ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗  (อ่าน 105531 ครั้ง)

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
รีบๆปราบกบฏเร็วๆหนาเจ้าหลวง   :pig4:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โถ่ น่าสงสารเจ้าชมนาดแท้ๆ

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑๑


   สิบกว่าวันเข้าให้แล้วที่เจ้าชมนาดออกจากจากวังหลวง แลอีกห้าวันจักมีพิธีสถาปนาพระชายาในองค์ภุมริน เจ้าหลวงแห่งแคว้นภุมริกา ในวังหลวงคงจักยุ่งกับการเตรียมพิธีการ แลองค์ภุมรินก็คงจักยุ่งกับราชกิจมากมาย พระองค์จักคิดถึงหม่อมฉันบ้างไหมหนอ คิดแล้วเจ้าชมนาดก็ยกซับพระพักตร์กดที่หัวตา ให้เนื้อผ้านุ่มนิ่มดูดซับน้ำตาของความคิดถึง ห่วงหาอาทรให้หายไป

“พระสนมเพคะ เย็นแล้วสรงน้ำเถิดเพคะ ประเดี๋ยวอากาศจักหนาว”

“จ้ะ”ลุกขึ้นเสด็จไปที่ท่าน้ำโดยมีอุ่นแลข้าหลวงคนสนิทประคองไม่ห่าง


   เจ้าชมนาดนุ่งเพียงผ้าแถบคาดอกผืนบางสีขาวแลโจงกระเบนสีเดียวกันประทับนั่งลงที่ท่าน้ำ อุ่นแลนางข้าหลวงคนสนิทคุกเข้าประกบข้าง ใช้ขันเงินแท้ตักน้ำในคลองขึ้นรดพระวรกายบอบบาง เจ้าชมนาดห่อไหล่ด้วยความหนาว

“เร่งมือเข้า ประเดี๋ยวพระสนมจักประชวร”อุ่นว่า

“เจ้าค่ะ”ข้าหลวงสาวพยักหน้ารับก่อนจะลูบไล้ผิวกายของเจ้าชมนาดด้วยมะขามเปียกแลเกลือเนื้อละเอียด

“ข้าได้กลิ่นมะขามนี่แลใคร่อาเจียนนัก”ว่าด้วยสีหน้าผะอืดผะอม

“เยี่ยงนั้นเปลี่ยนเป็นขมิ้น ดินสอพองไหมเพคะ”ว่าแล้วก็ตักน้ำล้างคราบมะขามที่ติดผิวนุ่มออก

“อืม”

“เป็นเยี่ยงไรเพคะ ใคร่อาเจียนอยู่หรือไม่”

“...มิได้ดีขึ้นสักเท่าใด...มิเป็นไร พวกเจ้าช่วยเร่งมือหน่อยก็แล้วกันหนา”

“เพคะ”รับคำสั่งแล้วไล้ขมิ้นดินสอพองตามเรียวแขนเล็กเสลา


ซ่า ซ่า ซ่า


สายน้ำช่วยชำระคราบขมิ้นดินสอพองออกจากผิวขาวจนหมดจด ประคองกายเล็กขึ้นยืนก่อนจักใช้ผ้าซับพระองค์ซับหยดน้ำบนฉวีขาวผ่อง คลุมไหล่เล็กด้วยซับพระองค์แลเสด็จขึ้นเรือน อุ่นแลนางข้าหลวงคนสนิทแต่งองค์ให้พระสนมที่ตอนนี้หน้าซีดหน้าเซียว มือเล็กยกยาหอมขึ้นจรดจมูกตัวเองสูดดมเฮือกใหญ่


กุบกับ กุบกับ


เสียงม้าดังราวกับมีผู้มาเยือน อุ่นแต้มน้ำปรุงที่แอ่งชีพจรให้แล้วจึงถอยออกมานั่งพับเพียบที่พื้น เจ้าชมนาดผินหน้าไปทางบานหน้าต่าง แต่พระวิสูตรที่ปิดอยู่ ทำให้มิอาจมองเห็นภายนอกได้

“มีใครมาหรืออุ่น”

“มิทราบเพคะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักไปดูให้หนาเพคะ”

“อืม”พยักหน้าก่อนจะย่างก้าวไปที่บานหน้าต่าง มือเล็กเลื่อนพระวิสูตรออก มองไปด้านนอก เห็นเพียงกลุ่มควันสีขาวจากคบเพลิงที่จุดอยู่ ทหารยามตามปกติเท่านั้น


แอ๊ด


เสียงเปิดพระทวารดังขึ้นเรียกให้เจ้าชมนาดผินกายกลับไปมอง

“อุ่น..ใครมาหรื.....”นัยน์ตากวางเบิกกว้าง มือเล็กปล่อยยาหอมลงพื้นจนกลิ้งไปหยุดอยู่ที่พระบาท

“ชมนาด”พระสุระเสียงทุ้มต่ำตรัสเรียกเมียรักด้วยความโหยหา

“สะ เสด็จพี่”ฝันหรือเหตุใดองค์ภุมรินจึงมาประทับอยู่ตรงหน้าที่นี่

“อะ...เจ้าชมนาดวิ่งทำไม ท้องอยู่หนา”พระกรโอบกอดร่างแน่งน้อยที่วิ่งเข้ามาสวมกอดพระวรกายกำยำ ใบหน้างามซบลงบนพระอุระ แขนเรียวเสลากอดพระกฤษฎีเสียจนแน่น

“ฮึก..เสด็จพี่ เสด็จพี่”เสียงหวานเจือสะอื้นพร่ำเรียกหาแต่พระภัสดา

“...พี่มารับเจ้าแล้วหนาคนดี”ตรัสที่ข้างใบหูเล็ก กดพระโอษฐ์จูบปรางค์ขาวซ้ำๆ

“ฮึก เสด็จพี่ ฮือ”กอดพระวรกายของพระภัสดาแน่นราวกับกลัวว่าจะเป็นเพียงแค่ความฝัน หากคลายมือจักหายไป

“ไม่ร้องหนาเจ้า พี่มาแล้ว”

“อึก...หม่อมฉันคิดถึง ฮึก เสด็จพี่เหลือเกินพระเจ้าค่ะ”

“พี่ก็คิดถึงเจ้าแทบขาดใจแล้ว”

“ฮือออ”

“หยุดไห้ก่อนหนา ประเดี๋ยวลูกจักงอแง”พระดรรชนีปาดน้ำตาให้อย่างเอ็นดู

“ฮึก...พระเจ้า...ฮึก..ค่ะ”กลั้นสะอื้นพลางเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์งามของพระภัสดา

“ชมนาด”กดพระนาสิกที่หน้าผากเนียน พระโอษฐ์กดจูบที่กลีบปากนุ่มที่เผยอรอ ป้อนจูบหวานให้อย่างอ่อนโยน พระหัตถ์อุ่นข้างหนึ่งประคองใบหน้าหวานของสนมเอกไว้ แลอีกข้างเกาะเกี่ยวเอวบางให้แนบชิดพระวรกาย


...
..
.


“เสด็จพี่เดินทางเหนื่อยหรือไม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดเอ่ยถามขณะที่นอนซบพระอุระกว้างบนพระแท่นบรรทม

“แค่เห็นหน้าเจ้าพี่ก็หายเหนื่อยแล้วเจ้า”กระชับพระกรโอบร่างเล็กให้แนบพระวรกายมากยิ่งขึ้น เบี่ยงพระพักตร์ไปหาเจ้าชมนาด กดจูบที่กลุ่มผมนุ่ม

“พระโอษฐ์หวานนัก..หม่อมฉันคิดถึงที่สุดพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...ปากเจ้าหรือก็หวานไม่แพ้พี่ดอก”

“...แลที่วังหลวงเป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“ที่วังหลวงวุ่นวายนัก เตรียมพิธีการกันเสียทั้งวัง”

“แลคุณท้าวเล่าพระเจ้าค่ะ สบายดีหรือไม่”

“...คุณท้าวสบายดี แต่บ่นกับข้าแทบทุกวันว่าคิดถึงน้อง”

“หม่อมฉันก็คิดถึงคุณท้าวพระเจ้าค่ะ”

“ลูกเป็นอย่างไรบ้างน้อง...เกเรหรือไม่”

“ยังอยู่ในครรภ์อายุหรือก็แค่สองเดือน จักเกเรได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ”

“เห็นอุ่นรายงานว่า เจ้าแพ้ท้องนัก...เยี่ยงนั้นไม่ว่าลูกเกเรได้อย่างไร หืม”

“คิกๆๆ...พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันแพ้ท้องหนักนัก ได้กลิ่นกระไรก็จักอาเจียนไปเสียหมด”

“อย่าเกเรนักเลยลูก ประเดี๋ยวแม่เจ้าจักแย่เอาหนา”ทรงตรัสแลลูบเบาๆที่หน้าท้องแบนราบของเจ้าชมนาด เจ้าชมนาดวางมือทับพระหัตถ์อุ่นที่ลูบหน้าท้องตนอยู่ ช้อนตามองพระเนตรหวาน ก่อนจะแย้มยิ้มให้พระภัสดา

“...ลูกจักเป็นเด็กดีพระเจ้าค่ะเสด็จพี่”

“หึหึหึ”ขยับพระวรกายรั้งเจ้าชมนาดเข้ามากอดเสียแน่น พระพักตร์ซุกซอกคอขาวสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ติดผิวนวล เจ้าชมนาดเองก็กอดรักพระวรกายใหญ่แน่นเช่นเดียวกัน ใบหน้างามซบที่พระอังสะ ก่อนจะหลับตาพริ้ม ราตรีนี้คงจักหลับฝันดีเป็นแน่ พระภัสดามาแล้ว มาช่วยปัดเป่าฝันร้ายของข้าให้หายไป


...
..
.


รุ่งเช้าข้าหลวงต่างก็เตรียมขบวนเสด็จกลับวังหลวงกันวุ่นวายเสียจนเจ้าชมนาดเวียนเศียร ใบหน้างามผะอืดผะอม ตั้งแต่พระภัสดามาเจ้าชมนาดยังมิมีอาการแพ้ท้องเลยสักครา เห็นทีจักแพ้ก็ตอนนี้แล


อุก อ้วก


มือเล็กคว้าบ้วนพระโอษฐ์มารองใต้คางก่อนจักอาเจียนออกมาเสียจนน้ำตาไหล ปรางค์นวลซีดเซียว พระภัสดาคอยลูบหลังให้ พระขนงองค์ภุมรินขมวดมุ่นด้วยเป็นห่วงเมียแลลูก

“ไหนว่าเป็นเด็กดีไงเจ้า ไหนเลยจึงเกเรเยี่ยงนี้ แม่เจ้าจักแย่เอาหนา”ตรัสกับรัชทายาทในครรภ์

“อย่าดุลูกเลยหนาพระเจ้าค่ะ...หม่อมฉันมิเป็นไรดอก”เจ้าชมนากว่าขณะหอบหายใจ องค์ภุมรินใช้ซับพระพักตร์ซับที่มุมปากให้ หน้าที่อุ่นแลนางข้าหลวงตนสนิท กลายเป็นองค์ภุมรินที่ทำให้เจ้าชมนาดเสียหมด


เมี๊ยว เมี๊ยว


พุดจีบที่นอนอยู่ในตะกร้าหวายรองด้วยผ้าหนานุ่มพร้อมลูกๆอีกสี่ตัวส่งเสียงร้องขึ้น ตั้งแต่เจ้าหลวงเสด็จยังมิได้ทักทายมันเลย

“หืม...ว่าอย่างไรพุดจีบ”ทรงตรัสถามพร้อมแย้มพระโอษฐ์ ทอดพระเนตรเจ้าวิฬารน้อยที่แย่งเต้านมแม่กันอย่างมิมีใครยอมใคร

“หม่อมฉันคิดว่าพุดจีบคงจักได้กลับไปคลอดที่วังเสียอีกพระเจ้าค่ะ ที่ไหนเลยคลอดเมื่อสามก่อนนี่เองพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดทูลก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัววิฬารน้อยทั้งสี่อย่างเอ็นดู

“ดูจากสีเจ้าตัวน้อย พ่อมันคงมิแคล้ววิฬารของสุธีเป็นแน่”วิฬารน้อยสีขาวปลอด มือ เท้า แลจมูกก็เป็นสีชมพูน่ารัก น่าชังนัก

“หรือพระเจ้าค่ะ...หม่อมฉันยังมิเคยเห็นวิฬารของท่านสุธีเลยพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...สุธี”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“เจ้าวิหกลูกชายเจ้า ทำพุดจีบลูกสาวข้าท้องจนมีพยานรักมาถึงสี่ตัว เจ้าจักรับผิดชอบเยี่ยงไรดี...หืม”ตรัสเย้า

“หามิได้พะย่ะค่ะ....เจ้าวิหกสมควรตายนัก”

“กระหม่อมคิดว่าจับกุดหัวเสียทั้งพ่อแลลูกน่าจะดีหนาพะย่ะค่ะ”เป็นมาวินที่เย้าแหย่เพื่อนตน

“คิกๆๆ หากประหารวิหก พุดจีบลูกข้าก็เป็นหม้ายน่ะซี”เจ้าชมนาดว่าอย่างขบขัน

“สงสารวิฬารน้องทั้งสี่นักหากต้องกำพร้าพ่อ หึหึหึ”ตรัสพลางพระสรวล

“ทูลพระสนม หม่อมฉันนำมะดันสดมาถวายเพคะ”อุ่นหมอบคลานเข้ามาพร้อมข้าหลวงห้องเครื่องอีกนาง ก่อนจะถวายผลมะดันที่อยู่ในพานทองให้

“ขอบใจหนาอุ่น ข้ากำลังเวียนเศียรอยู่เชียว”เจ้าชมนาดกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“กระหม่อมได้เก็บมะดันสดกลับวังให้พระสนมด้วยหนาพะย่ะค่ะ จักได้ช่วยแก้อาการแพ้ท้อง”

“ขอบใจมากหนาท่านมาวิน...เสด็จพี่ทรงเสวยไหมพระเจ้าค่ะ”ป้อนลูกมะดันที่เขียวถึงพระโอษฐ์

“...น้อง เหตุใดจึงเปรี้ยวเช่นนี้หนา”คายมะดันในพระโอษฐ์ทิ้ง พระพักตร์เหยเก

“เช่นนี้แลอร่อยนักพระเจ้าค่ะ”ว่าก่อนจะประคองขันพระสุธารสป้อนพระภัสดา

“เปรี้ยวเสียจนเข็ดฟัน”ตรัสก่อนจะทอดพระเนตรเมียรักที่ดูจะอร่อยกับมะดันเสียเหลือเกิน


   มินานพอแดดเริ่มออกขบวนเสด็จก็เคลื่อนกลับวังหลวง องค์ภุมรินประทับอยู่บนเกี้ยวตัวเดียวกับพระสนมเอก คอยดูแลเมียรักตลอดการเดินทาง อีกเพียงห้าวันเท่านั้น หากเรื่องอัปยศพวกนั้นจบ เจ้าชมนาดคงจักมีความสุขมากกว่านี้เป็นแน่ ทอดพระเนตรเมียรักที่ซบใบหน้างามกับพระอุระ เจ้าชมนาดหลับตาพริ้มด้วยความอ่อนเพลีย


...
..
.


   ตะวันลับฟ้า ราตรีมาเยือนขบวนเสด็จก็มาถึงหน้าวังหลวง การรับพระสนมเอกในองค์ภุมรินกลับเข้าวังหลวงนั้นถูกปิดเป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้าชมนาดแลองค์รัชทายาทในครรภ์ เยี่ยงนั้นเจ้าชมนาดจึงต้องเข้าวังหลวงในยามราตรีเท่านั้น ร่างน้อยถูกคลุมด้วยผ้าไหมตั้งแต่ศีรษะจนถึงเอวบาง มือบางกระชับชายผ้าให้ปิดบังใบหน้าตนเหลือเพียงนัยน์ตากวางกลมโต เจ้าชมนาดถูกนำไปที่ตำหนักหลวง ในขณะที่องค์ภุมรินเสด็จไปยังตำหนักทรงงาน เพื่อเลี่ยงความสนใจจากเจ้าชมนาด

“พระสนม...”เมื่อประตูห้องบรรทมปิดลง เจ้าชมนาดก็เปิดผ้าออก คุณท้าวนั่งพับเพียบดวงตาฝ้าฟางทอดมองนายเหนือหัวอย่างยินดี

“คุณท้าว”เจ้าชมนาดรีบรุดเข้าหาหญิงชรา ทรุดนั่งคุกเข่าจับมือเหี่ยวขึ้นเขย่า

“พระสนมเพคะ”

“คุณท้าวเป็นเยี่ยงไรบ้างจ๊ะ สบายดีไหมหนา”

“เพคะ แลพระสนมเล่าเพคะ เป็นเยี่ยงไรบ้าง”

“ข้าสบายดีจ้ะ...แต่เจ้าตัวน้อยเกเรนัก”ว่าด้วยรอยยิ้ม

“หม่อมฉันดีใจเหลือเกินเพคะ มินึกฝันว่าจักมีบุญได้เห็นองค์รัชทายาทของฝ่าบาท”คุณท้าวว่าน้ำตาคลอ

“ว่ากระไรเยี่ยงนั้นหนา คุณท้าวต้องอยู่กับข้าไปอีกนาน”จับมือคนแก่มาวางที่ท้องตน

“...พระสนมทรงพักผ่อนก่อนเถิดเพคะ เดินทางมาไกลนัก”

“จ้ะ”


...
..
.


รุ่งเช้าการเตรียมงานสถาปนาพระชายาในองค์ภมรินก็ดำเนินต่ออย่างวุ่นวาย ยิ่งใกล้วันงานก็ยิ่งวุ่นวายนัก รวมถึงแม่ปิ่นที่วุ่นอยู่กับผ้าที่จักนำมาตัดชุดอภิเษกสมรสของตนแลเจ้าหลวงภุมริน

“งามนัก...”มือบางลูบเนื้อผ้าเบาๆ ใบหน้างามแย้มยิ้มอย่างพอใจ ผ้าซิ่นลายสร้อยดอกหมากงามนัก อีกเพียงสามวันสิ่งที่รอคอยมาทั้งชีวิตจักเป็นจริงแล้ว เห็นไหมไม่ว่าอย่างไรผู้ชนะก็คือข้า หาใช่ใครอื่นไม่


...
..
.


เหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้นสำหรับงานสถาปนาพระชายาในองค์ภุมริน เจ้าชมนาดถูกนางข้าหลวงแลคุณท้าวจับอาบน้ำแร่ที่นำมาจากต้นน้ำบนเขาหลังวังหลวง แช่น้ำนมจากแม่โคพันธ์ดี ขมิ้นบดหยาบขัดไปตามผิวงาม แม้กลิ่นสมุนไพรจักทำให้เกิดความรู้สึกคลื่นเหียน แต่เจ้าชมนาดก็อดทนจนใบหน้างามซีดเซียว ผะอืดผะอมนัก

“พระสนมเพคะ..”

“ขะ ข้า อ้วก”เจ้าชมนาดอาเจียนออกมาจนนางข้าหลวงแตกฮือ

“ว้าย..พระสนม”

“อ้วก..อึก...โอก”

“ตายแล้ว...พระสนมทรงเป็นเยี่ยงไรบ้างเพคะ”คุณท้าวเข้ามาประคองร่างน้อยพลางลูบพระขนองให้

“ฮึก..คุณท้าว ข้า...อึก”

“เจ้าไปที่หองเครื่องนำพระสุธารสขิง แลผลอัมผวาฝานมาถวายพระสนมประเดี๋ยวนี้”

“เจ้าค่ะคุณท้าว”

“ทรงเป็นเยี่ยงไรบ้างเพคะพระสนม”

“ฮึก...”

“ว้าย...พระสนมเพคะ”เหล่านางข้าหลวงต่างหวีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อเจ้าชมนาดเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตา

“เจ้าไปตามหมอหลวงมาประเดี๋ยวนี้”

“เจ้าค่ะคุณท้าว”


.
.
.


   
ขณะที่องค์ภุมรินกำลังประชุมหารือกับเหล่าขุนนางรวมถึงท่านเสนาบดีฝ่ายขวา ณ ท้องพระโรง

“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ...พระสนมทรงหมดสติระหว่างการประทินผิวพะย่ะค่ะ ขณะนี้หมอหลวงกำลังตรวจอยู่ที่ตำหนักหลวงพะย่ะค่ะ”สุธีกระซิบทูลที่พระกรรณ พระเนตรวาวแสงเพียงครู่ก็กลับไปเยือกเย็นตามเดิม แม้พระทัยจักร้อนรุ่มแต่จักทรงแสดงออกไปมิได้

“...เอาล่ะ วันนี้หากพวกท่านมอมีกระไรแล้วข้าคงต้องขอตัวก่อนหนา”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ดี...”ตรัสแล้วก็เสด็จออกจากท้องพระโรง กลับตำหนักหลวงทันที


แอ๊ด ปัง


“คุณท้าว เจ้าชมนาดเป็นอย่างไรบ้าง”

“พระทัยเย็นก่อนเพคะ หมอหลวงกำลังตรวจเพคะ”

“.....ทูลฝ่าบาท”หมอหลวงผละออกจากร่างบางแลหันมาทูลความแก่เจ้าหลวง

“ว่าอย่างไร”

“พระสนมแลองค์รัชทายาทในพระครรภ์ทรงแข็งแรงดีพะย่ะค่ะ”

“แข็งแรงดี แลเหตุใดจึงได้เป็นลมหมดสติไป”

“กระหม่อมคาดว่าพระสนมคงจะแพ้ท้องพะย่ะค่ะ..ทำให้ทรงหมดสติไป”

“.....”

“กระหม่อมจักถวายโอสถบำรุงครรภ์ให้พระสนมตามสมควรพะย่ะค่ะ”

“..ขอบใจ”

“หามิได้พะย่ะค่ะ...หากมิมีกระไรแล้วกระหม่อมทูลลาพะย่ะค่ะ”

“ไปเถิด...แลพวกเจ้าออกไปก่อนเถิด ข้าใคร่อยากอยู่กับเจ้าชมนาดเพียงลำพัง”

“เพคะฝ่าบาท”

“เหตุใดจึงเกเรเยี่ยงนี้หนาลูก แม่เจ้าหมดสติไปเยี่ยงนี้พ่อใจหายนัก”ทรงตรัสกับสายพระโลหิตในครรภ์เมียรัก พระหัตถ์อุ่นลูบหน้าท้องแบนราบของเจ้าชมนาดราวกับปลอบโยนคนที่อาศัยอยู่ในครรภ์

“อึก...อือ”

“เจ้าชมนาด เป็นเยี่ยงไรหนาน้อง”

“..เสด็จพี่”

“เป็นเยี่ยงไร เวียนเศียร ใคร่อาเจียนหรือไม่”

“เวียนเศียรเล็กน้อยพระเจ้าค่ะ แต่มิใคร่อาเจียนแล้ว”

“พี่ใจหายหมดเจ้าเอ๋ย”

“หม่อมฉันมิเป็นไรดอกพระเจ้าค่ะ อย่าได้ทรงกังวลไปเลย”

“ใคร่อยากกินกระไรหรือไม่ พี่จักให้ห้องเครื่องจัดหามาให้”พยุงกายบางลุกขึ้นนั่งพิงพระอุระ

“หม่อมฉันใคร่อยากผลอัมพวาพระเจ้าค่ะ คงจักแก้อาการเวียนเศียรได้ดีเทียว”

“จ้ะ...นางข้าหลวง มีใครอยู่หรือไม่ เข้ามารับงานสักคนเถิด”

“เพคะ ฝ่าบาท”

“ไปเอาผลอัมพวาที่ห้องเครื่องมาถวายเจ้าชมนาดประเดี๋ยวนี้”

“ทูลฝ่าบาทคุณท้าวเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเพคะ”

“เยี่ยงนั้นนำมาถวายเจ้าชมนาดประเดี๋ยวนี้”

“เพคะ”หมอบกราบก่อนจะคลานไปหยิบพานทองที่บรรจุจานผลอัมพวาฝาน แลกาพระสุธารสขิงที่ส่งกลิ่นหอมออกมาพร้อมควันร้อนสีขาว

“จิบน้ำขิงหน่อยหนา”ตรัสแล้วรินพระสุธารสขิงร้อนจากกาใส่ถ้วยให้เมียรัก เจ้าชมนาดทอดมองพระภัสดาที่เอาอกเอาใจตนแลน้ำตาซึม ซึ้งใจนัก

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”รับถ้วยพระสุธารสขิงจากพระหัตถ์ประคองไว้ก่อนจะเอนกายซบใบหน้าลงบนพระอุระ

“หืม...”ก้มพระพักตร์ทอดพระเนตรใบหน้างามของเมียรักที่แนบพระอุระกว้าง นัยน์ตากวางหลับพริ้ม พระกรโอบกอดกายบางอย่างรักใคร่ พระหัตถ์ลูบปลายผมยาวนุ่มกลางแผ่นหลังบางเบาๆ

“...หม่อมฉันรักเสด็จพี่หนาพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอื้อนเอ่ยก่อนจะช้อนตาหวานขึ้นมองพระพักตร์งาม

“พี่ก็รักเจ้า เจ้าดอกข้าวใหม่”กดจูบที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาแลกอดถนอมเมียรักอย่างอ่อนโยน


...
..
.


   วันนี้แล้วสิ หากฟ้าสว่างเต็มที่เมื่อใด พระราชพิธีสถาปนาพระชายาในเจ้าหลวงภุมรินก็คงเริ่ม เวลานี้เพิ่งจักยามสี่แต่ทั้งองค์ภุมรินแลเจ้าชมนาดก็ต้องตื่นเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานพระราชพิธีสำคัญ


อุบ โอก อ้วก


เช้านี้เจ้าชมนาดมีอาการแพ้ท้องตามปกติ หากเมื่อเทียบกับวันอื่นๆ วันนี้ดูจะแพ้น้อยที่สุดแล้ว เจ้าตัวเล็กในครรภ์คงจักรู้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของพ่อแลแม่ถึงได้เกเรน้อยกว่าปกติ

“เป็นเยี่ยงไรบ้างน้อง”ทรงประคองยาหมอจ่อที่จมูกโด่งรั้น

“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ หากเทียบกับวันอื่น วันนี้ลูกเป็นเด็กดีเหลือเกิน”ว่าแล้วก็ยิ้ม มือเล็กค่อยลูบหน้าท้องตนปลอบคนที่นอนอยู่ในครรภ์

“อย่าเกเรหนาลูก แม่เจ้าจักเหนื่อยเอา”ทรงลดพระวรกายสูงกำยำคุกเข่าต่อหน้าเมียรัก พระพักตร์งามแนบกับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะตรัสพระสุระเสียงทุ้มนุ่มจนเจ้าชมนาดหน้าม้านด้วยความเขินอาย พระโอษฐ์กดจูบที่หน้าท้องของเจ้าชมนาดซ้ำๆ จนนางข้าหลวงที่ถวายการรับใช้อยู่หน้าแดงซ่าน

“..เสด็จพี่”

“หึหึหึ”

“ทูลฝ่าบาท ได้เวลาเสด็จตำหนักศาสน์แล้วพะย่ะค่ะ”ท่านราชเลขาทูลความอยู่ที่พระทวารมิได้เข้ามาในห้องบรรทมแต่อย่างใด

“ได้เวลาแล้ว ไปกันเถิดน้อง”ทรงลุกขึ้นประทับยืนก่อนจะประคองเมียรักออกจากตำหนักหลวง ในวันนี้เจ้าชมนาดใส่เสื้อไหมดิบแขนกระบอกคอตั้งสีขาวงาช้างห่มทับด้วยผ้าสไบสีน้ำตาลทองทอลายดอกพิกุล แลโจงกระเบนผ้ายกลำพูนสีทองอมชมพู โดยที่เจ้าชมนาดใส่เครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวก็คือ พระธำมรงค์นพรัตน์ที่พระภัสดาประทานให้เท่านั้น

“พระเจ้าค่ะ”ส่วนองค์ภุมรินในวันนี้ทรงสวมฉลองพระองค์ผ้าไหมสีน้ำตาลทองทอลายดอกพิกุลเช่นเดียวกับสไบของเจ้าชมนาด ผ้าคาดเอวไหมเรียบสีน้ำตาลแลโจงกระเบนสีดำเขม่า ชายสูงศักดิ์งดงามราวรุกขเทวดามาจุติ


   ทั้งสองพระองค์เสด็จไปยังตำหนักศาสน์เพื่อทำพิธีทางศาสนา โดยมีพระคุณเจ้าที่นิมนต์มาจากวัดซึ่งมิไกลจากวังหลวงเป็นผู้ทำพิธีให้ โดยพระคุณเจ้าได้มัดสายสิญจน์ ผูกดวง เจิมหน้าผากให้ พร้อมพรมน้ำมนต์ สวดให้ศีลให้พรเพื่อความเป็นสิริมงคล จึงถวายภัตตาหารเช้า  ซึ่งกินเวลาสองสามชั่วยามพิธีจึงเสร็จสิ้น

“เหนื่อยไหมเจ้า”ตรัสถามเมียรักพลางจูบซับที่ขมับหอม

“มิได้พระเจ้าค่ะ น้องสุขใจนัก”ส่ายหน้าน้อยๆ แย้มยิ้มอย่างเป็นสุข

“พี่ก็เช่นกัน”จากนี้ก็เหลือเพียงพิธีสถาปนาพระชายาที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วยามนี้แล้ว


.
.
.


“เหตุใดทางวังหลวงจึงไม่แจ้งกำหนดการพิธีศาสน์แก่ข้าหนา”หญิงสาวที่แต่งองค์ทรงเครื่องงดงามราวนางอัปสรเอ่ยพร้อมใบหน้างามที่ฉายแววกังวล

“รออีกหน่อยเถิดเจ้าค่ะคุณหนู”

“แต่นี่มันก็น่าจักเลยฤกษ์แล้วมิใช่รึนังอ่อน”

“.....”

“คุณหนูเจ้าขา มีสาส์นจากวังหลวงมาเจ้าค่ะ”เสียงบ่าวไพร่ที่มาแจ้งทำเอาหญิงสาวเผยยิ้มเต็มดวงหน้า ก่อนจะเร่งออกจากเรือนไปพบคนของวังหลวง

“ว่าอย่างไร”

“เจ้าหลวงทรงมีรับสั่งให้บุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวาร่ายรำถวายในงานพระราชพิธีสถาปนาพระชายา”

“หะ ให้ข้าน่ะหรือร่ายรำถวายในพระราชพิธี”คิดอย่างสงสัย

“อาจจะทรงอยากทอดพระเนตรพระชายาร่ายรำถวายก็ได้หนาเจ้าคะ”บ่าวสาวเอ่ยทำให้รอยยิ้มงามกลับมาประดับบนใบหน้างามอีกครา

“เชิญขึ้นเกี้ยวเถิด”หญิงสาวก้าวขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวก่อนจะยิ้มอย่างเป็นสุข จนลืมไปเสียหมดแล้วทั้งพิธีที่ควรจักต้องทำ แลพระธำมรงค์นพรัตน์นั่นอีก










************************************************************************






ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ชอบมากๆๆน่าติดตามจ้าาาา
รอตอนต่อไปหนาเจ้าชมนาด

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
เจ้าชมนาด แพ้ท้องหนักจัง
ม่นางปิ่นเมื่อไกร่เจ้าจะมโนไปเองเป็นตุเป็นตะหนา

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
อึ้งกันเป็นแถวๆ

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
รอความจริงเปิดเผยยยย หึหึหึ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
มโนแจ่มเหลือเกินนังปิ่น!

ออฟไลน์ หญิงกล้วย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
  :laugh: :laugh: :laugh: :m20: :m20: :m20:
แม่นางปิ่นมโนอะไรเยี่ยงนี้ ป.ล.สามีนางคือใครหนอ?

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑๒



   เสียงดนตรีวงมโหรีดังขึ้นพร้อมกับบุตรีของท่านเสนาบดีที่ออกท่าทางร่ายรำถวายแด่ชายสูงศักดิ์ที่ประทับอยู่บนพระแท่นประทับ ใบหน้างามแย้มยิ้มแม้ในใจจักสงสัยไม่น้อย หางตานางกระตุกถี่ตั้งแต่เช้าจนบัดนี้ ใยพระนลาฏขององค์ภุมรินจึงได้เจิมแป้งหอมแล้ว กระนั้นก็หมายความว่าพระองค์ทำพิธีศาสน์แล้วหรือแลทำกับใครเล่า เมื่อคิดได้นางก็ชะงักจนร่ายรำผิดท่า อยากจักหยุดทุกอย่างประเดี๋ยวนี้หากแต่ทำมิได้ จำต้องร่ายรำต่อจนจบเพลง

“เชิญนางรำรับรางวัลพระราชทานจากองค์ภุมรินได้”ท่านราชเลขากล่าว แม่ปิ่นค่อยๆก้าวเข้าไปหมอบกราบที่หน้าพระแท่นประทับด้วยสีหน้ามิสู้ดี

“เจ้าร่ายรำได้งดงามนัก”ทรงตรัสแลมอบถุงหูรูดกำมะหยี่ให้คุณท้าวมอบให้หญิงสาวอีกทอด

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท แลเหตุใด...”มิทันที่นางจักได้สอบถามเรื่องที่ค้างคาในใจท่านราชเลขาก็เอ่ยขึ้นก้องท้องพระโรง

“บัดนี้ได้เพลาอันสมควร ฤกษ์งามยามดี กระหม่อมขอกราบทูลเชิญเจ้าชมนาด พระสนมเอกในองค์ภุมรินมารับการสถาปนาแต่งตั้งขึ้นเป็นพระชายาในองค์ภุมริน แลมารดาแห่งภุมริกาแคว้นพะย่ะค่ะ”


เจ้าชมนาดย่างก้าวเข้าภายในท้องพระโรงท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนางฝ่ายขวา ทรงถูกขับไล่ออกจากวังหลวงแล้ว ไฉนเลยจึงมาอยู่ที่ท้องพระโรงได้ บุตรีเสนาบดีฝ่ายขวาได้แต่ตะลึงงัน เจ้าชมนาดเผยยิ้มหวานให้พระภัสดาอย่างน่าเอ็นดู หากแต่เมื่อก้าวผ่านบุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวามือเล็กก็แสร้งสะบัดสไบตนจนปลิวครอบหัวแม่ปิ่นก่อนจะเปิดออกเมื่อเจ้าชมนาดก้าวผ่านมายังหน้าพระพักตร์องค์ภุมริน กายบางทรุดนั่งพับเพียบหมอบกราบแทบพระบาทพระภัสดาอย่างอ่อนช้อย

“เป็นพระมหากรุณายิ่งพระเจ้าค่ะ”เอ่ยกับองค์ภุมรินเสียงหวานพลางถวายมาลัยที่คล้องมือตนวางบนพระหัตถ์พระภัสดาก่อนจะปรายตามองหญิงสาว ริมฝีปากจิ้มลิ้มเหยียดยิ้มมุมปาก

“ลุกขึ้นเถิดน้อง”ประคองเมียรักให้ขึ้นมานั่งข้างพระวรกายบนพระแท่นประทับ

“นะ นี่มันกระไรกันเพคะ”

“เจ้าข้องใจอันใดกันแม่ปิ่น”องค์ภุมรินทรงตรัสถาม

“แลหม่อมฉันเล่าเพคะ หม่อมฉัน...”

“เจ้าเกี่ยวกระไรด้วยหรือแม่”เจ้าชมนาดเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วแสร้งสงสัย

“วันนี้ข้าจักสถาปนาเจ้าชมนาดเป็นพระชายาในองค์ภุมริน ชายาของข้า มารดาขององค์รัชทายาท”ทรงรับสั่งพร้อมกับเปิดกรวยบายศรีสู่ขวัญเป็นอันเสร็จพระราชพิธีสถาปนา

“ฝ่าบาทแลหม่อมฉันเล่าเพคะ ทรงทำกับหม่อมฉันเช่นนี้มิได้หนาเพคะ!”หญิงสาวโวยวายเสียงดัง

“บังอาจนัก ท่านเสนาบดีฝ่ายขวามาพาบุตรีท่านออกไปประเดี๋ยวนี้”ท่านราชเลขาตวาด

“หึหึหึ”เสนาเฒ่าเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ องค์ภุมรินเมื่อใดยินดังนั้นก็คว้าร่างเมียรักเข้าหลบไว้หลังพระวรกายตน

“...เสด็จพี่”

“....”

“ฝ่าบาททรงมีความสุขมากใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ หึหึหึ”

“.....”

“แต่ความสุขของพระองค์คงจักสิ้นเพียงเท่านี้”

“บังอาจนัก...ทหาร”รับสั่ง ก่อนทหารหลายสิบนายจักวิ่งเข้ามาในท้องพระโรงพร้อมอาวุธในมือ แต่กลับหันอาวุธใส่องค์ภุมรินแลเจ้าชมนาด

“ฮะฮ่าๆๆๆ ทหารของพระองค์ล้วนเป็นคนของหม่อมฉันทั้งสิ้นแล”

“....เจ้า!!”

“ฮะฮ่าๆๆ”

“ท่านพ่อทำกระไรเจ้าคะ อย่าทำร้ายพระองค์หนาเจ้าคะ”แม่ปิ่นร้องบอกพร้อมวิ่งเข้าเกาะแขนคนเป็นพ่อ

“หึ แม่ปิ่นเจ้ามันโง่ ฝันเฟื่องใคร่อยากจักเป็นพระชายาจนตัวสั่น แลเห็นหรือไม่ว่ามันทำกระไรกับเจ้า พระองค์ย่ำยีบุตรีหม่อมฉันแลปล่อยวางเฉยเช่นนี้หยามหม่อมฉันนัก”

“ข้าน่ะหรือย่ำยีบุตรีเจ้า”

“ฝ่าบาทใยจึงตรัสเช่นนั้นเพคะ...ที่กระโจมหม่อมฉันคืนนั้นริมลำธาร...”

“...ที่เจ้าวางหญ้าเสน่ห์ข้าน่ะหรือแม่ปิ่น”พระสุระเสียงกดต่ำอย่างดุดัน

“หมะ หม่อมฉัน...ถะ ถึงอย่างไร หมะ หม่อมฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียพระองค์หนาเพคะ”

“...ชายในคืนนั้นหาใช่ข้าไม่”

“....ทระ ทรงตรัส กะ กระไรเพคะ”

“ชายในคืนนั้นหาใช่ข้าไม่...หากแต่เป็นทหารยามต่างหาก”

“...มะ ไม่ ฝ่าบาท...ใยจักมิใช่พระองค์เพคะ ชายในคืนนั้นคือพระองค์!!”

“คืนเดือนมืดเช่นนั้นแลเทียนก็ยังดับเจ้าจักรู้ได้อย่างไรว่าชายที่ได้เสียกับเจ้าคือข้า”

“....หมะ หม่อมฉัน..”

“...หลังจากที่เทียนดับข้าก็ออกจากกระโจมเจ้าแลให้ทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้ากระโจมเข้าไปแทน”

“...ชะ เช่นนั้น พระองค์ถูกพิษหญ้าเสน่ห์..”

“เจ้าอย่าลืมหนาแม่ปิ่น ว่าเจ้าชมนาดยังรอข้าอยู่ที่กระโจม...คืนนั้นเจ้าชมนาดเป็นผู้ช่วยข้าจากฤทธิ์หญ้าเสน่ห์ ต้องขอบคุณเจ้าที่ไม่ได้ใส่หญ้าเสน่ห์มากจนเกินไป มิเช่นนั้นเจ้าชมนาดคงจักแย่”

“มะ ไม่!!...เหตุใดจึงทำกับหม่อมฉันเยี่ยงนี้ ฮึก ฮือออ”

“หากเจ้ามิคิดชั่ววางหญ้าเสน่ห์พระองค์ก่อน เจ้าคงมิเป็นเช่นนี้ดอกแม่ปิ่น”เจ้าชมนาดกล่าว

“เจ้าชมนาด!!...เจ้ามันมารยา ลวงพระองค์ให้หน้ามืดตามัว!! อัปรีย์!!”

“บังอาจ!!”

“หึหึ ทรงคิดว่าพระองค์ยังมีอำนาจอยู่อีกหรือพะย่ะค่ะ...ร่ำลากันเสียให้พอ แลค่อยไปเจอกันในปรโลกเถิด”

“หึหึหึ ฮะฮ่าๆๆ...เจ้าคิดว่าจักกบฏ ยึดอำนาจข้าได้ง่ายๆงั้นหรือ บุตรีว่าเขลาแล้ว พ่อนั้นยิ่งเขลากว่า!!”

“ฝ่าบาท...จักตายอยู่แล้วยังทรง...”มิทันที่เสนาเฒ่าจักได้กล่าวจบ พระสุระเสียงก็รับสั่งขึ้นเสียก่อน

“ทหาร”จากที่หันอาวุธใส่พระองค์ กลับกลายเป็นว่าทหารทั้งหมดแลพวกพรรคของฝ่ายซ้ายนั้นหันคมดาบใส่เสนาเฒ่าแลพวกพรรคแทน

“!!!!”

“ใยจึงมีสีหน้าเช่นนั้นท่านเสนาคิดมิถึงหรือว่าจะถูกตลบหลัง”องค์ภุมรินทรงตรัสแลเหยียดพระโอษฐ์มุมปาก

“พวกเจ้า!!!”เสนาเฒ่าคำรามด้วยความเคียดแค้น มือกร้านชักดาบของตนออกมาชี้พระพักตร์องค์ภุมริน

“วางดาบแลยอมให้ทหารจับกุมเถิดท่านเสนา”

“ข้ายอมตายเสียยังจักดีกว่าถูกคุมขังไปชั่วชีวิต!!”

“ท่านพ่อ ฮือออออ”

“เงียบซะนังลูกโง่ หากเจ้าไม่คิดฝันเฟื่องใคร่อยากเป็นพระชายา ป่านนี้ข้าคงได้ครองบัลลังก์แค้วนไปแล้ว!!!”

“ไม่หนาเจ้าคะท่านพ่อ เหตุใดจึงคิดทำร้ายพระองค์ ฮือออ ลูกรักองค์ภุมริน เหตุใดจึงคิดทำร้ายชายที่ลูกรัก”


เพี๊ยะ


“เหตุใดจึงโง่เช่นนี้!! ที่มันทำกับเจ้าจนเปื้อนราคีเยี่ยงนี้ ยังจักปักใจรักมันอยู่อีกหรืออีลูกโง่ เขลานัก!!”ตวัดมือฟาดใส่แก้มบุตรีแลตวาดอย่างเกรี้ยวกราด

“ฮือออ ลูกรักพระองค์ ลูกรักเขา ฮือออ”กุมแก้มที่ถูกบิดาตบพลางร่ำไห้สะอึกสะอื้น

“หึ ฮะฮ่าๆๆๆ หากพระองค์คิดว่าทุกคนเป็นคนของพระองค์คงจักคิดผิดแล้ว”

“....”ไม่ทันที่จักได้ตรัสโต้ตอบ มีดสั้นคมกริบก็ถูกปาออกมาจากกลุ่มฝ่ายขวาที่คิดกบฏ


ฉึก!!


“อ๊ะ!!”

“เจ้าชมนาด!!”มีดสั้นเฉียดต้นแขนเจ้าชมนาดจนได้เลือด

“..สะ เสด็จพี่ อุก โอก อ้วก”เจ้าชมนาดหน้าเสียแลยิ่งได้กลิ่นคาวเลือดอาการผะอืดผะอมก็กำเริบ พระชายาอาเจียนจนน้ำตาไหลอาบแก้มโดยมีองค์ภุมรินกอดไม่ห่าง

“ฮะฮ่าๆๆ...ดูเถิดองค์ภุมริน อีกไม่นานยาพิษที่เคลือบไว้คงจักออกฤทธิ์เป็นแน่”

“!!!...หมอหลวง ตามหมอหลวงมาประเดี๋ยวนี้”

“อึก...”เจ้าชมนาดหมดสติล้มพับลงในอ้อมพระกรของพระภัสดา

“เจ้าชมนาด!!!”ตรัสเรียกเมียรักพลางเขย่ากายบางเบา ดวงพระเนตรฉายแววโกรธเกรี้ยว

“ฝ่าบาท”สุธีเห็นท่าไม่ดีจึงรีบร้องเรียก

“มาวิน!!”พระสุระเสียงตวาดลั่นก่อนที่องครักษ์เงามาวินจักปืนป่ายด้วยความรวดเร็วมารอรับคำสั่งอยู่ต่อหน้าพระพักตร์

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“พาเจ้าชมนาดกลับตำหนักหลวง แลอารักขาอย่าให้ผู้ใดเข้าใกล้เว้นเสียแต่หมอหลวงแลบ่าวคนสนิท”

“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”รับคำสั่งแลช้อนร่างบางของพระชายาขึ้นตรงไปที่ตำหนักหลวงโดยมีทหารอีกสิบนายตามคุ้มกัน เมื่อลับร่างเมียรักองค์ภุมรินก็คว้าศาสตราวุธธนูประจำพระองค์ขึ้นง้างจนสุดพระกร แลปล่อยลูกดอกใส่กลางอกชายเจ้าของมีดสั้นจนล้มลงแลสิ้นใจ จากนั้นความโกลาหลก็เกิดขึ้นเมื่อเหล่าฝ่ายขวาต่างฮึดสู้ ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันอาวุธใส่กันจนล้มตายไปมาก ซึ่งส่วนใหญ่จักเป็นฝ่ายขวาที่มีกำลังคนน้อยกว่า


ฟึ่บ!! ฉึก!!


องค์ภุมรินปล่อยลูกธนูใส่กลางหน้าผากเสนาบดีฝ่ายขวาจนล้มหงายหลัง หมดลมหายใจทันที

“กรี๊ด ท่านพ่อ ฮือออ ท่านพ่อ”แม่ปิ่นถลาเข้ากอดร่างไร้วิญญาณของคนเป็นพ่อแลร่ำไห้อย่างอาดูร เหตุใดชายที่รักแลพ่อบังเกิดเกล้าจึงต้องมาฆ่าฟันกันเช่นนี้ ข้าทำกรรมอันใดไว้ เหตุใดสวรรค์จึงกลั่นแกล้งข้าเช่นนี้

“อึก ฮึก ฮือออ”หญิงสาวแกะดาบในมือคนเป็นพ่อออกมาถือไว้มั่น มือบางยกลูบหน้าปิดตาให้บิดา

“หม่อมฉันรักพระองค์หนาเพคะ รัก..อึก ฮือออ เฮือก”นางยกดาบขึ้นจ่อที่ลำคอระหงก่อนจะปาดคอตัวเอง โลหิตไหลทะลักอาบร่างบาง แม่ปิ่นกระตุกก่อนจักล้มลงนอนเคียงร่างบิดา องค์ภุมรินเบือนพระพักตร์หนีภาพสลดตรงหน้า ก่อนจักรับสั่ง

“จัดการให้เรียบร้อยทีเถิดท่านราชเลขา หากสืบได้ว่าผู้ใดคิดกบฏจงประหารมันเจ็ดชั่วโคตร ล้างบางมันเสีย”

“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”


...
..
.


   องค์ภุมรินเสด็จกลับมาที่ตำหนักหลวงทันทีแม้พระวรกายจักเต็มไปด้วยคราบเลือด แลเหงื่อไคล

“เจ้าชมนาดเป็นเยี่ยงไรบ้างหมอหลวง”ตรัสถาม พระพักตร์งามฉายแววกังวล

“พระชายาแลองค์รัชทายาทในครรภ์ทรงปลอดภัยแล้วพะย่ะค่ะฝ่าบาท พิษที่พระชายาได้รับนั้นถูกขับออกได้ทันการพอดีพะย่ะค่ะ จากนี้คงเหลือแต่รอให้พระชายาฟื้นคืนสติพะย่ะค่ะ”

“ไม่มีอันตรายแล้วใช่หรือไม่ ลูกเมียข้าปลอดภัยแน่แล้วใช่ไหม”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ขอบใจ ขอบใจหมอหลวง”ทรงถอนพระปัสสาสะอย่าโล่งพระทัย

“มิได้พะย่ะค่ะ”

“คุณท้าว”

“เพคะฝ่ายาท”

“จัดการประทานรางวัลแก่หมอหลวงแทนท่านราชเลขาด้วย”

“เพคะฝ่าบาท”

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท ทรงสรงน้ำเปลี่ยนฉลองพระองค์ก่อนดีไหมเพคะ”คุณท้าว

“...ข้าใคร่อยากเฝ้าเจ้าชมนาดก่อน”

“หม่อมฉันว่าพระองค์ทรงพักผ่อน สรงน้ำก่อนเถิดเพคะ มิต้องห่วงพระชายาดอก ทรงปลอดภัยแล้ว...เชื่อหม่อมฉันหนาเพคะ”

“..อะ อืม”

“นางข้าหลวง เตรียมอ่างสรงแลฉลองพระองค์ผืนใหม่ให้ฝ่าบาทประเดี๋ยวนี้”

“เจ้าค่ะคุณท้าว”



   สายพระเนตรทอดมองร่างบางของเมียรักบนพระแท่นบรรทมอย่างห่วงหา เจ้าชมนาดถูกผลัดเปลี่ยนผ้า เหลือเพียงผ้าแถบคาดอกผืนบางสีขาว ที่ต้นแขนเล็กถูกพันด้วยผ้าขาว ใบหน้างามซีดเซียว องค์ภุมรินดึงผ้าแพรสีหวานขึ้นจนถึงแผ่นอกบาง พระนาสิกกดที่ขมับขาวก่อนจะผละออก เสด็จทำธุระส่วนพระองค์ ให้คุณท้าวแลนางข้าหลวงเฝ้าดูแลเมียรักแทน


.....
....
...
..
.


“อะ อือ..”เสียงหวานครางแผ่วในลำคอ เปลือกตาสีมุกค่อยๆลืมขึ้น

“เจ้าชมนาด..น้อง..เป็นเยี่ยงไรบ้าง คุณท้าวตามหมอหลวงที”

“เพคะฝ่าบาท”

“...สะ เสด็จพี่”

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้า...เป็นอย่างไรบ้าง”ทรงตรัสถามอย่างร้อนรน สามวันแล้วแม่ยอดดวงใจเพิ่งจักฟื้น

“เจ็บ..พระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไรหนา มิเป็นไร ประเดี๋ยวก็หายแล้วหนา”

“...ละ แลลูกเล่าพระเจ้าค่ะ ลูกปลอดภัยใช่หรือไม่ อึก”มือน้อยบีบพระหัตถ์ของพระภัสดา คิ้วเรียวขมวดมุ่นเป็นปม น้ำตาร้อนๆไหลอาบปรางค์ขาว ปล่อยเสียงสะอื้นอย่างกังวลใจ

“ไม่ๆ..ลูกมิเป็นไร เจ้าตัวน้อยของเราปล่อยภัยดี อย่าไห้เลยหนาคนดี”พระดัชนีปาดคราบน้ำตาออกจากปรางค์นวล

“มิทรงปดหนาพระเจ้าค่ะ ลูกอยู่ดีใช่ไหม”

“จ้ะ พี่มิกล้าปดเจ้าดอก”

“ทูลฝ่าบาท หมอหลวงมาแล้วเพคะ”

“เชิญท่านหมอ”


.
.
.


“เป็นเยี่ยงไรท่านหมอ”

“มิมีกระไรต้องเป็นกังวลแล้วพะย่ะค่ะฝ่าบาท ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักสั่งว่านรางจืดถวายขับพิษให้พระชายาพะย่ะค่ะ”

“ขับพิษ ไหนท่านว่าขับพิษออกหมดแล้วมิใช่หรือ”ทรงตรัสถามอย่างกังวล เจ้าชมนาดนอนมองพระภัสดาแลหมอหลวงอย่างกังวล กลัวลูกน้อยจักมีอันตราย มือบางทาบลงบนครรภ์ตนอย่างหวงแหน

“พะย่ะค่ะ หม่อมฉันถวายว่านรางจืดเพราะเกรงว่าพิษจะหลงเหลือในกระแสพระโลหิต จักได้แน่ใจว่าในพระวรกายจักมิมีพิษหลงเหลืออยู่อีกพะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ....ของใจท่านหมอมาก”

“มิได้พะย่ะค่ะ”

“คุณท้าวรบกวนท่านส่งหมอหลวงทีเถิด”

“เพคะฝ่าบาท”

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าใคร่อยากอยู่กับเจ้าชมนาดตามลำพัง”

“เพคะฝ่าบาท”เมื่อนางข้าหลวงออกจากห้องบรรทมหมดแล้ว องค์ภุมรินก็สอดพระวรกายเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเจ้าชมนาด พระกรท้าวกับพระแท่นบรรทม สายพระเนตรคมทอดมองเมียรัก พระหัตถ์เกลี่ยเบาๆที่ปรางค์นวล
เจ้าชมนาดยกกุมพระหัตถ์ของพระภัสดา นัยน์ตากวางช้อนมองพระพักตร์งามใบหน้าหวานเอียงซบแนบพระหัตถ์อุ่นอย่างออดอ้อน องค์ภุมรินขยับพระวรกายเข้าแนบกายบาง พระโอษฐ์กดจูบที่หน้าผากมน เจ้าชมนาดเงยหน้ากดจูบที่พระหนุ

“พี่รักเจ้าหนาคนดี”ทรงตรัสแลกอดเอวบางไว้

“หม่อมฉันก็รักเสด็จพี่พระเจ้าค่ะ”เสียงหวานแหบ มือน้อยประคองพระพักตร์กล่าว กลีบปากนุ่มหยุ่นกดจูบที่พระโอษฐ์พระภัสดา องค์ภุมรินบดพระโอษฐ์จูบตอบเมียรักโดยมิได้ล่วงล้ำ จูบซ้ำๆราวกับปลอบโยนน้องน้อยจากเหตุการณ์ร้ายๆที่พบพานมา พระหัตถ์อุ่นลูบแผ่นหลังเล็กผ่านผ้าแถบผืนบาง ปลอบประโลมปัดเป่าฝันร้ายให้หายไป


.
.
.


“เสด็จพี่ เสวยบ้างเถิดพระเจ้าค่ะ ป้อนหม่อมฉันเยี่ยงนี้ แทบมิได้เสวยเลย”

“มิเป็นไรดอก ให้พี่ดูแลเจ้าเถิดหนา”

“เยี่ยงนี้หม่อมฉันละอายนัก ปรนนิบัติพระองค์มิได้ หนำซ้ำยังต้องให้พระองค์มาคอยดูแลหม่อมฉันอีก”เจ้าชมนาดว่า

“โธ่..ว่ากระไรเยี่ยงนั้น เจ้าเป็นเมีย เป็นแม่ของลูกพี่หนา แลพี่ก็เป็นผัว เป็นพ่อของลูกเจ้า เป็นคู่ชีวิตกันแล้วก็ต้องดูแลกันแลกันมิใช่หรือน้อง จักให้น้องดูแลพี่ฝ่ายเดียวได้อย่างไรกันเล่า”

“เสด็จพี่...ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันซึ้งใจนักที่ได้ยินพระองค์ตรัสเช่นนี้”เจ้าชมนาดน้ำตาซึม พนมมือกราบลงลงบนพระอุระกว้าง

“พี่รักเจ้ามากหนาเจ้าชมนาด”โอบประคองร่างอรชรแนบพระอุระ แขนเสลากอดรอบพระกฤษฎี

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ ขอบพระทัยที่ทำให้หม่อมฉันมีความสุขเยี่ยงนี้”

“เจ้าก็ทำให้พี่มีความสุขเช่นกันเจ้าชมนาด”


.
.
.


   หลังจากวันสถาปนาก็ผ่านมาร่วมสองเดือนแล้ว องค์ภุมรินจึงมีรับสั่งให้จัดพิธีร่วมหอขึ้น ในคืนนี้ ณ ตำหนักหลวง ผ้าปูพระแท่นบรรทมถูกผลัดเปลี่ยนใหม่จากเดิมที่เป็นสีขาวปักลายดอกไม้เล็กๆทั่วผืน หากแต่สำหรับคืนพิเศษนี้พระแท่นบรรทมถูกปูด้วยเครื่องปูสีแดงเลือดนก รวมถึงพระวิสูตรก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงโปร่งแสง กำยานกลิ่นหอมหวานถูกจุดวางไว้ตามจุดต่างๆในห้องพระบรรทม

“พระชายาเสด็จแล้วเพคะ”เสียงคุณท้าวดังขึ้นที่หน้าพระทวารด้านนอก เรียกให้องค์ภุมรินที่ประทับอยู่ที่ขอบพระยี่ภู่เงยพระพักตร์ขึ้น พระโอษฐ์แย้มยิ้มเมื่อร่างอรชรของเมียรักก้าวเข้ามาด้วยท่าทีเขินอาย คืนนี้เจ้าชมนาดช่างดูงดงามแลเย้ายวนไปพร้อมกัน ร่างบางขาวโพลนประดับด้วยผ้าแถบคาดอกสีแดงชาด เผยไหล่เปลือยน่าสัมผัส ใต้หน้าท้องนูนถูกปกปิดด้วยโจงกระเบนสีเดียวกัน มีมาลัยมัลลิกาล้วนคล้องอยู่ที่ข้อมือเล็ก พระชายาชมนาดในเจ้าหลวงภุมรินก้าวนวยนาดไปที่พระแท่นบรรทมที่มีพระภัสดาประทับอยู่ กายเล็กยอบกายลงหมอบกราบที่พระบาทอย่างอ่อนช้อย กลีบปากนุ่มแตะลงบนหลังพระบาทแผ่วเบา ใบหน้างามช้อนขึ้นสบพระเนตร ก่อนจะถวายมาลัยที่คล้องมือตนให้พระภัสดา องค์ภุมรินวางมาลัยพวงโตไว้บนพานทองข้างพระแท่นบรรทม แลประคองเมียรักขึ้นนั่งบนพระเพลา พระองคุลีไล้ปรางค์อิ่มที่แต่งแต้มด้วยสีแดงระเรื่อ พระนาสิกสูดดมกลิ่นกายหอมหวานจากไหล่เปลือย ค่อยๆแต่งแต้มรอยจูบขึ้นไปตามลำคอระหงแลมาหยุดที่กลีบปากนุ่มหยุ่น

“เสด็จพี่...”

“จ๋า”ตอบรับพระสุระเสียงหวาน พระหัตถ์อุ่นลูบไล้ไปทั่วกายบางนุ่มนิ่ม

“หม่อมฉันตั้งครรภ์จนท้องโตเช่นนี้แล้ว...ยังจักต้องทำพิธีร่วมหออีกหรือพระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามด้วยความขวยเขิน

“ต้องสิจ้ะ...แม้เจ้าจักตั้งครรภ์แล้วก็ต้องมีพิธีร่วมหอ...”พระเนตรฉายแววเจ้าเล่ห์แสนกลจนเจ้าชมนาดหน้าม้าน

“อ๊ะ..”เสียงหวานร้องอย่างตกใจ ใบหน้าหวานแหงนหงาย แผ่นอกบางแอ่นจนแผ่นหลังโค้งราวกับคันศร เมื่อพระภัสดาแตะพระชิวหาไล้วนที่ยอดถันผ่านผ้าแถบผืนบางจนชุ่มพระเขฬะ

“เจ้าชมนาด...”พระหัตถ์บดบี้ยอดถันอีกข้างจนเจ้าชมนาดสะท้านเฮือก

“สะ เสด็จพี่พระเจ้าค่ะ อ๊ะ...อึ๊ อื้อออ”เจ้าชมนาดถูกจับให้นั่งคร่อมพระเพลากว้าง แขนเล็กเสลากอดพระเศียร มือบางสอดขยุ้มพระเกศาระบายความซ่าน พระชิวหารังแกยอดถันน้องน้อยรุนแรงจนแข็งตึงชูชันดันเนื้อผ้า “เมียจ๋า..อ่า”ปลดผ้าแถบสีแดงชาดออกเผยผิวขาวราวน้ำนมประดับด้วยเม็ดบัวบวมเต่ง อกแบนแอ่นรับพระโอษฐ์ที่ครอบอยู่บนจุกเล็ก พระหัตถ์บีบเค้นเอวบางเรื่อยลงมาที่ก้อนเนื้อนุ่มภายใต้ผ้าโจงกระเบน

“เสด็จพี่..ช้าก่อนพระเจ้าค่ะ...อ่ะ..หมะ หม่อมฉันจักขาดใจตายแล้ว”เสียงหวานว่าพลางดึงพระพักตร์งามออกจากแผ่นอกตน หอบหายใจเสียจนตัวโยน องค์ภุมรินเคลื่อนพระพักตร์ป้อนจุมพิตให้พระชายาของตนแนบแน่น พระชิวหาพลิกพลิ้วในโพรงปากอิ่มราวกับมัจฉาว่ายน้ำ

“อึก..อื้ม”ถอนพระโอษฐ์ออก ซุกไซร้ซอกคอหอม

“เสด็จพี่..หม่อมฉันท้องอยู่หนาพระเจ้าค่ะ เบาแรงหน่อยเถิด”หวีดร้องเมื่อพระภัสดาดูกระหายราวสัตว์ป่า

“อ่า..พี่ขอโทษจ้ะ พี่ขอโทษ...มิได้กอดเจ้ามาเป็นเดือน กระหายนัก”ตรัสแล้วอุ้มน้องพลิกวางลงบนพระยี่ภู่ ยืดพระวรกายปลดโจงกระเบนของตนออก เผยให้เห็นศาสตราวุธพร้อมรบที่ตั้งชันชี้หน้าเจ้าชมนาด

“เสด็จพี่..”เสียงหวานเอ่ยอ้อมแอ้มอย่างขวยเขิน มือเล็กกอบกุมพระคุยหฐานของพระภัสดารูดรั้งจนองค์ภุมรินคำรามลั่น

“อ่า....ซี๊ด เจ้าชมนาด อื้มมม...พะ พอก่อนหนาน้อง”แต่ก่อนที่พระองค์จักไปแตะขอบสวรรค์ องค์ภุมรินก็ดึงมือน้องออกแลปลดผ้าโจงกระเบนออกจากเรียวขาเล็ก จับท่อนขาน้องแยกออกตั้งฉากกับพระยี่ภู่ เผยพวงเกสร แลกลีบชมนาดที่พับปิดด้านหลัง

“อืม เสด็จพี่...”เจ้าชมนาดกำพระเขนยที่หนุนอยู่เต็มสองมือขณะที่นอนให้พระภัสดาลูบไล้ช่องทางสวรรค์ของตน

“อืม คนดี เจ้าดอกข้าวใหม่ของพี่ช่างงามกระไรเยี่ยงนี้” จับเท้าเล็กพาดพระอังสะ ลูบไล้ปลีน่องเนียน ขยับพระวรกายชิดแนบ

“อ๊า..เสด็จพี่ เบาแรงหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวลูกจักเจ็บ..ฮ้าาาา”กล่าวก่อนจะหวีดร้องครวญคราง เมื่อกลีบดอกถูกเหล็กในของภมรภู่ทิ่มแทง

“อ่าาาาา”พระสุระเสียงครางต่ำ กดแช่พระวรกายค้างไว้ พระนาสิกซุกไซร้ข้อเท้าเล็กที่พาดอยู่บนพระรากขวัญ

“เสด็จพี่ อยะ อย่าพระเจ้าค่ะ มิดีทำหนาพระเจ้าค่ะ”ร้องห้าม

“พี่รักเจ้าหนาเจ้าชมนาด พี่รักเจ้า”ปลดเรียวขาน้องลงวางพาดไว้บนพระอูรุ พระหัตถ์ข้างหนึ่งลูบคลึงต้นขาขาวแลอีกข้างท้าวยันกับพระยี่ภู่มิให้ทับเมียที่กำลังตั้งครรภ์ พลางค่อยๆขยับพระโสณี

“อาาา...หมะ หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ”วาดแขนกอดพระขนองชื้นพระเสโท พระกฤษฎีหมุนวนก่อนจะขยับพระวรกายเข้าออก พระอูรุกระทบก้อนเนื้อนุ่มจนเกิดเสียงหยาบโลนไปทั้งห้องบรรทม เสียงครางเครือกระเส่าคลอเคล้าเสียงฝนที่สาดเทลงมาเป็นสัญญาณว่าได้เข้าสู้พิรุณฤดูแล้ว











**************************************************************************








ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ชอบบบบบบ
มาตอนยาวจุใจมากๆๆๆๆ

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
ตั้งพระครรภ์นะเพคะ เจ้าหลวงอย่าร้อนแรงสิเพคะ :m25:

ออฟไลน์ noozzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
กำเดาไหลนักเพคะ

ออฟไลน์ namtan15

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1


ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑๓


หลังจากผ่านค่ำคืนเร่าร้อนในพิธีร่วมหอ องค์ภุมรินตื่นบรรทมขึ้นมาทอดพระเนตรดวงหน้าหวานล้ำของเมียด้วยความรักใคร่  ทรงนอนตะแคงวางพระพักตร์บนพระหัตถ์ ท้าวพระกรกับพระยี่ภู่ ผ้าคลุมบรรทมแลพระบรรจถรณ์สีแดงเลือดนกตัดกับผิวกายขาวราวน้ำนมของเจ้าชมนาด ดูเย้ายวนเสียจนพระองค์อดไม่ได้ที่จะกดพระโอษฐ์แลพระนาสิกกับไหล่มน สัมผัสอุ่นจากพระโอษฐ์ แลพระปัสสาสะร้อนจากพระนาสิกปลุกเจ้าชมนาดจากนิทรารมณ์ นัยน์ตากวางปรือปรอย แพขนตาหนากระพือตามเปลือกตาสีมุกที่กระพริบปริบๆ ผมนุ่มสีดำขลับยุ่งเหยิงพันกันน่าเอ็นดู

“เสด็จพี่..ทรงตื่นบรรทมนานแล้วหรือพระเจ้าค่ะ แลเหตุใดจึงมิปลุกหม่อมฉันหนา”เสียงหวานว่า พลางเงยหน้ารับจูบจากพระภัสดาที่ป้อนให้

“อืม...ก็ตอนเจ้านอนมันน่ามองน้อยเสียเมื่อไหร่กัน”ถอนพระโอษฐ์ออกก่อนจักตรัสตอบ เจ้าชมนาดค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับดึงผ้าคลุมบรรทมขึ้นปกปิดแผ่นอกเปลือย

“...วันนี้พระองค์มีราชกิจหรือไม่พระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามพลางไล้นิ้วเล็กกับปรางขาวของพระภัสดา

“มีจ้ะ...วันนี้พี่จักออกตรวจตลาดในเมืองเสียหน่อย”ตรัสตอบแลจับมือน้อยที่พระปรางมาจูบหอม

“จักเสด็จไปตลาดหรือพระเจ้าค่ะ”นัยน์ตากวางเป็นประกาย เสียงหวานดูตื่นเต้น

“จ้ะ...ตลาดใกล้ๆวังหลวงนี่แล”

“...เสด็จพี่พระเจ้าค่ะ”

“หืม..”

“...หม่อมฉันใคร่ไปด้วยได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามพลางส่งสายตาเว้าวอนไปให้โดยมิรู้ตัว

“.....”

“.....”

“.....”

“.....หะ หากมิได้ ก็มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ หม่อมฉัน...”

“พี่ยังมิได้บอกสักคำว่ามิให้เจ้าไปด้วย เจ้าชมนาด”ตรัสพร้อมแย้มพระโอษฐ์แลพระสรวลน้อยๆอย่างเอ็นดู

“...ก็ทรงเงียบนี่พระเจ้าค่ะ”กลีบปากสีระเรื่อเบะออกคล้ายเด็ก

“หึหึหึ...คนดีกระไรที่เจ้าใคร่ได้ บอกพี่เถิดพี่หนาจักหามาให้”ตรัสแล้วรั้งกายบางเข้ามาในอ้อมพระกร ตระกองกอดร่างบอบบาง พระโอษฐ์พรมจูบทั่วลาดไหล่เปลือย มิเคยคิดมาก่อนว่าพระองค์จักรักใครได้มากขนาดนี้มาก่อน ทรงโชคดีแค่ไหนที่ได้เมียแลแม่ของลูกที่น่ารักเช่นนี้


.
.
.


   
   ทั้งสองพระองค์เสด็จประพาสตลาดใกล้วังหลวงในคราบสามัญชน ชาวบ้านธรรมดา หากแม้นจักแต่งกายราวชาวบ้านแต่ก็มิอาจปกปิดความสง่าผ่าเผย แลมากบารมีของเจ้าหลวงได้ เจ้าชมนาดเช่นกันแม้นจักใส่เพียงเสื้อผ้าชาวบ้านแต่ความงามก็มิได้ลดลงแต่อย่างใด แลยิ่งตั้งครรภ์เช่นนี้ก็ยิ่งมีน้ำมีนวลงดงามราวนางอัปสรคู่บารมีองค์ภุมริน มือน้อยข้างหนึ่งถูกพระหัตถ์ใหญ่อบอุ่นจับจูง แลอีกข้างประคองหน้าท้องนูนน้อยๆของตน ทั้งสองพระองค์เดินเคียงกันไปตามทางแคบๆ สองข้างทางเป็นร้านรวงมากหลาย อุ่นแลองครักษ์หลวงสุธีซึ่งก็อยู่ในชุดชาวบ้านเดินตามนายเหนือหัวอยู่ด้านหลังไม่ห่าง

“...เพลาออกตรวจราชกิจนอกวังหลวงเสด็จพี่ทรงปลอมกายเป็นชาวบ้านเช่นนี้ทุกคราหรือพระเจ้าค่ะ”เอ่ยกระซิบถามให้ได้ยินกันสองคน ว่าแล้วก็หวนนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบพระภัสดา

“เช่นนี้จักได้ชิดใกล้ประชาชนอย่างไรเล่า มิต้องมากพิธี แลจักได้เห็นความเป็นอยู่ของไพร่ฟ้าจริงๆ มิใช่คำโป้ปดจากขุนนางขี้คดขี้โกง”แต่คราแรกที่ได้พบทรงแต่งองค์ราวกับคนป่า คนเถื่อน คิดได้ก็หัวเราะน้อยๆ

“หืม..ขำกระไรหรือเจ้า”

“หม่อมฉันหวนคิดถึงคราแรกที่ได้พบพระองค์พระเจ้าค่ะ ทรงแต่งองค์ราวกับคนป่า คนเถื่อน ดูแล้วราวกับโจรก็มิปาน”

“หึหึหึ..โจรปล้นสวาท ช่วงชิงพรหมจรรย์ของลูกเศรษฐีเฒ่าทางตอนเหนืออย่างไรล่ะ”ทรงเย้าจนเจ้าชมนาดแก้มแดงราวลูกตำลึง

“เสด็จพี่...ใยจึงทะลึ่งตึงตังเช่นนี้พระเจ้าค่ะ”ต่อว่าพระภัสดาอย่างไม่จริงจังนัก ในใจดวงน้อยคิดถึงคนเป็นพ่อขึ้นมาตงิดๆเมื่อเอ่ยถึง

“หึหึหึ...อยู่นอกวังหลวงอย่าใช้ราชาศัพท์เลยหนาน้อง ประเดี๋ยวใครจักได้ยินเข้า”

“.....”

“เราปลอมกายออกมา ไร้ทหารตามติด จักเกิดอันตรายได้หนาหากมีผู้คิดร้าย”ทรงตรัสเบาๆ

“พระเจ้าค่ะ..อ่า..ขอรับ ท่านพี่”

“หึหึหึ น่ารักมากเมียจ๋า”

“....สะ..เอ่อ...ท่านพี่ขอรับ”

“หืม..ว่าอย่างไร”

“ข้าใคร่อยากขอกระไรบางอย่างได้หรือไม่ขอรับ”

“กระไรหรือ”

“ข้าใคร่อยากกลับ...บ้าน”

“บ้านหรือ?”

“ขอรับ..ข้าใคร่อยากกลับไปเยี่ยมท่านพ่อ”

“....”

“ถึงท่านจักทำร้ายข้าแต่หาได้ตัดกันขาดไม่...ขะ ข้า..”

“เฮ้อ..พี่เข้าใจเจ้า พี่เข้าใจ”

“....อนุญาตได้หรือไม่ขอรับ”

“...ได้ พี่จักให้เจ้ากลับไปเยี่ยมพ่อเจ้า แต่..”

“....”

“พี่จักไปด้วย”

“..ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ดีใจเสียจนลืมไปว่ามิควรพูดคำราชาศัพท์

“ชู่ววว”

“อ๊ะ ขออภัยขอรับท่านพี่”กลีบปากอิ่มคลี่ยิ้มงามเสียจน หนุ่มๆในตลาดเอี้ยวมองคอเคล็ด

“อย่าได้ยิ้มเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นอีกหนาน้อง”ยกพระหัตถ์ปิดปากเมียรัก ก่อนจะกุมมือน้อยให้เดินเล่นสำรวจตลาด แลความเป็นอยู่ของไพร่ฟ้า


.
.
.


“อ๊ะ...ท่านพี่ข้าใคร่อยากกินขนมสอดไส้นี่ขอรับ”เอ่ยขึ้นเมื่อเสด็จผ่านร้านขนมที่ส่งกลิ่นหอมหวานไปทั่วบริเวณ ควันร้อนสีขาวจากหม้อนึ่งลอยคลุ้ง

“สุธี...”

“ขอรับ”ท่านองครักษ์หลวงเป็นผู้ซื้อหามาถวาย

“ขอบใจหนาท่านสุธี”

“มิได้ขอรับคุณหนู”ว่าแล้วก้มหัวให้เจ้าชมนาด ส่งห่อใบตองให้องค์ภุมรินแลกลับไปยืนด้านหลังตามเดิม

“อืม...หอมหวาน อร่อยนักขอรับ”เมื่อได้ลิ้มรสชาติหอมหวานมันติดปลายลิ้น เจ้าชมนาดก็ยกยิ้มพึงพอใจ

“ป้อนพี่บ้างสิเจ้า”กระซิบบอก

“ค่อยๆหนาขอรับ”ป้อนขนมให้พระภัสดา

“อร่อยอย่างที่เจ้าว่าจริงๆหนาน้อง”

“ขอรับ....ข้างหน้านั้นมีร้านขายเครื่องประดับน่าสนใจนัก ข้าใคร่อยากไปดูได้หรือไม่ขอรับ”

“จ้ะ...”


.
.
.



   วันพรุ่งทั้งองค์ภุมรินแลพระชายาจักเสด็จประพาสบ้านเกิดพระชายา ทำให้เหล่าข้าหลวงต้องเตรียมขบวนเสด็จ เสบียงตั้งแต่ค่ำวันนี้  แลยิ่งพระชายาทรงครรภ์เช่นนี้ก็ต้องเตรียมการมิให้มีกระไรผิดพลาดเด็ดขาด

“อ๊ะ..คิกๆๆ”เจ้าชมนาดหัวเราะน้อยๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกระตุกที่หน้าท้องตน ตอนนี้องค์รัชทายาทในครรภ์มีพระชนมายุได้สี่เดือนแล้ว หน้าท้องขาวกลมนูนยื่นออกมาเล็กน้อยให้พระภัสดาลูบเล่น เวลาที่ทรงครรภ์เช่นนี้หากอยู่ในตำหนักเจ้าชมนาดจะใส่เพียงผ้าแถบคาดอกเท่านั้นแลจักอยู่แต่ในตำหนักหลวง หากแต่เมื่อออกนอกตำหนักจึงจักใส่เสื้อไหมแขนกระบอกคอตั้ง

“หึหึหึ เจ้าตัวน้อยแข็งแรงนัก”ประทับซ้อนอยู่ด้านหลังเมียรัก พระหัตถ์ลูบปลอบรัชทายาทในครรภ์ หน้าท้องขาวกระตุกน้อยๆตามแรงถีบของคนในครรภ์

“คุณท้าวท่านว่าอีกสองเดือนคงเห็นเป็นรูปเท้าเจ้าตัวน้อยพระเจ้าค่ะ”กล่าวแลยิ้มกับพระภัสดา

“เยี่ยงนั้นท้องแม่เจ้าไม่ทะลุพอดีหรือ”ตรัสว่า

“คิกๆ..มิขนาดนั้นดอกพระเจ้าค่ะ ดีเสียอีกจักได้รู้ว่าลูกแข็งแรง”

“ใยจึงถีบท้องแม่เจ้าถี่เยี่ยงนี้หนาลูก”

“ลูกคงอยากออกมาแล้วกระมังพระเจ้าค่ะ”

“พ่อก็อยากให้เจ้าออกมาไวไวเหมือนกันหนาลูก”

“จักทรงตั้งชื่อลูกว่ากระไรดีพระเจ้าค่ะ”

“อืม..แลน้องเล่าใคร่ตั้งว่ากระไรดี”

“.....ภุชงค์พระเจ้าค่ะ..... ภุมริน....ภุชงค์”

“หึหึหึ....”


ฟอด


สรวลน้อยๆแลกดพระนาสิกหอมขมับน้อง

“ทรงโปรดนามนี้ไหมพระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามพลางประคองพระหัตถ์ขึ้นจูบ แลยกแนบปรางนวลอย่างช่างออดช่างอ้อน นัยน์ตากวางช้อนมองพระพักตร์งาม

“จ้ะ...พี่ชอบนามนี้ที่เจ้าตั้ง พี่จักตั้งชื่อลูกว่าภุชงค์”ทรงตรัสอย่างเอาอกเอาจเย

“จริงหรือพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ..”

“หม่อมฉันดีใจหนาพระเจ้าค่ะ ที่ทรงโปรด”

“หึหึหึ..ค่ำแล้วนอนเถิดคนดี ประเดี๋ยววันพรุ่งจักเหนื่อยเอาได้”

“พระเจ้าค่ะเสด็จพี่”

“พี่รักเจ้าหนาเจ้าชมนาด”

“หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


   รุ่งเช้าขบวนเสด็จถูกตระเตรียมพร้อมเดินทาง ตั้งอยู่ที่หน้าตำหนักหลวง องค์ภุมรินประคองพระชายาของตนออกมาจากตำหนักหลวง วันนี้เจ้าชมนาดสวมเสื้อไหมแขนกระบอก คอตั้งสีฟ้าแลบ แลโจงกระเบนสีเขียวน้ำไหลดูน่ารักน่าชังเสียจนพระภัสดาใคร่อยากจับฟัดเสียให้จมเขี้ยว หน้าท้องกลมนูนเล็กน้อยถูกประคองด้วยพระหัตถ์ขององค์ภุมริน เจ้าชมนาดแย้มยิ้มสดใสให้เหล่าข้าหลวงแลองครักษ์ที่คอยถวายงานรับใช้

 “พระชายาทรงงาม แลสง่ามากเพคะ”คุณท้าวทูล

“ขอบใจจ้ะคุณท้าว”

“พระชายางามเยี่ยงนี้ ข้ามิใคร่อยากให้ออกนอกตำหนักเลยคุณท้าว”

“คิกๆ..เสด็จพี่จักทรงขังหม่อมฉันมิให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยหรือพระเจ้าค่ะ”เอ่ยเย้าพระภัสดา

“หากทำได้หนา..พี่จักขึงเจ้าไว้กับพระยี่ภู่เลยเทียว”กระซิบประโยคหลังให้เมียได้ฟังเพียงคนเดียว

“เหตุใดจึงได้ตรัสกระไรห่ามๆเยี่ยงนี้พระเจ้าค่ะ”บ่นอุบอิบเสียงแผ่ว

“หึหึหึ”

“หม่อมฉันว่าออกเดินทางเถิดเพคะจักได้ไปถึงมิค่ำมากนัก”คุณท้าวทูล

“จ้ะ คุณท้าว”เจ้าชมนาดว่าแล้วก้าวขึ้นเกี้ยว โดยมีพระภัสดาประคองมิห่าง


ขบวนเสด็จเคลื่อนออกจากวังหลวงมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือบ้านเกิดพระชายา องค์ภุมรินโอบร่างบอบบางของเมียไว้แนบพระอุระ พระหัตถ์ประคองครรภ์นูนเล็กไว้อย่างหวงแหน  เจ้าชมนาดเอียงกายอิงแอบอยู่ในอ้อมพระกรพระภัสดา ใบหน้างามหมดจดแนบพระทรวง มือน้อยเลื่อนกุมพระหัตถ์ที่ประคองครรภ์ตนแล้วบีบเบาๆ

“หืม...ไฉนเลยมือน้องจึงเย็นเยี่ยงนี้หนาเจ้าชมนาด ไม่สบายหรือ”ตรัสถามอย่างกังวลพระทัย

“มิได้พระเจ้าค่ะ..น้องเพียงแต่กังวลเท่านั้น”

“กังวลเรื่องใดกันเจ้า”

“หม่อมฉัน แลท่านพ่อจากกันด้วยเรื่องหมางใจ หากกลับไปครานี้มิรู้ว่าจักยังเข้าหน้ากันติดไหมหนาพระเจ้าค่ะ”

“อย่ากังวลไปเลยหนาเจ้า..เรื่องหมางใจของน้องแลพ่อ ล้วนแต่มีพี่เป็นเหตุ...มิต้องห่วงดอก พี่จักจัดการให้เจ้าเองหนา”

“.....”

“...แลอีกเรื่อง เจ้ากำลังจักมีหลานให้ท่านอุ้มเยี่ยงนี้ คงจักใจอ่อนอยู่ดอก”

“...พระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ อย่ากังวลไปเลยหนา แม่กังวลเช่นนี้ ประเดี๋ยวลูกออกมาได้หน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นลูกยักษ์พอดี”

“คิกๆๆ เสด็จพี่ล่ะก็ ว่าลูก...”

“หึหึหึ เห็นเจ้ายิ้มได้แบบนี้พี่ค่อยโล่งใจ...ยามใดเจ้าเศร้าสร้อย ยามนั้นใจพี่จักขาดรอนๆ”

“...พระโอษฐ์หวานนักพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ”พระสรวลในลำคอ แลเชยคางมนขึ้นรับจูบหวานจากพระโอษฐ์อุ่น ขบเม้มริมฝีปากบางอย่างไม่ล่วงล้ำ กดจูบซ้ำที่ปากอิ่ม


.
.
.


   ทางด้านเศรษฐีเฒ่าหลังจากที่บุตรชายคนเล็กถูกพาตัวเข้าวังก็เกือบปีให้แล้ว มาคิดได้ตอนนี้ว่าทำลูกเกินไปก็คงจักสายไปเสียแล้ว นึกแล้วก็ได้นั่งเสียใจ บุตรสาวคนโตหรือก็ออกเรือนไปกับบุตรชายท่านขุน หาได้กลับมาดูดำดูดีพ่อไม่ เรือนหลังใหญ่เหลือเพียงชายชราแลบ่าวไพร่ครึ่งร้อย เศรษฐีเฒ่านั่งอยู่บนตั่งไม้หลังใหญ่สายตาฝ้าฟางทอดมองดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ความรู้สึกเหงาเกาะกุมดวงใจ หากชมนาดยังอยู่ปานนี้คงมาปรนนิบัติ พัดวีคนเป็นพ่อแลพูดคุยด้วยให้คลายเหงา

“เฮ้อ....”ถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่แลยกจอกน้ำชาขึ้นจิบ


กุบกับ กุบกับ


เสียงม้าแลเสียงเซ็งแซ่ของบ่าวไพร่เรียกให้ชายชราหันไปมอง พยักเพยิดหน้าให้บ่าวสาวที่คอยรับใช้ไปดูลาดราว ใครมากันหนาเย็นย่ำใกล้มืดปานนี้แล้ว นั่งรอได้มินานบ่าวสาวคนเดิมก็วิ่งหน้าตาตื่นขึ้นเรือนมา

“มีกระไรนังเขียว หน้าตาตื่นตกใจ ใครมากัน”

“คะ คุณท่าน เจ้าขา..คะ คุณ..”

“เอ้า...อึกอักอยู่ได้อีนี่”

“คะ คุณ ชมนาดเจ้าค่ะ..คะ คุณชมนากลับมาเจ้าค่ะ”

“หา..ชะ ชมนาดหรือ..ลูก..ละ ลูกข้ากลับมาหรือ”ผุดลุกขึ้นยืนแลรีบก้าวเดินออกไป แต่มิทันจักได้ลงเรือนไป ร่างบางชองบุตรชายก็ก้าวขึ้นบ้นไดเรือนมาพร้อมชายสูงศักดิ์ที่ประคองอยู่มิห่าง

“ชะ ชมนาด ละ ลูกพ่อ...ฝะ ฝ่าบาท”ครางชื่อลูกในลำคอ หากแต่เมื่อเห็นอีกคนข้างกายบางก็รีบทรุดหมอบกราบทันที

“ลุกขึ้นเถิดท่านเศรษฐี”ตรัส

“ปะ เป็นพระมหากรุณาพะย่ะค่ะ”ค่อยๆลุกขึ้นโดยมีบ่าวสาวคอยประคอง

“...ท่านพ่อ”เสียงหวานเอ่ยเรียกบิดาครางเครือ นัยน์ตากวางคลอน้ำ

“ชมนาด ลูก”

“อึก..ท่านพ่อ”ผละออกจากพระกรของพระภัสดา แลโผเข้ากอดบิดาอย่างห่วงหาอาลัย

“ชมนาด..เป็นอย่างไรบ้างเจ้า เป็นอย่างไรบ้าง”โอบกอดร่างบอบบางแลยกมือลูบกลุ่มผมนุ่มปลอบประโลม

“ฮึก ข้าสบายดีขอรับ...ฮึก แลท่านพ่อเล่าขอรับ เป็นอย่างไรบ้าง”

“พะ พ่อสบายดีลูก พ่อสบายดี”

“ข้าขอโทษหนาขอรับ...ที่มิได้กลับมาเยี่ยมเยียนท่านเลย”

“มิเป็นไรๆ ได้พบเจ้าวันนี้พ่อก็ดีใจหนักหนาแล้ว”

“ข้าก็ดีใจขอรับ...ข้าคิดว่าท่านจักโกรธเกลียดข้าเสียแล้ว ฮึก”

“ไม่ดอกลูก ไม่ดอก..พ่อเสียอีกที่สมควรโดนเจ้าโกรธเกลียด...พ่อทำร้ายเจ้าจนมิน่าให้อภัย”

“ไม่ขอรับ...ข้ามิโกรธเคืองท่านพ่อสักนิด”

“ชมนาด”กดจมูกหอมผมลูก ฝ่ามืออูมลูบหัวลูบหางลูก

“ฮึก...”

“อ่า...ฝะ ฝ่าบาท..ทรงประทับก่อนเถิดพะย่ะค่ะ”ผละออกจากร่างบางของบุตร แลกล่าวทูล

“ขอบใจหนาท่าน”

“มิได้พะย่ะค่ะ”


.
.
.



“เจ้า...เอ่อ พระชายาทรงครรภ์หรือพะย่ะค่ะ”

“มิต้องพูดกับข้าเยี่ยงนั้นดอกขอรับท่านพ่อ พูดเยี่ยงเดิมเถิด”

“มิได้ๆ ทรงเป็นพระชายาเจ้าหลวง...หม่อมฉันเป็นเพียงสามัญชน พูดจาเยี่ยงเดิมคงมิเหมาะดอก”

“...ก็ได้จ้ะ หากท่านพ่อว่าเยี่ยงนั้น”ผินใบหน้างามไปหาพระภัสดา เมื่อพระองค์พยักพระพักตร์ให้จึงได้ตามใจพ่อ

“แลทรงครรภ์กี่เดือนแล้วพะย่ะค่ะ”

“สี่จ้ะท่านพ่อ”

“อะ องค์รัชทายาททรงแข็งแรงดีหรือไม่พะย่ะค่ะ”

“รัชทายาทในครรภ์เจ้าชมนาดแข็งแรงดี มิต้องห่วงไปดอกท่านพ่อตา”

“พ พ่อตาหรือพะย่ะค่ะ”

“ใช่น่ะซี..ข้าเป็นเขยท่าน ท่านก็ต้องเป็นพระสัสสุระของข้า”

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพะย่ะค่ะ”

“...ท่านพ่อ แลคุณพี่การะเกดเล่าขอรับ”

“การะเกดออกเรือนไปกับบุตรชายท่านขุนตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้วพะย่ะค่ะ”

“งั้นหรือขอรับ...อ๊ะ”พยักหน้าน้อยๆก่อนจะสะดุ้งตกใจ จนพระภัสดาแลบิดาเฒ่าสะดุ้งตาม

“ทรงเป็นกระไรพะย่ะค่ะ พระชายา”

“ฮะๆๆ...มิเป็นไรขอรับท่านพ่อ เจ้าตัวน้อยในครรภ์เตะท้องข้าเสียจนตกใจ”ว่าเยี่ยงนั้นก็ทำเอาชายต่างวัยทั้งสองถอนใจอย่างโล่งอก

“นี่ก็ค่ำแล้ว ทรงเสด็จพักผ่อนก่อนดีไหมพะย่ะค่ะ...ประเดี๋ยวจักประชวรเอาได้”

“...แต่ข้ายังมิหายคิดถึงท่านเลยหนา ท่านพ่อ”

“ไว้วันพรุ่งค่อยมาอยู่กับท่านใหม่ก็ได้หนาน้อง...เรายังอยู่อีกหลายวันเทียว”

“ก็ได้พระเจ้าค่ะ”

“จักทรงบรรทมที่เรือนใหญ่ หระ..”

“ข้าใคร่อยากไปนอนที่เรือนเล็กได้หรือไม่ขอรับท่านพ่อ”

“อ่า ได้พะย่ะค่ะ หม่อมฉันให้บ่าวไพร่ทำความสะอาดมิเว้นวัน”

“ขอบคุณท่านพ่อขอรับ”

“มิได้พะย่ะค่ะ”


.
.
.


   อรุณนี้องค์ภุมรินแลพระชายาชมนาดตื่นบรรทมตั้งแต่เช้าตรู่ อากาศยามเช้าเย็นเสียจนเจ้าชมนาดต้องมีผ้าไหมคลุมไหล่บางไว้อีกชั้นหนึ่ง ทั้งสองพระองค์จับจูงพระหัตถ์กันเสด็จเดินเล่นรับอากาศบริสุทธิ์ ฟ้าหลัวยังมิสว่างดี แต่บรรดาบ่าวไพร่ในโรงครัวกลับทำงานกันอย่างคึกคักเตรียมพระกายาหารเช้าถวายเจ้าหลวง

“หืม...โรงเก็บฟางนี่”ทรงหยุดอยู่ที่โรงเก็บฟางหลังเรือนเล็ก แลแย้มพระโอษฐ์อย่างเจ้าเล่ห์

“เสด็จพี่”เจ้าชมนาดรู้ทันจึงค้อนควักเข้าให้

“พี่ว่าเรามารำลึกความหลังกันดีไหมหนาน้อง”ตรัสถามแลใช้พระหัตถ์ผลักบานประตูเข้าไป

“เหตุใดจึงลามกเยี่ยงนี้หนาพระเจ้าค่ะ...หม่อมฉันหรือก็ท้องโตขึ้นทุกวัน”ว่าอย่างนั้นแต่ก็ยอมเดินตามแรงจับจูงของพระภัสดา
เข้าไปในโรงเก็บฟาง

“หึหึหึ...”

“อ๊ะ!!!”เจ้าชมนาดสะดุ้งตกใจ เมื่ออยู่ดีๆพระภัสดาก็พลิกหันพระวรกายกลับมาแลดึงร่างบางเข้าแนบพระอุระ พระกรกอดรัดร่างเมียแน่นแลซุกไซร้ไล้พระนาสิกกับซอกคอหอมน้ำปรุง พระชิวหากวาดเลียผิวกายอุ่นแลขบเม้มเสียจนช้ำขึ้นสี พระหัตถ์กุมอกนุ่มเป็นกระเปาะบีบเค้นเสียจนเจ้าชมนาดผวาถดกายหนี

“หึหึหึ...ตกใจหรือเจ้า”ผละออกแลพระสรวลน้อยๆ เมื่อเห็นดวงหน้าหวานซีดแลตื่นตระหนก นัยน์ตากวางเบิกกว้าง กลีบปากแดงเผยอเบะออก

“ทรงเล่นกระไรพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันตกใจหนา”

“โอ๋..พี่ก็แค่หยอกเล่นดอกเมียจ๋า”

“.....”เงียบมิโต้ตอบ

“โกรธเคืองพี่หรือน้อง...พี่ขอโทษหนา”

“.....”มิตอบแต่ผินกายเดินหนีออกมาจากโรงเก็บฟาง จนองค์ภุมรินพระทัยเสีย ด้วยว่าถูกเมียโกรธเข้าเสียแล้ว

“เจ้าชมนาด...เมียจ๋า พี่ขอโทษหนาเจ้า”เสด็จตามมาโอบประคองกายบางอย่างเอาอกเอาใจ

“.....”

“โธ่..เจ้าชมนาดจ๋า พี่ขอโทษคนดี”พลิกกายบางให้หันกลับมา แทนที่จักได้ทอดพระเนตรเห็นใบหน้าหวามงอง้ำ แต่เจ้าชมนาดกลับระบายยิ้มเต็มดวงหน้า

“ฮะฮ่าๆๆ...ทรงตกพระทัยหรือพระเจ้าค่ะเสด็จพี่ คิกๆๆ”หัวเราะเสียงใสจนพระภัสดาหรี่พระเนตรมองอย่างหมั่นเขี้ยว ถูกเอาคืนเข้าให้แล้ว

“แกล้งพี่ดอกหรือ”

“ใครจักกล้าโกรธเคืองพระองค์เล่าพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...ร้ายกาจนัก”

“ทรงรู้หรือไม่พระเจ้าค่ะ...ว่าสิ่งที่ร้ายกว่าราชสีห์...”

“.....”

“...ก็คือเมียของมัน”

“หึ ฮะฮ่าๆๆ..เจ้าชมนาด เจ้ามันร้ายนัก”

“ร้ายแลรักหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“รัก”ตรัสแล้วก็ยิ้มให้แก่กัน เจ้าชมนาดโผเข้ากอดพระภัสดาเต็มรัก ออดอ้อนคลอเคลียพระอุระกว้าง องค์ภุมรินเองก็ตระกองกอดเมียรักแนบแน่นเช่นกัน

“ทูลฝ่าบาท ท่านเศรษฐีให้มากราบทูลว่าสำรับตั้งแล้วแล้วพะย่ะค่ะ”เสียงขององครักษ์สุธีทำให้ทั้งสองพระองค์ต้องผละออกจากกัน

“อืม”


.
.
.


“ท่านพ่อ ทนเยอะๆหนาขอรับ”ตรัสแล้วก็ตักแกงให้คนเป็นพ่อ

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ พระชายา”ยิ้มรับอย่างเป็นสุข แลตักข้าวเข้าปาก ได้มินานบ่าวสาวก็ขึ้นเรือนมาเรียนเจ้าบ้านว่ามีแขกมาเยือน

“คุณท่านเจ้าขา คุณการะเกดแลคุณสุพจน์มาเจ้าค่ะ”เมื่อทราบว่าใครมาทั้งสามก็ชะงักไปชั่วครู่

“ใครมาหรือเจ้าคะท่านพ่อ เหตุใดคนจึงเต็มบ้านเช่นนี้...”เมื่อหญิงสาวขึ้นมาบนเรือนพร้อมสามีก็เอ่ยถามเสียงห้วนโดยไม่ได้ดูเลยว่ามิได้มีแค่พ่อตน

“การะเกด เหตุใดยังมิถวายความเคารพพระองค์ท่านอีก”ตำหนิบุตรสาวที่ยืนนิ่งตะลึงค้าง

“อ่ะ เอ่อ..ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท”ทรุดหมอบกราบ พร้อมคนเป็นสามี วันนี้นางแค่กลับมาเยี่ยมเยียนคนเป็นพ่อหลังจากออกเรือนไปเสียนาน ความจริงนางมิได้ตั้งใจจักมาเยี่ยมคนเป็นพ่อดอก หากแต่ต้องการแยกสามีที่กำลังติดพันเมียบ่าวในเรือนเท่านั้นจึงแสร้งอุบายว่าใคร่กลับมาเยี่ยมบิดา แลลากเอาสามีมาด้วย มิคิดว่าจักได้มาเจอน้องชายนอกคอกกับเจ้าหลวงหนุ่มรูปงามเข้าพอดิบพอดีเยี่ยงนี้

“คุณพี่การะเกดเป็นอย่างบ้างขอรับ”เจ้าชมนาดเอ่ยถาม

“มีตาเจ้าก็ดูสิ...”

“การะเกด!! เหตุใดจึงพูดจาเยี่ยงนั้นกับพระชายา”

“พระชายาหรือเจ้าคะท่านพ่อ!!”มิคาดคิดว่าชมนาดจักได้เป็นถึงพระชายาของเจ้าหลวง นางคิดว่าอย่างมากน้องชายก็คงเป็นได้แค่สนมปลายแถวเท่านั้น

“ขอประทานอภัยพระองค์ประเดี๋ยวนี้!!”

“มิเป็นไรดอกขอรับท่านพ่อ ข้ามิถือดอก”

“มิได้พะย่ะค่ะพระชายา..ยังมิทำอีกรึ”

“เอ่อ..ขะ ขอประทานอภัยเพคะพระชายา”หมอบกราบน้องชายต่างมารดาอย่างเสียมิได้

“มิเป็นไรดอกขอรับท่านพี่การะเกด”

“ขอบพระทัยเพคะ”ว่าแล้วก็ช้อนตามองพระพักตร์งามของเจ้าหลวงหนุ่ม พระภัสดาของน้องชาย ทรงงามกระไรเช่นนี้หนา สามีนางที่เป็นบุตรชายท่านขุนนั้นเทียบมิติดเลยด้วยซ้ำ กลีบปากงามแย้มยิ้มทอดสะพานให้ชายสูงศักดิ์ หากแต่พระองค์ทำเพียงเบือนหน้าหนีแลเอาอกเอาใจเจ้าชมนาดต่อมิได้สนใจในตัวหญิงสาวแต่อย่างใด มิต่างกับสุพจน์ที่จับจ้องพระชายามิวางตา น้องเมียที่ตนเกี้ยวพาราสีตั้งแต่ยังมิแต่งงาน บัดนี้กลายเป็นถึงพระชายา เป็นเมียของชายสูงศักดิ์ที่ตนมิอาจเทียบได้ ใครจักเชื่อว่าไอ้ขี้ครอกจักกลายเป็นเจ้าหลวงผู้ที่มีอำนาจบารมีที่สุดในแผ่นดินนี้ แลดูน้องชมนาดสิ ช่างงามผุดผาดราวกับนางอัปสรในวรรณคดี รอยยิ้มนั่นที่มอบให้พระภัสดาช่างน่าหลงใหลกระไรเยี่ยงนี้ เสียดายนักที่มิมีโอกาสได้เชยชม












***********************************************************************







ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
หวังว่าจะไม่มีเรื่องตามมานะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ไม่ถึงกับแหวกแนว แต่คำบรรยายและราชาศัพท์ที่ใช้มันทำให้เนื้อเรื่องดูน่าติดตาม
อ่านแล้วแบบ เฮ้ย มันก็ใช้ได้ อ่านแล้วไม่ได้สะดุด
ตั้งแต่อ่านมาเพิ่งเคยเห็นคำนี้แหล่ะ "พระคุยหฐาน" ที่ใช้แทนตน อ่านตอนแรกนึกว่าน้องชมนาดจะเรียบร้อยเจียมตัวตามประสาลูกเมียเล็ก
ที่ไหนได้แอบปากร้ายแล้วก็ดื้อแพ่ง ก็น้องเพิ่งอายุ 15 ปีเองนะ เจ้าหลวงพรากผู้เยาว์ คึคึ แต่สมัยก่อน 15 ก็ออกเรือนได้แล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เวรกำ หวังว่าจะไม่มีเรื่องแบบการะเกดใช้เสน่ห์กับเจ้าหลวงแล้วได้เข้าวังไปเป็นเมียเจ้าหลวงอีกคนน้าาา ไม่นะะ T_T (หลังจากโล่งอกจากแม่ปิ่นไปแล้วต้องมาเจอกับการะเกดอีก เฮ้อออออ)

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑๔



   ทั้งห้าคนนั่งอยู่ที่โถงเรือน โดยองค์ภุมรินแลพระชายาชมนาดประทับอยู่บนตั่งไม้สักหลังใหญ่ เศรษฐีเฒ่านั่งบนตั่งไม้อีกตัวที่เล็กและต่ำกว่าทางด้านข้าง ส่วนบุตรสาวแลบุตรเขยนั่งหมอบอยู่ที่พื้นเรือน

“คุณพี่เจ้าคะวันนี้อิฉันจักนอนค้างที่บ้าน หากคุณพี่ใคร่อยากกลับเรือนก่อนก็ไปเถิดหนาเจ้าคะ ประเดี๋ยวอิฉันหายคิดถึงบ้าน คิดถึงท่านพ่อแล้วจักกลับเองเจ้าค่ะ”การะเกดกล่าวกับสามี

“หากน้องใคร่อยากนอนบ้านพี่ก็จักนอนเป็นเพื่อนเองหนา”คนเป็นเมียชักสีหน้าเล็กน้อย

“เยี่ยงนั้นพ่อจักให้บ่าวจัดห้องให้หนาแม่การะเกด”

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ...แลฝ่าบาทประทับที่ไหนหรือเพคะ”เอ่ยถามองค์ภุมรินเสียงอ่อนเสียงหวาน

“ข้าอยู่ที่เรือนเล็กกับเจ้าชมนาด มีกระไรหรือแม่”

“เหตุใดจึงไปประทับที่เรือนเล็กเล่าเพคะ ที่เรือนเล็กนั้นเล็กคับแคบ แลไม่สะดวกสบายเท่าเรือนใหญ่”

“ข้าใคร่พักที่เรือนเล็กเอง แม่มีปัญหากระไรหรือ”ตรัสถามเสียงเรียบ หากแต่พระเนตรคมดุกลับฉายแววไม่พอพระทัยจนการะเกดรีบก้มหน้างุดด้วยกลัวอาญา

“มิกล้าเพคะ”

“...ท่านเศรษฐี”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ข้าใคร่อยากพาเจ้าชมนาดไปพักก่อน กำลังท้องกำลังไส้...ประเดี๋ยวได้เวลาอาหารเย็นข้าจักพาเจ้าชมนาดมาใหม่”

“อ่อ..พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“มิเป็นไรดอกพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันมิค่อยเหนื่อยเท่าใดดอก”

“ทรงพักผ่อนก่อนเถิดพะย่ะค่ะพระชายา...ประเดี๋ยวองค์รัชทายาทในครรภ์จักประชวรเอาได้หนา”

“..ไปเถิดน้อง”

“ก็ได้พระเจ้าค่ะ..ท่านพ่อไว้เย็นนี้ข้าจักมาทานข้าวเย็นด้วยหนาขอรับ”
“พะย่ะค่ะพระชายา”

“ท่านพ่อเจ้าคะ”หลังจากที่ทั้งสองพระองค์เสด็จกลับเรือนเล็กแล้ว การะเกดก็เอ่ยปากถามคนเป็นพ่อทันที รวมถึงสามีหนุ่มที่นั่งฟังอย่างใคร่รู้ใคร่เห็น

“หืม...”

“ชมนาด...เอ่อ พระชายาทรงครรภ์หรือเจ้าคะ”

“อืม ใช่ทรงครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว”ตอบแลยิ้มอย่างเป็นสุข อีกไม่นานคงได้อุ้มหลานเป็นแน่

“แต่ทรงเป็นชาย เหตุใด...”

“ทรงเสวยยาที่แม่เฒ่าปรุงจึงได้ตั้งครรภ์”

“แม่เฒ่าคือใครเจ้าคะ”

“แม่เฒ่า...คือหมอไสยประจำวังหลวง เก่งกาจนัก ว่ากันว่านางมองอนาคตได้แม่นยำราวตาเห็น หนำซ้ำยังปรุงยาวิเศษได้อย่างน่าอัศจรรย์ ยาที่นางปรุงทำให้บุรุษมีครรภ์ได้เยี่ยงสตรี แลยังทำให้บาดแผลหายได้ภายในวันเดียว อีกทั้งยังทำให้คนแก่กลับมามีแรงได้เยี่ยงคนหนุ่มอีกด้วย ราวกับแม่มดก็มิปาน”

“ขนาดนั้นเชียวหรือเจ้าคะ”

“อื้ม”

“น่าอัศจรรย์นัก”


.
.
.

   การะเกดแอบย่องหนีพ่อแลสามีมาที่โรงครัว จัดการสั่งบ่าวไพร่ให้เตรียมขนมจัดใส่พานทองเหลืองอย่างสวยงาม กลีบปากงามคลี่ยิ้มพึงพอใจ ก่อนลงทุนยกพานขนมหวานไปที่เรือนเล็กด้วยตนเอง เมื่อไปถึงก็ต้องชักสีหน้าเมื่อข้าหลวง แลองครักษ์หลวงมิให้นางเข้าไปในเรือนเล็ก

“เหตุใดจึงมอให้ข้าเข้าเฝ้า ข้าเป็นพี่สาวของพระชายาหนา!!”หญิงสาวว่าเสียงกร้าว พานขนมนี่ก็หนักเหลือ จักให้นางยืนตากแดดถืออีกนานหรือไม่

“พระชายาทรงบรรทมพักผ่อนอยู่ข้าคงให้แม่เข้าไปมิได้ดอก”องครักษ์สุธีกล่าว นางจำได้ชายผู้นี้ที่ตามเสด็จฝ่าบาทตอนที่ปลอมพระองค์เป็นคนป่า

“ข้ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาท หาใช่พระชายาไม่!!!”

“....”ยังมิทันที่องครักษ์หลวงสุธีจักได้กล่าวกลับไป อุ่นก็ออกมาพร้อมกับกล่าวเชิญหญิงสาว

“เชิญคุณการะเกดเจ้าค่ะ”

“หึ”หญิงสาวเหยียดยิ้มแลสะบัดหน้า ก้าวขึ้นเรือนไป

   ข้าหลวงสาวเปิดประตูห้องนอนให้การะเกด หญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ราวกับจักใช้รอยยิ้มหวานนี้มัดใจพระภัสดาของน้องชาย ร่างบางทรุดนั่งกับพื้นเรือน ก้มหน้าท่าทางเขินอาย เหลือบเห็นเงาลางๆว่าพระบาทอยู่ตรงหน้า วางพานขนมไว้ข้างกาย แลหมอบกราบแทบพระบาทบางอย่างอ่อนช้อย

“ถวายพระพรเพคะ..หม่อมฉันนำขนมหวานมาถวายเพคะ”

“...มิต้องลำบากดอกขอรับคุณพี่การะเกด ฝ่าบาทมิโปรดขนมหวานสักเท่าใด แลข้าก็กำลังท้องไส้ กินขนมหวานเช่นนี้มิดีต่อองค์รัชทายาทในท้องดอก”เสียงหวานของเจ้าชมนาดดังขึ้น ทำให้การะเกดรีบเงยหน้าขึ้น ภาพเบื้องหน้าคือชมนาดที่นุ่งผ้าแถบคาดอกสีหวานแลโจงกระเบนสีอ่อน ส่วนองค์ภุมรินนั้นทรงประทับอยู่บนเตียงนอนทอดพระเนตรมองมาที่นางอย่างขำขัน นี่นางกราบเท้าชมนาดดอกหรือ!!

“ชะ...พระชายา”

“จ้ะ..ข้าเอง”ว่าแล้วเสด็จไปประทับข้างพระภัสดา

“....”

“คุณพี่มาถึงเรือนเล็ก เพียงแค่นำขนมหวานมาถวายแค่นี้หรือขอรับ”เจ้าชมนาดเอ่ยถาม ฝ่ามือเล็กลูบท้องนูนของตนอย่างเคยชิน

“พะ ..เพคะ”

“อืม...แลออกเรือนไปกับคุณพี่สุพจน์ เป็นอย่างไรบ้างหรือขอรับ”

“..สบายดีเพคะ”

“แลมีวี่แววว่าจักมีหลานให้ท่านพ่อท่านหรือไม่ขอรับ”ถามยิ้มๆ เอนกายพิงพระอุระกว้างขององค์ภุมรินที่เข้าคลอเคลีย

“ยังมิมีเพคะ”

“...เยี่ยงนั้นหรือ น่าเสียดายนัก”


   พูดคุยได้มินาน การะเกดก็ขอตัวกลับ เนืองจาก มีเพียงชมนาดเท่านั้นที่พูดคุยกับนาง ส่วนฝ่าบาทนั้นหาได้ชายตาแลนางไม่ ทรงง่วนอยู่แต่เอาอกเอาใจเจ้าน้องนอกคอก

“ฮึย!!”อุตส่าห์คิดไว้แล้ว เจ้าชมนาดบรรทมพักผ่อน นางคงจักได้เฝ้าฝ่าบาทสองต่อสอง ไฉนจึงกลายเป็นเช่นนี้ หญิงสาวเดินกระแทกส้นเท้ากลับไปยังเรือนใหญ่

“ไปไหนมาหรือน้องการะเกด”สุพจน์เอ่ยถามเมื่อเมียเข้าห้องมาด้วยใบหน้างอง้ำ

“ไม่ยุ่งจักได้ไหมเจ้าคะ!!!”ตวาดใส่สามีก่อนจะกระแทกกายลงบนเตียง หันหลังให้ชายหนุ่ม

“.....”เพราะเหตุนี้แล สุพจน์ถึงได้ไปมีเมียบ่าว เมียบ่าวมันช่างออดช่างอ้อน ฉอเลาะ หาได้ทำตัวน่าเบื่อเยี่ยงเมียผู้ดี

“......”


.
.
.


“ขอประทานอภัยหนาเพคะ..ทรงเสวยแกงสับนกนี่ดูหนาเพคะ รสชาติจัดจ้านเชียวเพคะ”ว่าพลางยกถ้วยแกงสับนกถวายองค์ภุมรินที่ประทับอยู่สูงกว่าตน

“...ขอบคุณหนาขอรับคุณพี่การะเกด แต่คุณพี่กินเถิด ประเดี๋ยวข้าจักปรนนิบัติพระภัสดาเอง”เจ้าชมนาดว่าแลป้อนข้าวใส่พระโอษฐ์พระภัสดาที่อ้ารับพร้อมแย้มพระโอษฐ์น้อยๆ

“เอ่อ..เพคะ”ก้มหน้าซ้อนสีหน้าไม่พอใจ

“ทรงเสวยแกงนี่ดูหนาพระเจ้าค่ะ ว่าโปรดหรือไม่ หากทรงโปรดกลับวังหลวงไปน้องจักทำถวาย”ว่าแล้วก็ป้อนแกงพื้นบ้านให้พระภัสดา

“อืม..เจ้าป้อนกระไร หรือทำกระไรถวาย พี่ก็โปรดทุกอย่างแล”

“พระเจ้าค่ะ”ยิ้มหวานแลปรนนิบัติผัวต่อ

“พระชายาพะย่ะค่ะ”

“หืม..คุณพี่สุพจน์มีกระไรหรือ”

“ทรงเสวยน้ำพริกมะขามนี่ดูไหมพะย่ะค่ะ...รสชาติเปรี้ยวหวานคงถูกพระทัย หม่อมฉันจำได้ว่าทรงโปรดใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”

“จ้ะ...แต่ข้ากำลังท้องกินรสจัดคงมิดีกับลูกเป็นแน่”เจ้าชมนาดตอบพร้อมรอยยิ้มบาง แต่ถูกพระภัสดาบีบเข้าให้ที่บั้นท้ายอย่างมิให้ใครเห็น พระพักตร์เรียบตึงจนเจ้าชมนาดต้องรีบยิ้มประจบแลจับพระหัตถ์ขึ้นลูบปลอบ


.
.
.


หลังจากที่เสวยพระกายาหารค่ำแล้วก็ทรงเสด็จกลับเรือนเล็กพร้อมชายา เมื่อถึงเรือนเล็กก็ทรงมิพูดมิจา เปลื้องอาภรณ์แลหอบหิ้วเอาเมียรักเข้าสรงน้ำในห้องน้ำหลังเล็กที่ตั้งอยู่หลังเรือน

“อ๊ะ..เสด็จพี่พระเจ้าค่ะ อื้อ...เบาหน่อยเถิด อึ๊”เจ้าชมนาดหวีดเสียงสั่นจนข้าหลวงที่อยู่ด้านนอกรอรับคำสั่งมองหน้ากันเลิกลั่ก

“อ่า...เจ้าชมนาด”พระสุระเสียงคำรามให้ผู้ที่ได้ยินมือสั่น ใจสั่น

“อ๊ะ....ทะ ทรงเป็น อา กระไรไปพระเจ้าค่ะ”เสียงกหวานครางเครือ ปทุมนุ่มหยุ่นที่ขึ้นเป็นกระเปาะเพราะตั้งครรภ์ถูกบีบเค้นเสียจนขึ้นรอยพระองคุลี กลีบปากอิ่มถูกพระโอษฐ์ป้อนจูบ ดูดดีงอย่างเอาแต่พระทัย

“อื้ม...เจ้าเป็นเมียข้า เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว”รับสั่งเสียงกร้าวจนเจ้าชมนาดตัวสั่นหวาดกลัว

“...พระเจ้าค่ะ หมะ หม่อมฉันเป็นเมียพระองค์ เป็นของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว”ว่าแล้วก็ทำใจกล้าเข้ากอดคลอเคลียที่ซอกพระศออย่างออดอ้อน ริมฝีปากนุ่มกดจูบไปทั่วพระรากขวัญ ดูดเม้มแผ่วเบาสร้างรอยรักบนพระวรกายของพระภัสดา

“.....”ทอดพระเนตรดวงหน้าหวานของเมีย ก่อนจักโน้มพระพักตร์ป้อนจูบอ่อนหวานปลอบขวัญเจ้าชมนาด ทรงจำได้ว่าไอ้สุพจน์บุตรชายท่านขุนคนนี้มันคิดไม่ซื่อกับเจ้าชมนาด ตั้งแต่ก่อนแต่งกับแม่การะเกดเสียอีก ยิ่งวันนี้ที่ทรงทอดพระเนตรเห็นแววตาของมันแล้ว ความหึง ความหวงก็เล่นงานพระองค์เสียจนจุกอกจนต้องลากน้องน้อยที่กำลังท้องมาฟัดเสียจมเขียวเช่นนี้

“หม่อมฉันรักพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ”กล่าวชิดพระโอษฐ์ หลังจากพระภัสดาถอนจูบออก เจ้าชมนาดหอบน้อยๆ องค์ภุมรินคว้าผ้าผืนใหญ่มาพันรอบกายบางก่อนจะช้อนอุ้มน้องออกจากห้องน้ำแคบ บรรดาข้าหลวงต่างทำกระไรมิถูกเมียเจ้าหลวงทรงอุ้มพระชายาออกจากห้องน้ำในสภาพเปลือยท่อนบน


.
.
.


“อื้อ..เสด็จพี่พระเจ้าค่ะ...อะ อา”อกบางแอ่นจนแผ่นหลังโค้งงอนราวคันศรเมื่อพระอังคุฐบดขยี้ยอดอกตนสลับบีบดึง เรียวขาเล็กถูกจับแยกออกจากกันให้พระภัสดาแทรกพระวรกายลงตรงกลาง

“เมียจ๋า...”

“เสด็จพี่...เบาหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวลูกจักเจ็บ”ประคองพระพักตร์งามด้วยสองมือ ก่อนจะใช้ลิ้นเล็กแลบเลียพระโอษฐ์อุ่น องค์ภุมรินประคองแผ่นหลังเปลือยเนียนด้วยพระหัตถ์ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเลื่อนลงลูบต้นขานุ่ม

“จ้ะ...มิต้องกลัวหนา พี่จักทำเบาๆ”หอมปรางนุ่ม หอมไหล่นวล ไล้พระนาสิกลงมาตามเรียวแขนเล็กขบเม้มหยอกเอินผิวนุ่ม พระวรกายกำยำเคลื่อนลงจนพระพักตร์อยู่ที่หน้าท้องกลมนูน พระโอษฐ์อุ่นแนบจูบพลางใช้พระชิวหาไล้เลียที่แอ่งสะดือขาว พระทันต์ขบเบาๆทิ้งรอยแดงระเรื่อ

“อ๊ะ...ฮะฮ่าๆๆ เสด็จพี่”สะดุ้งก่อนจะหัวเราะเสียงใสเมียหน้าท้องบางกระตุกจากแรงถีบเตะของคนในท้อง

“หึหึหึ...อยากให้พ่อเข้าไปหาหรือลูก”ตรัสถามองค์รัชทายาทในครรภ์พลางคลอเคลียพระโอษฐ์กับหน้าท้องกลม พระสรวลเล็กน้อยเมื่อเจ้าตัวน้อยออกแรงเตะจนหน้าท้องของเจ้าชมนาดกระตุกมาโดนพระโอษฐ์องค์ภุมริน

“เสด็จพี่...”มือเล็กยกลูบหน้าท้องตน ก่อนจะกัดปากเชิดหน้า เมื่อยอดอกถูกครอบครองแลถูกรังแกด้วยพระชิวหาร้อน ดูดดึงเสียจนแดงช้ำ

“...จุ๊บ”กดจูบไปทั่วแผ่นอกบางจนเกิดเสียง ฝ่าพระหัตถ์กอบกุมก้อนเนื้อนุ่มที่ห่อหุ้มกลีบชมนาดไว้เสียเต็มพระหัตถ์ บีบเค้นให้เมียดิ้นเร่า วงแขนเล็กเสลาวาดกอดรอบพระอังสะ รสรักของพระภัสดาแม้จักอ่อนโยนแต่ก็แฝงไปด้วยความเอาแต่พระทัย แลเร่าร้อนเข็ดฟัน พระมัชฌิมาแตะคลึงที่ปากทางจนเจ้าชมนาดตัวสั่น ผงกหัวอ้อนขอจุมพิตราววิฬารยั่วสวาท องค์ภุมรินคว้าพระเขนยมารองสะโพกอิ่มจนลอยเด่น ขยับพระมัชฌิมาเข้าออก ควานเป็นวงกลมจนเจ้าชมนาดบิดเอวร่อนตาม ถอนออกก่อนจะกดเข้าไปใหม่พร้อมพระดัชนี พระองคุลีทั้งสองบิดหมุนเขย่า ดึงเข้าออก จนเจ้าชมนาดเกร็งเท้าจิกพระยี่ภู่แน่น เอวบางบิดยกราวคณิการ่านรัก จิกเล็บระบายความซ่านลงบนพระขนองจนเป็นรอย ดวงหน้าหวานชื้นเหงื่อแหงนหงาย อ้าปากครางเสียงสั่นเครือ

“สะ สะ เสด็จพี่ อ๊าาา หมะ หม่อมฉัน อ๊ะ...อื้อออ”ผวายกสะโพกตามเมื่อพระภัสดาถอนองคุลีร้ายทั้งสองออก หวีดเสียงหลงเมื่อแทรกกลับเข้ามาอีกคราด้วยจำนวนที่มากกว่าเดิม พระองคุลีทั้งสามคับแน่นอยู่ในกลีบชมนาดที่รัดรึงตอดตุบๆ

“รักพี่ไหมคนดี”

“ระ รักพระเจ้าค่ะ หมะ หม่อมฉันรักพระองค์ รักพระองค์คนเดียวหนาพระเจ้าค่ะ”ทูลเสียงสั่น นัยน์ตากวางคลอน้ำด้วยอารมณ์สวาทลุกฮือ

“ให้พี่เข้าไปหาลูกหนา”กระซิบชิดใบหูขาว ก่อนจักไล้พระชิวหาดูดดึงติ่งหูนุ่มนิ่มราวกับขนมหวาน

“ฮื่อออ...ทรงเข้ามาเถิดพระเจ้าค่ะ น้องจักขาดใจตายแล้ว”ฝ่ามือเล็กลูบไล้พระอุระที่แน่นไปด้วยกล้ามพระมังสะ นิ้วเล็กบดบี้ยอดพระถัน ก่อนจักเลื่อนใบหน้าหวานชิดพระอุระ ลิ้นเล็กไล้เลียดูดดุนยอดพระถันสีเข้มเสียจนพระภัสดาครางคำราม พระหัตถ์ใหญ่ผลักต้นขาน้องแยกออกจากกันวางตั้งฉากกับพระแท่นบรรทม จับพระคุยหฐานถูไถที่กลีบชมนาดสีสด กดพระกฤษฎีจนท่อนเนื้อมุดหายเข้าไปจนมิด พระอูรุแนบสนิทกับก้อนเนื้อนุ่มคู่

“อ่าาา..ซี๊ด เมียจ๋า”หอมซอกคอน้องเสียฟอดใหญ่เสียงดัง พระทนต์แทะเล็มหัวไหล่มนจนเจ้าชมนาดครางหงิงๆ

“อะ อื้อ หือออ”

“อาาาา”

“อ่ะ อึ๊ เสด็จพี่ อ๊ะ อ๊าาา”เจ้าชมนาดซบใบหน้ากับพระอังสา ลิ้นเล็กไล้เลียพระกรรณอย่างเอาพระทัย แขนเสลากอดรัดพระขนอง พระกรกอดรัดร่างเมียจนแผ่นหลังเนียนลอยไม่ติดพระยี่ภู่ พระหัตถ์ดึงกลุ่มผมยาวจนเจ้าชมนาดหน้าหงาย พระโอษฐ์แนบป้อนจูบตะกรุมตะกรามให้จนพระเขฬะไหลเปรอะขอบปากน้อง พระโสณีขยับกระทั้นเข้าหากลีบชมนาดช้ำ แต่ก็ยังทรงยั้งแรงไว้พอควร หน้าท้องขาวกระตุกถี่ราวกับคนในครรภ์กำลังประท้วงคนเป็นพ่อแลแม่ องค์ภุมรินประคองแผ่นหลังบางพลิกพระวรกายให้เจ้าชมนาดขึ้นคร่อมพระองค์

“เสด็จพี่”

“ขยับสิน้อง”ทรงประทับพิงหัวเตียง ประคองเมียรักที่นั่งคร่อมพระเพลา จับแขนเล็กโอบรอบพระศอ พระกรกอดประคองเอวบาง พระกฤษฎีเสยสวนขึ้นจนเจ้าชมนาดหวีดร้องด้วยความเสียวซ่าน สะโพกเล็กเบียดคลึงอยู่บนพระเพลาราวกับเต้นรำก็มิปาน จับยึดพระอังสะไว้มั่นออกแรงขย่ม ร่อนเอวเสียจนพระภัสดาพระพักตร์เหยเก ใบหน้างามแหงนเชิด อ้าปากหอบรับอากาศเข้าปอด


.
.
.



   เจ้าชมนาดนั่งพิงหัวเตียงด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงพันกันเป็นกระจุก ผ้าแถบคาดอกสีหวานหลุดลุ่ยเสียจนเผยให้เห็นเม็ดบัวสีหวานวับๆแวมๆ เนื้อตัวขาวจัดมีรอยพระองคุลีแลรอยรักกระจายทั่ว ดวงหน้างามดูมึนงง ฝ่ามือเล็กลูบครรภ์ตนไปมา


แอ๊ดดดด


เสียงบานประตูไม้เปิดอ้า เรียกให้เจ้าชมนาดหันมอง ก็พบพระภัสดาที่ถืออ่างน้ำทองเหลืองเข้ามาพร้อมผ้าผืนเล็ก

“ตื่นแล้วหรือน้อง...เป็นเยี่ยงไรบ้าง”ทรงวางอ่างน้ำไว้บนโต๊ะข้างเตียง แลหันมาโอบกอดคลอเคลียเมียรัก พระนาสิกสูดหอมปรางนวลฟอดใหญ่

“เสด็จพี่พระเจ้าค่ะ”เรียกพระภัสดาเสียงอ่อย ใบหน้าหวานเอียงซบพระอังสะ นัยน์ตากวางหลับพริ้ม

“หิวไหมจ๊ะ...เลยเวลาอาหารเช้ามาหลายชั่วยามแล้วหนา”พระหัตถ์ลูบแผ่นหลังบางปลอบ

“พระเจ้าค่ะ”พยักหน้าน้อยๆ แต่มิลืมตา

“ตัวรุมๆจักจับไข้หรือ”

“....มิทราบพระเจ้าค่ะ”ตอบเสียงงัวเงีย

“เช่นนั้นเช็ดตัวก่อนหนา ประเดี๋ยวพี่จักให้อุ่นเตรียมสำรับให้”

“พระเจ้าค่ะ”ว่าแล้วก็นั่งซบพระอุระนิ่ง ปล่อยให้พระภัสดาเช็ดตัว หวีผม แลเปลี่ยนผ้าให้

“กินหน่อยหนาคนดี”ทรงป้อนข้าวเมียอย่างเอาอกเอาใจ เจ้าชมนาดอ้าปากรับอาหารที่พระภัสดาป้อน แต่ตาแทบจักลืมมิขึ้น

“เสด็จพี่..พอแล้วพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นเจ้านอนพักหนาเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”รับน้ำลอยดอกมะลิจากพระภัสดามาดื่มล้างปากก่อนจักเอนกายลงนอน นัยน์ตากวางหลับพริ้ม มินานก็เข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความเหนื่อยอ่อน ราตรีที่ผ่านมากว่าองค์ภุมรินจักยอมปล่อยพระชายาออกจากกรงเล็บราชสีห์ก็ยามสี่เข้าให้แล้ว
พระหัตถ์ลูบผมยาวที่แผ่เต็มหมอนกล่อมน้องน้อยแลองค์รัชทายาทในครรภ์ เจ้าชมนาดหลับสนิท พระภัสดาจึงดึงผ้าแพรขึ้นปิดถึงแผ่นอกบาง ก่อนจะเสด็จออกจากห้องนอน เสด็จเดินเล่นอยู่รอบๆเรือนเล็ก ต้นไม้ที่พระองค์เคยปลูกครั้งปลอมพระองค์เป็นคนป่าก็งอกเงยโตวันโตคืน รวมทั้งต้นลำไยที่ทำให้พระองค์ปล้นจูบแรกจากเจ้าชมนาดด้วย ใคร่อยากให้ข้าหลวงขุดไปปลูกต่อที่วังหลวงเสียจริง พระโอษฐ์ยกยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงความหลัง เจ้าชมนาดในตอนนั้นช่างพยศนัก แลดูตอนนี้เถิดเชื่องเสียยิ่งกว่าวิฬารน้อย อย่าว่าแต่เจ้าชมนาดเชื่องกับพระองค์เลย พระองค์เองก็เชื่องกับเจ้าชมนาดราวกับราชสีห์ถอดเขี้ยว

“ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท”เสียงหวานแหลมดังขึ้นด้านหลัง พระโอษฐ์หุบยิ้ม สายพระเนตรคมดุตวัดมององครักษ์หลวงคนสนิทอย่างตำหนิที่ปล่อยให้นางผู้นี้เข้ามา องครักษ์สุธีก้มหน้าอย่างลุแก่โทษ

“มีกระไรหรือแม่”ตรัสถามเสียงเรียบมิยินดียินร้าย

“อะ เอ่อ...ทรงเกษมสำราญหรือไม่เพคะ”

“อืม..”

“เอ่อ ละ แล้ว...”

“เฮ้อ...ข้าขอตัวก่อนหนาแม่ จักต้องไปดูเจ้าชมนาดก่อน”

“ไปดูชม...เอ่อ พระชายาทำไมหรือเพคะ”

“.....”ทอดพระเนตรมองอย่างมิสบอารมณ์

“เอ่อ...”

“......”มิกล่าวสิ่งใด เสด็จเดินหนีออกมา

“ฝะ ฝ่าบาท...ค่ำนี้จักทรงรวมโต๊ะกับท่านพ่อหรือไม่เพคะ”

“ก็คงร่วม”

“ยะ เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักทำพระกายาหารถวายหนาเพคะ”

“จักทำกระไรก็ทำเถิดแม่”...ข้ารำคาญเจ้านัก


   ทรงเสด็จกลับขึ้นเรือนเล็ก แลกลับเข้าห้องไปหาเมีย เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบเจ้าชมนาดนั่งมองมาที่พระภัสดา

“หืม...เหตุใดจึงตื่นเร็วนักเล่าเจ้าชมนาด”ตรัสถามแลก้าวเข้าไปหาน้องน้อย

“เสด็จพี่...ทรงไปไหนมาหรือพระเจ้าค่ะ”แขนเล็กอ้าออกรอรับกอดจากพระภัสดา

“พี่ไปเดินเล่นรอบๆเรือนนี่แล”กอดร่างบางไว้แลหอมปรางเสียฟอดหนึ่ง

“...หรือพระเจ้าค่ะ”

“นอนต่อไหมคนดี”

“ไม่ดีกว่าพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”


.
.
.



   ค่ำนี้องค์ภุมรินพาเมียรักมาเสวยพระกายาหารกับพ่อตาที่เรือนใหญ่เช่นเคย แลสองผัวเมียก็กวนพระทัยพระองค์เช่นเคย คงจักรวมไปถึงเจ้าชมนาดด้วย ใบหน้างามเรียบตึง เจ้าตัวน้อยในท้องคงแผลงฤทธิ์เข้าให้แล้ว จึงทำแม่หงุดหงิดเช่นนี้ วันนี้เจ้าชมนาดอารมณ์แปรปรวนนักเมื่อกลางวันก็ออดก็อ้อนเสียจนพระองค์ระทวย แต่พอค่ำก็หงุดหงิดเสียจนพระภัสดาต้องเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าชมนาด...อาหารถูกปากหรือไม่”ตรัสถาม

“พระเจ้าค่ะ”เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พระภัสดา แต่คิ้วเรียวยังขมวดเป็นปมอยู่ น่าเอ็นดูเสียจนองค์ภุมรินยิ้มขำ

“เอ่อ...พระชายาพะย่ะค่ะ”

“ขอรับท่านพี่สุพจน์”เสียงหวานขานรับห้วนๆ

“แกงลูกกล้วยนี่การะเกดลงมือทำเองเลยหนาพะย่ะค่ะ รสดีนัก..ทรงชิมหน่อยไหมพะย่ะค่ะ”ว่าแล้วก็ยกถ้วยแกงถวาย

“อึก..”

“เจ้าชมนาด”องค์ภุมรินรีบประคองเมียรักทันทีที่เจ้าชมนาดส่งเสียงแปลกๆ

“เสด็จพี่..อึก อ้วก”เจ้าชมนาดก้มลงอาเจียนจนน้ำตาไหล

“กรี๊ดดดด!!”การะเกดหวีดร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าชมนาดอาเจียนแลกระเด็นมาถูกหล่อน

“พระชายา”ท่านเศรษฐีตกใจรีบรุดมาดูอาการบุตร

“ข้าจักพาเจ้าชมนาดกลับเรือนเล็กก่อน”ว่าแล้วก็ช้อนร่างบางขึ้นแนบพระอุระเสด็จกลับเรือนเล็ก





















*******************************************************************







ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
น่าติดตามมมมมม
มาเม้นให้กำลังใจจ้าาาาา

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
รำคาญสองผัวเมียการะเกดแลสุพจน์

ออฟไลน์ goldentime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
5555ยัยคุณพี่กาลาเกดสมน้ำหน้า ขอบคุณคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  :m20:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
แรกๆ เหมือนชมนาดจะใสๆ แต่เอาเข้าจริงๆก็แรงใช่ย่อย เอาตัวรอดได้ดีเลยนะ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อยากเห็นหลานล้าวว

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
รู้สึกอยากเข้าไปหาลูกบ่อยจังเลยหนาเจ้าหลวง :-[ เบาๆหน่อยถนอมน้องด้วยนะเพคะ

รำคาญการะเกดมากเลย เป็นอะไรมากป่าวอยากได้จริงผัวน้อง :z6:

ชอบชมนาด เป็นคนดีที่ไม่โง่แบบที่ชอบเจอ แบบโดนนางร้ายปั่นหัวหรืออ่อนแอ แต่มีมารยาพอเอาตัวรอดได้ :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ตัวร้ายตายแล้วอ่ะ

ออฟไลน์ pattapong200320

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอตตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด