ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๐๗
“อืม...”องค์ภุมรินตื่นจากบรรทมเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาที่พระอุระ ลืมพระเนตรขึ้นภาพแม่วิฬารน้อยของพระองค์ก็เข้ามาในคลองจักษุ ชมนาดใช้นิ้วเล็กๆของตนเกลี่ยพระฉวีตรงพระทรวงเล่น น้องน้อยเนื้อตัวมีรอยแดงช้ำ แลผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงน่าเอ็นดูนัก นิ้วเล็กเกลี่ยพระฉวีไม่พอ ยังสะกิดยอดพระถันของพระภัสดาเข้าให้อีก
“คิกๆ...อ๊ะ”เสียงหัวเราะคิกคักราวกลั่นแกล้งนั่นช่างน่านัก พระหัตถ์อุ่นเลื่อนลงไปบีบแก้มก้นนุ่มจนเจ้าชมนาดสะดุ้งตกใจ
“จักทำอย่างไรกับวิฬารน้อยจอมซนดี หืม”ตรัสแล้วก้มพระพักตร์ลงมาหอมที่ผมนุ่มไม่เป็นทรง
“..ฝ่าบาท ตื่นแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามเสียงหวาน มือน้อยหยุดแกล้งพระภัสดา ย้ายมากุมพระหัตถ์ข้างที่มิได้กอบกุมก้นนุ่มของตน
“แล้วเจ้าเล่าตื่นนานแล้วหรือ”
“..สักครู่แล้วพระเจ้าค่ะ”
“....ค่ำนี้พี่จักต้องไปร่วมเสวยกายาหารเช้ากับเหล่าขุนนางแลบุตรธิดาที่ท้องพระโรงน้องต้องไปกับพี่หนา”
“พระเจ้าค่ะ”
“...แลเรื่องแม่นางปิ่น”ทรงเกริ่นลองเชิงพระสนม ชมนาดน้อยนิ่งชะงักดึงมือออกจากพระหัตถ์ ขืนกายบางออกจากพระภัสดา ยันกายลุกขึ้นนั่งหันหลังให้ องค์ภุมรินรีบลุกตามเมียรักพระกรโอบร่างนุ่มนิ่มอย่างเอาอกเอาใจ
“.....”
“...เล่าให้พี่ฟังได้หรือไม่ว่าเกิดกระไรขึ้น ต่อให้เจ้าผิดพี่ก็จักกลับเป็นถูก”
“ว่ากระไรเยี่ยงนั้นพระเจ้าค่ะ ทรงเป็นถึงเจ้าหลวงเจ้าแผ่นดิน”
“...ก็นี่เมียรักนี่จ๊ะ”
“...หม่อมฉันเรียนการบ้านการเรือนอยู่ที่ศาลาริมสระหลวง คุณท้าวท่านป่วยหม่อมฉันจึงอยู่ที่ศาลาริมสระหลวงผู้เดียว แลแม่ปิ่นนางขอเข้าเฝ้า.....”ใบหน้าหวานเอียงซบพระอุระเปลือย
.
.
.
“นางบอกกับหม่อมฉันว่าตำแหน่งพระชายาของพระองค์...มิใช่หม่อมฉันดอกพระเจ้าค่ะแลยังบอกอีกว่าให้ระวังตัวไว้ จักเสียใจไม่รู้ตัว....หม่อมฉันมิได้ใคร่อยากตำแหน่งพระชายาของพระองค์ แค่ตำแหน่งพระสนมเอกในตอนนี้ก็มากเหลือแล้ว แต่...หม่อมฉันคงขาดใจหากพระองค์รักใครอีกคน”เสียงหวานเศร้าสร้อย นัยน์ตากวางคลอน้ำจนพระภัสดาใจหาย
“....น้อง”พระกรโอบกอดไหล่เล็ก ลูบหัวลูบหางปลอบ
“ทุกวันนี้ที่พระองค์ประทานให้หม่อมฉันก็เป็นพระมหากรุณายิ่งแล้ว หม่อมฉันคงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องหากพระองค์จักรัก หรือ รับนางสนมเพิ่ม แม้กระทั่งให้ผู้อื่นเคียงพระวรกายหม่อมฉันก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้อ....”
“ไม่...พี่จักมิรับใครหน้าไหนมาเป็นเมียทั้งนั้น พี่จักมีแค่น้องแค่เจ้าผู้เดียวเจ้าชมนาด จักมีแค่เจ้าที่จักได้ยืนเคียงข้างพี่ มิร้องหนาเมียจ๋า”
“...ฮึก หม่อมฉัน”วาดแขนกอดพระศอ บีบน้ำตาให้ไหลนองปรางใสจนเปียกพระอุระ แม่นางปิ่นเจ้ามีมารยา ข้าก็มีเช่นกัน แลดูซิ...พระภัสดาจักทรงเชื่อใคร เจ้า หรือ เมียรักเยี่ยงข้า
“พี่รักเจ้าหนาชมนาด จักมิมีผู้ใดมาแทนที่เจ้าคนดี มิต้องกลัวไปดอก เชื่อพี่หนา”
“ฮึก หมะ หม่อมฉันจักเชื่อพระองค์พระเจ้าค่ะ ภุมริน”ขานนามพระภัสดาแลช้อนดวงตาคลอน้ำขึ้นสบพระเนตร พระพักตร์งามโน้มมาใกล้แนบพระโอษฐ์ประกบจูบปลอบประโลมพระสนม พระชิวหาเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่ม จูบซับที่กลีบปากน้องอย่างรักใคร่ พระหัตถ์ก็ลูบแผ่นหลังเนียนปลอบ แลบทรักเร่าร้อนก็เริ่มดำเนิน ภมรภู่รังแกเจ้าดอกข้าวใหม่จนกลีบช้ำ ส่งกลิ่นยั่วเย้าอารมณ์ดิบ
.
.
.
กว่าจักได้ออกจากห้องบรรทมอาทิตย์ก็อัสดงไปเสียแล้ว ชมนาดนั่งให้เหล่านางข้าหลวงช่วยแต่งกายให้ จมูกโด่งรั้นระบายลมหายใจยังมิหายเหนื่อย พระภัสดาทรงเอาแต่พระทัยนัก
“...เจ้าชมนาด”พระสุระเสียงเอ่ยเรียกเมียรัก
“....”แม่วิฬารน้อยทำเพียงปรายตามองพระวรกายสูงใหญ่ของพระภัสดา ก่อนจักเบือนหน้าหนีให้นางข้าหลวงทาชาดที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มให้
“ยังเคืองพี่อยู่อีกหรือเจ้า”
“...หม่อมฉันบอกว่าพอ เหตุใดพระองค์จึงมิหยุด”
“..ก็ พี่อดใจมิไหวเจ้ามันน่ารังแกน้อยเสียเมื่อไหร่”บทสนทนาของสองพระองค์ทำเอานางข้าหลวงทั้งหลายหน้าแดงก่ำเห่อร้อน ใช่ว่าจักไม่เห็นร่องรอยรักที่องค์ภุมรินทิ้งไว้บนพระวรกายบอบบาง
“...เสร็จแล้วเพคะ”นางข้าหลวงสาวนางหนึ่งกล่าวเมื่อลงเครื่องพระสุคนธ์เรียบร้อยแล้ว
“ขอบใจจ้ะ”กล่าวขอบคุณพลางตบเบาๆที่หลังมือนางข้าหลวงสาวแลยิ้มให้
“พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด”องค์ภุมรินรับสั่ง
“เพคะ”
“เจ้าชมนาดเคืองพี่มากหรือเจ้า”หลังจากที่นางข้าหลวงสาวออกไปจนหมด พระวรกายทรุดนั่งคุกเข่าโอบกอดเอวบางของน้องน้อย พระพักตร์งามซบที่หน้าท้องแบนราบ
“...ฝ่าบาทรังแกหม่อมฉัน”
“โธ่ พี่รักดอก”
“..เอาเถิดพระเจ้าค่ะ ทำเพราะรักหม่อมฉันก็มิเคืองดอก”แขนเล็กกอดรอบพระอังสะตอบ ซบใบหน้าสวยลงบนพระเศียร
“น่ารักกระไรเยี่ยงนี้”เงยพระพักตร์ขึ้นป้อนจูบให้พระสนมที่หัวเราะน้อยๆ
.
.
.
“เจ้าหลวงแลพระสนมเอกเสด็จ”เสียงนายทวารกล่าว บรรดาขุนนางแลบุตรธิดาต่างหมอบกราบขนาบสองฝั่งของท้องพระโรงยามสองพระองค์เสด็จผ่านขึ้นประทับบนแท่นประทับ
“..ฝ่าบาท ขุนนางมากเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”เป็นคราแรกที่เจ้าชมนาดได้เสด็จพร้อมเจ้าหลวงทำให้ตื่นกลัวไม่น้อย
“..ใจเย็นๆหนา มิมีกระไรดอก”ประคองร่างบางเสด็จไปตามพรมนุ่มที่ปูยาวจนถึงแท่นประทับ
“พระเจ้าค่ะ”
เมื่อองค์ภุมรินเสด็จขึ้นประทับพร้อมพระสนม ข้าหลวงก็ลำเลียงสำรับพระกายาหารขึ้นถวาย
“ฝ่าบาทเพคะ ประเดี๋ยวบุตรีของท่านเสนาบดีฝ่ายขวาจักร่ายรำประกอบดนตรีถวายเพคะ”คุณท้าวกราบทูล
“แม่ปิ่นน่ะหรือ”
“เพคะ”
“แลคุณท้าวหายไข้แล้วหรือจ๊ะ”เจ้าชมนาดไถ่ถามเมื่อเห็นคุณท้าวกลับมารับใช้ตามเดิม
“ทุเลาแล้วเพคะ”
“แล้วเหตุใดไม่พักให้หายขาดเสียก่อนเล่าจ๊ะ”
“มิได้เพคะ นี่ก็ดีขึ้นมากโขแล้ว หม่อมฉันใคร่อยากถวายงานรับใช้พระสนมเพคะ”
“โธ่ คุณท้าว”มือน้อยประคองมือคุณท้าวไว้บีบนวดเบาๆให้จนคนแก่ยิ้มแก้มปริ น่ารักน่าชังกระไรเยี่ยงนี้
“....”
“คุณท้าวต้องอยู่กับข้าไปนานๆหนาจ๊ะ”
“เพคะ หม่อมฉันจักอยู่รับใช้พระสนมไปอีกนานเพคะ”
“หึหึ เอาล่ะ น้องมาเสวยเถิด แลคุณท้าวก็ทานเยอะหนา”รับส่งพร้อมแย้มพระโอษฐ์อย่างพระทัยดี
“เพคะ”
“เจ้าชมนาด”ตรัสเรียกเมื่อน้องน้อยเริ่มลงมือปรนนิบัติพระองค์
“พระเจ้าค่ะ”เงยดวงหน้าหวานขึ้น
“ดื่มโอสถก่อนหนา”
“พระเจ้าค่ะ”รับโอสถกลิ่นฉุนถ้วยใหญ่มาจิบ ครั้นเสียงดนตรีดังขึ้นเรียกสายพระเนตรให้ทอดมองไปยังท้องพระโรงเบื้องหน้า ร่างอรชรของบุตรีเสนาบดีฝ่ายขวาขยับร่ายรำอย่างชดช้อย ใบหน้างามแย้มยิ้มสะกดทุกสายตา ช้อนดวงตางามขึ้นมองพระพักตร์ชายสูงศักดิ์ ออกท่าทางร่ายรำตามจังหวะดนตรี
“แค่กๆๆๆ”
“น้อง...ค่อยๆหนา”ผินพระพักตร์กลับมาทันทีที่ร่างบางข้างกายไอโขลกๆ โอสถในถ้วยแทบจักไม่พร่องลงไป
“แค่กๆๆ ฝ่าบาท ขมเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอ่ยออดอ้อน เอนกายให้ใกล้พระภัสดายิ่งขึ้น ดวงตาแดงคลอน้ำ
“ฝืนดื่มหน่อยหนาชมนาดจ๋า”โอบร่างน้อยไว้หลวมแลประคองป้อนโอสถให้เมียรัก
“มันขมแลฉุนเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”
“ทนหน่อยหนา ดื่มให้หมด...หนาคนดี”ประเหลาะราวกับเด็กน้อย
“...ก็ได้พระเจ้าค่ะ”ว่าแล้วก็ค่อยๆดื่มโอสถจนหมดถ้วยโดยมีพระภัสดาช่วยประคองป้อน ลำพังโอสถรสขมฉุนนี่ ชมนาดดื่มได้สบาย เพราะมิใช่คนกินยายาก แต่มิใคร่อยากให้พระภัสดาสนใจสตรีที่ร่ายรำอยู่เบื้องหน้าต่างหาก ถึงได้เรียกร้องความสนใจทำเป็นว่าดื่มโอสถมิได้
“เก่งมากคนดี”กดจูบที่ขมับขาวเป็นรางวัล
“แต่รสโอสถยังขมติดในปากหม่อมฉันอยู่เลยพระเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ หากอยู่ในห้องบรรทมพี่คงต้องขอชิมสักหน่อยว่าปากเจ้าขมจริงหรือไม่”หยอกเย้าจนชมนาดแก้มแดงระเรื่อ
“ฝ่าบาท ไฉนเลยจึงทะลึ่งตึงตังนักพระเจ้าค่ะ”
“ฮ่าๆๆ รักดอกจึงหยอกเล่น ทานขนมหวานล้างปากหน่อยหนาจักได้ดีขึ้น”
“พระเจ้าค่ะ”ขานรัตอบแลอ้าปากรับทองหยอดรสหวานฉ่ำ ก่อนจักดื่มพระสุธารสลอยดอกมะลิกลั้วปาก เมื่อเงยหน้าขึ้นการร่ายรำของบุตรสาวเสนาบดีฝ่ายขวาก็จบลงพอดี ชมนาดเหยียดยิ้มเมื่อพระภัสดามิได้ชมการแสดงเลยเพราะมัวแต่เอาอกเอาใจตน แม่ปิ่นเมื่อเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยจากพระสนมที่ประทับเคียงพระวรกายเจ้าหลวงก็หน้าตึง มือบางกำแน่น ก่อนจักค่อยๆแย้มยิ้มเมื่อตนจักต้องขึ้นไปรับรางวัลสำหรับการร่ายรำที่จบไปกับมือเจ้าหลวง ร่างอรชรหมอบคลานเข้ามาใกล้แท่นประทับจนมาอยู่เบื้องหน้าเจ้าหลวง
“คุณท้าวช่วยเอาห่อรางวัลนี่ให้นางรำที”พระสุระเสียงกล่าวทำให้แม่นางปิ่นเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่ประทานให้นางกับพระหัตถ์ แต่ก็ต้องคลายความสงสัยเมื่อเหลือบไปเห็นพระสนมที่จ้องมองลงมาพร้อยรอยยิ้มน้อยๆที่มุมพระโอษฐ์ คนอื่นอาจจะมองรอยยิ้มของเจ้าชมนาดว่าช่างพระทัยดีมีเมตตา แต่หากมองตรงมุมของแม่นางปิ่นก็จักเห็นได้ว่ารอยยิ้มนั่นมันเยาะเย้ยกันชัดๆ
“..ขะ ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท...พระสนม”
“มิเป็นไรดอก เจ้าร่ายรำได้งดงามนัก...เสียดายพระภัสดามิได้ชมเลย”
.
.
.
“กรี๊ดดด! เจ้าชมนาด”กรีดร้องด้วยความคับแค้นใจ มือบางกำห่อรางวัลแน่น ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความแค้น เอาเถิดคอยดูหนา เจ้าจักต้องเจ็บยิ่งกว่าข้า
.
.
.
“เป็นกระไรหรือเจ้าชมนาด อารมณ์ดีจริงหนา”องค์ภุมรินตรัสถามพระสนมที่มีรอยยิ้มที่มุมปากตลอดเวลา
“มิมีกระไรดอกพระเจ้าค่ะ อ่า ฝ่าบาทเสวยพระสุธารสร้อนลอยดอกมัลลิกาหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ จักได้บรรทมสบาย”ประคองถ้วยน้ำร้อนถวายพระภัสดา ใบหน้างามแต่งแต้มรอยยิ้ม จนองค์ภุมรินยิ้มตาม
“ขอบใจจ้ะ”
“เป็นเยี่ยงไรพระเจ้าค่ะ”
“อืม หอมมากเลยน้อง ราตรีนี้พี่คงหลับสบาย”
“พระเจ้าค่ะ..อ๊ะ”เจ้าชมนาดนิ่วหน้า มือเล็กกุมท้องน้อยตัวเองพลางงอตัว
“เป็นกระไรน้อง!!”ผวาเข้าประคองเมียรัก
“หมะ หม่อมฉัน..จะ เจ็บท้องพระเจ้าค่ะ”ใบหน้าสวยเหยเก ริมฝีปากงามเม้มแน่นจนซีดขาว
“นางข้าหลวง!! นางข้าหลวง!! ตามหมอหลวงที”รั้งร่างคนเป็นเมียเข้ามากอด ไม่นานหมอหลวงสี่นายก็เข้ามาในห้องบรรทม
“ถวายบังค....”
“มิต้อง!! รีบมาดูเจ้าชมนาดประเดี๋ยวนี้”
“พะย่ะค่ะ”หมอหลวงสี่คนเข้าทำการตรวจพระวรกายของพระสนม องค์ภุมรินทำได้เพียงยืนประทับอยู่ห่างๆ ทอดพระเนตรมองแม่วิฬารน้อยที่นอนหน้าเหยเกอยู่บนพระแท่นบรรทม หมอหลวงจับชีพจรพลิกนู้น ตรวจนี่จนพระองค์ร้อนพระทัย ด้วยเกรงว่าสนมเมียรักจักเป็นกระไรร้ายแรง
“เป็นอย่างไรบ้างหมอหลวง”
“พระทัยเย็นก่อนหนาพะย่ะค่ะฝ่าบาท พระสนมมิได้เป็นกระไรพะย่ะค่ะ ที่ทรงเจ็บพระอุทรนั่นเกิดจากผลข้างเคียงของพระโอสถที่เสวยเข้าไปพะย่ะค่ะ”
“ผลข้างเคียงของโอสถหรือ”
“พะย่ะค่ะ”
“เยี่ยงนั้น..ยาที่แม่เฒ่าปรุงได้ผลหรือ”พระโอษฐ์เผยรอยยิ้มน้อย
“พะย่ะค่ะ พระวรกายของพระสนมจักค่อยๆปรับให้เหมาะสม มิมีกระไรอันตรายพะย่ะค่ะ”
“งั้นหรือ...โอสถได้ผลหรือ”
“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“หึหึหึ ขอบใจๆ ขอบใจมากหมอหลวง”
“มิได้พะย่ะค่ะ”
เมื่อหมอหลวงออกไป องค์ภุมรินก็เข้ามาประทับข้างร่างน้อยที่นอนตะแคงข้าง มือกุมท้องน้อย ใบหน้างามซีดขาวชื้นเหงื่อ
“เจ้าชมนาด....เจ้าชมนาด....เมียรักของพี่”ลูบผมนุ่มปลอบ พระโอษฐ์พรมจูบหอมใบหน้างาม ทรงดีพระทัยนัก
.
.
.
“เฮ้อ”เจ้าชมนาดพ่นลมหายใจด้วยความอ่อนเพลีย เข้าฤดูร้อนแล้วอากาศอบอ้าวนัก
“เป็นกระไรไป หืม เจ็บท้องอยู่อีกหรือ”ตรัสถามด้วยความห่วงใย
“มิเจ็บท้องแล้วพระเจ้าค่ะ แต่หม่อมฉันร้อนเหลือเกิน อากาศช่างอบอ้าวนัก”
“นั่นสิอากาศอบอ้าวนัก เยี่ยงนั้นเจ้าใคร่อยากไปน้ำตกหรือไม่”เอาอกเอาใจเมียเสียยิ่งกว่ากระไร
“ใคร่ไปพระเจ้าค่ะ พระองค์จักพาหม่อมฉันไปหรือพระเจ้าค่ะ”ถามด้วยดวงตาพราวแสงน่าเอ็นดู
“หากเจ้าใครไปพี่ก็จักพาไปจ้ะ”
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะฝ่าบาท หม่อมฉัน’รัก’พระองค์ที่สุดเลยพระเจ้าค่ะ”
“ว่ากระไรหนาเจ้าชมนาด”
“หม่อมฉันรักพระองค์ที่สุดเลยพระเจ้าค่ะภุมริน”
“ฮ่าๆๆๆ พี่รอคำนี้จากปากเจ้ามานานนักเจ้าชมนาด”ตวัดพระกรกอดรัดร่างบางอย่างดีพระทัย
“หม่อมฉันขอประทานอภัยโทษพระเจ้าค่ะที่ให้ฝ่าบาทรอ”
“ฝ่าบาทกระไรกัน เรียกพี่สิเจ้า”
“...เสด็จพี่”
“ฮ่าๆๆๆ นั่นแล อ่า..มีความสุขกระไรเยี่ยงนี้”พระหัตถ์วางทาบลงบนหน้าท้องแบนราบของพระสนม พระพักตร์แต้มรอยยิ้มจนเจ้าชมนาดยิ้มตาม
“หึหึหึ ทรงมีความสุขมากหรือพระเจ้าค่ะ”จักต้องเป็นหม่อมฉันคนเดียวเท่านั้นที่จักทำให้พระองค์มีความสุข
“แน่นอน อ่า..พี่มีกระไรจักให้น้อง”เสด็จไปที่โต๊ะเครื่องพระสุคนธ์เปิดลิ้นชักแลหยิบพระธำมรงค์ทองประดับนพรัตน์ออกมา แลเสด็จกลับมาหาพระสนมที่นั่งคอยอยู่ที่ปลายพระแท่นบรรทม
“กระไรหรือพระเจ้าค่ะ”
“ธำมรงค์นี่เป็นของที่พี่จักประทานให้แก่คนที่จักขึ้นเป็นพระชายา”ประทับข้างๆเจ้าชมนาดแลยกน้องน้อยให้นั่งบนพระเพลา ทอดพระเนตรมองใบหน้าด้านข้างของเจ้าชมนาดแลยื่นพระพักตร์เข้าไปจรดพระนาสิกกับปรางค์นวล
“นพรัตน์ แก้วเก้าประการ งามเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”
“...มันเป็นของเจ้า”
“ของหม่อมฉัน?”
“ใช่ ของเจ้าชมนาด”
“แต่ผู้ที่จักได้เป็นพระชายาเท่านั้นมิใช่หรือพระเจ้าค่ะที่จักได้ครอบครองธำมรงค์นพรัตน์วงนี้”
“พี่เคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือ..ว่าเจ้าเท่านั้นที่จักได้ขึ้นเป็นชายาของพี่”
“...เสด็จพี่”ครางเครืออย่างตื้นตันใจ
“มาพี่จักสวมให้”ประคองมือน้องขึ้นแผ่วเบา ค่อยๆสวมธำมรงค์นพรัตน์ลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเมียรัก ธำมรงค์นี้ช่างพอดีกับนิ้วของเจ้าชมนาดราวๆกับเป็นเจ้าของ
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...พระมหากรุณาล้นพ้นนัก”พนมมือกราบลงบนพระอุระ ดวงตาจ้องมองแหวนงามบนนิ้วตนแลอมยิ้มอย่างตื้นตันแขนเล็กโอบกอดพระวรกายของพระภัสดาด้วยความรักที่แทรกซึมเข้ามาในใจ พระกรก็โอบกอดร่างแน่งน้อยตอบอย่างรักใคร่
.
.
.
“คุณท้าวไปกับข้าไหมจ๊ะ”เอ่ยถามคนแก่ ชมนาดในชุดเสื้อผ้าฝ้ายคอตั้งแขนกระบอกสีม่วงดอกตะแบกแลโจงกระเบนสีบัวโรยนั่งอยู่ที่ศาลาหลวงริมสระ มือน้อยจัดแต่งดอกไม้ใส่แจกันเตรียมถวายพระในตำหนักศาสน์
“หม่อมฉันก็ใคร่อยากจะตามไปถวายงานรับใช้หนาเพคะ แต่ร่างกายมิค่อยจักสู้ดีนักเพคะ”คุณท้าวตอบ
“นั่นสิ เยี่ยงนั้นคุณท้าวพักผ่อนอยู่ที่วังหลวงนี่ดีกว่า”
“ขอบพระทัยเพคะพระสนม”
“จ้ะ คุณท้าวก็ต้องรักษาตัวให้หายป่วยเร็วๆหนา อย่าลืมที่สัญญาว่าจักอยู่กับข้าไปนานๆหนา”เพราะไม่มีแม่มาตั้งแต่ยังน้อย เจ้าชมนาดถึงได้รักคุณท้าวที่เปรียบเสมือนญาติผูใหญ่มาก
“เพคะพระสนม”
“จักไปไหนกันหรือเพคะ”เสียงหวานเอ่ยแทรกขึ้นกลางปล้องมิต้องหันไปดูชมนาดก็รู้ว่าเป็นใคร
“บังอาจนักแม่ปิ่น ยังมิถวายความเคารพพระสนมอีก”คุณท้าวเอ็ดอย่างไม่พอใจ
“มิเป็นไรดอกคุณท้าว”
“มิได้เพคะ จักได้รู้ที่ต่ำที่สูง”คุณท้าวว่า
“หึหึหึ ปล่อยนางเถิด เรื่องเล็กๆน้อยๆเพียงนี้ยังคิดมิได้ ก็มิควรฝันเฟื่องถึงตำแหน่งพระชายาว่าไหมคุณท้าว”
“พระสนม!!”
“มันจะมากไปแล้วแม่ปิ่นกล้าขึ้นเสียงกับพระสนมเชียวหรือ”
“มิใช่กงการของคุณท้าว มิต้องสอดจักได้ไหม”หันมาตวาดใส่ข้าหลวงเฒ่า
“แม่ปิ่น คุณท้าวท่านแก่กว่าเจ้ามากนัก ระวังเถิดนรกจักกินกบาลเจ้า”
“หึ ก็แค่ขี้ข้าในวังหลวง หากข้าได้เป็นพระชายามันก็ต้องรับใช้ช้าอยู่ดี”
“หรือจ๊ะ เจ้าแน่ใจหรือว่าจักได้เป็นพระชายาของเจ้าหลวง โถ ข้าสงสารนางเหลือเกินคุณท้าว”
“ว่ากระไรนะ”
“แม้แต่สนมก็ยังมิได้เป็นเจ้าฝันเฟื่องถึงตำแหน่งพระชายาเชียวหรือ”
“...”
“หากเจ้าใคร่อยากจักขึ้นเป็นพระชายา ก็มาถอดเอาพระธำมรงค์นพรัตน์ที่นิ้วข้าไปให้ได้ก่อนเถิดแม่”เหยียดยิ้มพลางใช้มือข้างซ้ายหยิบดอกเบญจมาศส่งให้บุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวา
“.....”แม่ปิ่นจ้องมองพระธำมรงค์นพรัตน์บนพระอนามิกาข้างซ้ายของพระสนมอย่างตกตะลึง พระธำมรงค์นพรัตน์ผู้ที่ได้ขึ้นเป็นชายาเจ้าหลวงเท่านั้นที่จักได้ครอบครอง
“ดอกทองนี่ข้าประทานให้แม่หนา.....คุณท้าวไปกันเถิดจ้ะใกล้เวลาที่เสด็จพี่ภุมรินจักกลับจากว่าราชการแล้ว ข้าจักเตรียมถวายการปรนนิบัติ คุณท้าวให้ข้าหลวงเอาแจกันไปถวายพระที่ตำหนักศาสน์ให้ข้าทีหนา”จับเบญจมาศดอกโตใส่มือหญิงสาว แลสั่งงานคุณท้าวด้วยรอยยิ้ม
“.....เจ้าชมนาด”กัดฟันด้วยความแค้น เหตุใดข้าจักต้องพ่ายแพ้ให้แก่มัน
.
.
.
“ฝ่าบาทบุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวาขอเข้าเฝ้าเพคะ”คุณท้าวกราบทูล เจ้าชมนาดที่ปรนนิบัติป้อนพระกายาหารพระภัสดาชะงักค้าง
“หากเจ้ามิใคร่โปรดพี่จักปฏิเสธนางเสีย”
“มิได้พระเจ้าค่ะ ให้นางเข้าเฝ้าเถิด”
“เอางั้นหรือ”
“พระเจ้าค่ะ...คุณท้าวให้นางเข้ามา”
“เพคะ”
“ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท...พระสนม”
“มาเข้าเฝ้าข้ามีกระไรหรือแม่”
“หม่อมฉันนำแกงสายบัวกะทิมาถวายฝ่าบาทเพคะ”
“คราหน้ามิต้องลำบากดอก กับข้าวกับปลาในวังมีเยอะแล้ว”
“มิเป็นไรเพคะ หม่อมฉันใคร่อยากถวาย”
“คุณท้าวยกมาสิจ๊ะ”เป็นเจ้าชมนาดที่สั่งให้ยกถ้วยแกงสายบัวขึ้นสำรับ
“เพคะ”คนแก่ว่าแลยกขึ้นถวาย
“อืม...อุ๊บ”มือเล็กเปิดฝาถ้วยแลสูดกลิ่นกะทิหอม ก่อนจะแสร้งปิดฝาลงแลยกมือขึ้นปิดปาก
“เจ้าชมนาดเป็นกระไรน้อง”
“เหม็นพระเจ้าค่ะ..หม่อมฉันเหม็นแกงสายบัว”
“เหม็นหรือ..พี่ก็ว่าไม่นี่จ๊ะ”
“อุ๊บ...”แสร้งทำท่าจักอาเจียน
“คุณท้าวนำแกงนี่ไปเททิ้ง”รับสั่งเสียงกร้าวเมื่อพระสนมตัวน้อยดูผะอืดผะอมนัก แม่ปิ่นเบิกตากว้างเจ็บปวดนัก ทั้งที่ยังมิได้แตะแกงของนางเลย
“..เสด็จพี่”เจ้าชมนาดแสร้งทำตัวอ่อนซบพระอุระ
“ให้พี่ตามหมอหลวงไหมเจ้า หืม”ตรัสถามอย่างอ่อนโยนใช้ผ้าซับพระพักตร์ซับเหงื่อตามใบหน้างามของเมีย
“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ คงเป็นผลข้างเคียงของโอสถอย่างที่เคย”
“งั้นหรือ เจ้าแน่ใจหนา”
“พระเจ้าค่ะ...แม่ปิ่นข้าต้องขอโทษจริงๆหนา เอาเยี่ยงนี้วันพรุ่งข้าแลพระภัสดาจักประพาสน้ำตก เจ้าก็ไปด้วยกันเถิดนะแม่ถือเสียว่าข้าไถ่โทษที่ทำให้แกงเจ้าถูกเทขว้าง”กล่าวแลยิ้มให้
“ให้นางไปกับเราหรือ”ตรัสถามในขณะที่พระหัตถ์ยังถือยาดมยาหอมจ่อที่จมูกเมีย
“พระเจ้าค่ะ ให้นางไปกับเราหนาพระเจ้าค่ะ น้องรู้สึกผิดเหลือเกิน”
“ว่ากระไรอย่างนั้น ก็เจ้าเหม็นแกง”
“เยี่ยงนั้นก็เถิด หนาพระเจ้าค่ะ”
“ก็ได้จ๊ะ ก็ได้พี่ตามใจเจ้า”
“เยี่ยงนั้นไปด้วยกันหนาแม่”
“เพคะ...ขอบพระทัยเพคะ”
“มิเป็นไรดอก...เจ้าไปด้วยข้าคงสนุกน่าดูแล”
**************************************************************************