แล้วบนตักของอาฟคือจุดหมายของคำตอบนั้น

“ ไม่เอา กูหนัก ขามึงหักพอดี ”

“ กูจะตัดสินใจเอง ว่ามึงหนักหรือเบา ” ผมยืนลังเลอยู่นานกับการที่ต้องนั่งลงไป ขาของอาฟที่อยู่บนเก้าอี้แค่เห็นด้วยตาก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะรับน้ำหนักของผมได้ไหว เผลอถอนหายใจออกมาในตอนที่สบตาเข้า อีกคนก็แค่พูดเร่งรัด “ เร็ว วันนี้มึงทำกูหงุดหงิดหลายเรื่องแล้วนะ ”

“ กูไปทำอะไรให้มึง ไม่เห็นรู้เรื่อง ” พูดแบบนั้นก่อนจะขยับไปอยู่ข้างหน้าอีกคน แล้วค่อยหย่อนตัวลงนั่งบนขานั่นอย่างเชื่องช้าและไม่มั่นใจแต่ยังไม่ทันถึง คนกวนตีนก็พูดขึ้นก่อน

“ เออ หนักจริง ”

“ ไอ้เชี้ย ! กูยังไม่ได้นั่งเลย ” หันไปมองอีกคนตาขวางแต่อาฟก็แค่ยิ้มกว้างก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาตอนโดนผมด่า “ ไอ้สัดอาฟ มึงแม่งแกล้งกูอีกแล้วนะ  ”

“ มานี่มา ” คนชอบแกล้งขยับตัวเข้าไปจนสุดเก้าอี้มันกางขาออกกว้างจนเหลือพื้นที่ว่าง “ นั่งลงตรงนี้ ”

“ แล้วทำไมกูต้องนั่งด้วยวะ ” หูของผมแดงตอนที่พูดคำนั้น

ช่วงเวลาที่นั่งลงไปนั้น ผมถอนหายใจออกมาด้วยหัวใจที่เต้นแรง ทุกอย่างดูขัดแข้งในท่าทีที่ดูเหมือนรำคาญและไม่เข้าใจและจริงๆผมก็เขินเกินกว่าจะเอ่ยพูดหรือหันไปมองคนที่ก็เอื้อมมือมากอดเอวกันแล้วตั้งคางไว้บนไหล่ของผมได้ อาฟขยับเท้าขึ้นไปตั้งไว้บนโต๊ะด้วยท่าทางสบายใจ มันหอมแก้มผม

“ ทีหลังอย่าไปกินข้าวกับใครอีกนะ ” อาฟพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบนั้น “ จะให้เค้าเข้าใจผิด คิดว่ามึงเป็นแฟนคนอื่นได้ไง มึงเป็นแฟนกูนะ ”

“ โอเค รู้แล้ว ” ทำได้แค่ตอบออกไปเสียงเบาๆ เราที่นั่งอยู่แบบนั้น ผมคิดขึ้นมาได้ว่า ตัวเองไม่น่าเล่าเรื่องนั้นให้อีกคนฟังเลย หาเรื่องให้ตัวเองรักผู้ชายคนนี้เพิ่มขึ้นแท้ๆ ไอ้เมด

ช่วงเวลาเกือบตีสี่เป็นช่วงเวลาที่ผับปิดอย่างเสร็จสิ้น ไม่มีลูกค้าอยู่ที่นี่แล้ว มีแค่พี่ยามสองคนที่คอยเฝ้าไว้ ผมกับอาฟเดินออกมาขึ้นรถ ตอนที่ปิดประตูลงผมหันไปมองที่ลานจอดตอนนี้มีเพียงแค่รถของพี่ซองผู้จัดการอยู่คันเดียวแล้ว ซึ่งพี่ซองต้องกลับเป็นคนสุดท้ายในทุกวัน

“ กูกลับไปนะ กูจะอาบน้ำแล้วกูก็จะนอนเลย ” อาฟยกยิ้มตอนที่ผมพูด เราขับรถออกจากผับ ผมก็มองไปนอกหน้าต่างเหมือนอย่างเคย กลายเป็นคนที่ชอบช่วงเวลาใกล้สว่างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ผมชอบความเงียบของท้องถนนที่มีแสงไฟสาดส่องลงมาบนพื้นที่ว่างเปล่าเบื้องหน้า

ความเงียบภายในรถมีเพลงโปรดของเราคลอไปเบาๆ อาฟยื่นมือมาจับมือผมตอนที่มันพิงตัวเองกับเบาะเพื่อรอไฟแดง นิ้วโป้งลูบเบาๆที่หลังฝ่ามือเป็นความเงียบที่มีค่อนข้างโรแมนติกจนทำให้ผมหุบยิ้มไม่ได้

“ มึง ขอกูถ่ายรูปหน่อย ” บอกมันแบบนั้นผมก็เอียงตัวเองไปซบที่ไหล่มัน ถ่ายภาพตัวเองกับอาฟที่เห็นแค่ช่วงปากลงมา ผมชอบถ่ายภาพแบบนี้ มันดูน่ารักมากกว่าการถ่ายภาพให้เห็นหน้าชัดๆในความรู้สึกผม กดถ่ายอยู่สองสามภาพ ก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “ อยู่นิ่งๆนะ ” บอกแบบนั้นก่อนจะกดเช็ตกล้องแบบนับเวลาถอยหลัง ผมเอามันไว้วางที่หลังรถ อยากจะให้มุมภาพที่เห็นทั้งถนน ทั้งมือของเราที่จับกันแล้วก็คอนโซลรถ

“ เป็นเหี้ยอะไร ถึงคิดจะถ่ายรูป ปกติไม่เห็นจะทำ ”

“ ก็คนมันอยากถ่าย ” ผมบอกอีกคนแบบนั้นก่อนจะหันไปหยิบมือถือตัวเองมาดูภาพที่ถ่าย เผลอยิ้มออกมาตอนที่เห็นว่ามันสวยกว่าที่คิดไว้เสียอีก “ มึงดู ภาพดีอะ ”

“ อื้ม ดี ” อาฟบอกแค่นั้นก่อนจะขยับปรับเกียร์เมื่อสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้น

“ เราไม่ค่อยมีภาพถ่ายคู่กันเลย กูว่าต่อไปนี้เรามาถ่ายรูปด้วยกันเก็บไว้บ้างดีกว่า มือถือกูแทบไม่มีรูปมึงเลย ”

“ ก็คงแค่มึงคนเดียว ”  ชะงักมือข้างที่กำลังจะเล่นมือถือทันทีตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น

“ หมายความว่าไงวะ ”

“ เสร็จรึยัง เอามือมายืมจับหน่อย ” ยื่นมือมาทางผมที่ก็วางมือลงบนมือของอาฟอย่างว่าง่าย อีกคนที่กุมมือผมไว้ ตอนนั้นผมไม่ได้ถามอะไรในสิ่งที่สงสัย ทำได้แค่ก้มหน้าลงมองหน้าจอ ตกแต่งรูปก่อนจะอัพมันลงไปในอินสตาแกรมด้วยสเตตัสแค่สั้นๆ ว่า ‘ MINE ’

‘ เงียบไปดีกว่า อย่าไปสนใจเลย ’ คำพูดของน้องเดย์ที่พูดกับผมผุดขึ้นมาในตอนที่นั่งมองภาพที่ตัวเองอัพด้วยความสะใจ

ผมกดปิดหน้าจอมือถือของตัวเอง ก่อนจะดึงตัวเองเอียงซบลงไปบนไหล่ของอาฟที่กำลังขับรถอยู่ คนทุกคนก็เป็นแบบนี้ ‘ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องของเรา ถ้าเราไม่ใช่คนที่ถูกทำร้าย เราจะบอกให้เค้าหยุด แล้วอย่าสนใจ แต่ถ้ามันเป็นเรื่องของเรา เราจะคิดหนทางสักทางเพื่อตอบโต้อีกฝ่ายให้เจ็บแสบไม่ต่างจากเรา ’

ไม่มีใครยอมทนโดนทำร้ายไปจนตายหรอก
ผมก็เหมือนกัน

“ เจอกันตอนบ่ายห้าโมงนะอารยะ ” หันไปบอกอาฟหลังจากที่รถจอดสนิทลงที่คณะบัญชีของผม วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายสองอาฟเองก็เหมือนกัน

“ มีอะไรจะถาม ” อาฟพูดขึ้นก่อนจะขยับเกียร์ให้รถจอดนิ่งแล้วดึงเบรคมือขึ้น ท่าทางที่บอกกับผมว่าอีกคนกำลังจริงจังกับคำถาม และไม่ต้องการได้รับคำตอบที่พูดปัดแบบขอให้ผ่านไปที

“ ว่า ” ผมหันไปมอง อาฟก็ก้มหน้าลงกดมือถือก่อนจะชูหน้าจอของโปรแกรมที่ชื่อว่าอินสตาแกรมขึ้นมา ในนั้นปรากฏภาพที่ผมอัพล่าสุดสเตตัสที่เขียนว่า ‘ MINE ’ ที่ไม่ได้แปลว่า ‘ ของฉัน ’ แต่แปลด้วยความหมายของวิวที่บอกกัน ‘ กูก็มีของกูเหมือนกัน แถมยังดีกว่าด้วย ’

“ หมายความว่าไง ” อาฟถามด้วยท่าทางยิ้มๆ “ ปกติเป็นคนชอบอวดแบบนี้เหรอ ” มันคงรู้ว่า นี่ไม่ใช่นิสัยผม มากสุดในไอจีที่ผมอัพเป็นแค่สตอรี่ของกิน ส่วนภาพจะอัพแค่ความทรงจำพิเศษเท่านั้น

“ ไม่ได้อวด ” ผมบอกมัน “ แต่เมื่อวานกูมีความสุขมากไงเลยเขียนสเตตัสว่า mine ไง mine ที่แปลว่า อารยะของกู ” ดึงตัวเองเข้าไปกอดคออีกคนไว้แล้วยิ้มกว้างให้ ตอนที่ซบเข้ากับไหล่ อาฟก็แค่ยกยิ้มก่อนจะเปิดไอจีของยีนส์ขึ้นมาแล้วยื่นมาให้ผมดู หัวใจผมตอนนั้นมันหล่นวูบ แต่อาฟก็แค่ยกยิ้ม

“ คิดว่าจะประชดไอ้เหี้ยนี่ซะอีก ”

“ ใครว่า ” บอกปัดมันแบบนั้นก่อนจะดึงตัวเองออกเพื่อมองอีกคน “ มึงมีไอจีมันด้วยเหรอ ”

“ มีสิ ไม่งั้นจะรู้เหรอว่าแฟนกูยังแคร์พวกมันขนาดนี้ ”

“ กูไม่ได้แคร์ ” ผมเถียง “ เมื่อคืนมันกดไลค์ไอจีกูเพื่อจะให้กูเข้าไปดูในไอจีมันแล้วเห็นภาพนี้ ”

“ แล้วมึงก็เลยอัพภาพกูกับมึงเพื่อตอบกลับมัน ” อาฟถามกลับ “ ถามจริงทำอะไรแบบนี้เรียกไม่แคร์เหรอ แต่กูว่ามึงกำลังแคร์มันมากเลยนะ ไม่อย่างงั้นมึงจะสนใจทำไม ”

“ แล้วทำไมกูต้องนั่งอยู่เฉยๆ เพื่อรอให้มันจะทำเหี้ยอะไรกับกูก็ได้วะ มึงคิดว่าคนแบบเชี้ยยีนส์มันจะจบแค่นี้เหรอ ”

“ เมด ” อีกฝ่ายเรียกผมเสียงนิ่ง “ ถ้ามึงอัพภาพกูเพื่อบอกรักกู กูจะไม่ว่าอะไรเลย แต่อย่าอัพภาพกูแล้วบอกรักกู เพื่อประชดคนที่มึงเคยรัก ”

“ อาฟมันไม่ใช่แบบนั้นนะเว้ย คือ.. ” ผมที่กำลังอธิบายแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับพูดขึ้นมาก่อน

“ ถ้ากูขอมึงจะทำให้กูได้มั้ย ” ภายในรถนั้นเงียบ อาฟแค่มองตาผมแล้วพูดอย่างจริงจังที่สุด “ ไม่สนใจพวกมัน แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กับกูได้มั้ย ”

..............................................................................

อยู่ทีมไหนกันดี ทีมพี่อาฟ ทีมน้องเมด ทีมน้องเดย์
ในบางทีคนแบบยีนส์ก็เป็นแบบที่เมดบอก คือมันต้องจัดการสักครั้ง  แต่การที่เดย์บอกว่าเงียบไปดีกว่า คือทางแห่งสันติที่ดีที่สุด แต่ทำได้ยากมากกกกกกกก ลองคิดง่ายๆว่าถ้าเราเป็นเมด เราจะทำยังไง
แต่สุดท้ายนี้ ไม่ว่าทางไหน ก็สงสารพี่อาฟ พี่อาฟที่รู้ว่า เมื่อคืนที่แฟนถ่ายรูปเรา ลงรูปเรา คือแฟนประชดแฟนเก่า ทั้งๆที่ปกติแฟนเราไม่เคยทำ ซ้ำในไปสิ

เจอกันตอนหน้านะคะทุกคน
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-10-2018 21:31:42 โดย patwo »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ทำงานเข้าตัวเองอีกแล้วนะเมดเอ๊ยยย น่าจะรู้ว่าคุณอารยะเขาชอบคิดมากเรื่องไอ้บิน  :เฮ้อ:

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Naamtaan22

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อ่านตอนนี้จบแล้วคงไปต่อแถว ทีมอาฟ ทันทีค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
อยู่ทีมพี่อาฟ  ปล่อยไปอย่าไปสนใจคนพวกนี้เลยเมด  ถ้ายังสนใจก็แสดงว่ายังแคร์ แต่ถ้าไม่สนใจไม่รักไม่เกลียดจะเฉยๆได้


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เป็นเรื่อง

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ทีมพี่อาฟจากต้นจนจบเรื่องปิดผับฉลอง

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ต่างคนต่างความคิด พยายามปรับกันนะคุยกันดีๆอย่าทะเราะกันรักเมดอาฟ รักคนเขียน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ที่อาฟขอ เมดต้องเยสอยู่แล้ว

จะว่าไปก็เข้าใจนะ อยากเอาชนะ อยากสุดๆ อยากโต้ตอบ ไม่ใช่แคร์ แต่คนข้างตัวรอบข้าง ก็จะมองว่าเราเต้นตาม ลามไปถึงยังแคร์อยู่ ... ความเข้าใจกันจะสวนทาง ...

เมดพลาดแล้ว ปล่อยให้จิตใจอยากเอาชนะอยากเอาคืนครอบงำ ... แน่ๆ ลืมนึกถึงความรู้สึกของอาฟ ทำให้อาฟรู้สึกว่าเมดไม่ชัดเจน ... อาฟย่อมกังวลอยู่แล้ว กังวลมานานแล้วตั้งแต่ที่เมดเลือกบิน คงกลัวมากๆ ในส่วนลึก แถมเจอแบบนี้อีก ... สงสาร

เราไม่รู้ว่า ถ้าอาฟโกรธจะเหมือนกับที่โมโหคุณเซลนั่นหรือเปล่า แต่เราเชื่อว่า ถ้าอาฟผิดหวังน้อยใจ อาฟจะเลือกหายไปมากกว่า แต่เราก็เชื่ออีก ยังไงอาฟก็ต้องกลับมา ทนคิดถึงไม่ได้หรอก และอาฟน่าจะเข้าใจว่าตัวเองก็ต้องรู้จักนิสัยเมดให้มากกว่านี้ รักกันยังไม่นานเลยนะ

ต้องผ่านมันไปให้ได้สิ ...

เมดจะชัดเจน และอาฟจะไม่กังวลว่าเมดยังมีเยื่อใยกับบิน เมื่อเมดทราบความจริง ... กลับมาได้แล้ว เพื่อนคนนั้น รีบมาหน่อย ส่งตั๋วไปให้ไหม

สนุกมาก เอาจริงๆ ทีมอาฟค่ะ
 :-[

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
งานจะเข้าอีกแล้ว  :mew5:

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เข้าใจทั้งเมดทั้งอาฟ แงงงงงง

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เอ้า เชื่อน้องเดย์ก็ดีแล้วนะเมด ไม่น่าหาเรื่องให้ตัวเองเลย จะเห็นอารยะโกรธสุดๆมั่ยคราวนี้ อย่าทะเลาะกันเลยนะ แค่คราวก่อนก็ลุ้นจนปวดใจไปหมด ปรับความเข้าใจกันดีๆๆๆ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
รอพ้นม่าก่อนนะคะ  :hao5: จิตใจบอบบาง

เมื่อไรเอ็มหรือแอมนะจะกลับมา จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ตอนไหน

ไถหาไม่เจอ รู้สึกว่าเป็นคนที่ค่าตัวแพงมาก 555 เรารอนาย

รอนายมาตลอด อยากให้เมดรู้เรื่องนมช็อคโกแลตใจจะขาด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2018 00:59:02 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
ฟังน้องเดย์ก้ดีอยู่แล้วววเอาจิงงง
เฮ้อออออ
วิวเน้อวิว

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่มาคุนะ

ออฟไลน์ Panizzz3838

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
น่าจะได้เจออาฟในหมวด "องค์ลง" อย่างที่เมดต้องการจะเจอแล้วล่ะ  :ling3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เมด........ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อยู่นิ่งๆแบบเดย์บอก ก็ดีแล้วแท้ๆ
ถึงจะตอบโต้ด้วยความแค้น แต่มันก็ไม่สิ้นสุด
ยังเป็นชนวนไปถึงอาฟอีกว่าทำไมยังผูกพัน ยังไม่ลืมบิน
มันมองได้สองด้านจริงๆ  :serius2: :z3: o22 :really2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2018 20:25:57 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด