พิมพ์หน้านี้ - ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Thichadad3938 ที่ 15-03-2017 17:34:18

หัวข้อ: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 15-03-2017 17:34:18
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง


ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



"รักแรกพบ"
เพียงเจ้าหลวงหน่มได้พบสบตากับหนุ่มชาวบ้านพระทัยก็สั่นเต้นรัวดั่งรัวกลอง


“...ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น        ภุมรินหลงใหลคะนึงหา
              บดขยี้พวงเจ้าด้วยกามา                เสน่หายวนใจให้ติดตรึง...”
[/b]

หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ชมนาดเย้าภุมริน ตอนที่ ๐๑
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 15-03-2017 17:44:48
ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น  ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑


แคว้นภุมริกา

ทั่วทั้งบริเวณไพรสัณฑ์เงียบสงัดไร้เสียง สายตานับสิบคู่จดจ้องอยู่ที่กระต่ายน้อยตัวขาวขนฟู ซึ่งกำลังกระโดดโลดเต้นอย่างไม่รู้
ชะตากรรมตัวเอง ศรคมจากศาสตราวุธประจำพระองค์ง้าง สายพระเนตรคมกริบจดจ้องที่เหยื่อตัวน้อย พระดัชนีปล่อยศรคมพุ่งใส่
กระต่ายตัวน้อย


ฟึ่บ!!


“อย่า...อ๊ะ!!”

มิทันที่ศรคมจะถูกตัวเหยื่อแสนน่ารัก ร่างน้อยที่มาจากไหนก็มิอาจทราบวิ่งออกจากพุ่มไม้ กระต่ายตัวอ้วนตกใจวิ่งหนีไป
คมศรเฉียดแขนเล็กจนได้เลือด

“บังอาจนัก!!”องครักษ์คนสนิทก้าวออกจากที่ซ่อนตรงเข้าหาร่างบางที่นอนฟุบอยู่กับพื้น มือเล็กกุมแผลตัวเอง ตัวสั่นเทาด้วย
ความหวาดกลัว

“ช้าก่อนสุธี”พระสุระเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขัด ก่อนจะก้าวพระบาทออกจากที่ซ่อน

“ฝ่าบาททรงระวังหนาพะย่ะค่ะ...ขออภัย...ภุมริน”องครักษ์หลวงวิ่งมาดักพระวรกายสูงใหญ่ของนายเหนือหัว ก่อนจะได้รับสายตา
ปรามจากเจ้าหลวงหนุ่มจึงต้องเปลี่ยนสรรพนามการเรียกใหม่ เป็นอันรู้กันว่าอยู่นอกวังหลวงจะมิมีเจ้าหลวง แลองครักษ์จักมี
เพียงภุมริน แลสุธี

“มิเป็นไรดอกท่านสุธี คนผู้นี้รึก็ตัวแค่นี้ มิมีพิษมีภัยดอก ดูสิตัวสั่นเป็นลูกนกเปียกน้ำเชียว”ทรงตรัสแลทอดพระเนตรไปยังร่าง
อรชรที่ฟุบอยู่มิไกล

“ประมาทมิได้หนาขอรับภุมริน”

“หึหึหึ มิเป็นไรดอกน่า คนของเรา ณ ที่นี้มีมากกว่าสิบนาย คงมิปล่อยให้ข้าถูกปลิดชีพต่อหน้าต่อตาดอกหนา”

“....”เมื่อรับสั่งดังนั้นองครักษ์หลวงจึงต้องจำใจยอมให้ผู้เป็นนายได้เข้าใกล้ร่างบางของคนแปลกหน้า

“เจ้าเป็นใครกันรู้หรือไม่ว่ามันอันตรายเพียงใด หากข้าเบี่ยงศรไม่ทัน ศรคงปักขั้วหัวใจเจ้าไปแล้ว”

“...อึก ขออภัย ข้าเพียงแต่มิใคร่อยากให้ท่านฆ่ากระต่ายน้อยนั่น”เสียงหวานเอ่ยกระท่อนกระแท่น ก้มหน้ามิยอมเงย

“หืม เจ้ามิปรารถนาให้ข้าฆ่ากระต่ายน้อยตัวนั้น แลคิดหรือไม่ว่าทำเช่นนี้ข้าอาจจะได้ปลิดชีพเจ้าแทน”

“ข้าขออภัย ข้ามันช่างโง่เขลา”

“เอาเถิด..ช่างมัน แลเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ขอข้าดูแผลหน่อยเถิด”

“มิเป็นไร ข้ามิได้เป็นไรนายท่าน”

“จะมิเป็นไรได้อย่างไร หน้าเจ้าซีดจนไร้สีเลือดแล้ว”พระดัชนีเชยคางมนให้เงยขึ้น



เพี๊ยะ


“บังอาจ!!”องครักษ์หลวงตวาดเสียงดังลั่นเมื่อคนตัวเล็กตกใจจนเผลอปัดพระกรทิ้ง

“มิเป็นไรสุธี ข้ามิถือดอก”

“ขะ ข้าขออภัย”

“อย่าได้กลัวไป ขอให้ข้าดูบาดแผลของเจ้าหน่อยเถิดหนา”

“อึก..”มือเล็กค่อยๆปล่อยบาดแผลที่กุมไว้ เลือดสีแดงสดไหลออกจากปากแผลมิขาดสาย

“แผลไม่ลึก แค่โดนถากๆ สุธีตามหมอ”หันไปรับสั่งให้ตามหมอหลวงที่ตามเสด็จ

“มะ มิเป็นไร ขะ ข้าจะกลับไปทำแผลที่เรือนเอง”

“เรือน? อยู่แถวนี้หรือ”

“...”มิตอบแต่พยักหน้ารับ

“เยี่ยงนั้นพาข้าไปเรือนเจ้า”

“หา...เอ่อ”

“เร็วเข้า”

“ตะ แต่ ท่านพ่อข้าคงมิใคร่พอใจที่ข้าพาคนแปลกหน้าเข้าเรือน”

“งั้นรึ”

“อะ อืม”

“กระนั้นเถิด ข้าจักไปส่ง เร็วเข้าเถิด ประเดี๋ยวเลือดจักไหลหมดตัวเสียก่อน”


.
.
.



“ชมนาดเจ้าพาใครขึ้นเรือนกัน!!!”เสียงการะเกดพี่สาวต่างมารดาดังขึ้นเมื่อน้องชายพาชายฉกรรจ์สองคนที่แต่งกายเหมือนชาว
ป่า นุ่งเพียงโจงกระเบนสีตุ่นเปลือยท่อนบน มีผ้าคล้องไหล่แบบสมัยอยุธยาสมัยที่สอง มีผ้าพันหน้าพันตา เผยให้เห็นเพียง
ดวงตาคมดุ

“..คุณพี่การะเกด สองคนนี้ข้าเจอในป่า เขา....”

“นี่เจ้ากล้าพาคนป่าเข้าบ้านได้อย่างไรกัน!!!”ตวาดเสียงดัง เจ้าหลวงหนุ่มมองกิริยาเกรี้ยวกราดที่ขัดกับใบหน้าสวยๆอย่าไม่
ชอบใจ

“ข้า...”

“หากท่านพ่อกลับมาเจ้าโดนดีแน่ไอ้น้องนอกคอก!!!”

“...คุณพี่”เสียงหวานครางเรียกพี่สาวเบาๆ

“คุณหนูเจ้าขา ท่านสุพจน์มาเจ้าค่ะ”

“คุณพี่สุพจน์”ใบหน้าสวยฉายแววยินดี

“....”ร่างบางยืนก้มหน้ากุมแผลที่ไม่มีใครสนใจนิ่งๆ

“ชมนาด”

“ขอรับคุณพี่”

“กลับเข้าเรือนเจ้าไปซะ พาไอ้คนป่าคนเขาของเจ้าไปด้วย อย่าได้มาเสนอหน้าให้คุณพี่สุพจน์เห็นเด็ดขาด หากเจ้ากล้าโผล่หน้า
มาให้ท่าคุณพี่สุพจน์ ข้าเอาเจ้าตายแน่”ขู่เสียงแข็งก่อนจะเดินสะบัดผมออกไป

“นั่นพี่สาวเจ้าหรือ”เจ้าหลวงหนุ่มถาม

“ใช่...ท่านทั้งสองตามข้ามาทางนี้”บอกแล้วเดินนำมาทางเรือนไม้ที่อยู่ห่างออกไปจากเรือนใหญ่มิไกลนัก มีลักษณะเป็นเรือน
ยกพื้น ใต้ถุนสูงจากพื้นดินเสมอศีรษะคนยืน ชายคายื่นยาวเพื่อกันฝนสาด แดดส่อง

“เจ้าเป็นลูกของเจ้าของบ้านแน่หรือ เหตุใดจึงได้ดูราวกับบ่าวไพร่”จบคำเจ้าหลวงหนุ่ม คนตัวเล็กก็ตวัดตามองอย่างมิค่อยจัก
พอใจนัก

“..แม่ข้าเป็นเมียสาม”

“อ่อ คุณพี่ของเจ้าเป็นลูกเมียเอกหรือ ถึงได้ดูชังเจ้านัก”

“คุณพี่การะเกดเป็นบุตรเมียสอง”

“อืมมม...แล้ว...”

“ท่านจะถามอีกเยอะหรือไม่ พ่อนักล่ากระต่าย”ถามอย่างไม่ใคร่พอใจ

“มิกล้าแล้วขอรับคุณหนู”ยกพระหัตถ์เสมอพระพักตร์แล้วยิ้มเผล่

“เช่นนั้นก็นั่งเฉยๆ...อุ่น อุ่นอยู่หรือไม่ อุ่น”กล่าวแล้วก็ตะโกนเรียกบ่าว

“เจ้าขาคุณชมนาด”บ่าวสาววิ่งเข้ามานั่งพับเพียบรับคำสั่ง

“จัดหาของว่างให้ชายทั้งสองนี้หน่อยเถิด”

“เจ้าค่ะ”รับคำสั่งแล้วออกไปจัดการตามคำสั่งนายทันที

“เจ้าอายุเท่าใดกัน”ทรงตรัสถาม

“...สิบห้า”

“แล้วเป็นชาย ไฉนเลยจึงไว้ผมยาวเยี่ยงสตรี”

“.....ถามมากไปแล้ว”

“อ่า...ข้าว่าเจ้าทำแผลก่อนดีหรือไม่”

“.....”มิเปิดปากตอบหากแต่เดินไปในห้องนอนเปิดตู้ไม้เก่าๆแต่สะอาดสะอ้านฉลุลายสวยงาม หยิบถาดทองแดงที่มียาสมุนไพร
ใส่ในถ้วยดินเผาเล็กๆออกมาตั้งบนเตียง

“ถอดเสื้อออก ข้าจักช่วยทำแผลให้”เสด็จตามเข้ามา ถือวิสาสะนั่งลงบนเตียงของร่างบาง

“มิต้องดอก ข้าทำเองได้”แต่ร่างบางก็หาได้ถือสาไม่ นั่งลงบนเตียงเช่นกัน

“ให้ข้าทำให้เถิด ข้าเรียนหมอมา”

“จริงหรือ มิน่าเชื่อว่าสารรูปอย่างท่านจักเรียนหมอ”ยิ้มเยาะจนเจ้าหลวงหนุ่มอยากจะจับมาฟัดปากแดงๆนั่นลงโทษ

“อย่าดูคนที่ภายนอก เคยได้ยินหรือไม่”ถึงจะเป็นเจ้าหลวงแต่ก็ร่ำเรียนวิชาแพทย์ ถึงจะเรียนมิสำเร็จเพราะต้องขึ้นเป็นเจ้าหลวง
ก็ตาม แต่ก็พอจักมีความรู้ความสามารถพอจักทำแผลได้

“เอาเถิด แต่ข้า...”

“ให้ข้าทำให้เถิดคุณหนูน้อย ถือเสียว่าไถ่โทษที่ข้าทำเจ้าเจ็บ”

“....ก็ได้”

“สุธี ไปขอน้ำอุ่นแลผ้าสะอาดจากบ่าวมาให้ข้าที”

“ขอรับ”ไม่นานองครักษ์หนุ่มก็กลับมาพร้อมกะละมังใส่น้ำอุ่นพร้อมผ้าสะอาด

“เจ้าออกไปก่อนเถิดสุธี”รับสั่ง สุธีก็ออกไปอย่างว่าง่าย

“ให้เพื่อนท่านออกไปทำไมกัน”

“หรือเจ้าอยากจะถอดเสื้อให้ข้าแลเพื่อนได้ดูเรือนร่างเจ้า”

“.....”ไม่ตอบแต่ใบหน้าแดงระเรื่อ

“เอาละถอดเสื้ออกข้าจะทำแผลให้ หากชักช้าประเดี๋ยวจะอักเสบ”รับสั่งแล้วนำผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่น บิดพอหมาด เงยพระพักตร์ขึ้น
ก็ทอดพระเนตรเห็นร่างบางค่อยๆปลดกระดุมเสื้อแขนกระบอกยาวออก ผิวกายขาวผ่องต้องพระเนตรจนพร่า ตุ่มไตสีหวาน
กระเพื่อมตามจังหวะการหายใจที่แรงขึ้นเนื่องจากความเจ็บระบมแผล ทรงกลืนพระเขฬะลงพระศอ ชมนาดค่อยๆปลดเสื้อออจาก
กายบางจนเหลือเพียงโจงกระเบนสีเมฆครามตัดกับผิวขาวๆ

“อ๊ะ...อื้อออออ เจ็บ”ร่างบางหลับตาเกร็งครางด้วยความเจ็บแสบเมื่อเจ้าหลวงภุมรินทรงใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาด
บาดแผลให้

“โชคดีที่แค่เฉียดๆ”ตรัสแล้วเช็ดคราบเลือดแห้งออกให้คนตัวเล็กจนสะอาด พยายามไม่ทอดพระเนตรที่ใดนอกจากปากแผลที่
ต้นแขนเล็ก แล้วยิ่งส่งเสียงครางแปลกนั่นแล้วใจหนุ่มถึงกับเขว

“ข้าเจ็บ ท่าน..”

“ทนเอาหน่อย”

“อื้อ อ๊ะ โอ๊ย”ร้องเสียงดังเมื่อพระหัตถ์ใหญ่โปะก้อนสมุนไพรสีเขียวอี๋ลงบนปากแผล ก่อนจะพันผ้าขาวแล้วมัดจนแน่น

“เสร็จแล้ว”

“ขอบคุณ...ข้าว่าท่านควรจักกลับไปได้แล้ว ประเดี๋ยวจักค่ำมืดเสียก่อน”

“...หากข้าจักขอเป็นคนงานที่บ้านเจ้าจักได้หรือไม่”

“หา...ข้ามิมีอัฐพอจักจ้างท่านดอกหนา

“มิต้องจ่ายอัฐดอก ข้าขอแค่ที่ซุกหัวนอนกับข้าวก็พอแล้ว”

“แต่ข้าต้องบอกท่านพ่อเสียก่อน”

“ได้”


.
.
.



“เจ้าจักรับบ่าวใหม่เยี่ยงนั้นหรือชมนาด”ชายสูงอายุเอ่ยถามบุตรชายที่นั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นพร้อมชายหนุ่มร่างกำยำอีกสองคน
ส่วนตัวเองนั่งอยู่บนตั้งมีบ่าวสาวคอยบีบนวดอยู่

“ขอรับท่านพ่อ สองคนนี้มิเอาอัฐ ขอเพียงข้าว แลที่ซุกหัวนอนขอรับ”

“อืม...แลเจ้าว่าอย่างไร”

“ลูกจักให้สองคนนี้ทำงานอยู่ที่เรือนลูกขอรับ”

“ก็แล้วแต่เจ้าเถิด หากเจ้าว่าไว้ใจได้ข้าก็มิขัด หากแต่อย่าให้เกิดปัญหาตามมา มิเช่นนั้นคนที่จักต้องโทษ คือเจ้า ชมนาด”

“ขอรับท่านพ่อ”


.
.
.



เพลาผ่านไปสามวันแล้วที่เจ้าหลวงหนุ่ม แลองครักษ์หลวงปลอมกายมาเป็นคนสวนในเรือนเล็กของชมนาด


ป๊อก!!


เม็ดลำไยกระเด็นโดนพระเศียรจนเจ้าหลวงหนุ่มที่กำลังออกแรงขุดหลุมปลูกต้นไม้ต้องเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรคุณหนู
น้อยที่นั่งกินลำไยอยู่ที่ชานระเบียง

“กระไรกันคุณหนูน้อย”

“เม็ดลำไยไงเจ้า มิรู้จักดอกหรือ”

“รู้ แลท่านปาใส่ข้าทำไมกัน”

“ปลูก”

“หา”

“ปลูก ข้าบอกให้นำเม็ดลำไยนั่นลงหลุมที่เจ้ากำลังขุด”

“ท่านจักปลูกลำไย”

“ใช่”

“เอาแต่ใจเหลือเกิน”บ่นให้ร่าบางได้ยิน

“เจ้าว่ากระไรหนา!!”ร่างบางผุดลุกแล้วปรี่ลงจากเรือนมายืนประจันหน้ากับคนตัวโต เอาแต่ใจแบบนี้รอก่อนเถอะอย่าให้ถึงที
พระองค์บ้าง จะปราบลูกแมวพยศให้เชื่องร้องหาแต่พระองค์เพียงคนเดียวเลย

“ข้าบอกว่าท่านช่างดื้อแลเอาแต่ใจนัก”

“กล้าดีอย่างไรมาว่าข้า ข้ารึอุตส่าห์เมตตาให้งาน ให้ข้าว ให้ที่นอนเจ้า”ได้สดับดังนั้นก็ทรงกริ้ว

“เป็นพระคุณเหลือเกินคุณหนู”กัดพระทนต์ตรัส

“งั้นสิ”

“เหอะ..”

“อย่ามาทำเสียงแบบนี้ใส่ข้าหนา ไอ้คนป่า”ปากจิ้มลิ้มพ่นคำไม่น่าฟังออกมาจนเจ้าหลวงหนุ่มทิ้งเสียมแลหันมาประจันหน้ากับร่าง
บางที่แหงนหน้าปากเชิดอย่างถือดี

“เป็นเด็กเป็นเล็กเหตุใดจึงทำตัวมิน่ารักเช่นนี้ ทำอย่างกับบิดามารดามิอบรมสั่งสอน”

“เจ้า!! ไล่ออก ข้าไล่เจ้าออก”เสียงหวานตวาด โกรธจนตัวสั่น

“หึหึหึ เด็กหนอเด็ก”

“เจ้า!!!!”ก้มลงหยิบเศษดินปาใส่พระวรกายสูงใหญ่

“มากไปแล้วหนาคุณหนู”

“มิมากไปดอก....อื้อออออ”พระหัตถ์ใหญ่กระชากร่างบางเข้ามากอดรัด พระโอษฐ์กระแทกลงบนกลีบปากนุ่ม คลึงเคล้า
พระชิวหาร้อนชื้นกวาดชิมไปทั่วโพรงปากเล็ก ขบเม้มริมฝีปากของชมนาดตัวน้อยจนบวมเจ่อ

“ด่าเก่งเช่นนี้ข้าก็นึกว่าปากจักจัด ที่ไหนได้หวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า”ผละออกแล้วตรัสคลอเคลียแก้มนุ่ม ชมนาดน้อยได้แต่ยืน
หน้าแดงซ่านทำอะไรไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่ถูกบุรุษใกล้ชิดถึงเพียงนี้

“อ๊ะ อื้ม”สะดุ้งตกใจเมื่อพระโอษฐ์กดแนบลงมาอีกครั้ง

“เฮ้ย!!”เสียงร้องตะโกนจากผู้มาใหม่ทำเอาทั้งคู่ต้องผละออกจากกัน


พลั่ก!!


สุพจน์บุตรชายเศรษฐีใหญ่ปล่อยหมัดใส่พระพักตร์จนเจ้าหลวงภุมรินหลั่งพระโลหิตที่มุมพระโอษฐ์

“คุณพี่สุพจน์”ชมนาดน้อยร้องด้วยความตกใจ

“น้องชมนาดเป็นอย่างไรบ้าง ไอ้ขี้ครอกนี่มันทำกระไรน้องอีกหรือไม่”

“ไม่..ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”สะบัดกายจนหลุดออกจากชายหนุ่มรุดไปหาเจ้าหลวงที่ยืนนิ่งมิอาจคาดเดาอารมณ์ได้

“.....”มิตรัสตอบ เอาแต่ทอดพระเนตรใบหน้าของสุพจน์นิ่ง

“ท่านเจ็บมากหรือไม่”ถึงจะเพิ่งทะเลาะด้วยแต่ก็อดห่วงมิได้ ยิ่งเห็นโลหิตที่ไหลออกจากมุมปากแล้วยิ่งห่วง

“มึงมองหน้ากูเยี่ยงนั้นมีปัญหาหรือไอ้ขี้ครอก”ปรี่เข้าไปกระชากร่างบางออกจากพระวรกายสูงใหญ่

“อ๊ะ”แรงกระชากทำให้ร่างบางเสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้า

“คุณหนู”

“มึงมิต้อง อย่าสะเออะมาจับเนื้อต้องตัวน้องชมนาดของกู”

“กระไรหนา คุณพี่สุพจน์ว่าอย่างไรหนาเจ้าคะ”การะเกดที่ออกตามหาชายหนุ่มที่หมายปอง ก็บังเอิญมาเจอเข้าตอนที่คุณพี่สุพจน์ของเธอลงไปประคองร่างบางของน้องชายไหนจะประโยคแสดงความเป็นเจ้าของที่ได้ยินอีก

“การะเกด”

“คุณพี่สุพจน์ว่ากระไรหนาเจ้าคะ”

“เอ่อ พี่...ก็ไอ้ขี้ครอกนี่มันกำลังลวนลามชมนาด หากแต่พี่มาช่วยได้ทันเสียก่อน”

“เจ้าถูกลวนลาม หรือใฝ่ต่ำให้ท่าไอ้คนป่านี่กันแน่”ปรายตามองพระพักตร์หล่อเหลา แต่ถึงจักรูปงามถูกใจนางแต่ฐานันดรก็สู้
คุณพี่สุพจน์ไม่ได้อยู่ดี

“คุณพี่..”คนเป็นน้องได้แต่ครางอย่างนึกมิถึงว่าคนเป็นพี่จะคิดเช่นนี้

“คุณพี่สุพจน์กลับเรือนใหญ่กับน้องประเดี๋ยวนี้หนาเจ้าคะ”

“เอ่อ จ้ะๆ”ปล่อยร่างบางของชมนาดอย่างเสียดาย

“เรื่องที่เจ้าพลอดรักกับไอ้คนป่านี่จะต้องถึงหูท่านพ่อแน่ เตรียมตัวโดนลงหวายได้เลย”ว่าแล้วก็ลากแขนสุพจน์ออกไป

“เจ็บหรือไม่คุณหนู”เจ้าหลวงภุมรินทรงยอบพระวรกายลงประคองร่างบางให้ลุกขึ้น

“แย่แล้ว แย่แน่ๆ ข้าจักต้องโดนท่านพ่อลงหวายแน่ๆ ฮึก”

“.....”

“จักทำอย่างไรดี”

“อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปเลย”

“ท่านมิรู้กระไร ท่านพ่อท่านเชื่อคุณพี่การะเกดยิ่งกว่ากระไร ข้าจักต้องตายแน่ๆ”








**********************************************************




เป็นน้องใหม่ หัดลงในเล้า ผิดพลาดประการใดขออภัยนะคะ




หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-03-2017 18:43:23
การะเกด รักสุพจน์ ลูกเศรษฐี
แต่สุพจน์หมั่นมาหาชมนาด
แสดงว่าอยากได้ทั้งคู่
หรืออยากได้แต่ชมนาด
แต่ถูกการะเกดจับซะอยู่มือเลย
ภุมริน เคล้าดอกชมนาด ที่หวานหอมไปและ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 15-03-2017 20:29:16
หมั่นไส้การะเกด
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: Xert ที่ 15-03-2017 22:28:16
ชอบมากเรื่องนี้ ชอบภาษา ภาษาสวยมากกก ปล.อย่าลืมเจ้าบัวงามนะคะ / เพิ่งอ่านตอนล่าสุดมาเลยยย
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: lovetogether ที่ 15-03-2017 23:26:38
ขอติดตามนะ หวังว่าจบไม่เศร้าเน้อออออ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 15-03-2017 23:40:33
ติดตามฮะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 16-03-2017 00:13:54
เจ้าหลวงจะกินเด็กแน่เลย :-[
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 16-03-2017 00:31:26
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 16-03-2017 01:12:25
เราว่าเว้นบรรทัดอีกสักหน่อยจะอ่านง่ายกว่านี้ค่ะ
มันติดกันมากเกินไป

รอติดตามน้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 16-03-2017 01:59:09
รอตอนต่อไปค่ะ น่าติดตามมากๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 16-03-2017 07:29:20
เราว่าเว้นบรรทัดอีกสักหน่อยจะอ่านง่ายกว่านี้ค่ะ
มันติดกันมากเกินไป

รอติดตามน้า  :กอด1:


ขอบคุณที่แนะนำนะคะ จะนำไปปรับปรุงค่าาาา
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 16-03-2017 09:18:08
 :hao3: รู้สึกเหมือนดูลิเก5555แต่ไม่ใช่ไม่ชอบ ชอบนะเขียนสนุกดี เข้าใจง่าย รอตอนต่อไปค่ะเบื่อแนวนักรักนักเรียนนักเลง พอดีอยากได้แปลกๆบ้าง
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ชมนาดเย้าภุมริน ตอนที่๐๒
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 17-03-2017 13:41:31
ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น  ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๒



“ที่การะเกดพูดมา จริงหรือไม่ชมนาด”คนเป็นพ่อตวาดจนร่างบางตัวลีบด้วยความกลัว

“มะ มิใช่หนาขอรับท่านพ่อ”

“แลเรื่องจริงมันเป็นอย่างไร พูดมา”

“ลูก ลูก คือ...ลูกสะดุดก้อนดินล้ม บ่าวผู้นั้นจึงเข้ามาช่วยเท่านั้นขอรับ”

“แต่ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกเห็นมันสองคนจูบกันจริงๆหนาเจ้าคะ”

“ท่านพ่อลูกเปล่าหนาขอรับ ลูก...ลูกมิได้ทำหนาขอรับ”

“ท่านพ่อเจ้าคะ..”

“เอาล่ะ พอๆๆ วันนี้ข้าเหนื่อยกับงานมามากแล้ว อย่าเอาเรื่องไร้สาระพวกนี้มากวนใจข้า”

“ท่านพ่อเจ้าคะ..”

“พอ..นังพิศตามข้าเข้าไปในห้องด้วย”ว่าแล้วก็ลุกเข้าห้องไปพร้อมสาวใช้รุ่นลูก

“ครานี้เจ้ารอดตัวไปได้ แต่คราหน้าเจ้ามิรอดแน่ชมนาด”

“.....”คนเป็นน้องได้แต่ก้มหน้าก้มตามิหือมิอือ



.
.
.



“เป็นอย่างไรบ้างคุณหนู”เจ้าหลวงเสด็จจากที่ประทับเข้าไปหาร่างบางที่เดินหน้าเสียเข้าเรือนมา

“ต่อแต่นี้ห้ามเจ้าเข้าใกล้ข้าอีก...”

“.....”

“แลนับจากวันนี้ไปสิบห้าวันให้เจ้าไปเสีย ออกไปจากเรือนข้า ออกไปให้พ้นหน้าข้า!!!”ตวาดเสียงกร้าวใส่ก่อนจะวิ่งเข้าเรือน

“ฝ่าบาท...”องครักษ์หนุ่มที่ซุ่มดูอยู่ห่างๆเดินออกมาเมื่อพ้นร่างบางแล้ว เจ้าหลวงภุมรินยกพระหัตถ์ขึ้นก่อนจะเสด็จกลับเรือนบ่าว
ที่ประทับอยู่

“สุธี”ทรงตรัสเรียกเมื่ออยู่กันสองคน

“พะย่ะค่ะ”

“ข้าจักเอาชมนาดเข้าวัง”

“กระไรหนาพะย่ะค่ะ”

“ข้าจักเอาชมนาดเข้าวัง”

“.....”

“เตรียมการให้ข้าด้วย”

“เอ่อ...พะย่ะค่ะ”



.
.
.




ห้าวันต่อมา


“คุณการะเกดเจ้าคะ ของที่สั่งได้แล้วเจ้าค่ะ”

“ดีมาก”

“คุณการะเกดจักเอา ‘หญ้าเสน่ห์’ ไปทำกระไรหรือเจ้าคะ”

“มิใช่เรื่องของเจ้า แลอย่าปากมากไปเด็ดขาดถ้ายังมิอยากตาย”

“เจ้าค่ะๆ”รับถุงอัฐจากหญิงสาวแล้วรีบหลบออกไป

“ครานี้เจ้ามิรอดแน่ชมนาด เจ้าตายแน่!!!”

“หญ้าเสน่ห์ที่มีฤทธิ์ทำให้คนเกลียดกันได้กันมานักต่อนักแล้ว คุณการะเกด...”

“หึหึหึ อย่างที่เจ้าคิดนั่นแลสาลี่ เอาหญ้านี่ใส่น้ำให้ชมนาดน้องรักของข้ากับไอ้คนป่านั่นกินซะ”

“ได้เจ้าค่ะ ครานี้คุณท่านคงเอาคุณชมนาดตายแน่ๆ คิก”

“หึหึหึ หมดกันทีเสี้ยนหนามชีวิตข้า”



.
.
.




ทางด้านเจ้าหลวงภุมรินที่ตอนนี้พระพักตร์บึ้งตึงจนองครักษ์หลวงสุธีเป็นกังวล เป็นเพลาห้าวันแล้วที่คุณหนูชมนาดหลบหน้า
หลบตาเจ้าหลวงหนุ่ม ร่างบางหลบเลี่ยงการพบปะเจอหน้ากับเจ้าหลวง

“นี่เจ้าคนป่า”บ่าวสาลี่เอ่ยเรียก

“มีกระไรหรือแม่”

“นี่น้ำใบเตยคุณการะเกดให้เอามาให้คุณชมนาดเจ้าเอาไปให้คุณชมนาดเธอหน่อย”

“แล้วอุ่นไปไหนเสีย”

“นังอุ่นมันไปช่วยในครัวใหญ่โน้น เอาไปให้คุณเธอหน่อยมิได้หรืออย่างไร”

“ก็ได้ แลคุณหนูเธออยู่ที่ใดกัน”

“ในโรงเก็บฟางหลังเรือนเล็กนั่นแล”

“อืม”

“เดี๋ยวนี่คุณการะเกดเธอมีเมตตาเอามาแบ่งบ่าวไพร่ในเรือน เจ้าก็กินเสียก่อนที่จะเอาไปให้คุณชมนาด ข้าจักได้เอาขันไปเก็บ”
 
“มิเป็นไรดอกแม่ เดี๋ยวข้าเอาไปให้คุณหนูเธอก่อน”

“เอ๊ะ แล้วเจ้าจักให้ข้ายืนรอหรือกระไร กะอีแค่กินๆให้หมดก่อนจักเป็นไรไปเล่า”

“...เอาเยี่ยงนั้นก็ได้”ตรัสแล้วรับขันแก้วน้ำใบเตยส่งกลิ่นหอมขึ้นเสวยจนหมด

“ดี”สาลี่ลอบยิ้มก่อนจะรับขันเปล่าคืน

“ภุมรินข้าไปเป็นเพื่อน”องครักษ์สุธีอาสา

“เดี๋ยว!! จักแห่กันไปทำไมน้ำแค่ขันเดียวเจ้าไปช่วยพวกบ่าวเรือนใหญ่ลงต้นสาระไป๊”

“ไปเถิดสุธี ข้าไปคนเดียวได้”

“...”เมื่อเห็นนายเหนือหัวพยักพระพักตร์ให้ไปก็ยอมไปแต่โดยดี



.
.
.



ภายในโรงเก็บฟาง


มือเล็กปาดเหงื่อที่ผุดอกมาตามไรผมเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ก่อนจักบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“เหตุใดคุณพี่การะเกดจึงได้ให้ข้ามาพบที่โรงเก็บฟางนี่”



แอ๊ด



ประตูไม้ที่ฝืดถูกผลักออกจนเกิดเสียงดังขึ้น ร่างบางหันไปมองผู้มาใหม่

“เอ่อ...คุณการะเกดให้ข้านำน้ำใบเตยมาให้คุณหนู”

“ขอบใจ แลคุณพี่การะเกดไปไหนเสีย”ร่างบางรับขันน้ำมาจากพระหัตถ์ใหญ่แล้วถามหาคนเป็นพี่

“ข้ามิรู้”

“...”ร่างบางพยักหน้ารับรู้ก่อนจะยกขันน้ำใบเตยกลิ่นหอมขึ้นจิบ

“....”

“มีกระไรก็ไปทำเถิด”บอกแลมิมองพระพักตร์ เอาเถิด ถึงเพลาเมื่อใดข้าจะเอาเจ้าเข้าวังแบบมิให้ปฏิเสธได้เลยเทียว



กึกๆๆ



เสียงประหลาดนั่นทำให้ร่างบางหันควับมามอง

“เกิดกระไรขึ้น”

“ประตูเปิดไม่ออกคุณหนู เราโดนขัง”

“ว่ากระไรหนา”

“อึก...”พระวรกายทรุดลงกับพื้นฟาง พระปัสสาสะรุนแรงจนชมนาดรุดมาดู

“เป็นกระไร เกิดกระไรขึ้น”

“คะ คุณหนู อึก”

“เป็นกระไร”

“ขะ ข้า อึก ระ ร้อน อา...”

“ร้อนหรือ”ร่างบางหันรีหันขวางก่อนจะหันไปคว้าขันน้ำใบเตยของตนมาให้คนตัวโตจิบ

“อึก..แค่กๆ”

“เป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือไม่”

“อึก คะ คุณหนู”พระกรแข็งแรงตวัดรวบกายบางเข้ามาในอ้อมกอด พระพักตร์ซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่น พระหัตถ์ก็ลูบไล้ไปทั่วร่างบาง

“อ๊ะ จะทำกระไร ปล่อยหนา”

“อ่า..”พระสุระเสียงทุ้มเปล่งเสียงครางออกมาแผ่วๆ พระกรกอดรัดกายบางแน่น

“ปล่อยหนา!!...เจ้าคนป่า...ปล่อยข้าหนา เจ้าคนป่า!!”เสียงหวานตวาดลั่น มือบางพยายามผลักไสพระวรกายกำยำแต่ก็มิเป็นผล

“อืม..”พระนาสิกซุกไซร้ซอกคอขาวหอมกรุ่น

“จักทำบ้ากระไร ปล่อยข้าหนา!!”เล็บเล็กจิกข่วนพระพักตร์จนพระโลหิตซึมออกมาตามรอยยาวของเล็บ

“ชม..นาด”พระหัตถ์ปัดป่ายไปทั่วกายบาง สอดเข้าใต้เสื้อผืนงามลูบไล้ผิวเนียนชื้นเหงื่อ

“ไม่!!..ปล่อยข้า”ชมนาดดิ้นเร่าๆ ใบหน้างามตื่นตระหนก

“อ่า...”พระสุระเสียงครางต่ำในพระศอจนเจ้าชมนาดหวั่นใจ

“หยุดประเดี๋ยวนี้!!!”ชมนาดจิกเล็บข่วนเจ้าหลวงจนพระฉวีแดงด้วยรอยเล็บ

“อึก..ชมนาด”พระโอษฐ์กดจูบที่ไหล่บาง  พระทนต์ขบผิวน้องผ่านเนื้อผ้าจนชุ่มไปด้วยพระเขฬะ

“ปล่อยข้าหนา..อ๊ะ อึก”ร่างบางทรุดลงในอ้อมพระกรไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ความร้อนรุ่มทรมานแล่นพล่านไปทั่วร่าง มือบางสั่นระริก
ลมหายใจติดขัด อึดอัดแต่กลับต้องการให้ร่างสูงกกกอดมากกว่านี้

“อืม...คะ คุณหนู”

“อึก มะ ไม่”มือน้อยผลักพระอุระออกพลิกกายลนลานคว้าขันน้ำใบเตยขึ้นดื่มจนหกรดตัว

“อื้ม ชม..นาด”

“อึ่ก ฮ้าาาา”



เคร้ง



ขันเงินเปล่ากลิ้งหล่นจากมือบาง องค์ภุมรินกระชากเจ้าชมนาดจนถลาขึ้นมาเกยคร่อมบนพระเพลา


“อ่า..”พระโอษฐ์ร้อนกดจูบไปตามใบหน้านวลลามลงมาถึงลำคอระหง พระชิวหากวาดเลียน้ำใบเตยรสหวานที่เคลือบผิวนุ่มเข้า
พระโอษฐ์ ดูดเม้มผิวอ่อนจนช้ำเป็นจ้ำ พระดรรชนีปลดกระดุมเสื้อแขนกระบอกของน้องน้อยกระชากออกเหวี่ยงให้พ้นกายบาง

“อ๊ะ อือ”ครางเสียงเครือแอ่นแผ่นอกให้พระโอษฐ์ร้อนชกชิมยอดถันเต่งตึง

“อ่า..ชมนาด อื้ม”แขนเล็กโอบกอดรอบพระเศียร บดเบียดเม็ดบัวแดงกับพระโอษฐ์ ยิ่งพระชิวหากวาดพลิกระรัวชมนาดก็ยิ่งแอ่น
อกจนแผ่นหลังโค้งเป็นคันศร

“อื้ม”

“อึก...”ชมนาดน้อยส่งเสียงในลำคอกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้รับ รู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วทั้งกาย ต้องการให้อีกคนสัมผัสมากกว่านี้
มือน้อยสอดเข้าจิกกำพระเกศานุ่ม เอวบางบิดร่อน สะโพกอิ่มบดคลึงที่พระเพลาราวกับคณิการ่านรัก ใบหน้างามโน้มลงมาบดจูบ
ที่พระโอษฐ์ร้อน ลิ้นเล็กหยอกเย้าพระชิวหาราวกับปลากระดี่เล่นน้ำองค์ภุมรินจูบน้องซ้ำไปซ้ำมาจนกลีบปากบางแดงช้ำ
พระหัตถ์อุ่นลูบคลึงหน้าอกแบนราบ พระองคุลีสะกิดที่ยอดถันสีสวยจนร่างอรชรสั่นสะท้าน เม็ดบัวเมื่อโดนภมรเร้าก็แข็งชูช่อล่อ
แมลง

“อึก อื้อ”เมื่อปากเป็นอิสระก็เปล่งเสียงครางแผ่วเบา ดวงหน้าหวานแดงซ่านด้วยพิษรัก เหงื่อกาฬผุดซึมที่ผิวกายทั้งสองจนชื้น
ลื่นมือ

“อืม..”องค์ภุมรินส่งพระสุระเสียงในพระศออย่างพึงพระทัย พระหัตถ์เลื่อนลงไปปลดโจงกระเบนเนื้อดีออกจากเรียวขางาม ผลัก
กายระหงนอนราบกับพื้นฟาง ฉุดกระชากโจงกระเบนออกจากกายเจ้าชมนาด พระหัตถ์ร้อนลูบไล้ไปทั่วผิวเนื้อนุ่ม บีบเคล้นซอก
ขาขาวจนแดงช้ำเป็นรอยพระหัตถ์ เลื่อนพระหัตถ์ไปเคล้นคลึงก้อนเนื้อนุ่มสองก้อนที่ห่อหุ้มปกปิดกลีบชมนาด

“อ่า อ๊ะ”มือน้อยยกขึ้นกุมพระหัตถ์ใหญ่ ดวงหน้างามเชิดหงาย แอ่นกายเบียดพระวรกายสูงใหญ่ ริ้วแดงๆพาดผ่านแก้มใสเลยไป
ถึงใบหูเล็กดูยั่วยวนน่าหลงใหล

“อึก อื้ม” พระดรรชนีลูบคลึงกลีบชมนาดสีหวานให้ร่างบางครางเครือ ยอดปทุมเต่งตึงชูชันท้าทายพระองค์อย่างไร้เดียงสา
พระวรกายสูงใหญ่ทาบทับบังร่างบางจนมิด พระโอษฐ์ร้อนครอบลงบนยอดปทุมถันสีสวย พระชิวหากวาดเลียดูดดุนราวกับขนม
หวาน

“อื้อ...อือ”เสียงหวานครางเครือในลำคอ ความรู้สึกแปลกใหม่ร้อนรุ่มไปทั่วสรรพยางค์ เรียวขาเล็กขยับเสียดสีรับสัมผัสร้อนเร่า

“จุ๊บ”หยอกล้อกับถันตึงบนอกบางจนเกิดเสียง ร่างข้างใต้บิดเร่าด้วยความซ่านเสียว ปากเล็กอ้าระบายลมหายใจร้อน รวมถึงเสียง
ครางเครือจากคอระหง

“อึก...อื้อ”พระชิวหาร้ายกาจตวัดเลียดูดดุนยอดถันไม่หยุดหย่อน

“อื้มม ชมนาด”องค์ภุมรินเคลื่อนพระวรกายให้เสมอกับกายบาง กดพระนาสิกไล้แก้มอิ่มแผ่วเบาเรื่อยไปจนถึงลำคอระหง กดจูบ
ฝากรอยแดงไว้บนผิวกายนุ่ม พระมนต์ขบกัดจนขึ้นรอยแดง

“อึก อื้อ”ร่างอรชรสั่นสะท้านไร้เรี่ยวแรงพระดรรชนีกดเข้าไปในกลีบชมนาดสีหวาน หมุนควานจนชมนาดตัวสั่นด้วยอารมณ์สวาท
มือน้อยก็เกี่ยวพระขนองจิกเล็บลงบนพระฉวี

“อ่า อืม”ทรงจับเรียวขาน้องแยกออกจากกันวางตั้งฉาก เผยกลีบชมนาดสีหวานที่เต้นตุบๆยั่วเย้าให้พระองค์สอดพระมัชฌิมา
เข้าไปอีก

“อะ อื้อ อึ๊”เพียงพระองคุลีสองนิ้วที่กดแทรกเข้าไปในกลีบชมนาดก็ทำให้ร่างบางอ้าปากคราง หอบโกยอากาศเป็นการใหญ่
ชมนาดกระตุกกายเรียวขาขาวขยับแยกออกเองทันทีที่พระอนามิกากดเข้ามาเย้ากลีบชมนาดเป็นนิ้วที่สาม องค์ภุมรินขยับหมุนวน
พระองคุลีทั้งสามเข้าออกจนเกิดเสียงหยาบโลน ริมฝีปากนุ่มขบกัดเนื้อตนจนซีดขาว นัยน์ตากวางเหม่อลอย แต่เปล่งเสียงคราง
ไม่ขาด

“ขอให้พี่รักเจ้าเถิดหนา”รั้งเอวบางเข้าหาตัว ทรงกดพระโอษฐ์แนบชิดริมฝีปากบางแดงช้ำ สอดพระชิวหาเข้าไปหยอกเย้า
พระหัตถ์อุ่นบีบเคล้นกายนุ่มนิ่มจนเป็นริ้วแดง

“อืม..อึก อื้อออออออ”เสียงหวานกรีดร้องในลำคอเมื่อถอนพระองคุลีเรียวยาวออก แลกดพระคุยหฐานเข้าไปแทน

“อืม”พระโอษฐ์ป้อนจูบให้น้องไม่เว้นช่วง

“อื้อออ”พลิกใบหน้าหนีพระโอษฐ์ร้อน ดวงหน้างามเหยเกชื้นเหงื่อ

“อ่า”พระสุระเสียงต่ำครางเครือ กลีบชมนาดรัดรึงขมิบตอดภมรภู่จนพระพักตร์เหยเกด้วยความซ่านเสียว

“อึก... เจ็บ”น้ำตาเม็ดโตกลิ้งออกจากนัยน์ตากวาง ขณะที่กลีบปากบางพ่นลมหายใจร้อนๆระบายออกมาถี่หนัก

“อ่า อึก อืม ชมนาด”พระคุยหฐานถูกกดเข้าไปในกลีบชมนาดเพียงครึ่ง มือบางปัดป่ายไปทั่วพระอุระ นิ้วเล็กลูบคลึงพระถันสีเข้ม
ใบหน้าเล็กโน้มแนบพระอุระ ลิ้นเล็กกวาดเลียพระถันขององค์ภุมริน ดูดดึงแลขบกัดจนพระพักตร์บิดเบี้ยว

“อื้อ อึ๊ อ๊า”ใบหน้าสวยเปื้อนน้ำตาส่ายไปมาเมื่อเกสรของเจ้าดอกข้าวใหม่เสียดสีไปมากับพระอุทรจนเหยียดตึง ถึงจะรู้สึกเจ็บ
ราวร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆแต่ก็ต้องการมากกว่านี้ ความต้องการจุกอกจนอึดอัดไปหมด

“อึก”พระโสณีกระแทกพระคุยหฐานเข้าไปจนมิด กลีบดอกชมนาดฉีกช้ำจนได้เลือด

“อ๊าาาาาา”เสียงหวานกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

“อืม ชมนาด ซี๊ด”พระกรแข็งแรงรั้งเรียวขาเล็กขึ้นจนกลีบดอกชมนาดเปรอะเลือดลอยเด่น

“อึก อื้อออ”แขนเล็กโอบรอบพระอังสะ ริมฝีปากเล็กเผยออ้ารับพระชิวหาที่สอดเข้ามากวาดชิมน้ำผึ้งหวาน

“อึก อืม อ่า” แช่พระวรกายค้าง รู้สึกถึงของเหลวที่ไหลออกจากช่องทางนุ่มที่ตอดรัดพระองค์อยู่ กลิ่นคาวเลือดลอยแตะ
พระนาสิก นั่นยิ่งทำให้อารมณ์ดิบของภมรภู่โหมกระพือ พระคุยหฐานบดขยี้จนน้องน้อยบิดกายเร่าๆด้วยความร้อนรุ่ม

“อึก..ฮือ จะ เจ็บ อื้อออ”

“ขอโทษๆ ขอโทษหนาคนดี...”รับสั่งปลอบ แต่ก็มิอาจห้ามใจได้จึงรุนแรงจนร่างแน่งน้อยช้ำชอก

“อึก..อื้อ”ร่างน้อยบิดกายเล็กน้อยด้วยความรัญจวน ใบหน้าหวานถูกจูบซับด้วยพระโอษฐ์ไปทั่วดวงหน้า เอวบางถูกประคองด้วย
พระหัตถ์ทั้งสองข้าง พระโสณีขยับเข้าออกรุนแรงตามอารมณ์กามาที่ถูกกระตุ้นด้วยหญ้าเสน่ห์

“อืม อา”ทรงทอดพระเนตรใบหน้าแดงซ่านด้วยอารมณ์สวาท กลีบปากแดงช้ำเผยอเปล่งเสียงครางหวานหูแผ่วเบา ดวงตาหลับ
พริ้ม ร่างอรชรขยับโยกไปตามแรงส่งของพระโสณีที่เพิ่มขึ้น มือบางที่เกาะเกี่ยวพระอังสะถูกปล่อยลงข้างตัวอย่างอ่อนแรง

“อึก อือออ อ๊ะ อือออ”ใบหน้าสวยเงยหงาย แอ่นตัวเมื่อพระคุยหฐานของเจ้าหลวงกระแทกไปโดนจุดกระสันภายในร่างของตน
ชมนาดขยุ้มเส้นฟางจนเต็มกำมือระบายความรัญจวน

“อะ อา”โถมพระโสณีใส่ร่างบางจนน้องไถลขึ้นลง ผิวกายเนียนนุ่มถูกฟางบาดจนแดง แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งอารมณ์สวาทที่
อาละวาดคุกรุ่นอยู่ตอนนี้

“อึ อึ๊..อื้อออ อ๊าาา”กายบางเกร็งเครียดเขม็งเกสรเจ้าดอกข้าวใหม่ปลดปล่อยน้ำหวานแห่งความรัญจวนใจออกมาหลอกล่อภมรภู่
องค์ภุมรินเร่งตบพระโสณีขยับโยกโถมพระวรกายใส่ร่างบางจนเสร็จสมตามน้องน้อย

“อึก อาาา...อื้มมมมมมม”พระสุระเสียงต่ำในลำคอ พระวรกายสูงใหญ่เกร็งกระตุกปล่อยสายธารแห่งชีวิตเข้าใส่กลีบชมนาด

“แฮ่กๆๆ  อ๊าาา  อือออออ”แขนเล็กกอดรัดพระขนองกว้างแน่น ใบหน้าหวานซบซุกไซร้พระอุระขององค์ภุมริน

“แฮ่ก อื้ม แฮ่ก”พระหัตถ์ลูบกลุ่มผมนุ่มปลอบประโลม พระดรรชนีเชยคางมนขึ้นรับจูบจากพระโอษฐ์ร้อน นัยน์ตากวางสบประสาน
กับพระเนตรคม ก่อนบทรักบทใหม่จะเริ่ม

“อื้มมม”

“อ๊าาาา อ๊ะ อื้อ”






*********************************************************







หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: Minzero ที่ 17-03-2017 17:21:04

อ่านแล้วชักไม่ชอบคุณการะเกดเสียแล้ว(ก็แน่ล่ะ) แต่ก็ต้องขอบใจนางที่ทำให้เราได้ฟินกัน :hao7: แต่...ก็ยังไม่ชอบนางอยู่ดี ปล.แต่งดีค่ะ อ่านเข้าใจง่ายดี ตอนแรกอ่านชื่อเรื่องแล้วคิดว่า..มันจะอ่านยากไหม แต่พอเข้ามา อ่านง่ายกว่าที่คิดเยอะค่ะ สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้แต่งตอนต่อไป o13
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 17-03-2017 19:48:11
เป็นเรื่องย้อนยุคแต่ภาษาอ่านง่ายมากเลยค่ะ ชอบๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 18-03-2017 08:59:33
โห นังคุณการะเกดนี้ช่างร้ายยย น่า :z6: จริงๆ!!
//ภาษาสวยๆ อ่านง่ายด้วย รอต่อไปค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 18-03-2017 14:16:18
อ่านจากอีกเว็บจบไปแล้วพอเห็นว่ามาลงในเล้าเลยตามมาให้กำลังใจด้วย5555 #อ่านวนไป
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-03-2017 18:50:45
ติดตามๆๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ชมนาดเย้าภุมริน ตอนที่ ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 18-03-2017 20:27:19
ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น  ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๐๓



ดึกสงัดท่ามกลางความมืดมิดของคืนแรมสิบห้าค่ำ อนธการเข้าปกคลุมสองร่างตระกองกอดกันและกันอยู่กลางกองฟางชื้นเหงื่อ

ริมฝีปากเล็กบดเบียดจูบพระโอษฐ์ร้อนอย่างออดอ้อน แขนเล็กโอบรอบพระขนองชื้นพระเสโท พระกรโอบประคองร่างบอบช้ำ

แนบพระอุระ พระหัตถ์ลูบไล้ผิวเนื้อนิ่มกกกอดปกป้องผิวนวลจากไอความเย็นแลละอองน้ำค้าง พระโอษฐ์พรมจูบทั่วใบหน้าเล็ก

แลซอกคอขาว พระโสณีสอบขยับกระทั้นใส่เอวบาง เท้าน้อยจิกเกร็งรับรสรักเสียวซ่าน กลิ่นกามาเจือจางคลุ้งอยู่ในอากาศ


.
.
.


รุ่งอรุณมาเยือน ดวงอาทิตย์สาดแสงต้อนรับวันใหม่ เสียงไก่ขันดังเรียกสติสองร่างที่นอนกกกอดกันในโรงเก็บฟาง

“อ๊ะ อึ่ก”ดวงหน้าสวยเหยเกเมื่อความรู้สึกเจ็บจนชาที่จุดซ้อนเร้น ร่างกายระบมจนยากจะขยับเขยื้อน ความมิสบายตัวรุมเร้าจนน้ำ

ตาใสๆไหลออกจากนัยน์ตากวาง เจ้าหลวงภุมรินลืมพระเนตรก่อนจะขมวดพระขนงมุ่นเมื่อความเมื่อยขบรุมเร้าพระวรกาย แต่ก็

ต้องกัดพระทนต์ลุกเมื่ออีกคนในอ้อมกอดกำลังสะอื้นไห้ ไอร้อนจากกายนุ่มบอกพระองค์ว่าชมนาดน้อยกำลังไม่สบายเข้าให้แล้ว

“คุณหนู”พระสุระเสียงเอ่ยเรียกร่างบางแผ่วเบา

“อึก ฮือ”นัยน์ตากวางบวมช้ำเจือรอยล้าช้อนมองพระพักตร์งามซีดเซียวอย่างตัดพ้อ

“ข้า..”

“ฮึก ไอ้คนสารเลว!! อึ่ก จะ เจ้า ฮือ”เสียงหวานแหบแห้งตวาดใส่เจ้าหลวงหนุ่ม

“ข้าขอโทษคุณหนู ข้า...”ยังมิทันได้ตรัสจบประโยค มือเล็กก็เหวี่ยงตบพระพักตร์จนพระราศีแดงเป็นรอย

“ฮึก ฮือ”ร่างบางค่อยขยับกายลุกอย่างยากลำบาก รอยช้ำ แลรอยรักประปรายทั่วร่างกายบอบบาง

“คุณหนู”เจ้าหลวงทรงเข้าประคองร่างน้อยของเมีย แม้ชมนาดอยากจะสะบัดกายห่างเพียงใดแต่ร่างกายก็ล้าเกินกว่าจะทำได้

“ฮึก ฮือ”มือบางสั่นระริกควานหาอาภรณ์ของตนจนเจ้าหลวงภุมรินต้องเป็นฝ่ายหามาให้น้องน้อย

“ข้าช่วย คุณหนู...”

“อย่ามายุ่งกับข้า”เสียงหวานแหบกัดฟันพูด นัยน์ตากวางแข็งกร้าว มือบางค่อยนุ่งโจงกระเบนสีเข้มของตนช้าๆ กัดปากตัวข่ม

ความเจ็บจนเลือดซิบ

“...ให้ข้าช่วยเถิด”เจ้าหลวงภุมรินตรัสอีกคราเมื่อน้องน้อยน้ำตาร่วงเผาะๆด้วยความเจ็บ

“อึ่ก..ฮึ่ย!! ฮือออ”ชมนาดตวัดตามองพระพักตร์งามก่อนจะคว้าโจงกระเบนสีตุ่นปาใส่พระพักตร์ก่อนจะสะอื้นจนตัวโยน องค์ภุมริน

พระพักตร์เสียดูท่าชมนาดตัวน้อยคงจักโกรธเกลียดพระองค์เข้าให้แล้ว ถอนพระปัสสาสะก่อนจะค่อยๆนุ่งผ้า เงยพระพักตร์ขึ้นมา

ก็เห็นว่าคุณหนูน้อยกำลังติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้าย

“..คุ..”




แอ๊ด ปัง!!!




ประตูโรงเก็บฟางที่ขังทั้งคู่ไว้ถูกเปิดออกอย่างรุนแรงด้วยฝ่าเท้า ก่อนจักปรากฏร่างของเศรษฐีเฒ่าบิดาของชมนาด แลร่างเพรียว

ระหงของการะเกด ใบหน้าสวยยิ้มเยาะคนเป็นน้องโดยมิให้คนเป็นพ่อเห็น


“ชมนาด!!!”ราวกับเสียงกัมปนาท ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกแทบหยุดหายใจ กลัวจนแทบสิ้นสติ ครานี้แลท่านพ่อต้องฆ่าข้าแน่ ในขณะ

ที่ชมนาดน้อยกำลังตกใจกลัวบิดาตน องค์ภุมรินก็ทอดพระเนตรเห็นองครักษ์สุธีที่ยืนหลบอยู่มิไกลด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ทะ ท่านพ่อ”แทบจะมิมีเสียงเอื้อนเอ่ย คนเป็นพ่อปรี่เข้ามากระชากเสื้อของบุตรออกจนกระดุมขาดกระเด็น ไล่สายตามองรอยช้ำ

บนร่างกายขาวนวลแล้วก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า

“ระยำนัก!! ไอ้ลูกทรพี!!”



ผัวะ!!




ไม้ตะพดในมือหวดใส่ใบหน้าของบุตรจนขมับแตก โลหิตสีแดงคล้ำไหลอาบใบหน้าสวย ชมนาดเจ็บจนแทบสิ้นสติ

“คุณหนู!!”เจ้าหลวงปรี่เข้าประคองร่างน้อย

“มึง ไอ้อัปรีย์!!”หันไปหาร่างสูงที่ตระกองกอดร่างของบุตรหวังจักหวดไม้ตะพดใส่พระพักตร์

“วันนี้กูจักฆ่ามึงทั้งสองคนไอ้ตัวจัญไร!!!”แต่ก่อนที่จักเกิดเรื่องร้ายขึ้นองครักษ์สุธีก็นำกำลังทหารที่ส่งสารไปขอความช่วยเหลือ

มาชิงตัวองค์ภุมรินออกจากสถานการณ์เลวร้ายตรงหน้า

“เฮ้ย!! อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้”เศรษฐีเฒ่าตะโกนบอกบ่าวไพร่แต่ก็มิมีใครกล้าเนื่องจากทหารแต่ละนายมีอาวุธครบมือ

“สุธีช่วยชมนาดด้วย!!”รับสั่งองครักษ์หนุ่มที่กำลังพาพระองค์หนี

“ทูลฝ่าบาทมิทันการแล้วพะย่ะค่ะ เราต้องมาช่วยคุณหนูคราหลังแต่ตอนนี้หนีก่อนเถิดพะย่ะค่ะ”

“ไม่ ข้าทิ้งชมนาดมิได้...เจ้าชมนาดเป็นเมียข้า!!”

“ฝ่าบาท เชื่อกระหม่อมหนาพะย่ะค่ะ...หม่อมฉันจักกลับมาช่วยคุณหนูให้เร็วที่สุด”


.
.
.



เศรษฐีเฒ่าที่รู้ว่าชายชู้ของบุตรหนีไปได้ก็โกรธกริ้วอย่างถึงที่สุด

“งามหน้านัก ไอ้ลูกชั่ว ทรพี!! กูจะฆ่ามึงไอ้จัญไร”จิกกระชากผมนุ่มจนร่างบางถลาตามแรงของคนเป็นพ่อ

“อึก ฮือออ ท่านพ่อ ข้า ฮือ”สะอื้นไห้ทั้งๆที่มีสติเหลืออยู่เพียงน้อยนิด


เพี๊ยะ!!


โครม!!

มืออวบอ้วนฟาดตบลงบนแก้มขาวอาบเลือดของบุตรเต็มแรงจนเลือดกบปาก ก่อนจักใช้เท้ายันร่างบางจนกระแทกกับผนังโรง

เก็บฟาง ร่างอวบอ้วนตามไปหวังจักกระทืบซ้ำให้ช้ำตาย แต่มิทันได้ลงมือ บ่าวในเรือนก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา

“นายท่าน นายท่านขอรับ”

“มีกระไร!!”

“ท่านขุนพิเชษมาขอรับ”ขุนพิเชษบิดาของสุพจน์คู่หมั้นคู่หมายของการะเกดบุตรี

“ท่านมามีเรื่องกระไร”

“มิทราบขอรับ”

“ฮึ่ย!! ขังมันไว้หากข้าเสร็จธุระเมื่อใดข้าจักมาฆ่ามันเอง”ว่าแล้วก็เดินกระแทกเท้าจากไปไม่ใยดี

“หึหึหึ เป็นอย่างไรบ้างชมนาดน้องรัก โถๆๆ น่าสงสารเสียจริงว่าไหมนังสาลี่”

“เจ้าค่ะคุณการะเกด คิกๆ”

“ดูท่าไอ้คนป่านั่นคงจักรักเจ้ามากเทียวหนา หนีไปมิหันกลับมาแลเจ้าสักนิด ฮ่าๆๆๆ”

“คิกๆๆ นั่นสิเจ้าคะคุณการะเกดเผ่นแนบไปเสียมิทิ้งฝุ่น ฮ่าๆๆ”

“ฮ่าๆๆ มิต้องกลัวหนาชมนาดน้องรัก หากเจ้าตายไปข้าจักทำบุญเผาพริกเผาเกลือไปให้ ฮ่าๆๆ”

“ฮ่าๆๆ”เยาะเย้ยถากถางคนเป็นน้องจบก็เดินออกจากโรงเก็บฟางอย่างอารมณ์ดี ชมนาดมองตามคนเป็นพี่ด้วยความเสียใจ น้ำตา

ร้อนๆไหลอาบแก้ม ก่อนสติที่มีจะค่อยๆดับไป


.
.
.




“มาถึงเรือนข้ามีกระไรรึท่านขุน”เศรษฐีเฒ่าเอ่ยถามพลางทิ้งตัวลงนั่งบนตั่งไม้สัก รับจอกน้ำชาจากบ่าวสาวขึ้นดื่มดับอารมณ์ร้อน

ที่คุกรุ่นอยู่ที่ในอก

“ข้าจักบอกสาร ในวันพรุ่งเจ้าหลวงภุมรินท่านจักเสด็จมาที่นี่ พระองค์ประสงค์จักเข้าประทับที่เรือนท่านชั่วคราวก่อนกลับวัง

หลวง”

“ที่เรือนข้าหรือ”

“ใช่แล้ว”

“เหตุใดถึงเป็นเรือนข้า แล้วเหตุใดจึงกะทันหันนัก ข้าเกรงว่าจักเตรียมรับเสด็จพระองค์สิทันหนาสิท่านขุน”

“คราแรกข้าก็กลัวเรื่องนี้แล แต่คนของวังหลวงท่านว่ามิต้องกังวลพระองค์เพียงแค่ประทับมินานพอให้หายเหนื่อย เสวยพระ

สุธารสคลายร้อนแลจักเสด็จกลับวังหลวง”

“แลเหตุใดพระองค์จึงเลือกประทับที่เรือนข้า”

“ทางวังหลวงคงแลเห็นว่าเรือนของท่านคงใหญ่โตที่สุดในละแวกนี้แล้วกระมัง”

“อืม ขอบใจท่านขุนมากที่นำสารมาบอกข้า”

“มิเป็นไรดอก กระนั้นข้าคงต้องขอตัวกลับเรือนก่อน ประเดี๋ยววันพรุ่งข้าจักรีบมาเข้าเฝ้า”

“อือๆ ข้าก็คงต้องขอตัวไปเตรียมรับเสด็จพระองค์ก่อนเช่นกัน”


แลวันนั้นทั้งวันคนในเรือนต่างก็วุ่นอยู่กับการเตรียมรับเสด็จเจ้าหลวงภุมรินในวันพรุ่ง ลืมเลือนร่างบางของคุณหนูเล็กที่นอนขด

กายหายใจรวยรินอยู่ในโรงเก็บฟาง

“คุณชมนาด คุณชมนาดเจ้าขา”

“...อะ อุ่น”

“ฮึก โถ คุณของบ่าว ดื่มน้ำก่อนหนาเจ้าคะ”บ่าวสาวค่อยประคองร่างเล็กขึ้นพิงอกตน ก่อนจะค่อยๆป้อนน้ำให้คนเป็นนายที่ดื่ม

อย่างกระหาย

“อึก อึก ...อุ่น เจ้ารีบไปเสียเถิดประเดี๋ยวจักมีคนมาเห็น”เสียงหวานแหบแห้งกล่าวเสียงแผ่ว

“ตอนนี้ทุกคนในเรือนวุ่นอยู่กับการเตรียมรับเสด็จเจ้าหลวงในวันพรุ่ง มิมีใครมาสนใจดอกเจ้าค่ะ”

“..เจ้า...หลวงเสด็จหรือ”

“เจ้าค่ะ พระองค์จักเสด็จมาประทับชั่วคราวที่เรือนใหญ่ก่อนจักกลับวังหลวงเจ้าค่ะ”

“ถึงกระนั้นก็เถอะ เจ้าไปเถิด ข้าอยู่ได้ ประเดี๋ยวมีใครมาพบเข้าเจ้าจักเดือนร้อน”

“...คุณเจ้าขา”

“ไปเถิดหนา..เชื่อข้า”

“เจ้าค่ะ ประเดี๋ยวอุ่นจักแอบเอาข้าวมาให้หนาเจ้าคะ”

“...”พยักหน้ารับอย่างอ่อนแรง อุ่นค่อยๆประคองร่างแน่งน้อยของคนเป็นนายลงนอนก่อนจะแลซ้ายขวาเมื่อเห็นว่าปลอดคนจึง

รีบรุดออกจากโรงเก็บฟาง


.
.
.


รุ่งเช้า

“ข้าดูเป็นอย่างไรบ้างนังสาลี่”การะเกดบุตรสาวคนงามของเศรษฐีเฒ่าเอ่ยถามบ่าวใช้คนสนิท

“งามมากเจ้าค่ะ”

“คิกๆ เขาลือกันนักว่าเจ้าหลวงภุมรินนั้นทรงรูปงามนัก ดีมิดีพระองค์อาจจักต้องตาข้า แลรับข้าเข้าวังก็เป็นได้”

“ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วคุณสุพจน์เล่าเจ้าคะ”

“นังโง่ บุตรชายท่านขุนหรือจักสู้เจ้าหลวงผู้เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน”

“อ่อ เจ้าค่ะ”แสร้งยิ้มประจบก่อนจะก้มหน้าลงแอบเบ้ปากใส่นายสาว คนกระไร๊เป็นสาวเป็นนางแท้ๆใจง่ายเสียจริงเล๊ย

“การะเกดเสร็จหรือยัง”

“เจ้าค่ะท่านพ่อ”

ขานรับคนเป็นพ่อแล้วออกมานั่งพับเพียบรอรับเสด็จเจ้าหลวงภุมริน ใบหน้างามแย้มยิ้ม วันนี้นางงามเสียจนคู่หมั้นหนุ่มบุตรชาย

ท่านขุนตะลึง แต่หาได้ชายตาแลเขาไม่

“เจ้าหลวงเสด็จ”เสียงองครักษ์สุธีดังขึ้นทำให้ขุนพิเชษ บุตรชายสุพจน์ เศรษฐีเฒ่า แลบุตรสาวการะเกดหมอบกราบ หญิงสาว

หมอบกราบอย่างงามชดช้อย ใบหน้าสวยก้มลงทั้งๆที่ใจจริงใคร่จักเงยมองพระพักตร์เจ้าหลวงหนุ่มแทบขาดใจ จะทรงงามสมคำ

ร่ำลือไหมหนา

“มิต้องมากพิธีดอก”พระสุระเสียงคุ้นหูทำเอาเศรษฐีเฒ่าแลการะเกดชะงักงัน

“...จะ เจ้า!!”เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องอ้าปากค้างเสียงหวานเผลอเรียกเจ้าหลวงอย่างเสียมารยาท

“บังอาจ”องครักษ์สุธีตวาดใส่

“หึหึหึ มิเป็นไรสุธี”แย้มพระโอษฐ์จนการะเกดหน้าแดงระเรื่อ

“...พะ พะ พระองค์..คะ คะ คือ..”

“หึหึหึ..ข้าเจ้าคนป่าบ่าวในเรือนเล็กของท่านไงเล่าท่านเศรษฐี ใยจึงมีสีหน้าตกใจนัก เป็นกระไรไปหนา...เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดี

ไหม หึหึหึ....ชมนาดอยู่ที่ใด!!!”กดพระสุระเสียงลงต่ำรอดไรพระทนต์ พระพักตร์งามแปรเปลี่ยนเป็นดุดันจนเศรษฐีเฒ่าแลบุตร

สาวหน้าซีดตัวสั่นด้วยกลัวถูกอาญา

“อะ เอ่อ...คือ”เศรษฐีเฒ่าเอ่ยตะกุกตะกัก

“เมียข้าอยู่ที่ใดหรือท่านเศรษฐี”

“คือ..กระหม่อม..เอ่อ คือ”

“หึ..เจ้าชมนาดได้เป็นเมียข้าแล้ว แลหากชมนาดเป็นกระไรไปข้าจักกุดหัวเจ้าเจ็ดชั่วโคตร..ฐานกบฏทำร้ายเชื้อพระวงศ์!!!”

“หะ หา...มะ มิได้พะย่ะค่ะ ชะ ชมนาด”

“ชมนาดอยู่ที่ใด!!!”

“ระ โรงเก็บฟางพะย่ะค่ะ”จบคำพระวรกายสูงใหญ่ก็เสด็จลงไปที่โรงเก็บฟางทันที

“ฝะ ฝะ ฝ่าบาท”เศรษฐีเฒ่ารีบรุดตามเจ้าหลวงภุมรินไปทันที

“นี่มันเรื่องกระไรท่าน”ท่านขุนถามขึ้น

“เอาไว้ก่อนเถิดท่าน”

“ท่านพ่อจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”การะเกดหน้าซีดตัวสั่น หากพระองค์รู้ว่านางวางยาหญ้าเสน่ห์พระองค์นางมิต้องอาญาถูกกุดหัว

ดอกหรือ


.
.
.


แอ๊ด ปัง

องค์ภุมรินเปิดประตูโรงเก็บฟางเข้าไปอย่างรีบเร่ง ทอดพระเนตรไปทั่วห้องแคบๆนั่นก่อนพระเนตรจักสะดุดที่ร่างแน่งน้อยของ

เมียรัก ชมนาดน้อยนอนขดอยู่ที่หลังกองฟางกองใหญ่ในสภาพสะบักสะบอม

“ชมนาด”พระวรกายสูงรุดเข้าหาคนเป็นเมีย ทรุดลงประคองร่างบางเข้าแนบพระอุระ ใบหน้าสวยที่พระองค์จูบหอมเมื่อคืนก่อน

ม่วงช้ำแลมีคราบโลหิตเกรอะกรัง ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่พระองค์โปรดปรานเป็นแผลแตกจนน่ากลัว ผิวกายนุ่มนิ่มที่พระองค์กกกอดช้ำ

ม่วงไปทั่วร่าง กายบางมีไอร้อนแผ่ออกมาตลอดจนเจ้าหลวงภุมรินเป็นกังวล

“เฮือก...อะ เอ่อ ฝะ ฝ่าบาท”

“ท่านเศรษฐีข้าใคร่ถามท่านสักหน่อย...ชมนาดนั้นใช่บุตรของท่านหรือไม่”

“เอ่อ...”

“ข้าถาม!!”

“พะย่ะค่ะ ชมนาดเป็นบุตรของกระหม่อมพะย่ะค่ะ”

“แล้วเหตุใดจึงทำร้ายเจ้าชมนาดถึงเพียงนี้!!!”

“คะ คือ”

“สุธี”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“จัดสินสอดทองหมั้นให้ท่านเศรษฐีตามสมควรด้วย ข้าจักพาชมนาดเข้าวัง!!”

“กระไรหนา”การะเกดครางออกมาอย่างมิเชื่อหูตัวเอง

เจ้าหลวงภุมรินช้อนร่างบอบช้ำขึ้นแนบอก เสด็จไปยืนประทับอยู่ตรงหน้าหญิงสาว

“คราแรกข้าจักพาชมนาดเข้าวัง หากแต่คิดว่าชมนาดคงมิยอมง่ายๆ ต้องขอบใจเจ้ามากหนาแม่ที่วางยาข้ากับน้องเจ้ากระไรมัน

จึงง่ายขึ้น แต่...”

“กระ กระไรหนา การะเกดเจ้าทำกระไร”เมื่อได้ฟังที่เจ้าหลวงตรัสเศรษฐีเฒ่าก็หันไปถามบุตรสาวทันที หญิงสาวยืนหน้าซีดตัวสั่น

ด้วยความขลาดกลัว

“สุธี”

“พะย่ะค่ะ”

“ข้าจักทำอย่างไรกับคนที่วางยาข้าดี”

“ผู้ที่คิดร้ายกับเจ้าหลวงสมควรโดนประหารพะย่ะค่ะ”

“มะ ไม่หนาเพคะ หมะ หม่อมฉัน...”

“หึหึหึ”

“ฝ่าบาทหม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉัน ฮือออ”

“หึ ข้าจักมิกุดหัวเจ้า เห็นแก่เจ้าชมนาด...คงมิดีนักหากข้าจักกุดหัวเจ้าที่เป็นพี่สาวชมนาด”

“ขะ ขอบพระทัยฝ่าบาท เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ”

“หึหึหึ สุธี”

“พะย่ะค่ะ”

“สั่งทหารลงหวายนางผู้นี้ร้อยที”

“หา...ฝ่าบาท ได้โปรดเถิดเพคะ ฝ่าบาท”

“เห็นทีข้าคงต้องขอตัว หวังว่าจักมิได้พบท่านสองพ่อลูกอีก”

“หมายความว่า”

“ต่อไปนี้ชมนาดจักตัดสัมพันธ์ มิเกี่ยวข้องกับเจ้าสองพ่อลูกอีก”

“หะ หา”

“เจ้าทำกับชมนาดขนาดนี้คงมินับเป็นลูกอีกแล้วกระมัง”

“....”

“หึ...ในคราแรกท่านว่าจักฆ่าชมนาดให้ตายเสีย เยี่ยงนั้นก็จงคิดเสียว่าชมนาดบุตรของเจ้าได้ตายไปเสียแล้ว แลจักเหลือเพียง

ชมนาดสนมเอกของข้าเพียงเท่านั้น!!”




*************************************************************************



หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 19-03-2017 07:57:02
หึ สมน้ำหน้าการะเกด! เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับเจ้าหลวง  :z2:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 19-03-2017 09:02:29
ว่าแล้วว่าอีการะเกดจะมีบทสำคัญ  แค่สนมเอกเองหรอ  คงไม่ถูกรังแกดอกนะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: kysuperlove ที่ 21-03-2017 23:40:09
ชอบมากเลยค่าาาาาาา
ชอบอ่านฟิคย้อนยุคประมาณนี้จัง ฮืออออออ
ติดตามเป็นกำลังใจให้นะคะ ><
ไม่รู้ว่าองค์ภุมรินพาชมนาดเข้าวังแล้วจะดราม่าหนักอีกมั้ยน้ออออออ
ชอบชมนาดมากๆ เลย น่าร้ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 22-03-2017 00:01:10
ชอบเรื่องนี้ค่าาาา
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 22-03-2017 00:28:58
 เพิ่งมาอ่านคับ สนุกมากๆ ชอบมาก
  รออ่านตอนต่อไปคับ

 **ผู้แต่งช่วยบอกตอนที่อัพเดทที่หัวข้อกระทู้เรื่องที่วางกฏเล้าเป็ดด้วยคับ จะได้รู้ว่าตอนใหม่มาแล้วคับ **
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-03-2017 09:15:40
พระสนมเอก!!
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 22-03-2017 10:37:20
ไวไฟอะไรขนาดนี้  :hao7:
ขอบคุณที่รับฟังนะคะ อิอิ
แต่มีอีกเรื่องค่ะ คือเวลาอัพก็น่าจะเปลี่ยนหัวเรื่องด้วยว่าอัพวันที่เท่าไร ตอนที่เท่าไร จะได้รู้ว่าอัพแล้วค่ะ

รอตอนต่อไป ชมนาดได้เข้าวังแล้ว คงไม่โดนใครรังแกนะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๒.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 22-03-2017 21:17:36
ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น  ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๐๔



เพี๊ยะ!

 
"๙๙"

 
เพี๊ยะ!

 
"๑๐๐"


 
"อึก...ฮือออ"การะเกดถูกมัดมือติดกับเสา แผ่นหลังบางแตกลายเป็นรอยหวาย

"เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะคุณการะเกด"บ่าวสาวรีบมาแก้มัดนายออกจากเสาหลังการลงทัณฑ์ตามรับสั่งของเจ้าหลวงภุมริน

"ก็เจ็บน่ะสิ ถามได้ อีโง่!!"เสียงแหลมตวาด น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บ

"....."บ่าวสาลี่เงียบปากมิพูดอะไรแต่ในใจก่นด่านายสาวด้วยความมิใคร่พอใจ ก้มหลบซ้อนสีหน้าเยาะเย้ย

"อึก ฮือออ"การะเกดค่อยเดินตามแรงพยุงของบ่าวคนสนิท

"คุณการะเกดนอนรอก่อนหนาเจ้าคะ บ่าวจักไปหาผ้ามาเช็ดตัวให้” พยุงนายสาวให้นอนลงบนเตียงแลออกจากห้องไปหายูกยามาทาให้

"อึก ฮือ ชมนาด!!"กัดฟันเค้นชื่อน้องชายร่วมบิดาด้วยความโกรธแค้น ทั้งๆที่ทำตัวเองแท้ๆ


.
.
.

 

หลังจากผลัดผ้าแลเช็ดตัวให้ร่างบาง องค์ภุมรินก็มีรับสั่งให้หมอหลวงที่ตามเสด็จเข้ามาตรวจแลรักษาบาดแผลของเจ้าชมนาด

"เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ"

"อะ เอ่อ พระสนมมีอาการช้ำในพะย่ะค่ะ แลร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิมจึงทำให้ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นพะย่ะค่ะ"สิ้นเสียงหมอหลวงสายพระเนตรคมกริบก็ตวัดมองเศรษฐีเฒ่าจนร่างท้วมอ้วนสะดุ้ง

"หากข้าประหารเจ้าแลชมนาดจักมิโกรธหรือเกลียดข้า ข้าจักกุดหัวท่านประเดี๋ยวนี้เลยเทียว"

"ฝะ ฝ่าบาท.."

"หึ"ทำพระสุระเสียงขึ้นจมูกก่อนจะหันพระพักตร์กลับมาสนใจชมนาดน้อยที่นอนมิได้สติตามเดิม

"ท่านหมอหากข้าจักพาชมนาดกลับวังวันพรุ่งจักมีอันตรายหรือไม่"

"ทูลฝ่าบาทหากพาพระสนมกลับวังวันพรุ่งย่อมทำได้ แต่การเดินทางคงต้องใช้เวลาค่อยเป็นค่อยไป รีบร้อนเร่งเดินทางคงมิดีพะ
ย่ะค่ะ"

"จะไม่มีอันตรายใช้หรือไม่"

"หากปฏิบัติตามที่หม่อมฉันทูลย่อมไม่มีอันตรายพะย่ะค่ะ"

"เยี่ยงนั้น...สุธี"

"พะย่ะค่ะฝ่าบาท"

"เตรียมการเดินทางแลเสบียงให้พร้อม วันพรุ่งเมื่อตะวันพ้นขอบฟ้าข้าจักพาชมนาดกลับวังหลวง"

"รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ"


.
.
.


 
ดึกดื่นค่อนคืน กลิ่นกำยานหอมจุดขึ้นเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ภายในห้องนอนของคุณหนูเล็ก เจ้าหลวงภุมรินประทับอยู่ข้างกาย
บางมิห่าง ใบหน้าสวยซีดเซียวมีรอยม่วงช้ำ ที่ขมับถูกพันด้วยผ้าขาวสะอาดปิดบาดแผล พระหัตถ์ลากผ้าชุบน้ำมาดๆคอยเช็ดตัวระบายความร้อนให้คนเป็นเมีย วางผ้าลงในกะละมังไม้ใบย่อม สายพระเนตรทอดมองใบหน้าสวยที่ตกหลุมรักแลจรดพระนาสิกที่หน้าผากมนอย่างรักใคร่

"ตื่นขึ้นมาไวๆเถิดน้อง ใจพี่จักขาดแล้วหนา"ตรัสคลอเคลียข้างใบหูเล็ก ก่อนจะกดพระโอษฐ์จูบที่ริมฝีปากแห้งเพราะพิษไข้


.
.
.



รุ่งเช้า เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่อง ขบวนเสด็จก็ตั้งพร้อมกลับวังหลวง บ่าวสาวก็เช็ดตัวผลัดผ้าให้คนเป็นนาย

"เรียบร้อยหรือยังอุ่น"เจ้าหลวงภุมรินทรงพระปุจฉา

"ทะ ทูลฝ่าบาท เรียบร้อยเพคะ"

"...เจ้ารับใช้ชมนาดมากี่ปีแล้วหรือ"

"บะ บ่าวรับใช้คุณหนูมาตั้งแต่อายุได้สิบปีแล้วเพคะ"

"...อยากไปอยู่รับใช้ชมนาดในวังต่อหรือไม่"

"หะ หา ในวังหรือเพคะ"

"ใช่"

"บะ บ่าวไปได้หรือเพคะ"

"ข้าจักให้เจ้าเข้าวังไปรับใช้ชมนาด เก็บข้าวของเสีย"

"ขะ ขอบพระทัยเพคะ"

 
กุกกักๆ ตุ้บ
 

เสียงกุกกักจากบานหน้าต่างไม้ดังขึ้นเรียกสายพระเนตรคมกริบให้ทอดพระเนตร วิเชียรมาศตัวน้อยกระโดดลงบนพื้นไม้ เดิน
นวยนาดเย่อหยิ่งเข้ามาภายในห้อง

"เจ้าแมวนี่..."

"ทะ ทูลฝ่าบาท 'พุดจีบ' เป็นลูกแมวที่คุณชมนาดเธอเลี้ยงไว้เพคะ หายไปเสียหลายวัน จนหม่อมฉันลืมไปเลย ดีนักหนาที่มัน
กลับมาก่อนที่คุณหนูจะไป"

"ชมนาดเลี้ยงไว้หรือ ข้าควรเอามันกลับวังด้วยหรือไม่"

"หม่อมฉันเห็นสมควรว่าควรพาพุดจีบไปด้วยเพคะ คุณชมนาดเธอรักมาก"
 

พระวรกายสูงใหญ่ยอบลงคว้าเจ้าตัวขาวแต้มน้ำตาลไหม้ขึ้นแนบพระอุระ

"อยากไปอยู่ในวังกับนายเจ้าหรือไม่พุดจีบ"

"เหมี๊ยววว~"

"หึหึหึ"พระดรรชนีเกาคางให้เจ้าตัวหน้าขนจนเคลิ้ม


.
.
.

 

เมื่อสว่างเต็มที่ ขบวนเสด็จก็เคลื่อนกลับวังหลวงทันที ชมนาดตัวน้อยที่ถูกห่อด้วยผ้าห่มผืนนุ่มนอนตัวอ่อนอยู่บนพระเพลากว้าง
ใบหน้าสวยมีรอยช้ำซบแนบอยู่ที่พระอุระอุ่น สองพระกรโอบตระกองกอดร่างน้อยมิวาง


.
.
.
 

เมื่ออาทิตย์อับแสงขบวนเสด็จก็กลับถึงวังหลวง ตำหนักฝั่งซ้ายถูกจัดแต่งใหม่เพื่อต้อนรับพระสนมในองค์ภุมริน พระกรค่อยๆวางร่างแน่งน้อยลงบนพระแท่นบรรทม ดึงผ้าห่มสีหวานปักลายดอกไม้เล็กๆงดงามห่มให้จนถึงอกเล็ก

"เมี๊ยว~"พุดจีบตัวน้อยเดินนวยนาดเข้ามาสีพระบาทออดอ้อน

"อุ่น"

"เพคะ"

"เจ้าไปพักผ่อนเถิด แล้ววันพรุ่งอาบน้ำให้พุดจีบด้วย"

"เพคะฝ่าบาท"

 
.
.
.



2 วันต่อมา ณ ตำหนักฝั่งซ้าย

“อึก อื้อ”เสียงครางในลำคอด้วยความปวดเมื่อย เปลือกตาสีมุกปรือปรอยก่อนจักหลับลงเมื่อแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาแยงนัยน์ตาหวาน ชมนาดน้อยปรับสายตารับแสงก่อนจักกวาดดวงแก้วใสสำรวจรอบกาย เพดานสีทองหรูหรานี่ มิใช่เรือนของตนเป็นแน่ ไหนจักเตียงนอนหลังใหญ่โตมีมุ้งสีหวานหอมกลิ่นบุหงารำไปอบอวล สายลมอ่อนยามบ่ายพัดม่านลูกไม้สีสวยปลิวไหวตามแรงลม

“คะ คุณชมนาด เอ้ย พระสนมตื่นแล้วหรือเพคะ”บ่าวอุ่นปรี่เข้ามาหาคนเป็นนาย

“อะ อุ่นที่นี่ที่ไหน”เอ่ยถามพลางนิ่วหน้าเมื่อเจ็บระบมทั่วร่างกาย

“ที่นี่ตำหนักพระสนมเพคะ”

“...พระสนม?”ถามอย่างฉงน

“เพคะ อ๊ะ เสวยพระสุธารสก่อนเถิดเพคะ”

“เจ้าพูดแปลก...”

“เสวยก่อนเพคะ”ค่อยๆประคองร่างบางขึ้นในอ้อมแขนก่อนจักยกขันทองบรรจุพระสุธารสลอยดอกมัลลิกาจรดริมฝีปากบางแห้ง ชมนาดน้อยดื่มน้ำเย็นหอมกลิ่นมะลิลงคอด้วยความกระหายจนหมดขัน

“...อุ่น”

“เพคะ”

“เจ้าบอกว่า ที่นี่ตำหนักพระสนม เจ้าหมายความอย่างไร”

“เอ่อ...”

“ฟื้นแล้วหรือเจ้า”ยังมิทันที่บ่าวอุ่นจักได้ตอบคำถามแคลงใจคนเป็นนาย พระสุระเสียงทุ้มเจือความดีพระทัยก็เอ่ยขึ้น ก่อนพระวรกายสูงใหญ่จะปรี่เข้ามาประชิดกายบางของเมียรัก

“..เจ้า!”ดวงตาหวานเบิกโตก่อนจักกัดฟันเรียกอย่างชิงชัง ไอ้ชายโฉดที่คร่าความบริสุทธิ์ข้า ไฉนเลยจึงมาอยู่ที่นี่

“บังอาจ”เสียงดุตวาดทำเอาชมนาดน้อยสะดุ้งน้ำตาคลอ

“มิเป็นไรดอกท่านราชเลขา”ทรงหันไปปรามผู้ใต้บังคับบัญชา ประคองมือน้อยขึ้นจูบปลอบ ทั้งเอ็นดู ทั้งสงสาร

“ที่นี่ที่ใด”เอ่ยถามอีกครา

“ที่นี่ตำหนักพระสนม...ตำหนักของเจ้า แต่หากเจ้าหายดีเมื่อใดพี่จักให้เจ้าเข้าอยู่ที่ตำหนักหลวง”เอื้อมพระหัตถ์หมายจักลูบแก้ม
ขาว แต่ไฉนเลยเมียรักจึงหันหน้าหนีพี่เยี่ยงนี้

“นี่มันเรื่องอันใดกัน หมายความว่าอย่างไร”

“ชมนาด”

“พวกเจ้าเล่นตลกกระไรกับข้า”

“น้องใจเย็นๆก่อนเถิด”

“ไม่ อุ่น”

“เพคะ”

“ข้าอยากกลับบ้าน พาข้ากลับบ้าน”มิพูดเปล่ายันกายลุกทั้งที่ร่างกายก็อ่อนแอบอบช้ำ

“ชมนาดอย่าเพิ่งลุกหนาน้อง ประเดี๋ยวจักเจ็บเอาหนาเจ้า”ขยับพระกรโอบประคองร่างบางอย่างทะนุถนอม แต่คนงามก็หาได้ฟัง
ไม่ พยายามสะบัดกายออกจากอ้อมพระกร กัดฟันข่มความเจ็บ วาดขาลงพื้นข้างเตียง

“พระสนม”อุ่นครางในลำคออย่างมิรู้จะทำเช่นไรกับอาการดื้อของคนเป็นนาย

“เจ้าว่ากระไรหนาอุ่น พระสนมหรือ”

“พะ เพคะ”

“ไม่...ไม่ใช่”ใบหน้าสวยหวานส่ายไปมาจนเส้นผมนุ่มกระจายเต็มแผ่นหลังบาง

“น้องรักษาให้หายดีก่อนเถิด แลพี่จักเล่าทุกอย่างให้เจ้าฟังเอง หนาคนดี”พยายามประเหลาะแต่ก็มิสามารถทำให้คนงามยินยอมได้

“ไม่”ออกแรงลุกขึ้นเดิน หากแต่เดินได้เพียงแค่สองก้าวกายบางก็ทรุดฮวบ องค์ภุมริมผวาเข้ารับกายบางของเมียรักอย่างทันท่วงที

“โอ๊ย”ความเจ็บปวดจากบาดแผลแล่นริ้วขึ้นมาจนชมนาดน้อยหมดแรงฝืน

“มิเป็นไรๆ มิเจ็บหนา ราชเลขาตามหมอหลวง”

“พะย่ะค่ะ”

“ฮึก อึก ฮือ”เมื่อร่างกายมิเป็นอย่างใจคิดก็ระบายความโกรธแค้นออกมาในรูปของน้ำตา

“โอ๋ๆ มิร้องหนาคนดี พี่ขอโทษๆ”กอดน้องน้อยแนบอกพลางพรมจูบเวียนหอมใบหน้าหวานชื้นน้ำตา พระหัตถ์ลูบแขนเล็กปลอบประโลม อุ้มร่างบอบบางขึ้นนอนบนพระแท่นบรรทมตามเดิม ชมนาดพลิกกายตะแคงหนีด้วยไม่อยากเห็นหน้าอีกคน ฟันซี่เล็กกัดชายผ้าห่มกลั้นเสียงสะอื้น

“ถวายบังคมฝ่าบาท”หมอหลวงหมอบกราบนายเหนือหัว

“มิต้องพิธีรีตอง”

“พะย่ะค่ะ”

“ชมนาดคนดี ให้หมอตรวจหน่อยหนา”พระสุระเสียงอ่อนโยนเอ่ยกระซิบกับคนที่ร้องไห้เงียบๆ

“.....”

“เชิญท่านหมอ”

“พะย่ะค่ะ”


.
.
.

 

“ว่าอย่างไรท่านหมอ”ทรงตรัสถามหลังจากที่หมอหลวงก้าวออกจากพระแท่นบรรทมกว้าง

“อาการของพระสนมตอนนี้มิมีอันใดน่าเป็นห่วงแล้วพะย่ะค่ะ จะมีเพียงอาการบาดเจ็บ แลปวดเมื่อยเล็กน้อยตามพระวรกาย
เท่านั้นพะย่ะค่ะ”

“อีกนานหรือไม่เจ้าชมนาดจึงจักหายดี”

“มินานพะย่ะค่ะ”

“...ขอบใจท่านมาก”

“หามิได้พะย่ะค่ะ”
หลังจากที่หมอหลวงออกจากห้องบรรทมไปแล้ว เจ้าหลวงภุมรินก็หันกลับมาหาเมียรักอีกครา คนงามของพระองค์นอนตะแคง ใบหน้าชื้นน้ำตา ดวงตาบวมช้ำ

“อุ่น”

“เพคะเจ้าหลวง”

“เจ้าออกไปก่อน ข้าใคร่อยู่กับเจ้าชมนาดตามลำพัง”

“เพคะ”

“ฮึก อุ่น”ผวาจะลุกตามบ่าว แต่ก็ต้องนอนลงตามเดิมเมื่อความเจ็บแล่นริ้วจนนิ่วหน้า

“ชู่ว ชมนาด”

“ฮึก ฮือออ”ประคองน้องน้อยขึ้นซบพระอุระอุ่น พระโอษฐ์พรมจูบกลุ่มผมเหนียวที่เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเขียว

“อย่าร้องเลยหนาคนดี”

“ฮือออ นี่มันเรื่องอันใดกัน อึก”อยากจะขัดขืนแต่ร่างกายก็อ่อนแรงเกินกว่าจะทำได้

“......จำวันนั้นได้หรือไม่ วันที่พี่หักหาญน้ำใจเจ้า”ตรัสถามพลางลูบแขนปลอบประโลมเมียรัก

“.....ฮึก”

“การะเกด ใส่หญ้าเสน่ห์ในน้ำใบเตยให้พี่แลเจ้าดื่ม”

“...คะ คุณพี่ หระ หรือ”

“...ใช่”

“แล...ตำหนักหลวงนี่”

“...พี่ขอโทษที่โป้ปดเจ้า”

“...อึก สนุกนักหรือที่เห็นว่าข้ามันโง่เพียงนี้”

“ไม่ใช่หนาชมนาด พี่...”

“ฮึก หามิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเป็นเพียงชาวบ้านนอก มิบังอาจโกรธเคืองเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินดอก”ริมฝีปากเล็กพ่นถ้อยคำ
ประชดประชัน จนเจ้าหลวงภุมรินนึกอยากจูบปากจิ้มลิ้มนั้นเสียให้ช้ำ

“...น้อง”

“อึก ฮึก หม่อมฉันต้องกราบขอประทานอภัยที่พี่สาวทำให้ต้องลดพระองค์มาเกลือกกลั้วกับชาวบ้านนอกอย่างหม่อมฉัน หากจัก
ทรงกุดหัวหม่อมฉันก็ยอม”ดันกายออกจากพระอุระอุ่น ก่อนจะหมอบกราบแทบพระบาท หยาดน้ำตาร้อนหยดลงบนพระฉวีจนเจ้าหลวงหนุ่มใจหวิว

“ว่ากระไรอย่างนั้นเล่าน้อง!!”ประคองไหล่เล็กขึ้น

“อึก ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ ทรงกุดหัวหม่อมฉันเถิด”พนมมือไหว้ปรกๆ น้ำตาไหลอาบใบหน้าสวย ดวงตาแดงช้ำบวมปูด

“ชมนาด!!”ขึ้นพระสุระเสียงใส่ ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาประกบจูบ

“ฮึก”มือบางดันพระอุระไว้ ขืนตัวมิยอมให้เจ้าหลวงล่วงล้ำ แต่เจ้าหลวงภุมรินหาได้สนไม่กอดรัดกายบางประกบพระโอษฐ์ป้อน
จูบดุดันให้ ไฉนเลยจึงมาประชดประชันพี่เยี่ยงนี้ พระชิวหาร้อนกวาดดูดลิ้นเล็กตะกรุมตะกราม

“เจ้าเป็นเมียพี่ อย่าได้พูดจาประชดประชันเยี่ยงนี้อีก”ถอนพระโอษฐ์ออก บีบแก้มเล็กแน่นก่อนจะกดพระสุระเสียงต่ำใส่

“ฮึก ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ ทะ...”ยังไม่ทันที่ปากเล็กๆนั้นจักพ่นคำประชดประชันออกมาจนจบ พระพักตร์งามก็เคลื่อนเข้าหา จนร่างบางตกใจเบี่ยงหน้าหนี ดวงตาช้ำหลับแน่น ริมฝีปากเม้มจนซีดขาว

“หึหึหึ จุ๊บ”กดจูบที่แก้มใสชื้นน้ำตา พระหัตถ์ลูบกลุ่มผมนุ่มให้คลายความกลัว

“....”ชมนาดน้อยค่อยๆลืมตา ตัวสั่น

“พี่จักให้อุ่นจัดเครื่องเสวยให้น้อง กินข้าวกินยาจักได้หายไวไว น้องเจ็บเยี่ยงนี้พี่ใจไม่ดี”ตรัสพร้อมแย้มพระโอษฐ์อย่างพระทัยดีให้

“....”

“....ปฏิเสธมิได้ดอกว่าเจ้าคือเมียเจ้าหลวง สนมเอกของพี่ ไว้เจ้าหายดีเมื่อใด พี่จักตั้งให้เจ้าเป็นชายา”

“ไม่พระเจ้าค่ะ!!”

“ใยจึงดิ้อเยี่ยงนี้หนาน้อง”

“นางสนมของพระองค์คงมีเป็นร้อยเป็นพันนาง ใยต้องเป็นข้า”

“ข้ามิมีนางสนม เจ้าเป็นสนมคนแรก สนมเอก แลจักเป็นชายาของข้า”

“...น่าขันนัก เจ้าหลวงรูปงามเช่นท่านน่ะหรือจักมิมีสนมรับใช้”

“...เจ้า...หึงพี่หรือชมนาด”

“มิใช่พระเจ้าค่ะ!!”

“หึหึหึ เอาเถิดๆ ไว้เจ้าหายดีก่อนแลเราค่อยมาพูดจากันอีกครา”

“.....”





********************************************************


หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๒.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: allegiant1994 ที่ 22-03-2017 21:19:52
สนุกมากๆเลยค่ะ ตามมาจากในธันวลัย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๒.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-03-2017 22:05:36
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๒.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 22-03-2017 22:28:25
คงต้องปราบกันอีกยาว
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๒.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 22-03-2017 23:14:02
โอ้ยยยย ดีใจที่คุณหลวงมาช่วยชมนาดได้ไว
ไม่งั้นนายเอกเราไม่รอดแน่ๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๒.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 22-03-2017 23:30:35
ชมนาดดื้อมาก
จับตีซักทีดีหรือไม่เจ้าคะเจ้าหลวง  o18
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๒.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 23-03-2017 00:37:14
หายไวๆนะเพคะพระสนม จะได้เป็นพระชายาในเร็ววัน อิอิ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๒.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-03-2017 08:40:40
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๒.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 23-03-2017 10:01:46
อ๊าคคค ติดเรื่องนี้เเล้วน้าาาา มาอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๒.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 23-03-2017 12:14:33
  เข้าวังไปเป็นชายาเจ้าหลวงแล้ว 555
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๒.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-03-2017 15:40:16
ตามดู
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๔ ๒๒.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: kysuperlove ที่ 23-03-2017 23:17:33
ชมนาดน้อยยยย ฟื้นขึ้นมาก็ดื้อกับเจ้าหลวงเลยน้าาาา
เจ้าหลวงจะต้องปราบชมนาดน้อยแสนดื้อคนนี้จนเหนื่อยแน่เลย อิอิ
น่าร้ากกกก ชอบชมนาดมากๆๆๆๆ แมวดื้อของเจ้าหลวง ดื้อกว่าพุดจีบอีกมั้งเนี่ย 55555
ติดตามค่า ชอบมากๆ เลย ><
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐ หน้า ๐๒
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 24-03-2017 14:43:53
ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๐๕


เป็นเพลาหลายสัปดาห์ที่ชมนาดเข้าเป็นสนมเอกในองค์ภุมรินอยู่ที่ตำหนักหลวง คนตัวเล็กนั่งพับเพียบร้อยมาลัยมะลิ โดยมีพุดจีบนอนขดอยู่ข้างๆ

“แบบนี้หรือจ๊ะคุณท้าว”เอ่ยถามเสียงหวานพลางประคองดอกไม้หอมสีขาวนวลให้คนแก่ดู

“เพคะพระสนม งามนักเพคะ”เอ่ยชมพลางตบหลังมือขาวเบาๆให้กำลังใจ

“ขอบคุณจ้ะ”ยิ้มหวานให้ก่อนจักก้มหน้าร้อยดอกไม้ต่อ

“องค์ภุมรินเสด็จเจ้าค่ะคุณท้าว”ข้าหลวงสาวกระซิบบอกคุณท้าวที่กำลังสอนพระสนมร้อยดอกไม้

“พระสนม องค์ภุมรินเสด็จเพคะ”กระซิบบอกร่างบางที่ก้มหน้าสนแต่ดอกไม้สีขาวหอมตรงหน้าอีกทอด
มือเล็กวางพวงดอกมะลิที่ยังร้อยไม่เสร็จลงบนพาน ขยับหมอบกราบเมื่อพระวรกายกำยำเสด็จเข้ามาในศาลาริมสระหลวง

“...ข้าเจ็บท้อง...ใคร่เข้าห้องน้ำนัก ขอตัวก่อนหนาจ๊ะคุณท้าว”หันไปบอกข้าหลวงเฒ่าก่อนจักขยับกายลุกขึ้นแต่เมื่อหันกายออกก็ต้องผงะ ร่างบางปะทะเข้ากับพระวรกายสูงกำยำ พระกรแข็งแรงโอบตวัดรอบเอวเล็กไว้ไม่ให้น้องล้ม แย้มพระโอษฐ์เมื่อเห็นดวงตากลมหวานเบิกกว้าง ริมฝีบางสีระเรื่อเผยอตกใจ มือบางทั้งสองข้างวางทาบลงบนพระอุระกว้าง

“ใยจึงชอบหลบหน้าพี่นักเจ้าชมนาด นี่ผัวหนา”ตรัสกระเซ้าเย้าแหย่

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอ่ย หลุบตาลงต่ำพลางเบี่ยงกายออกจากอ้อมพระกรอุ่น

“คุณท้าว”

“เพคะฝ่าบาท”

“ข้าขอตัวเจ้าชมนาดก่อนได้หรือไม่คุณท้าว”

“แต่หม่อมฉันยังร้อยมาลัยไม่เสร็จหนาพระเจ้าค่ะ”

“นี่น่ะหรือ”พระหัตถ์หยิบพวงมะลิที่ยังไม่สมบูรณ์ขึ้นชม

“เพคะ”เป็นคุณท้าวที่ตอบแทนพระสนม

“งามนัก ร้อยให้พี่ใช่หรือไม่”พระราชปุจฉา

“มิใช่พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักร้อยไปถวายพระที่ตำหนักศาสน์”ตอบพลางเบือนใบหน้าหวานหนี มิใคร่เห็นพระเนตรกรุ้มกริ่มนั่นสักเท่าใด

“เยี่ยงนั้นหรือ มิเป็นไร”วางพวงดอกไม้ลงบนพาน แลหันพระพักตร์มาคว้ามือบางขึ้นจรดพระนาสิก สูดพระปัสสาสะเข้าพระปับผาสะ

“......”ดวงตาหวานเบิกกว้างชักมือกลับ

“หอมนัก เจ้าดอกข้าวใหม่ของพี่ หึหึหึ คุณท้าวข้าขอตัวชมนาดก่อนหนา”

“เพคะฝ่าบาท”

“แต่...”

“อย่าดื้อกับพี่”จับคางแหลมเขย่าไปมาเบาๆ รวบเอวบางรั้งร่างเล็กให้เดินตาม

“ฝ่าบาท! หม่อมฉันมิไปหนาพระเจ้าค่ะ”พยายามขืนตัวไว้ แต่ก็ไม่อาจสู้แรง


.
.
.


องค์ภุมรินพาร่างแน่งน้อยมาที่ห้องบรรทม ณ ตำหนักหลวง ชมนาดสะบัดกายออกจากพระวรกายกำยำ น้องน้อยเดินหนีพระภัสดารูปงามมาหยุดอยู่ที่พระแท่นบรรทมคลุมด้วยพระวิสูตรปักลายดอกไม้สีหวาน เดิมทีเครื่องบรรทมแลพระวิสูตรในห้องบรรทมตำหนักหลวงเป็นสีเข้มทึบ หากแต่มีรับสั่งให้เปลี่ยนเครื่องบรรจถรณ์ แลพระวิสูตรเป็นสีหวานปักลายดอกไม้ต้อนรับเจ้าชมนาดที่จักเข้ามาอยู่ตำหนักหลวงตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป

“ใยจึงใจร้ายใจดำกับพี่เยี่ยงนี้หนาเมีย”ทรงตรัสด้วยพระสุระเสียงหวานพลางรวบกายบางเข้ามาในอ้อมพระกรจากด้านหลัง

“ฝ่าบาท!”

“โกรธเคืองพี่มากหรือ ไฉนเลยจึงไม่ยอมใจอ่อนให้อภัยกันเสียที”

“หม่อมฉันควรอภัยให้คนที่หักหาญน้ำใจหม่อมฉันง่ายๆหรือพระเจ้าค่ะ”ผินหน้ามาถามอย่างเอาเรื่อง

“แต่นี่ผัวหนา”ประคองมือบางขึ้นแนบพระปราง อ้อนจนเจ้าชมนาดหน้าม้าน

“...”

“พี่รักเจ้าหนาเจ้าชมนาด มิเช่นนั้นคงมิใจง่ายตามไปถึงเรือนเจ้าดอก”

“...”

“แลน้องเล่ารักพี่บ้างหรือไม่”จรัสคลอเคลียปรางขาว

“...หม่อมฉันมิทราบพระเจ้าค่ะ”

“พี่มิเร่งรัดเจ้าดอก พี่ขอแค่อย่าปั้นปึงใส่พี่แค่นี้ก็พอใจหนักหนาแล้ว”

“...”

“อย่าใจร้ายเลยหนาแม่คนดี”กดจูบที่แก้มนุ่ม

“หม่อมฉันขอประทานอภัยโทษพระเจ้าค่ะ หากทำกิริยามิเหมาะมิควร แต่จักให้หม่อมฉันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เอาอกเอาใจฝ่าบาทเยี่ยงพระสนมองค์อื่น หม่อมฉันคงทำมิได้”หันกายเข้าหาพระวรกายกำยำ มือบางพนมกราบลงบนพระอุระ

“หึหึหึ”ยกพระกรตระกองกอดร่างน้อย

“...”

“พี่บอกเจ้าไปแล้วหนาว่าพี่มีเจ้าเป็นสนมคนเดียว มิมีใครอื่นอีกเลยหนาเมีย”วางพระพักตร์แนบกับลาดไหล่เล็ก

“...ฝ่าบาท”ชมนาดยืนตัวแข็ง ฝ่ามือบางยกกั้นพระโอษฐ์ที่เคลื่อนมาใกล้แก้มขาว

“มิเชื่อพี่หรือ”

“...เป็นไปมิได้ดอกพระเจ้าค่ะที่พระองค์จักมิมีสนมปรนนิบัติ”ร่างบางเบือนใบหน้าสวยหนีแลกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พลางขืนกายออกจากอ้อมพระกรอุ่น ก่อนจักเดินไปนั่งหันหลังให้พระภัสดาที่ปลายพระแท่นบรรทม

“ก็ได้ๆ พี่สารภาพอย่างที่เมียว่าเป็นไปมิได้ที่พี่จักมิมีหญิงมาบำเรอ”เสด็จตามไปประทับข้างร่างน้อย รั้งร่างบางเข้ามากอด แม้อีกคนจะขัดขืนก็ตามที

“...ทรงปดเก่งเหลือเกิน”ตัดเพ้อด้วยความน้อยใจ กี่ครั้งแล้วที่โดนลวง

“พี่มีหญิงบำเรอก็จริงหนา แต่มิมีใครที่พี่ตั้งให้เป็นสนม”

“...”

“น้องคนเดียวที่จักได้ใจพี่หนาเจ้าชมนาด”พระโอษฐ์ได้รูปงามป้อนคำหวานจนชมนาดใจแกว่ง

“...เชื่อได้หรือพระเจ้าค่ะ”

“แน่สิ พี่มิกล้าปดเจ้าอีกแล้ว เมียจ๋า”

“เหอะ พระโอษฐ์หวานเยี่ยงนี้หม่อมฉันกลัวนักว่าจักต้องเจ็บเข้าสักวัน”

“ชมนาด พี่สัญญาหนาหากวันใดที่เจ้าจักต้องเสียใจ เสียน้ำตา นั่นคือวันที่พี่ตายเท่านั้นแล”

“ฝ่าบาท!! ทรงตรัสกระไรออกมาพระเจ้าค่ะ มิเป็นมงคลเสียเลย”ชมนาดพลิกกายหันมายกมือเล็กปิดพระโอษฐ์ คิ้วเรียวขมวดอย่างมิใคร่พอใจ

พระหัตถ์ประคองมือบางที่ปิดพระโอษฐ์ตัวอยู่ออก กดจูบที่กลางฝ่ามือหอม พระนาสิกไล้ไปตามมือบาง ขบเม้มจนใบหน้าสวยของสนมเอกเห่อแดง

“เป็นห่วงพี่หรือ”

“...อย่างไรเสียหม่อมฉันก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียพระองค์”ว่าพลางเบือนหน้าหนี

“หึหึหึ”

“ทูลฝ่าบาท”นายทวารหมอบคลานเข้ามาในห้องบรรทม

“มีกระไร”พระราชปุจฉาแต่ยังตระกองกอดร่างน้อย

“แม่นางปิ่นบุตรีท่านเสนาฝ่ายขวามาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”

“แม่นางปิ่นหรือ...บอกให้นางรอที่ห้องโถงก่อนประเดี๋ยวข้าจักตามไป”

“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”

“เจ้าชมนาด”

“พระเจ้าค่ะ”

“ไปกับพี่หนา”

“มิควรกระมังพระเจ้าค่ะ หม่อมฉัน...”

“มิมีกระไรมิควรสำหรับเจ้า”

“...พระเจ้าค่ะ”ทรงตรัสเยี่ยงนี้จักปฏิเสธได้อย่างไรเล่า


.
.
.



“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท”หญิงงามหมอบกราบชายสูงศักดิ์อย่างอ่อนช้อย งดงามสมเป็นบุตรีของขุนนางใหญ่

“แม่ปิ่นมาเข้าเฝ้าข้ามีเรื่องกระไรหรือ”ทรงตรัสถามหลังจากที่ประทับบนแท่นประทับพร้อมชมนาดข้างกายแล้ว

“หม่อมฉัน....”หญิงงามเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวาน หากแต่เห็นร่างบางอรชรข้างพระวรกายของชายที่หมายปอง รอยยิ้มงามก็ค่อยๆเลือนหายไป

“...นี่เจ้าชมนาด พระสนมเอกของเรา แลจักเป็นพระชายาในวันหน้า”ตรัสแลมอบแย้มพระโอษฐ์หวานให้เมียรัก

“...พะ เพคะ? พระสนมเอกหรือเพคะ?”

“ใช่...เอาล่ะเข้าเฝ้าข้ามีเรื่องอันใด”พระราชปุจฉา

“...หม่อมฉัน...นำผ้าไหมทอด้ายทองมาถวายเพคะ”

“งามนัก เจ้าได้มาจากไหนหรือ”ทรงหยิบผ้าไหมบนพานทองขึ้นทอดพระเนตร

“หม่อมฉันทอเองกับมือเพคะ ทรงโปรดหรือไม่เพคะ”

“อืม..ขอบใจเจ้ามาก”

“หามิได้เพคะ”ยกยิ้มเอียงอาย

“งามหรือไม่เจ้าชมนาด”ทรงหันไปพระราชปุจฉากับร่างบางที่เงียบมาแต่ต้น

“งามพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ แต่แค่นั้นก็ทำเอาพระทัยเจ้าหลวงไหววูบกับรอยยิ้มเมีย

“เยี่ยงนั้น...พี่ยกให้เจ้า”ว่าอย่างเอาอกเอาใจ โดยมิสนหญิงงามที่นั่งต่ำกว่าตน

“มิดีกระมังพระเจ้าค่ะ นางถวายให้พระองค์”

“ของผัวก็เหมือนของเมีย ผ้าไหมแค่ผืนเดียวพี่ให้เจ้าได้ แม้แต่วังนี้หากเจ้าใคร่ได้พี่ก็จักยกให้”

“ฝ่าบาททรงตรัสกระไรเยี่ยงนั้นพระเจ้าค่ะ”

“รับไว้เถิดเมียจ๋า หนา..รับไว้ให้พี่ชื่นใจหน่อยเถิด”ประคองมือบางลูบไล้ออดอ้อน จนหญิงงามบุตรีเสนาฝ่ายขวาต้องก้มหน้าซ่อนความเจ็บปวดระคนริษยา

“พระเจ้าค่ะ ขอบพระทัยฝ่าบาท”พนมมือกราบลงบนพระอุระ องค์ภุมรินยกพระโอษฐ์แย้มยิ้มกว้าง กดพระนาสิกสูดกลิ่นหอมบนกลุ่มผมนุ่ม

“ขอบใจมากหนาแม่นางปิ่น”ตรัสขอบใจหญิงสาวอีกคราหลังจากผละออกจากร่างบางของเมียรัก

“หามิได้เพคะ”ฝืนยิ้มก่อนจะทูลลา

รีบเร่งมาเข้าเฝ้าหลังจากเสด็จประพาสป่าเป็นเพลานาน ไหนจักผ้าไหมที่เพียรทอหลังขดหลังแข็ง ใคร่อยากนำมาถวายชายผู้เป็นที่รัก หากแต่กลับต้องมาพบเจอเรื่องปวดหัวใจ พระองค์ทรงมีพระสนมเอกแล้ว แลจักตั้งเป็นพระชายาในวันหน้าอีกด้วย เฝ้าฝันมานานหลายปี หวังจักได้ขึ้นเป็นชายาคู่ขวัญเคียงกายเจ้าหลวง ไฉนเลยจึงเป็นเช่นนี้

“อึก ฮือออออ ฮึก ฮือออออ”หญิงสาวร่ำไห้ราวกับถูกมือที่มองมิเห็นกระชากหัวใจนางทิ้งพื้นกรวด แลเหยียบซ้ำ เจ็บยิ่งนัก แลยิ่งเห็นพระองค์ผู้สูงศักดิ์รักใคร่เอาอกเอาใจมันผู้นั้น ก็ยิ่งเจ็บแค้น

“..ฮือออออออ เจ้าชมนาด!!”เปล่งชื่อมันผู้นั้นด้วยความเกลียดแค้น องค์ภุมรินจักต้องเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว ใครหน้าไหนที่เป็นเสี้ยนหนามหัวใจนาง มันจักต้อมิตายดี!!!!


.
.
.



“นุ่งให้พี่ดูหน่อยหนาน้อง”ส่งผ้าไหมผืนงามให้คนเป็นเมีย

“.....หม่อมฉันมิใคร่โปรดพระเจ้าค่ะ”มิใช่ว่าผ้ามิงามเลยมิใคร่โปรด หากแต่เป็นเพราะผ้าไหมงามผืนนี้เป็นของที่สตรีถวายแก่พระภัสดาต่างหาก จึงมิใคร่โปรด

“หืม...ไหนน้องว่างาม”ตรัสถามพลางวางผ้าไว้บนพานทองดังเดิมแลขยับเข้าไปหาร่างบาง เอาใจยากจริงแม่เนื้อเย็น

“งามพระเจ้าค่ะ แต่หม่อมฉันมิใคร่โปรด”

“เยี่ยงนั้นพี่จักเก็บไว้เองก็แล้วกันหนา”

“...แลหม่อมฉันก็มิใคร่โปรดจักให้พระองค์เก็บไว้เองพระเจ้าค่ะ”สิ้นพระสุระเสียงร่างน้อยก็ตวัดสายตากลับมากล่าวเสียงเรียบ

“หา...แล้วจักให้พี่ทำเยี่ยงไรจึงจักถูกใจน้องหรือเจ้าชมนาด”

“แล้วแต่พระองค์เถิดพระเจ้าค่ะ สตรีนางนั้นถวายแด่พระองค์มิใช่หม่อมฉัน”

“อ่า...เยี่ยงนั้นพี่จักประทานให้คุณท้าวก็แล้วกัน”

“....”

“พอใจหรือไม่”

“...แล้วแต่พระองค์เถิดพระเจ้าค่ะ”

“แล้วแต่พี่มิได้ดอก ก็เมียหึงเยี่ยงนี้”

“ฝ่าบาท!! เยี่ยงนั้นก็ประทานให้คุณท้าวท่านไปเสียพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะพระสนมเอก”

“....”ค้อนควักเข้าให้

“เยี่ยงนั้นพี่มีผ้าอีกผืนจักให้เจ้า”

“สตรีนางใดถวายให้อีกหรือพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ สตรีผู้นี้เป็นรักแรกแลรักเดียวของพี่”พระสุระเสียงที่ตรัสพร้อมแย้มพระโอษฐ์ ทำเอาใจดวงน้อยหล่นวูบ

“...”หันกายหนีด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

“นางเป็นสตรีสูงศักดิ์ งดงามราวนางในวรรณคดี อีกทั้งยังมีจิตใจเมตตาราวนางอัปสรบนสวรรค์ เจ้าใคร่รู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร”

“...”

“นางคือ พระพันปีหลวง แม่ของพี่เอง”

“พระพันปีหลวงหรือพระเจ้าค่ะ”

“ใช่”ตรัสตอบก่อนจะเสด็จไปเปิดหีบทองที่มุมห้องบรรทม ก่อนจะเสด็จกลับมาพร้อมผ้าไหมยกดิ้นทองสีแดงชาดลายดอกตำลึง

“งามเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”นิ้วเล็กลูบแผ่วเบาไปตามเนื้อผ้า

“ใคร่โปรดหรือไม่”

“....”ช้อนตามองจนพระภัสดาเอ็นดู

“พี่ยกให้น้อง”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“มิใคร่โปรดดอกหรือ”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ ผ้าผืนนี้งดงามนักแลมีค่านัก หม่อมฉันรับไว้มิได้ดอก”

“รับไว้เถิด ถือซะว่าเป็นของรับขวัญเมียองค์ภุมริน”

“แต่ฝ่าบาท มันมีค่ามากเกินไปพระเจ้าค่ะ”

“...เพราะน้องมีค่ามาก พี่จึงมอบของที่มีค่ามากให้น้องหนา เจ้าชมนาด”

“.....”

“รับไว้เถิดหนา คนดี”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ก้มกราบลงบนพระเพลา พระหัตถ์อุ่นลูบไหล่บางเบาๆ


.
.
.



“เป็นพระมหากรุณาเพคะฝ่าบาท ผ้าผืนนี้ช่างงามเหลือเกินเพคะ”ข้าหลวงเฒ่าหมอบกราบ

“มิเป็นไรดอกคุณท้าว ถือซะว่าข้าตอบแทนน้ำใจที่ท่านช่วยดูแลเจ้าชมนาด”

“คุณท้าวชอบหรือไม่จ๊ะ”ชมนาดเอ่ยถาม

“ชอบเพคะพระสนม ขอบพระทัยเพคะ”

“มิต้องขอบใจข้าดอกจ้ะ”

“ข้าไม่มีกระไรแล้ว เชิญคุณท้าวพักผ่อนเถิด”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันทูลลาเพคะ ฝ่าบาท พระสนม”

“จ้ะ”

หญิงเฒ่าออกจากตำหนักหลวงด้วยรอยยิ้ม ทรงเมตตานางเหลือล้นทั้งเจ้าหลวงแลพระสนม มือเหี่ยวประคองผ้าไหมผืนงามไว้แนบอก เดินลัดเลาะกลับเรือนด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข อยู่เป็นข้ารับใช้ในวังมาก็ค่อนชีวิต ได้สิ่งของตอบแทนมาก็มาก แต่ก็ยังดีใจที่ทรงเมตตาประทานผ้าไหมผืนนี้ให้ อีกทั้งพระสนมก็ยังน่ารักน่าเอ็นดูมิถือตัวกับนางเลยสักนิด ปฏิบัติกับนางราวญาติผู้ใหญ่ ทำเอาซึ้งใจยิ่งนัก

“ประเดี๋ยวคุณท้าว”เสียงหวานของบุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวาทำเอาคนเฒ่าหยุดชะงัก

“มีกระไรหรือแม่”

“ผ้าไหมผืนนั้น ท่านจักเอาไปไหนหรือ”ทำไมจักจำผ้าผืนที่นางนั่งทอหลังขดหลังแข็งไม่ได้กัน

“ฝ่าบาทแลพระสนมทรงประทานให้ข้า เจ้ามีกระไรหรือ”ถามกลับไป ลอบมองกริยาขบฟัน กำมือของหญิงสาวอย่างแปลกใจ

“ฝ่าบาทแล..พระสนมทรงประทานให้ท่านหรือ”

“ใช่..เห็นว่ามีคนนำถวายแต่พระสนมมิใคร่โปรดจึงประทานให้ข้า”

“...เยี่ยงนั้นดอกหรือ”หลับตาสูดลมหายใจก่อนจะเดินกระแทกเท้าจากไป

“ไปมิลามามิไหว้ นี่หรือบุตรีขุนนางใหญ่”ส่ายหน้าอย่างระอาใจ


.
.
.


“ผ้าที่หม่อมฉันนั่งทอหลังขดหลังแข็ง เพียงเพื่ออยากให้ชายอันเป็นที่รักได้ใช้สอย แต่กลับทรงประทานให้อีขี้ข้าเฒ่านั่น ใยจึงทำกับหม่อมฉันเยี่ยงนี้ ทรงประทานของที่หม่อมฉันตั้งใจถวายให้กับมัน!!! หนำซ้ำยังทำร้ายหัวใจของหม่อมฉันจนยับเยินเพียงเพราะมันผู้นั้นมิใคร่โปรด ฮึก เจ้าชมนาด เห็นทีกูกับมึงคงอยู่ร่วมโลกกันมิได้เสียแล้ว”แค้นใจนัก คอยดูเถิด ข้าจักทำให้เจ้าพินาศไม่เหลือชิ้นดีเลย


.
.
.


“ฝ่าบาท!!!”เสียงหวานร้องเมื่อถูกพระภัสดารวบกอด

“ขอพี่กอดหน่อยหนา มิเช่นนั้นพี่คงนอนมิค่อยจักหลับ”พระกรแกร่งรัดร่างบางไว้แนบอก ก่อนจะออกแรงกดร่างบางให้นอนลงแลดึงผ้าคลุมพระองค์ขึ้นห่ม

“บรรทมมิหลับหรือพระเจ้าค่ะ หลายวันมานี่หม่อมฉันก็เห็นพระองค์ทรงบรรทมได้”

“ก็วันนี้พี่นอนมิค่อยจักหลับอยากกอดเมีย”

“แต่หม่อมฉันมิให้กอด”

“แต่เจ้าเป็นเมียหนา”

“.....”

“หรือจักให้พี่ไปกอดคนอื่นเล่า”

“...เยี่ยงนั้นก็เชิญเถิดพระเจ้าค่ะ ใคร่จักไปกอดใครก็แล้วแต่พระองค์เถิด”เสียงหวานเอ่ยพลางขืนกายออกจากอ้อมพระกรอุ่น

“...ใคร่จักกอดเจ้านี่แล”ตรัสแลสูดพระนาสิกกับปรางนุ่ม

“กลั่นแกล้งหม่อมฉัน สำราญนักหรือพระเจ้าค่ะ”

“รักดอกจึงหยอกเล่น”

“...”

“ชมนาดจ๋า”

“...”

“รักเจ้าหนาคนดี”

“.....”แกล้งหลับตานิ่งประหนึ่งเข้าสู่ห่วงนิทราไปแล้ว แต่ใบหน้างามกลับมีสีแดงระเรื่อ

“ฝันดีหนาน้อง”

“.....ฝันดีเช่นกันพระเจ้าค่ะ”


.
.
.


รุ่งเช้า
หน้าที่ของพระสนมอย่างชมนาดในทุกวัน คือ ปรนนิบัติพระภัสดาตั้งแต่สรงน้ำ แต่งองค์ แลปรนนิบัติพระองค์ยามเสวยพระกายาหาร


ฟอด


“ฝ่าบาท ทรงหยุดก่อนได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ก็ปรางน้องหอมนัก พี่อดใจมิได้ดอก”

“แต่หม่อมฉันกำลังแต่งองค์ให้พระองค์อยู่หนาพระเจ้าค่ะ”

“พี่ก็มิได้ทำการใดเสียหน่อย แค่หอมให้ชื่นใจเองหนา”

“...ทรงอยู่นิ่งๆเถิดพระเจ้าค่ะ”

“...ก็ได้ๆ”ตรัสพลางยกพระหัตถ์ยอม แต่ก็มิวายฉกพระโอษฐ์จูบกลีบปากนุ่มของอีกคน


จุ๊บ


“ฝ่าบาท!!!”ผงะถอยออกมา ใบหน้าสวยแดงซ่าน

“หึหึหึ พี่มิแกล้งแล้วคนดี”

“หม่อมฉันจักโกรธแล้วหนาพระเจ้าค่ะ”

“โธ่ เจ้าชมนาดคนดีใยจึงใจร้ายใจดำกับผัวนัก หือ”

“....”มิตอบโต้ให้ได้เสียเปรียบ มือบางคว้าเครื่องพระสุคนธ์มาป้ายตามแอ่งชีพจรให้พระภัสดาเป็นอันเรียบร้อย

“ขอบใจหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

สายพระเนตรทอดมองร่างบางที่เก็บเครื่องพระสุคนธ์เข้าที่เดิม ร่างบางอรชรนุ่งโจงกระเบนของพระพันปีหลวงที่พระองค์ประทานให้ สีแดงชาดช่างขับผิวขาวๆของน้องน้อยให้ขาวผ่องน่ามอง เสื้อแขนกระบอกสีงาช้างนั้นก็ยิ่งขับให้พระสนมของพระองค์ดูสง่านัก

“ทอดพระเนตรหม่อมฉันเยี่ยงนั้น...”

“งาม”

“พระเจ้าค่ะ?”

“งามนักเมียพี่”

“.....”ใยจึงขยันทำให้หัวใจน้องเต้นแรงเช่นนี้

“งามจริงๆหนา”

“เสด็จเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเสวยช้าจักปวดพระอุทร”

“...”ไม่ตรัสตอบแต่เสด็จมาโอบเอวบาง


.
.
.


ร่างบางป้อนพระกายาหารให้พระภัสดา ปรนนิบัติดีเสียจนเจ้าหลวงแย้มพระโอษฐ์มิหุบ

“พอแล้วน้อง พี่อิ่มแล้ว”ตรัสบอกแม่เนื้อเย็น

“พระสุธารสพระเจ้าค่ะ”ยกขันเงินใส่พระสุธารสลอยดอกมัลลิกาจรดพระโอษฐ์ สีหน้าตั้งอกตั้งใจทำเอาองค์ภุมรินเอ็นดูมิน้อย

“วันนี้น้องจักเรียนการบ้านการเรือนกับคุณท้าวใช่หรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ”

“วันนี้พี่มีงานราชการมากนัก แต่กระนั้นพี่จักกลับมาเสวยกลางวันกับน้องหนา”

“พระเจ้าค่ะ...หม่อมฉันจักรอ”

“พูดจาเยี่ยงนี้ ทำให้พี่มิใคร่จักไปทำการแล้วสิ”

“หึหึหึ ไปเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักให้คุณท้าวสอนเข้าครัวทำเครื่องคาวถวายมื้อกลางวันนี้”

“หึหึหึ พี่จักรอหนา”

“พระเจ้าค่ะ”








******************************************************







หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 24-03-2017 15:23:36
เอฟซีฝ่าบาทเพคะ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: kysuperlove ที่ 24-03-2017 23:10:13
นางร้ายมาแล้วววววววว
ชมนาดน้อยจะโดนแม่ปิ่นเล่นงานอะไรบ้างเนี่ย
องค์ภุมรินต้องปกป้องชมนาดน้อยนะเพคะ
อย่าหลงกลแม่ปิ่นจนทำร้ายจิตใจน้องน้อยนะ ฮืออออ กลัวใจเหลือเกิน

ติดตามนะคะ ชอบบบบบบบบบ ><
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 24-03-2017 23:41:00
เจ้าชมนาด ชีวิตอยู่บ้านพี่ก็อิจฉาคิดร้าย เข้าวังมาก็เจอคนขี้อิจฉาคิดร้ายอีก
เจ้าหลวงปกป้องเมียด้วยหนาเพคะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 25-03-2017 08:28:20
ตัวร้ายที่2โผล่มาเจ้าคะพระสนมเอก โอ้ยยยยย ชอบฝ่าบาทออกปากเรียกเมีย น่าชัง
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 25-03-2017 10:21:38
ชมนาดนี่แอบดื้อนะ น่าจับมาตีก้นมากกกกกก :ling1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-03-2017 15:12:22
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 25-03-2017 20:21:32
 :pig4: :pig4: แม่ปิ่นจะทำไรชมนาดนะะ
รออ ติดตาม :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 27-03-2017 00:55:40
ระวัง ไป!!!! เราได้ปล่อยตัวนางร้ายออกวิ่งมาเเล้วเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 27-03-2017 10:49:21
นี่ถ้าไม่ใช่นิยายวายนี่นึกว่าอ่านนิยาย ช ญ ชมนาดนิสัยยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก นางมีความงอลความเยอะนิดๆไรงี้  o18 o18
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 30-03-2017 08:44:13
น้องน่าจะยอมให้เเค่พ่อกับพี่นะ คนอื่นร้ายมาน้องเอาคืนเเสบเเน่ๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 01-04-2017 00:40:18
ติดตาม
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 01-04-2017 06:39:54
ใคร คร๊ายยเอาน้องน้อยไปซ่อนที่หนาย
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๕ ๒๔.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 02-04-2017 08:49:50
คิดถึง
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๐๔.๐๔.๖๐ หน้า๐๒
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 04-04-2017 14:32:00

ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๐๖


“พระสนมเพคะ”

“จ๋าคุณท้าว”ขานรับเสียงหวานเสียจนคนแก่ยิ้มกว้าง

“ผลอุลิดนั่นทรงคว้านเปลือกออกอีกสักหน่อยหนาเพคะ”

“ตรงนี้หรือจ๊ะ”

“เพคะ”การบ้านการเรือนที่คุณท้าวสอนพระสนมในวันนี้ก็คือการแกะสลักผลอุลิดถวายองค์ภุมริน

“เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะคุณท้าว ใช้ได้หรือไม่”

“งาม ทรงเก่งมากเพคะ”
 
“ขอบใจจ๊ะ”

“ว๊าย!!! คุณท้าว”

“คุณท้าว!!!”ข้าหลวงสาวรวมถึงพระสนมกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อคนแก่หน้ามืดทรุดลงไป

“...มะ มิเป็นไรเพคะ”

“จักมิเป็นไรได้อย่างไรกันจ๊ะคุณท้าว เจ้าไปตามหมอหลวงหนา ส่วนเจ้าสองคนพาคุณท้าวกลับเรือนไปพักผ่อนเสีย”รับสั่งพลางช่วยพยุงร่างอวบของคนแก้ขึ้นนั่งบนแท่นประทับ

“เพคะ”รับคำสั่งก่อนจะวิ่งออกจากศาลาริมสระหลวงไปตามหมอ

“พระสนมมิเป็นไรเพคะ”

“มิได้ดอกคุณท้าว กลับไปพักเถิดหนา ข้าใจมิใคร่จักดีเลย”

“แต่ใครจักอยู่รับใช่พระองค์เล่าเพคะ”

“ข้าอยู่คนเดียวได้ เถิดหนาคุณท้าว”

“เยี่ยงนั้นให้นางข้าหลวงสองคนนี้อยู่รับใช้พระองค์หนาเพคะ”

“แล้วใครจักพาท่านกลับเรือนกัน ข้าอยู่คนเดียวได้คุณท้าว”

“แต่...”

“นี่เป็นรับสั่ง ข้าอยู่คนเดียวได้จ้ะคุณท้าว ไหนจักข้าหลวง ทหารยามที่อยู่รอบๆนี้อีกมากมาย อย่าห่วงเลยหนาจ๊ะ”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักรีบให้นางข้าหลวงกลับมารับใช้หนาเพคะ”

“จ้ะ”

นัยน์ตาหวานทอดพระเนตรตามคุณท้าวที่ถูกขนาบข้างด้วยนางข้าหลวงอย่างเป็นห่วง ผลอุลิดที่แกะสลักค้างไว้คงจักต้องพอแค่นี้ คุณท้าวหนอคุณท้าว ป่วยหนักหรือไม่ก็มิอาจทราบ ภาวนาอย่าให้มีกระไรร้ายแรงเลย

“ทูลพระสนมแม่นางปิ่นบุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวาขอเข้าเฝ้าเพคะ”ข้าหลวงสาวที่เฝ้ารับใช้ห่างออกไปคลานมาทูลให้ทราบ

“เข้าเฝ้าข้าหรือ”

“เพคะ”

“เยี่ยงนั้นก็ให้นางเข้ามาเถิด”

“เพคะ”


.
.
.



“ถวายพระพรเพคะพระสนม”ถึงปากจักกล่าวคำถวายพระพร แต่แม่นางปิ่นกลับยืนนิ่ง มิทำความเคารพพระสนม แต่ก็เอาเถิดเรื่องแค่นี้จักไม่เก็บมาใส่ใจ

“มาเข้าเฝ้าข้ามีกระไรหรือแม่”ตรัสถามหญิงสาวที่ยืนตรงหน้า ริมสระหลวง

“มิมีกระไรดอกเพคะ หม่อมฉันเพียงมาเยี่ยมเยียนพระองค์เท่านั้น”กวาดสายตามองร่างบางตรงหน้าหัวจรดเท้า ก่อนจักสะดุดเข้ากับโจงกระเบนสีแดงชาดที่อีกคนนุ่งอยู่ ผ้าไหมยกดิ้นทองของพระพันปีหลวง มือบางกำอย่างระงับความริษยา ทรงยกผ้าของหม่อมฉันให้อีขี้ข้าเฒ่า แลประทานผ้ายกดิ้นทองของพระพันปีหลวงให้มัน!!!

“ขอบใจที่มาเยี่ยมเยียนข้าหนาแม่”

“...ทรงทราบหรือไม่เพคะ ว่าหม่อมฉัน..จักถวายตัวให้องค์ภุมริน”

“...ถวายตัวให้ฝ่าบาทหรือ”ทวนเสียงแผ่ว

“เพคะ”ตอบพร้อมรอยยิ้มเหยียด

“..แลมาบอกข้าทำไมหรือแม่”

“หม่อมฉันเพียงมาทูลให้ทราบ ให้พระองค์เผื่อพระทัยเอาไว้ตำแหน่งพระชายาในองค์ภุมริน...อาจมิใช่ของพระองค์ก็เป็นได้หนาเพคะ”

“....หากมีเรื่องจักพูดแค่นี้ ข้าก็คงต้องขอตัว”ร่างบางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ประเดี๋ยวสิเพคะ จักรีบร้อนไปไหนกัน”คว้าแขนเล็กไว้

“มีการใดอีก”

“หากนี่คือสงคราม พระองค์ก็คือศัตรูของหม่อมฉัน”

“.....”

“ระวังไว้ให้ดีหนาเพคะ จักเสียใจไม่รู้ตัว”

“...ปล่อย”

“อ๊ะ”สะบัดแขนจนอีกฝ่ายเซ หากแต่ก็กลับมาตั้งหลักได้

“...”

“หึหึหึ”หัวเราะออกมาก่อนจะทิ้งตัวลงสระหลวง


ตูม!!!


“อ๊ะ...เจ้า”เจ้าชมนาดเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อบุตรีของขุนนางใหญ่ทิ้งตัวลงสระหลวง

“ชะ ช่วยด้วยเจ้าค่ะ ช่วยด้วย”หญิงสาวตะเกียกตะกาย จมผุดจมโผล่บนผิวน้ำ

“.....”ชมนาดน้อยยืนตัวแข็งอย่างทำกระไรไม่ถูก

“เกิดกระไรขึ้น!!!”

“ฝ่าบาท”

“ฝะ ฝ่าบาท ช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ”

“สุธี”

“พะย่ะค่ะ”แล้วก็เป็นองครักษ์หลวงสุธีที่เป็นผู้ลงไปช่วยหญิงสาวขึ้นจากน้ำ

“แค่กๆๆ ฮือออ ฝ่าบาท”ร่ำไห้อย่างเสียขวัญ กายบางสั่นจนน่าสงสาร

“นางข้าหลวงพาแม่นางปิ่นไปผลัดผ้าก่อน”

“เพคะ”


.
.
.


“เกิดกระไรขึ้น ไฉนเลยเจ้าจึงตกลงไปในสระ”ทรงพระราชปุจฉาหาความหลังจากที่บุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวาผลัดผ้าใหม่เรียบร้อยแล้ว

“...ฮึก...ฮือออ”

“หยุดร่ำไห้ก่อนเถิดแม่”

“...อึก พระสนม..ฮึก”

“เจ้าชมนาดหรือ”ตรัสแล้วผินพระพักตร์ทอดพระเนตรคนเป็นเมียที่มีสีหน้าตกใจ ใบหน้าหวานส่ายไปมา

“ฮึก...พระสนมผลักหม่อมฉันเพคะ ฮือออ”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันมิได้ทำหนาพระเจ้าค่ะ”ผุดลุกปฏิเสธเสียงเข็ง

“นั่งลงก่อนหนาน้อง...เจ้าชมนาดจักผลักเจ้าเพื่อการใดแม่ปิ่น”

“ฮึก...หม่อมฉันก็มิอาจทราบเพคะ อาจจะทรงกริ้วที่หม่อมฉันไปบอกว่า...”

“บอกกระไร”

“...อึก เรื่องที่หม่อมฉันจักถวายตัวให้พระองค์เพคะ”พระเนตรหลับลง ระบายพระปัสสาสะ ที่ประชุมขุนนางวันนี้ก็เรื่องนี้แล ท่านเสนาบดีฝ่ายขวาจักส่งบุตรีเข้าถวายตัวเป็นสนมของพระองค์ ทรงบ่ายเบี่ยงมาหลายคราแล้ว ครานี้กดดันพระองค์เสียจนต้องรับเรื่องไว้พิจารณา แต่จักให้พระองค์รับแม่นางปิ่นเป็นเมียอีกคนได้อย่างไร ในเมื่อพระทัยของพระองค์มีแต่เจ้าชมนาด

“...กระไรหนา”

“อึก ฮือออ พระสนมทรงมิพอพระทัยหม่อมฉันจึงได้ผลักหม่อมฉันตกสระ”

“...หม่อมฉันมิได้ทำ!!!”

“เอาล่ะๆ แม่นางปิ่นเจ้ากลับไปก่อน”

“...อึก เพคะ หม่อมฉันทูลลาเพคะ”


.
.
.



“เจ้าชมนาด น้องผลักแม่นางปิ่นตกสระหรือ”

“หม่อมฉันมิได้ทำ”ปฏิเสธเสียงแข็ง นัยน์ตากวางสั่นระริกน้ำตารื้นขึ้นจนพระภัสดาพระทัยหาย

“...น้อง”ขยับพระวรกายเข้าหาหวังปลอบให้เจ้าคลายทุกข์ แต่น้องน้อยกลับขยับออกห่างมิปรารถนาจักให้พระภัสดาเข้าใกล้

“จักทรงเชื่อนางก็ได้หนาพระเจ้าค่ะ มิต้องเชื่อหม่อมฉันดอก จักทรงลงโทษทัณฑ์กระไรก็ได้ จักกุดหัวหม่อมฉันก็ทรงทำเถิด!!”

“เจ้าชมนาด!! เป็นเมียพี่มันทำให้เจ้าร่ำร้องใคร่ได้ความตายเยี่ยงนั้นเลยหรือ กี่ครั้งแล้วที่น้องร่ำหาความตาย”

“.....แล้วแต่จะทรง...อึก”ยังมิทันจะได้ประชดจบริมฝีปากนุ่มก็ถูกพระโอษฐ์กระแทกป้อนจูบให้ พระหัตถ์กดศีรษะทุยสวยไว้แน่น ในขณะที่เจ้าชมนาดดิ้นแต่มิพ้น สองมือผลักดันพระอุระ แต่พระวรกายกลับมิขยับเขยื้อน กลิ่นคาวโลหิตคลุ้งไปทั่วโพรงปาก ถอนพระโอษฐ์ออก ทรงอุ้มร่างน้อยเข้าห้องบรรทม แลจับร่างบางเหวี่ยงขึ้นบนพระแท่นบรรทม

“อย่าหนาพระเจ้าค่ะ...อ๊า”ร้องห้ามพลางคลานหนี หากแต่ก็ถูกพระหัตถ์ใหญ่ลากข้อเท้าเข้ามาใต้พระวรกายกำยำ พระนาสิก แลพระโอษฐ์ซุกไซร้ซอกคอหอมตะกรุมตะกราม กรีดร้องด้วยความตกใจ

“ฝ่าบาท!! หยุดหนาพระเจ้าค่ะ”มือเล็กกำพระเกศาดึงทึ้งจนเส้นพระเกศาหลุดติดมือน้อย

“อะ โอ๊ย!! เมียจ๋าพี่เจ็บหนา”พระหัตถ์กุมทับมือน้อยจับออก

“...ฮึก...”

“โธ่ เจ้าชมนาด”

“ฮึก..จักหักหาญน้ำใจหม่อมฉันสักกี่ครั้ง!!!”ตวาดพลางตบตีพระอุระ

“โอ๊ยๆ เจ้าชมนาด พี่เจ็บหนาเมียจ๋า เบาๆเถิดน้อง”ไล่คว้ามือเล็กเป็นพัลวัน

“ฮือออออ ฮึก ฮือออออ”มือเล็กสะบัดออกจากการเกาะกุม ยกขึ้นปิดหน้าปล่อยเสียงสะอื้นราวกับเด็กๆ

“เจ้าชมนาด โอ๋ๆ พี่ขอโทษเจ้า พี่ขอโทษ”

“...ฮือออ ทรงตรัสว่ารักหม่อมฉัน ฮึก แล้วใยจึงทำกับหม่อมฉันเยี่ยงนี้”

“พี่ขอโทษเจ้า พี่ขอโทษ พี่ก็แค่น้อยใจเจ้ามิรักกันหรือ”

“..ฮึก”

“รักพี่เหมือนที่พี่รักเจ้าไหม”

“..ฮึก..”


จุ๊บ


กดจูบที่ริมฝีปากเล็ก พระองคุลีปาดน้ำบนใบหน้าสวยให้ ชมนาดน้อยหลุบตามองต่ำ คลายสะอื้นไห้แล้ว พระหัตถ์ลูบไล้ไปตามเอวบาง พระนาสิกหอมแก้มขาวซ้ำๆอย่างรักใคร่

“เจ้าชมนาด”

“....”ไม่ตอบแต่ช้อนตามองจนพระภัสดาเอ็นดู

“ให้พี่รักเจ้าหนา”

“...ฝ่าบาท..อื้อ”ริมฝีปากจิ้มลิ้มถูกพระโอษฐ์บดจูบ พระชิวหาสอดเข้าในโพรงปากคลุกเคล้ากับลิ้นเล็ก พระหัตถ์ทั้งสองข้างตรึงมือชมนาดกับพระแท่นบรรทม พระโอษฐ์ขบเม้มกลีบปากนุ่มหยอกเย้า รวบข้อมือเล็กด้วยพระหัตถ์ข้างเดียว อีกข้างวางบนอกบางลูบตุ่มไตที่นูนดันเนื้อผ้าออกมา พระองคุลีปลดกระดุมเสื้อน้องน้อยออกจนสาบเสื้อแยกออกจากกันเผยให้เห็นผิวขาวที่เคยได้สัมผัส พระโอษฐ์จูบเบาๆบนยอดปทุมสีหวาน

“งามนักเจ้าชมนาด”

“..ฝ่าบาท..อย่าหนาพระเจ้าค่ะ”ยกมือปิดพระโอษฐ์ซุกซน

“เมียจ๋า ให้พี่ได้เชยชมเจ้าหนา”จับมือน้องแนบพระปราง

“ตะ แต่...”

“...หนา”

“หม่อมฉันกลัว...”

“มิต้องกลัว พี่จักมิทำเจ้าเจ็บ”ปลอบประโลมด้วยถ่อยคำหวาน แลเปลื้องผ้าเจ้าชมนาดออกอย่างไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันรู้ตัว

“อ๊ะ...”สะดุ้งตกใจก็ตอนที่พระภัสดาดึงผ้าโจงกระเบนออกพ้นเรียวขาตัว


จุ๊บ


กดจูบที่ข้อเท้าขาวแลไล่พระชิวหาวนดูดเม้มจนขึ้นรอยแดง

“ฝ่าบาท!!! ไม่ดีทำหนาพระเจ้าค่ะ”ร้องบอกอย่างตกใจ มิกล้าขยับเท้ากลัวจักโดนพระพักตร์เอาได้

“...พี่รักเจ้าหนาเจ้าชมนาด”วางเท้าน้องลงบนพระแท่นบรรทม แยกขาขาวแลแทรกพระวรกายเข้าไปตรงกลาง กดจูบที่สันกรามเล็กไล่ขึ้นไปถึงใบหูเล็กพระชิวหาดูดกลืนติ่งหูนิ่มเรียกเสียงครางหวาน

“อื้อ..”

“ชมนาด...เต็มใจให้พี่ใช่หรือไม่”กระซิบคลอเคลียใบหูขาว

“...อย่างไรเสียก็ขึ้นชื่อว่าเมีย ไม่ให้วันนี้ วันหน้าก็จักต้องให้พระองค์เชยชมอยู่ดี”ตอบอย่างเอียงอาย ใบหน้าสวยเห่อแดงจนพระภัสดาเอ็นดู

“...น่ารักกระไรเยี่ยงนี้หนาเมีย หันหน้ามาให้พี่จุมพิตหน่อยเถิดแม่วิฬารน้อย”

ดวงหน้าหวานหันมาตามคำเรียกร้อง เผยอปากรอพระโอษฐ์ร้อนที่นาบลงมาคลึงเคล้าริมฝีปากตน พระชิวหานุ่มหยุ่นเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นนุ่มของพระสนมและลมหายใจกัน จนห้องบรรทมดูร้อนขึ้นมาทันตา

พระหัตถ์ลูบคลำแผ่นอกบาง ยอดปทุมสีหวานชูชันท้าทายพระองค์อย่างไร้เดียงสา ถอนพระโอษฐ์ร้อนจากกลีบปากช้ำ ครอบลงบนยอดปทุมถันสีสวย พระชิวหากวาดเลียดูดดุนจนเม็ดบัวแข็งเป็นไต พระทนต์ขบกัดเม็ดบัวเบาๆหยอกเย้าให้เจ้าดอกข้าวใหม่หอมกรุ่นบิดกายดิ้นเร่าๆ

“...ฝะ ฝ่าบาท อ๊ะ”มือน้อยขยุ้มพระเกศาตรงหลังพระศอระบายความซ่านในกาย ในขณะที่พระโอษฐ์รังแกยอดถันของน้องน้อย พระหัตถ์ก็เคลื่อนลงต่ำสอดเข้าใต้หว่างขาเล็กพระองคุลีลูบรอบกลีบชมนาด วนพระดัชนีเป็นวงกลมออกแรงกดกลีบดอกไม้นุ่มจนเจ้าชมนาดสะดุ้งเฮือก

“เจ็บหรือ”

“..มะ ไม่พระเจ้าค่ะ หมะ หม่อมฉัน อื้อ ระ รู้สึก อา..ปะ แปลกๆ”เจ้าดอกข้าวใหม่ตัวแดงระเรื่อ ริมฝีปากระบายเสียงครางแผ่วเบา เรียวขาเล็กขยับแยกออกเองตามธรรมชาติอย่างไม่รู้ตัว เปิดโอกาสให้พระภัสดาเข้ามาแนบชิดมากยิ่งขึ้น

“..เก่งมากเด็กดี”เงยพระพักตร์ขึ้นจูบที่หน้าผากชื้นเหงื่อ พระมัชฌิมากดแทรกเข้าไปในกลีบชมนาด

“อ๊า..”ผวาตัววาดแขนโอบรอบพระอังสะ ใบหน้าสวยแดงก่ำซบลงบนพระพาหุ

“อื้ม เจ้าชมนาดของพี่...”เปล่งพระสุระเสียงครางในลำคอ เมื่อความร้อนแลผนังนุ่มหยุ่นโอบล้อมพระมัชฌิมา ตอดพระองคุลีของพระองค์ตุบๆอย่างยั่วเย้า ทุกอย่างไม่มีการเสแสร้งแต่เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติของพระสนมน้อย

“อ๊า..อือ ฝ่าบาท”ใบหน้าสวยเกลือกกลิ้งถูไถกับพระอุระ ก้นน้อยยกแทบไม่ติดพระยี่ภู่ เพียงแค่พระองคุลีชมนาดก็ดิ้นเร่าๆราวปลาขาดน้ำแล้ว

“เรียกชื่อพี่หนา...อื้อ”กระซิบบอก พระโอษฐ์หยอกเย้าเม็ดบัวสีทับทิม พระองคุลีขยับจ้วงเข้าออกกลีบดอกไม้นุ่มหยุ่น

“..อา..ภะ ภุมริน อ๊าาา..”หวีดร้องเสียงหลงเมื่อพระภัสดาแทรกพระดัชนีแลพระอนามิกาเข้ามาเพิ่มขยายช่องทาง

“อะ ซี๊ดดด วิฬารน้อยของผัว”บิดพระองคุลีทั้งสามขยับเข้าออก

“อะ อื้อ ภุมริน อึ๊ อา”หน้าท้องแบนราบเกร็งแขม่วแน่น นิ้วเท้าเล็กจิกลงบนพระยี่ภู่จนยับยู่ยี่ มือเล็กดึงทึ้งผ้าปูพระแท่นบรรทมจนหลุดลุ่ย ปัดป่ายไปมาอย่างหาที่ยึดไม่ได้ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่พระเขนยที่หนุนอยู่ เล็บเล็กจิกพระเขนยแทบขาดแต่ก็มิอาจระบายความซ่านที่ประทุรนแรงในขณะนี้ได้

“ชมนาดจ๋า อืม”จับมือน้อยให้เคลื่อนลงไปสัมผัสพระคุยหฐานโอฬารรูดรึงท่อนเนื้อของพระภัสดาจนแข็งแลมีของเหลวใสซึมออกที่ปลาย

“ภุมริน แฮ่ก หม่อมฉันจักตายแล้ว อ๊า”ครางไม่ได้ศัพท์ ริมฝีปากบวมเจ่อระบายลมร้อนจนหน้าแดงก่ำ

“...พี่ก็จักตายคาอกเจ้าเช่นกันแม่ดอกข้าวใหม่ อืม”

“อึ๊ อื้อออ”ชมนาดเผยอปาก ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดเล่นกับพระชิวหาของพระภัสดา มือข้างหนึ่งโอบรอบพระศอ อีกข้างปรนเปรอพระคุยหฐาน ภมรภู่ตัวโตแข็งขืนเหยียดตรงสู้มือน้อย

“อ่า ซี๊ด ชมนาด พี่ไม่ไหวแล้ว ขอพี่หนาเจ้า”

“อื้อออ ภุมริน อ๊ะ หม่อมฉันกะ ก็ ไม่ไหวแล้วพระเจ้าค่ะ อ๊า...”ปล่อยมือจากพระคุยหฐาน วาดแขนโอบพระอังสะ เรียวขาขาวเนียนขยับอ้ากว้าง

“อืมมมม”องค์ภุมรินทรงจับพระคุยหฐานสอดใส่เข้าไปในช่องทางนุ่มหยุ่นของพระสนม

“อ๊าาาา...อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ”เสียงหวานหวีดร้อง แผ่นหลังบอบบางแอ่นจนยอดบัวชิดพระโอษฐ์ ป้อนให้ถึงปากขนาดนี้พระชิวหาตวัดดูดกลืนราวกับขนมหวานเลิศรส พระกฤษฎีสอบขยับเข้าออกนุ่มนวล ช้อนขาเรียวให้พาดบนพระกัประออกแรงยกจนสะโพกกลึงลอยเด่น ภมรร้ายบดขยี้กลีบดอกชมนาดจนชอกช้ำ ดูดกลืนตอดรัดรึงแมลงภู่ในกายตะกรุมตะกราม


พั่บ พั่บ พั่บ


เสียงพระอูรุกระทบแก้มก้นนิ่มดังก้องห้องบรรทม ชมนาดตัวน้อยออกลายฟ้อนเล็บใส่พระขนอง แลพระรากขวัญจนพระฉวีเป็นริ้วรอยแดง แต่องค์ภุมรินหาได้สนใจไม่พระโสณีขยับโถมใส่พระสนมแรงขึ้น

“อ๊าาา...อึ๊ อะ อะ อ๊า”แม่วิฬารน้อยของเจ้าหลวงหนุ่มเชิดหน้าครางระงมอย่างมิเกรงกลัวว่าเหล่านางข้าหลวงแลทหารยามจักได้ยินเอา พระพักตร์งามซุกไซร้ซอกคอขาวชื้นของพระสนม กวาดพระชิวหาเลียไล้เม็ดเหงื่อบนลำคอขาวราวกับแมลงที่ดื่มน้ำหวานจากดอกไม้งาม

“อาาา ชมนาดจ๋า”ขานชื่อเมียรักแลพรมจูบไม่เว้นว่าง

“อ๊า ระ ระ แรงๆพระเจ้าค่ะ หม่อมฉัน อ๊าา”ร้องขอพลางประกบปากป้อนจูบดูดดื่มให้พระภัสดา กลีบดอกนุ่มดูดกลืนท่อนพระคุยหฐานตอดรัดจนพระพักตร์เหยเก บั้นพระเอวเร่งให้ตามที่น้องน้อยขอ กระทั้นกายเข้าใส่จนน้องตัวโยน ไถลขึ้นลงตามแรง ชมนาดปรือตาหอบหายใจ ครางเครือในลำคอ ความซ่านเสียววูบบิดมวนในท้องน้อย เกสรเจ้าดอกข้าวใหม่ปวดแปลบเสียดสีกับพระอุทร

“อืมมมม ชมนาด อ่า แม่วิฬารยั่วราคะของพี่”พระทนต์ขบกัดใบหูขาว พระโสณีก็กระทั้นถี่รัว

“อ๊ะ ภุมริน หม่อมฉัน อะ อ๊าาาา อึ๊ อื้อออออออ”ชมนาดเกร็งหน้าท้องแน่น จิกเล็บลงบนระขนอง เกร็งจนกายบางสะท้าน เกสรเล็กพ่นน้ำหวานสีขาวน้ำนมออกมาเปรอะเลอะหน้าท้องแบนราบแลพระอุทรของพระภัสดา

“อ่ะ อา ชมนาด อื้ม ซะ ซี๊ดดดดด อาาาาา”พระสุระเสียงคำรามในพระศอราวกับราชสีห์มีแผล พระวรกายเกร็งเครียด กระแสน้ำอุ่นสาดซัดเข้าใส่ช่องทางนุ่มจนชมนาดสะท้าน พระกฤษฎีกดย้ำพระคุยหฐานอีกสองสามคราจึงถอนท่อนเนื้อออกจากกลีบดอกแดงช้ำ โน้มพระวรกายเข้าคลอเคลียน้องน้อยที่นอนหอบรับอากาศเข้าปอดเป็นการใหญ่ พระโอษฐ์พรมจูบไปตามไหปลาร้า ลำคอขาว แลต้นแขนเล็ก พระหัตถ์ลูบไล้ไปทั่วกายนุ่มอย่างปลอบประโลมแลขับกล่อมให้พระสนมเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์



.
.
.



“แม่ปิ่น เกิดกระไรขึ้น”ท่านเสนาบดีฝ่ายขวาเอ่ยถามบุตรสาวเมื่อนางกลับมาเรือนพร้อมสภาพไม่สู้ดีนัก

“หึหึหึ ไม่มีกระไรดอกเจ้าค่ะท่านพ่อ”ยิ้มให้

“อืม...เรื่องที่เจ้าจักถวายตัวรับใช้เจ้าหลวง...”

“ลูกรักองค์ภุมรินแลพระชายาแห่งแผ่นดินนี้จักต้องเป็นลูกเพียงเท่านั้น”

“อย่าฝันเฟื่องเลยแม่ปิ่น เจ้าก็รู้ว่าทรงมีเจ้าชมนาดอยู่เต็มพระทัย”

“...ลูกจักเขี่ยมันออกไปเองเจ้าค่ะ”ว่าจบก็เดินเข้าห้องนอนไป


.
.
.



“น้องตื่นเถิดแม่วิฬารน้อย”ทรงปลุกพระสนมให้ตื่นจากฝัน พระหัตถ์อุ่นลูบหัวลูบหางคนในอ้อมพระกร

“...อืม”นัยน์ตากวางปรือปรอยเรียกให้องค์ภุมรินแย้มพระโอษฐ์อย่างเอ็นดู

“สรงน้ำกับพี่หนา ตื่นมากินยาเสียหน่อยเถิด”

“...พระเจ้าค่ะ”ตอบกลับอย่างงัวเงีย

“นางข้าหลวงเตรียมอ่างสรงให้เราที”พระสุระเสียงทุ้มร้องบอกนางข้าหลวงที่หน้าพระทวาร

“เพคะฝ่าบาท”สิ้นพระสุระเสียง นางข้าหลวงห้านางก็ปรากฏกายในห้องบรรทม เหลือบมองพระแท่นบรรทมแล้วก็ได้แต่หน้าเห่อร้อน พระสนมทรงมีอาการอ่อนเพลีย แลพระวรกายยังมีแต่รอยพระองคุลีของเจ้าหลวง พระเกศาก็พันกันเสียยุ่งเหยิง พระฉวีขาวจัดมีร่องรอยสีกุหลาบแต่งแต้ม ในขณะที่เจ้าหลวงก็มีรอยพระนชา รอยข่วนเต็มพระขนอง พระรากขวัญ แลพระอุระ

“ลุกไหวไหมเจ้าชมนาด”ตรัสถามเมียรักที่ดูท่าจะยังไม่ตื่นดี พลางประคองรางแน่งน้อยขึ้นนั่ง

“...ไม่พระเจ้าค่ะ เหนื่อยเหลือเกิน”ตอบพลางเอนกายซบลงบนพระอุระ แขนเรียววาดกอดพระกฤษฎีอย่างออเซาะ

“เยี่ยงนั้นให้พี่อุ้มหนา”

“พระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ”คว้าพระภูษามาพันรอบพระโสณี แลเอาอีกผืนพันกายบอบช้ำของพระสนม ช้อนร่างบางขึ้นในพระกร ก้าวเสด็จไปยังห้องสรงน้ำ

“...หม่อมฉันหนักหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“เบาเสียยิ่งกว่ายกนุ่น”

“คิกๆๆ”หัวเราะน้อย เอนศีรษะซบบนพระอังสะ

“พวกเจ้าออกไปให้หมดมิต้องถวายงานรับใช้ข้า แลพระสนม”

“เพคะฝ่าบาท”


วางร่างน้อยลงในสะสรงน้ำก่อนจักเสด็จตามลงไป ร่างน้อยซบพิงพระอุระปล่อยให้พระภัสดากวักน้ำลูบไล้ไปตามร่างกายบอบช้ำของตน ไม่นานนักองค์ภุมรินก็อุ้มร่างน้อยขึ้นจากน้ำด้วยเกรงว่าจักจับไข้เข้าเสียก่อน กลิ่นดอกไม้ที่ลอยในสระสรงหอมติดกายขาวจนอดไม่ได้ที่จักยื่นพระนาสิกไปสูดดมความหอม ทั้งๆที่สรงสระเดียวกันไฉนเลยเจ้าชมนาดจึงหอมเย้ายวนยิ่งนัก ก่อนจักป้อนพระโอสถถ้วยโตให้กับพระสนม ดวงหน้าหวานเหยเกด้วยรสชาติฝาดขม

“ดื่มให้หมดหนาคนดี”

“พระเจ้าค่ะ”ฝืนดื่มจนหมดถ้วย

“เก่งมาก”

มินานนักเจ้าชมนาดก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย โดยมีพระภัสดาวนเวียนจูบหอมมิเลิก ผิวกายนุ่มเปลือยไร้อาภรณ์ถูกพระภัสดากกอดให้ความอุ่น ปกป้องน้องน้อยจากความหนาวเหน็บยามค่ำคืน





******************************************************************





หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๐๔.๐๔.๖๐ หน้า๐๒
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 06-04-2017 00:45:22
โอ้โหวววว น้องน้อยเค้าออเซาะเเล้ววว
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๐๔.๐๔.๖๐ หน้า๐๒
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 06-04-2017 01:48:34
เร่าร้อนมากเพคะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๐๔.๐๔.๖๐ หน้า๐๒
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-04-2017 06:06:25
><
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๐๔.๐๔.๖๐ หน้า๐๒
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-04-2017 08:08:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๐๔.๐๔.๖๐ หน้า๐๒
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-04-2017 09:44:58
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๖ ๐๔.๐๔.๖๐ หน้า๐๒
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 06-04-2017 20:37:01
ชมนาดน่ารักได้ใจมาก เจ้าหลวงระวังนางปิ่นนางมารร้ายนะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๐๗.๐๔.๖๐ หน้า๐๒
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 07-04-2017 21:07:33

ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๐๗



“อืม...”องค์ภุมรินตื่นจากบรรทมเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาที่พระอุระ ลืมพระเนตรขึ้นภาพแม่วิฬารน้อยของพระองค์ก็เข้ามาในคลองจักษุ ชมนาดใช้นิ้วเล็กๆของตนเกลี่ยพระฉวีตรงพระทรวงเล่น น้องน้อยเนื้อตัวมีรอยแดงช้ำ แลผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงน่าเอ็นดูนัก นิ้วเล็กเกลี่ยพระฉวีไม่พอ ยังสะกิดยอดพระถันของพระภัสดาเข้าให้อีก

“คิกๆ...อ๊ะ”เสียงหัวเราะคิกคักราวกลั่นแกล้งนั่นช่างน่านัก พระหัตถ์อุ่นเลื่อนลงไปบีบแก้มก้นนุ่มจนเจ้าชมนาดสะดุ้งตกใจ

“จักทำอย่างไรกับวิฬารน้อยจอมซนดี หืม”ตรัสแล้วก้มพระพักตร์ลงมาหอมที่ผมนุ่มไม่เป็นทรง

“..ฝ่าบาท ตื่นแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามเสียงหวาน มือน้อยหยุดแกล้งพระภัสดา ย้ายมากุมพระหัตถ์ข้างที่มิได้กอบกุมก้นนุ่มของตน

“แล้วเจ้าเล่าตื่นนานแล้วหรือ”

“..สักครู่แล้วพระเจ้าค่ะ”

“....ค่ำนี้พี่จักต้องไปร่วมเสวยกายาหารเช้ากับเหล่าขุนนางแลบุตรธิดาที่ท้องพระโรงน้องต้องไปกับพี่หนา”

“พระเจ้าค่ะ”

“...แลเรื่องแม่นางปิ่น”ทรงเกริ่นลองเชิงพระสนม ชมนาดน้อยนิ่งชะงักดึงมือออกจากพระหัตถ์ ขืนกายบางออกจากพระภัสดา ยันกายลุกขึ้นนั่งหันหลังให้ องค์ภุมรินรีบลุกตามเมียรักพระกรโอบร่างนุ่มนิ่มอย่างเอาอกเอาใจ

“.....”

“...เล่าให้พี่ฟังได้หรือไม่ว่าเกิดกระไรขึ้น ต่อให้เจ้าผิดพี่ก็จักกลับเป็นถูก”

“ว่ากระไรเยี่ยงนั้นพระเจ้าค่ะ ทรงเป็นถึงเจ้าหลวงเจ้าแผ่นดิน”

“...ก็นี่เมียรักนี่จ๊ะ”

“...หม่อมฉันเรียนการบ้านการเรือนอยู่ที่ศาลาริมสระหลวง คุณท้าวท่านป่วยหม่อมฉันจึงอยู่ที่ศาลาริมสระหลวงผู้เดียว แลแม่ปิ่นนางขอเข้าเฝ้า.....”ใบหน้าหวานเอียงซบพระอุระเปลือย


.
.
.


“นางบอกกับหม่อมฉันว่าตำแหน่งพระชายาของพระองค์...มิใช่หม่อมฉันดอกพระเจ้าค่ะแลยังบอกอีกว่าให้ระวังตัวไว้ จักเสียใจไม่รู้ตัว....หม่อมฉันมิได้ใคร่อยากตำแหน่งพระชายาของพระองค์ แค่ตำแหน่งพระสนมเอกในตอนนี้ก็มากเหลือแล้ว แต่...หม่อมฉันคงขาดใจหากพระองค์รักใครอีกคน”เสียงหวานเศร้าสร้อย นัยน์ตากวางคลอน้ำจนพระภัสดาใจหาย

“....น้อง”พระกรโอบกอดไหล่เล็ก ลูบหัวลูบหางปลอบ

“ทุกวันนี้ที่พระองค์ประทานให้หม่อมฉันก็เป็นพระมหากรุณายิ่งแล้ว หม่อมฉันคงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องหากพระองค์จักรัก หรือ รับนางสนมเพิ่ม แม้กระทั่งให้ผู้อื่นเคียงพระวรกายหม่อมฉันก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้อ....”

“ไม่...พี่จักมิรับใครหน้าไหนมาเป็นเมียทั้งนั้น พี่จักมีแค่น้องแค่เจ้าผู้เดียวเจ้าชมนาด จักมีแค่เจ้าที่จักได้ยืนเคียงข้างพี่ มิร้องหนาเมียจ๋า”

“...ฮึก หม่อมฉัน”วาดแขนกอดพระศอ บีบน้ำตาให้ไหลนองปรางใสจนเปียกพระอุระ แม่นางปิ่นเจ้ามีมารยา ข้าก็มีเช่นกัน แลดูซิ...พระภัสดาจักทรงเชื่อใคร เจ้า หรือ เมียรักเยี่ยงข้า

“พี่รักเจ้าหนาชมนาด จักมิมีผู้ใดมาแทนที่เจ้าคนดี มิต้องกลัวไปดอก เชื่อพี่หนา”

“ฮึก หมะ หม่อมฉันจักเชื่อพระองค์พระเจ้าค่ะ ภุมริน”ขานนามพระภัสดาแลช้อนดวงตาคลอน้ำขึ้นสบพระเนตร พระพักตร์งามโน้มมาใกล้แนบพระโอษฐ์ประกบจูบปลอบประโลมพระสนม พระชิวหาเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่ม จูบซับที่กลีบปากน้องอย่างรักใคร่ พระหัตถ์ก็ลูบแผ่นหลังเนียนปลอบ แลบทรักเร่าร้อนก็เริ่มดำเนิน ภมรภู่รังแกเจ้าดอกข้าวใหม่จนกลีบช้ำ ส่งกลิ่นยั่วเย้าอารมณ์ดิบ


.
.
.



               กว่าจักได้ออกจากห้องบรรทมอาทิตย์ก็อัสดงไปเสียแล้ว ชมนาดนั่งให้เหล่านางข้าหลวงช่วยแต่งกายให้ จมูกโด่งรั้นระบายลมหายใจยังมิหายเหนื่อย พระภัสดาทรงเอาแต่พระทัยนัก

“...เจ้าชมนาด”พระสุระเสียงเอ่ยเรียกเมียรัก

“....”แม่วิฬารน้อยทำเพียงปรายตามองพระวรกายสูงใหญ่ของพระภัสดา ก่อนจักเบือนหน้าหนีให้นางข้าหลวงทาชาดที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มให้

“ยังเคืองพี่อยู่อีกหรือเจ้า”

“...หม่อมฉันบอกว่าพอ เหตุใดพระองค์จึงมิหยุด”

“..ก็ พี่อดใจมิไหวเจ้ามันน่ารังแกน้อยเสียเมื่อไหร่”บทสนทนาของสองพระองค์ทำเอานางข้าหลวงทั้งหลายหน้าแดงก่ำเห่อร้อน ใช่ว่าจักไม่เห็นร่องรอยรักที่องค์ภุมรินทิ้งไว้บนพระวรกายบอบบาง

“...เสร็จแล้วเพคะ”นางข้าหลวงสาวนางหนึ่งกล่าวเมื่อลงเครื่องพระสุคนธ์เรียบร้อยแล้ว

“ขอบใจจ้ะ”กล่าวขอบคุณพลางตบเบาๆที่หลังมือนางข้าหลวงสาวแลยิ้มให้

“พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด”องค์ภุมรินรับสั่ง

“เพคะ”

“เจ้าชมนาดเคืองพี่มากหรือเจ้า”หลังจากที่นางข้าหลวงสาวออกไปจนหมด พระวรกายทรุดนั่งคุกเข่าโอบกอดเอวบางของน้องน้อย พระพักตร์งามซบที่หน้าท้องแบนราบ

“...ฝ่าบาทรังแกหม่อมฉัน”

“โธ่ พี่รักดอก”

“..เอาเถิดพระเจ้าค่ะ ทำเพราะรักหม่อมฉันก็มิเคืองดอก”แขนเล็กกอดรอบพระอังสะตอบ ซบใบหน้าสวยลงบนพระเศียร

“น่ารักกระไรเยี่ยงนี้”เงยพระพักตร์ขึ้นป้อนจูบให้พระสนมที่หัวเราะน้อยๆ


.
.
.


“เจ้าหลวงแลพระสนมเอกเสด็จ”เสียงนายทวารกล่าว บรรดาขุนนางแลบุตรธิดาต่างหมอบกราบขนาบสองฝั่งของท้องพระโรงยามสองพระองค์เสด็จผ่านขึ้นประทับบนแท่นประทับ

“..ฝ่าบาท ขุนนางมากเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”เป็นคราแรกที่เจ้าชมนาดได้เสด็จพร้อมเจ้าหลวงทำให้ตื่นกลัวไม่น้อย

“..ใจเย็นๆหนา มิมีกระไรดอก”ประคองร่างบางเสด็จไปตามพรมนุ่มที่ปูยาวจนถึงแท่นประทับ

“พระเจ้าค่ะ”

เมื่อองค์ภุมรินเสด็จขึ้นประทับพร้อมพระสนม ข้าหลวงก็ลำเลียงสำรับพระกายาหารขึ้นถวาย

“ฝ่าบาทเพคะ ประเดี๋ยวบุตรีของท่านเสนาบดีฝ่ายขวาจักร่ายรำประกอบดนตรีถวายเพคะ”คุณท้าวกราบทูล

“แม่ปิ่นน่ะหรือ”

“เพคะ”

“แลคุณท้าวหายไข้แล้วหรือจ๊ะ”เจ้าชมนาดไถ่ถามเมื่อเห็นคุณท้าวกลับมารับใช้ตามเดิม

“ทุเลาแล้วเพคะ”

“แล้วเหตุใดไม่พักให้หายขาดเสียก่อนเล่าจ๊ะ”

“มิได้เพคะ นี่ก็ดีขึ้นมากโขแล้ว หม่อมฉันใคร่อยากถวายงานรับใช้พระสนมเพคะ”

“โธ่ คุณท้าว”มือน้อยประคองมือคุณท้าวไว้บีบนวดเบาๆให้จนคนแก่ยิ้มแก้มปริ น่ารักน่าชังกระไรเยี่ยงนี้

“....”

“คุณท้าวต้องอยู่กับข้าไปนานๆหนาจ๊ะ”

“เพคะ หม่อมฉันจักอยู่รับใช้พระสนมไปอีกนานเพคะ”

“หึหึ เอาล่ะ น้องมาเสวยเถิด แลคุณท้าวก็ทานเยอะหนา”รับส่งพร้อมแย้มพระโอษฐ์อย่างพระทัยดี

“เพคะ”

“เจ้าชมนาด”ตรัสเรียกเมื่อน้องน้อยเริ่มลงมือปรนนิบัติพระองค์

“พระเจ้าค่ะ”เงยดวงหน้าหวานขึ้น

“ดื่มโอสถก่อนหนา”

“พระเจ้าค่ะ”รับโอสถกลิ่นฉุนถ้วยใหญ่มาจิบ ครั้นเสียงดนตรีดังขึ้นเรียกสายพระเนตรให้ทอดมองไปยังท้องพระโรงเบื้องหน้า ร่างอรชรของบุตรีเสนาบดีฝ่ายขวาขยับร่ายรำอย่างชดช้อย ใบหน้างามแย้มยิ้มสะกดทุกสายตา ช้อนดวงตางามขึ้นมองพระพักตร์ชายสูงศักดิ์ ออกท่าทางร่ายรำตามจังหวะดนตรี


“แค่กๆๆๆ”


“น้อง...ค่อยๆหนา”ผินพระพักตร์กลับมาทันทีที่ร่างบางข้างกายไอโขลกๆ โอสถในถ้วยแทบจักไม่พร่องลงไป

“แค่กๆๆ ฝ่าบาท ขมเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอ่ยออดอ้อน เอนกายให้ใกล้พระภัสดายิ่งขึ้น ดวงตาแดงคลอน้ำ

“ฝืนดื่มหน่อยหนาชมนาดจ๋า”โอบร่างน้อยไว้หลวมแลประคองป้อนโอสถให้เมียรัก

“มันขมแลฉุนเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”

“ทนหน่อยหนา ดื่มให้หมด...หนาคนดี”ประเหลาะราวกับเด็กน้อย

“...ก็ได้พระเจ้าค่ะ”ว่าแล้วก็ค่อยๆดื่มโอสถจนหมดถ้วยโดยมีพระภัสดาช่วยประคองป้อน ลำพังโอสถรสขมฉุนนี่ ชมนาดดื่มได้สบาย เพราะมิใช่คนกินยายาก แต่มิใคร่อยากให้พระภัสดาสนใจสตรีที่ร่ายรำอยู่เบื้องหน้าต่างหาก ถึงได้เรียกร้องความสนใจทำเป็นว่าดื่มโอสถมิได้

“เก่งมากคนดี”กดจูบที่ขมับขาวเป็นรางวัล

“แต่รสโอสถยังขมติดในปากหม่อมฉันอยู่เลยพระเจ้าค่ะ”

“จริงหรือ หากอยู่ในห้องบรรทมพี่คงต้องขอชิมสักหน่อยว่าปากเจ้าขมจริงหรือไม่”หยอกเย้าจนชมนาดแก้มแดงระเรื่อ

“ฝ่าบาท ไฉนเลยจึงทะลึ่งตึงตังนักพระเจ้าค่ะ”

“ฮ่าๆๆ รักดอกจึงหยอกเล่น ทานขนมหวานล้างปากหน่อยหนาจักได้ดีขึ้น”

“พระเจ้าค่ะ”ขานรัตอบแลอ้าปากรับทองหยอดรสหวานฉ่ำ ก่อนจักดื่มพระสุธารสลอยดอกมะลิกลั้วปาก เมื่อเงยหน้าขึ้นการร่ายรำของบุตรสาวเสนาบดีฝ่ายขวาก็จบลงพอดี ชมนาดเหยียดยิ้มเมื่อพระภัสดามิได้ชมการแสดงเลยเพราะมัวแต่เอาอกเอาใจตน แม่ปิ่นเมื่อเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยจากพระสนมที่ประทับเคียงพระวรกายเจ้าหลวงก็หน้าตึง มือบางกำแน่น ก่อนจักค่อยๆแย้มยิ้มเมื่อตนจักต้องขึ้นไปรับรางวัลสำหรับการร่ายรำที่จบไปกับมือเจ้าหลวง ร่างอรชรหมอบคลานเข้ามาใกล้แท่นประทับจนมาอยู่เบื้องหน้าเจ้าหลวง

“คุณท้าวช่วยเอาห่อรางวัลนี่ให้นางรำที”พระสุระเสียงกล่าวทำให้แม่นางปิ่นเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่ประทานให้นางกับพระหัตถ์ แต่ก็ต้องคลายความสงสัยเมื่อเหลือบไปเห็นพระสนมที่จ้องมองลงมาพร้อยรอยยิ้มน้อยๆที่มุมพระโอษฐ์ คนอื่นอาจจะมองรอยยิ้มของเจ้าชมนาดว่าช่างพระทัยดีมีเมตตา แต่หากมองตรงมุมของแม่นางปิ่นก็จักเห็นได้ว่ารอยยิ้มนั่นมันเยาะเย้ยกันชัดๆ

“..ขะ ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท...พระสนม”

“มิเป็นไรดอก เจ้าร่ายรำได้งดงามนัก...เสียดายพระภัสดามิได้ชมเลย


.
.
.


“กรี๊ดดด! เจ้าชมนาด”กรีดร้องด้วยความคับแค้นใจ มือบางกำห่อรางวัลแน่น ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความแค้น เอาเถิดคอยดูหนา เจ้าจักต้องเจ็บยิ่งกว่าข้า


.
.
.


“เป็นกระไรหรือเจ้าชมนาด อารมณ์ดีจริงหนา”องค์ภุมรินตรัสถามพระสนมที่มีรอยยิ้มที่มุมปากตลอดเวลา

“มิมีกระไรดอกพระเจ้าค่ะ อ่า ฝ่าบาทเสวยพระสุธารสร้อนลอยดอกมัลลิกาหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ จักได้บรรทมสบาย”ประคองถ้วยน้ำร้อนถวายพระภัสดา ใบหน้างามแต่งแต้มรอยยิ้ม จนองค์ภุมรินยิ้มตาม

“ขอบใจจ้ะ”

“เป็นเยี่ยงไรพระเจ้าค่ะ”

“อืม หอมมากเลยน้อง ราตรีนี้พี่คงหลับสบาย”

“พระเจ้าค่ะ..อ๊ะ”เจ้าชมนาดนิ่วหน้า มือเล็กกุมท้องน้อยตัวเองพลางงอตัว

“เป็นกระไรน้อง!!”ผวาเข้าประคองเมียรัก

“หมะ หม่อมฉัน..จะ เจ็บท้องพระเจ้าค่ะ”ใบหน้าสวยเหยเก ริมฝีปากงามเม้มแน่นจนซีดขาว

“นางข้าหลวง!! นางข้าหลวง!! ตามหมอหลวงที”รั้งร่างคนเป็นเมียเข้ามากอด ไม่นานหมอหลวงสี่นายก็เข้ามาในห้องบรรทม

“ถวายบังค....”

“มิต้อง!! รีบมาดูเจ้าชมนาดประเดี๋ยวนี้”

“พะย่ะค่ะ”หมอหลวงสี่คนเข้าทำการตรวจพระวรกายของพระสนม องค์ภุมรินทำได้เพียงยืนประทับอยู่ห่างๆ ทอดพระเนตรมองแม่วิฬารน้อยที่นอนหน้าเหยเกอยู่บนพระแท่นบรรทม หมอหลวงจับชีพจรพลิกนู้น ตรวจนี่จนพระองค์ร้อนพระทัย ด้วยเกรงว่าสนมเมียรักจักเป็นกระไรร้ายแรง

“เป็นอย่างไรบ้างหมอหลวง”

“พระทัยเย็นก่อนหนาพะย่ะค่ะฝ่าบาท พระสนมมิได้เป็นกระไรพะย่ะค่ะ ที่ทรงเจ็บพระอุทรนั่นเกิดจากผลข้างเคียงของพระโอสถที่เสวยเข้าไปพะย่ะค่ะ”

“ผลข้างเคียงของโอสถหรือ”

“พะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้น..ยาที่แม่เฒ่าปรุงได้ผลหรือ”พระโอษฐ์เผยรอยยิ้มน้อย

“พะย่ะค่ะ พระวรกายของพระสนมจักค่อยๆปรับให้เหมาะสม มิมีกระไรอันตรายพะย่ะค่ะ”

“งั้นหรือ...โอสถได้ผลหรือ”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“หึหึหึ ขอบใจๆ ขอบใจมากหมอหลวง”

“มิได้พะย่ะค่ะ”

เมื่อหมอหลวงออกไป องค์ภุมรินก็เข้ามาประทับข้างร่างน้อยที่นอนตะแคงข้าง มือกุมท้องน้อย ใบหน้างามซีดขาวชื้นเหงื่อ

“เจ้าชมนาด....เจ้าชมนาด....เมียรักของพี่”ลูบผมนุ่มปลอบ พระโอษฐ์พรมจูบหอมใบหน้างาม ทรงดีพระทัยนัก


.
.
.



“เฮ้อ”เจ้าชมนาดพ่นลมหายใจด้วยความอ่อนเพลีย เข้าฤดูร้อนแล้วอากาศอบอ้าวนัก

“เป็นกระไรไป หืม เจ็บท้องอยู่อีกหรือ”ตรัสถามด้วยความห่วงใย

“มิเจ็บท้องแล้วพระเจ้าค่ะ แต่หม่อมฉันร้อนเหลือเกิน อากาศช่างอบอ้าวนัก”

“นั่นสิอากาศอบอ้าวนัก เยี่ยงนั้นเจ้าใคร่อยากไปน้ำตกหรือไม่”เอาอกเอาใจเมียเสียยิ่งกว่ากระไร

“ใคร่ไปพระเจ้าค่ะ พระองค์จักพาหม่อมฉันไปหรือพระเจ้าค่ะ”ถามด้วยดวงตาพราวแสงน่าเอ็นดู

“หากเจ้าใครไปพี่ก็จักพาไปจ้ะ”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะฝ่าบาท หม่อมฉัน’รัก’พระองค์ที่สุดเลยพระเจ้าค่ะ”

“ว่ากระไรหนาเจ้าชมนาด”

“หม่อมฉันรักพระองค์ที่สุดเลยพระเจ้าค่ะภุมริน”

“ฮ่าๆๆๆ พี่รอคำนี้จากปากเจ้ามานานนักเจ้าชมนาด”ตวัดพระกรกอดรัดร่างบางอย่างดีพระทัย

“หม่อมฉันขอประทานอภัยโทษพระเจ้าค่ะที่ให้ฝ่าบาทรอ”

“ฝ่าบาทกระไรกัน เรียกพี่สิเจ้า”

“...เสด็จพี่”

“ฮ่าๆๆๆ นั่นแล อ่า..มีความสุขกระไรเยี่ยงนี้”พระหัตถ์วางทาบลงบนหน้าท้องแบนราบของพระสนม พระพักตร์แต้มรอยยิ้มจนเจ้าชมนาดยิ้มตาม

“หึหึหึ ทรงมีความสุขมากหรือพระเจ้าค่ะ”จักต้องเป็นหม่อมฉันคนเดียวเท่านั้นที่จักทำให้พระองค์มีความสุข

“แน่นอน อ่า..พี่มีกระไรจักให้น้อง”เสด็จไปที่โต๊ะเครื่องพระสุคนธ์เปิดลิ้นชักแลหยิบพระธำมรงค์ทองประดับนพรัตน์ออกมา แลเสด็จกลับมาหาพระสนมที่นั่งคอยอยู่ที่ปลายพระแท่นบรรทม

“กระไรหรือพระเจ้าค่ะ”

“ธำมรงค์นี่เป็นของที่พี่จักประทานให้แก่คนที่จักขึ้นเป็นพระชายา”ประทับข้างๆเจ้าชมนาดแลยกน้องน้อยให้นั่งบนพระเพลา ทอดพระเนตรมองใบหน้าด้านข้างของเจ้าชมนาดแลยื่นพระพักตร์เข้าไปจรดพระนาสิกกับปรางค์นวล

“นพรัตน์ แก้วเก้าประการ งามเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”

“...มันเป็นของเจ้า”

“ของหม่อมฉัน?”

“ใช่ ของเจ้าชมนาด”

“แต่ผู้ที่จักได้เป็นพระชายาเท่านั้นมิใช่หรือพระเจ้าค่ะที่จักได้ครอบครองธำมรงค์นพรัตน์วงนี้”

“พี่เคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือ..ว่าเจ้าเท่านั้นที่จักได้ขึ้นเป็นชายาของพี่”

“...เสด็จพี่”ครางเครืออย่างตื้นตันใจ

“มาพี่จักสวมให้”ประคองมือน้องขึ้นแผ่วเบา ค่อยๆสวมธำมรงค์นพรัตน์ลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเมียรัก ธำมรงค์นี้ช่างพอดีกับนิ้วของเจ้าชมนาดราวๆกับเป็นเจ้าของ

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ...พระมหากรุณาล้นพ้นนัก”พนมมือกราบลงบนพระอุระ ดวงตาจ้องมองแหวนงามบนนิ้วตนแลอมยิ้มอย่างตื้นตันแขนเล็กโอบกอดพระวรกายของพระภัสดาด้วยความรักที่แทรกซึมเข้ามาในใจ พระกรก็โอบกอดร่างแน่งน้อยตอบอย่างรักใคร่


.
.
.


“คุณท้าวไปกับข้าไหมจ๊ะ”เอ่ยถามคนแก่ ชมนาดในชุดเสื้อผ้าฝ้ายคอตั้งแขนกระบอกสีม่วงดอกตะแบกแลโจงกระเบนสีบัวโรยนั่งอยู่ที่ศาลาหลวงริมสระ มือน้อยจัดแต่งดอกไม้ใส่แจกันเตรียมถวายพระในตำหนักศาสน์

“หม่อมฉันก็ใคร่อยากจะตามไปถวายงานรับใช้หนาเพคะ แต่ร่างกายมิค่อยจักสู้ดีนักเพคะ”คุณท้าวตอบ

“นั่นสิ เยี่ยงนั้นคุณท้าวพักผ่อนอยู่ที่วังหลวงนี่ดีกว่า”

“ขอบพระทัยเพคะพระสนม”

“จ้ะ คุณท้าวก็ต้องรักษาตัวให้หายป่วยเร็วๆหนา อย่าลืมที่สัญญาว่าจักอยู่กับข้าไปนานๆหนา”เพราะไม่มีแม่มาตั้งแต่ยังน้อย เจ้าชมนาดถึงได้รักคุณท้าวที่เปรียบเสมือนญาติผูใหญ่มาก

“เพคะพระสนม”

“จักไปไหนกันหรือเพคะ”เสียงหวานเอ่ยแทรกขึ้นกลางปล้องมิต้องหันไปดูชมนาดก็รู้ว่าเป็นใคร

“บังอาจนักแม่ปิ่น ยังมิถวายความเคารพพระสนมอีก”คุณท้าวเอ็ดอย่างไม่พอใจ

“มิเป็นไรดอกคุณท้าว”

“มิได้เพคะ จักได้รู้ที่ต่ำที่สูง”คุณท้าวว่า

“หึหึหึ ปล่อยนางเถิด เรื่องเล็กๆน้อยๆเพียงนี้ยังคิดมิได้ ก็มิควรฝันเฟื่องถึงตำแหน่งพระชายาว่าไหมคุณท้าว”

“พระสนม!!”

“มันจะมากไปแล้วแม่ปิ่นกล้าขึ้นเสียงกับพระสนมเชียวหรือ”

“มิใช่กงการของคุณท้าว มิต้องสอดจักได้ไหม”หันมาตวาดใส่ข้าหลวงเฒ่า

“แม่ปิ่น คุณท้าวท่านแก่กว่าเจ้ามากนัก ระวังเถิดนรกจักกินกบาลเจ้า”

“หึ ก็แค่ขี้ข้าในวังหลวง หากข้าได้เป็นพระชายามันก็ต้องรับใช้ช้าอยู่ดี”

“หรือจ๊ะ เจ้าแน่ใจหรือว่าจักได้เป็นพระชายาของเจ้าหลวง โถ ข้าสงสารนางเหลือเกินคุณท้าว”

“ว่ากระไรนะ”

“แม้แต่สนมก็ยังมิได้เป็นเจ้าฝันเฟื่องถึงตำแหน่งพระชายาเชียวหรือ”

“...”

“หากเจ้าใคร่อยากจักขึ้นเป็นพระชายา ก็มาถอดเอาพระธำมรงค์นพรัตน์ที่นิ้วข้าไปให้ได้ก่อนเถิดแม่”เหยียดยิ้มพลางใช้มือข้างซ้ายหยิบดอกเบญจมาศส่งให้บุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวา

“.....”แม่ปิ่นจ้องมองพระธำมรงค์นพรัตน์บนพระอนามิกาข้างซ้ายของพระสนมอย่างตกตะลึง พระธำมรงค์นพรัตน์ผู้ที่ได้ขึ้นเป็นชายาเจ้าหลวงเท่านั้นที่จักได้ครอบครอง

“ดอกทองนี่ข้าประทานให้แม่หนา.....คุณท้าวไปกันเถิดจ้ะใกล้เวลาที่เสด็จพี่ภุมรินจักกลับจากว่าราชการแล้ว ข้าจักเตรียมถวายการปรนนิบัติ คุณท้าวให้ข้าหลวงเอาแจกันไปถวายพระที่ตำหนักศาสน์ให้ข้าทีหนา”จับเบญจมาศดอกโตใส่มือหญิงสาว แลสั่งงานคุณท้าวด้วยรอยยิ้ม

“.....เจ้าชมนาด”กัดฟันด้วยความแค้น เหตุใดข้าจักต้องพ่ายแพ้ให้แก่มัน


.
.
.


“ฝ่าบาทบุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวาขอเข้าเฝ้าเพคะ”คุณท้าวกราบทูล เจ้าชมนาดที่ปรนนิบัติป้อนพระกายาหารพระภัสดาชะงักค้าง

“หากเจ้ามิใคร่โปรดพี่จักปฏิเสธนางเสีย”

“มิได้พระเจ้าค่ะ ให้นางเข้าเฝ้าเถิด”

“เอางั้นหรือ”

“พระเจ้าค่ะ...คุณท้าวให้นางเข้ามา”

“เพคะ”

“ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท...พระสนม”

“มาเข้าเฝ้าข้ามีกระไรหรือแม่”

“หม่อมฉันนำแกงสายบัวกะทิมาถวายฝ่าบาทเพคะ”

“คราหน้ามิต้องลำบากดอก กับข้าวกับปลาในวังมีเยอะแล้ว”

“มิเป็นไรเพคะ หม่อมฉันใคร่อยากถวาย”

“คุณท้าวยกมาสิจ๊ะ”เป็นเจ้าชมนาดที่สั่งให้ยกถ้วยแกงสายบัวขึ้นสำรับ

“เพคะ”คนแก่ว่าแลยกขึ้นถวาย

“อืม...อุ๊บ”มือเล็กเปิดฝาถ้วยแลสูดกลิ่นกะทิหอม ก่อนจะแสร้งปิดฝาลงแลยกมือขึ้นปิดปาก

“เจ้าชมนาดเป็นกระไรน้อง”

“เหม็นพระเจ้าค่ะ..หม่อมฉันเหม็นแกงสายบัว”

“เหม็นหรือ..พี่ก็ว่าไม่นี่จ๊ะ”

“อุ๊บ...”แสร้งทำท่าจักอาเจียน

“คุณท้าวนำแกงนี่ไปเททิ้ง”รับสั่งเสียงกร้าวเมื่อพระสนมตัวน้อยดูผะอืดผะอมนัก แม่ปิ่นเบิกตากว้างเจ็บปวดนัก ทั้งที่ยังมิได้แตะแกงของนางเลย

“..เสด็จพี่”เจ้าชมนาดแสร้งทำตัวอ่อนซบพระอุระ

“ให้พี่ตามหมอหลวงไหมเจ้า หืม”ตรัสถามอย่างอ่อนโยนใช้ผ้าซับพระพักตร์ซับเหงื่อตามใบหน้างามของเมีย

“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ คงเป็นผลข้างเคียงของโอสถอย่างที่เคย”

“งั้นหรือ เจ้าแน่ใจหนา”

“พระเจ้าค่ะ...แม่ปิ่นข้าต้องขอโทษจริงๆหนา เอาเยี่ยงนี้วันพรุ่งข้าแลพระภัสดาจักประพาสน้ำตก เจ้าก็ไปด้วยกันเถิดนะแม่ถือเสียว่าข้าไถ่โทษที่ทำให้แกงเจ้าถูกเทขว้าง”กล่าวแลยิ้มให้

“ให้นางไปกับเราหรือ”ตรัสถามในขณะที่พระหัตถ์ยังถือยาดมยาหอมจ่อที่จมูกเมีย

“พระเจ้าค่ะ ให้นางไปกับเราหนาพระเจ้าค่ะ น้องรู้สึกผิดเหลือเกิน”

“ว่ากระไรอย่างนั้น ก็เจ้าเหม็นแกง”

“เยี่ยงนั้นก็เถิด หนาพระเจ้าค่ะ”

“ก็ได้จ๊ะ ก็ได้พี่ตามใจเจ้า”

“เยี่ยงนั้นไปด้วยกันหนาแม่”

“เพคะ...ขอบพระทัยเพคะ”

“มิเป็นไรดอก...เจ้าไปด้วยข้าคงสนุกน่าดูแล”








**************************************************************************





หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๐๗.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 07-04-2017 22:18:53
เจ้าชมนาดสุดยอดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๐๗.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 07-04-2017 22:20:41
ข้าว่าเเช้ว ว่านรงต้องเเสบยิ่งนัก555555 เป็นไงล่าาา
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๐๗.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 07-04-2017 23:20:36
หึๆ ชอบเจ้าชมนาดมากเพคะ แซบจัง
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๐๗.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-04-2017 08:22:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๐๗.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 08-04-2017 11:33:42
คิดผิดสินะที่หลงเป็นห่วงชมนาด  :laugh:
แต่กำลังแอบคิดว่าจะมียาเสน่ห์อะไรพวกนี้ไหม  :ling1:
ชมนาดทำกับแม่ปิ่นแสบเหลือเกินน
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๐๗.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 08-04-2017 15:11:09
-..-* หวังว่าเรื่องนี้จักไม่มีพระเอกโดนมนต์แล้วนายเอกโดนไล่ออกจากวัง(ทั้งๆที่ท้อง)จากนั้นพระเอกก็เที่ยวตามหาเมียนะเพคะ ขอหวานๆดราม่าไม่ต้องเยอะนะะะะะะ แฮ่ๆ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๐๗.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-04-2017 00:18:30
อิปิ่นคงอกแตกตาย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๐๗.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 09-04-2017 11:45:34
เดินเรื่องเร็วมาก แต่ก็สนุกดีค่ะ  หนูชมนี่ยังไงคะโอ้โห้   คือประสบการณ์เยอะเจอมาเยอะจากพี่สาวเหรอคะพอเข้าวังเเล้วหนูชมโปรมาก   ต้องขอบคุณที่มีพี่สาวแบบนั่นรึเปล่านะทั้งทำให้ได้เข้าวัง แข้วไหนจะนิสัยแบบนั้นหนูชมคงมีภูมิคุ้มกันสูงพอตัวเลยซินะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๗ ๐๗.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: brave ที่ 09-04-2017 20:36:55
สนุกมากๆๆเลยยย  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๙.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 09-04-2017 22:08:32



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๐๘



อรุณนี้องค์ภุมรินแลเจ้าชมนาดออกประพาสน้ำตกซึ่งอยู่มิไกลจากวังหลวงนัก ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่บนเกี้ยว ในขณะที่แม่ปิ่นนั่งอยู่บนเกี้ยวอีกตัวที่เล็กกว่า

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าชมนาด เหนื่อยไหมเจ้า”

“มิเหนื่อยพระเจ้าค่ะ แลเสด็จพี่เล่าพระเจ้าค่ะเหนื่อยหรือไม่”เอ่ยถามพลางลูบพระปรางค์เกลี้ยงเกลา จูบซับที่พระหนุ

“มิเหนื่อยดอก ก็เจ้าปรนนิบัติพี่ดีเยี่ยงนี้”

“พระโอษฐ์หวานนัก”

“ลองแล้วหรือเจ้าถึงว่าหวาน”

“แลให้ลองได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”ว่าแล้วช้อนตามองพระภัสดาอย่างยั่วยวน เผยอปากรอพระโอษฐ์ที่กดแนบบดขยี้กลีบปากนุ่ม ลิ้นนุ่มกวาดชิมพระเขฬะของพระภัสดา

“อืม”

“...อื้อ หากมิได้อยู่บนเกี้ยวพี่จักรักเจ้าให้ช้ำเชียว”

“คิกๆ อดพระทัยไว้หนาพระเจ้าค่ะ”มือน้อยแนบอยู่ที่พระปรางค์

“หึหึหึ”กดจูบที่หน้าผากใส ตะกองกอดร่างน้อย


.
.
.



มินานขบวนเสด็จก็มาถึงน้ำตก ทหารแลข้าหลวงบางส่วนล่วงหน้ามาก่อนเพื่อเตรียมกระโจมแลความพร้อมสำหรับเจ้านายทั้งสอง เสียงน้ำไหลกระทบหิน ทำเอาเจ้าชมนาดอดไม่ได้ที่จะเปิดพระวิสูตรออกเพื่อมองทิวทัศน์ด้านนอก

“เสด็จพี่งามเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”

“ดีใจหนาที่เจ้าโปรด...ออกไปกันเถิด”ตรัสแล้วก็ประคองร่างบางออกจากเกี้ยว

“พระเจ้าค่ะ น้ำใสเหลือเกินพระเจ้าค่ะ อากาศก็ไม่ใคร่ร้อนอย่างที่คิด”สายลมเอื่อยๆ ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ แลเสียงน้ำที่ไหลจากที่สูงลงต่ำทำเอาเจ้าชมนาดยิ้มกว้าง ผ่อนคลายนัก มือน้อยยกขึ้นลูบหน้าท้องตนอย่างไม่รู้ตัว

“เข้าพักในกระโจมให้หายเหนื่อยก่อนเถิด รอให้แดดร่มลมตกค่อยออกมาหนาเจ้า”ตรัสแลประคองร่างน้อยเข้ากระโจมที่พัก

“ฝ่าบาทเพคะ”ไม่ทันที่สองพระวรกายจะเสด็จเข้ากระโจมที่พัก บุตรีท่านเสนาบดีก็ปรี่เข้ามาเสียก่อน

“มีกระไรหรือแม่”ทรงพระราชปุจฉา

“เอ่อ..หม่อมฉัน”

“อุ้บ!!”

“เจ้าชมนาด”

ท่าทางผะอืดผะอมของเมียรัก ทำเอาองค์ภุมรินรีบตะหวัดร่างน้อยเข้าแนบพระอุระ พระพักตร์งามฉายแววกังวล

“สะ เสด็จพี่”ครานี้มิได้เสแสร้งแต่เจ้าชมนาดรู้สึกจริง ดวงหน้าหวานซีดขาว ความรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนตีขึ้นจนมวนท้อง

“เป็นอย่างไรบ้าง ตามหมอหลวงไหม”พระราชปุจฉาพลางใช้พระหัตถ์ซับเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดขึ้นบนหน้าผากใส

“มะ มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันคงเหนื่อยจากการเดินทาง”ตอบพระภัสดาพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ มือเลกกุมพระหัตถ์ แลอีกข้างยกทาบอกตัว

“เยี่ยงนั้นเข้าไปพักก่อนหนา...แม่ปิ่นมีกระไรไว้ทีหลังก็แล้วกันหนา”ตรัสแลประคองร่างบางของสนมเอกเข้ากระโจม

“เพคะ”


.
.
.


“เป็นอย่างไรบ้างน้อง”

“เวียนหัวแลคลื่นไส้พระเจ้าค่ะ อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากยา”

“ไม่ให้พี่ตามหมอหรือ”

“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันขอนอนพักเสียหน่อยคงจักดีขึ้น”

“เยี่ยงนั้นก็นอนพักก่อนเถิดหนา”

“เสด็จพี่บรรทมเป็นเพื่อนหม่อมฉันหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”ตรัสแลล้มตัวลงนอนข้างๆสนม พระกรกอดร่างบางไว้แนบพระอุระ พระหัตถ์ลูบแผ่นหลังบางกล่อม พระโอษฐ์ก็กดจูบ หอมกลุ่มผมนุ่มจนเจ้าชมนาดผล็อยหลับไป จึงได้เข้าสู่ห้วงนิทราตามน้องน้อย


.
.
.


เป็นเจ้าชมนาดที่ตื่นขึ้นก่อนองค์ภุมริน ร่างบางค่อยยกพระกรพระภัสดาออกจากเอวบางแลขยับตัวออกจากพระอุระเบาๆ ริมฝีปากอิ่มกดจูบที่พระปรางค์ขาวเบาๆก่อนจะปล่อยให้พระภัสดาบรรทมต่อ เจ้าชมนาดออกจากกระโจมที่พักพร้อมพัดจีนสีหวานฉลุลายดอกบัวงามติดมือมาด้วยเพื่อใช้ไล่ความอบอ้าวของอากาศ เท้าเล็กเดินชมความงามของธรรมชาติ แลน้ำตกงาม นัยน์ตากวางกวาดมองภาพธรรมชาติงดงามพลางคลี่ยิ้มบางๆอย่างพึงใจ มือก็สะบัดพัดเบาให้เกิดลม น้ำตกใสนัก รอให้พระภัสดาตื่นบรรทมเสียก่อนจักลงเล่นน้ำเสียให้ชื่นใจ

“พระสนม”เสียงคุ้นหูทำเอาเจ้าชมนาดชะงัก ริมฝีปากอิ่มค่อยๆหุบยิ้ม ก่อนจะผินกายกลับไปเผชิญหน้ากับบุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวา

“มีกระไรหรือ”เอ่ยถามก่อนจะยิ้มให้ มือบางก็ยกพัดส่ายไปมา

“...ทรงหยุดทำหน้าตาใสสื่อ ไร้เดียงสาเถิด คิดว่าหม่อมฉันมิรู้หรือว่าพระองค์คอยกลั่นแกล้งหม่อมฉัน”หญิงสาวพูดอย่างแค้นเคือง

“มันช่วยมิได้หนา ก็แม่ทำข้าก่อน คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ามารยาใส่ผัวข้า”

“...ผัวพระองค์หรือ หึหึหึ มินานดอก ก็ต้องกลายเป็นผัวหม่อมฉัน”

“หึหึหึ ไว้ได้ผัวข้าก่อนหนา ค่อยมาโอ้อวด”

“..มินานดอก พระองค์จักต้องถูกเขี่ยออกนอกวังเป็นแน่”

“งั้นรึ เอ...หากข้ามีพระโอรสน้อย พระธิดาน้อย แม้พระองค์จะอยากเขี่ยข้าทิ้งเพียงใดก็คงจักทำมิได้ดอก”ยิ้มมุมปากพลางยกมือขึ้นลูบหน้าท้องจน แม่ปิ่นที่เห็นดังนั้นก็เบิกตากว้าง

“ทรงครรภ์รึ!!!”แม่ปิ่นถามด้วยสีหน้าตกใจ แต่เจ้าชมนาดทำเพียงยิ้มให้บางๆพลางลูบหน้าท้องตัวเองไม่ตอบคำถามใดๆทั้งสิ้น

“...”

ดวงตาสองคู่จ้องกันอย่างไม่ลดละ สายตาคู่หนึ่งฉายแววเคียดแค้นริษยา อีกคู่หนึ่งฉายแววลุ่มลึกยากที่จะคาดเดา เสียงย่างบนใบไม้ดังกรอบแกรบเรียกความสนใจจากทั้งสอง

“ทูลพระสนม เจ้าหลวงเรียกหาเพคะ”ข้าหลวงสาวหมอบกราบ พลางทูลข้อความแก่เจ้าชมนาด

“ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือ”

“เพคะ ทรงตื่นบรรทมแลเรียกหาพระสนมเพคะ”

“งั้นหรือ ขอบใจเจ้ามากหนา...เห็นทีข้าคงต้องขอตัวก่อนหนาแม่ปิ่น พระภัสดาเรียกหาแล้ว”กล่าวพลางยิ้มให้ข้าหลวงสาว ก่อนจะหันมาเอ่ยกับบุตรีขุนนางสูงที่ยืนทำหน้าบูดบึ้ง

“.....”แม่ปิ่นไม่โต้ตอบ มือบางกำแน่น ริมฝีปากบางกัดแน่นสะกดกลั้นความแค้นเคือง เหตุใดมึงจึงชนะกูทุกครา!!! กูเกลียดมึงนัก เจ้าชมนาด!!!


.
.
.


“เสด็จพี่ ตื่นแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอ่ยถามพระภัสดาที่ประทับอยู่บนพระแท่นบรรทม ร่างอรชรย่างเข้าหาพระวรกายสูงใหญ่

“ไปไหนมาหนาน้อง ไม่สบายอยู่หนาเจ้าชมนาด”คว้าเอวบางเข้ามากอด พลางตรัสดุแววพระเนตรตำหนิติเตียน แต่เจือด้วยความเป็นห่วง

“มิเป็นไรดอกพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันดีขึ้นแล้ว เมื่อครู่ก็ออกไปรับลม เสด็จพี่...”นั่งลงบนพระเพลาพลางเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“หืม”

“หม่อมฉันใคร่อยากเล่นน้ำตกเหลือเกินพระเจ้าค่ะ น้ำใสน่าเล่นนัก”

“ประเดี๋ยวก็ไม่สบายเอาดอก”

“มิเป็นไรดอกพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันแค่เวียนหัว”

“แน่หรือ พี่ล่ะเป็นห่วงเจ้านัก”

“แน่สิพระเจ้าค่ะ ให้หม่อมฉันลงเล่นน้ำเถิดหนาพระเจ้าค่ะ”

“ก็ได้ๆ แต่พี่จักลงด้วย”

“หึหึหึ พระเจ้าค่ะ”

“แต่ว่ารอให้ให้แดดร่มกว่านี้ก่อนหนา”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.
.



เจ้าชมนาดผลัดผ้าเป็นเสื้อแขนกระบอกคอกลมเนื้อบางสีดำเขม่าแลโจงกระเบนสีลูกหว้า ส่วนองค์ภุมรินนั้นนุ่งเพียงโจงกระเบนสีหมึกจีนแลเปลือยพระอุระ

“น้ำเย็นเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”มือน้อยกวักน้ำเล่นอย่างตื่นเต้น รอยยิ้มกว้างประทับอยู่บนใบหน้าจนพระภัสดาแย้มพระโอษฐ์ตาม

“ชอบหรือไม่น้อง”ตรัสถามพลางวาดพระกรรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด

“ชอบพระเจ้าค่ะ”เงยหน้ามอบยิ้มหวานให้องค์ภุมริน

“หึหึหึ”พระสรวลในลำคอแลกดจูบที่หน้าผากใส เจ้าชมนาดแย้มยิ้มซบใบหน้าลงบนพระอุระกว้าง แขนเล็กกอดรอบพระกฤษฎี

“เสด็จพี่ทรงชอบไหมพระเจ้าค่ะ”

“ชอบจ้ะ”ตรัสตอบแลเชยคางมนขึ้นประทับจูบอุ่นๆให้น้องน้อย

“อื้อ..ไม่ได้หนาพระเจ้าค่ะ อายเจ้าป่าเจ้าเขาท่าน”ผละออกพลางตำหนิ

“ก็เจ้ายั่วยวนเพียงนี้”

“เสด็จพี่รังแกหม่อมฉันจนช้ำไปหมดแล้วหนาพระเจ้าค่ะ”

“ดอกชมนาดหอมตอนค่ำ ยิ่งช้ำยิ่งเย้ายวนให้ภุมรินเข้าไปดอมดม”ตรัสพลางลูบไล้กายบางผ่านเนื้อผ้าที่แนบไปกับร่างกายน้องใต้ผิวน้ำ

“.....เจ้าบทเจ้าสำนวนนักพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ”พระหัตถ์ไล้วนที่ก้นกลมกลึง

“เสด็จพี่!! มิได้หนาพระเจ้าค่ะ”ตะครุบพระหัตถ์พระภัสดา ก่อนจะเงยหน้าทำตาดุใส่

“มิได้เลยหรือ สักเล็กน้อยก็มิได้หรือ”

“มิได้พระเจ้าค่ะ”

“โธ่ เจ้าชมนาด เมียจ๋า”

“อายเจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าที่เจ้าทางเถิดพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“เคืองหม่อมฉันหรือพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“..เสด็จพี่”

“.....”

“ก็ได้ๆ หม่อมฉันยอมแล้วพระเจ้าค่ะ”

“.....”เหล่พระเนตรมอง

“แต่ต้องกลับเข้ากระโจมก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“เสด็จพี่”ประคองพระปรางค์ขาวแล้วเขย่งกายขึ้นป้อมจูบหวานให้พระภัสดา

“หึหึหึ”พระสรวลเจ้าเล่ห์ก่อนจะตวัดเอวบางเข้าแนบพระวรกาย

“เสด็จพี่ เจ้าเล่ห์นักนะพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ”ช้อนกายบางขึ้นจากน้ำเสด็จกลับกระโจม ระหว่างทางเจอบุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวา

“ฝ่าบาท ถวายพระพรเพคะ”

“อืม”ครางรับในลำคอแลรีบผละไปอีกทาง แต่หญิงสาวหาได้ยอมไม่

“ฝ่าบาท หม่อมฉันทำแกงเลียงถวายพระองค์ กุ้งตัวโตเชียวเพคะ จัก...”ยังทูลมิทันจบความ

“เย็นนี้ข้าแลพระสนมจักมิเสวย เจ้าทานกันเถิด”

“ตะ แต่”

“เสด็จพี่ หม่อมฉันหนาวพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ...ข้ามิรับกายาหารเย็น”ตรัสแลรีบสาวพระบาทเข้ากระโจมที่พัก


.
.
.



มือบางกำแน่นอย่างเคียดแค้น มีบ่าวสาวคนสนิทคอยบีบนวดเรียวขาเล็กให้คลายอารมณ์แค้นเคือง

“คุณหนูจักทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ”

“...ข้าเกลียดมัน!! เกลียดจนข้ามิรู้จักทำอย่างไรดี เพราะ สมองข้าตอนนี้มันมีแต่ความแค้นจนคิดกระไรมิออกแล้ว”

“...คุณหนูรู้จักหญ้าเสน่ห์หรือไม่เจ้าคะ”บ่าวสาวเอ่ยถามคนเป็นนายพร้อมรอยยิ้มร้าย

“หญ้าเสน่ห์หรือ?...มันคือกระไรกัน”

“หญ้าเสน่ห์สรรพคุณของมันทำให้คนเกลียดกันได้กันมานักต่อนักแล้วเจ้าค่ะ”

“ทำให้คนเกลียดกันได้กันหรือ?..”บุตรีขุนนางเอ่ยอย่างสนอกสนใจ

“ผู้ใดที่ได้กินมันเข้าไปจักมีอาการร้อนรุ่มราวกับมีไฟสุมอยู่ในกาย ทางแก้คือจักต้องเสพสังวาสเท่านั้นเจ้าค่ะ”

“เจ้า!! บังอาจนัก หญ้าอุบาทว์เช่นนั้น...เจ้าจักให้ข้า...”

“ชู่ววว เย็นก่อนเจ้าค่ะคุณหนู ฟังบ่าวก่อน”

“ว่ามา..”

“คิดดูหนาเจ้าคะ หากท่านนำหญ้าเสน่ห์ใส่พระสุธารสให้ฝ่าบาทเสวย....”

“ให้ฝ่าบาทเสวยงั้นหรือ”

“เจ้าค่ะ...แลตำแหน่งพระชายาจะเป็นของใครไปได้ หากมิใช่คุณหนู”

“จริงหรือ มันจักได้ผลขนาดนั้นเชียว”

“เจ้าค่ะ คิกๆๆๆ”

“หึหึหึ แลข้าจักไปหาไอ้หญ้านั้นได้จากที่ไหนกัน”

“มิต้องห่วงดอกเจ้าคะ “ยิ้มร้ายให้คนเป็นนาย ก่อนจะหยิบห่อพกที่เหน็บเอวไว้ออกมา คลี่ห่อผ้าออก พืชใบเรียวสีเขียวสดปรากฏแก่สายตาหญิงสาว

“ข้าต้องทำอย่างไรกับมัน”

“นำหญ้าเสน่ห์ตำให้แหลกแลละลายพระสุธารสให้ฝ่าบาทเสวยเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ แลเจ้าว่าข้าควรจะลงมือเมื่อใดดี”

“ฝ่าบาททรงจักประพาสที่น้ำตกแห่งนี้อีกสองวันหนึ่งคืน  บ่าวคิดว่าคืนวันพรุ่งน่าจักดีที่สุดเจ้าค่ะ”

“คืนวันพรุ่ง มันไม่เร็วไปหรือ”

“หากทรงกลับไปประทับที่วังหลวงแล้วท่านจักหาโอกาสดีๆเยี่ยงนี้ได้หรือเจ้าคะ”

“ถูกของเจ้า”

“เชื่อบ่าวเถิดเจ้าค่ะ....”

“หึหึหึหึหึ”


.
.
.



อรุณนี้เจ้าชมนาดตื่นขึ้นมาด้วยอาการจับไข้ ดวงหน้างามซีดเซียว แต่นัยน์ตากวางแลริมฝีปากอิ่มกลับแดงก่ำ เนื้อตัวร้อนราวกับโดนไฟสุม ทำเอาองค์ภุมรินร้อนพระทัยนัก

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้หนาน้อง”พระพักตร์เคร่งขรึม คอยวนเวียนเช็ดผิวนุ่มไม่ห่าง

“...หม่อมฉันแค่จับไข้หนาพระเจ้าค่ะ แต่เสด็จพี่ทำราวกับข้าเป็นโรคร้ายอย่างนั้นแล”

“พูดกระไรนั้น”บีบปากนุ่มเบาๆเป็นการลงโทษ

“คิกๆๆ ก็ทรงรังแกหม่อมฉันหนักเองนี่พระเจ้าค่ะ”

“ทำอย่างกับว่าพี่มิเคยรังแกเจ้าหนักเยี่ยงเมื่อคืน หนักกว่าราตรีที่ผ่านมาก็เคยมิใช่หรือ”

“เสด็จพี่ เหตุใดจึงตรัสห่ามเยี่ยงนั้นพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ ก็ห่ามกับเมียคนเดียวนั่นแล”

“คิกๆ”

“ทูลฝ่าบาท แม่นางปิ่นบุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวาขอเข้าเฝ้าเพคะ”ข้าหลวงสาวกราบทูล

“...ให้นางเข้ามา”ตรัส เจ้าชมนาดค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่งโดยมีพระภัสดาคอยพยุงกายบาง แผ่นหลังบางพิงอิงแอบกับพระอุระกว้าง พระกรโอบกอดรอบเอวบางทันที

“ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท...พระสนมเอก”

“มีกระไรหรือ”

“หม่อมฉันเห็นว่าวันพรุ่งพระองค์ก็ต้องกลับวังหลวงแล้ว ค่ำนี้หม่อมฉันจึงได้จัดเตรียมพระกายาหารค่ำที่ริมลำธารใกล้กับกระโจมหม่อมฉันถวายเพคะ หม่อมฉันเห็นว่าอากาศดีนักเพคะ”

“...แต่เจ้าชมนาดประชวรอยู่ เห็นทีจักออกไปตากลมเยี่ยงนั้นมิได้ดอก”

“...ต แต่ หม่อมฉัน..”

“เยี่ยงนั้นเสด็จพี่ทรงเสด็จไปเสวยพระกายาหารค่ำที่ริมลำธารเถิดพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักรับกายาหารในกระโจม”

“แต่..”

“เสด็จไปเถิดพระเจ้าค่ะ ทรงปฏิเสธนางมาหลายคราแล้ว”

“..ก็ได้”

“..เยี่ยงนั้น หม่อมฉันจักรอฝ่าบาทหนาเพะ”

“อืม”

“เพคะ”หญิงสาวยิ้มเต็มดวงหน้า แผนของนางเหตุใดมันช่างง่ายดายนัก บทจะง่ายก็ง่ายเสียเหลือเกิน หึหึหึ เจ้าชมนาด ครานี้แล เจ้าจักต้องร้องไห้เป็นเผ่าเต่าเชียว


.
.
.


“เอ่อ...ที่ริมลำธารลมแรงนัก หม่อมฉันจึงย้าย เข้ามาในกระโจมของหม่อมฉันเพคะ”

“มิเป็นไร”

“....เอ่อ...เป็นอย่างไรบ้างเพคะฝ่าบาท รสมือหม่อมฉันพระองค์เสวยได้หรือไม่เพคะ”

“รสมือเจ้าอร่อยนักแม่ปิ่น”

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”ก้มหน้าลง ยิ้มกว้างเสียเต็มดวงหน้า

“ข้าหลวง”ตรัสเรียกข้าหลวงสาวที่คอยถวายงานรับใช้อยู่ไม่ห่าง

“เพคะฝ่าบาท”

“พระสนมเสวยหรือยัง”

“กำลังเสวยเพคะ...”

“อืม...หากพระสนมเสวยแล้ว อย่าลืมถวายพระโอสถด้วย”

“เพคะฝ่าบาท”

“เอ่อ..ฝ่าบาทเพคะ”

“อืม..”

“ทรงเสวยน้ำจัณฑ์ก่อนหนาเพคะ”รินน้ำจัณฑ์ใส่จอกเล็กถวาย

“ขอบใจ...”รับจอกน้ำจัณฑ์จากหญิงสาวแลกระดกเข้าพระศอจนหมด แม่ปิ่นยิ้มกริ่มที่แผนการของนางเป็นไปด้วยดี ความฝันที่จักได้เป็นพระชายาอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว

“เป็นอย่างไรบ้างเพคะ น้ำจัณฑ์นี้หม่อมฉันได้มาจากแคว้นใกล้ๆนี้เพคะ”

“อืม รสดีจริงๆ...อึก”

“เป็นกระไรไปเพคะ”เอ่ยถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ บุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวายิ้มกริ่มอยู่ในใจ

“..อึก ขะ ข้า อ่า”พระพักตร์เหยเก พระเสโทผุดขึ้นเต็มพระนลาฏ

“...ฝ่าบาท”

“อึก...”พระวรกายสูงใหญ่ลกจากที่ประทับ โซซัดโซเซ พระหัตถ์กวาดพระประทีปจนทั่วบริเวณมืดมิด คืนเดือนแรม 15 ค่ำ ไร้แสงศศิธร อนธการเข้าปกคลุม เสียงลมหวีดหวิว

“ฝะ ฝ่าบาท”ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจของบุตรีเสนาบดีฝ่ายขวา ณ เวลานี้นางมิอาจมองเห็นสิ่งใด ทุกอย่างมืดมิดจนนางหวาดกลัว


สวบๆ


เสียงสวบสาบทำเอานางหวาดผวา

“อ๊ะ!!.....”แรงกระชากทำเอาหญิงสาวตกใจจนตาเหลือก แต่มิทันที่เสียงกรีดร้องได้พ้นกลีบปากสวย ริมฝีปากอุ่นก็แนบเคล้าคลึง บดเบียดจนเจ็บช้า มือหยาบใหญ่ลูบไล้ผิวกายนุ่มนิ่ม ก่อนจะกระชากสไบแลผ้าแถบขาดอกจนปทุมดอกตูมออกมาต้องอากาศ อุ้งมือหยาบประกบบีบขย้ำเต้าอวบอย่างหยาบโลน เสียงหอบหายใจฟังดูกักขฬะ ริมฝีปากร้อนซุกไซร้ซอกคอกรุ่นขบเม้มอย่างรุนแรงราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้

“อ่า”เสียงแหบต่ำส่งเสียงในลำคอ

“อ๊ะ ฝะ ฝ่าบาท อือ ฝ่าบาทเพคะ อื้อ...”มือหนาข้างหนึ่งเลื่อนปิดปากงาม แลอีกข้างกระชากซิ่นผืนงามออกจนร่างระหงเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ ค่ำคืนแรมสิบห้าค่ำ ไร้เงาศศิธร ความมืดมิดคลอเคล้าด้วยเสียงครางหยาบโลน แลกลิ่นไอกักขฬะ ดำเนินอย่างยาวนานจนย่ำรุ่ง


.
.
.


“ข้าทำเกินไปหรือไม่หนา”เจ้าชมนาดเผยสีหน้ากังวลใจ

“อย่าทรงคิดมากเลยเพคะพระสนม”

“ข้ารู้สึกกังวลใจนัก”

“....”

“เฮ้อ เอาเถิด กระไรจักเกิดมันก็ต้องเกิด”เสียงหวานกล่าวอย่างปลอบใจตัวเอง ทั้งๆที่ในใจยังขุ่นมัว ด้วยความกังวล

“อย่าทรงกังวลไปเลยเพคะ ประเดี๋ยวไข้จักกลับ”

“อืม...แลฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง”ถามหาพระภัสดา

“....ฝ่าบาทยังมิตื่นบรรทมเลยเพคะ”

“อืม..หากฝ่าบาทตื่นบรรทมแล้ว เรียกข้าด้วย ข้าจักไปเดินเล่นสูดอากาศตอนเช้าเสียหน่อย”

“เพคะ”

เจ้าชมนาดเดินลัดเลาะไปตามลำธาร อากาศบริสุทธิ์ยามเช้าแลเสียงน้ำตกพอจักทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นของร่างบางคลายความกังวลลงได้บ้าง

“หึหึหึ”เสียงหัวเราะจากด้านหลังทำเอาเจ้าชมนาดชะงักนิ่งก่อนจะค่อยๆผินกายกลับไปเผชิญหน้า ใบหน้างามเผยอรอยยิ้มให้น้อยๆ

“.....”

“หากพระองค์รู้ว่าเมื่อคืนเกิดกระไรขึ้นที่กระโจมของหม่อมฉัน จักยังทรงยิ้มออกไหมหนาเพคะ”หญิงสาวยิ้มเยาะ เจ้าชมนาดกวาดสายตามองร่างบางตรงหน้า เนื้อตัวของหญิงสาวเต็มไปด้วยร่องรอยแดง แลรอยรักที่ประปรายอยู่รอบลำคอระหง ก็ทำเอาเจ้าชมนาดหายใจติดขัด

“..เจ้า”

“หึหึหึหึ พระองค์เสียฝ่าบาทให้หม่อมฉันเสียแล้วพระสนม ฮ่าๆๆ”

“.......”

“หม่อมฉันตกเป็นของฝ่าบาทแล้ว แลบุตรีขุนนางระดับสูงเช่นหม่อมฉัน หากได้รับใช้ฝ่าบาทแล้วตำแหน่งที่ได้ก็คงมิพ้นพระชายา....หึหึหึ”

“.....”

“พระองค์แพ้หม่อมฉันเสียแล้วพระสนม!!!”







********************************************************************

ปล.ไม่มาม่าแน่นอน


หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๙.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 09-04-2017 23:18:54
เรื่องราวจะเป้นอย่างไรต่อรีบมาต่อน้าาาาร อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๙.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 10-04-2017 00:11:10
ไม่ม่าแน่นะ.....
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๙.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 10-04-2017 01:29:34
โอ๊ยยย อยากอ่านต่อ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๙.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-04-2017 05:55:26
-.-
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๙.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: brave ที่ 10-04-2017 08:18:15
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๙.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 10-04-2017 13:29:42
ไม่ใช่ฝ่าบาทแน่ๆอะ   R.I.P. นะจ๊ะเเม่นางปิ่นปั๊วเธอจะเป็นใครก็มิรู้หนา
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๘ ๐๙.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-04-2017 16:32:31
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 15-04-2017 15:56:30



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๐๙



“อึก..อืม”พระสุระเสียงครางเครือด้วยความเมื่อยขบดังขึ้นในพระศอ เปลือกพระเนตรค่อยๆลืมขึ้น

“...ฝ่าบาท”เสียงหวานของเมียรักทำให้องค์ภุมรินกวาดสายพระเนตรหาร่างบาง มินานเกินรอร่างงามก็ปรากฏในห้วงสายพระเนตร

“เจ้าชมนาด...”พระสุระเสียงแหบเอ่ยเรียก ก่อนจักคว้ามือบางเข้ากอบกุม ยกมือนุ่มจรดพระนาสิกหอมมือบางอย่างรักใคร่

“เป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“พี่...มิเป็นไรดอก แลเจ้าเล่า”

“...หม่อมฉัน..”ใบหน้างามซีดเซียว คิ้วเรียวขมวดผูกกันฉายแววกังวลใจ

“มิเป็นไรหนาคนดี มิต้องกังวลใดๆเลย”ยันพระวรกายขึ้นประทับนั่ง

“เสด็จพี่ หม่อมฉันกังวลนักพระเจ้าค่ะ...”ประคองพระหัตถ์เรียวแนบแก้มตน ขอบตาแลปลายจมูกโด่งรั้นแดงก่ำ หยาดน้ำตาคลอหน่วย

“เหตุใดหมู่นี้เจ้าจึงเสียน้ำตาง่ายนักหนาน้อง.....ชมนาดจ๋า...อย่ากังวลหนาคนดี เราจักผ่านมันไปด้วยกัน”พระดัชนีเกลี่ยน้ำตาเม็ดโตออกจากดวงหน้างาม

“หม่อมฉันห่วงพระองค์เหลือเกินพระภัสดา...”


“.....”


.
.
.


หลังจากกลับเข้าประทับที่วังหลวง ได้เพียงสองวัน เสนาบดีฝ่ายขวาก็เข้าเฝ้าองค์ภุมรินทันที

“ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้กับบุตรีหม่อมฉันมิได้หนาพะย่ะค่ะ”เสนาเฒ่าเอ่ยเสียงแข็ง

“...จักให้ข้าทำเช่นไรท่านเสนาว่ามาเถิด”

“แม่ปิ่นเป็นถึงบุตรีเสนาบดีฝ่ายขวา บุตรีขุนนางสูงเช่นหม่อมฉันจักถูกหมิ่นเกียรติเยี่ยงนี้มิได้”

“.....”

“โปรดทรงแต่งตั้งบุตรีของหม่อมฉันเป็นพระชายาในพระองค์ด้วยเถิดพะย่ะค่ะ...ได้โปรดรักษาเกียรติของบุตรีของหม่อมฉันที่ถูกพระองค์ย่ำยีด้วยเถิด”

“....”

“ได้โปรดพะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“.....”

“.....”

“.....อีกยี่สิบวันข้าจักแต่งตั้งพระชายา”

“ขะ ขอบพระทัยพะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“...."


.
.
.



“ฝ่าบาท หม่อมฉันเห็นควรว่า เอ่อ...ควรให้พระสนมชมนาดออกจากวังเสีย เพื่อความปลอดภัยของพระสนมพะย่ะค่ะ”องครักษ์หลวงสุธีกราบทูล

“..ให้ชมนาดออกจากวังเพื่อความปลอดภัยหรือ”

“พะย่ะค่ะ กระหม่อมเกรงว่า...”

“ได้ ข้าจักให้เจ้าชมนาดออกนอกวังหลวงเสีย”

“...พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ให้มาวินอารักขาคุ้มครองเจ้าชมนาดเสีย....ตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากวังหลวง”

“พะย่ะค่ะ”


.
.
.



“กระไรหนาพระเจ้าค่ะ สะ เสด็จพี่...”เสียงหวานขาดห้วง กลืนก้อนสะอึกลงคออย่างอยากลำบาก น้ำตาเอ่อคลอจวนเจียนจะไหล

“...เจ้าชมนาด”

“อึก...ให้หม่อมฉันออกจากวังหรือพระเจ้าค่ะ”เค้นเสียงถามอย่างยากลำบาก พยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเครือ

“...ใช่ พี่มีรับสั่งให้เจ้าออกจากวังหลวงวันพรุ่ง”ได้ยินพระสุระเสียงที่ตรัสแล้ว เหมือนหัวใจจักหยุดเต้น น้ำตาใสไหลอาบแก้มนวล ริมฝีปากแดงเม้มแน่นอย่างกลั้นเสียงสะอื้น

“ฮึก....”

“น้อง..”ก้าวพระพระบาทเข้าใกล้ หวังจะคว้าร่างของเมียรักเข้ามากอดปลอบ แต่เจ้าชมนาดกลับถอยหนีจนเจ้าหลวงพระทัยเสีย

“...รับ..อึก..ด้วยเกล้า ฮึก พระเจ้าค่ะ”ฟันขาวขบกัดริมฝีปากตัวเองกลั้นเสียงสะอื้นจนองค์ภุมรินกลัวว่ากลีบปากนุ่มที่โปรดจักช้ำได้เลือด

“ชมนาด...”

“ฮึก...หะ หากไม่มีอันใด...หมะ หม่อมฉันทูลลาพระเจ้าค่ะ..ฝ่าบาท”ร่างเล็กยอบกายลงหมอบกราบพระภัสดา ก่อนจะลุกขึ้นแลออกจากตำหนักหลวง

“ชมนาด”ครางเรียกอย่างเสียพระทัย

“ฮึก”ร่างเล็กซวนเซ จะทรุดลงกับพื้น

“ชมนาด!! น้องเป็นอย่างไร เป็นกระไรไปหนา”พระวรกายใหญ่ถลาเข้าประคองร่างน้อย พระเนตรกวาดทั่วร่างบางหาความผิดปกติ เจ้าชมนาดหอบหายใจ ใบหน้าหวานอาบน้ำตาแลดูมึนงง นัยน์ตากวางพร่ามัว

“...มิได้พระเจ้าค่ะ...อะ อุ่น”ขืนกายออกจากพระกร แลยื่นมือเรียกหาบ่าวคนสนิท

“ชมนาด”มิยอมปล่อยกายบางที่พยายามขืนกายออกจากพระองค์

“อะ อุ่น ฮึก..”ใบหน้างามซีดไร้สีเลือด ความรู้สึกมวนท้องใคร่อาเจียนตีขึ้นจนต้องข่มตาหลับ มือเท้าเล็กเย็นเฉียบ สติดับวูบ ทิ้งกายลงในพระกรพระภัสดา

“ชมนาด!!!...ตามหมอหลวง!!”


.
.
.



“เป็นอย่างไรบ้างหมอหลวง”

“...ทูลฝ่าบาท ชีพจรพระสนมเต้นเร็วนักพะย่ะค่ะ”

“หมายความว่าอย่างไร กล่าวมาให้หมด”

“...พระสนมอาจจะทรงครรภ์พะย่ะค่ะ”

“....ก กระไรนะ”มุมพระโอษฐ์กระตุกราวกับจักยิ้ม แต่ยิ้มมิออก

“พระสนมทรงครรภ์แล้วพะย่ะค่ะ”

“....เจ้าชมนาด”ประคองมือน้อยขึ้นจูบหอม

“ท่านราชเลขา”

“พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

“ประทานรางวัลให้หมอหลวง”

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”หมอหลวงหมอบกราบ

“...ข้าใคร่อยากอยู่กับเจ้าชมนาดตามลำพัง”รับสั่ง

“พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

พระหัตถ์เรียวประคองมือน้อยไว้ไม่ปล่อย พระโอษฐ์มีรอยยิ้มน้อยๆแต่งแต้มตลอดเวลา กดพระนาสิกจรดปรางนวลสูดกลิ่นหอมของเมียรัก

“....เจ้าชมนาดเป็นอย่างไรบ้างน้อง”เงยพระพักตร์ขึ้นก็พบกับสายตาว่างเปล่าของเมียรักที่ทอดมองมา

“.....”

“เป็นอย่างไรบ้างน้อง เจ็บปวดตรงไหนหรือไม่”ตรัสถามพลางประคองร่างน้อยที่พยายามยันกายลุกนั่ง

“อุ่นอยู่ไหนพระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามแต่ไม่ชายตาแลพระพักตร์พระภัสดาเลย

“...อุ่นอยู่ข้างนอก ให้พี่เรียกให้หรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ”

“อุ่น...”

“เพคะฝ่าบาท”

“เจ้าชมนาดใคร่อยากพบเจ้า”

“เพคะ..พระสนมต้องการสิ่งใดเพคะ”

“...ไปเตรียมตัวให้พร้อม วันพรุ่งเราต้องเดินทางออกจากวังหลวง”

“พระสนม..”

“ชมนาด..”

“...อย่าลืมพุดจีบ มันกำลังตั้งท้องดูแลมันให้ข้าด้วย”

“เอ่อ..เพคะพระสนม”

“....เจ้าออกไปก่อนเถิดอุ่น”

“เพคะฝ่าบาท”

“เจ้าชมนาด...”

“หากจักเป็นพระมหากรุณาธิคุณ หม่อมฉันใคร่อยากอยู่คนเดียวพระเจ้าค่ะ”

“...ชมนาด ได้โปรดฟังพี่ก่อนเถิดหนา”ตรัสอ้อนวอน แลเข้าโอบกายบางจากด้านหลัง

“.....”

“...เพื่อความปลอดภัยของเจ้า.....กับลูก”

“.....”นัยน์ตากวางเบิกกว้าง

“ชมนาด..”

“ละ ลูกหรือพระเจ้าค่ะ...หมะ หมายความว่า..”

“...ลูกของเราอยู่ใท้องเจ้าหนา”พระหัตถ์อุ่นทาบลงบนหน้าท้องแบนราบที่กำลังฟูมฟักชีวิตน้อยๆของรัชทายาทในองค์ภุมริน

“ฮึก..ละ ลูก หรือ”มือบางสั่นน้อยๆ ค่อยๆวางลงบนหน้าท้องตัวเอง

“....เมียจ๋า ฟังพี่ก่อนหนา”พระสุระเสียงกล่าวเจือแววออดอ้อน พระหนุวางบนลาดไหล่เล็ก


.
.
.



“...หากเป็นเช่นนั้น หม่อมฉันห่วงเสด็จพี่เหลือเกินพระเจ้าค่ะ”ท่าทีเย็นชาเมื่อครู่หายไป เหลือกเพียงเสียงหวานที่เจือแววห่วงใย

“..สิ่งสำคัญตอนนี้ คือ เจ้าแลลูกหนา”

“ตะ แต่”

“....ลูกสำคัญที่สุดหนา”

“...พระเจ้าค่ะ”นัยน์ตากวางหลุกหลิกด้วยความกังวล ห่วงพระภัสดาเสียจนไม่ใคร่ทิ้งไปไหน แต่ลูกก็สำคัญที่สุดอย่างที่พระองค์ว่า


.
.
.



“มาวิน”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”หากสุธีเปรียบเสมือนเงาในที่สว่างข้างพระวรกายองค์ภุมริน มาวินก็คงเปรียบเสมือนเงาในที่มืดที่คอยอารักขาเจ้าหลวงอย่างที่น้อยคนนักจะรู้จักองครักษ์หลวงผู้นี้

“...เจ้าชมนาดกำลังตั้งครรภ์”

“...กระไรหนาพะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“เจ้าชมนากำลังตั้งครรภ์รัชทายาท ลูกของข้า”

“.....”

“เจ้าคงรู้ว่าจักต้องป้องกันมากกว่าเดิมหลายเท่านัก”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท หม่อมฉันจักอารักขาพระสนมแลรัชทายาทในพระครรภ์ด้วยชีวิตของกระหม่อม”

“...ดี”


.
.
.


บนพระยี่ภู่สีหวานปักลายดอกไม้งาม สองพระวรกายตระกองกอดกันแนบแน่น สายลมบางเบาพัดผ่านพอให้พระวิสูตรลายลูกไม้พลิ้วไหว พระหัตถ์อุ่นลูบแผ่นหลังบางปลอบประโลมเมียรัก แลพระองค์เอง วันพรุ่งเจ้าชมนาดจักต้องออกจากวังหลวงพร้อมรัชทายทาขององค์ภุมรินในครรภ์น้อย แม้จักมีมาวินคอยอารักขาแต่ก็อดกังวลพระทัยมิได้ ยิ่งรักมากก็ยิ่งกังวลพระทัย ใบหน้างามชื้นน้ำตาแนบซบพระอุระอุ่นของพระภัสดา แขนเรียวเสลากอดพระกฤษฎี

“...เสด็จพี่”เสียงหวานแหบเอ่ยเรียกพระภัสดา

“จ๋า...”

“.....”

“...เจ้าชมนาดมิต้องห่วงพี่หนาคนดี”

“หม่อมฉันทำมิได้ดอกพระเจ้าค่ะ”

“...หากเจ้ากังวล เจ้าตัวน้อยในท้องเจ้าก็จักไม่แข็งแรงหนา”

“...ฮึก”

“...ห่วงลูกให้มากหนาน้อง”

“...พระเจ้าค่ะ...หม่อมฉันจักดูแลลูกให้ดีที่สุดจักปกป้องลูกด้วยชีวิต”

“...มินานดอก มินาน....พี่จักทำให้เจ้าแลลูกมีความสุขที่สุดในแผ่นดินนี้”

“เสด็จพี่”เงยใบหน้างามขึ้น ช้อนตามองพระพักตร์พระภัสดาก่อนจะหลับตาลงเมื่อพระโอษฐ์อุ่นแนบลงบนกลีบปากนุ่มแผ่วเบา จูบซับอ้อยอิ่ง


.
.
.



“อุ่น”

“เพคะ ฝ่าบาท”หมอบกราบรับพระราชโองการจากเจ้าหลวงหนุ่ม

“...จงปรนนิบัติ ดูแลเจ้าชมนาดให้ดีที่สุด...เข้าใจหรือไม่”

“เพคะ หม่อมฉันจักดูแล ปรนนิบัติพระสนมให้ดีที่สุด แลจักปกป้องพระสนมด้วยชีวิตของหม่อมฉัน”

“ดี..ดีมาก”

“..ทูลฝ่าบาทพระสนมเสด็จแล้วเพคะ”นางข้าหลวงหน้าพระทวารกราบทูล พร้อมร่างบางที่ก้าวย่างเข้ามาในท้องพระโรงของตำหนักทรงงานโดยมีนางข้าหลวงสาวประคองไม่ห่าง

“เจ้าชมนาด”เสด็จจากแท่นประทับเข้าประคองเมียรักด้วยองค์เอง

“...เสด็จพี่”ส่งยิ้มน้อยๆให้พระภัสดา

“ไหวหรือไม่คนดี”ตรัสถามอย่างนึกห่วง ใบหน้างามซีดเซียว

“ไหวพระเจ้าค่ะ อย่าทรงกังวลนักเลย”มือเล็กยกขึ้นไล้พระปรางค์เกลี้ยงแผ่วเบา

“.....”ถอนพระปัสสาสะ ก่อนจะกดพระนาสิกหอมขมับขาว

“...ทูลฝ่าบาท มาวิน มาแล้วพะย่ะค่ะ”สุธีกราบทูล ทำเอาทั้งสองพระองค์นิ่งค้าง เจ้าชมนาดทำหน้าราวกับจักร่ำไห้ ก่อนจักกลืนก้อนสะอื้นลงคอ เงยหน้ามองพระพักตร์พระภัสดาอย่างอาลัยอาวรณ์ องค์ภุมรินก็มิต่างกันทอดพระเนตรใบหน้างามของเมียรัก พระหัตถ์ประคองปรางค์นวลก่อนจักรั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมพระอุระ

“เสด็จพี่..มิต้องกังวลหนาพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักดูแลลูกให้ดีที่สุด”

“..รอหน่อยหนาเจ้า มินานพี่จักรับเจ้ากลับมาอยู่ด้วยกัน”

“หม่อมฉันกับลูกจักรอพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ”

“....เอาล่ะ ออกเดินทางเถิดประเดี๋ยวจักถึงที่หมายค่ำเอา”ตรัสแลค่อยๆผละออกจากร่างบาง เจ้าชมนาดเม้มปากกลั้นหายใจ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

“...หม่อมฉันไปแล้วหนาพระเจ้าค่ะ”เอ่ยพลางแย้มยิ้มให้พระภัสดา

“...พี่รักเจ้าหนา”

“หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ”

“..เจ้าชมนาด”รั้งร่างบางเข้ามากอดอีกครั้ง กดพระนาสิกกับผมนุ่มสูดกลิ่นหอมก่อนจักต้องตัดใจผละออกจริงๆ เมื่อมาวินเอ่ยเย้าขึ้น

“เลื่อนการเดินทางไปวันพรุ่งดีไหมพะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“..ฮึ...จงอารักขา ปกป้องลูกเมียข้าด้วยชีวิตของเจ้า”

“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”

เจ้าชมนาดออกจากท้องพระโรงตำหนักทรงงานโดยมีอุ่นประคองกายบางไม่ห่าง แต่มิทันจักได้ขึ้นเกี้ยวพระที่นั่ง ขบวนเสด็จของพระสนมเอกในองค์ภุมรินก็ถูกขวางโดยบุตรีเสนาบดีฝ่ายขวาแลบ่าวคนสนิท

“หึหึหึ...น่าขันนักเจ้าว่าหรือไม่นังอ่อน”

“...เจ้าค่ะคุณหนู”

“พระสนมเอกทรงถูกขับไล่ออกจากวังหลวง ช่างน่าขายหน้านัก”

“เจ้าต้องการอันใดแม่ปิ่น”เจ้าชมนาดเอ่ยถามเสียงเรียบ

“หม่อมฉันมาแสดงความเสียพระทัยกับพระองค์เพคะ ช่างน่าสมเพชเวทนานัก”

“ฮึ...”

“หม่อมฉันมาแสดงความเสียพระทัยกับพระองค์แล้ว แลพระสนมจักไม่แสดงความยินดีกับหม่อมฉันหน่อยหรือเพคะที่จักได้สถาปนาขึ้นเป็นพระชายาขององค์ภุมริน”

“...คราแรกนั้น ข้าสงสารเจ้าจับใจ แต่ตอนนี้ข้าชังเจ้านัก รู้ไว้เถิดว่าเจ้าทำตัวเอง หาได้มีใครผิด”

“หึหึหึ แพ้แล้วพาลหรือ เอาล่ะ เพลานี้ข้ามีความสุขเกินกว่าจักเก็บวาจาของผู้แพ้มาใส่ใจ”หากเจ้าใส่ใจสักนิดหนาแม่ปิ่น...

“คุณหนูเจ้าขาบ่าวว่าคุณหนูไปเข้าเฝ้าเจ้าหลวงดีกว่าหนาเจ้าคะ อยู่ตรงนี้ประเดี๋ยว...กลิ่นหมาหัวเน่าจักติดตัวเอา”

“บังอาจ!!!! อีทาสชั้นต่ำ หากวันนี้ดาบของกูมิได้เลือดมึงมาล้างมันคงจักคลั่งเป็นแน่!!”สุธีที่ตามมาส่งขบวนเสด็จพระสนมว่าพลางชักดาบออกมาจ่อที่ปากของบ่าวสาวที่ตอนนี้ตาเหลือก หน้าซีดไร้สีเลือดด้วยความตกใจพอๆกับคนเป็นนาย

“...พอเถิดสุธี ข้ามิถือดอก...จงจำไว้หนาแม่ปิ่น หมาจนตรอกเมื่อมันหมดทางหนีทีไล่ มันจักหันมาแว้งกัดคนที่ล่ามัน...”ว่าทิ้งท้ายก่อนจะเดินผ่านร่างของสองนายบ่าวไปขึ้นเกี้ยว โดยมีอุ่นตามขึ้นไปคอยปรนนิบัตินาย

“หมาจนตรอกรึ..”หญิงสาวเอ่ยพึมพำ แต่ก็มิวายให้บ่าวข้างกายได้ยิน

“..อย่าไปสนใจเลยเจ้าค่ะคุณหนู เข้าเฝ้าเจ้าหลวงเถิด”

“...ไปสิ”ได้ยินบ่างสาวว่าเยี่ยงนั้นจึงเลิกใส่ใจแลเดินทางไปที่ตำหนักทรงงานเพื่อเข้าเฝ้าชายในดวงใจ


.
.
.



“...ทูลฝ่าบาท แม่นางปิ่นขอเข้าเฝ้าเพคะ”

“..เฮ้อ..ให้นางเข้ามา”

“ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท”

“มาเข้าเฝ้าข้ามีกระไรหรือ”

“หม่อมฉันมาเรื่องงานสถาปนาพระชายาเพคะ”

“...หืม”

“หม่อมฉันจักทอผ้าสำหรับตัดฉลองพระองค์ถวายใส่วันงานหนาเพคะ”กราบทูลด้วยความเขินอาย

“..มิต้องเหนื่อยดอก ให้ห้องตัดเย็บทำดีแล้ว เจ้ามิต้องทำอันใดดอก”..เจ้าชมนาดคงไม่โปรดแน่หากข้าจักใส่ฉลองพระองค์ที่ทำจากผ้าที่นางทอ

“..พระองค์กลัวหม่อมฉันเหนื่อยหรือเพคะ”เอ่ยถามด้วยหัวใจพองโต จนลืมสังเกตไปว่า บ่าวสาวคนสนิทของตนกำลังชม้ายตามองชายสูงศักดิ์อย่างให้ท่า ใครบ้างจักไม่ปรารถนาชายสูงศักดิ์เยี่ยงเจ้าหลวง

“....หากไม่มีเรื่องใดแล้วข้าคงต้องขอตัวก่อน ประเดี๋ยวงานราชกิจจักเสร็จไม่ทันงานสถาปนาพระชายา.”พระองค์ไม่ตอบแลเลี่ยงไปเรื่องอื่น

“..ยะ เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”

“.....”


.
.
.


ภายในเกี้ยวเสด็จของพระสนมเอกในองค์ภุมริน เจ้าชมนาดประทับโดยมีอุ่นนั่งปรนนิบัติรับใช้อยู่แทบเท้าบาง บ่าวสาวบีบนวดปลีน่องเล็กให้คนเป็นนาย

“อุ่น”

“เพคะพระสนม”

“...ข้าจักอาเจียน”ใบหน้างามผะอืดผะอมจนบ่าวสาวกุลีกุจร คว้ากระโถนมารองที่ใต้คางแหลม



อะ อ้วกกก โอกก



เจ้าชมนาดอาเจียนจนหน้ามืด ใต้จมูกเล็กมียาหอมจ่ออยู่

“เป็นอย่างไรเพคะพระสนม”

“...อย่าเกเรหนาลูก”ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเอ่ยเบาๆกับคนที่อาศัยอยู่ในท้องตน

“ทรงซนน่าดูหนาเพคะ ขนาดยังอยู่ในครรภ์องค์รัชทายาทยังออกฤทธิ์ออกเดชให้พระสนมลมแทบจับ”อุ่นเอ่ยเย้าจนเจ้าชมนาดยิ้ม

“นั่นสิ..เจ้าตัวน้อยร้ายน่าดู”มือบางลูบท้องตนเบาๆอย่างเอ็นดู

“ทูลพระสนม ทรงเป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ”องครักษ์มาวินทูลถามจากนอกเกี้ยว

“..ข้ามิเป็นไรดอกท่านองครักษ์มาวิน องค์รัชทายทาเกเรเล็กน้อยเท่านั้น อย่ากังวลเลย”

“มิได้พะย่ะค่ะ องค์ภุมรินคงจักกุดหัวหม่อมฉันเป็นแน่หากพระสนมประชวร แม้เพียงปลายพระเกศา”เอ่ยเย้าให้พระพักตร์งามขึ้นสี

“.....”

“ทูลพระสนมหม่อมฉันมีกระไรมาถวายพะย่ะค่ะ”มาวินกล่าว

“กระไรหรือ”

“..ผลอัมพวาพะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงรับสั่งให้ห้องเครื่องจัดเตรียมเพื่อพระสนมด้วยเกรงว่าจักแพ้ท้องระหว่างทาง...แลก็จริงเยี่ยงตาเห็นหนาพะย่ะค่ะ”

“.....”เจ้าชมนาดไม่ตอบ กลีบปากสวยคลี่ยิ้มจนอุ่นยิ้มตาม มือบางประคองหน้าท้องตนอย่างรักใคร่

“เสวยหน่อยหนาเพคะจักได้รู้สึกดีขึ้น”อุ่นนำผลอัมพวาถวายให้คนเป็นนาย มือเล็กหยิบผลอัมพวาที่ฝานเป็นแว่นเข้าปาก รสเปรี้ยวทำให้ความวิงเวียนทุเลาหายไปเป็นปลิดทิ้ง ไม่นานผลอัมพวาก็หมด

“...ทรงเหนื่อยหรือไม่เพคะ”

“อืม..”

“เยี่ยงนั้น ทรงบรรทมก่อนดีหรือไม่เพคะ ประเดี๋ยวถึงแล้วหม่อมฉันจักปลุก”

“...ก็ดีหนา ฝากด้วยหนาอุ่น”

“เพคะ”








****************************************************************



หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 15-04-2017 16:04:27
เอ๊ะ...! ??? อะไรงะ ตกลงองค์ภุมรินได้กับนางปิ่นรึยัง? งงเด้ งงเด้!! เฮ้ออออ เลาเกลียดพล็อตโดนยาปลุกจริงจัง (ถ้ามีอะไรกับคนอื่นก่อนมารักกันนี่รับได้แต่มีหลังจากรักกันนี่ไม่ไหว 555 ถึงจะรู้ว่านิยายแนวพระเอกเป็นพวกเจ้าชาย พระราชาจะหลีกเลี่ยงเรื่องนั้นยากก็เถอะ -*- )T___T แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 15-04-2017 20:30:49
ยังไง อะไร งงอะ  :serius2:
รอเรื่องคลี่คลายน้อ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-04-2017 20:59:38
หืมมม
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 15-04-2017 21:35:31
กรี๊ดด ชอบเรื่องแนวนี้55555 ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 15-04-2017 22:54:28
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-04-2017 23:44:18
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 16-04-2017 00:40:00
มาต่อไวๆหนอพระเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 16-04-2017 02:59:19
ชอบนายเอกแบบนี้ ดูแกร่ง สู้คนในเรืีองที่ควรสู้
ส่วนเรื่องนางปิ่นคิดว่าคืนนั้นคงมีอะไรกับคนอื่นแน่ๆ แต่เจ้าหลวงรอดมาได้ยังไงล่ะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 16-04-2017 11:03:33
องค์ภุมรินปกปิดเรื่องอันใดไวแน่ๆ ไม่งันเจ้าชมนาคหรือจะยอมจากไป
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๐๙ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-04-2017 16:32:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๑๙.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 19-04-2017 20:21:22


ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑๐


“...ทูลฝ่าบาท มาวินส่งพิราบสื่อสารมาว่าพระสนมถึงที่ประทับแล้วพะย่ะค่ะ ทรงปลอดภัย”สุธีกราบทูลเมื่อได้รับสารจากสหาย

“ดี...แลเรื่องเสนาฝ่ายขวาที่ข้าให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไร”

“ทูลฝ่าบาทเรื่องที่พระองค์สงสัย...เป็นความจริงพะย่ะค่ะ ท่านเสนาบดีฝ่ายขวาแลขุนนางฝ่ายขวาได้ซ่องสุมกำลังเพื่อทำการ...กบฏต่อองค์ภุมรินพะย่ะค่ะ”

“ฮึ...ข้านึกแล้ว”

“...แต่อย่าได้กังวลไปเลยพะย่ะค่ะฝ่าบาท พระองค์ทรงเป็นพระราชาที่มีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งกว่าแคว้นใด หม่อมฉันแลกองกำลังทหารของพระองค์จักปกป้องพระองค์ แลเชื้อพระวงศ์มิให้ได้รับอันตรายพะย่ะค่ะ”

“.....เยี่ยงนั้นเตรียมกำลังทหารให้พร้อม วันสถาปนาพระชายาที่จักถึง ข้าจักล้างบางกบฏชั่วพวกนั้นให้ราบเป็นหน้ากลอง”

“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”


.
.
.



อุ๊บ อะ อ้วกกกกก


เจ้าชมนาดโก่งคออาเจียนอยู่ที่ชานระเบียงโดยมีอุ่นแลนางข้าหลวงคนสนิทในตำหนักหลวงที่ตามเสด็จคอยลูบแผ่นหลังบาง แลรวบผมยาวไว้ให้

“เป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะพระสนม”มาวินที่คอยเฝ้าอยู่ห่างๆร้องถาม

“ขะ ข้า..อ้วกกก”ชมนาดอาเจียนจนน้ำหูน้ำตาไหล กายบางคงทรุดไปแล้วหากไม่มีอุ่นแลนางข้าหลวงคอยพยุง

“ท่านองครักษ์หลวง ขอแรงท่านช่วยไปเก็บผลมะดันสด ต้นที่อยู่ใกล้ลำธารมาถวายพระสนมหน่อยเถิด”อุ่นว่าก่อนจะพยุงร่างคนเป็นนายมานั่งที่ตั่งตัวใหญ่  คนตัวเล็กพิงพระเขนยสามเหลี่ยมก่อนจะหลับตาสูดยาหอมที่ข้าหลวงสาวนำมาจ่อที่ใต้จมูก อุ่นแสดงสีหน้าห่วงใยคนเป็นนายพลางใช้ผ้าซับพระพักตร์ผืนสะอาดซับเหงื่อไคลบนใบหน้าหวานให้อย่างอ่อนโยน

“ได้สิแม่ รอประเดี๋ยวหนาข้าจักไปเก็บมาถวาย”ว่าก่อนจะลงจากเรือนไป

“เป็นอย่างไรบ้างเพคะพระสนม”บีบนวดปลีน่องเล็กแล้วไถ่ถามอย่างห่วงใย

“ข้าเวียนหัวเหลือเกินอุ่น..อึก”

“โถ ทูนหัวของอุ่น”


เมี๊ยววว เมี๊ยววว


“พุดจีบ ท้องโย้เชียวลูก”เจ้าชมนาดว่าแล้วเอื้อมมือไปลูบหัววิฬารหน้าดำตัวขาว ข้าหลวงสาวจึงอุ้มวิฬารท้องโย้ขึ้นถวาย เจ้าชมนาดรับพุดจีบขึ้นกอดแนบอก

“อีกไม่นานมันคงจักคลอดเพคะ”

“อีกหน่อยข้าคงเป็นเช่นมัน ท้องโย้ อุ้ยอ้ายนัก คิกๆๆ”ตรัสแล้วใช้พระดัชนีเกาเบาๆที่คางพุดจีบ

“คิกๆๆ”อุ่นแลนางข้าหลวงสาวหัวเราะตาม

“จนบัดนี้ข้ายังมิรู้เลยหนาว่าพ่อของลูกพุดจีบเป็นแมวผู้ใด”

“คงจักเป็นแมวในวังนั่นแลเพคะ”

“หึหึหึ คลอดออกมาเหมือนตัวใดก็คงลูกตัวนั้นแล”

“มิวายจักเป็นแมวของท่านสุธีหนาเพคะ”

“หืม...ท่านสุธีเลี้ยงแมวด้วยหรือ”

“เพคะ แมวขาวเพศผู้ ปราดเปรียวนัก วิ่งอยู่ในวังนั่นแลเพคะ”

“.....”

“เฮ้อ...ข้าคิดถึงฝ่าบาท”

“รอไม่นานหนาเจ้าคะ ประเดี๋ยวก็จักได้กลับไปเข้าเฝ้าแล้ว”

“เหตุการณ์ภายในวังหลวงไม่น่าวางใจนัก ข้าเป็นห่วงพระภัสดาเหลือเกิน”

“องค์ภุมรินเป็นราชาที่ได้ชื่อว่ามีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งกว่าแคว้นใด พระสนมมิต้องห่วงไปดอกเพคะ”ข้าหลวงสาวกราบทูล

“นั่นสิเพคะ อย่าทรงคิดมากไปเลย ประเดี๋ยวองค์รัชทายาทในพระครรภ์จักทรงไม่สบายพระวรกายหนาเพคะ”

“...ลูกข้ายังไม่ถึงสองเดือนดีด้วยซ้ำ ยังมิรู้เรื่องดอก”

“มิได้เพคะพระสนม มารดาของหม่อมฉันเล่าให้ฟังว่าแม่รู้สึกอย่างไรลูกก็จักรู้สึกเช่นนั้นเพคะ หากพระองค์ทรงกังวล รัชทายาทในพระครรภ์ก็จักทรงกังวลไปด้วยหนาเพคะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ”

“เพคะ เพราะฉะนั้นทรงทำพระทัยให้สบายๆไว้หนาเพคะ เพื่อพระวรกายขององค์รัชทายาทในพระครรภ์”

“...ก็ได้ ข้าจักไม่คิดมากเพื่อลูก”

“ทูลพระสนมได้มะดันสดมาแล้วพะย่ะค่ะ”องครักษ์มาวินกลับมาพร้อมตะกร้าสานใบย่อมที่มีลูกมะดันสีเขียวอยู่เต็ม

“หม่อมฉันจักนำไปล้างถวายหนาเพคะ”อุ่นว่า

“ข้าขอเกลือด้วยหนาอุ่น”

“เพคะ”

ลูกมะดันสดสีเขียว ยั่วน้ำลายเจ้าชมนาดนัก แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าเปรี้ยวเสียจนเข็ดฟัน มือเล็กหยิบมะดันจิ้มเกลือเข้าปากเคี้ยวกรวมๆอย่างเอร็ดอร่อย ทำเอาอีกสามคนที่เหลือทำหน้าปั้นยาก

“อืม...พวกเจ้าเอาไหม มะดันต้นนี้อร่อยนัก”

“มิได้เพคะ พระสนมเสวยเถิดเพคะ”

“อืม..”ปากเคี้ยวมือก็คอยลูบหน้าท้องตัว

“ทรงเสวยพระสุธารสมะนาวหน่อยหนาเพคะ หม่อมฉันเติมน้ำผึ้งลงไปด้วยกลมกล่อมนักเพคะ”

“อื้ม..หอมน้ำผึ้งมากเลยอุ่น”ยกแก้วขึ้นจิบแลยกยิ้มอย่างพอใจรสชาติเปรี้ยวอมหวานกลมกล่อม



.
.
.



“อีอ่อน ผ้าผืนนี้งามหรือไม่”

“งามมากเจ้าค่ะคุณหนู”

“...แต่ข้าว่ามันยังงามไม่พอ ผ้าที่จักนำมาตัดชุดของข้าในงานสถาปนาพระชายาจักต้องงามกว่านี้!!”บุตรีเสนาบดีฝ่ายขวาว่าแลเหยียดยิ้ม หวนนึกถึงผ้ายกดิ้นทองของพระพันปีหลวงที่ทรงประทานให้เจ้าชมนาดแล้วแค้นนัก ชุดอภิเษกสมรสของนางจักต้องงามกว่าร้อยเท่าพันเท่า

“เจ้าค่ะ”

“...สั่งบ่าวไพร่ที่มีหน้าที่ตัดเย็บไปทอผ้ามาใหม่ ข้าต้องการผ้าที่งามกว่านี้!!!”

“เจ้าค่ะ”


.
.
.


ราตรีนี้เมื่อไร้ร่างเจ้าชมนาดเมียรักเคียงหมอน องค์ภุมรินก็เกิดอาการบรรทมมิหลับจนต้องเสด็จออกรับลมยามค่ำคืนที่สวนพฤกษา พระวรกายสูงกำยำเสด็จก้าวไปตามทางเดิน มีองครักษ์หลวงสุธีแลข้าหลวงตามถวายการรับใช้ ต้นชมนาดออกดอกส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณยิ่งทำให้องค์ภุมรินคิดถึงเจ้าชมนาด ป่านนี้จักเป็นเยี่ยงไรหนอน้อง จักแพ้ท้องหรือไม่ จักนอนสบายไหมหนา แลกำลังท้องกำลังไส้จักกินกระไรได้ไหม ลูกจักเกเรไหมหนอห่วงนัก

“เฮ้อ”ระบายพระปัสสาสะเสียงดังจนข้าหลวงที่ตายเสด็จลอบมองหน้ากัน

“เป็นกระไรไปหรือพะย่ะค่ะฝ่าบาท”สุธีทูลถามองค์เหนือหัว

“...ข้า...”

“.....”

“ข้าคิดถึงเจ้าชมนาดเหลือเกินสุธี”

“...มินานดอกพะย่ะค่ะ หากจัดการเรื่องกบฏเรียบร้อย ก็ทรงไปรับพระสนมกลับมาได้แล้ว”

“ป่านนี้ลูกเมียข้าจักเป็นเช่นไรหนา จักกินอิ่มนอนหลับหรือไม่ จักแพ้ท้องมากไหม”

“อย่าทรงกังวลไปเลยพะย่ะค่ะ หม่อมฉันเชื่อว่าอุ่นแลมาวินจักถวายการรับใช้อารักขาพระสนมแลองค์รัชทายาทเป็นอย่างดีพะย่ะค่ะ”

“.....”


.
.
.


   แลราตรีนี้ที่เรือนท่านเสนาบดีฝ่ายขวา ขณะที่คนเป็นลูกกำลังง่วนอยู่กับการขัดสีฉวีวันเพื่อชายอันเป็นที่รัก คนเป็นพ่อแลขุนนางฝ่ายขวาก็กำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียด

“หากคุณหนูปิ่นได้สถาปนาเป็นพระชายา แลแผนโค่นบัลลังก์องค์ภุมรินของพวกเราเล่าขอรับท่านเสนา”

“.....นั่นสิขอรับ”

“...ข้าจักไม่มีวันล้มเลิกแผนกบฏเป็นแน่ ส่วนแม่ปิ่น...มิต้องสนใจนาง”

“.....”เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันกับคำสั่งของหัวหน้ากบฏ

“ใคร่คิดจักเป็นใหญ่ หากจำเป็นต้องตัดแขนขาตัวเองก็ต้องทำ”หากเจ้าเห็นชายอื่นดีกว่าพ่อตัว ข้าก็จำต้องตัดเจ้าทิ้งเสียแม่ปิ่น ความรักโง่งมของเจ้านั่นแลที่ฆ่าเจ้า!!


.
.
.


“เฮ้อ.....เฮ้อออ”

“เป็นกระไรไปหรือเพคะพระสนม”อุ่นที่ถวายการรับใช้อยู่ข้างพระแท่นบรรทมเอ่ยถาม เมื่อเจ้าชมนาดนอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา แลถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่

“อุ่น...ข้า”

“เพคะ?”

“...ข้า....ข้าหิว”

“หา...หิวหรือเพคะ”

“อืม...ข้าหิวแลลูกข้าก็หิว”

“..เอ่อ..องค์รัชทายาทก็หิวหรือเพคะ”

“ใช่”

“อ่า...ตอนนี้ก็ยามสองแล้ว”

“ฮึก...ขะ ข้าหิว..ฮือ”

“หา..พระสนมทรงกรรแสงหรือเพคะ”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“เกิดกระไรขึ้นแม่อุ่น นั่นพระสนมกรรแสงหรือ มีเหตุอันใดเกิดขึ้น”องครักษ์หลวงมาวินที่ได้ยินเสียงไห้ของเจ้าชมนาดก็เร่งมาเคาะประตูไถ่ถามร้อนรน

“...ฮือออออ ข้าหิว!!!”

“หะ หา...พระสนมหิวหรือพะย่ะค่ะ”

“อ่า...เพคะๆ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักตั้งสำรับเสวยถวายหนาเพคะ ทรงหยุดกรรแสงก่อนเถิด ประเดี๋ยวจักประชวรหนาเพคะ”

“ฮึก...”
   

   เวลายามสองศศิธรขึ้นกลางนภา เจ้าชมนาดนั่งพับเพียบอยู่บนตั่งไม้สักขนาดใหญ่ ที่ไหล่เล็กมีผ้าคลุมไหล่ปกป้องกายบางจากน้ำค้างยามราตรี มือเล็กหยิบเครื่องเสวยเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ในขณะที่แพขนตาหนายังมีหยาดน้ำตาเกาะอยู่ จมูกโด่งรั้นแดงระเรื่อน่าเอ็นดู ดวงตาช้ำช้อนมองเหล่าข้าหลวง พี่เลี้ยงคนสนิท แลองครักษ์หลวงมาวินที่จ้องมองที่ตนไม่วางตาก่อนเสียงหวานจะเอื้อนเอ่ยถาม

“...พวกเจ้าหิวหรือ กินไหม”เอ่ยชวนพลางหยิบผักเข้าปากไปด้วย

“มิได้เพคะ พระสนมเสวยเถิดเพคะ”

“ทรงใคร่เสวยกระไรอีกหรือไม่พะย่ะค่ะ”

“...ไม่แล้ว”

“พะย่ะค่ะ”

“อุ่น...”

“เพคะ”

“ข้าอิ่มแล้ว”

“เยี่ยงนั้น ทรงเสวยนมโคหน่อยหนาเพคะ จักได้บำรุงองค์รัชทายาท”

“อื้ม...”รับแก้วนมจากพี่เลี้ยงคนสนิท ดื่มจนหมด

“เก่งมากเพคะ...ประเดี๋ยวทรงประทับให้พระกายาหารย่อยก่อนหนาเพคะ ค่อยขึ้นบรรทม”

“จ้ะ..”

“...”

“อุ่น...”

“...เพคะ”

“เจ้าว่าข้า...งี่เง่าหรือไม่”

“ว่ากระไรเยี่ยงนั้นเพคะ”

“ก็..ข้า ตั้งแต่ตั้งครรภ์ ข้าก็รู้สึกว่า...ข้าไม่รู้สิอุ่น..นี่ข้าเป็นกระไรไปหนา”

“...โถ่ พระสนมเพคะ นั่นคืออาการของคนตั้งครรภ์เพคะมิมีกระไรผิดแปลกดอก”

“หรือจ๊ะ..ข้ากินไม่เป็นเวลา หากมีกระไรขัดใจเพียงน้อยนิด น้ำตาข้ามันก็ไหลออกมา ทั้งๆที่ข้ามิใคร่อยากจะร่ำไห้”

“อย่าทรงกังวลไปเลยเพคะ”

“...หากข้าเป็นเช่นนี้ กว่าจักให้ประสูติองค์รัชทายาท ฝ่าบาทจักบื่อหน่ายข้าหรือไม่หนา”คิดแล้วขอบตาก็ร้อนผ่าว แสบจมูกยิบๆ มินานน้ำตาใสก็ไหลอาบปรางค์นวล

“...พระสนม ฝ่าบาททรงรัก ทรงหลงพระสนมยิ่งกว่ากระไร มิทรงเบื่อหน่ายพระองค์ดอกเพคะ”

“ขะ ข้า..”

“อย่าเป็นกังวลไปเลยเพคะ”

“ขะ ข้า..ข้าคิดถึงฝ่าบาทเหลือเกินอุ่น ฮึก ฮือออ”

“โถ ทูนหัวของบ่าว มิเอาหนาเพคะ มิร้อง ประเดี๋ยวจักปวดพระเศียร จักประชวรเอาได้หนาเพคะ”

“ฮึก..อึก”

“ไปเพคะ อุ่นพาขึ้นบรรทมเพคะ”ตรงเข้าไปประคองกายบอบบาง พลางกระชับผ้าคลุมไหล่ให้ ทูนหัวของบ่าวยังเด็กนัก เพิ่งจักสิบห้าได้มินาน ต้องมาท้องไส้คงจักวางตัวมิถูก

“ฮึก...”

“บรรทมหนาเพคะ อุ่นจักเฝ้าอยู่ข้างๆมิไปไหนดอก”ห่มผ้าให้จนถึงอกบาง

“อึก...อยู่ข้างๆข้าหนา”

“เพคะ...”



   เปลือกตาสีมุกค่อยๆปรือปิดลง มินานลมหายใจก็เข้าออกสม่ำเสมอ เจ้าชมนาดเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วโดยมีพี่เลี้ยงคนสนิทค่อยเฝ้าอยู่มิห่าง









*********************************************************************




หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 19-04-2017 20:55:25
รีบๆปราบกบฏเร็วๆหนาเจ้าหลวง   :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๐ ๑๕.๐๔.๖๐ หน้า ๐๓
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 19-04-2017 23:41:06
โถ่ น่าสงสารเจ้าชมนาดแท้ๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๑.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 21-04-2017 21:02:36



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑๑


   สิบกว่าวันเข้าให้แล้วที่เจ้าชมนาดออกจากจากวังหลวง แลอีกห้าวันจักมีพิธีสถาปนาพระชายาในองค์ภุมริน เจ้าหลวงแห่งแคว้นภุมริกา ในวังหลวงคงจักยุ่งกับการเตรียมพิธีการ แลองค์ภุมรินก็คงจักยุ่งกับราชกิจมากมาย พระองค์จักคิดถึงหม่อมฉันบ้างไหมหนอ คิดแล้วเจ้าชมนาดก็ยกซับพระพักตร์กดที่หัวตา ให้เนื้อผ้านุ่มนิ่มดูดซับน้ำตาของความคิดถึง ห่วงหาอาทรให้หายไป

“พระสนมเพคะ เย็นแล้วสรงน้ำเถิดเพคะ ประเดี๋ยวอากาศจักหนาว”

“จ้ะ”ลุกขึ้นเสด็จไปที่ท่าน้ำโดยมีอุ่นแลข้าหลวงคนสนิทประคองไม่ห่าง


   เจ้าชมนาดนุ่งเพียงผ้าแถบคาดอกผืนบางสีขาวแลโจงกระเบนสีเดียวกันประทับนั่งลงที่ท่าน้ำ อุ่นแลนางข้าหลวงคนสนิทคุกเข้าประกบข้าง ใช้ขันเงินแท้ตักน้ำในคลองขึ้นรดพระวรกายบอบบาง เจ้าชมนาดห่อไหล่ด้วยความหนาว

“เร่งมือเข้า ประเดี๋ยวพระสนมจักประชวร”อุ่นว่า

“เจ้าค่ะ”ข้าหลวงสาวพยักหน้ารับก่อนจะลูบไล้ผิวกายของเจ้าชมนาดด้วยมะขามเปียกแลเกลือเนื้อละเอียด

“ข้าได้กลิ่นมะขามนี่แลใคร่อาเจียนนัก”ว่าด้วยสีหน้าผะอืดผะอม

“เยี่ยงนั้นเปลี่ยนเป็นขมิ้น ดินสอพองไหมเพคะ”ว่าแล้วก็ตักน้ำล้างคราบมะขามที่ติดผิวนุ่มออก

“อืม”

“เป็นเยี่ยงไรเพคะ ใคร่อาเจียนอยู่หรือไม่”

“...มิได้ดีขึ้นสักเท่าใด...มิเป็นไร พวกเจ้าช่วยเร่งมือหน่อยก็แล้วกันหนา”

“เพคะ”รับคำสั่งแล้วไล้ขมิ้นดินสอพองตามเรียวแขนเล็กเสลา


ซ่า ซ่า ซ่า


สายน้ำช่วยชำระคราบขมิ้นดินสอพองออกจากผิวขาวจนหมดจด ประคองกายเล็กขึ้นยืนก่อนจักใช้ผ้าซับพระองค์ซับหยดน้ำบนฉวีขาวผ่อง คลุมไหล่เล็กด้วยซับพระองค์แลเสด็จขึ้นเรือน อุ่นแลนางข้าหลวงคนสนิทแต่งองค์ให้พระสนมที่ตอนนี้หน้าซีดหน้าเซียว มือเล็กยกยาหอมขึ้นจรดจมูกตัวเองสูดดมเฮือกใหญ่


กุบกับ กุบกับ


เสียงม้าดังราวกับมีผู้มาเยือน อุ่นแต้มน้ำปรุงที่แอ่งชีพจรให้แล้วจึงถอยออกมานั่งพับเพียบที่พื้น เจ้าชมนาดผินหน้าไปทางบานหน้าต่าง แต่พระวิสูตรที่ปิดอยู่ ทำให้มิอาจมองเห็นภายนอกได้

“มีใครมาหรืออุ่น”

“มิทราบเพคะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักไปดูให้หนาเพคะ”

“อืม”พยักหน้าก่อนจะย่างก้าวไปที่บานหน้าต่าง มือเล็กเลื่อนพระวิสูตรออก มองไปด้านนอก เห็นเพียงกลุ่มควันสีขาวจากคบเพลิงที่จุดอยู่ ทหารยามตามปกติเท่านั้น


แอ๊ด


เสียงเปิดพระทวารดังขึ้นเรียกให้เจ้าชมนาดผินกายกลับไปมอง

“อุ่น..ใครมาหรื.....”นัยน์ตากวางเบิกกว้าง มือเล็กปล่อยยาหอมลงพื้นจนกลิ้งไปหยุดอยู่ที่พระบาท

“ชมนาด”พระสุระเสียงทุ้มต่ำตรัสเรียกเมียรักด้วยความโหยหา

“สะ เสด็จพี่”ฝันหรือเหตุใดองค์ภุมรินจึงมาประทับอยู่ตรงหน้าที่นี่

“อะ...เจ้าชมนาดวิ่งทำไม ท้องอยู่หนา”พระกรโอบกอดร่างแน่งน้อยที่วิ่งเข้ามาสวมกอดพระวรกายกำยำ ใบหน้างามซบลงบนพระอุระ แขนเรียวเสลากอดพระกฤษฎีเสียจนแน่น

“ฮึก..เสด็จพี่ เสด็จพี่”เสียงหวานเจือสะอื้นพร่ำเรียกหาแต่พระภัสดา

“...พี่มารับเจ้าแล้วหนาคนดี”ตรัสที่ข้างใบหูเล็ก กดพระโอษฐ์จูบปรางค์ขาวซ้ำๆ

“ฮึก เสด็จพี่ ฮือ”กอดพระวรกายของพระภัสดาแน่นราวกับกลัวว่าจะเป็นเพียงแค่ความฝัน หากคลายมือจักหายไป

“ไม่ร้องหนาเจ้า พี่มาแล้ว”

“อึก...หม่อมฉันคิดถึง ฮึก เสด็จพี่เหลือเกินพระเจ้าค่ะ”

“พี่ก็คิดถึงเจ้าแทบขาดใจแล้ว”

“ฮือออ”

“หยุดไห้ก่อนหนา ประเดี๋ยวลูกจักงอแง”พระดรรชนีปาดน้ำตาให้อย่างเอ็นดู

“ฮึก...พระเจ้า...ฮึก..ค่ะ”กลั้นสะอื้นพลางเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์งามของพระภัสดา

“ชมนาด”กดพระนาสิกที่หน้าผากเนียน พระโอษฐ์กดจูบที่กลีบปากนุ่มที่เผยอรอ ป้อนจูบหวานให้อย่างอ่อนโยน พระหัตถ์อุ่นข้างหนึ่งประคองใบหน้าหวานของสนมเอกไว้ แลอีกข้างเกาะเกี่ยวเอวบางให้แนบชิดพระวรกาย


...
..
.


“เสด็จพี่เดินทางเหนื่อยหรือไม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดเอ่ยถามขณะที่นอนซบพระอุระกว้างบนพระแท่นบรรทม

“แค่เห็นหน้าเจ้าพี่ก็หายเหนื่อยแล้วเจ้า”กระชับพระกรโอบร่างเล็กให้แนบพระวรกายมากยิ่งขึ้น เบี่ยงพระพักตร์ไปหาเจ้าชมนาด กดจูบที่กลุ่มผมนุ่ม

“พระโอษฐ์หวานนัก..หม่อมฉันคิดถึงที่สุดพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...ปากเจ้าหรือก็หวานไม่แพ้พี่ดอก”

“...แลที่วังหลวงเป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“ที่วังหลวงวุ่นวายนัก เตรียมพิธีการกันเสียทั้งวัง”

“แลคุณท้าวเล่าพระเจ้าค่ะ สบายดีหรือไม่”

“...คุณท้าวสบายดี แต่บ่นกับข้าแทบทุกวันว่าคิดถึงน้อง”

“หม่อมฉันก็คิดถึงคุณท้าวพระเจ้าค่ะ”

“ลูกเป็นอย่างไรบ้างน้อง...เกเรหรือไม่”

“ยังอยู่ในครรภ์อายุหรือก็แค่สองเดือน จักเกเรได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ”

“เห็นอุ่นรายงานว่า เจ้าแพ้ท้องนัก...เยี่ยงนั้นไม่ว่าลูกเกเรได้อย่างไร หืม”

“คิกๆๆ...พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันแพ้ท้องหนักนัก ได้กลิ่นกระไรก็จักอาเจียนไปเสียหมด”

“อย่าเกเรนักเลยลูก ประเดี๋ยวแม่เจ้าจักแย่เอาหนา”ทรงตรัสแลลูบเบาๆที่หน้าท้องแบนราบของเจ้าชมนาด เจ้าชมนาดวางมือทับพระหัตถ์อุ่นที่ลูบหน้าท้องตนอยู่ ช้อนตามองพระเนตรหวาน ก่อนจะแย้มยิ้มให้พระภัสดา

“...ลูกจักเป็นเด็กดีพระเจ้าค่ะเสด็จพี่”

“หึหึหึ”ขยับพระวรกายรั้งเจ้าชมนาดเข้ามากอดเสียแน่น พระพักตร์ซุกซอกคอขาวสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ติดผิวนวล เจ้าชมนาดเองก็กอดรักพระวรกายใหญ่แน่นเช่นเดียวกัน ใบหน้างามซบที่พระอังสะ ก่อนจะหลับตาพริ้ม ราตรีนี้คงจักหลับฝันดีเป็นแน่ พระภัสดามาแล้ว มาช่วยปัดเป่าฝันร้ายของข้าให้หายไป


...
..
.


รุ่งเช้าข้าหลวงต่างก็เตรียมขบวนเสด็จกลับวังหลวงกันวุ่นวายเสียจนเจ้าชมนาดเวียนเศียร ใบหน้างามผะอืดผะอม ตั้งแต่พระภัสดามาเจ้าชมนาดยังมิมีอาการแพ้ท้องเลยสักครา เห็นทีจักแพ้ก็ตอนนี้แล


อุก อ้วก


มือเล็กคว้าบ้วนพระโอษฐ์มารองใต้คางก่อนจักอาเจียนออกมาเสียจนน้ำตาไหล ปรางค์นวลซีดเซียว พระภัสดาคอยลูบหลังให้ พระขนงองค์ภุมรินขมวดมุ่นด้วยเป็นห่วงเมียแลลูก

“ไหนว่าเป็นเด็กดีไงเจ้า ไหนเลยจึงเกเรเยี่ยงนี้ แม่เจ้าจักแย่เอาหนา”ตรัสกับรัชทายาทในครรภ์

“อย่าดุลูกเลยหนาพระเจ้าค่ะ...หม่อมฉันมิเป็นไรดอก”เจ้าชมนากว่าขณะหอบหายใจ องค์ภุมรินใช้ซับพระพักตร์ซับที่มุมปากให้ หน้าที่อุ่นแลนางข้าหลวงตนสนิท กลายเป็นองค์ภุมรินที่ทำให้เจ้าชมนาดเสียหมด


เมี๊ยว เมี๊ยว


พุดจีบที่นอนอยู่ในตะกร้าหวายรองด้วยผ้าหนานุ่มพร้อมลูกๆอีกสี่ตัวส่งเสียงร้องขึ้น ตั้งแต่เจ้าหลวงเสด็จยังมิได้ทักทายมันเลย

“หืม...ว่าอย่างไรพุดจีบ”ทรงตรัสถามพร้อมแย้มพระโอษฐ์ ทอดพระเนตรเจ้าวิฬารน้อยที่แย่งเต้านมแม่กันอย่างมิมีใครยอมใคร

“หม่อมฉันคิดว่าพุดจีบคงจักได้กลับไปคลอดที่วังเสียอีกพระเจ้าค่ะ ที่ไหนเลยคลอดเมื่อสามก่อนนี่เองพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดทูลก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัววิฬารน้อยทั้งสี่อย่างเอ็นดู

“ดูจากสีเจ้าตัวน้อย พ่อมันคงมิแคล้ววิฬารของสุธีเป็นแน่”วิฬารน้อยสีขาวปลอด มือ เท้า แลจมูกก็เป็นสีชมพูน่ารัก น่าชังนัก

“หรือพระเจ้าค่ะ...หม่อมฉันยังมิเคยเห็นวิฬารของท่านสุธีเลยพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...สุธี”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“เจ้าวิหกลูกชายเจ้า ทำพุดจีบลูกสาวข้าท้องจนมีพยานรักมาถึงสี่ตัว เจ้าจักรับผิดชอบเยี่ยงไรดี...หืม”ตรัสเย้า

“หามิได้พะย่ะค่ะ....เจ้าวิหกสมควรตายนัก”

“กระหม่อมคิดว่าจับกุดหัวเสียทั้งพ่อแลลูกน่าจะดีหนาพะย่ะค่ะ”เป็นมาวินที่เย้าแหย่เพื่อนตน

“คิกๆๆ หากประหารวิหก พุดจีบลูกข้าก็เป็นหม้ายน่ะซี”เจ้าชมนาดว่าอย่างขบขัน

“สงสารวิฬารน้องทั้งสี่นักหากต้องกำพร้าพ่อ หึหึหึ”ตรัสพลางพระสรวล

“ทูลพระสนม หม่อมฉันนำมะดันสดมาถวายเพคะ”อุ่นหมอบคลานเข้ามาพร้อมข้าหลวงห้องเครื่องอีกนาง ก่อนจะถวายผลมะดันที่อยู่ในพานทองให้

“ขอบใจหนาอุ่น ข้ากำลังเวียนเศียรอยู่เชียว”เจ้าชมนาดกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“กระหม่อมได้เก็บมะดันสดกลับวังให้พระสนมด้วยหนาพะย่ะค่ะ จักได้ช่วยแก้อาการแพ้ท้อง”

“ขอบใจมากหนาท่านมาวิน...เสด็จพี่ทรงเสวยไหมพระเจ้าค่ะ”ป้อนลูกมะดันที่เขียวถึงพระโอษฐ์

“...น้อง เหตุใดจึงเปรี้ยวเช่นนี้หนา”คายมะดันในพระโอษฐ์ทิ้ง พระพักตร์เหยเก

“เช่นนี้แลอร่อยนักพระเจ้าค่ะ”ว่าก่อนจะประคองขันพระสุธารสป้อนพระภัสดา

“เปรี้ยวเสียจนเข็ดฟัน”ตรัสก่อนจะทอดพระเนตรเมียรักที่ดูจะอร่อยกับมะดันเสียเหลือเกิน


   มินานพอแดดเริ่มออกขบวนเสด็จก็เคลื่อนกลับวังหลวง องค์ภุมรินประทับอยู่บนเกี้ยวตัวเดียวกับพระสนมเอก คอยดูแลเมียรักตลอดการเดินทาง อีกเพียงห้าวันเท่านั้น หากเรื่องอัปยศพวกนั้นจบ เจ้าชมนาดคงจักมีความสุขมากกว่านี้เป็นแน่ ทอดพระเนตรเมียรักที่ซบใบหน้างามกับพระอุระ เจ้าชมนาดหลับตาพริ้มด้วยความอ่อนเพลีย


...
..
.


   ตะวันลับฟ้า ราตรีมาเยือนขบวนเสด็จก็มาถึงหน้าวังหลวง การรับพระสนมเอกในองค์ภุมรินกลับเข้าวังหลวงนั้นถูกปิดเป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้าชมนาดแลองค์รัชทายาทในครรภ์ เยี่ยงนั้นเจ้าชมนาดจึงต้องเข้าวังหลวงในยามราตรีเท่านั้น ร่างน้อยถูกคลุมด้วยผ้าไหมตั้งแต่ศีรษะจนถึงเอวบาง มือบางกระชับชายผ้าให้ปิดบังใบหน้าตนเหลือเพียงนัยน์ตากวางกลมโต เจ้าชมนาดถูกนำไปที่ตำหนักหลวง ในขณะที่องค์ภุมรินเสด็จไปยังตำหนักทรงงาน เพื่อเลี่ยงความสนใจจากเจ้าชมนาด

“พระสนม...”เมื่อประตูห้องบรรทมปิดลง เจ้าชมนาดก็เปิดผ้าออก คุณท้าวนั่งพับเพียบดวงตาฝ้าฟางทอดมองนายเหนือหัวอย่างยินดี

“คุณท้าว”เจ้าชมนาดรีบรุดเข้าหาหญิงชรา ทรุดนั่งคุกเข่าจับมือเหี่ยวขึ้นเขย่า

“พระสนมเพคะ”

“คุณท้าวเป็นเยี่ยงไรบ้างจ๊ะ สบายดีไหมหนา”

“เพคะ แลพระสนมเล่าเพคะ เป็นเยี่ยงไรบ้าง”

“ข้าสบายดีจ้ะ...แต่เจ้าตัวน้อยเกเรนัก”ว่าด้วยรอยยิ้ม

“หม่อมฉันดีใจเหลือเกินเพคะ มินึกฝันว่าจักมีบุญได้เห็นองค์รัชทายาทของฝ่าบาท”คุณท้าวว่าน้ำตาคลอ

“ว่ากระไรเยี่ยงนั้นหนา คุณท้าวต้องอยู่กับข้าไปอีกนาน”จับมือคนแก่มาวางที่ท้องตน

“...พระสนมทรงพักผ่อนก่อนเถิดเพคะ เดินทางมาไกลนัก”

“จ้ะ”


...
..
.


รุ่งเช้าการเตรียมงานสถาปนาพระชายาในองค์ภมรินก็ดำเนินต่ออย่างวุ่นวาย ยิ่งใกล้วันงานก็ยิ่งวุ่นวายนัก รวมถึงแม่ปิ่นที่วุ่นอยู่กับผ้าที่จักนำมาตัดชุดอภิเษกสมรสของตนแลเจ้าหลวงภุมริน

“งามนัก...”มือบางลูบเนื้อผ้าเบาๆ ใบหน้างามแย้มยิ้มอย่างพอใจ ผ้าซิ่นลายสร้อยดอกหมากงามนัก อีกเพียงสามวันสิ่งที่รอคอยมาทั้งชีวิตจักเป็นจริงแล้ว เห็นไหมไม่ว่าอย่างไรผู้ชนะก็คือข้า หาใช่ใครอื่นไม่


...
..
.


เหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้นสำหรับงานสถาปนาพระชายาในองค์ภุมริน เจ้าชมนาดถูกนางข้าหลวงแลคุณท้าวจับอาบน้ำแร่ที่นำมาจากต้นน้ำบนเขาหลังวังหลวง แช่น้ำนมจากแม่โคพันธ์ดี ขมิ้นบดหยาบขัดไปตามผิวงาม แม้กลิ่นสมุนไพรจักทำให้เกิดความรู้สึกคลื่นเหียน แต่เจ้าชมนาดก็อดทนจนใบหน้างามซีดเซียว ผะอืดผะอมนัก

“พระสนมเพคะ..”

“ขะ ข้า อ้วก”เจ้าชมนาดอาเจียนออกมาจนนางข้าหลวงแตกฮือ

“ว้าย..พระสนม”

“อ้วก..อึก...โอก”

“ตายแล้ว...พระสนมทรงเป็นเยี่ยงไรบ้างเพคะ”คุณท้าวเข้ามาประคองร่างน้อยพลางลูบพระขนองให้

“ฮึก..คุณท้าว ข้า...อึก”

“เจ้าไปที่หองเครื่องนำพระสุธารสขิง แลผลอัมผวาฝานมาถวายพระสนมประเดี๋ยวนี้”

“เจ้าค่ะคุณท้าว”

“ทรงเป็นเยี่ยงไรบ้างเพคะพระสนม”

“ฮึก...”

“ว้าย...พระสนมเพคะ”เหล่านางข้าหลวงต่างหวีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อเจ้าชมนาดเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตา

“เจ้าไปตามหมอหลวงมาประเดี๋ยวนี้”

“เจ้าค่ะคุณท้าว”


.
.
.


   
ขณะที่องค์ภุมรินกำลังประชุมหารือกับเหล่าขุนนางรวมถึงท่านเสนาบดีฝ่ายขวา ณ ท้องพระโรง

“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ...พระสนมทรงหมดสติระหว่างการประทินผิวพะย่ะค่ะ ขณะนี้หมอหลวงกำลังตรวจอยู่ที่ตำหนักหลวงพะย่ะค่ะ”สุธีกระซิบทูลที่พระกรรณ พระเนตรวาวแสงเพียงครู่ก็กลับไปเยือกเย็นตามเดิม แม้พระทัยจักร้อนรุ่มแต่จักทรงแสดงออกไปมิได้

“...เอาล่ะ วันนี้หากพวกท่านมอมีกระไรแล้วข้าคงต้องขอตัวก่อนหนา”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ดี...”ตรัสแล้วก็เสด็จออกจากท้องพระโรง กลับตำหนักหลวงทันที


แอ๊ด ปัง


“คุณท้าว เจ้าชมนาดเป็นอย่างไรบ้าง”

“พระทัยเย็นก่อนเพคะ หมอหลวงกำลังตรวจเพคะ”

“.....ทูลฝ่าบาท”หมอหลวงผละออกจากร่างบางแลหันมาทูลความแก่เจ้าหลวง

“ว่าอย่างไร”

“พระสนมแลองค์รัชทายาทในพระครรภ์ทรงแข็งแรงดีพะย่ะค่ะ”

“แข็งแรงดี แลเหตุใดจึงได้เป็นลมหมดสติไป”

“กระหม่อมคาดว่าพระสนมคงจะแพ้ท้องพะย่ะค่ะ..ทำให้ทรงหมดสติไป”

“.....”

“กระหม่อมจักถวายโอสถบำรุงครรภ์ให้พระสนมตามสมควรพะย่ะค่ะ”

“..ขอบใจ”

“หามิได้พะย่ะค่ะ...หากมิมีกระไรแล้วกระหม่อมทูลลาพะย่ะค่ะ”

“ไปเถิด...แลพวกเจ้าออกไปก่อนเถิด ข้าใคร่อยากอยู่กับเจ้าชมนาดเพียงลำพัง”

“เพคะฝ่าบาท”

“เหตุใดจึงเกเรเยี่ยงนี้หนาลูก แม่เจ้าหมดสติไปเยี่ยงนี้พ่อใจหายนัก”ทรงตรัสกับสายพระโลหิตในครรภ์เมียรัก พระหัตถ์อุ่นลูบหน้าท้องแบนราบของเจ้าชมนาดราวกับปลอบโยนคนที่อาศัยอยู่ในครรภ์

“อึก...อือ”

“เจ้าชมนาด เป็นเยี่ยงไรหนาน้อง”

“..เสด็จพี่”

“เป็นเยี่ยงไร เวียนเศียร ใคร่อาเจียนหรือไม่”

“เวียนเศียรเล็กน้อยพระเจ้าค่ะ แต่มิใคร่อาเจียนแล้ว”

“พี่ใจหายหมดเจ้าเอ๋ย”

“หม่อมฉันมิเป็นไรดอกพระเจ้าค่ะ อย่าได้ทรงกังวลไปเลย”

“ใคร่อยากกินกระไรหรือไม่ พี่จักให้ห้องเครื่องจัดหามาให้”พยุงกายบางลุกขึ้นนั่งพิงพระอุระ

“หม่อมฉันใคร่อยากผลอัมพวาพระเจ้าค่ะ คงจักแก้อาการเวียนเศียรได้ดีเทียว”

“จ้ะ...นางข้าหลวง มีใครอยู่หรือไม่ เข้ามารับงานสักคนเถิด”

“เพคะ ฝ่าบาท”

“ไปเอาผลอัมพวาที่ห้องเครื่องมาถวายเจ้าชมนาดประเดี๋ยวนี้”

“ทูลฝ่าบาทคุณท้าวเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเพคะ”

“เยี่ยงนั้นนำมาถวายเจ้าชมนาดประเดี๋ยวนี้”

“เพคะ”หมอบกราบก่อนจะคลานไปหยิบพานทองที่บรรจุจานผลอัมพวาฝาน แลกาพระสุธารสขิงที่ส่งกลิ่นหอมออกมาพร้อมควันร้อนสีขาว

“จิบน้ำขิงหน่อยหนา”ตรัสแล้วรินพระสุธารสขิงร้อนจากกาใส่ถ้วยให้เมียรัก เจ้าชมนาดทอดมองพระภัสดาที่เอาอกเอาใจตนแลน้ำตาซึม ซึ้งใจนัก

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”รับถ้วยพระสุธารสขิงจากพระหัตถ์ประคองไว้ก่อนจะเอนกายซบใบหน้าลงบนพระอุระ

“หืม...”ก้มพระพักตร์ทอดพระเนตรใบหน้างามของเมียรักที่แนบพระอุระกว้าง นัยน์ตากวางหลับพริ้ม พระกรโอบกอดกายบางอย่างรักใคร่ พระหัตถ์ลูบปลายผมยาวนุ่มกลางแผ่นหลังบางเบาๆ

“...หม่อมฉันรักเสด็จพี่หนาพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอื้อนเอ่ยก่อนจะช้อนตาหวานขึ้นมองพระพักตร์งาม

“พี่ก็รักเจ้า เจ้าดอกข้าวใหม่”กดจูบที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาแลกอดถนอมเมียรักอย่างอ่อนโยน


...
..
.


   วันนี้แล้วสิ หากฟ้าสว่างเต็มที่เมื่อใด พระราชพิธีสถาปนาพระชายาในเจ้าหลวงภุมรินก็คงเริ่ม เวลานี้เพิ่งจักยามสี่แต่ทั้งองค์ภุมรินแลเจ้าชมนาดก็ต้องตื่นเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานพระราชพิธีสำคัญ


อุบ โอก อ้วก


เช้านี้เจ้าชมนาดมีอาการแพ้ท้องตามปกติ หากเมื่อเทียบกับวันอื่นๆ วันนี้ดูจะแพ้น้อยที่สุดแล้ว เจ้าตัวเล็กในครรภ์คงจักรู้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของพ่อแลแม่ถึงได้เกเรน้อยกว่าปกติ

“เป็นเยี่ยงไรบ้างน้อง”ทรงประคองยาหมอจ่อที่จมูกโด่งรั้น

“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ หากเทียบกับวันอื่น วันนี้ลูกเป็นเด็กดีเหลือเกิน”ว่าแล้วก็ยิ้ม มือเล็กค่อยลูบหน้าท้องตนปลอบคนที่นอนอยู่ในครรภ์

“อย่าเกเรหนาลูก แม่เจ้าจักเหนื่อยเอา”ทรงลดพระวรกายสูงกำยำคุกเข่าต่อหน้าเมียรัก พระพักตร์งามแนบกับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะตรัสพระสุระเสียงทุ้มนุ่มจนเจ้าชมนาดหน้าม้านด้วยความเขินอาย พระโอษฐ์กดจูบที่หน้าท้องของเจ้าชมนาดซ้ำๆ จนนางข้าหลวงที่ถวายการรับใช้อยู่หน้าแดงซ่าน

“..เสด็จพี่”

“หึหึหึ”

“ทูลฝ่าบาท ได้เวลาเสด็จตำหนักศาสน์แล้วพะย่ะค่ะ”ท่านราชเลขาทูลความอยู่ที่พระทวารมิได้เข้ามาในห้องบรรทมแต่อย่างใด

“ได้เวลาแล้ว ไปกันเถิดน้อง”ทรงลุกขึ้นประทับยืนก่อนจะประคองเมียรักออกจากตำหนักหลวง ในวันนี้เจ้าชมนาดใส่เสื้อไหมดิบแขนกระบอกคอตั้งสีขาวงาช้างห่มทับด้วยผ้าสไบสีน้ำตาลทองทอลายดอกพิกุล แลโจงกระเบนผ้ายกลำพูนสีทองอมชมพู โดยที่เจ้าชมนาดใส่เครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวก็คือ พระธำมรงค์นพรัตน์ที่พระภัสดาประทานให้เท่านั้น

“พระเจ้าค่ะ”ส่วนองค์ภุมรินในวันนี้ทรงสวมฉลองพระองค์ผ้าไหมสีน้ำตาลทองทอลายดอกพิกุลเช่นเดียวกับสไบของเจ้าชมนาด ผ้าคาดเอวไหมเรียบสีน้ำตาลแลโจงกระเบนสีดำเขม่า ชายสูงศักดิ์งดงามราวรุกขเทวดามาจุติ


   ทั้งสองพระองค์เสด็จไปยังตำหนักศาสน์เพื่อทำพิธีทางศาสนา โดยมีพระคุณเจ้าที่นิมนต์มาจากวัดซึ่งมิไกลจากวังหลวงเป็นผู้ทำพิธีให้ โดยพระคุณเจ้าได้มัดสายสิญจน์ ผูกดวง เจิมหน้าผากให้ พร้อมพรมน้ำมนต์ สวดให้ศีลให้พรเพื่อความเป็นสิริมงคล จึงถวายภัตตาหารเช้า  ซึ่งกินเวลาสองสามชั่วยามพิธีจึงเสร็จสิ้น

“เหนื่อยไหมเจ้า”ตรัสถามเมียรักพลางจูบซับที่ขมับหอม

“มิได้พระเจ้าค่ะ น้องสุขใจนัก”ส่ายหน้าน้อยๆ แย้มยิ้มอย่างเป็นสุข

“พี่ก็เช่นกัน”จากนี้ก็เหลือเพียงพิธีสถาปนาพระชายาที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วยามนี้แล้ว


.
.
.


“เหตุใดทางวังหลวงจึงไม่แจ้งกำหนดการพิธีศาสน์แก่ข้าหนา”หญิงสาวที่แต่งองค์ทรงเครื่องงดงามราวนางอัปสรเอ่ยพร้อมใบหน้างามที่ฉายแววกังวล

“รออีกหน่อยเถิดเจ้าค่ะคุณหนู”

“แต่นี่มันก็น่าจักเลยฤกษ์แล้วมิใช่รึนังอ่อน”

“.....”

“คุณหนูเจ้าขา มีสาส์นจากวังหลวงมาเจ้าค่ะ”เสียงบ่าวไพร่ที่มาแจ้งทำเอาหญิงสาวเผยยิ้มเต็มดวงหน้า ก่อนจะเร่งออกจากเรือนไปพบคนของวังหลวง

“ว่าอย่างไร”

“เจ้าหลวงทรงมีรับสั่งให้บุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวาร่ายรำถวายในงานพระราชพิธีสถาปนาพระชายา”

“หะ ให้ข้าน่ะหรือร่ายรำถวายในพระราชพิธี”คิดอย่างสงสัย

“อาจจะทรงอยากทอดพระเนตรพระชายาร่ายรำถวายก็ได้หนาเจ้าคะ”บ่าวสาวเอ่ยทำให้รอยยิ้มงามกลับมาประดับบนใบหน้างามอีกครา

“เชิญขึ้นเกี้ยวเถิด”หญิงสาวก้าวขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวก่อนจะยิ้มอย่างเป็นสุข จนลืมไปเสียหมดแล้วทั้งพิธีที่ควรจักต้องทำ แลพระธำมรงค์นพรัตน์นั่นอีก










************************************************************************





หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๑.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 21-04-2017 22:28:03
ชอบมากๆๆน่าติดตามจ้าาาา
รอตอนต่อไปหนาเจ้าชมนาด
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๑.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 21-04-2017 23:04:49
เจ้าชมนาด แพ้ท้องหนักจัง
ม่นางปิ่นเมื่อไกร่เจ้าจะมโนไปเองเป็นตุเป็นตะหนา
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๑.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 22-04-2017 00:41:03
อึ้งกันเป็นแถวๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๑.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 22-04-2017 01:28:42
รอความจริงเปิดเผยยยย หึหึหึ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๑.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-04-2017 08:41:47
มโนแจ่มเหลือเกินนังปิ่น!
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๑.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: หญิงกล้วย ที่ 22-04-2017 13:14:45
  :laugh: :laugh: :laugh: :m20: :m20: :m20:
แม่นางปิ่นมโนอะไรเยี่ยงนี้ ป.ล.สามีนางคือใครหนอ?
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๑.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-04-2017 20:03:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๑ ๒๑.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-04-2017 12:18:05
น่าสงสาร555
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๒๓.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 23-04-2017 15:10:12



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑๒



   เสียงดนตรีวงมโหรีดังขึ้นพร้อมกับบุตรีของท่านเสนาบดีที่ออกท่าทางร่ายรำถวายแด่ชายสูงศักดิ์ที่ประทับอยู่บนพระแท่นประทับ ใบหน้างามแย้มยิ้มแม้ในใจจักสงสัยไม่น้อย หางตานางกระตุกถี่ตั้งแต่เช้าจนบัดนี้ ใยพระนลาฏขององค์ภุมรินจึงได้เจิมแป้งหอมแล้ว กระนั้นก็หมายความว่าพระองค์ทำพิธีศาสน์แล้วหรือแลทำกับใครเล่า เมื่อคิดได้นางก็ชะงักจนร่ายรำผิดท่า อยากจักหยุดทุกอย่างประเดี๋ยวนี้หากแต่ทำมิได้ จำต้องร่ายรำต่อจนจบเพลง

“เชิญนางรำรับรางวัลพระราชทานจากองค์ภุมรินได้”ท่านราชเลขากล่าว แม่ปิ่นค่อยๆก้าวเข้าไปหมอบกราบที่หน้าพระแท่นประทับด้วยสีหน้ามิสู้ดี

“เจ้าร่ายรำได้งดงามนัก”ทรงตรัสแลมอบถุงหูรูดกำมะหยี่ให้คุณท้าวมอบให้หญิงสาวอีกทอด

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท แลเหตุใด...”มิทันที่นางจักได้สอบถามเรื่องที่ค้างคาในใจท่านราชเลขาก็เอ่ยขึ้นก้องท้องพระโรง

“บัดนี้ได้เพลาอันสมควร ฤกษ์งามยามดี กระหม่อมขอกราบทูลเชิญเจ้าชมนาด พระสนมเอกในองค์ภุมรินมารับการสถาปนาแต่งตั้งขึ้นเป็นพระชายาในองค์ภุมริน แลมารดาแห่งภุมริกาแคว้นพะย่ะค่ะ”


เจ้าชมนาดย่างก้าวเข้าภายในท้องพระโรงท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนางฝ่ายขวา ทรงถูกขับไล่ออกจากวังหลวงแล้ว ไฉนเลยจึงมาอยู่ที่ท้องพระโรงได้ บุตรีเสนาบดีฝ่ายขวาได้แต่ตะลึงงัน เจ้าชมนาดเผยยิ้มหวานให้พระภัสดาอย่างน่าเอ็นดู หากแต่เมื่อก้าวผ่านบุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวามือเล็กก็แสร้งสะบัดสไบตนจนปลิวครอบหัวแม่ปิ่นก่อนจะเปิดออกเมื่อเจ้าชมนาดก้าวผ่านมายังหน้าพระพักตร์องค์ภุมริน กายบางทรุดนั่งพับเพียบหมอบกราบแทบพระบาทพระภัสดาอย่างอ่อนช้อย

“เป็นพระมหากรุณายิ่งพระเจ้าค่ะ”เอ่ยกับองค์ภุมรินเสียงหวานพลางถวายมาลัยที่คล้องมือตนวางบนพระหัตถ์พระภัสดาก่อนจะปรายตามองหญิงสาว ริมฝีปากจิ้มลิ้มเหยียดยิ้มมุมปาก

“ลุกขึ้นเถิดน้อง”ประคองเมียรักให้ขึ้นมานั่งข้างพระวรกายบนพระแท่นประทับ

“นะ นี่มันกระไรกันเพคะ”

“เจ้าข้องใจอันใดกันแม่ปิ่น”องค์ภุมรินทรงตรัสถาม

“แลหม่อมฉันเล่าเพคะ หม่อมฉัน...”

“เจ้าเกี่ยวกระไรด้วยหรือแม่”เจ้าชมนาดเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วแสร้งสงสัย

“วันนี้ข้าจักสถาปนาเจ้าชมนาดเป็นพระชายาในองค์ภุมริน ชายาของข้า มารดาขององค์รัชทายาท”ทรงรับสั่งพร้อมกับเปิดกรวยบายศรีสู่ขวัญเป็นอันเสร็จพระราชพิธีสถาปนา

“ฝ่าบาทแลหม่อมฉันเล่าเพคะ ทรงทำกับหม่อมฉันเช่นนี้มิได้หนาเพคะ!”หญิงสาวโวยวายเสียงดัง

“บังอาจนัก ท่านเสนาบดีฝ่ายขวามาพาบุตรีท่านออกไปประเดี๋ยวนี้”ท่านราชเลขาตวาด

“หึหึหึ”เสนาเฒ่าเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ องค์ภุมรินเมื่อใดยินดังนั้นก็คว้าร่างเมียรักเข้าหลบไว้หลังพระวรกายตน

“...เสด็จพี่”

“....”

“ฝ่าบาททรงมีความสุขมากใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ หึหึหึ”

“.....”

“แต่ความสุขของพระองค์คงจักสิ้นเพียงเท่านี้”

“บังอาจนัก...ทหาร”รับสั่ง ก่อนทหารหลายสิบนายจักวิ่งเข้ามาในท้องพระโรงพร้อมอาวุธในมือ แต่กลับหันอาวุธใส่องค์ภุมรินแลเจ้าชมนาด

“ฮะฮ่าๆๆๆ ทหารของพระองค์ล้วนเป็นคนของหม่อมฉันทั้งสิ้นแล”

“....เจ้า!!”

“ฮะฮ่าๆๆ”

“ท่านพ่อทำกระไรเจ้าคะ อย่าทำร้ายพระองค์หนาเจ้าคะ”แม่ปิ่นร้องบอกพร้อมวิ่งเข้าเกาะแขนคนเป็นพ่อ

“หึ แม่ปิ่นเจ้ามันโง่ ฝันเฟื่องใคร่อยากจักเป็นพระชายาจนตัวสั่น แลเห็นหรือไม่ว่ามันทำกระไรกับเจ้า พระองค์ย่ำยีบุตรีหม่อมฉันแลปล่อยวางเฉยเช่นนี้หยามหม่อมฉันนัก”

“ข้าน่ะหรือย่ำยีบุตรีเจ้า”

“ฝ่าบาทใยจึงตรัสเช่นนั้นเพคะ...ที่กระโจมหม่อมฉันคืนนั้นริมลำธาร...”

“...ที่เจ้าวางหญ้าเสน่ห์ข้าน่ะหรือแม่ปิ่น”พระสุระเสียงกดต่ำอย่างดุดัน

“หมะ หม่อมฉัน...ถะ ถึงอย่างไร หมะ หม่อมฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียพระองค์หนาเพคะ”

“...ชายในคืนนั้นหาใช่ข้าไม่”

“....ทระ ทรงตรัส กะ กระไรเพคะ”

“ชายในคืนนั้นหาใช่ข้าไม่...หากแต่เป็นทหารยามต่างหาก”

“...มะ ไม่ ฝ่าบาท...ใยจักมิใช่พระองค์เพคะ ชายในคืนนั้นคือพระองค์!!”

“คืนเดือนมืดเช่นนั้นแลเทียนก็ยังดับเจ้าจักรู้ได้อย่างไรว่าชายที่ได้เสียกับเจ้าคือข้า”

“....หมะ หม่อมฉัน..”

“...หลังจากที่เทียนดับข้าก็ออกจากกระโจมเจ้าแลให้ทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้ากระโจมเข้าไปแทน”

“...ชะ เช่นนั้น พระองค์ถูกพิษหญ้าเสน่ห์..”

“เจ้าอย่าลืมหนาแม่ปิ่น ว่าเจ้าชมนาดยังรอข้าอยู่ที่กระโจม...คืนนั้นเจ้าชมนาดเป็นผู้ช่วยข้าจากฤทธิ์หญ้าเสน่ห์ ต้องขอบคุณเจ้าที่ไม่ได้ใส่หญ้าเสน่ห์มากจนเกินไป มิเช่นนั้นเจ้าชมนาดคงจักแย่”

“มะ ไม่!!...เหตุใดจึงทำกับหม่อมฉันเยี่ยงนี้ ฮึก ฮือออ”

“หากเจ้ามิคิดชั่ววางหญ้าเสน่ห์พระองค์ก่อน เจ้าคงมิเป็นเช่นนี้ดอกแม่ปิ่น”เจ้าชมนาดกล่าว

“เจ้าชมนาด!!...เจ้ามันมารยา ลวงพระองค์ให้หน้ามืดตามัว!! อัปรีย์!!”

“บังอาจ!!”

“หึหึ ทรงคิดว่าพระองค์ยังมีอำนาจอยู่อีกหรือพะย่ะค่ะ...ร่ำลากันเสียให้พอ แลค่อยไปเจอกันในปรโลกเถิด”

“หึหึหึ ฮะฮ่าๆๆ...เจ้าคิดว่าจักกบฏ ยึดอำนาจข้าได้ง่ายๆงั้นหรือ บุตรีว่าเขลาแล้ว พ่อนั้นยิ่งเขลากว่า!!”

“ฝ่าบาท...จักตายอยู่แล้วยังทรง...”มิทันที่เสนาเฒ่าจักได้กล่าวจบ พระสุระเสียงก็รับสั่งขึ้นเสียก่อน

“ทหาร”จากที่หันอาวุธใส่พระองค์ กลับกลายเป็นว่าทหารทั้งหมดแลพวกพรรคของฝ่ายซ้ายนั้นหันคมดาบใส่เสนาเฒ่าแลพวกพรรคแทน

“!!!!”

“ใยจึงมีสีหน้าเช่นนั้นท่านเสนาคิดมิถึงหรือว่าจะถูกตลบหลัง”องค์ภุมรินทรงตรัสแลเหยียดพระโอษฐ์มุมปาก

“พวกเจ้า!!!”เสนาเฒ่าคำรามด้วยความเคียดแค้น มือกร้านชักดาบของตนออกมาชี้พระพักตร์องค์ภุมริน

“วางดาบแลยอมให้ทหารจับกุมเถิดท่านเสนา”

“ข้ายอมตายเสียยังจักดีกว่าถูกคุมขังไปชั่วชีวิต!!”

“ท่านพ่อ ฮือออออ”

“เงียบซะนังลูกโง่ หากเจ้าไม่คิดฝันเฟื่องใคร่อยากเป็นพระชายา ป่านนี้ข้าคงได้ครองบัลลังก์แค้วนไปแล้ว!!!”

“ไม่หนาเจ้าคะท่านพ่อ เหตุใดจึงคิดทำร้ายพระองค์ ฮือออ ลูกรักองค์ภุมริน เหตุใดจึงคิดทำร้ายชายที่ลูกรัก”


เพี๊ยะ


“เหตุใดจึงโง่เช่นนี้!! ที่มันทำกับเจ้าจนเปื้อนราคีเยี่ยงนี้ ยังจักปักใจรักมันอยู่อีกหรืออีลูกโง่ เขลานัก!!”ตวัดมือฟาดใส่แก้มบุตรีแลตวาดอย่างเกรี้ยวกราด

“ฮือออ ลูกรักพระองค์ ลูกรักเขา ฮือออ”กุมแก้มที่ถูกบิดาตบพลางร่ำไห้สะอึกสะอื้น

“หึ ฮะฮ่าๆๆๆ หากพระองค์คิดว่าทุกคนเป็นคนของพระองค์คงจักคิดผิดแล้ว”

“....”ไม่ทันที่จักได้ตรัสโต้ตอบ มีดสั้นคมกริบก็ถูกปาออกมาจากกลุ่มฝ่ายขวาที่คิดกบฏ


ฉึก!!


“อ๊ะ!!”

“เจ้าชมนาด!!”มีดสั้นเฉียดต้นแขนเจ้าชมนาดจนได้เลือด

“..สะ เสด็จพี่ อุก โอก อ้วก”เจ้าชมนาดหน้าเสียแลยิ่งได้กลิ่นคาวเลือดอาการผะอืดผะอมก็กำเริบ พระชายาอาเจียนจนน้ำตาไหลอาบแก้มโดยมีองค์ภุมรินกอดไม่ห่าง

“ฮะฮ่าๆๆ...ดูเถิดองค์ภุมริน อีกไม่นานยาพิษที่เคลือบไว้คงจักออกฤทธิ์เป็นแน่”

“!!!...หมอหลวง ตามหมอหลวงมาประเดี๋ยวนี้”

“อึก...”เจ้าชมนาดหมดสติล้มพับลงในอ้อมพระกรของพระภัสดา

“เจ้าชมนาด!!!”ตรัสเรียกเมียรักพลางเขย่ากายบางเบา ดวงพระเนตรฉายแววโกรธเกรี้ยว

“ฝ่าบาท”สุธีเห็นท่าไม่ดีจึงรีบร้องเรียก

“มาวิน!!”พระสุระเสียงตวาดลั่นก่อนที่องครักษ์เงามาวินจักปืนป่ายด้วยความรวดเร็วมารอรับคำสั่งอยู่ต่อหน้าพระพักตร์

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“พาเจ้าชมนาดกลับตำหนักหลวง แลอารักขาอย่าให้ผู้ใดเข้าใกล้เว้นเสียแต่หมอหลวงแลบ่าวคนสนิท”

“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”รับคำสั่งแลช้อนร่างบางของพระชายาขึ้นตรงไปที่ตำหนักหลวงโดยมีทหารอีกสิบนายตามคุ้มกัน เมื่อลับร่างเมียรักองค์ภุมรินก็คว้าศาสตราวุธธนูประจำพระองค์ขึ้นง้างจนสุดพระกร แลปล่อยลูกดอกใส่กลางอกชายเจ้าของมีดสั้นจนล้มลงแลสิ้นใจ จากนั้นความโกลาหลก็เกิดขึ้นเมื่อเหล่าฝ่ายขวาต่างฮึดสู้ ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันอาวุธใส่กันจนล้มตายไปมาก ซึ่งส่วนใหญ่จักเป็นฝ่ายขวาที่มีกำลังคนน้อยกว่า


ฟึ่บ!! ฉึก!!


องค์ภุมรินปล่อยลูกธนูใส่กลางหน้าผากเสนาบดีฝ่ายขวาจนล้มหงายหลัง หมดลมหายใจทันที

“กรี๊ด ท่านพ่อ ฮือออ ท่านพ่อ”แม่ปิ่นถลาเข้ากอดร่างไร้วิญญาณของคนเป็นพ่อแลร่ำไห้อย่างอาดูร เหตุใดชายที่รักแลพ่อบังเกิดเกล้าจึงต้องมาฆ่าฟันกันเช่นนี้ ข้าทำกรรมอันใดไว้ เหตุใดสวรรค์จึงกลั่นแกล้งข้าเช่นนี้

“อึก ฮึก ฮือออ”หญิงสาวแกะดาบในมือคนเป็นพ่อออกมาถือไว้มั่น มือบางยกลูบหน้าปิดตาให้บิดา

“หม่อมฉันรักพระองค์หนาเพคะ รัก..อึก ฮือออ เฮือก”นางยกดาบขึ้นจ่อที่ลำคอระหงก่อนจะปาดคอตัวเอง โลหิตไหลทะลักอาบร่างบาง แม่ปิ่นกระตุกก่อนจักล้มลงนอนเคียงร่างบิดา องค์ภุมรินเบือนพระพักตร์หนีภาพสลดตรงหน้า ก่อนจักรับสั่ง

“จัดการให้เรียบร้อยทีเถิดท่านราชเลขา หากสืบได้ว่าผู้ใดคิดกบฏจงประหารมันเจ็ดชั่วโคตร ล้างบางมันเสีย”

“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”


...
..
.


   องค์ภุมรินเสด็จกลับมาที่ตำหนักหลวงทันทีแม้พระวรกายจักเต็มไปด้วยคราบเลือด แลเหงื่อไคล

“เจ้าชมนาดเป็นเยี่ยงไรบ้างหมอหลวง”ตรัสถาม พระพักตร์งามฉายแววกังวล

“พระชายาแลองค์รัชทายาทในครรภ์ทรงปลอดภัยแล้วพะย่ะค่ะฝ่าบาท พิษที่พระชายาได้รับนั้นถูกขับออกได้ทันการพอดีพะย่ะค่ะ จากนี้คงเหลือแต่รอให้พระชายาฟื้นคืนสติพะย่ะค่ะ”

“ไม่มีอันตรายแล้วใช่หรือไม่ ลูกเมียข้าปลอดภัยแน่แล้วใช่ไหม”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ขอบใจ ขอบใจหมอหลวง”ทรงถอนพระปัสสาสะอย่าโล่งพระทัย

“มิได้พะย่ะค่ะ”

“คุณท้าว”

“เพคะฝ่ายาท”

“จัดการประทานรางวัลแก่หมอหลวงแทนท่านราชเลขาด้วย”

“เพคะฝ่าบาท”

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท ทรงสรงน้ำเปลี่ยนฉลองพระองค์ก่อนดีไหมเพคะ”คุณท้าว

“...ข้าใคร่อยากเฝ้าเจ้าชมนาดก่อน”

“หม่อมฉันว่าพระองค์ทรงพักผ่อน สรงน้ำก่อนเถิดเพคะ มิต้องห่วงพระชายาดอก ทรงปลอดภัยแล้ว...เชื่อหม่อมฉันหนาเพคะ”

“..อะ อืม”

“นางข้าหลวง เตรียมอ่างสรงแลฉลองพระองค์ผืนใหม่ให้ฝ่าบาทประเดี๋ยวนี้”

“เจ้าค่ะคุณท้าว”



   สายพระเนตรทอดมองร่างบางของเมียรักบนพระแท่นบรรทมอย่างห่วงหา เจ้าชมนาดถูกผลัดเปลี่ยนผ้า เหลือเพียงผ้าแถบคาดอกผืนบางสีขาว ที่ต้นแขนเล็กถูกพันด้วยผ้าขาว ใบหน้างามซีดเซียว องค์ภุมรินดึงผ้าแพรสีหวานขึ้นจนถึงแผ่นอกบาง พระนาสิกกดที่ขมับขาวก่อนจะผละออก เสด็จทำธุระส่วนพระองค์ ให้คุณท้าวแลนางข้าหลวงเฝ้าดูแลเมียรักแทน


.....
....
...
..
.


“อะ อือ..”เสียงหวานครางแผ่วในลำคอ เปลือกตาสีมุกค่อยๆลืมขึ้น

“เจ้าชมนาด..น้อง..เป็นเยี่ยงไรบ้าง คุณท้าวตามหมอหลวงที”

“เพคะฝ่าบาท”

“...สะ เสด็จพี่”

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้า...เป็นอย่างไรบ้าง”ทรงตรัสถามอย่างร้อนรน สามวันแล้วแม่ยอดดวงใจเพิ่งจักฟื้น

“เจ็บ..พระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไรหนา มิเป็นไร ประเดี๋ยวก็หายแล้วหนา”

“...ละ แลลูกเล่าพระเจ้าค่ะ ลูกปลอดภัยใช่หรือไม่ อึก”มือน้อยบีบพระหัตถ์ของพระภัสดา คิ้วเรียวขมวดมุ่นเป็นปม น้ำตาร้อนๆไหลอาบปรางค์ขาว ปล่อยเสียงสะอื้นอย่างกังวลใจ

“ไม่ๆ..ลูกมิเป็นไร เจ้าตัวน้อยของเราปล่อยภัยดี อย่าไห้เลยหนาคนดี”พระดัชนีปาดคราบน้ำตาออกจากปรางค์นวล

“มิทรงปดหนาพระเจ้าค่ะ ลูกอยู่ดีใช่ไหม”

“จ้ะ พี่มิกล้าปดเจ้าดอก”

“ทูลฝ่าบาท หมอหลวงมาแล้วเพคะ”

“เชิญท่านหมอ”


.
.
.


“เป็นเยี่ยงไรท่านหมอ”

“มิมีกระไรต้องเป็นกังวลแล้วพะย่ะค่ะฝ่าบาท ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักสั่งว่านรางจืดถวายขับพิษให้พระชายาพะย่ะค่ะ”

“ขับพิษ ไหนท่านว่าขับพิษออกหมดแล้วมิใช่หรือ”ทรงตรัสถามอย่างกังวล เจ้าชมนาดนอนมองพระภัสดาแลหมอหลวงอย่างกังวล กลัวลูกน้อยจักมีอันตราย มือบางทาบลงบนครรภ์ตนอย่างหวงแหน

“พะย่ะค่ะ หม่อมฉันถวายว่านรางจืดเพราะเกรงว่าพิษจะหลงเหลือในกระแสพระโลหิต จักได้แน่ใจว่าในพระวรกายจักมิมีพิษหลงเหลืออยู่อีกพะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ....ของใจท่านหมอมาก”

“มิได้พะย่ะค่ะ”

“คุณท้าวรบกวนท่านส่งหมอหลวงทีเถิด”

“เพคะฝ่าบาท”

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าใคร่อยากอยู่กับเจ้าชมนาดตามลำพัง”

“เพคะฝ่าบาท”เมื่อนางข้าหลวงออกจากห้องบรรทมหมดแล้ว องค์ภุมรินก็สอดพระวรกายเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเจ้าชมนาด พระกรท้าวกับพระแท่นบรรทม สายพระเนตรคมทอดมองเมียรัก พระหัตถ์เกลี่ยเบาๆที่ปรางค์นวล
เจ้าชมนาดยกกุมพระหัตถ์ของพระภัสดา นัยน์ตากวางช้อนมองพระพักตร์งามใบหน้าหวานเอียงซบแนบพระหัตถ์อุ่นอย่างออดอ้อน องค์ภุมรินขยับพระวรกายเข้าแนบกายบาง พระโอษฐ์กดจูบที่หน้าผากมน เจ้าชมนาดเงยหน้ากดจูบที่พระหนุ

“พี่รักเจ้าหนาคนดี”ทรงตรัสแลกอดเอวบางไว้

“หม่อมฉันก็รักเสด็จพี่พระเจ้าค่ะ”เสียงหวานแหบ มือน้อยประคองพระพักตร์กล่าว กลีบปากนุ่มหยุ่นกดจูบที่พระโอษฐ์พระภัสดา องค์ภุมรินบดพระโอษฐ์จูบตอบเมียรักโดยมิได้ล่วงล้ำ จูบซ้ำๆราวกับปลอบโยนน้องน้อยจากเหตุการณ์ร้ายๆที่พบพานมา พระหัตถ์อุ่นลูบแผ่นหลังเล็กผ่านผ้าแถบผืนบาง ปลอบประโลมปัดเป่าฝันร้ายให้หายไป


.
.
.


“เสด็จพี่ เสวยบ้างเถิดพระเจ้าค่ะ ป้อนหม่อมฉันเยี่ยงนี้ แทบมิได้เสวยเลย”

“มิเป็นไรดอก ให้พี่ดูแลเจ้าเถิดหนา”

“เยี่ยงนี้หม่อมฉันละอายนัก ปรนนิบัติพระองค์มิได้ หนำซ้ำยังต้องให้พระองค์มาคอยดูแลหม่อมฉันอีก”เจ้าชมนาดว่า

“โธ่..ว่ากระไรเยี่ยงนั้น เจ้าเป็นเมีย เป็นแม่ของลูกพี่หนา แลพี่ก็เป็นผัว เป็นพ่อของลูกเจ้า เป็นคู่ชีวิตกันแล้วก็ต้องดูแลกันแลกันมิใช่หรือน้อง จักให้น้องดูแลพี่ฝ่ายเดียวได้อย่างไรกันเล่า”

“เสด็จพี่...ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันซึ้งใจนักที่ได้ยินพระองค์ตรัสเช่นนี้”เจ้าชมนาดน้ำตาซึม พนมมือกราบลงลงบนพระอุระกว้าง

“พี่รักเจ้ามากหนาเจ้าชมนาด”โอบประคองร่างอรชรแนบพระอุระ แขนเสลากอดรอบพระกฤษฎี

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ ขอบพระทัยที่ทำให้หม่อมฉันมีความสุขเยี่ยงนี้”

“เจ้าก็ทำให้พี่มีความสุขเช่นกันเจ้าชมนาด”


.
.
.


   หลังจากวันสถาปนาก็ผ่านมาร่วมสองเดือนแล้ว องค์ภุมรินจึงมีรับสั่งให้จัดพิธีร่วมหอขึ้น ในคืนนี้ ณ ตำหนักหลวง ผ้าปูพระแท่นบรรทมถูกผลัดเปลี่ยนใหม่จากเดิมที่เป็นสีขาวปักลายดอกไม้เล็กๆทั่วผืน หากแต่สำหรับคืนพิเศษนี้พระแท่นบรรทมถูกปูด้วยเครื่องปูสีแดงเลือดนก รวมถึงพระวิสูตรก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงโปร่งแสง กำยานกลิ่นหอมหวานถูกจุดวางไว้ตามจุดต่างๆในห้องพระบรรทม

“พระชายาเสด็จแล้วเพคะ”เสียงคุณท้าวดังขึ้นที่หน้าพระทวารด้านนอก เรียกให้องค์ภุมรินที่ประทับอยู่ที่ขอบพระยี่ภู่เงยพระพักตร์ขึ้น พระโอษฐ์แย้มยิ้มเมื่อร่างอรชรของเมียรักก้าวเข้ามาด้วยท่าทีเขินอาย คืนนี้เจ้าชมนาดช่างดูงดงามแลเย้ายวนไปพร้อมกัน ร่างบางขาวโพลนประดับด้วยผ้าแถบคาดอกสีแดงชาด เผยไหล่เปลือยน่าสัมผัส ใต้หน้าท้องนูนถูกปกปิดด้วยโจงกระเบนสีเดียวกัน มีมาลัยมัลลิกาล้วนคล้องอยู่ที่ข้อมือเล็ก พระชายาชมนาดในเจ้าหลวงภุมรินก้าวนวยนาดไปที่พระแท่นบรรทมที่มีพระภัสดาประทับอยู่ กายเล็กยอบกายลงหมอบกราบที่พระบาทอย่างอ่อนช้อย กลีบปากนุ่มแตะลงบนหลังพระบาทแผ่วเบา ใบหน้างามช้อนขึ้นสบพระเนตร ก่อนจะถวายมาลัยที่คล้องมือตนให้พระภัสดา องค์ภุมรินวางมาลัยพวงโตไว้บนพานทองข้างพระแท่นบรรทม แลประคองเมียรักขึ้นนั่งบนพระเพลา พระองคุลีไล้ปรางค์อิ่มที่แต่งแต้มด้วยสีแดงระเรื่อ พระนาสิกสูดดมกลิ่นกายหอมหวานจากไหล่เปลือย ค่อยๆแต่งแต้มรอยจูบขึ้นไปตามลำคอระหงแลมาหยุดที่กลีบปากนุ่มหยุ่น

“เสด็จพี่...”

“จ๋า”ตอบรับพระสุระเสียงหวาน พระหัตถ์อุ่นลูบไล้ไปทั่วกายบางนุ่มนิ่ม

“หม่อมฉันตั้งครรภ์จนท้องโตเช่นนี้แล้ว...ยังจักต้องทำพิธีร่วมหออีกหรือพระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามด้วยความขวยเขิน

“ต้องสิจ้ะ...แม้เจ้าจักตั้งครรภ์แล้วก็ต้องมีพิธีร่วมหอ...”พระเนตรฉายแววเจ้าเล่ห์แสนกลจนเจ้าชมนาดหน้าม้าน

“อ๊ะ..”เสียงหวานร้องอย่างตกใจ ใบหน้าหวานแหงนหงาย แผ่นอกบางแอ่นจนแผ่นหลังโค้งราวกับคันศร เมื่อพระภัสดาแตะพระชิวหาไล้วนที่ยอดถันผ่านผ้าแถบผืนบางจนชุ่มพระเขฬะ

“เจ้าชมนาด...”พระหัตถ์บดบี้ยอดถันอีกข้างจนเจ้าชมนาดสะท้านเฮือก

“สะ เสด็จพี่พระเจ้าค่ะ อ๊ะ...อึ๊ อื้อออ”เจ้าชมนาดถูกจับให้นั่งคร่อมพระเพลากว้าง แขนเล็กเสลากอดพระเศียร มือบางสอดขยุ้มพระเกศาระบายความซ่าน พระชิวหารังแกยอดถันน้องน้อยรุนแรงจนแข็งตึงชูชันดันเนื้อผ้า “เมียจ๋า..อ่า”ปลดผ้าแถบสีแดงชาดออกเผยผิวขาวราวน้ำนมประดับด้วยเม็ดบัวบวมเต่ง อกแบนแอ่นรับพระโอษฐ์ที่ครอบอยู่บนจุกเล็ก พระหัตถ์บีบเค้นเอวบางเรื่อยลงมาที่ก้อนเนื้อนุ่มภายใต้ผ้าโจงกระเบน

“เสด็จพี่..ช้าก่อนพระเจ้าค่ะ...อ่ะ..หมะ หม่อมฉันจักขาดใจตายแล้ว”เสียงหวานว่าพลางดึงพระพักตร์งามออกจากแผ่นอกตน หอบหายใจเสียจนตัวโยน องค์ภุมรินเคลื่อนพระพักตร์ป้อนจุมพิตให้พระชายาของตนแนบแน่น พระชิวหาพลิกพลิ้วในโพรงปากอิ่มราวกับมัจฉาว่ายน้ำ

“อึก..อื้ม”ถอนพระโอษฐ์ออก ซุกไซร้ซอกคอหอม

“เสด็จพี่..หม่อมฉันท้องอยู่หนาพระเจ้าค่ะ เบาแรงหน่อยเถิด”หวีดร้องเมื่อพระภัสดาดูกระหายราวสัตว์ป่า

“อ่า..พี่ขอโทษจ้ะ พี่ขอโทษ...มิได้กอดเจ้ามาเป็นเดือน กระหายนัก”ตรัสแล้วอุ้มน้องพลิกวางลงบนพระยี่ภู่ ยืดพระวรกายปลดโจงกระเบนของตนออก เผยให้เห็นศาสตราวุธพร้อมรบที่ตั้งชันชี้หน้าเจ้าชมนาด

“เสด็จพี่..”เสียงหวานเอ่ยอ้อมแอ้มอย่างขวยเขิน มือเล็กกอบกุมพระคุยหฐานของพระภัสดารูดรั้งจนองค์ภุมรินคำรามลั่น

“อ่า....ซี๊ด เจ้าชมนาด อื้มมม...พะ พอก่อนหนาน้อง”แต่ก่อนที่พระองค์จักไปแตะขอบสวรรค์ องค์ภุมรินก็ดึงมือน้องออกแลปลดผ้าโจงกระเบนออกจากเรียวขาเล็ก จับท่อนขาน้องแยกออกตั้งฉากกับพระยี่ภู่ เผยพวงเกสร แลกลีบชมนาดที่พับปิดด้านหลัง

“อืม เสด็จพี่...”เจ้าชมนาดกำพระเขนยที่หนุนอยู่เต็มสองมือขณะที่นอนให้พระภัสดาลูบไล้ช่องทางสวรรค์ของตน

“อืม คนดี เจ้าดอกข้าวใหม่ของพี่ช่างงามกระไรเยี่ยงนี้” จับเท้าเล็กพาดพระอังสะ ลูบไล้ปลีน่องเนียน ขยับพระวรกายชิดแนบ

“อ๊า..เสด็จพี่ เบาแรงหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวลูกจักเจ็บ..ฮ้าาาา”กล่าวก่อนจะหวีดร้องครวญคราง เมื่อกลีบดอกถูกเหล็กในของภมรภู่ทิ่มแทง

“อ่าาาาา”พระสุระเสียงครางต่ำ กดแช่พระวรกายค้างไว้ พระนาสิกซุกไซร้ข้อเท้าเล็กที่พาดอยู่บนพระรากขวัญ

“เสด็จพี่ อยะ อย่าพระเจ้าค่ะ มิดีทำหนาพระเจ้าค่ะ”ร้องห้าม

“พี่รักเจ้าหนาเจ้าชมนาด พี่รักเจ้า”ปลดเรียวขาน้องลงวางพาดไว้บนพระอูรุ พระหัตถ์ข้างหนึ่งลูบคลึงต้นขาขาวแลอีกข้างท้าวยันกับพระยี่ภู่มิให้ทับเมียที่กำลังตั้งครรภ์ พลางค่อยๆขยับพระโสณี

“อาาา...หมะ หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ”วาดแขนกอดพระขนองชื้นพระเสโท พระกฤษฎีหมุนวนก่อนจะขยับพระวรกายเข้าออก พระอูรุกระทบก้อนเนื้อนุ่มจนเกิดเสียงหยาบโลนไปทั้งห้องบรรทม เสียงครางเครือกระเส่าคลอเคล้าเสียงฝนที่สาดเทลงมาเป็นสัญญาณว่าได้เข้าสู้พิรุณฤดูแล้ว











**************************************************************************







หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๒๓.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 23-04-2017 16:42:50
ชอบบบบบบ
มาตอนยาวจุใจมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๒๓.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 23-04-2017 19:09:51
ตั้งพระครรภ์นะเพคะ เจ้าหลวงอย่าร้อนแรงสิเพคะ :m25:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๒๓.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 23-04-2017 20:45:20
กำเดาไหลนักเพคะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๒ ๒๓.๐๔.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: namtan15 ที่ 02-05-2017 20:58:39
 :mew3: :mew3: :mew2: :mew3: :mew3: :mew3: :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๐๓.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 03-05-2017 13:08:01


ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑๓


หลังจากผ่านค่ำคืนเร่าร้อนในพิธีร่วมหอ องค์ภุมรินตื่นบรรทมขึ้นมาทอดพระเนตรดวงหน้าหวานล้ำของเมียด้วยความรักใคร่  ทรงนอนตะแคงวางพระพักตร์บนพระหัตถ์ ท้าวพระกรกับพระยี่ภู่ ผ้าคลุมบรรทมแลพระบรรจถรณ์สีแดงเลือดนกตัดกับผิวกายขาวราวน้ำนมของเจ้าชมนาด ดูเย้ายวนเสียจนพระองค์อดไม่ได้ที่จะกดพระโอษฐ์แลพระนาสิกกับไหล่มน สัมผัสอุ่นจากพระโอษฐ์ แลพระปัสสาสะร้อนจากพระนาสิกปลุกเจ้าชมนาดจากนิทรารมณ์ นัยน์ตากวางปรือปรอย แพขนตาหนากระพือตามเปลือกตาสีมุกที่กระพริบปริบๆ ผมนุ่มสีดำขลับยุ่งเหยิงพันกันน่าเอ็นดู

“เสด็จพี่..ทรงตื่นบรรทมนานแล้วหรือพระเจ้าค่ะ แลเหตุใดจึงมิปลุกหม่อมฉันหนา”เสียงหวานว่า พลางเงยหน้ารับจูบจากพระภัสดาที่ป้อนให้

“อืม...ก็ตอนเจ้านอนมันน่ามองน้อยเสียเมื่อไหร่กัน”ถอนพระโอษฐ์ออกก่อนจักตรัสตอบ เจ้าชมนาดค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับดึงผ้าคลุมบรรทมขึ้นปกปิดแผ่นอกเปลือย

“...วันนี้พระองค์มีราชกิจหรือไม่พระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามพลางไล้นิ้วเล็กกับปรางขาวของพระภัสดา

“มีจ้ะ...วันนี้พี่จักออกตรวจตลาดในเมืองเสียหน่อย”ตรัสตอบแลจับมือน้อยที่พระปรางมาจูบหอม

“จักเสด็จไปตลาดหรือพระเจ้าค่ะ”นัยน์ตากวางเป็นประกาย เสียงหวานดูตื่นเต้น

“จ้ะ...ตลาดใกล้ๆวังหลวงนี่แล”

“...เสด็จพี่พระเจ้าค่ะ”

“หืม..”

“...หม่อมฉันใคร่ไปด้วยได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามพลางส่งสายตาเว้าวอนไปให้โดยมิรู้ตัว

“.....”

“.....”

“.....”

“.....หะ หากมิได้ ก็มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ หม่อมฉัน...”

“พี่ยังมิได้บอกสักคำว่ามิให้เจ้าไปด้วย เจ้าชมนาด”ตรัสพร้อมแย้มพระโอษฐ์แลพระสรวลน้อยๆอย่างเอ็นดู

“...ก็ทรงเงียบนี่พระเจ้าค่ะ”กลีบปากสีระเรื่อเบะออกคล้ายเด็ก

“หึหึหึ...คนดีกระไรที่เจ้าใคร่ได้ บอกพี่เถิดพี่หนาจักหามาให้”ตรัสแล้วรั้งกายบางเข้ามาในอ้อมพระกร ตระกองกอดร่างบอบบาง พระโอษฐ์พรมจูบทั่วลาดไหล่เปลือย มิเคยคิดมาก่อนว่าพระองค์จักรักใครได้มากขนาดนี้มาก่อน ทรงโชคดีแค่ไหนที่ได้เมียแลแม่ของลูกที่น่ารักเช่นนี้


.
.
.


   
   ทั้งสองพระองค์เสด็จประพาสตลาดใกล้วังหลวงในคราบสามัญชน ชาวบ้านธรรมดา หากแม้นจักแต่งกายราวชาวบ้านแต่ก็มิอาจปกปิดความสง่าผ่าเผย แลมากบารมีของเจ้าหลวงได้ เจ้าชมนาดเช่นกันแม้นจักใส่เพียงเสื้อผ้าชาวบ้านแต่ความงามก็มิได้ลดลงแต่อย่างใด แลยิ่งตั้งครรภ์เช่นนี้ก็ยิ่งมีน้ำมีนวลงดงามราวนางอัปสรคู่บารมีองค์ภุมริน มือน้อยข้างหนึ่งถูกพระหัตถ์ใหญ่อบอุ่นจับจูง แลอีกข้างประคองหน้าท้องนูนน้อยๆของตน ทั้งสองพระองค์เดินเคียงกันไปตามทางแคบๆ สองข้างทางเป็นร้านรวงมากหลาย อุ่นแลองครักษ์หลวงสุธีซึ่งก็อยู่ในชุดชาวบ้านเดินตามนายเหนือหัวอยู่ด้านหลังไม่ห่าง

“...เพลาออกตรวจราชกิจนอกวังหลวงเสด็จพี่ทรงปลอมกายเป็นชาวบ้านเช่นนี้ทุกคราหรือพระเจ้าค่ะ”เอ่ยกระซิบถามให้ได้ยินกันสองคน ว่าแล้วก็หวนนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบพระภัสดา

“เช่นนี้จักได้ชิดใกล้ประชาชนอย่างไรเล่า มิต้องมากพิธี แลจักได้เห็นความเป็นอยู่ของไพร่ฟ้าจริงๆ มิใช่คำโป้ปดจากขุนนางขี้คดขี้โกง”แต่คราแรกที่ได้พบทรงแต่งองค์ราวกับคนป่า คนเถื่อน คิดได้ก็หัวเราะน้อยๆ

“หืม..ขำกระไรหรือเจ้า”

“หม่อมฉันหวนคิดถึงคราแรกที่ได้พบพระองค์พระเจ้าค่ะ ทรงแต่งองค์ราวกับคนป่า คนเถื่อน ดูแล้วราวกับโจรก็มิปาน”

“หึหึหึ..โจรปล้นสวาท ช่วงชิงพรหมจรรย์ของลูกเศรษฐีเฒ่าทางตอนเหนืออย่างไรล่ะ”ทรงเย้าจนเจ้าชมนาดแก้มแดงราวลูกตำลึง

“เสด็จพี่...ใยจึงทะลึ่งตึงตังเช่นนี้พระเจ้าค่ะ”ต่อว่าพระภัสดาอย่างไม่จริงจังนัก ในใจดวงน้อยคิดถึงคนเป็นพ่อขึ้นมาตงิดๆเมื่อเอ่ยถึง

“หึหึหึ...อยู่นอกวังหลวงอย่าใช้ราชาศัพท์เลยหนาน้อง ประเดี๋ยวใครจักได้ยินเข้า”

“.....”

“เราปลอมกายออกมา ไร้ทหารตามติด จักเกิดอันตรายได้หนาหากมีผู้คิดร้าย”ทรงตรัสเบาๆ

“พระเจ้าค่ะ..อ่า..ขอรับ ท่านพี่”

“หึหึหึ น่ารักมากเมียจ๋า”

“....สะ..เอ่อ...ท่านพี่ขอรับ”

“หืม..ว่าอย่างไร”

“ข้าใคร่อยากขอกระไรบางอย่างได้หรือไม่ขอรับ”

“กระไรหรือ”

“ข้าใคร่อยากกลับ...บ้าน”

“บ้านหรือ?”

“ขอรับ..ข้าใคร่อยากกลับไปเยี่ยมท่านพ่อ”

“....”

“ถึงท่านจักทำร้ายข้าแต่หาได้ตัดกันขาดไม่...ขะ ข้า..”

“เฮ้อ..พี่เข้าใจเจ้า พี่เข้าใจ”

“....อนุญาตได้หรือไม่ขอรับ”

“...ได้ พี่จักให้เจ้ากลับไปเยี่ยมพ่อเจ้า แต่..”

“....”

“พี่จักไปด้วย”

“..ขะ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ดีใจเสียจนลืมไปว่ามิควรพูดคำราชาศัพท์

“ชู่ววว”

“อ๊ะ ขออภัยขอรับท่านพี่”กลีบปากอิ่มคลี่ยิ้มงามเสียจน หนุ่มๆในตลาดเอี้ยวมองคอเคล็ด

“อย่าได้ยิ้มเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นอีกหนาน้อง”ยกพระหัตถ์ปิดปากเมียรัก ก่อนจะกุมมือน้อยให้เดินเล่นสำรวจตลาด แลความเป็นอยู่ของไพร่ฟ้า


.
.
.


“อ๊ะ...ท่านพี่ข้าใคร่อยากกินขนมสอดไส้นี่ขอรับ”เอ่ยขึ้นเมื่อเสด็จผ่านร้านขนมที่ส่งกลิ่นหอมหวานไปทั่วบริเวณ ควันร้อนสีขาวจากหม้อนึ่งลอยคลุ้ง

“สุธี...”

“ขอรับ”ท่านองครักษ์หลวงเป็นผู้ซื้อหามาถวาย

“ขอบใจหนาท่านสุธี”

“มิได้ขอรับคุณหนู”ว่าแล้วก้มหัวให้เจ้าชมนาด ส่งห่อใบตองให้องค์ภุมรินแลกลับไปยืนด้านหลังตามเดิม

“อืม...หอมหวาน อร่อยนักขอรับ”เมื่อได้ลิ้มรสชาติหอมหวานมันติดปลายลิ้น เจ้าชมนาดก็ยกยิ้มพึงพอใจ

“ป้อนพี่บ้างสิเจ้า”กระซิบบอก

“ค่อยๆหนาขอรับ”ป้อนขนมให้พระภัสดา

“อร่อยอย่างที่เจ้าว่าจริงๆหนาน้อง”

“ขอรับ....ข้างหน้านั้นมีร้านขายเครื่องประดับน่าสนใจนัก ข้าใคร่อยากไปดูได้หรือไม่ขอรับ”

“จ้ะ...”


.
.
.



   วันพรุ่งทั้งองค์ภุมรินแลพระชายาจักเสด็จประพาสบ้านเกิดพระชายา ทำให้เหล่าข้าหลวงต้องเตรียมขบวนเสด็จ เสบียงตั้งแต่ค่ำวันนี้  แลยิ่งพระชายาทรงครรภ์เช่นนี้ก็ต้องเตรียมการมิให้มีกระไรผิดพลาดเด็ดขาด

“อ๊ะ..คิกๆๆ”เจ้าชมนาดหัวเราะน้อยๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกระตุกที่หน้าท้องตน ตอนนี้องค์รัชทายาทในครรภ์มีพระชนมายุได้สี่เดือนแล้ว หน้าท้องขาวกลมนูนยื่นออกมาเล็กน้อยให้พระภัสดาลูบเล่น เวลาที่ทรงครรภ์เช่นนี้หากอยู่ในตำหนักเจ้าชมนาดจะใส่เพียงผ้าแถบคาดอกเท่านั้นแลจักอยู่แต่ในตำหนักหลวง หากแต่เมื่อออกนอกตำหนักจึงจักใส่เสื้อไหมแขนกระบอกคอตั้ง

“หึหึหึ เจ้าตัวน้อยแข็งแรงนัก”ประทับซ้อนอยู่ด้านหลังเมียรัก พระหัตถ์ลูบปลอบรัชทายาทในครรภ์ หน้าท้องขาวกระตุกน้อยๆตามแรงถีบของคนในครรภ์

“คุณท้าวท่านว่าอีกสองเดือนคงเห็นเป็นรูปเท้าเจ้าตัวน้อยพระเจ้าค่ะ”กล่าวแลยิ้มกับพระภัสดา

“เยี่ยงนั้นท้องแม่เจ้าไม่ทะลุพอดีหรือ”ตรัสว่า

“คิกๆ..มิขนาดนั้นดอกพระเจ้าค่ะ ดีเสียอีกจักได้รู้ว่าลูกแข็งแรง”

“ใยจึงถีบท้องแม่เจ้าถี่เยี่ยงนี้หนาลูก”

“ลูกคงอยากออกมาแล้วกระมังพระเจ้าค่ะ”

“พ่อก็อยากให้เจ้าออกมาไวไวเหมือนกันหนาลูก”

“จักทรงตั้งชื่อลูกว่ากระไรดีพระเจ้าค่ะ”

“อืม..แลน้องเล่าใคร่ตั้งว่ากระไรดี”

“.....ภุชงค์พระเจ้าค่ะ..... ภุมริน....ภุชงค์”

“หึหึหึ....”


ฟอด


สรวลน้อยๆแลกดพระนาสิกหอมขมับน้อง

“ทรงโปรดนามนี้ไหมพระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามพลางประคองพระหัตถ์ขึ้นจูบ แลยกแนบปรางนวลอย่างช่างออดช่างอ้อน นัยน์ตากวางช้อนมองพระพักตร์งาม

“จ้ะ...พี่ชอบนามนี้ที่เจ้าตั้ง พี่จักตั้งชื่อลูกว่าภุชงค์”ทรงตรัสอย่างเอาอกเอาจเย

“จริงหรือพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ..”

“หม่อมฉันดีใจหนาพระเจ้าค่ะ ที่ทรงโปรด”

“หึหึหึ..ค่ำแล้วนอนเถิดคนดี ประเดี๋ยววันพรุ่งจักเหนื่อยเอาได้”

“พระเจ้าค่ะเสด็จพี่”

“พี่รักเจ้าหนาเจ้าชมนาด”

“หม่อมฉันก็รักพระองค์พระเจ้าค่ะ”


.
.
.


   รุ่งเช้าขบวนเสด็จถูกตระเตรียมพร้อมเดินทาง ตั้งอยู่ที่หน้าตำหนักหลวง องค์ภุมรินประคองพระชายาของตนออกมาจากตำหนักหลวง วันนี้เจ้าชมนาดสวมเสื้อไหมแขนกระบอก คอตั้งสีฟ้าแลบ แลโจงกระเบนสีเขียวน้ำไหลดูน่ารักน่าชังเสียจนพระภัสดาใคร่อยากจับฟัดเสียให้จมเขี้ยว หน้าท้องกลมนูนเล็กน้อยถูกประคองด้วยพระหัตถ์ขององค์ภุมริน เจ้าชมนาดแย้มยิ้มสดใสให้เหล่าข้าหลวงแลองครักษ์ที่คอยถวายงานรับใช้

 “พระชายาทรงงาม แลสง่ามากเพคะ”คุณท้าวทูล

“ขอบใจจ้ะคุณท้าว”

“พระชายางามเยี่ยงนี้ ข้ามิใคร่อยากให้ออกนอกตำหนักเลยคุณท้าว”

“คิกๆ..เสด็จพี่จักทรงขังหม่อมฉันมิให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยหรือพระเจ้าค่ะ”เอ่ยเย้าพระภัสดา

“หากทำได้หนา..พี่จักขึงเจ้าไว้กับพระยี่ภู่เลยเทียว”กระซิบประโยคหลังให้เมียได้ฟังเพียงคนเดียว

“เหตุใดจึงได้ตรัสกระไรห่ามๆเยี่ยงนี้พระเจ้าค่ะ”บ่นอุบอิบเสียงแผ่ว

“หึหึหึ”

“หม่อมฉันว่าออกเดินทางเถิดเพคะจักได้ไปถึงมิค่ำมากนัก”คุณท้าวทูล

“จ้ะ คุณท้าว”เจ้าชมนาดว่าแล้วก้าวขึ้นเกี้ยว โดยมีพระภัสดาประคองมิห่าง


ขบวนเสด็จเคลื่อนออกจากวังหลวงมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือบ้านเกิดพระชายา องค์ภุมรินโอบร่างบอบบางของเมียไว้แนบพระอุระ พระหัตถ์ประคองครรภ์นูนเล็กไว้อย่างหวงแหน  เจ้าชมนาดเอียงกายอิงแอบอยู่ในอ้อมพระกรพระภัสดา ใบหน้างามหมดจดแนบพระทรวง มือน้อยเลื่อนกุมพระหัตถ์ที่ประคองครรภ์ตนแล้วบีบเบาๆ

“หืม...ไฉนเลยมือน้องจึงเย็นเยี่ยงนี้หนาเจ้าชมนาด ไม่สบายหรือ”ตรัสถามอย่างกังวลพระทัย

“มิได้พระเจ้าค่ะ..น้องเพียงแต่กังวลเท่านั้น”

“กังวลเรื่องใดกันเจ้า”

“หม่อมฉัน แลท่านพ่อจากกันด้วยเรื่องหมางใจ หากกลับไปครานี้มิรู้ว่าจักยังเข้าหน้ากันติดไหมหนาพระเจ้าค่ะ”

“อย่ากังวลไปเลยหนาเจ้า..เรื่องหมางใจของน้องแลพ่อ ล้วนแต่มีพี่เป็นเหตุ...มิต้องห่วงดอก พี่จักจัดการให้เจ้าเองหนา”

“.....”

“...แลอีกเรื่อง เจ้ากำลังจักมีหลานให้ท่านอุ้มเยี่ยงนี้ คงจักใจอ่อนอยู่ดอก”

“...พระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ อย่ากังวลไปเลยหนา แม่กังวลเช่นนี้ ประเดี๋ยวลูกออกมาได้หน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นลูกยักษ์พอดี”

“คิกๆๆ เสด็จพี่ล่ะก็ ว่าลูก...”

“หึหึหึ เห็นเจ้ายิ้มได้แบบนี้พี่ค่อยโล่งใจ...ยามใดเจ้าเศร้าสร้อย ยามนั้นใจพี่จักขาดรอนๆ”

“...พระโอษฐ์หวานนักพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ”พระสรวลในลำคอ แลเชยคางมนขึ้นรับจูบหวานจากพระโอษฐ์อุ่น ขบเม้มริมฝีปากบางอย่างไม่ล่วงล้ำ กดจูบซ้ำที่ปากอิ่ม


.
.
.


   ทางด้านเศรษฐีเฒ่าหลังจากที่บุตรชายคนเล็กถูกพาตัวเข้าวังก็เกือบปีให้แล้ว มาคิดได้ตอนนี้ว่าทำลูกเกินไปก็คงจักสายไปเสียแล้ว นึกแล้วก็ได้นั่งเสียใจ บุตรสาวคนโตหรือก็ออกเรือนไปกับบุตรชายท่านขุน หาได้กลับมาดูดำดูดีพ่อไม่ เรือนหลังใหญ่เหลือเพียงชายชราแลบ่าวไพร่ครึ่งร้อย เศรษฐีเฒ่านั่งอยู่บนตั่งไม้หลังใหญ่สายตาฝ้าฟางทอดมองดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ความรู้สึกเหงาเกาะกุมดวงใจ หากชมนาดยังอยู่ปานนี้คงมาปรนนิบัติ พัดวีคนเป็นพ่อแลพูดคุยด้วยให้คลายเหงา

“เฮ้อ....”ถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่แลยกจอกน้ำชาขึ้นจิบ


กุบกับ กุบกับ


เสียงม้าแลเสียงเซ็งแซ่ของบ่าวไพร่เรียกให้ชายชราหันไปมอง พยักเพยิดหน้าให้บ่าวสาวที่คอยรับใช้ไปดูลาดราว ใครมากันหนาเย็นย่ำใกล้มืดปานนี้แล้ว นั่งรอได้มินานบ่าวสาวคนเดิมก็วิ่งหน้าตาตื่นขึ้นเรือนมา

“มีกระไรนังเขียว หน้าตาตื่นตกใจ ใครมากัน”

“คะ คุณท่าน เจ้าขา..คะ คุณ..”

“เอ้า...อึกอักอยู่ได้อีนี่”

“คะ คุณ ชมนาดเจ้าค่ะ..คะ คุณชมนากลับมาเจ้าค่ะ”

“หา..ชะ ชมนาดหรือ..ลูก..ละ ลูกข้ากลับมาหรือ”ผุดลุกขึ้นยืนแลรีบก้าวเดินออกไป แต่มิทันจักได้ลงเรือนไป ร่างบางชองบุตรชายก็ก้าวขึ้นบ้นไดเรือนมาพร้อมชายสูงศักดิ์ที่ประคองอยู่มิห่าง

“ชะ ชมนาด ละ ลูกพ่อ...ฝะ ฝ่าบาท”ครางชื่อลูกในลำคอ หากแต่เมื่อเห็นอีกคนข้างกายบางก็รีบทรุดหมอบกราบทันที

“ลุกขึ้นเถิดท่านเศรษฐี”ตรัส

“ปะ เป็นพระมหากรุณาพะย่ะค่ะ”ค่อยๆลุกขึ้นโดยมีบ่าวสาวคอยประคอง

“...ท่านพ่อ”เสียงหวานเอ่ยเรียกบิดาครางเครือ นัยน์ตากวางคลอน้ำ

“ชมนาด ลูก”

“อึก..ท่านพ่อ”ผละออกจากพระกรของพระภัสดา แลโผเข้ากอดบิดาอย่างห่วงหาอาลัย

“ชมนาด..เป็นอย่างไรบ้างเจ้า เป็นอย่างไรบ้าง”โอบกอดร่างบอบบางแลยกมือลูบกลุ่มผมนุ่มปลอบประโลม

“ฮึก ข้าสบายดีขอรับ...ฮึก แลท่านพ่อเล่าขอรับ เป็นอย่างไรบ้าง”

“พะ พ่อสบายดีลูก พ่อสบายดี”

“ข้าขอโทษหนาขอรับ...ที่มิได้กลับมาเยี่ยมเยียนท่านเลย”

“มิเป็นไรๆ ได้พบเจ้าวันนี้พ่อก็ดีใจหนักหนาแล้ว”

“ข้าก็ดีใจขอรับ...ข้าคิดว่าท่านจักโกรธเกลียดข้าเสียแล้ว ฮึก”

“ไม่ดอกลูก ไม่ดอก..พ่อเสียอีกที่สมควรโดนเจ้าโกรธเกลียด...พ่อทำร้ายเจ้าจนมิน่าให้อภัย”

“ไม่ขอรับ...ข้ามิโกรธเคืองท่านพ่อสักนิด”

“ชมนาด”กดจมูกหอมผมลูก ฝ่ามืออูมลูบหัวลูบหางลูก

“ฮึก...”

“อ่า...ฝะ ฝ่าบาท..ทรงประทับก่อนเถิดพะย่ะค่ะ”ผละออกจากร่างบางของบุตร แลกล่าวทูล

“ขอบใจหนาท่าน”

“มิได้พะย่ะค่ะ”


.
.
.



“เจ้า...เอ่อ พระชายาทรงครรภ์หรือพะย่ะค่ะ”

“มิต้องพูดกับข้าเยี่ยงนั้นดอกขอรับท่านพ่อ พูดเยี่ยงเดิมเถิด”

“มิได้ๆ ทรงเป็นพระชายาเจ้าหลวง...หม่อมฉันเป็นเพียงสามัญชน พูดจาเยี่ยงเดิมคงมิเหมาะดอก”

“...ก็ได้จ้ะ หากท่านพ่อว่าเยี่ยงนั้น”ผินใบหน้างามไปหาพระภัสดา เมื่อพระองค์พยักพระพักตร์ให้จึงได้ตามใจพ่อ

“แลทรงครรภ์กี่เดือนแล้วพะย่ะค่ะ”

“สี่จ้ะท่านพ่อ”

“อะ องค์รัชทายาททรงแข็งแรงดีหรือไม่พะย่ะค่ะ”

“รัชทายาทในครรภ์เจ้าชมนาดแข็งแรงดี มิต้องห่วงไปดอกท่านพ่อตา”

“พ พ่อตาหรือพะย่ะค่ะ”

“ใช่น่ะซี..ข้าเป็นเขยท่าน ท่านก็ต้องเป็นพระสัสสุระของข้า”

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพะย่ะค่ะ”

“...ท่านพ่อ แลคุณพี่การะเกดเล่าขอรับ”

“การะเกดออกเรือนไปกับบุตรชายท่านขุนตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้วพะย่ะค่ะ”

“งั้นหรือขอรับ...อ๊ะ”พยักหน้าน้อยๆก่อนจะสะดุ้งตกใจ จนพระภัสดาแลบิดาเฒ่าสะดุ้งตาม

“ทรงเป็นกระไรพะย่ะค่ะ พระชายา”

“ฮะๆๆ...มิเป็นไรขอรับท่านพ่อ เจ้าตัวน้อยในครรภ์เตะท้องข้าเสียจนตกใจ”ว่าเยี่ยงนั้นก็ทำเอาชายต่างวัยทั้งสองถอนใจอย่างโล่งอก

“นี่ก็ค่ำแล้ว ทรงเสด็จพักผ่อนก่อนดีไหมพะย่ะค่ะ...ประเดี๋ยวจักประชวรเอาได้”

“...แต่ข้ายังมิหายคิดถึงท่านเลยหนา ท่านพ่อ”

“ไว้วันพรุ่งค่อยมาอยู่กับท่านใหม่ก็ได้หนาน้อง...เรายังอยู่อีกหลายวันเทียว”

“ก็ได้พระเจ้าค่ะ”

“จักทรงบรรทมที่เรือนใหญ่ หระ..”

“ข้าใคร่อยากไปนอนที่เรือนเล็กได้หรือไม่ขอรับท่านพ่อ”

“อ่า ได้พะย่ะค่ะ หม่อมฉันให้บ่าวไพร่ทำความสะอาดมิเว้นวัน”

“ขอบคุณท่านพ่อขอรับ”

“มิได้พะย่ะค่ะ”


.
.
.


   อรุณนี้องค์ภุมรินแลพระชายาชมนาดตื่นบรรทมตั้งแต่เช้าตรู่ อากาศยามเช้าเย็นเสียจนเจ้าชมนาดต้องมีผ้าไหมคลุมไหล่บางไว้อีกชั้นหนึ่ง ทั้งสองพระองค์จับจูงพระหัตถ์กันเสด็จเดินเล่นรับอากาศบริสุทธิ์ ฟ้าหลัวยังมิสว่างดี แต่บรรดาบ่าวไพร่ในโรงครัวกลับทำงานกันอย่างคึกคักเตรียมพระกายาหารเช้าถวายเจ้าหลวง

“หืม...โรงเก็บฟางนี่”ทรงหยุดอยู่ที่โรงเก็บฟางหลังเรือนเล็ก แลแย้มพระโอษฐ์อย่างเจ้าเล่ห์

“เสด็จพี่”เจ้าชมนาดรู้ทันจึงค้อนควักเข้าให้

“พี่ว่าเรามารำลึกความหลังกันดีไหมหนาน้อง”ตรัสถามแลใช้พระหัตถ์ผลักบานประตูเข้าไป

“เหตุใดจึงลามกเยี่ยงนี้หนาพระเจ้าค่ะ...หม่อมฉันหรือก็ท้องโตขึ้นทุกวัน”ว่าอย่างนั้นแต่ก็ยอมเดินตามแรงจับจูงของพระภัสดา
เข้าไปในโรงเก็บฟาง

“หึหึหึ...”

“อ๊ะ!!!”เจ้าชมนาดสะดุ้งตกใจ เมื่ออยู่ดีๆพระภัสดาก็พลิกหันพระวรกายกลับมาแลดึงร่างบางเข้าแนบพระอุระ พระกรกอดรัดร่างเมียแน่นแลซุกไซร้ไล้พระนาสิกกับซอกคอหอมน้ำปรุง พระชิวหากวาดเลียผิวกายอุ่นแลขบเม้มเสียจนช้ำขึ้นสี พระหัตถ์กุมอกนุ่มเป็นกระเปาะบีบเค้นเสียจนเจ้าชมนาดผวาถดกายหนี

“หึหึหึ...ตกใจหรือเจ้า”ผละออกแลพระสรวลน้อยๆ เมื่อเห็นดวงหน้าหวานซีดแลตื่นตระหนก นัยน์ตากวางเบิกกว้าง กลีบปากแดงเผยอเบะออก

“ทรงเล่นกระไรพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันตกใจหนา”

“โอ๋..พี่ก็แค่หยอกเล่นดอกเมียจ๋า”

“.....”เงียบมิโต้ตอบ

“โกรธเคืองพี่หรือน้อง...พี่ขอโทษหนา”

“.....”มิตอบแต่ผินกายเดินหนีออกมาจากโรงเก็บฟาง จนองค์ภุมรินพระทัยเสีย ด้วยว่าถูกเมียโกรธเข้าเสียแล้ว

“เจ้าชมนาด...เมียจ๋า พี่ขอโทษหนาเจ้า”เสด็จตามมาโอบประคองกายบางอย่างเอาอกเอาใจ

“.....”

“โธ่..เจ้าชมนาดจ๋า พี่ขอโทษคนดี”พลิกกายบางให้หันกลับมา แทนที่จักได้ทอดพระเนตรเห็นใบหน้าหวามงอง้ำ แต่เจ้าชมนาดกลับระบายยิ้มเต็มดวงหน้า

“ฮะฮ่าๆๆ...ทรงตกพระทัยหรือพระเจ้าค่ะเสด็จพี่ คิกๆๆ”หัวเราะเสียงใสจนพระภัสดาหรี่พระเนตรมองอย่างหมั่นเขี้ยว ถูกเอาคืนเข้าให้แล้ว

“แกล้งพี่ดอกหรือ”

“ใครจักกล้าโกรธเคืองพระองค์เล่าพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...ร้ายกาจนัก”

“ทรงรู้หรือไม่พระเจ้าค่ะ...ว่าสิ่งที่ร้ายกว่าราชสีห์...”

“.....”

“...ก็คือเมียของมัน”

“หึ ฮะฮ่าๆๆ..เจ้าชมนาด เจ้ามันร้ายนัก”

“ร้ายแลรักหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“รัก”ตรัสแล้วก็ยิ้มให้แก่กัน เจ้าชมนาดโผเข้ากอดพระภัสดาเต็มรัก ออดอ้อนคลอเคลียพระอุระกว้าง องค์ภุมรินเองก็ตระกองกอดเมียรักแนบแน่นเช่นกัน

“ทูลฝ่าบาท ท่านเศรษฐีให้มากราบทูลว่าสำรับตั้งแล้วแล้วพะย่ะค่ะ”เสียงขององครักษ์สุธีทำให้ทั้งสองพระองค์ต้องผละออกจากกัน

“อืม”


.
.
.


“ท่านพ่อ ทนเยอะๆหนาขอรับ”ตรัสแล้วก็ตักแกงให้คนเป็นพ่อ

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ พระชายา”ยิ้มรับอย่างเป็นสุข แลตักข้าวเข้าปาก ได้มินานบ่าวสาวก็ขึ้นเรือนมาเรียนเจ้าบ้านว่ามีแขกมาเยือน

“คุณท่านเจ้าขา คุณการะเกดแลคุณสุพจน์มาเจ้าค่ะ”เมื่อทราบว่าใครมาทั้งสามก็ชะงักไปชั่วครู่

“ใครมาหรือเจ้าคะท่านพ่อ เหตุใดคนจึงเต็มบ้านเช่นนี้...”เมื่อหญิงสาวขึ้นมาบนเรือนพร้อมสามีก็เอ่ยถามเสียงห้วนโดยไม่ได้ดูเลยว่ามิได้มีแค่พ่อตน

“การะเกด เหตุใดยังมิถวายความเคารพพระองค์ท่านอีก”ตำหนิบุตรสาวที่ยืนนิ่งตะลึงค้าง

“อ่ะ เอ่อ..ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท”ทรุดหมอบกราบ พร้อมคนเป็นสามี วันนี้นางแค่กลับมาเยี่ยมเยียนคนเป็นพ่อหลังจากออกเรือนไปเสียนาน ความจริงนางมิได้ตั้งใจจักมาเยี่ยมคนเป็นพ่อดอก หากแต่ต้องการแยกสามีที่กำลังติดพันเมียบ่าวในเรือนเท่านั้นจึงแสร้งอุบายว่าใคร่กลับมาเยี่ยมบิดา แลลากเอาสามีมาด้วย มิคิดว่าจักได้มาเจอน้องชายนอกคอกกับเจ้าหลวงหนุ่มรูปงามเข้าพอดิบพอดีเยี่ยงนี้

“คุณพี่การะเกดเป็นอย่างบ้างขอรับ”เจ้าชมนาดเอ่ยถาม

“มีตาเจ้าก็ดูสิ...”

“การะเกด!! เหตุใดจึงพูดจาเยี่ยงนั้นกับพระชายา”

“พระชายาหรือเจ้าคะท่านพ่อ!!”มิคาดคิดว่าชมนาดจักได้เป็นถึงพระชายาของเจ้าหลวง นางคิดว่าอย่างมากน้องชายก็คงเป็นได้แค่สนมปลายแถวเท่านั้น

“ขอประทานอภัยพระองค์ประเดี๋ยวนี้!!”

“มิเป็นไรดอกขอรับท่านพ่อ ข้ามิถือดอก”

“มิได้พะย่ะค่ะพระชายา..ยังมิทำอีกรึ”

“เอ่อ..ขะ ขอประทานอภัยเพคะพระชายา”หมอบกราบน้องชายต่างมารดาอย่างเสียมิได้

“มิเป็นไรดอกขอรับท่านพี่การะเกด”

“ขอบพระทัยเพคะ”ว่าแล้วก็ช้อนตามองพระพักตร์งามของเจ้าหลวงหนุ่ม พระภัสดาของน้องชาย ทรงงามกระไรเช่นนี้หนา สามีนางที่เป็นบุตรชายท่านขุนนั้นเทียบมิติดเลยด้วยซ้ำ กลีบปากงามแย้มยิ้มทอดสะพานให้ชายสูงศักดิ์ หากแต่พระองค์ทำเพียงเบือนหน้าหนีแลเอาอกเอาใจเจ้าชมนาดต่อมิได้สนใจในตัวหญิงสาวแต่อย่างใด มิต่างกับสุพจน์ที่จับจ้องพระชายามิวางตา น้องเมียที่ตนเกี้ยวพาราสีตั้งแต่ยังมิแต่งงาน บัดนี้กลายเป็นถึงพระชายา เป็นเมียของชายสูงศักดิ์ที่ตนมิอาจเทียบได้ ใครจักเชื่อว่าไอ้ขี้ครอกจักกลายเป็นเจ้าหลวงผู้ที่มีอำนาจบารมีที่สุดในแผ่นดินนี้ แลดูน้องชมนาดสิ ช่างงามผุดผาดราวกับนางอัปสรในวรรณคดี รอยยิ้มนั่นที่มอบให้พระภัสดาช่างน่าหลงใหลกระไรเยี่ยงนี้ เสียดายนักที่มิมีโอกาสได้เชยชม












***********************************************************************






หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๐๓.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 03-05-2017 14:03:04
หวังว่าจะไม่มีเรื่องตามมานะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๐๓.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 03-05-2017 16:32:04
ดีๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๐๓.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 03-05-2017 16:58:13
ไม่ถึงกับแหวกแนว แต่คำบรรยายและราชาศัพท์ที่ใช้มันทำให้เนื้อเรื่องดูน่าติดตาม
อ่านแล้วแบบ เฮ้ย มันก็ใช้ได้ อ่านแล้วไม่ได้สะดุด
ตั้งแต่อ่านมาเพิ่งเคยเห็นคำนี้แหล่ะ "พระคุยหฐาน" ที่ใช้แทนตน อ่านตอนแรกนึกว่าน้องชมนาดจะเรียบร้อยเจียมตัวตามประสาลูกเมียเล็ก
ที่ไหนได้แอบปากร้ายแล้วก็ดื้อแพ่ง ก็น้องเพิ่งอายุ 15 ปีเองนะ เจ้าหลวงพรากผู้เยาว์ คึคึ แต่สมัยก่อน 15 ก็ออกเรือนได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๓ ๐๓.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 03-05-2017 17:48:04
เวรกำ หวังว่าจะไม่มีเรื่องแบบการะเกดใช้เสน่ห์กับเจ้าหลวงแล้วได้เข้าวังไปเป็นเมียเจ้าหลวงอีกคนน้าาา ไม่นะะ T_T (หลังจากโล่งอกจากแม่ปิ่นไปแล้วต้องมาเจอกับการะเกดอีก เฮ้อออออ)
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๐๗.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 07-05-2017 16:37:16



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑๔



   ทั้งห้าคนนั่งอยู่ที่โถงเรือน โดยองค์ภุมรินแลพระชายาชมนาดประทับอยู่บนตั่งไม้สักหลังใหญ่ เศรษฐีเฒ่านั่งบนตั่งไม้อีกตัวที่เล็กและต่ำกว่าทางด้านข้าง ส่วนบุตรสาวแลบุตรเขยนั่งหมอบอยู่ที่พื้นเรือน

“คุณพี่เจ้าคะวันนี้อิฉันจักนอนค้างที่บ้าน หากคุณพี่ใคร่อยากกลับเรือนก่อนก็ไปเถิดหนาเจ้าคะ ประเดี๋ยวอิฉันหายคิดถึงบ้าน คิดถึงท่านพ่อแล้วจักกลับเองเจ้าค่ะ”การะเกดกล่าวกับสามี

“หากน้องใคร่อยากนอนบ้านพี่ก็จักนอนเป็นเพื่อนเองหนา”คนเป็นเมียชักสีหน้าเล็กน้อย

“เยี่ยงนั้นพ่อจักให้บ่าวจัดห้องให้หนาแม่การะเกด”

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ...แลฝ่าบาทประทับที่ไหนหรือเพคะ”เอ่ยถามองค์ภุมรินเสียงอ่อนเสียงหวาน

“ข้าอยู่ที่เรือนเล็กกับเจ้าชมนาด มีกระไรหรือแม่”

“เหตุใดจึงไปประทับที่เรือนเล็กเล่าเพคะ ที่เรือนเล็กนั้นเล็กคับแคบ แลไม่สะดวกสบายเท่าเรือนใหญ่”

“ข้าใคร่พักที่เรือนเล็กเอง แม่มีปัญหากระไรหรือ”ตรัสถามเสียงเรียบ หากแต่พระเนตรคมดุกลับฉายแววไม่พอพระทัยจนการะเกดรีบก้มหน้างุดด้วยกลัวอาญา

“มิกล้าเพคะ”

“...ท่านเศรษฐี”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ข้าใคร่อยากพาเจ้าชมนาดไปพักก่อน กำลังท้องกำลังไส้...ประเดี๋ยวได้เวลาอาหารเย็นข้าจักพาเจ้าชมนาดมาใหม่”

“อ่อ..พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“มิเป็นไรดอกพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันมิค่อยเหนื่อยเท่าใดดอก”

“ทรงพักผ่อนก่อนเถิดพะย่ะค่ะพระชายา...ประเดี๋ยวองค์รัชทายาทในครรภ์จักประชวรเอาได้หนา”

“..ไปเถิดน้อง”

“ก็ได้พระเจ้าค่ะ..ท่านพ่อไว้เย็นนี้ข้าจักมาทานข้าวเย็นด้วยหนาขอรับ”
“พะย่ะค่ะพระชายา”

“ท่านพ่อเจ้าคะ”หลังจากที่ทั้งสองพระองค์เสด็จกลับเรือนเล็กแล้ว การะเกดก็เอ่ยปากถามคนเป็นพ่อทันที รวมถึงสามีหนุ่มที่นั่งฟังอย่างใคร่รู้ใคร่เห็น

“หืม...”

“ชมนาด...เอ่อ พระชายาทรงครรภ์หรือเจ้าคะ”

“อืม ใช่ทรงครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว”ตอบแลยิ้มอย่างเป็นสุข อีกไม่นานคงได้อุ้มหลานเป็นแน่

“แต่ทรงเป็นชาย เหตุใด...”

“ทรงเสวยยาที่แม่เฒ่าปรุงจึงได้ตั้งครรภ์”

“แม่เฒ่าคือใครเจ้าคะ”

“แม่เฒ่า...คือหมอไสยประจำวังหลวง เก่งกาจนัก ว่ากันว่านางมองอนาคตได้แม่นยำราวตาเห็น หนำซ้ำยังปรุงยาวิเศษได้อย่างน่าอัศจรรย์ ยาที่นางปรุงทำให้บุรุษมีครรภ์ได้เยี่ยงสตรี แลยังทำให้บาดแผลหายได้ภายในวันเดียว อีกทั้งยังทำให้คนแก่กลับมามีแรงได้เยี่ยงคนหนุ่มอีกด้วย ราวกับแม่มดก็มิปาน”

“ขนาดนั้นเชียวหรือเจ้าคะ”

“อื้ม”

“น่าอัศจรรย์นัก”


.
.
.

   การะเกดแอบย่องหนีพ่อแลสามีมาที่โรงครัว จัดการสั่งบ่าวไพร่ให้เตรียมขนมจัดใส่พานทองเหลืองอย่างสวยงาม กลีบปากงามคลี่ยิ้มพึงพอใจ ก่อนลงทุนยกพานขนมหวานไปที่เรือนเล็กด้วยตนเอง เมื่อไปถึงก็ต้องชักสีหน้าเมื่อข้าหลวง แลองครักษ์หลวงมิให้นางเข้าไปในเรือนเล็ก

“เหตุใดจึงมอให้ข้าเข้าเฝ้า ข้าเป็นพี่สาวของพระชายาหนา!!”หญิงสาวว่าเสียงกร้าว พานขนมนี่ก็หนักเหลือ จักให้นางยืนตากแดดถืออีกนานหรือไม่

“พระชายาทรงบรรทมพักผ่อนอยู่ข้าคงให้แม่เข้าไปมิได้ดอก”องครักษ์สุธีกล่าว นางจำได้ชายผู้นี้ที่ตามเสด็จฝ่าบาทตอนที่ปลอมพระองค์เป็นคนป่า

“ข้ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาท หาใช่พระชายาไม่!!!”

“....”ยังมิทันที่องครักษ์หลวงสุธีจักได้กล่าวกลับไป อุ่นก็ออกมาพร้อมกับกล่าวเชิญหญิงสาว

“เชิญคุณการะเกดเจ้าค่ะ”

“หึ”หญิงสาวเหยียดยิ้มแลสะบัดหน้า ก้าวขึ้นเรือนไป

   ข้าหลวงสาวเปิดประตูห้องนอนให้การะเกด หญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ราวกับจักใช้รอยยิ้มหวานนี้มัดใจพระภัสดาของน้องชาย ร่างบางทรุดนั่งกับพื้นเรือน ก้มหน้าท่าทางเขินอาย เหลือบเห็นเงาลางๆว่าพระบาทอยู่ตรงหน้า วางพานขนมไว้ข้างกาย แลหมอบกราบแทบพระบาทบางอย่างอ่อนช้อย

“ถวายพระพรเพคะ..หม่อมฉันนำขนมหวานมาถวายเพคะ”

“...มิต้องลำบากดอกขอรับคุณพี่การะเกด ฝ่าบาทมิโปรดขนมหวานสักเท่าใด แลข้าก็กำลังท้องไส้ กินขนมหวานเช่นนี้มิดีต่อองค์รัชทายาทในท้องดอก”เสียงหวานของเจ้าชมนาดดังขึ้น ทำให้การะเกดรีบเงยหน้าขึ้น ภาพเบื้องหน้าคือชมนาดที่นุ่งผ้าแถบคาดอกสีหวานแลโจงกระเบนสีอ่อน ส่วนองค์ภุมรินนั้นทรงประทับอยู่บนเตียงนอนทอดพระเนตรมองมาที่นางอย่างขำขัน นี่นางกราบเท้าชมนาดดอกหรือ!!

“ชะ...พระชายา”

“จ้ะ..ข้าเอง”ว่าแล้วเสด็จไปประทับข้างพระภัสดา

“....”

“คุณพี่มาถึงเรือนเล็ก เพียงแค่นำขนมหวานมาถวายแค่นี้หรือขอรับ”เจ้าชมนาดเอ่ยถาม ฝ่ามือเล็กลูบท้องนูนของตนอย่างเคยชิน

“พะ ..เพคะ”

“อืม...แลออกเรือนไปกับคุณพี่สุพจน์ เป็นอย่างไรบ้างหรือขอรับ”

“..สบายดีเพคะ”

“แลมีวี่แววว่าจักมีหลานให้ท่านพ่อท่านหรือไม่ขอรับ”ถามยิ้มๆ เอนกายพิงพระอุระกว้างขององค์ภุมรินที่เข้าคลอเคลีย

“ยังมิมีเพคะ”

“...เยี่ยงนั้นหรือ น่าเสียดายนัก”


   พูดคุยได้มินาน การะเกดก็ขอตัวกลับ เนืองจาก มีเพียงชมนาดเท่านั้นที่พูดคุยกับนาง ส่วนฝ่าบาทนั้นหาได้ชายตาแลนางไม่ ทรงง่วนอยู่แต่เอาอกเอาใจเจ้าน้องนอกคอก

“ฮึย!!”อุตส่าห์คิดไว้แล้ว เจ้าชมนาดบรรทมพักผ่อน นางคงจักได้เฝ้าฝ่าบาทสองต่อสอง ไฉนจึงกลายเป็นเช่นนี้ หญิงสาวเดินกระแทกส้นเท้ากลับไปยังเรือนใหญ่

“ไปไหนมาหรือน้องการะเกด”สุพจน์เอ่ยถามเมื่อเมียเข้าห้องมาด้วยใบหน้างอง้ำ

“ไม่ยุ่งจักได้ไหมเจ้าคะ!!!”ตวาดใส่สามีก่อนจะกระแทกกายลงบนเตียง หันหลังให้ชายหนุ่ม

“.....”เพราะเหตุนี้แล สุพจน์ถึงได้ไปมีเมียบ่าว เมียบ่าวมันช่างออดช่างอ้อน ฉอเลาะ หาได้ทำตัวน่าเบื่อเยี่ยงเมียผู้ดี

“......”


.
.
.


“ขอประทานอภัยหนาเพคะ..ทรงเสวยแกงสับนกนี่ดูหนาเพคะ รสชาติจัดจ้านเชียวเพคะ”ว่าพลางยกถ้วยแกงสับนกถวายองค์ภุมรินที่ประทับอยู่สูงกว่าตน

“...ขอบคุณหนาขอรับคุณพี่การะเกด แต่คุณพี่กินเถิด ประเดี๋ยวข้าจักปรนนิบัติพระภัสดาเอง”เจ้าชมนาดว่าแลป้อนข้าวใส่พระโอษฐ์พระภัสดาที่อ้ารับพร้อมแย้มพระโอษฐ์น้อยๆ

“เอ่อ..เพคะ”ก้มหน้าซ้อนสีหน้าไม่พอใจ

“ทรงเสวยแกงนี่ดูหนาพระเจ้าค่ะ ว่าโปรดหรือไม่ หากทรงโปรดกลับวังหลวงไปน้องจักทำถวาย”ว่าแล้วก็ป้อนแกงพื้นบ้านให้พระภัสดา

“อืม..เจ้าป้อนกระไร หรือทำกระไรถวาย พี่ก็โปรดทุกอย่างแล”

“พระเจ้าค่ะ”ยิ้มหวานแลปรนนิบัติผัวต่อ

“พระชายาพะย่ะค่ะ”

“หืม..คุณพี่สุพจน์มีกระไรหรือ”

“ทรงเสวยน้ำพริกมะขามนี่ดูไหมพะย่ะค่ะ...รสชาติเปรี้ยวหวานคงถูกพระทัย หม่อมฉันจำได้ว่าทรงโปรดใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”

“จ้ะ...แต่ข้ากำลังท้องกินรสจัดคงมิดีกับลูกเป็นแน่”เจ้าชมนาดตอบพร้อมรอยยิ้มบาง แต่ถูกพระภัสดาบีบเข้าให้ที่บั้นท้ายอย่างมิให้ใครเห็น พระพักตร์เรียบตึงจนเจ้าชมนาดต้องรีบยิ้มประจบแลจับพระหัตถ์ขึ้นลูบปลอบ


.
.
.


หลังจากที่เสวยพระกายาหารค่ำแล้วก็ทรงเสด็จกลับเรือนเล็กพร้อมชายา เมื่อถึงเรือนเล็กก็ทรงมิพูดมิจา เปลื้องอาภรณ์แลหอบหิ้วเอาเมียรักเข้าสรงน้ำในห้องน้ำหลังเล็กที่ตั้งอยู่หลังเรือน

“อ๊ะ..เสด็จพี่พระเจ้าค่ะ อื้อ...เบาหน่อยเถิด อึ๊”เจ้าชมนาดหวีดเสียงสั่นจนข้าหลวงที่อยู่ด้านนอกรอรับคำสั่งมองหน้ากันเลิกลั่ก

“อ่า...เจ้าชมนาด”พระสุระเสียงคำรามให้ผู้ที่ได้ยินมือสั่น ใจสั่น

“อ๊ะ....ทะ ทรงเป็น อา กระไรไปพระเจ้าค่ะ”เสียงกหวานครางเครือ ปทุมนุ่มหยุ่นที่ขึ้นเป็นกระเปาะเพราะตั้งครรภ์ถูกบีบเค้นเสียจนขึ้นรอยพระองคุลี กลีบปากอิ่มถูกพระโอษฐ์ป้อนจูบ ดูดดีงอย่างเอาแต่พระทัย

“อื้ม...เจ้าเป็นเมียข้า เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว”รับสั่งเสียงกร้าวจนเจ้าชมนาดตัวสั่นหวาดกลัว

“...พระเจ้าค่ะ หมะ หม่อมฉันเป็นเมียพระองค์ เป็นของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว”ว่าแล้วก็ทำใจกล้าเข้ากอดคลอเคลียที่ซอกพระศออย่างออดอ้อน ริมฝีปากนุ่มกดจูบไปทั่วพระรากขวัญ ดูดเม้มแผ่วเบาสร้างรอยรักบนพระวรกายของพระภัสดา

“.....”ทอดพระเนตรดวงหน้าหวานของเมีย ก่อนจักโน้มพระพักตร์ป้อนจูบอ่อนหวานปลอบขวัญเจ้าชมนาด ทรงจำได้ว่าไอ้สุพจน์บุตรชายท่านขุนคนนี้มันคิดไม่ซื่อกับเจ้าชมนาด ตั้งแต่ก่อนแต่งกับแม่การะเกดเสียอีก ยิ่งวันนี้ที่ทรงทอดพระเนตรเห็นแววตาของมันแล้ว ความหึง ความหวงก็เล่นงานพระองค์เสียจนจุกอกจนต้องลากน้องน้อยที่กำลังท้องมาฟัดเสียจมเขียวเช่นนี้

“หม่อมฉันรักพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ”กล่าวชิดพระโอษฐ์ หลังจากพระภัสดาถอนจูบออก เจ้าชมนาดหอบน้อยๆ องค์ภุมรินคว้าผ้าผืนใหญ่มาพันรอบกายบางก่อนจะช้อนอุ้มน้องออกจากห้องน้ำแคบ บรรดาข้าหลวงต่างทำกระไรมิถูกเมียเจ้าหลวงทรงอุ้มพระชายาออกจากห้องน้ำในสภาพเปลือยท่อนบน


.
.
.


“อื้อ..เสด็จพี่พระเจ้าค่ะ...อะ อา”อกบางแอ่นจนแผ่นหลังโค้งงอนราวคันศรเมื่อพระอังคุฐบดขยี้ยอดอกตนสลับบีบดึง เรียวขาเล็กถูกจับแยกออกจากกันให้พระภัสดาแทรกพระวรกายลงตรงกลาง

“เมียจ๋า...”

“เสด็จพี่...เบาหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวลูกจักเจ็บ”ประคองพระพักตร์งามด้วยสองมือ ก่อนจะใช้ลิ้นเล็กแลบเลียพระโอษฐ์อุ่น องค์ภุมรินประคองแผ่นหลังเปลือยเนียนด้วยพระหัตถ์ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเลื่อนลงลูบต้นขานุ่ม

“จ้ะ...มิต้องกลัวหนา พี่จักทำเบาๆ”หอมปรางนุ่ม หอมไหล่นวล ไล้พระนาสิกลงมาตามเรียวแขนเล็กขบเม้มหยอกเอินผิวนุ่ม พระวรกายกำยำเคลื่อนลงจนพระพักตร์อยู่ที่หน้าท้องกลมนูน พระโอษฐ์อุ่นแนบจูบพลางใช้พระชิวหาไล้เลียที่แอ่งสะดือขาว พระทันต์ขบเบาๆทิ้งรอยแดงระเรื่อ

“อ๊ะ...ฮะฮ่าๆๆ เสด็จพี่”สะดุ้งก่อนจะหัวเราะเสียงใสเมียหน้าท้องบางกระตุกจากแรงถีบเตะของคนในท้อง

“หึหึหึ...อยากให้พ่อเข้าไปหาหรือลูก”ตรัสถามองค์รัชทายาทในครรภ์พลางคลอเคลียพระโอษฐ์กับหน้าท้องกลม พระสรวลเล็กน้อยเมื่อเจ้าตัวน้อยออกแรงเตะจนหน้าท้องของเจ้าชมนาดกระตุกมาโดนพระโอษฐ์องค์ภุมริน

“เสด็จพี่...”มือเล็กยกลูบหน้าท้องตน ก่อนจะกัดปากเชิดหน้า เมื่อยอดอกถูกครอบครองแลถูกรังแกด้วยพระชิวหาร้อน ดูดดึงเสียจนแดงช้ำ

“...จุ๊บ”กดจูบไปทั่วแผ่นอกบางจนเกิดเสียง ฝ่าพระหัตถ์กอบกุมก้อนเนื้อนุ่มที่ห่อหุ้มกลีบชมนาดไว้เสียเต็มพระหัตถ์ บีบเค้นให้เมียดิ้นเร่า วงแขนเล็กเสลาวาดกอดรอบพระอังสะ รสรักของพระภัสดาแม้จักอ่อนโยนแต่ก็แฝงไปด้วยความเอาแต่พระทัย แลเร่าร้อนเข็ดฟัน พระมัชฌิมาแตะคลึงที่ปากทางจนเจ้าชมนาดตัวสั่น ผงกหัวอ้อนขอจุมพิตราววิฬารยั่วสวาท องค์ภุมรินคว้าพระเขนยมารองสะโพกอิ่มจนลอยเด่น ขยับพระมัชฌิมาเข้าออก ควานเป็นวงกลมจนเจ้าชมนาดบิดเอวร่อนตาม ถอนออกก่อนจะกดเข้าไปใหม่พร้อมพระดัชนี พระองคุลีทั้งสองบิดหมุนเขย่า ดึงเข้าออก จนเจ้าชมนาดเกร็งเท้าจิกพระยี่ภู่แน่น เอวบางบิดยกราวคณิการ่านรัก จิกเล็บระบายความซ่านลงบนพระขนองจนเป็นรอย ดวงหน้าหวานชื้นเหงื่อแหงนหงาย อ้าปากครางเสียงสั่นเครือ

“สะ สะ เสด็จพี่ อ๊าาา หมะ หม่อมฉัน อ๊ะ...อื้อออ”ผวายกสะโพกตามเมื่อพระภัสดาถอนองคุลีร้ายทั้งสองออก หวีดเสียงหลงเมื่อแทรกกลับเข้ามาอีกคราด้วยจำนวนที่มากกว่าเดิม พระองคุลีทั้งสามคับแน่นอยู่ในกลีบชมนาดที่รัดรึงตอดตุบๆ

“รักพี่ไหมคนดี”

“ระ รักพระเจ้าค่ะ หมะ หม่อมฉันรักพระองค์ รักพระองค์คนเดียวหนาพระเจ้าค่ะ”ทูลเสียงสั่น นัยน์ตากวางคลอน้ำด้วยอารมณ์สวาทลุกฮือ

“ให้พี่เข้าไปหาลูกหนา”กระซิบชิดใบหูขาว ก่อนจักไล้พระชิวหาดูดดึงติ่งหูนุ่มนิ่มราวกับขนมหวาน

“ฮื่อออ...ทรงเข้ามาเถิดพระเจ้าค่ะ น้องจักขาดใจตายแล้ว”ฝ่ามือเล็กลูบไล้พระอุระที่แน่นไปด้วยกล้ามพระมังสะ นิ้วเล็กบดบี้ยอดพระถัน ก่อนจักเลื่อนใบหน้าหวานชิดพระอุระ ลิ้นเล็กไล้เลียดูดดุนยอดพระถันสีเข้มเสียจนพระภัสดาครางคำราม พระหัตถ์ใหญ่ผลักต้นขาน้องแยกออกจากกันวางตั้งฉากกับพระแท่นบรรทม จับพระคุยหฐานถูไถที่กลีบชมนาดสีสด กดพระกฤษฎีจนท่อนเนื้อมุดหายเข้าไปจนมิด พระอูรุแนบสนิทกับก้อนเนื้อนุ่มคู่

“อ่าาา..ซี๊ด เมียจ๋า”หอมซอกคอน้องเสียฟอดใหญ่เสียงดัง พระทนต์แทะเล็มหัวไหล่มนจนเจ้าชมนาดครางหงิงๆ

“อะ อื้อ หือออ”

“อาาาา”

“อ่ะ อึ๊ เสด็จพี่ อ๊ะ อ๊าาา”เจ้าชมนาดซบใบหน้ากับพระอังสา ลิ้นเล็กไล้เลียพระกรรณอย่างเอาพระทัย แขนเสลากอดรัดพระขนอง พระกรกอดรัดร่างเมียจนแผ่นหลังเนียนลอยไม่ติดพระยี่ภู่ พระหัตถ์ดึงกลุ่มผมยาวจนเจ้าชมนาดหน้าหงาย พระโอษฐ์แนบป้อนจูบตะกรุมตะกรามให้จนพระเขฬะไหลเปรอะขอบปากน้อง พระโสณีขยับกระทั้นเข้าหากลีบชมนาดช้ำ แต่ก็ยังทรงยั้งแรงไว้พอควร หน้าท้องขาวกระตุกถี่ราวกับคนในครรภ์กำลังประท้วงคนเป็นพ่อแลแม่ องค์ภุมรินประคองแผ่นหลังบางพลิกพระวรกายให้เจ้าชมนาดขึ้นคร่อมพระองค์

“เสด็จพี่”

“ขยับสิน้อง”ทรงประทับพิงหัวเตียง ประคองเมียรักที่นั่งคร่อมพระเพลา จับแขนเล็กโอบรอบพระศอ พระกรกอดประคองเอวบาง พระกฤษฎีเสยสวนขึ้นจนเจ้าชมนาดหวีดร้องด้วยความเสียวซ่าน สะโพกเล็กเบียดคลึงอยู่บนพระเพลาราวกับเต้นรำก็มิปาน จับยึดพระอังสะไว้มั่นออกแรงขย่ม ร่อนเอวเสียจนพระภัสดาพระพักตร์เหยเก ใบหน้างามแหงนเชิด อ้าปากหอบรับอากาศเข้าปอด


.
.
.



   เจ้าชมนาดนั่งพิงหัวเตียงด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงพันกันเป็นกระจุก ผ้าแถบคาดอกสีหวานหลุดลุ่ยเสียจนเผยให้เห็นเม็ดบัวสีหวานวับๆแวมๆ เนื้อตัวขาวจัดมีรอยพระองคุลีแลรอยรักกระจายทั่ว ดวงหน้างามดูมึนงง ฝ่ามือเล็กลูบครรภ์ตนไปมา


แอ๊ดดดด


เสียงบานประตูไม้เปิดอ้า เรียกให้เจ้าชมนาดหันมอง ก็พบพระภัสดาที่ถืออ่างน้ำทองเหลืองเข้ามาพร้อมผ้าผืนเล็ก

“ตื่นแล้วหรือน้อง...เป็นเยี่ยงไรบ้าง”ทรงวางอ่างน้ำไว้บนโต๊ะข้างเตียง แลหันมาโอบกอดคลอเคลียเมียรัก พระนาสิกสูดหอมปรางนวลฟอดใหญ่

“เสด็จพี่พระเจ้าค่ะ”เรียกพระภัสดาเสียงอ่อย ใบหน้าหวานเอียงซบพระอังสะ นัยน์ตากวางหลับพริ้ม

“หิวไหมจ๊ะ...เลยเวลาอาหารเช้ามาหลายชั่วยามแล้วหนา”พระหัตถ์ลูบแผ่นหลังบางปลอบ

“พระเจ้าค่ะ”พยักหน้าน้อยๆ แต่มิลืมตา

“ตัวรุมๆจักจับไข้หรือ”

“....มิทราบพระเจ้าค่ะ”ตอบเสียงงัวเงีย

“เช่นนั้นเช็ดตัวก่อนหนา ประเดี๋ยวพี่จักให้อุ่นเตรียมสำรับให้”

“พระเจ้าค่ะ”ว่าแล้วก็นั่งซบพระอุระนิ่ง ปล่อยให้พระภัสดาเช็ดตัว หวีผม แลเปลี่ยนผ้าให้

“กินหน่อยหนาคนดี”ทรงป้อนข้าวเมียอย่างเอาอกเอาใจ เจ้าชมนาดอ้าปากรับอาหารที่พระภัสดาป้อน แต่ตาแทบจักลืมมิขึ้น

“เสด็จพี่..พอแล้วพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นเจ้านอนพักหนาเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”รับน้ำลอยดอกมะลิจากพระภัสดามาดื่มล้างปากก่อนจักเอนกายลงนอน นัยน์ตากวางหลับพริ้ม มินานก็เข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความเหนื่อยอ่อน ราตรีที่ผ่านมากว่าองค์ภุมรินจักยอมปล่อยพระชายาออกจากกรงเล็บราชสีห์ก็ยามสี่เข้าให้แล้ว
พระหัตถ์ลูบผมยาวที่แผ่เต็มหมอนกล่อมน้องน้อยแลองค์รัชทายาทในครรภ์ เจ้าชมนาดหลับสนิท พระภัสดาจึงดึงผ้าแพรขึ้นปิดถึงแผ่นอกบาง ก่อนจะเสด็จออกจากห้องนอน เสด็จเดินเล่นอยู่รอบๆเรือนเล็ก ต้นไม้ที่พระองค์เคยปลูกครั้งปลอมพระองค์เป็นคนป่าก็งอกเงยโตวันโตคืน รวมทั้งต้นลำไยที่ทำให้พระองค์ปล้นจูบแรกจากเจ้าชมนาดด้วย ใคร่อยากให้ข้าหลวงขุดไปปลูกต่อที่วังหลวงเสียจริง พระโอษฐ์ยกยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงความหลัง เจ้าชมนาดในตอนนั้นช่างพยศนัก แลดูตอนนี้เถิดเชื่องเสียยิ่งกว่าวิฬารน้อย อย่าว่าแต่เจ้าชมนาดเชื่องกับพระองค์เลย พระองค์เองก็เชื่องกับเจ้าชมนาดราวกับราชสีห์ถอดเขี้ยว

“ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท”เสียงหวานแหลมดังขึ้นด้านหลัง พระโอษฐ์หุบยิ้ม สายพระเนตรคมดุตวัดมององครักษ์หลวงคนสนิทอย่างตำหนิที่ปล่อยให้นางผู้นี้เข้ามา องครักษ์สุธีก้มหน้าอย่างลุแก่โทษ

“มีกระไรหรือแม่”ตรัสถามเสียงเรียบมิยินดียินร้าย

“อะ เอ่อ...ทรงเกษมสำราญหรือไม่เพคะ”

“อืม..”

“เอ่อ ละ แล้ว...”

“เฮ้อ...ข้าขอตัวก่อนหนาแม่ จักต้องไปดูเจ้าชมนาดก่อน”

“ไปดูชม...เอ่อ พระชายาทำไมหรือเพคะ”

“.....”ทอดพระเนตรมองอย่างมิสบอารมณ์

“เอ่อ...”

“......”มิกล่าวสิ่งใด เสด็จเดินหนีออกมา

“ฝะ ฝ่าบาท...ค่ำนี้จักทรงรวมโต๊ะกับท่านพ่อหรือไม่เพคะ”

“ก็คงร่วม”

“ยะ เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักทำพระกายาหารถวายหนาเพคะ”

“จักทำกระไรก็ทำเถิดแม่”...ข้ารำคาญเจ้านัก


   ทรงเสด็จกลับขึ้นเรือนเล็ก แลกลับเข้าห้องไปหาเมีย เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบเจ้าชมนาดนั่งมองมาที่พระภัสดา

“หืม...เหตุใดจึงตื่นเร็วนักเล่าเจ้าชมนาด”ตรัสถามแลก้าวเข้าไปหาน้องน้อย

“เสด็จพี่...ทรงไปไหนมาหรือพระเจ้าค่ะ”แขนเล็กอ้าออกรอรับกอดจากพระภัสดา

“พี่ไปเดินเล่นรอบๆเรือนนี่แล”กอดร่างบางไว้แลหอมปรางเสียฟอดหนึ่ง

“...หรือพระเจ้าค่ะ”

“นอนต่อไหมคนดี”

“ไม่ดีกว่าพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”


.
.
.



   ค่ำนี้องค์ภุมรินพาเมียรักมาเสวยพระกายาหารกับพ่อตาที่เรือนใหญ่เช่นเคย แลสองผัวเมียก็กวนพระทัยพระองค์เช่นเคย คงจักรวมไปถึงเจ้าชมนาดด้วย ใบหน้างามเรียบตึง เจ้าตัวน้อยในท้องคงแผลงฤทธิ์เข้าให้แล้ว จึงทำแม่หงุดหงิดเช่นนี้ วันนี้เจ้าชมนาดอารมณ์แปรปรวนนักเมื่อกลางวันก็ออดก็อ้อนเสียจนพระองค์ระทวย แต่พอค่ำก็หงุดหงิดเสียจนพระภัสดาต้องเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าชมนาด...อาหารถูกปากหรือไม่”ตรัสถาม

“พระเจ้าค่ะ”เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พระภัสดา แต่คิ้วเรียวยังขมวดเป็นปมอยู่ น่าเอ็นดูเสียจนองค์ภุมรินยิ้มขำ

“เอ่อ...พระชายาพะย่ะค่ะ”

“ขอรับท่านพี่สุพจน์”เสียงหวานขานรับห้วนๆ

“แกงลูกกล้วยนี่การะเกดลงมือทำเองเลยหนาพะย่ะค่ะ รสดีนัก..ทรงชิมหน่อยไหมพะย่ะค่ะ”ว่าแล้วก็ยกถ้วยแกงถวาย

“อึก..”

“เจ้าชมนาด”องค์ภุมรินรีบประคองเมียรักทันทีที่เจ้าชมนาดส่งเสียงแปลกๆ

“เสด็จพี่..อึก อ้วก”เจ้าชมนาดก้มลงอาเจียนจนน้ำตาไหล

“กรี๊ดดดด!!”การะเกดหวีดร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าชมนาดอาเจียนแลกระเด็นมาถูกหล่อน

“พระชายา”ท่านเศรษฐีตกใจรีบรุดมาดูอาการบุตร

“ข้าจักพาเจ้าชมนาดกลับเรือนเล็กก่อน”ว่าแล้วก็ช้อนร่างบางขึ้นแนบพระอุระเสด็จกลับเรือนเล็ก





















*******************************************************************






หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๐๗.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 07-05-2017 17:32:40
น่าติดตามมมมมม
มาเม้นให้กำลังใจจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๐๗.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 07-05-2017 18:06:43
รำคาญสองผัวเมียการะเกดแลสุพจน์
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๐๗.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 07-05-2017 18:38:20
5555ยัยคุณพี่กาลาเกดสมน้ำหน้า ขอบคุณคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  :m20:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๐๗.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 07-05-2017 20:24:42
แรกๆ เหมือนชมนาดจะใสๆ แต่เอาเข้าจริงๆก็แรงใช่ย่อย เอาตัวรอดได้ดีเลยนะ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๐๗.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-05-2017 01:47:00
อยากเห็นหลานล้าวว
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๐๗.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-05-2017 22:36:45
รู้สึกอยากเข้าไปหาลูกบ่อยจังเลยหนาเจ้าหลวง :-[ เบาๆหน่อยถนอมน้องด้วยนะเพคะ

รำคาญการะเกดมากเลย เป็นอะไรมากป่าวอยากได้จริงผัวน้อง :z6:

ชอบชมนาด เป็นคนดีที่ไม่โง่แบบที่ชอบเจอ แบบโดนนางร้ายปั่นหัวหรืออ่อนแอ แต่มีมารยาพอเอาตัวรอดได้ :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๐๗.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-05-2017 16:42:31
ตัวร้ายตายแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๐๗.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: pattapong200320 ที่ 09-05-2017 20:52:24
รอตตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่า
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๐๗.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-05-2017 21:06:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๔ ๐๗.๐๕.๖๐ หน้า ๐๔
เริ่มหัวข้อโดย: namtan15 ที่ 18-05-2017 09:32:20
 :mew4: :katai4: :katai5:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 19-05-2017 22:16:50



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑๕



“กรี๊ดๆๆๆๆๆ”การะเกดหวีดร้องจนเรือนใหญ่แทบจักแตก ท่านเศรษฐีตามไปดูอาการบุตรอยู่ที่เรือนเล็ก ที่เรือนใหญ่เพลานี้ก็มีเพียงสุพจน์แลบ่าวที่ต้องมานั่งฟังเสียงแหลมหวีดร้องของหญิงสาว

“จักหวีดร้องทำไมหนักหนาน้อง!!....”

“เงียบไปหนาเจ้าคะคุณพี่...กรี๊ดดดดด”หวีดร้องระบายอารมณ์เกรี้ยวกราด เจ้าชมนาดบังอาจนัก

“......”ส่ายหน้าแลลงจากเรือน ข้าไปดูอาการพระชายาเห็นจักดีกว่ามานั่งฟังเสียวหวีดร้องแหลมราวกับเปรตเยี่ยงนี้



   สุพจน์เดินไปยังเรือนเล็กอันเป็นที่ประทับขององค์ภุมรินแลพระชายาชมนาด สุพจน์เข้าไปนั่งข้างพ่อตาเฒ่าที่มีสีหน้ากังวล

“คุณพ่อขอรับ..เอ่อ พระชายาทรงเป็นอย่างไรบ้างหรือขอรับ”

“ข้าก็ยังมิรู้ดอก หมอหลวงแลฝ่าบาทท่านยังมิออกมาเลย”


แกร๊ก


“ท่านเศรษฐี”

“ฝะ ฝ่าบาท..พระชายาทรงเป็นกระไรหรือพะย่ะค่ะ ทรงเป็นอย่างไรบ้าง”

“ใจเย็นๆเถิด..เจ้าชมนาดมิได้เป็นกระไรก็แค่แพ้ท้องธรรมดานั่นแล หายไปนานแล้วหนา แต่วันนี้กลับมาแพ้อีก เจ้าตัวน้อยคงมิชอบหน้าใครเข้ากระมังจึงเกเรเยี่ยงนี้”ตรัสแขวะบุตรชายท่านขุนเข้าให้

“เยี่ยงนั้นหรือพะย่ะค่ะ”

“ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิดท่านเศรษฐี เจ้าชมนาดมิเป็นกระไรดอก”

“อ่า..เยี่ยงนั้นกระหม่อมทูลลาหนาพะย่ะค่ะ ไว้วันพรุ่งหม่อมฉันจักมาเยี่ยมพระชายา”

“อืม...”


.
.
.


“เสด็จพี่...ฮึก”เจ้าชมนาดงอแงเมื่ออาการแพ้ท้องกลับมาอีกครา แลอีกทั้งยังมีไข้อ่อนๆอีก

“ไม่ร้องหนาคนดี”ลูบกลุ่มผมนุ่มปลอบ พลางใช้พระดรรชนีปากน้ำตาให้น้องแผ่วเบา

“ฮึก...น้องเจ็บหน้าอกพระเจ้าค่ะ”หมอหลวงผู้ทำการรักษาทูลว่า การที่ทรงเจ็บพระถันนั้นเป็นผลมาจากการตั้งครรภ์ มิได้มีอันตรายใดๆ ก็พอจักทำให้องค์ภุมรินทรงเบาพระทัยไปได้บ้าง

“หืม...ไหนมาพี่นวดให้หนา”ทรงยันพระวรกายตะแคงข้างเข้าหาเจ้าชมนาด ท้าวพระกรกับพระยี่ภู่ ตรัสแลปลดผ้าแถบคาดอกสีหวานของเมียออก เผยให้เห็นหน้าอกเป็นกระเปาะ เม็ดบัวสีหวานบวมตึง พระหัตถ์อุ่นกอบกุมบัวงามดอกเล็กแลออกแรงคลึงเบาๆที่ฐานบัว

“อึก...เสด็จพี่เจ็บพระเจ้าค่ะ ฮึก ไม่เอาแล้ว น้องเจ็บ”ปัดพระหัตถ์ออกก่อนจักพลิกตัวซุกหน้ากับพระอุทร แขนเล็กกอดพระภัสดาไว้แน่น

“เยี่ยงนั้นนอนหนาคนดี..ประเดี๋ยววันพรุ่งตื่นมาก็คงทุเลา”ขยับพระวรกายลงนอนข้างกายบาง

“ฮึก...พระเจ้าค่ะ”มินานเจ้าชมนาดก็เข้าสู่นิทรารมณ์

“อย่าเกเรนักเลยเจ้าภุชงค์...แม่เจ้าไม่สบายเยี่ยงนี้ พ่อใจมิดีหนา”ตรัสกับคนในครรภ์เบาๆ แย้มพระโอษฐ์น้อยๆอย่างมีความสุข ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์ตามเจ้าชมนาดไป


.
.
.


“ทรงเป็นเยี่ยงไรบ้างหรือพะย่ะค่ะ”รุ่งเช้าเศรษฐีเฒ่ารีบรุดมาเยี่ยมบุตรชายแต่เช้า พร้อมสำรับที่มีแต่อาหารบำรุงครรภ์

“ข้ามิเป็นไรแล้วขอรับท่านพ่อ...ต้องขอโทษด้วยที่เมื่อวานทำให้ท่านตกใจ เจ้าตัวน้อยเกิดเกเรกระไรขึ้นมาข้าก็มิรู้”ว่าแล้วยิ้มให้คนเป็นพ่อ

“หากมิเป็นกระไรแล้วหม่อมฉันก็ค่อยเบาใจพะย่ะค่ะ”

“จ้ะ...แลท่านพ่อทานข้าวหรือยังขอรับ”

“ยังเลยพะย่ะค่ะ...หม่อมฉันรีบมาเข้าเฝ้าพระองค์ก่อน แลค่อยกลับเรือนไปกินพะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้น ทานกับข้าซะที่เรือนเล็กนี่เลยสิขอรับ”

“หม่อมฉันมิกวนพระองค์แลฝ่าบาทดีกว่าพะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวจักกลับไปกินที่เรือนใหญ่”

“กวนที่ไหนกันท่านพ่อ ว่าไปนั่นหนาขอรับ”

“อ่า...”

“เยี่ยงนั้นข้าตามใจท่านหนาขอรับ หากจักกลับไปกินที่เรือนใหญ่ข้าจักให้ข้าหลวงแบ่งกับข้าวให้”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”

“จ้ะ...”


   เมื่อพ่อตากลับเรือนใหญ่ไปแล้ว องค์ภุมรินก็หันมาเอาอกเอาใจเมียรัก เจ้าชมนาดคนงามของพระองค์นั่งเอนหลังพิงหมอนสามเหลี่ยมใบโต มือบางลูบครรภ์ตนไปมา

“เจ้าชมนาด”

“พระเจ้าค่ะ”

“พี่ว่าครรภ์เจ้าโตขึ้นหรือไม่หนาน้อง”

“น้องก็ว่าโตขึ้นพระเจ้าค่ะ ย่างเข้าเดือนที่ห้าแล้ว ลูกคงจักตัวใหญ่ขึ้นกระมังพระเจ้าค่ะ”

“ลูกพ่อคงจักแข็งแรงน่าดู”

“คิกๆ คงเป็นเยี่ยงนั้นแลพระเจ้าค่ะ”

“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันคิดว่าครรภ์ของพระชายาทรงใหญ่กว่าหญิงที่มีท้องแรกทั่วไปหนาเพคะ”ข้าหลวงสาวคนหนึ่งเอ่ยทูล

“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”

“หญิงที่มีท้องแรกสี่ ห้าเดือนท้องหรือก็ยังเล็กนิดเดียว แต่ครรภ์ของพระชายาทรงใหญ่ราวกับคนท้องหกเดือน ทั้งๆที่ทรงตั้งครรภ์ได้เพียงสี่ย่างห้าเดือนหนาเพคะ”

“เจ้าว่าครรภ์ข้ามันผิดปกติหรือ”เจ้าชมนาดเบ้หน้าเมื่อได้ฟังที่ข้าหลวงสาวว่า

“ใจเย็นๆก่อนหนาน้อง”รั้งร่างเมียเข้ามาปลอบ ก่อนจะมีรับสั่งให้ตามหมอหลวง


.
.
.


“ทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทในครรภ์ของพระชายานั้นแข็งแรงดีแน่นอนพะย่ะค่ะ”

“แน่หรือ ตรวจแน่แล้วหนา”

“พะย่ะค่ะ หม่อมฉันเอาหัวเป็นประกันเลยว่าองค์รัชทายาทในครรภ์ แลพระวรกายของพระชายานั้นแข็งแรงดีพะย่ะค่ะ”

“แลเหตุใดท้องข้าถึงได้ใหญ่กว่าหญิงท้องแรกคนอื่นเยี่ยงนี้เล่าท่านหมอ”เจ้าชมนาดว่า มือบางคอยโอบประคองครรภ์ตนไม่วางมือ

“เรื่องนี้หม่อมฉันก็มิทราบพะย่ะค่ะ..ขอทรงอภัย หม่อมฉันสมควรตายนัก”หมอหลวงกล่าวก่อนจะหมอบกราบแนบพื้น

“เสด็จพี่...”

“มิเป็นไรหนาน้อง...แลแน่ใจใช่ไหมว่าทั้งเจ้าชมนาดแลลูกข้าแข็งแรง”ตรัสปลอบเมียรัก แลผินพระพักตร์พระปุจฉากับหมอหลวง

“พะย่ะค่ะ หม่อมฉันแน่ใจ”

“อย่าทรงกังวลพระทัยไปเลยเพคะ คงจักมิใช่ทุกคนดอกที่จักท้องเล็ก..หมอหลวงท่านว่าแข็งแรงทั้งแม่แลลูกเยี่ยงนี้คงจักมิมีกระไรดอกเพคะ”อุ่นว่าปลอบพระชายา

“จริงหรืออุ่น”

“เพคะ...อย่าทรงกังวลไปเลยหนาเพคะ ประเดี๋ยวจักกระทบองค์รัชทายาทในครรภ์ได้”

“นั่นสิน้อง...ลูกคงตัวใหญ่กระมังท้องเจ้าจึงใหญ่เยี่ยงนี้”

“คิกๆๆๆ”หัวเราะเสียงใสเมื่อได้ฟังที่พระภัสดาตรัส ลูกคงตัวใหญ่จริงๆกระมัง


.
.
.


   หลังจากให้หมอหลวงตรวจครรภ์แล้ว องค์ภุมรินก็พาเจ้าชมนาดนอนพักภายในห้องนอน พระหัตถ์ลูบกลุ่มนุ่มจนน้องหลับก่อนจะบรรทมตามเมียรักไป หากแต่เพียงไม่นานเจ้าชมนาดก็ลืมตาตื่นขึ้น นัยน์ตากวางทอดมองพระพักตร์งามของพระภัสดา ริมฝีปากนุ่มกดจูบแผ่วเบาบนพระนลาฏ ก่อนจักขยับลุกจากพระเตียงนอน เจ้าชมนาดคว้าผ้าไหมสีหวานคลุมไหล่ตน แลออกจากห้องนอนตน

“พระชายาจักทรงเสด็จไปไหนเพคะ”อุ่นรีบเอ่ยถามเมื่อเจ้าชมนาดก้าวพ้นบานประตู

“พระภัสดาทรงบรรทมอยู่ ข้าว่าจักไปเดินเล่นรอบๆเรือนเสียหน่อย”มือเล็กผลักบานประตูให้ปิดลงเบาๆ ก่อนจักหันมากล่าวกับบ่าวคนสนิท

“ให้บ่าวไปเป็นเพื่อนหนาเพคะ”อุ่นว่าพลางประคองร่างบางท้องโย้ลงบันได

“มิต้องดอกข้าจักไปเอง เจ้าไปเตรียมของว่างถวายฝ่าบาทเถิด หากทรงตื่นบรรทมจักได้เสวยกระไรรองท้องเสียหน่อย”สั่งก่อนจะค่อยเดินประคองท้องตน เดินชมนกชมไม้รอบๆเรือนเล็ก  รอยยิ้มหวานจุดประกายขึ้นเมื่อได้เห็นต้นลำไยที่เมื่อครั้งอดีตได้ออกคำสั่งให้พระภัสดาปลูก ผ่านไปไม่นานเท่าใด แต่ต้นลำไยนี้กลับโตวันโตคืน

“หึ...”เสียงขึ้นจมูกที่ดังขึ้นด้านหลังทำเอาเจ้าชมนาดหุบยิ้ม แลผินกายหันไปมอง

“คุณพี่การะเกด”เอ่ยนามพี่สาวต่างมารดาเบาๆ มือน้อยประคองท้องตน พลางแย้มริมฝีปากยิ้มให้

“ไม่น่าเชื่อเลยหนาว่าเจ้าจักไปไกลขนาดได้เป็นพระชายาของเจ้าหลวง”เอ่ยเสียงแข็งพลางมองน้องชายต่างมารดาหัวจรดเท้าด้วยความริษยา

“นั่นสิขอรับ..ข้าไปไกลได้ถึงตำแหน่งพระชายาของเจ้าหลวง เจ้าแห่งแผ่นดินนี้ แต่คุณพี่ยังย่ำอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนเลยหนาขอรับ แลดูท่าจักลดต่ำลงกว่าเดิมอีกต่างหาก”ว่าเสียงหวานพร้อมรอยยิ้ม

“เจ้า!! ชมนาด!!”

“อย่าได้เรียกข้าเยี่ยงนี้ต่อหน้าพระภัสดาเชียวหนาขอรับคุณพี่ ประเดี๋ยวจักโดนลงหวายเอาได้ ข้าหวังดีจึงได้เตือน”

“มึง!! เหอะ...คิดหรือว่าฝ่าบาทท่านจักรักตัวประหลาดเยี่ยงมึงแท้...น่าขันนักเป็นชายหรือกลับท้องได้เยี่ยงสตรี”

“แล้วอย่างไรขอรับ...อย่างไรเสีย ณ ตอนนี้ ข้าก็สูงส่งกว่าคุณพี่หลายชั้นฟ้านัก”

“....”ขบเคี้ยวฟันด้วยความคับแค้น

“ตัวประหลาดเยี่ยงข้ากลับมีฐานะสูงกว่า ภริยาบุตรชายท่านขุนเยี่ยงคุณพี่...ใครน่าขันกว่ากันหนา”

“อีชมนาด!!”

“แผดเสียงร้องเยี่ยงนี้ จักเรียกให้ใครมาชมกริยาต่ำตมเสียยิ่งกว่าบ่าวในตลาดทาสของคุณพี่หรือขอรับ”วาจาเผ็ดร้อนทำเอาการะเกดเงื้อมือขึ้น

“....”

“คิดดูให้ดีหนาขอรับ หากคุณพี่ทำร้ายข้าครานี้ ฝ่าบาทคงจักไม่ลงหวายเช่นคราก่อนเป็นแน่ เยี่ยงนี้คุณพี่สุพจน์คงได้ถึงคราเชิดหน้าชูตาเมียบ่าวแทนคุณพี่เป็นแน่หนา”

“อีชั่ว!! กูขอแช่งให้มึงถูกทิ้งเยี่ยงหมาตัวหนึ่ง กูขอให้ลูกมึงพิกลพิการ”หญิงสาวแผดเสียงด่าทอน้องชายต่างมารดาอย่างเกรี้ยวกราด โดยมิได้สนใจสิ่งรอบข้าง หรือ บุรุษที่ยืนอยู่หลังตน ส่วนเจ้าชมนาดเมื่อได้ยินคำสาปแช่งลูกในครรภ์ดังนั้น ก็ตัวชาวาบด้วยความโกรธมือน้อยกำแน่นจนเล็กเล็กจิกฝังเข้าไปในเนื้อ หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม ฟันขาวขบกัดริมฝีปากบางจนห้อเลือด

“บังอาจนัก!!!”ราวเสียงกัมปนาท การะเกดเบิกตากว้าง ตัวชาวาบ ขนอ่อนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ฝะ ฝะ ฝ่าบาทเพคะ หมะ..”

“บังอาจนักหนา กล้าสาปแช่งลูกเมียข้าเยี่ยงนี้ จงเตรียมตัวเสียเถิด กูจักสั่งกุดหัวมึง!!”ตรัสด้วยความกริ้ว พระวรกายกำยำเสด็จผ่านการะเกดราวธาตุอากาศ เข้าไปรั้งน้องน้อยเข้ามากอดปลอบในอ้อมพระกร เจ้าชมนาดสะอื้นตัวสั่น ซบใบหน้าหวานกับพระอุระ แขนเล็กกอดรอบพระกฤษฎี

“ฝะ ฝ่าบาท”ร่างบางทรุดลงกับพื้น น้ำตาไหลนองหน้า

“เสด็จพี่ ฮือออ ละ ลูกเรา..ฮือออ”

“ชู่ววว..ลูกมิเป็นไรหนา มิเป็นไร”ทรงตื่นบรรทมมาไม่เจอเมียรักจึงได้รีบเสด็จตามคำที่อุ่นกราบทูลว่าเจ้าชมนาดออกมาเดินเล่นรอบเรือน หากแต่เมื่อเจอเมียรักกลับได้ยินถ้อยคำที่ทำให้พระองค์พระทัยร้อนกริ้วโกรธจนพระวรกายสั่น

“ฮึก ฮือออ”เจ้าชมนาดปล่อยเสียงสะอื้นจนน่าสงสาร หากแต่ใบหน้างามกลับเหยียดยิ้มให้คนเป็นพี่





ข้ามิลืมดอกหนาว่าคุณพี่เคยทำให้ข้าเจ็บช้ำแค่ไหน เรื่องใดบ้าง แลยังจักกล้ามากล่าวถ้อยคำสาปแช่งลูกข้าเยี่ยงนี้อีก...คงเป็นคุณพี่กระมังที่จักต้องพิกลพิการ หาใช่ลูกข้าไม่!!!



















****************************************************************







หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 19-05-2017 22:56:55
เจ้าชมนาดแซ่บมาก  :laugh3:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-05-2017 23:54:05
อู๊ยยย...ขุ่นแม่เธอร้ายยยย  :katai2-1:  เยี่ยม  o13
 :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-05-2017 08:47:38
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 20-05-2017 17:12:18
ตามอ่านทันแล้ว ชอบสำนวนการเขียนจังค่ะ
เจอคำราชาศัพท์นี่ต้องเปิดหาความหมายเลย แต่ชอบค่ะ เป็นกำลังให้นะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 20-05-2017 18:20:26
เเซ่บไปอีก
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-05-2017 20:01:36
ตายไปก้อดี
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕ ๑๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-05-2017 08:42:01
ใครดีมาดีตอบ ใครร้ายมาร้ายตอบ นี่ซินะเจ้าชมนาด รักเลยไม่ใช่นายเอกแบบเอาแต่เจ้าน้ำตา อ่อนแอ แต่แอบร้ายแบบมีการวางแผน จัดให้เฉพาะคนที่ทำผิดคิดร้ายกับตัวเอง o13
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕.๒ ๒๓.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 23-05-2017 16:08:50





.

.

.

เจ้าชมนาดนั่งสะอื้นไห้กับพระอุระของพระภัสดา ในขณะที่เศรษฐีเฒ่าแลบุตรชายท่านขุนนั่งพับเพียบหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับพื้นเรือน ส่วนการะเกดหมอบกราบสะอื้นไห้เสียงดัง

"เอ่อ...ทูลฝ่าบาท ทรงอภัยให้บุตรีโง่เขลาของหม่อมฉันด้วยเถิดพะย่ะค่ะ...พระชายาทรงอภัยให้การะเกดด้วยเถิด"

"จักให้ข้าอภัยให้นังผู้นี้งั้นรึ บังอาจกล่าวแช่งองค์รัชทายาท ลูกของข้า!! จักให้ข้าไม่เอาความนังนี่งั้นหรือท่านพ่อตา"

"หามิได้พะย่ะค่ะ...หากเพียงอย่าทรงกุดหัวนางเลยหนาพะย่ะค่ะ...พระชายา พ่อขอหนาลูก เว้นโทษตายการะเกดเถิด"

"ฮึก...เสด็จพี่"

"หืม..คนดี"เช็ดน้ำตาให้น้องแลหอมหน้าผากมนเบาๆ

"ทรงเว้นโทษตายคุณพี่หนาพระเจ้าค่ะ ฮึก"เสียงหวานเจือสะอื้นเอ่ยออดอ้อนพระภัสดา

"....."

"หนาพระเจ้าค่ะ...ลูกกำลังจะเกิด หม่อมฉันมิอยากให้พระองค์ทำบาป"

"...เห็นแก่ลูกแลน้องหนา พี่จักเว้นโทษตายนังนี่"

"เป็นพระมหากรุณาธิคุณเหลือเกินพะย่ะค่ะ"เศรษฐีเฒ่าหมอบกราบ ท่ามกลางเสียงร้องห่มร้องไห้ของหญิงสาว

"ขะ ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท ฮือออ"

"เจ้าควรจักขอบคุณเจ้าชมนาด!! หาใช่ข้าไม่"

"ฮึก..."การะเกดมองน้องชายต่างมารดาด้วยความคับแค้น

"ดูเอาเถิดท่านพ่อตา ขนาดนี้แล้วบุตรีของท่านก็ยังมิสำนึก"

"การะเกด!! กราบขอบพระทัยพระชายาเสียประเดี๋ยวนี้"เศรษฐีเฒ่าสั่งเสียงกร้าว

"อึก ฮือออ..ขะ ขอบพระทัยเพคะ"กัดฟันกล่าว น้ำตาไหลนองใบหน้างาม

"อึก...ฮึก จ้ะ ขอให้อภัยคุณพี่ขอรับ อึก"เสียงหวานสะอื้น ซบหน้ากับพระอุระ แขนเล็กกอดพระกฤษฎีพระภัสดา

"แม้ข้าจักเว้นโทษตายเจ้า...แต่อย่างไรเสียก็ต้องโทษ ว่าอย่างไรท่านพ่อตา"โอบร่างแน่งน้อยมิปล่อย ตรัสกับพ่อตาพระสุระเสียงเรียบห้วน

"เพียงพระองค์เมตตาเว้นโทษตายบุตรีหม่อมฉันก็เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นพะย่ะค่ะ...จักทรงลงโทษนางอย่างไร หม่อมฉันมิเกี่ยง"เศรษฐีเฒ่าท่านว่า

"ท่านพ่อ!!"

"เงียบเสียการะเกด กี่ครั้งกี่คราแล้วที่เจ้าก่อเรื่องใหญ่โตเช่นนี้!!"ตวาดบุตรี

"หึ...เยี่ยงนั้น สุธี"

"พะย่ะค่ะฝ่าบาท"

"สั่งทหารตบปากนังนี่สองร้อยครั้ง แลลงหวายชุบน้ำเกลืออีกร้อยที!!"

"ไม่หนาเพคะ โฮ!! หมาอมฉันขอประทานอภัยเพคะ ฝ่าบาท!! ฮือออ"

"หากคราหน้าเจ้ากล้าอวดดีกับเจ้าชมนาดอีก ข้าจักไม่เว้นโทษตายเจ้า"ตรัสแลประทับยืนช้อนร่างเจ้าชมนาดแนบพระอุระ เสด็จเข้าห้องนอนในเรือนเล็ก

หลังจากองค์ภุมรินอุ้มเจ้าชมนาดกลับเข้าห้องแล้วเศรษฐีเฒ่าก็หันมาเล่นงานบุตรี ที่ร่ำไห้เสียจนตาแดงก่ำ

"กี่ครั้งกี่คราแล้วหนาที่เจ้าก่อเรื่องใหญ่โตเยี่ยงนี้ คราก่อนก็คิดอุตริวางยาหญ้าเสน่ห์เจ้าหลวงท่าน ครานี้ยังจักปากพล่อยแช่งชักองค์รัชทายาทในครรภ์พระชายาอีก!! ไม่คิดบ้างหรือว่าองค์รัชทายาทก็หลานเจ้าหนา"

"ไม่เจ้าค่ะท่านพ่อ!! ข้ามินับอีตัวประหลาดนั่นเป็นน้องดอก แลลูกมันออกมาคงจักมิพ้นลูกผีลูกมาร!!"พ่นคำด่าทอด้วยความโกรธแค้นที่สุมเต็มอก



เพี๊ยะ



มืออวบอูมฟาดลงบนแก้มนวลของบุตรีเต็มแรง โลหิตไหลซึมที่มุมปาก

"การะเกดนั่นน้องเจ้าหนา!! เหตุใดจิตใจเจ้าจึงได้อุบาทว์เยี่ยงนี้!!"

"ฮึก ฮือออออ"

"หึ่ย!!"ฟึดฟัดกลับเรือนใหญ่ทิ้งให้บุตรีแลบุตรเขยอยู่ที่โถงเรือนเล็ก

"...อีเอื้องแม้จักเป็นเพียงบ่าว แต่ก็หาได้ชั่วเช่นเจ้าไม่"กล่าวแลหนีทิ้งเมียตามพ่อตาไป

"กรี๊ดๆๆๆๆ"เมื่อได้ฟังสามีเอาตนไปเปรียบกับเมียบ่าวก็กรีดร้องคับแค้นใจ



.

.

.




ร่างระหงของหญิงสาวยับเยินด้วยรอยแตกจากการลงหวาย หวายชุบน้ำเกลือโดนเพียงครั้งก็เจ็บแทบลงไปนอนแดดิ้น แต่ฝ่าบาททรงสั่งถึงร้อยที ไหนจักถูกทหารตบปากอีกสองร้อยครั้ง ริมฝีปากบางสวยบัดนี้บวมเจ่อแตกจนเลือดกลบปาก แค่จักร้องขอความเห็นใจยังทำมิได้ ความเจ็บปวดร้าวระบมแล่นพล่านตั้งแต่หัวจรดเท้า



แกร๊ก



เสียงผลักบานประตูดังขึ้นเรียกให้การะเกดค่อยๆผินหน้าไปมอง เจ้าชมนาดแลข้าหลวงคนสนิท ก้าวเข้ามายืนชิดเตียงที่นางนอนอยู่

"เป็นอย่างไรบ้างขอรับคุณพี่"เอ่ยเสียงหวานพร้อมรอยยิ้ม แม้จักสาแก่ใจ แต่ลึกๆก็อดสงสารมิได้จึงต้องมาเยี่ยมเยียน

"....."

"คุณพี่คงจักพูดมิได้สิหนาขอรับ"นิ้วเรียวเล็กไล้เบาๆที่แก้มช้ำม่วงชื้นน้ำตา ก่อนจะมาหยุดที่มุมปากบวมเจ่อที่มีเลือดแห้งกรังติด ออกแรงกดเพียงนิด การะเกดก็สะดุ้งเฮือกน้ำตาไหลพราก เจ้าชมนาดกระตุกยิ้ม ก่อนจักหันไปรับตลับยาจากข้าหลวงสาว

"....."การะเกดจับจ้องน้องชายต่างมารดาด้วยความหวาดกลัวปนระแวง

"ยานี่ เป็นยาของหมอหลวงในวัง สรรพคุณดีนักคงจักช่วยให้อาการคุณพี่ทุเลาเร็วขึ้นหนาขอรับ"นิ้วเล็กไล้เนื้อยาลงบนบาดแผลคนเป็นพี่เบาๆ

"....."

"ข้าโกรธคุณพี่มากหนาขอรับ ที่บังอาจแช่งชักลูกข้า องค์รัชทายาทขององค์ภุมริน"พูดเสียงเรียบหน้าตาเฉยราวกับพูดเรื่องดินฟ้า แต่เมื่อการะเกดได้ยินว่าทรงโกรธตนก็เกร็งตัวแข็งด้วยความกลัว

"....."

"แต่ข้าจักให้อภัย ไม่ถือโทษคุณพี่ดอกขอรับ...ประเดี๋ยวจักเป็นบาปติดตัว ท้องไส้เช่นนี้ข้ามิใคร่ทำบาปนัก แลมิใคร่อยากให้พระภัสดาทำบาปด้วย"

"....."

"...เอาล่ะขอรับ เสร็จแล้ว ส่วนยาในตลับที่เหลือนี่ก็เก็บไว้ใช้ต่อแล้วกันหนาขอรับ"ยิ้นหวานให้ก่อนจะวางตลับยาไว้ที่หัวเตียง ร่างบางท้องนูนลุกขึ้นโดยมีข้าหลวงสาวช่วยประคอง

"ขอบใจหนา"กล่าวขอบคุณข้าหลวงสาว ก่อนจักปรายตามองพี่สาวแลเสด็จออกจากห้อง

เมื่อออกจากห้องนอนของพี่สาว ก็พบพี่เขย บุตรชายท่านขุนนั่งพับเพียบอยู่หน้าตั่งไม้ตัวใหญ่รอเข้าเฝ้า

"คุณพี่สุพจน์มีกระไรหรือขอรับ"นั่งลงบนตั่ง กระชับผ้าคลุมไหล่สีหวานให้มิดชิดก่อนจะกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม มือบางลูบประคองครรภ์ตนไปมา

"หมะ หม่อมฉันมากราบขอประทานอภัยแทนการะเกดพะย่ะค่ะ แลมากราบขอบพระทัยพระชายาที่ทรงเว้นโทษตายการะเกด"

"ฝ่าบาทต่างหากที่เมตตาเว้นโทษตายนาง ข้าหรือมิมีอำนาจขนาดจักเว้นโทษหรือลดโทษให้ผู้ใดดอก"

"กระนั้นก็เถิดพะย่ะค่ะ หากมิได้พระชายาทรงช่วยตรัสกับเจ้าหลวงการะเกดคงมิรอด"

"หึหึ...ข้าบอกแล้วไงขอรับว่าข้ากำลังท้องมิอยากทำบาป แลก็มิใคร่ให้พระภัสดาทำบาปด้วย"

"...เอ่อ ทรงเป็นอย่างไรบ้างหรือพะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทในครรภ์แข็งแรงดีหรือพะย่ะค่ะ"

"จ้ะ...หมอหลวงท่านว่าแข็งแรงนัก"กล่าวก่อนนัยน์ตากวางจักเหลือบไปเห็นพระภัสดาที่กำลังเสด็จมาทางตนพร้อมองครักษ์หลวงสุธี เจ้าชมนาดผุดลุกแลก้าวเข้าไปหาองค์ภุมริน เจ้าหลวงหนุ่มเมื่อเห็นว่าเมียรักอุ้มท้องเดินมาหาก็รีบรุดเสด็จเข้ารั้งร่างบางมาประคอง

"จักเดินมาใกล้กระไดทำไมหนาคนดี"ตรัสเสียงดุ ก่อนจะประคองร่างนุ่มนิ่มไปประทับที่ตั่งไม้

"มิเป็นไรดอกพระเจ้าค่ะ แค่นี้เอง"ว่าแลยิ้มหวาน

"แลเจ้ามาทำกระไรตรงนี้กัน มิไปดูแลเมียหรือ"ตรัสถามสุพจน์

"เอ่อ...การะเกดนอนอยู่พะย่ะค่ะ หม่อมฉันจึงมาเข้าเฝ้าพระชายา"

"หึ...แต่ตอนนี้ข้ามีเรื่องจักพูดกับเจ้าชมนาด ใคร่พากลับเรือนเล็ก"

"เอ่อ..พะย่ะค่ะ"

"....."

"เสด็จพี่มีกระไรจักพูดกับน้องหรือพระเจ้าค่ะ"

"กลับไปพูดที่เรือนเล็กหนาน้อง"

"พระเจ้าค่ะ...เยี่ยงนั้นข้าขอตัวก่อนหนาขอรับคุณพี่สุพจน์"

"พะย่ะค่ะพระชายา"



.

.



"เสด็จพี่มีกระไรหรือพระเจ้าค่ะ"เอ่ยถามเมื่ออยู่ในห้องบรรทมแล้ว เจ้าชมนาดนั่งลงบนขอบเตียง

"เจ้าชมนาด...พี่ว่าเราควรกลับวังหลวงกันได้แล้วหนาน้อง"

"...นั่นสิพระเจ้าค่ะ เรามาอยู่ที่นี่ก็หลายวันเข้าให้แล้ว ที่วังหลวงคงวุ่นวายนักเมื่อขาดพระองค์ ไหนจักราชกิจมากมายอีก น้องขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ น้องเห็นแก่ตัวนัก พอได้เจอพ่อก็ลืมไปเสียสนิท น้อง..."

"โถ คนดี ว่ากระไรเยี่ยงนั้นหนา"กอดร่างแน่งน้อยแนบพระอุระ พระหัตถ์ลูบกลุ่มผมนุ่มปลอบ

"ก็จริงนี่พระเจ้าค่ะ...แลเราจักกลับวังหลวงเมื่อใดหรือพระเจ้าค่ะ"

"อีกห้าวันจ้ะ"เจ้าชมนาดท้องใหญ่เยี่ยงนี้ การเดินทางคงจักต้องตระเตรียมให้พร้อมที่สุด









*********************************************************************************









หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕.๒ ๒๓.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 23-05-2017 16:24:26
ติดตามมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕.๒ ๒๓.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 23-05-2017 17:05:59
สมน้ำหน้าการะเกด ช่างไม่เคยเข็ดหลาบ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕.๒ ๒๓.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-05-2017 17:31:48
อยากเห้นเด่กๆล้าวว
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕.๒ ๒๓.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-05-2017 20:12:35
การะเกดก็คงยังไม่สำนึกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕.๒ ๒๓.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 23-05-2017 22:55:16
แซ่บลืมมม
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๕.๒ ๒๓.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-05-2017 09:12:07
อิการะเกดไม่สำนึกเลย!
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๒๖.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 26-05-2017 22:09:54



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑๖



               ผ่านไปสามเดือนแล้ว หลังกลับจากบ้านของเศรษฐีเฒ่า ครรภ์ของเจ้าชมนาดก็ย่างเข้าเดือนที่แปด ขนาดครรภ์นั้นใหญ่เสียจนเจ้าชมนาดเดินเหินลำบาก องค์ภุมริมทรงมีรับสั่งให้หมอหลวงถวายการตรวจครรภ์แทบจักเว้นวัน

“เฮ้อ…”

“ทรงเป็นกระไรไปเพคะพระชายา...มิสบายพระวรกายตรงไหนหรือเพคะ”อุ่นเอ่ยถามเมื่อได้เสียงถอนพระปัสสาสะ

“มิได้เป็นกระไรดอก..ข้าเพียงแต่รู้สึกเบื่อหน่ายก็เท่านั้น”มือเล็กลูบครรภ์ตนไปมา

“ทนหน่อยหนาเพคะ อีกเพียงแค่เดือนเดียวก็จักประสูติกาลแล้ว”

“หวังว่าข้าจักคลอดง่าย แลลูกข้าคงมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์หนา”

“แน่นอนเพคะ องค์รัชทายาทต้องแข็งแรงแน่นอนเพคะ”

“จ้ะ…”

 
.
.
.
 

คืนนี้ระหว่างที่รอพระภัสดาเข้าบรรทม ความรู้สึกปวดจี๊ดๆที่หน้าท้องก็เกิดขึ้นจนเจ้าดอกข้าวใหม่ต้องกัดปากข่มความเจ็บเอาไว้

“อ๊ะ...ซี๊ด”เจ้าชมนาดนิ่วหน้า มือเล็กกุมหน้าท้องกลมโตของตน พลางค่อยๆระบายลมหายใจ อาการเจ็บท้องเยี่ยงนี้เป็นมาได้หลายวันแล้ว เป็นๆ หายๆ แต่ก็มิได้บอกให้พระภัสดา หรือข้าหลวงคนสนิท เพราะทุกวันนี้องค์ภุมรินก็แทบจักให้หมอหลวงตรวจครรภ์เมียรักเช้า กลางวัน เย็นสามเวลาเข้าให้แล้ว

“เจ้าชมนาด””พระสุระเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกเมียรักด้วยความตกพระทัยเมื่อเจ้าชมนาดมีสีหน้าเหยเก แลมือบางก็กอบกุมครรภ์ตนไว้แน่น

“...เสด็จพี่”เสียงหวานสั่นเครือ

“เป็นกระไรไปเจ้าเจ็บท้องหรือ”ตรัสถามพลางประคองเมียรักไว้แนบพระอุระ

“...มิได้พระเจ้าค่ะ น้องเพียงแต่เจ็บท้องเล็กน้อยเท่านั้น แลก็เจ็บมาหลายวันแล้…”

“เจ็บมาหลายวันแล้ว แล้หตุใดจึงมิบอกพี่หนา!!”ตรัสดุพระสุระเสียงกร้าว

“...ฮึก หมะ หม่อมฉัน”เจ้าชมนาดตกใจเสียจนน้ำตาหยด

“ชู่ว..พี่ขอโทษคนดี”รั้งร่างอุ้ยอ้ายเข้ามากอดปลอบ

“อึก..”

“พี่เป็นห่วงเจ้าแลลูกหนาคนดี”

“หม่อมฉันมิได้เป็นกระไรพระเจ้าค่ะ ฮึก จริงๆหนาเสด็จพี่”

“ถึงกระนั้นก็เถิด ให้พี่ตามหมอหลวงหนาคนดี”

“ไม่พระเจ้าค่ะ ฮึก ไว้วันพรุ่งค่อยให้ท่านหมอมาตรวจหนาพระเจ้าค่ะ”

“แต่..”

“น้องใคร่หลับพระเจ้าค่ะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยตรวจหนาพระเจ้าค่ะ”

“ก็ได้ๆ แต่ต่อไปหากเจ็บปวดที่ใดให้รีบบอกพี่เข้าใจไหม”

“พระเจ้าค่ะ”รับคำแลทอดกายลงนอนตะแคงให้พระภัสดาโอบกอด
 

.
.
 

ยามสี่ของคืน

“อึก...อะ โอ๊ย”เจ้าชมนาดส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แม้จักปวดเยี่ยงนี้มาหลายครั้ง แต่ครานี้มันกลับรุนแรงเสียจนเจ้าชมนาดใจเสีย น้ำตาเม็ดโตไหลเป็นสายอาบปรางนวล

“...เจ้าชมนาด!!”องค์ภุมรินทรงตื่นบรรทมเนื่องจากได้ยินเสียงร้องของเมียรัก

“ฮึก..เสด็จพี่”ใบหน้างามชื้นน้ำตาเหยเกด้วยความเจ็บปวด มือบางสั่นระริกประคองท้องตนแน่น

“เป็นกระไรไปน้อง เจ็บที่ใด!!”ตรัสถามพลางประคองร่างอุ้ยอ้ายเข้ากอดปลอบ

“ฮือออ น้องเจ็บท้องพระเจ้าค่ะ ฮึก ฮือออ”เสียงหวานสั่นเครือ โจงกระเบนที่นุ่งเปียกจนชุ่มไปด้วยน้ำคร่ำ

“....มีใครอยู่หรือไม่!! นางข้าหลวง!!”

“เพคะฝ่าบาท”

“ตามหมอหลวงมาประเดี๋ยวนี้”

“เพคะ”
 

.
.
.


“ฮือออ อึก โอ๊ย”เจ้าชมนาดนอนร้องครวญครางด้วยความทรมานอยู่ในตำหนักประสูติกาล  ขณะที่คุณท้าวแลนางข้าหลวงเตรียมการสำหรับการประสูติกาลองค์รัชทายาทในองค์ภุมริน

“ทนหน่อยหนาเพคะ พระชายา”อุ่นกล่าวปลอบพลางใช้ผ้าซับเหงื่อบนใบหน้าหวาน

“ฮือออ อุ่น ข้าเจ็บ ฮึก โอ๊ย”

“น่าจักได้แล้ว พระชายาทรงจับผ้าไว้หนาเพคะ”คุณท้าวกล่าวก่อนจะจับมือเล็กให้จับยึดผ้าที่ห้อยลงมาจากคาน ข้าหลวงเฒ่าคลายผ้าโจงกระเบนของเจ้าชมนาดออกจนเป็นซิ่น แลจัดวางให้เรียวขาเล็กตั้งชันกับพระยี่ภู่

“ฮึก..คุณท้าว”

“พระทัยเย็นก่อนหนาเพคะ สูดพระปัสสาสะเข้าลึกๆเพคะ”เจ้าชมนาดทำตามแม้จักยังสะอื้นอยู่

“ฮึก...ขะ ข้าอยากเจอฝ่าบาท”

“ฝ่าบาททรงประทับรอพระชายาอยู่ที่หน้าตำหนักนี้เองเพคะ”

“ตะ ตามฝ่าบาทให้ข้าที ฮึก”

“ตะ แต่…”

“ตามฝ่าบาทให้ข้า!!! ฮือออ”ตวาดเสียงดัง จนคุณท้าวต้องให้นางข้าหลวงไปเชิญองค์ภุมริน

“เจ้าไปตามฝ่าบาทให้พระชายาทีเถิด”

“เจ้าค่ะคุณท้าว”
 

 
เพียงมินานเกินรอพระวรกายสูงใหญ่ก็เร่งรุดเข้ามายังตำหนักประสูติกาล

“ฮือออ เสด็จพี่”เมื่อเห็นพระพักตร์ของพระภัสดา เจ้าชมนาดก็ปล่อยโฮออกมาทันที

“เจ้าชมนาด...คนดี เป็นเยี่ยงบ้างหนาน้อง”ทรงตรัสถามแลเข้าลูบหัวเมียปลอบ

“ฮือออ น้องเจ็บพระเจ้าค่ะ”ว่าพลางซุกใบหน้างามกับพระหัตถ์อุ่น

“พระชายาเพคะ ออกแรงเบ่งหน่อยหนาเพคะ”

“ทนหน่อยหนาน้อง ประเดี๋ยวก็จะได้เห็นหน้าลูกแล้ว”

“พระเจ้าค่ะ”

“สูดพระปัสสาสะเข้าลึกๆแลเบ่งแรงๆหนาเพคะ”

“...อึก...อื้อออออออ….ฮึก แฮ่กๆๆ”ออกแรงเบ่งพลางดึงผ้าที่ห้อยลงมาจากคานจนมือขึ้นสีขาว

“ดีเพคะ...ออกแรงเบ่งอีกคราหนาเพคะ”

“แฮ่กๆๆ….อะ อึก...อื้อออออออออ ฮึก ฮือออ อะ อึก อื้อออออออ”นิ้วเท้าเกร็งจิกพระยี่ภู่จนยับยู่

“เก่งมากคนดี อีกเดี๋ยวก็จักได้เห็นหน้าลูกแล้วหนา”ตรัสปลอบพลางหอมหน้าผากชื้นเหงื่อ พระหัตถ์ถือซับพระพักตร์คอยเช็ดน้ำหูน้ำตาของเจ้าชมนาด

“เอาล่ะ เบ่งอีกหนาเพคะ”

“อึ อื้ออออออ”

 
.
 

“อื้อออออ อ๊าาาา...แฮ่กๆๆ น้องเหนื่อยเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”

“ทนหน่วยหนาคนดี พี่รักเจ้าหนาชมนาด”

“เบ่งอีกเพคะ”

“ฮึก อื้อออออออ”
 

.
 

“อื้อออออออ แฮ่กๆๆ”
 

.
 

“อื้อออออออออ”
 

.
 

“อีกครั้งเพคะ ใกล้แล้วเพคะพระชายา”

“ฮึก ฮือออออ แฮ่กๆๆ”

“คนดีทนหน่อยหนา อีกครั้งหนาคนเก่ง”

“อะ อึก อื้อออออออออ อ๊าาาาาาา อื้ออออออออ”เจ้าชมนาดเบ่งสุดแรงจนใบหน้าหวานแดงก่ำ

“ออกแล้วเพคะ หม่อมฉันเห็นพระเศียรองค์รัชทายาทแล้ว เบ่งสุดแรงอีกครั้งเพคะ”

“อึก อื้อออออออ อ๊าาาาาาา อึก อื้อออออ กรี๊ดดดดด”เจ้าชมนาดหวีดร้องพร้อมๆกับเสียงแรกของชีวิตใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับแสงใหม่ของวัน

“อุแว้ๆๆๆ”ทารกเพศชายกรีดร้องเสียงดัง องค์รัชทายาทในองค์ภุมรินถือกำเนิดขึ้นพร้อมแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆพ้นขอบฟ้าขึ้นมาเป็นเช้าวันใหม่

“ทรงได้พระโอรสเพคะฝ่าบาท”คุณท้าวว่าอย่างยินดี พลางจัดการกับพระสกุล แลสายพระสกุล

“ชมนาดคนดี”พระนาสิกกดที่ขมับชื้นเหงื่อ

“ฮึก อะ โอ๊ย  ฮือออออ”พระโอรสประสูติแล้ว เจ้าชมนาดก็ยังเจ็บท้องมิคลาย

“ทรงเจ็บท้องอยู่หรือเพคะ”

“ฮึก อือ...ฮืออออ”เจ้าชมนาดพยักหน้าทั้งน้ำตา

“หมายความว่าอย่างไรคุณท้าว”องค์ภุมรินทรงตรัสถามด้วยความกังวลพระทัย

“อึก ฮึก...อื้อออออออออ”

“ยังมีเด็กอยู่ในครรภ์พระชายาอีกคนเพคะฝ่าบาท”ข้าหลวงเฒ่ากล่าวด้วยความตื่นเต้น

“อีกคนหรือ?”

“เพคะ...พระชายาทรงเบ่งอีกคราหนาเพคะ”

“อึก อื้อออออออ”

“เบ่งสุดแรงอีกครั้งเพคะ”

“ทนหน่อยหนาคนดี”

“อึก อื้อออออออ ฮ้าาาาาา”

“สูดพระปัสสาสะลึกๆแลเบ่งอีกคราเพคะ”

“อื้ออออออออออ”

“อีกเพคะ”

“ข้าเหนื่อย! อึก ฮือออออ”

“ชมนาดทนหน่อยหนาคนดี พี่รักเจ้าหนา”

“อึก อื้อออออออออ”

“อีกครั้งเพคะ เบ่งสุดแรงเลยเพคะพระชายา”

“ฮึก ฮือ อะ..อึก อื้ออออออ อื้อออออออ ฮ้าาาาาาาา”

“อุแว้ๆๆๆๆๆๆ”

“พระโอรสเพคะ”

“ละ ลูกข้า...เจ้าชมนาด ลูกเรา…เก่งมากคนดี พี่รักเจ้าหนา”

“ฮึก แฮ่กๆๆๆ”เจ้าชมนาดหลับตาลงก่อนจะหมดสติไป

“เจ้าชมนาด!! ชมนาด!!!”
 

.
.


หลังจากพระชายาให้ประสูติกาลโอรสทั้งสองก็หมดสติไป จนกระทั่งเช้าวันใหม่ของอีกวัน

“อึก อืม”เสียงหวานครางเครือในลำคอ พร้อมเปลือกตาสีมุกที่ค่อยๆลืมขึ้น

“เจ้าชมนาด...เป็นเยี่ยงไรบ้างคนดี….เจ้าไปตามหมอหลวงมา”องค์ภุมรินกอบกุมมือบางขึ้นจูบหอมพลางตรัสถามอย่างห่วงใย แลมีรับสั่งให้ตามหมอหลวง

“เพคะ”นางข้าหลวงสาวรับพระบัญชาก่อนจักออกจากตำหนักหลวง

“เสด็จพี่...ลูก ลูกเล่าพระเจ้าค่ะ”

“ลูกแข็งแรงปลอดภัยดีทั้งสองคนจ้ะ...แต่เจ้าคนน้องตัวเล็กกว่าเจ้าภุชงค์มากนัก กระนั้นหมอหลวงท่านก็ว่าแข็งแรงดี...เจ้าคนน้องพี่ยังมิได้ตั้งชื่อ รอให้เจ้าฟื้นเสียก่อน”

“น้องใคร่อยากเห็นหน้าลูกพระเจ้าค่ะ”

“ประเดี๋ยวให้หมอหลวงตรวจก่อนหนา แลพี่จักให้นางข้าหลวงพาลูกมาหาเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”
 

หลังจากหมอหลวงตรวจพระวรกาย แลจัดพระโอสถบำรุงให้พระชายาแล้ว องค์ภุมรินจึงมีรับสั่งให้นางข้าหลวงพาโอรสน้อยทั้งสองเข้าเฝ้า

“น่าเกลียดน่าชังนักลูกแม่”เจ้าชมนาดจ้องทารกน้อยคนพี่ในห่อพาด้วยความตื้นตัน นี่หรือคือลูกที่ข้าค่อยฟูมฟักทนุถนอมมาแปดเดือน จมูกโด่งรั้นกดที่ใบหน้าเล็กยับย่นของลูกอย่างรักใคร่ ก่อนจักส่งพระโอรสในอ้อมแขนให้พระภัสดา แลรับทารกคนน้องจากนางข้าหลวงมาเชยชม เจ้าคนน้องตัวเล็กกว่าพี่นัก ใบหน้ายับย่นแดงก่ำ นัยน์ตากวางคล้ายคนเป็นแม่หลับพริ้มขนตางอนยาวน่าทะนุถนอม

“เสด็จพี่ใคร่อยากตั้งชื่อลูกว่ากระไรพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดเอ่ยถามพลางก้มคลอเคลียเจ้าตัวน้อย

“....บัว...เจ้าตัวน้อยดูแล้วน่าทะนุถนอม อ่อนโยน แต่เป็นลูกข้าต้องไม่อ่อนแอ..ต้องงามแลสง่า เฉกเช่นบัวบูชาพระ”

“น้องชอบพระเจ้าค่ะ...เจ้าบัว”

“ทูลฝ่าบาท แลพระชายาแม่เฒ่าขอเข้าเฝ้าเพคะ”

“แม่เฒ่าหรือ?...เชิญเถิด”


หญิงชราผมสีดอกเลา ปากแดงเพราะเคี้ยวหมาก หน้าตาดุดันน่าเกรงขามทำเอาเจ้าชมนาดกลัวมิน้อย ตั้งแต่เข้าวังหลวงถวายตัวให้องค์ภุมริน จนได้รับแต่งตั้งเป็นพระชายาชมนาดมิเคยพบแม่เฒ่าเลยสักครั้ง เคยก็แต่ดื่มโอสถที่แม่เฒ่าปรุงเท่านั้น

“หนึ่งนั้นแข็งแกร่ง แลยิ่งใหญ่เปรียบพระบิดา”ว่าพลางเอื้อมมือลูบพระเศียรพระโอรสคนพี่ที่นอนคู่กับคนน้องบนพระยี่ภู่ โดยมีพระบิดา พระมารดาประทับอยู่ข้างๆ

“.....”เจ้าชมนาดเงียบฟัง

“อีกหนึ่งงดงาม อ่อนโยนคล้ายมารดร...แต่”

“แต่กระไรหรือแม่เฒ่า”ทรงตรัสถามพลางกุมมือเจ้าชมนาดไว้มั่น

“แต่เมื่อใดที่โตสะพรั่งเต็มวัยจักต้องพลัดพรากจากอกพ่ออกแม่ เพราะศิวเศขร”

“ศิวเศขร?...ดวงจันทร์เยี่ยงนั้นหรือหรือ”

“เพคะ...แต่อย่าได้กังวลพระทัยไป ศิวเศขรผู้นั้นจักเป็นคู่แท้แน่ชัดไม่แปรผัน”

“ศิวเศขรผู้นั้น?”

“หึหึหึ...หม่อมฉันขอตัวเพคะเจ้าหลวง พระชายา”หมอบกราบก่อนจะออกจากตำหนักหลวงโดยมีข้าหลวงประคอง


.
.
.


   ผ่านไปสามวันหลังมีประสูติกาลพระโอรสในองค์ภุมรินทั้งสอง พระชายายังคงประทับอยู่ในตำหนักหลวงมิได้ออกไปไหน เจ้าหลวงเองก็ออกว่าราชการทุกวันตามเดิมหากแต่จักรีบเสด็จกลับตำหนักหลวงทันทีที่ราชกิจเสร็จสิ้น แลอีกสองวันข้างหน้าทางวังหลวงก็ได้จัดพิธีรับขวัญพระโอรสน้อยทั้งสอง โดยเจ้าภุชงค์คนพี่จักได้รับการแต่งตั้งจากพระบิดาให้เป็นองค์รัชทายาท แลเจ้าบัวงามคนน้องจักได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าน้อย

“ค่อยๆเถิดลูก ประเดี๋ยวจักสำลักเอาหนา”เสียงหวานเอ่ยกับลูกน้อยที่กำลังดูดกลืนเม็ดบัวงามของตนอย่างหิวกระหาย ปากเล็กดูดดึงรีดน้ำนมจากอกคนเป็นแม่เสียจนเสียงดัง

“เจ้าบัวเบาหน่อยลูก ประเดี๋ยวถันแม่เจ้าก็ช้ำกันพอดี”องค์ภุมรินที่โอบประคองเจ้าภุชงค์อยู่ตรัสกับเจ้าบัวงามอย่างเอ็นดู ส่วนเจ้าบัวน้อยนั้นหาได้สนไม่ ปากเล็กยังคงดูดกลืนน้ำนมไม่หยุด นัยน์ตากวางคล้ายมารดาปรือปรอย มินานยอดถันแดงช้ำก็หลุดออกจากปากน้อยเมื่อเจ้าน้อยแห่งภุมริกาได้เข้าสู่ห้วงนิทราเรียบร้อยแล้ว เจ้าชมนาดส่งเสียงในลำคอขับกล่อมลูกน้อยเบาๆ มือบางตบก้นเล็กเป็นจังหวะ เมื่อเห็นว่าลูกน้อยหลับสนิทดีแล้วจึงค่อยๆวางร่างเล็กลงบนพระยี่ภู่ก่อนจะรับเจ้าภุชงค์จากพระภัสดาเข้ามาในอ้อมกอด ประคองให้ปากเล็กตรงกับยอดถันคนละข้างกับที่เจ้าบัวทำช้ำ ภุชงค์น้อยอ้าปากงับยอดถันของมารดาไว้แล้วออกแรงดูดกลืนน้ำนมที่ไหลออกมา

“เจ้าภุชงค์ แลเจ้าบัวทำยอดถันแม่เจ้าช้ำหมดแล้ว นี่ของพ่อหนา”องค์ภุมรินว่าพลางตบก้นเจ้าบัวเบาๆ มือที่เคยจับแต่ศาสตราวุธ บัดนี้ต้องมาทะนุถนอมทารกน้อยวัยสามวัน มิใช่เรื่องง่ายเลย กังวลพระทัยเหลือเกินด้วยเกรงว่าจักทำลูกเจ็บเข้าให้

“เสด็จพี่ว่ากระไรหนาพระเจ้าค่ะ ลูกยังเด็กนัก”ใบหน้างามขึ้นริ้วสีแดง

“หึหึหึ ประเดี๋ยวลูกกินแล้วพี่คงต้องขอกินบ้างแล้วล่ะเจ้า”

“เสด็จพี่”จักเอ็ดเสียงดังก็กลัวลูกน้อยทั้งสองจักสะดุ้งตื่น เจ้าภุชงค์ดวงตาปรือปรอย แต่ปากเล็กยังคงดูดกลืนน้ำนม เด็กน้อยหลับตาลงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ปากเล็กค่อยๆคายยอดถันออก เจ้าชมนาดกล่อมลูกให้หลับสนิทดี ก่อนจะวางลงเคียงข้างเจ้าบัวที่หลับอย่างน่าเอ็นดู

“มาน้อง พี่ช่วยหนา”ตรัสแล้วคว้าผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาด ค่อยๆเช็ดที่ยอดถันแดงช้ำทั้งสองข้าง พระเนตรจับจ้องเม็ดบัวช้ำ พระหัตถ์ไล้วนผ้ารอบๆฐานบัว

“อื้อ...เสด็จพี่”เจ้าชมนาดหลุดเสียงครางหวานพลางตะครุบพระหัตถ์พระภัสดาไว้ ปลายพระองคุลีแกล้งสะกิดปลายถันบวมเสียจนเมียรักสะท้านเสียว

“หืม คนดี”ตรัสถามเสียงอบอุ่น พระพักตร์เคลื่อนเข้าใกล้เม็ดบัวบวมช้ำสีหวาน พระชิวหากวาดเลีย แลดูดดึงราวกับเจ้าภุชงค์แลเจ้าบัว แต่กลับทำให้เจ้าชมนาดสะท้านตัวสั่น แอ่นอกบางให้พระภัสดารังแก แขนเรียวโอบรอบพระอังสะ ใบหน้างามแหงนเงยอ้าหอบ ครางเครือ

“เสด็จพี่มิได้หนาพระเจ้าค่ะ”ร้องห้ามแลดันพระพักตร์ออก

“ฟู่ว...”ถอนพระปัสสาสะอย่างอดกลั้นอารมณ์ พระโอษฐ์แนบกับกลับปากนุ่มป้อนจุมพิตให้เจ้าชมนาด พระหัตถ์ลูบผิวนุ่มไปมา

“ขอประทานอภัยเพคะฝ่าบาท กระโจมอยู่ไฟของพระชายาเสร็จแล้วเพคะ คุณท้าวให้มากราบทูลเชิญพระชายาเพคะ”เสียงข้าหลวงที่อยู่นอกห้องบรรทมทำให้องค์ภุมรินต้องผละออกจากเมียรักอย่างเสียมิได้

“น้องต้องไปอยู่ไฟแล้วพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดว่าพลางยกมือลูบพระปรางขาวของพระภัสดา

“พี่จักอยู่เฝ้าลูกให้เองหนา”ตรัส

“พระเจ้าค่ะ”ยิ้มหวานให้ก่อนจะคว้าผ้าแถบคาดอกมาพันรอบแผ่นอกบาง ขมวดปมปล่อยชายทิ้งระเอวบางก่อนจักคว้าผ้าไหมสีหวานขึ้นคลุมไหล่บาง

“รีบไปรีบมาหนาเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ”


.
.


   เมื่อเจ้าชมนาดออกจากห้องบรรทมในตำหนักหลวงไปแล้ว องค์ภุมรินก็เอนพระวรกายตะแคงข้าง พระกรท้าวกับพระยี่ภู่ วางพระพักตร์บนพระหัตถ์ทอดพระเนตรมองลูกน้อยทั้งสองพลางแย้มพระโอษฐ์ แม้จักเป็นแฝดก็จริงอยู่ หากแต่เจ้าภุชงค์กลับมีใบหน้าคมคาย ฉายแววหล่อเหลา ส่วนเจ้าบัวงามของพ่อกลับมีโครงหน้าสวยหวานดังคนเป็นแม่ แลยิ่งนัยน์ตากวางคู่นั้นที่ถอดแบบเจ้าชมนาดมาทำให้ใบหน้าหวานขึ้นไปอีก เมื่อพิจารณาลูกน้อยทั้งสองก็พาลคิดถึงศิวเศขรที่แม่เฒ่าว่า

“ฮึก...อะหึ”เสียงเล็กๆดังขึ้นพร้อมท่าทีกระสับกระส่ายของเจ้าบัวงามทำให้องค์ภุมรินต้องเอื้อมพระหัตถ์ไปตบก้นเล็กเบาๆ แต่เจ้าบัวกลับเบะปากจนใบหน้าเล็กยับย่น จนคนเป็นพ่อลุกลี้ลุกลน ประคองร่างเล็กของลูกขึ้นพาดพระอังสะ พระหัตถ์ใหญ่ตบแผ่นหลังเล็กเบาๆ พลางเขย่ากายเล็กน้อย เจ้าบัวงามผงกหัวขึ้นแต่เนื่องด้วยเพิ่งเกิดได้เพียงสามวันทำให้คอยังมิแข็งเลยทำให้ใบหน้าเล็กฟุบลงกับพระอังสะกว้างของพระบิดา



ฟุบ!!!



องค์ภุมรินชะงักนิ่งเมื่อใบหน้าเล็กกระแทกกับพระอังสะกว้าง กลั้นพระปัสสาสะ

“ฮึก งะ แง!!!!”ปากเล็กจิ้มลิ้มแผดเสียงร้องออกมาจ้า

“โอ๋ เจ้าบัวงามทูนหัวของพ่อ” พระสุระเสียงตรัสปลอบคนตัวเล็กให้คนตัวเล็กหยุดแผดเสียงร้องแต่ก็มิเป็นผลเมื่อเจ้าบัวยังคงร้องจ้าอยู่ แลเสียงที่ดังทั่วทั้งห้องบรรทมนั้นก็ทำให้เจ้าภุชงค์ตื่นจากห้วงนิทรา

“อะหึ...ฮึก ..หึ...แง!!!”เมื่อได้ยินเสียงน้องแผดเสียงร้องคนพี่ก็แผดเสียงร้องตาม

“เจ้าภุชงค์ โอ๋ๆ ลูกพ่อ เป็นกระไรกันไปหนาลูก”พระหัตถ์ข้างหนึ่งโอบประคองเจ้าบัวงามไว้ แลอีกข้างเอื้อมไปตบก้นเล็กของเจ้าภุชงค์ ลูกน้อยทั้งสองแผดเสียงร้องเสียจนคนเป็นพ่อทำกระไรมิถูก

“ฝ่าบาทเกิดกระไรขึ้นเพคะเหตุใดองค์รัชทายาทแลเจ้าน้อยจึงได้กรรแสงเยี่ยงนี้”ราวกับเสียงจากสวรรค์

“คุณท้าว!! ช่วยข้าทีเถิด”

“โอ๋...องค์รัชทายาททรงเป็นกระไรไปเพคะ”ข้าหลวงเฒ่าช้อนร่างน้อยขึ้นแนบอกเขย่าเบาๆพลางส่งเสียงในลำคอขับกล่อมทารกน้อยให้เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง มินานนักเจ้าภุชงค์ก็สิ้นฤทธิ์หลับคอพับอยู่ในอ้อมอกข้าหลวงเฒ่าเหลือก็เพียงเจ้าบัวงามคนน้องที่ถึงแม้จะเงียบเสียงลงแล้วแต่ก็ยังสะอื้นอยู่ องค์ภุมรินโยกกายน้อยๆกล่อม พระนาสิกกดเบาๆที่หน้าผากเล็กยับย่น

“เสด็จพี่”เจ้าชมนาดที่ได้ยินเสียงลูกร้องไห้แว่วๆจากกระโจมอยู่ไฟ ก็รีบกลับมาที่ห้องบรรทมทันที แม่คนงามนุ่งผ้าแถบคาดอกแลซิ่นสีขาว เหงื่อไคลไหลอาบผิวนุ่ม กลิ่นสมุนไพรคลุ้งทั่วกายบาง เมื่อมาถึงก็พบพระภัสดาอุ้มลูกน้อยอยู่ แลอีกคนก็อยู่ในอ้อมกอดของคุณท้าว

“เจ้าชมนาด”

“ลูกเป็นกระไรหรือพระเจ้าค่ะน้องได้ยินเสียงร้องไห้จ้าเชียว”เอ่ยถามพลางตบแผ่นหลังเล็กของทารกในพระกรองค์ภุมริน

“เจ้าบัวร้องไห้ เลยทำให้เจ้าภุชงค์ตื่น มิมีกระไรดอกน้อง”

“พระเจ้าค่ะ..อ๊ะ เจ้าบัว...หน้าผากลูกโดนกระไรพระเจ้าค่ะ เหตุใดจึงมีรอยแดงเยี่ยงนี้!!”เอ่ยถามเสียงเข้มมิรู้ตัว

“อึก...อะ เอ่อ..คะ คือ ลูก..เอ่อ”เสือแม่ลูกอ่อนน่ากลัวแค่ไหน พระองค์มิกล้าเสี่ยง

“ลูกโดนกระไรพระเจ้าค่ะ”

“คือลูกคอยังมิแข็ง...ก็เลยกระแทกกับบ่าพี่...เจ้าชมนาด”ตรัสพระสุระเสียงอ่อย

“...เสด็จพี่”เจ้าชมนาดตาโต

“ชู่ว...เบาเถิดคนดี ประเดี๋ยวลูกจักตื่นอีกรอบหนา”

“ทรงทำอิท่าไหนให้ลูกหน้ากระแทกพระเจ้าค่ะ!!”ตวัดนัยน์ตากวางใส่เสียจนพระภัสดาสะดุ้ง

“พี่ขอโทษเจ้า...แต่ลูกมิเป็นไรหนา”ตรัสบอก เจ้าบัวงามตอนนี้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนคุณท้าวหลังจากที่วางองค์รัชทายาทไว้บนพระยี่ภู่ตามเดิมก็ออกจากห้องบรรทมเงียบๆ ทิ้งให้องค์ภุมรินรับมือกับเสือแม่ลูกอ่อนเพียงลำพัง










**********************************************************






หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๒๖.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 27-05-2017 01:08:25
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๒๖.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 27-05-2017 02:49:10
โถ่ สู้ๆ นะเพค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๒๖.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 27-05-2017 09:46:05
แม่เสือ  :katai3:  เอาแล้วไง จะรอดมั้ยนั้น
แหมะเจ้าบัวมีคู่แต่แรกคลอดเชียว  :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๒๖.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 27-05-2017 10:05:09
อย่าเคืองพระทัยไปเลยนะเพคะ ประเดี๋ยวองค์ภุมรินทำการง้อแล้วพระชายาจักมิได้หลับมิได้นอนนะเพคะะะะะะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๒๖.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 27-05-2017 11:37:28
น่ารักๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๒๖.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-05-2017 14:09:06
อยากอ่านรุ่นลูกด้วย~
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๒๖.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-05-2017 20:16:24
งุ้ยยย!!! กะไว้แล้วต้องเปงงี้ แต่น่ารักจิงๆเด้กๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๒๖.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-05-2017 20:49:11
เจ้าภุชงค์เหมือนพ่อ เจ้าบัวเหมือนแม่ งั้นรอสินสอดมาสู่ขอเจ้าบัวได้เลย :laugh: ลูกร้องไห้แปลงร่างเป็นแม่เสือ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๖ ๒๖.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 27-05-2017 23:24:30
เป็นเรื่องที่สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 29-05-2017 14:36:24



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๑๗




   
วันนี้ ณ วังหลวงแคว้นภุมริกาต่างคลาคล่ำไปด้วยอาคันตุกะต่างเมืองที่มาร่วมแสดงความยินดีในพิธีรับขวัญพระโอรสน้อยในองค์ภุมรินทั้งสอง  ภุชงค์น้อยนอนกระพริบตาปริบๆ อยู่ในอ้อมแขนมารดา ในขณะที่เจ้าบัวงามคนน้อง...

“เจ้าบัวงาม ใยจึงขี้เซาปานนี้หนาลูก”องค์ภุมรินตรัสกับพระโอรสคนเล็กที่นอนหลับอุตุในพระกรพระบิดาอย่างน่าเอ็นดู

“คิกๆ น่าเอ็นดูนักพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดว่าพลางก้มลงหอมหัวทุยของโอรสคนโต ภุชงค์น้อยอ้าปากหาวเบาๆ

“หึหึหึ”พระสรวลเบาๆ พระนาสิกกดลงบนแก้มนุ่มของลูกจนหนาโย้

“เจ้าบัวตื่นได้แล้วหนาลูก ประเดี๋ยวออกไปเจอเจ้าหลวง เจ้าชายแคว้นอื่นจักไม่งามหนาเจ้า”เจ้าชมนาดว่ายิ้มๆ แต่องค์ภุมรินกลับพระขนงกระตุก มิได้การล่ะ...แม้นแรกเกิดยังฉายแววงามหยดย้อย แลโตขึ้นข้ามิต้องเลี้ยงเสือ เลี้ยงจระเข้ไว้หน้าวังเลยหรือ

“น้อง...”

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าว่าพี่ไว้หนวดดีหรือไม่”

“หา?... กระไรหนาพระเจ้าค่ะ”

“พี่จักไว้หนวดดีหรือไม่...เจ้าบัวหากโตขึ้นจักต้องงามกว่านี้เป็นแน่ มิได้การล่ะ”

“เสด็จพี่...ลูกเพิ่งจักห้าวันเองหนาพระเจ้าค่ะ..ทรงกังวลพระทัยมากไปหรือไม่”

“โธ่...เจ้าบัวงามของเรางามปานนี้จักให้พี่นิ่งนอนใจได้อย่างไร”

“ทรงลืมที่แม่เฒ่าท่านพยากรณ์ไปแล้วหรือพระเจ้าค่ะ”

“.....”

“อย่ากังวลไปเลยพระเจ้าค่ะ โชคชะตาของลูกเราฝืนมิได้ดอก...ดูแลเจ้าบัวให้ดีที่สุดก็พอแล้วพระเจ้าค่ะ”

“เฮ้อ...นั่นสิ”พึมพำก่อนจะก้มลงทอดพระเนตรดวงหน้าเล็กของเจ้าบัวงามที่หลับอุตุมิสนใคร

“ทูลฝ่าบาทได้เวลาแล้วเพคะ”อุ่นคลานเข้ามาหมอบกราบทูลความแก่นายเหนือหัวทั้งสอง

“อืม...ไปเถิดน้อง”องค์ภุมรินว่าก่อนจะเดินเคียงข้างเจ้าชมนาดออกพบปะอาคันตุกะ เจ้าบัวในห่อผ้าสีหวานดิ้นเล็กน้อยแล้วหลับต่อเรียกรอยยิ้มจากพระบิดามารดา

“หึหึหึ...”






   เมื่อออกมาที่โถงรับรอง องค์ภุมรินก็ต้องทรงทำหน้าที่ใหญ่หลวงเสียยิ่งกว่าการออกรบ ออกสงคราม นั่นก็คือการปลุกเจ้าบัวงามจากห้วงนิทรา

“เจ้าบัวเอ๋ย...ตื่นเถิดลูก”เขย่าร่างเล็กเบาๆ พระหัตถ์สะกิดท่อนแขนเล็ก ทารกน้อยดิ้นแต่มิยอมตื่น

“.....”เจ้าชมนาดที่อุ้มภุชงค์คนพี่ก็มองอย่างเอาใจช่วยพระภัสดา 

“เจ้าบัวงามลูกพ่อ ตื่นเถิดคนดี...หืม”นัยน์ตากวางคู่เล็กปรือขึ้น ริมฝีปากจิ้มลิ้มเบะเตรียมแผดเสียงร้อง

“อะหึ..”

“ชู่ว...คนดี ตื่นแล้วหรือเจ้า”เขย่ากายเล็กปลอบเบาๆ

“เจ้าบัวงามของแม่ ไม่งอแงหนาจ๊ะคนดี”มือบางเอื้อมไปลูบแก้มยุ้ยของเจ้าตัวน้อยเบาๆ นั่นทำให้เจ้าบัวสงบลงได้ คงเป็นเพราะสัมผัสจากมารดา




   เมื่อเจ้าน้อยตื่นบรรทมก็เป็นอันว่าเริ่มพิธีรับขวัญได้ บายศรีปากชามสองที่สำหรับทารกสองคน เครื่องสังเวย อาทิ หัวหมู แลเป็ด ไก่ ถูกจัดเต็มโต๊ะ  บัตรพลีเครื่องเซ่นใส่เบี้ยไว้ ๓๓ เบี้ย แลน้ำอุ่นใส่ขันทองพร้อมช้อนเล็ก ๑ คัน แม่เฒ่าเป็นผู้ทำพิธีกล่าวคำรับขวัญให้ทารกน้อยทั้งสอง มือหยาบเหี่ยวย่นผูกด้ายสายสิญจน์ที่ข้อมือเล็กของเด็กทั้งสองคน เจ้าบัวซุกหน้าก็พระอุระของพระบิดา ในขณะที่เจ้าภุชงค์นอนมองพระพักตร์มารดานิ่ง หากเทียบกันแล้วเจ้าภุชงค์นั้นเลี้ยงง่ายกว่าเจ้าบัวงาม มิค่อยร้องงอแงสักเท่าใด แต่เจ้าบัวหากมิขัดใจจริงๆก็มิร้องงอแงให้รำคาญใจ เพียงแต่จักร้องง่ายกว่าคนพี่นัก

“เสร็จแล้วเพคะฝ่าบาท”แม่เฒ่าว่าหลังจากใช้กระแจะหอมจุณเจิมที่หน้าผากให้ แลตักน้ำให้พระโอรสน้อยทั้งสองเสวยคนละ ๕ ช้อนเป็นอันเสร็จพิธีรับขวัญเด็กน้อยทั้งสอง

“ขอบใจแม่เฒ่าหนา”ตรัสพลางกระชับร่างเล็กของลูก

“มิได้เพคะ”



   

เมื่อเสร็จพิธีรับขวัญทารกน้อยแล้วก็ถึงเวลาที่องค์ภุมรินจักได้อวดความน่ารักน่าชังให้เหล่าเจ้าหลวง เจ้าชาย พระชายาต่างเมืองได้เชยชม พระกรโอบประคองร่างน้อยไว้ มีพระชายาคนงามโอบประคองโอรสคนโตเคียงพระวรกาย พระโอษฐ์แย้มยิ้ม

“เจ้าน้อยน่าเกลียดน่าชังนักพระเจ้าค่ะ”พระชายาแห่งแคว้นศศิมณฑลเอ่ยขึ้น

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“ขอหม่อมฉันอุ้มเจ้าน้อยได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ได้สิ”องค์ภุมรินว่าพลางส่งเจ้าบัวงามให้พระชายาแคว้นศศิมณฑล

“เสด็จแม่”องค์รัชทายาทแห่งศศิมณฑลร้องเรียกมารดาตน

“หืม...เจ้าจันทร์ น้องน่ารักไหมลูก”

“พะย่ะค่ะ”เจ้าชายน้อยวัยแปดพรรษาทอดพระเนตรทารกน้อยหน้าหวานในอ้อมพระกรมารดา ก่อนจักยื่นมือไปจับแก้มยุ้ยเบาๆ เจ้าบัวดิ้นเบาๆแลขยับปากยิ้มจนเห็นเหงือกสีสด องค์ภุมรินผู้เป็นพ่อเห็นดังนั้นจึงได้แต่พระพักตร์ตึง พระขนงกระตุก พ่อควรจักเป็นคนแรกที่เจ้ามอบรอยยิ้มให้หนาลูก เหตุใดจึงยิ้มให้รัชทายาทศศิมณฑลเป็นคนแรกเยี่ยงนี้หนาเจ้าบัวงาม...

“หึหึหึ...แลดูเจ้าน้อยจักชอบเจ้าจันทร์ของหม่อมฉันหนาพะย่ะค่ะ”เจ้าหลวงแคว้นศศิมณฑลตรัสพร้อมรอยยิ้ม

“หึหึหึ”องค์ภุมรินทำได้เพียงแค้นพระสรวลในพระศอ

“ขอพี่อุ้มเจ้าน้อยหน่อยหนาน้อง”ตรัสกับพระชายาของตนแลรับเจ้าบัวงามเข้ามาอ้อมพระกร

“ทรงอยากอุ้มเจ้าภุชงค์หรือไม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดเอ่ยถามพระชายาศศิมณฑล

“พระเจ้าค่ะ”ยิ้มรับพลางรับเจ้าภุชงค์น้อยมาอุ้ม ทารกน้อยซบหน้ากับไหล่บาง เรียกความเอ็นดูจากผู้ใหญ่

“น่ารักน่าชังทั้งคู่เลยหนาพระเจ้าค่ะ”

“องค์รัชทายาทคล้ายองค์ภุมริน แลเจ้าน้อยก็คล้ายพระชายาเหลือเกินพะย่ะค่ะ”

“เสด็จพ่อ หม่อมฉันใคร่อยากเห็นน้องพะย่ะค่ะ”องค์รัชทายาทศศิมณฑลกล่าวกับพระบิดา

“หึหึหึ”พระสรวลแลย่อกายให้ลูกทอดมองเด็กน้อยในอ้อมพระกร


ฟอด


องค์รัชทายาทน้อยยื่นหน้าเข้าใกล้ทารกน้อยก่อนจักกดพระนาสิกกับแก้มนุ่มสูดกลิ่นบัวหอมฟอดใหญ่ องค์ภุมรินมือไม้กระตุกเสียจนเจ้าชมนาดรีบคว้าพระหัตถ์พระภัสดาไว้

“หึหึหึ...หากเจ้าจันทร์โตขึ้นคงมิแคล้วได้ดองกับภุมริกาเป็นแน่หนาพะย่ะค่ะ”เจ้าหลวงศศิมณฑลตรัสพลางพระสรวล

“หึหึหึ”แต่องค์ภุมรินหาได้สรวลด้วยไม่ หวงลูกเสียจนอยากจักอุ้มเข้าตำหนักซะเดี๋ยวนี้ แลเจ้าองค์รัชทายาทนี่กระไร เหตุใดจึงมาจูบแก้มลูกคนอื่นเขาเยี่ยงนี้ มันน่านัก!!!

“หวาย...หาวซะแล้วพระเจ้าค่ะ”เจ้าภุชงค์อ้าปากหาวเบาๆ

“คงจักง่วงแล้วกระมังพะย่ะค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันขอตัวพาลูกทั้งสองกลับตำหนักก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดว่าพลางรับเจ้าบัวจากเจ้าหลวงศศิมณฑลมาอุ้มไว้

“ค่ำนี้ค่อยพบปะกันใหม่หนาพะย่ะค่ะ”หลังจากรับภุชงค์จากพระชายาศศิมณฑลแล้วจึงตรัส

“พะยะค่ะ”

“พระเจ้าค่ะ”





   เมื่อกลับมาที่ตำหนักหลวงองค์ภุมรินก็ได้แต่ตรัสคาดโทษเจ้าบัวงามที่ตอนนี้หาสนใจพระบิดาไม่ ปากเล็กงับยอดถันของมารดาแลดูดกลืนน้ำนมอย่างหิวกระหาย

“เจ้าบัวหนาเจ้าบัว...เหตุใดจึงไปยิ้มให้องค์รัชทายาทศศิมณฑลเยี่ยงนั้นหนาลูก”

“โธ่เสด็จพี่..ลูกยังเล็กนัก มิรู้เดียงสาดอกพระเจ้าค่ะ”

“แลเจ้ารัชทายาทนั่น บังอาจนัก กล้ามาหอมลูกข้าได้อย่างไร...ใคร่อยากให้ข้ายกทัพไปตีเมืองเจ้าเยี่ยงนั้นรึ”เจ้าชมนาดที่ได้ฟังก็ได้แต่ส่ายหน้ากับความหวงลูกของพระภัสดา

“ทรงกังวลมากไปแล้วพระเจ้าค่ะ”

“มิได้การล่ะ...ข้าจักต้องสั่งให้สุธีนำเสือ แลจระเข้มาเลี้ยงไว้ที่หน้าวัง”

“ไปกันใหญ่แล้วพระเจ้าค่ะ”

“โธ่...น้องก็ มิหวงลูกบ้างหรือ”

“หวงพระเจ้าค่ะ แต่พระองค์ทรงกังวลเกินไปแล้ว”

“.....”

“พระทัยเย็นก่อนหนาพระเจ้าค่ะ...เจ้าบัวยังเล็กนักอย่าเพิ่งกังวลไปเลย”

“เฮ้อ...”

“พระทัยเย็นไว้พระเจ้าค่ะ”

“ก็ได้จ้ะ”





   จากวันรับขวัญพระโอรสน้อยแห่งภุมริกาทั้งสองก็ผ่านมาแล้วเดือนกว่า สองพี่น้องยิ่งทวีความน่าเกลียดน่าชังจนกลายเป็นขวัญใจของคนทั้งวังหลวง เหล่าข้าหลวงสาวหรือต่างแย่งกันถวายงานพระโอรสน้อยทั้งสองเสียจนเจ้าชมนาดแทบมิต้องทำกระไร

“เจ้าภุชงค์ ใยจึงขมวดคิ้วเยี่ยงนี้เล่าลูก”เจ้าชมนาดว่าเมื่อเห็นโอรสองค์โตของตนนอนขมวดคิ้ว


ปุ๋ง


เสียงลมที่เจ้าตัวน้อยปล่อยออกมาทำเอาแม่แลน้องชะงักก่อนเจ้าบัวงามจะสะดุ้งแผดเสียงร้องออกมาเพราะตกใจกับเสียงผายลมของพระเชษฐา

“อะหึ...แง”

“อ๊ะ..เจ้าบัวลูก โอ๋ๆ”จักขำก็ขำ สงสารเจ้าบัวหรือก็สงสาร ส่วนตัวการอย่างเจ้าภุชงค์นั้นเมื่อสบายท้องแล้วก็นอนแสยะยิ้ม ดูดปากจุ๊บๆมิสนใจใคร

“คิกๆ”

“ขำกระไรอุ่น...อึก...ฮ่าๆๆ”แม้นจักเอ็ดให้บ่าวคนสนิทแต่ก็มิวายขำตาม เจ้าบัวสะอื้นตัวสั่นซบหน้ากับอกมารดา

“เกิดกระไรขึ้นกันน้อง”พระภัสดาที่เสร็จจากว่าราชการ เมื่อกลับมาที่ตำหนักหลวงจึงได้ตรัสถาม อุ่นเมื่อเห็นนายเหนือหัวกลับตำหนักมาแล้วก็ออกจากห้องบรรทมให้ครอบครัวอยู่กันตามลำพัง

“มิมีกระไรดอกพระเจ้าค่ะ...เจ้าบัวเพียงแต่ตกใจเสียงผายลมของภุชงค์ก็เท่านั้น”เจ้าชมนาดว่าพร้อมยิ้มกว้าง

“หึหึหึ...โธ่ เจ้าบัวงามของพ่อ”ทรงพระสรวลแลหอมแก้มยุ้ยของโอรสคนเล็ก ก่อนจักช้อนเจ้าภุชงค์คนโตขึ้นอุ้ม

“เสด็จพี่”

“หืม...ว่าอย่างไนคนดี”

“...น้องมีความสุขเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ พี่ก็มีความสุข”ตรัสก่อนจักโน้มพระพักตร์จุมพิตที่กลีบปากนุ่มของเมียรัก





   วันเวลาผ่านไปล่วงเลยมาสามปีเศษ โอรสน้อยทั้งสองแห่งภุมริกาต่างเติบโตขึ้นเสียจนวิ่งอ้อมบ้านอ้อมเมือง และในขณะที่องค์ภุมรินกำลังซ้อมดาบกับทหารในกองทัพอยู่นั้น ร่างเล็กของโอรสองค์เล็กก็วิ่งเข้ามาในลานฝึกซ้อม โดยมีสุธีพี่เลี้ยงจำเป็นวิ่งตามไม่ห่าง ใบหน้าหวานงดงามถอดแบบคนเป็นแม่ นัยน์ตากวางกลมโต จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากเป็นกระจับแดงระเรื่อ แลกลุ่มผมยาวสีน้ำตาล ทำให้แม้จักมีพระชนมายุเพียงสามปี ก็งดงามดังเทวดาตัวน้อยๆ

“เฉด็จพ่ออออออออ~~~~~”เสียงใสที่ดังมาก่อนตัวทำให้เหล่าชายฉกรรจ์ที่กำลังคร่ำเครียดกับการฝึกซ้อมหยุดชะงัก

“เจ้าบัวงาม”องค์ภุมรินยื่นดาบไม้ให้ทหารนำไปเก็บก่อนจะย่อพระวรกายลง เจ้าบัวงามยิ้มแฉ่งอวดฟันกระต่ายสองซี่อย่างน่าเอ็นดู เจ้าตัวน้อยสวมเสื้อคอกระเช้าสีมอครามกับโจงกระเบนสีดินแดง แลผมยาวก็ถูกรวบเก็บครึ่งหัว ยาวระแผ่นหลังบอบบาง

“ฝึกฉ้อมมาทั้งวัน ชงเหนื่อยไหมพระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามก่อนจะใช้ซับพระพักตร์ที่มารดาให้มาซับพระเสโทบนพระพักตร์งามของบิดา

“หึหึหึ...ได้เห็นหน้าเจ้าพ่อก็หายเหนื่อยแล้วเจ้าบัวเอ๋ย”ตรัสพลางจับมือเล็กของโอรสน้อยขึ้นหอม

“คิกๆ..เฉด็จแม่ แลภุชงค์อยู่ที่ฉาลาลิมฉะหยวง ชงเฉด็จไปที่นั่นกันหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะๆ”

“อุ้มลูกหนาพระเจ้าค่ะ”ชูแขนให้พระบิดา

“พ่อเหงื่อเต็มตัวเช่นนี้อุ้มเจ้ามิได้ดอก ประเดี๋ยวเจ้าจักเหม็นเหงื่อ”

“....”นัยน์ตากวางหลุบลง ริมฝีปากจิ้มลิ้มเบะออก

“เจ้าบัว”

“...ท่านฉุธี อุ้มบัวหน่อยเจ้าค่ะ”เจ้าน้อยผินกายหันหลังให้พระบิดา แขนชูขึ้นให้องครักษ์หลวงสุธีอุ้ม

“เอ่อ..พะย่ะค่ะเจ้าน้อย”เกรงเจ้าหลวงหรือก็เกรง แต่ใครเลยจักกล้าปฏิเสธนัยน์ตากวางออดอ้อนนั่นได้ กายแกร่งสูงใหญ่ช้อนใต้พระกัจฉะ อุ้มร่างน้อยขึ้นแนบอกกว้าง เจ้าบัวงามวาดแขนกอดรอบคอแกร่ง ใบหน้างามซบลงบนไหล่กว้าง

“บัวใคร่อยากหาเฉด็จแม่แลภุชงค์ ท่านฉุธีพาบัวไปทีเจ้าค่ะ”

“เอ่อ...หม่อมฉันทูลลาพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”ค้อมศีรษะเคารพนายเหนือหัวที่ตอนนี้พระพักตร์บึ้งตึง ใครๆก็รู้ว่าทรงหวงเจ้าน้อยเสียยิ่งกว่ากระไร แลเห็นลูกอ้อนคนอื่นเยี่ยงนี้คงขุ่นพระทัยน่าดูแล


.


“หืม..เจ้าบัวงาม ใยจึงให้ท่านสุธีอุ้มมาเล่าจ้ะ”เจ้าชมนาดที่นั่งพับเพียบร้อยมาลัยอยู่ริมสระหลวงเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นองครักษ์หลวงคนสนิทของพระภัสดาอุ้มร่างน้อยของโอรสคนเล็กเข้ามา ไหนว่าจักไปตามพระบิดา ไฉนจึงให้ท่านสุธีอุ้มกลับมาเยี่ยงนี้หนอ

“เฉด็จแม่”ลงจากอกท่านสุธีเดินเตาะแตะเข้าไปหามารดา ที่วางเข็มร้อยมาลัยลงบนพานทองก่อนจักช้อนร่างเล็กของลูกน้อยขึ้นนั่งตัก

“เป็นกระไรไปจ๊ะ”ก้มหน้าถามลูกน้อยที่ซุกหน้ากับอกมารดา

“บัวเป็นกระไรไปหยือเจ้า”เจ้าภุชงค์ที่วิ่งเล่นกับนางข้าหลวง เมื่อเห็นน้องน้อยก็วิ่งกลับมาเกาะไหล่บอบบางของมารดา

“ภุชงค์...”นัยน์ตากวางแดงระเรื่อช้อนมองพระเชษฐา

“ใครกันบังอาจมาทำลูกแม่ร่ำไห้ หืม”

“เฉด็จพ่อ”

“เสด็จพ่อหรือ...ทรงทำกระไรเจ้ากันจ๊ะ”

“ฮึก...เฉด็จพ่อมิอุ้มบัว”

“แลพ่อเจ้าทรงทำกระไรอยู่หรือ”

“ชงฉ้อมดาบอยู่พระเจ้าค่ะ”

“อืม...พ่อเจ้าคงมิอยากให้เจ้าเปรอะพระเสโทกระมังลูก ทรงซ้อมดาบพระเสโทหรือก็คงออกมาก พ่อเจ้าคงมิอยากให้เจ้าตัวเปรอะนั่นแล”ว่าปลอบเสียงหวาน มือบางปาดน้ำตาบนแก้มนุ่ม

“ฮึก...พระเจ้าค่ะ”พยักหน้าเบาๆ

“หึหึ”ยิ้มเอ็นดูก่อนจะกดจมูกโด่งรั้นกับแก้มนุ่มของโอรสคนงาม


จุ๊บ


เมื่อเห็นมารดาจูบแก้มน้อง องค์รัชทายาทแห่งภุมริกาก็ยื่นหน้าเข้าไปกดจูบแก้มน้องตาม เจ้าบัวหัวเราะคิกคัก ก่อนจะนั่งเล่นดอกบัวหลวงอยู่บนตักมารดา มินานองค์ภุมรินก็เสด็จเข้ามาในศาลาริมสระหลวงในฉลองพระองค์ชุดใหม่ ทรงสรงน้ำชำระพระวรกายก่อนจะรีบรุดมาง้อลูก พร้อมนางข้าหลวงที่หอบพานทองบรรจุขนมหวานจนพูนมาด้วย

“เฉด็จพ่อ”เจ้าภุชงค์น้อยเมื่อเห็นพระบิดาก็ผุดลุกก่อนจะวิ่งเข้าไปเกาะพระชงฆ์

“ว่าอย่างไรเจ้านาคน้อยของพ่อ”ช้อนลูกขึ้นอุ้มแนบพระอุระ พระนาสิกกดจูบแก้มแลหน้าผากโอรสคนโต

“เสด็จพี่”เรียกพระภัสดาก่อนจะหลุบตามองโอรสคนเล็กที่นั่งเล่นดอกบัวในมือ ทำท่ามิสนใจคนเป็นพ่อ

“หึหึหึ”พระสรวลอย่างเอ็นดู ทรงเสด็จประทับข้างพระชายา เจ้าบัวน้อยเหลือบตามองพระบิดาเมื่อเห็นว่าทรงมองอยู่ก็มุดหน้ากับอกบางของมารดา

“เจ้าบัวงาม พ่อเจ้ามีขนมมาด้วยหนาลูก ใคร่อยากหรือไม่”เจ้าชมนาดเอ่ยถามเจ้าตัวน้อย

“...พระเจ้าค่ะ”ตอบมารดาเสียงแผ่ว

“หึหึหึ เจ้าภุชงค์มานี่มาเจ้า แม่จักป้อนขนม”ว่าพลางดึงโอรสองค์โตเข้ามาในอ้อมกอด องค์ภุมรินเห็นดังนั้นจึงช้อนเจ้าบัวน้อยเข้ามานั่งบนพระเพลา

“เจ้าบัวงามใคร่อยากกินกระไรก่อนดีเจ้า พ่อจักป้อน”ตรัสพลางลูบผมยาวนุ่มของบุตร พระกรกอดประคองร่างเล็กอย่างทะนุถนอม

“บัวใคร่กินอันนั้นพระเจ้าค่ะ”ชี้ไปที่ทองหยอดสีเหลืองทองฉ่ำน้ำเชื่อม

“ได้สิเจ้า”ทรงตักขนมหวานป้อนใส่ปากเล็กช้าๆ เมื่อได้ลิ้มรสขนมหวานเจ้าบัวงามก็อารมณ์ดีขึ้นทันตา เงยหน้ายิ้มหวานให้พระบิดา คนเป็นพ่อจึงแย้มพระโอษฐ์ให้พลางจูบเบาๆที่หน้าผากเล็ก พระหัตถ์ที่จับแต่ด้ามอาวุธประคองขนมหวานบรรจงป้อนลูกน้อยอย่างอ่อนโยน

“เฉด็จพ่อพระเจ้าค่ะ”

“หืม ว่าอย่างไร”

“บัวใคร่อยากเที่ยวพระเจ้าค่ะ”ว่าพลางอ้าปากรับขนมหวานจากคนเป็นพ่อ ริมฝีปากเล็กบวมตุ้ยเพราะทองหยอดเม็ดโต

“ใคร่อยากเที่ยวหรือ จักไปไหนเล่าเจ้าบัวงาม”

“ภุชงค์ใคร่ไปตลาดในเมืองพะย่ะค่ะ”คนพี่ผุดลุกจากตักมารดาเดินเตาะแตะไปหาบิดา พลางนั่งลงบนพระเพลาอีกข้าง กลาเป็นว่าตอนนี้องค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยประทับอยู่บนพระเพลาของพระบิดาคนละข้าง โดยมีพระมารดาคอยป้อนขนมหวานให้ทั้งสองคน

“ตลาดในเมืองหรือเจ้านาคน้อย”

“พะย่ะค่ะ”

“คงจักได้ฟังมาจากนางข้าหลวงกระมังพระเจ้าค่ะ ลูกจึงใคร่เห็นตลาดนอกวังหลวง”หลายวันก่อนนางข้าหลวงที่กลับไปเยี่ยมบ้าน ได้เล่าเรื่องตลาดนอกวังหลวงให้เจ้านายน้อยทั้งสองฟัง เด็กๆจึงใคร่อยากเห็นตลาดนอกวังหลวง มากเสียจนรบเร้าให้มารดาขอประทานนุญาติจากพระบิดาให้พาออกไปเห็น

“บัวก็ใคร่ไปพระเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ...เยี่ยงนั้น อีกสองวันพ่อจักออกไปตรวจราชการนอกวังหลวงจักพาพวกเจ้าไปด้วยก็แล้วกันหนาลูก”

“เย้ๆ บัวใคร่ซื้อขนมด้วยพระเจ้าค่ะ”

“ภุชงค์ก็ใคร่ได้ของเล่นพะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ ได้ๆ พวกเจ้าใคร่อยากได้กระไรพ่อจักหามาให้ทุกอย่างเลย”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ บัวยักเฉด็จพ่อที่ฉุดพระเจ้าค่ะ”

“ภุชงค์ก็ยักเฉด็จพ่อที่ฉุดพะย่ะค่ะ”

“ว้า...มิมีใครรักแม่เลยหรือนี่ รักพ่อเจ้ากันหมดแม่เสียใจนัก”เจ้าชมนาดแสร้งทำเสียงตัดพ้อ ตีหน้าเศร้าทำเอาลูกน้อยทั้งสองรีบเข้ากอดเอาอกเอาใจมารดา

“บัวก็ยักเฉด็จแม่พระเจ้าค่ะ”

“ภุชงค์ก็ยักพะย่ะค่ะ เฉด็จแม่มิเสียใจหนา”

“บัวปลอบหนาพระเจ้าค่ะ”ว่าแล้วก็จับมือบางของมารดาขึ้นจูบเอาใจ

“หึหึหึ จ้ะๆ แม่แค่หยอกพวกเจ้าดอก”เจ้าชมนาดกอดลูกน้อยทั้งสองพลางหอมหน้าผากมนฟอดใหญ่ องค์ภุมรินทอดพระเนตรลูกเมียด้วยความรักใคร่





“เฉด็จแม่บัวตื่นเต้นพระเจ้าค่ะ”กระซิบข้างใบหูขาวของมารดาที่อุ้มตนอยู่ แขนเล็กโอบรอบลำคอระหงแน่น

“อู้หู เฉด็จพ่อพะย่ะค่ะ”ภุชงค์น้อยที่อยู่ในอ้อมพระกรขององค์ภุมรินดูตื่นตาตื่นใจกับตลาดชาวบ้านนอกวังหลวงเป็นอย่างมาก มิต่างกับเจ้าบัวงามคนน้อง

“หึหึหึ”พระสรวลในลำคอด้วยความเอ็นดูลูกทั้งสอง

“เสด็จพี่น้องมีความสุขเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”กระซิบบอกพระภัสดาขณะที่เดินไปตามทางเดินของตลาด

“พี่ก็มีความสุขเจ้าชมนาด แค่มีเจ้า แลลูกๆก็พอแล้วสำหรับชีวิตพี่”สำหรับพระองค์ลูกๆทั้งสองก็เปรียบแก้วตาทั้งสองข้าง แลเจ้าชมนาดก็เปรียบดวงใจหนึ่งเดียวของพระองค์ มิคิดเลยว่าการเสด็จประพาสล่าสัตว์ป่าครานั้นจักทำให้ได้ประสบพบเจอกับรักแท้ แลแม่ของลูก

“น้องก็เช่นกันพระเจ้าค่ะ”สบตากันก่อนจักเผยรอยยิ้มเป็นสุข เจ้าตัวน้อยโซ่ทองคล้องใจทั้งสองเมื่อเห็นพระบิดา แลมารดายิ้มกว้างให้กันก็ยิ้มหวานประจบ เรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูจากบุพการี








ชมนาดเย้าภุมรินจบบริบูรณ์
[/color]








หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 29-05-2017 15:05:06
คู่พ่อแม่จบแล้ว คราหน้าคงต้องรอคู่เจ้าจันทร์แลเจ้าบัวงามใช่หรือไม่
จะนานไหมหนา
 :pig4:  :3123:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-05-2017 15:47:27
จบแล้ว สนุกมากเลยรอตอนพิเศษนะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 29-05-2017 16:22:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
รอเจ้าบัวโตนะคะ  องค์ภุมรินคงจะหวงหนักกว่านี้
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-05-2017 16:40:21
อ่อยยยย!! รุ่นลูกละยังงายๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 29-05-2017 16:42:35
สวยงามอบอุ่น
แอปปี้เเอนดิ้ง

ชอบๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: ์ำNeFuji ที่ 29-05-2017 17:44:53
 :pig4:

ตามอ่านรวดเดียวเลย
รอเจ้าจันทร์กับบัวงาม
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 29-05-2017 18:42:30
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกน้าาา :L2:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-05-2017 22:06:51
อ่านมาถึงตอนจบแล้วรู้สึกปริ่ม ตื่นตัน มีความสุขมากๆ ความสุขของการมีครอบครัวที่อบอุ่น หลงรักเจ้าบัวงามกับเจ้าภุชงค์ จะมีเรื่องเจ้าบัวงานกับเจ้าจันทร์ต่อหรือไม่หนา :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 29-05-2017 22:13:56
 :katai2-1:มีความละมุนมากมายสำหรับนิยายเรื่องนี้
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีๆนะคะ รอติดตามเรื่องเจ้าบัวคร่าา
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 29-05-2017 23:12:20


ถ้าจะหวงลูกมาก

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-05-2017 08:12:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 31-05-2017 15:13:43
 :pig4: :3123: ขอบคุณนะคะ รอรุ่นลูกต่อไป
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 04-06-2017 09:46:59
น่ารักกก อ่านไปยิ้มไป  :o8:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 11-06-2017 23:38:13
สนุกมาก   o13  เด็ก ๆ ก้อน่ารักน่าฟัดจริงจริง  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 12-06-2017 01:06:14
ไว้ลุ้นคู่ลูกต่อ เจ้าบัวงามน่าร๊าก
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 14-06-2017 07:36:29
ตามอ่านรวดเดียว
หลงรักเด็กทั้งสองมาก อยากอ่านคู่เข้าจันทร์กะเจ้าบัวซะแล้วสิ
ชอบที่พระเอกไม่สนหญิงอื่น โฮ่ๆๆ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 14-06-2017 09:27:37
 :pig4: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 15-06-2017 17:33:29
น่ารักมากมาย ยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 17-06-2017 22:17:50
รออ่านรุ่นเจ้าบัวนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 17:52:20
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-06-2017 12:11:29
อยากให้มีตอนพิเศษบ้างจัง
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 10-07-2017 17:49:25
เจ้าบัวงามช่างแง่งอน
นึกถึงพระจันทร์ คู่ในอนาคตคงต้องตามง้อกว่าจะได้ใจมาแน่เลย
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 10-07-2017 21:17:01
น่ารักจัง
อยากอ่านเรื่องรุ่นลูกต่อ อยากรู้ว่าพ่อจะหวงลูกขนาดไหน

 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 11-07-2017 19:35:25
โอ้ยยยยน่ารักอ่ะ สนุกมาก
เป็นอะไรที่ชอบนิยายแนวนี้มากๆเลย
เจอนิยายแนวทีไรแพ้ทุกที  ชอบนิยายย้อนยุคมากๆ
ว่าแต่อยากอ่านตอนของเจ้าบัวจัง คงน่ารัก อิอิ
ยังไงกะขอบคุณนิยายดีๆสนุกๆนะคะ แต่งดีมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 12-07-2017 18:18:58
สนุกดีคะ เดินได้กระชับดี อยากรู้เรื่องของ
ลูกคนเล็กแล้วว่าจะเจอกับใคร
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 13-07-2017 23:50:28
สนุกดีค่ะ ชอบแนวๆนี้มาก
ภาษาสวยมากด้วย
ให้อารมณ์คนเหนือเต็มๆ
อยากอ่านตอนพิเศษจัง
จะมีไหมคะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 14-07-2017 14:41:14
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 15-07-2017 10:33:45
 o13
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-07-2017 18:28:47
จะมีภาคลูกมั้ยคะ รออ่านค่าาา
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 15-07-2017 20:25:15
สนุกมากค่ะ รวดเดียวจบเลย
อยากมีสามีแบบองค์ภุมริน ต้องทำไงคะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 16-07-2017 03:48:26
ชมนาด ทำไมน่ารักขนาดนี้ ต้องรอคู่เจ้าจันทร์กับเจ้าบัวด้วยมั้ยเนี่ย

สนุกมากเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-07-2017 17:46:42
พี่จันทร์ประทับตราจองน้องบัวไว้แล้วนะ อิอิอิ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 17-07-2017 21:13:21
ชอบเจ้าหลวงภุมรินก็ตรงที่รักเมีย หลงเมีย เชื่อเมีย อยู่ในโอวาทเมีย และมีเมียเดียวนี่แหละค่า ส่วนเจ้าชมนาดก็ฉลาด รู้จักใช้มารยาในเวลาที่ถูกที่ควร นี่ไม่ได้ด่านะคะ ชมนางอยู่จริงๆ ชอบบบ! ปล.อยากรู้ว่าทำไมเจ้าหลวงถึงไม่มีพระสนมมาตั้งแต่แรกจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๑๗ จบแล้ว ๒๙.๐๕.๖๐ หน้า ๐๕
เริ่มหัวข้อโดย: Siran ที่ 18-07-2017 22:24:32
ชอบตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้วค่ะ พออ่านบทแรกก็ปังเลย ติดงอมแงม 55555
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 24-09-2017 23:16:33
ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ตอนพิเศษ

   วันพรุ่งแล้วที่จักเป็นวันขึ้นปีใหม่  ทางวังหลวงจึงจัดงานพิธีศาสน์เพื่อความเป็นสิริมงคล แลมีพิธีฉลองร่วมกับเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เจ้าชมนาด พระชายาในองค์ภุมริน มารดาแห่งภุมริกาจึงมีหน้าที่เป็นแม่งาน ดังนั้น เจ้าชมนาดจึงยุ่งเสียจนหน้าที่เลี้ยงลูกตกเป็นขององค์ภุมริน พระวรกายสูงใหญ่กำยำบรรทมอยู่บนพระยี่ภู่ในอ้อมพระกรแกร่งมีเจ้าบัวงามนอนซุกพระอุระอยู่ ส่วนเจ้าภุชงค์นั้น เมื่อตื่นขึ้นมิเจอมารดา แลพระบิดากับน้องก็บรรทมอยู่ องค์รัชทายาทตัวน้อยปีนป่ายข้ามพระวรกายบิดาไปมา หากแต่พระบิดา แลน้องน้อยก็มิมีท่าทีว่าจักตื่นจากห้วงนิทรา

“แอ้ แอ้ ป้อ ป้อ”ส่งเสียงพลางใช้มือดึงขยำก้นกลมของเจ้าบัวน้อย จนน้องดิ้นดุกดิก แต่ก็มิยอมตื่นจากฝันหวาน



แปะ



ฝ่ามือเล็กฟาดแปะลงบนพระพักตร์พระบิดา

“อืม...เจ้าภุชงค์ตื่นแล้วหรือลูก”ดวงตาใสแจ๋วทอดมองพระพักตร์งามของบิดา องค์ภุมรินปรือพระเนตรมองหน้าลูกน้อยที่จับจ้องพระองค์มิวางตา



แปะ



“ฮึก....แง~~”มือเล็กเหวี่ยงฟาดอีกครา แต่ครานี้เป็นแก้มกลมของเจ้าบัวงาม เมื่อถูกพระเชษฐาฉุดกระชากออกจากฝันหวานก็สะดุ้งเฮือกสุดตัว ก่อนจักแผดเสียงร้องดังลั่นตำหนัก

“เจ้านาคน้อย!!...มิทำน้องหนาลูก”ทรงดุโอรสองค์โตเบาๆ แลช้อนโอรสองค์เล็กขึ้นปลอบ

“ฮึก....ฮึก....แง~~”เมื่อโดนพระบิดาดุก็น้อยอกน้อยใจ แผดเสียงร้องออกมาดังมิแพ้น้อง เอนกายซบพระเขนยอย่างช้ำใจ

“เจ้าภุชงค์...เจ้าบัวงาม”วางเจ้าคนน้องลงก่อนจักคว้าคนพี่เข้ากอด กลายเป็นว่าพระอุระกว้างตอนนี้มีเจ้าลิงน้อยทั้งสองซุกซบอยู่ แลแข่งกันแผดเสียงร้อง

“แง~~”

“แง~~”

“โอ๋ ลูกพ่อเงียบหนาลูก”พระหัตถ์ทั้งสองข้างลูบแผ่นหลังเล็กของลูกสองคนปลอบ

“ฮึก....อึก”

“ฮึก”พอร้องจนเหนื่อยก็ค่อยๆคลายสะอื้น แลเมื่อเห็นอีกคนเงียบก็เงียบตาม

“เฮ้อ....”องค์ภุมรินถอนพระปัสสาสะอย่างโล่งพระทัย

“ป้อ...ป้อ”

“จ๋าลูก”

“หม่ำๆๆ”

“หิวหรือเจ้า”

“หม่ำๆๆๆ”

“อ่าๆ...ประเดี๋ยวพ่อพาไปหาแม่หนา”ตรัสแล้วก็อุ้มลูกน้อยทั้งสองเข้าพระกฤษฎี กระเตงเสด็จไปที่ตำหนักศาสน์โดยมีสุธีองครักษ์หลวงคนสนิทถือพระกลดให้นายเหนือหัวทั้งสามเดินตาม

“หม่ำๆๆๆๆๆ”

“หม่ำๆๆ”

“รู้แล้วลูก พ่อรู้แล้ว”

“หม่ำๆๆๆ”

“หม่ำๆๆ”

“น้อง”ตรัสเรียกเมียรักที่กำลังร้อยมาลัยสำหรับถวายพระวันพรุ่ง

“เสด็จพี่”

“แอ้ๆๆ...หม่ำๆๆๆ”

“หม่ำๆๆ...แอ้!!”

“กระไรกันลูกเจ้าภุชงค์ เจ้าบัว”

“ลูกหิวจ้ะ”

“หม่ำๆๆๆ”

“แอ้...หม่ำๆๆ”

“อ๊ะ...เจ้าบัวมิทำแบบนี้หนาลูก ประเดี๋ยวก็ตกลงไปดอก”เจ้าบัวงามทิ้งตัวไปหาแม่เสียจนเจ้าชมนาดผวารับแทบมิทัน เจ้าตัวน้อยเกาะคอมารดาเป็นลูกวานร

“หม่ำๆๆ”

“จ้ะๆ แม่รู้แล้ว”ว่าแล้วก็อุ้มลูกน้อยออกจากตำหนักศาสน์ โดยมีพระภัสดาอุ้มลูกน้อยอีกคนตามมา เจ้าชมนาดเลือกใช้ตำหนักรับรองที่อยู่ใกล้ๆเป็นที่ให้นมลูก  มือเล็กปลดผ้าแถบคาดอกออกก่อนจักประคองเจ้าบัวน้อยให้นอนลงในอ้อมแขน เจ้าบัวน้อยเมื่อจัดที่ทางได้แล้วก็มุดหน้ากับอกมารดา ปากเล็กงับจุกนมเป็นกระเปราะของมารดา แลออกแรงดูดดึงจนน้ำนมไหลให้ดื่มกิน

“แอ้ๆๆ”เจ้าภุชงค์ที่เห็นน้องได้กินก็ตะกายตัวจักไปหาแม่

“เจ้าภุชงค์ให้น้องกินก่อนหนาลูก”

“แอ้ๆๆ”ดิ้นจนพระบิดาต้องกอดไว้แน่น

“จุ๊บๆๆๆ”ส่วนเจ้าบัวงามเมื่อได้ยินเสียงพี่งอแง ก็เหลือบหางตามองก่อนจักดูดดึงจุกนมของมารดาอย่างเร่งรีบราวกับกลัวโดนแย่ง

“อะ โอ๊ย..เจ้าบัวเบาเถิดลูกแม่เจ็บหนาเจ้า”

“เจ้าบัวงามค่อยๆลูก ถันแม่เจ้าช้ำหมดแล้ว”

“แอ้!!”เจ้าภุชงค์ส่งเสียงราวกับจักดุ

“อื้อ...จุ๊บๆๆๆ”ครางในลำคออย่างไม่พอใจ ดูดดึงจุกนุ่มหยุ่นจนแดงช้ำ

“แอ้!!...แอ้...ฮึก”เมื่อเห็นน้องได้กินแลตนมิได้ ก็ออกอาการงอแง คิ้วเล็กขมวดมุ่น ริมฝีปากเบะออกจนโค้งคว่ำ

“เจ้าภุชงค์ให้น้องก่อนหนาลูก”องค์ภุมรินตรัสพลางอุ้มลูกเขย่าเบาๆ

“เจ้าบัวให้พี่เจ้าบ้างหนาลูก”เจ้าชมนาดว่าพลางดึงจุกนมตนออกจากปากเล็กพลางส่งลูกน้อยให้พระภัสดา แลรับเจ้าภุชงค์เข้ามาในอ้อมกอด เจ้านาคน้อยดีใจกระโดดดีดตัว ผิดกับคนน้องที่นิ่งงัน แลเบะปากซบหน้ากับพระอังสะพระบิดา สะอื้นอย่างช้ำใจ เจ้าภุชงค์ที่ได้งับจุกนมแล้วก็ดูดกินอย่างอารมณ์ดี


.
.
.


รุ่งขึ้นวันปีใหม่ทั้งสี่พระองค์เข้าร่วมพิธีศาสน์ในตอนเช้าพร้อมเหล่าขุนนางขั้นผู้ใหญ่ พระโอรสน้อยทั้งสองพระองค์นั่งอยู่บนพระเพลาบิดา มารดา มือเล็กพนมตามพ่อแม่ ได้รับการผูกข้อไม้ข้อมือจากพระคุณเจ้าท่าน

“อึก...”

“...แอ้”

ส่งเสียงเล็กน้อยเมื่อหยดน้ำมนต์ที่พระท่านพรมกระเด็นมาโดนตัว นัยน์ตาเบิกกว้าง ปากเล็กเผยอขึ้น นั่งตัวแข็งเสียจนเรียกเสียงพระสรวลจากบิดา


เมื่อพิธีศาสน์เสร็จสิ้นก็เหลือเพียงงานเลี้ยงฉลองช่วงค่ำของวันนี้ เจ้าชมนาด แลพระภัสดาจึงพาลูกน้อยทั้งสองกลับมาพักผ่อนที่ตำหนักหลวง ความเหนื่อยล้าจากกาเป็นแม่งานจัดงานวันนี้ทำให้เจ้าชมนาดเผลอหลับไปหลังจากที่เอาลูกน้อยทั้งสองนอนกลางวัน

“หึหึหึ”องค์ภุมรินทอดพระเนตรเมีย แลลูกที่นอนหลับตาพริ้มด้วยความเอ็นดู เอนพระวรกายซ้อนแผ่นหลังบางของเจ้าชมนาด ก่อนจักเผลอบรรทมไป

“อึก...อือ”เจ้าบัวงามดิ้นน้อยๆ ก่อนจักค่อยๆปรือนัยน์ตากวางขึ้นกระพริบปริบๆ เจ้าตัวน้อยคนน้องพลิกตัวนอนคว่ำก่อนจักดันตัวขึ้นนั่งแบะขา ใบหน้าเล็กดูมึนงงยังมิตื่นดี นัยน์ตากวางเหลือบมองพระเชษฐาที่นอนหลับตาพริ้มข้างกัน แลเกิดอาการหมั่นเขี้ยว มือเล็กขยุ้มผมพระเชษฐาเต็มมือเขย่าไปมาจนเจ้านาคน้อยเบะปาก เมื่อลืมตาขึ้นเห็นผู้กระทำก็ส่งเสียงข่ม

“แอ้!!”

“แอ้!!!”ยอมเสียที่ไหนตวาดกลับไป ปล่อยมือจากกลุ่มผมภุชงค์น้อย ก่อนจักเงื้อฟาดเพี้ยลงบนแก้มกลมของพระเชษฐา

“อึก...”เบะปากด้วยความเจ็บผลักน้อยเสียจนผงะ

“แอ้...ฮึก”ตั้งท่าจักไห้

“อืม...”เจ้าชมนาดขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็มิตื่น แลเมื่อเห็นแม่ขยับก็ชะงักทั้งสองคน จากที่ตั้งท่าจักไห้เมื่อครู่ก็เงียบกริบ

“แอ้”ส่งเสียงพลางไถตัวลงจากพระแท่นบรรทมไปนั่งแปะบนพื้น เมื่อเห็นน้องลงก็ไถตัวลงตาม สองพี่น้องถึงจักยังพูดมิได้ แต่ก็เดินได้แข็งแล้ว จับมือกันเดินเตาะแตะออกนอกห้องบรรทม แลในเวลาที่นายเหนือหัวพักผ่อนจึงมิมีข้าหลวงมารบกวน เจ้าตัวน้อยทั้งสองลัดเลาะออกจากตำหนักหลวงโดยที่ข้าหลวงรับใช้มิทันได้มอง

“แอ้”

“แอ้”ส่งเสียงอย่างอารมณ์ดี มือเล็กทั้งสองคู่เกาะพระบัญชรไว้แล้วพากันขย่มตัวขึ้นลง

“อุๆๆๆ”

“อู้”เห็นบรรดาแมวทรงเลี้ยงของพระบิดาก็ส่งเสียงตื่นเต้น ก้าวเท้าเตาะแตะออกจากตำหนักหลวงตามแมวไป จับมือพากันวิ่งตามแมวไปทางท้ายวังหลวง เพลานี้ข้าหลวงในวังต่างก็วุ่นอยู่กับการเตรียมงานฉลองค่ำนี้จึงมิทันสังเกตเห็นองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยที่ซุกซนไปทั่ววังหลวง


.
.
.


เพลาผ่านไปกว่าชั่วยาม

“อือ..อืม”เจ้าชมนาดครางในลำคอเบาๆ มือเล็กควานหาลูกน้อย แต่ก็เจอเพียงความว่างเปล่า คิ้วเล็กขมวดก่อนนัยน์ตากวางจักเปิดขึ้น เมื่อมองภาพตรงหน้าบนพระยี่ภู่ที่ควรจักมีเจ้าภุชงค์ แลเจ้าบัวงามนอนอยู่กลับว่างเปล่าไร้ร่างลูกน้อยทั้งสอง เจ้าชมนาดเบิกตากว้างปัดพระกรพระภัสดาที่พาดเอวบางออก แลผุดลุกอย่างตกใจ

“อืม..มีกระไรหรือน้อง”

“เสด็จพี่ ลูก!!!...ลูกหายพระเจ้าค่ะ”

“อืม...หา!!”ผุดลุกตามเมียรัก กวาดพระเนตรมองรอบห้องบรรทมก็มิเห็นลูกน้อยทั้งสอง

“....”เจ้าชมนาดหน้าซีด กายบางวิ่งออกจากห้องบรรทมตามด้วยพระภัสดา ร้องเรียกหาลูกน้อยทั้งสองจนข้าหลวงตกอกตกใจ

“มีกระไรเพคะพระชายา เกิดกระไรขึ้นเพคะ”

“อุ่น!!! อึก...ลูกข้า เห็นลูกข้าหรือไม่!!”

“องค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยหรือเพคะ..ก็ทรงอยู่ในห้องบรรทมกับพระองค์นี่เพคะ”

“!!!”ได้ยินแล้วลมแทบจับ

“บอกข้าหลวงแลองครักษ์ในวังหลวงออกตามหาองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยประเดี๋ยวนี้”องค์ภุมรินประคองร่างอ่อนปวกเปียกของเมียรัก แลรับสั่งอย่างเคร่งเครียด


.
.
.


“อู้...อุๆๆๆ”

“อุๆๆ..แอ้”
ด้านเจ้าตัวน้อยทั้งสองก็หาได้รับรู้ถึงความกังวลใจของพอ แลแม่ไม่ พากันเล่นดิน เล่นทรายจนมอมแมมไปหมด มิเหลือเค้าพระโอรสแห่งภุมริกาเสียแล้ว

“แอ้...อุๆ”

“คิกๆ...อ้า..อุ๊..อึก”เจ้าบัวงามวิ่งก่อนจักสะดุดขาตัวเองล้มกลิ้งเป็นลูกขนุน นอนแผ่บนพื้นหญ้านุ่ม ก่อนจักหัวเราะเอิ๊กอ๊าก เจ้าบัวงามลุกขึ้นก่อนจักตีลังกาล้มกลิ้งลงไปอีกครา แลหัวเราะจนตัวโยน ก่อนจักทำวนไปซ้ำๆ ส่วนเจ้าภุชงค์ก็พยายามมุดเข้าไปในพุ่มไม้ที่เจ้าตัวเห็นแมวสีสวาทมุดเข้าไป

“ภุชงค์!!...เจ้าบัว!!!”เมื่อได้ยินเสียงบิดาก็ชะงัก เจ้าบัวงามหยุดค้างในท่าโก่งโค้งมองลอดหว่างขา ในขณะที่เจ้านาคน้อยคลานถอยหลังออกจากพุ่มไม้ องค์ภุมรินหอบหายพระทัยทอดพระเนตรลูกน้อยทั้งสอง แลแทบยกพระหัตถ์กุมพระเศียร หากเจ้าชมนาดได้มาเห็นสภาพลูกรักในตอนนี้คงได้เป็นลมล้มพับไปเป็นแน่

“ป้อๆๆๆ”

“แอ้ๆๆ”

เดินเตาะแตะมาเกาะพระชานุของบิดา เจ้าบัวงามเงยหน้ายิ้มหวานให้พลางซบใบหน้าแนบพระชานุ ส่งเสียงฮึมฮัมในลำคออย่างอารมณ์ดี ภุชงค์เมื่อเห็นน้องอ้อมพ่อก็คลานเร็วๆมาอยู่ที่พระบาท มือเล็กตีแปะๆที่หลังพระบาทขาว

“กลับตำหนักหลวงประเดี๋ยวนี้ ทั้งคู่!! ป่านนี้แม่เจ้าเป็นลมเป็นแล้งไปแล้วกระมัง”ตรัสพลางช้อนลูกน้อยทั้งสองเหน็บพระกฤษฎีกระเตงกลับตำหนัก


.
.
.


“พระทัยเย็นก่อนหนาเพคะพระชายา”อุ่นว่าพลางบีบนวดแขนขาเล็กของคนเป็นนาย

“ฮึก...ลูกข้า หายไปตั้งแต่ตอนไหน เหตุใดจึงมิมีผู้พบเห็น”

“พระทัยเย็นไว้เพคะ ฝ่าบาทท่านทรงเสด็จตามแล้ว ประเดี๋ยวคงจักกลับมา อย่ากังวลไปเลยเพคะ”ข้าหลวงคนสนิทอีกคนว่าพลางจอยาหอมที่จมูกโด่งรั้น

“พระชายาองค์ภุมรินเสด็จกลับมาแล้วเพคะ”อุ่นว่าเมื่อเห็นนายเหนือหัวเสด็จเข้ามาพร้อมกระเตงเจ้านายน้อยๆทั้งสอง

“เสด็จพี่..ลูกแม่!!”ผุดลุกวิ่งเข้าไปหาพระภัสดา

“มิเป็นไรหนาน้องลูกปลอดภัยดี”ตรัสพลางวางลูกทั้งสองลงพื้น

“ลูกจ๋า ไปเล่นซนที่ไหนมาหนาลูก”ทรุดกายลงกอดร่างเล็กของลูกแน่น เจ้าตัวน้อยก็ซบหน้ากับไหล่เล็กของมารดาอย่างออเซาะ

“อุๆๆๆ”ส่งเสียงราวกับจักเล่าให้ฟังว่าไปเจอกระไรมาบ้าง

“แอ้ อู้ๆ”

“จ้ะๆ...ไปเล่นสนุกใช่หรือไม่”ลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ

“อุ่นเจ้าพาเจ้าภุชงค์ แลเจ้าบัวงามไปอาบน้ำผลัดผ้าทีเถิด”

“เพคะฝ่าบาท”

“น้อง...ให้ลูกไปอาบน้ำผลัดผ้าก่อนหนา”ตรัสพลางแยกแม่ลูกออกจากกัน

“พระเจ้าค่ะ”รับคำแลปล่อยให้ข้าหลวงคนสนิทพาลูกน้อยออกไป

“หึหึหึ...เช็ดน้ำตาก่อนดีไหม”ตรัสเย้าพลางใช้พระดรรชนีเกลี่ยคราบน้ำตาบนแก้มนวลให้เมีย

“น้องใจหายหมดเลยพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ ไปเล่นที่ท้ายวังนั่นแล จักโกรธหรือก็โกรธมิลง น่าเอ็นดูเสียขนาดนั้น”

“นั่นสิพระเจ้าค่ะ”ใครกันจักทำใจแข็งโกรธเจ้าตัวน้อยได้

“แสบนักทั้งคู่”รั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมพระกร กดจูบที่ขมับขาว

“คิกๆ ก็ลูกพระองค์นั่นแลพระเจ้าค่ะ”

“หึหึ ข้ามิปฏิเสธ”








หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 20-10-2017 02:34:19
เจ้าจันทร์ กับ เจ้าบัว....... :ling1: มาต่อนะๆๆๆ น่าสนุกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-11-2017 23:21:15
น่ารักมากๆเลย รออ่านเจ้าบัวนะ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 19-11-2017 23:00:57
ยกนิ้ว o13 o13 o13 o13

..อยากอ่านรุ่นลูกจัง  :m13: :hao3: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 18-12-2017 23:41:18
สนุกอ่านแบบวางไม่ลง
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 19-12-2017 07:16:49
แสวได้โล่ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 06-03-2018 22:51:03
ชอบชมนาดจังฉลาดสู้คนภุมรินก็รักเมียที่สุดไม่มีไขว้เขวเลยชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 08-03-2018 20:21:36
น่ารักมากเลยค่า
ภาษาสวย
อ่านเพลินเลยค่า
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 08-03-2018 20:32:52
 :impress2:  o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 10-03-2018 19:22:14
สนุกมากๆเลย ภาษาดีมาก ราชาศัพท์ทั้งเรื่อง รู้บ้างไม่รู้บ้าง 55555555555555 เนื้อเรื่องดำเนินเรื่อยๆไม่แหวกจากแนวแต่น่าอ่าน น่าติดตาม ชอบตรงไม่ดราม่ามาก พระเอกรักเมีย หลงเมีย และไม่โง่ ชอบตรงนี้ น้องชมนาดเองตอนแรกก็ดูนิสัยเด็กๆลูกคนรวยเอาแต่ใจ แต่พอเข้าวัง รับรู้สถานภาพน้องก็ปรับตัวดี นิสัยดีขึ้น น่ารัก ใครดีมาดีตอบ ร้ายมาก็ร้ายแต่ไม่จองเวร ชอบๆๆๆๆๆ ขอภาค2ค่ะ คู่น้องบัว  o1
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 12-03-2018 20:25:14
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ น่ารักมากๆค่ะ
อยากอ่านตอนพิเศษอีกเจ้าค่ะ ><  :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: JanJanIsHappy ที่ 20-03-2018 20:30:48
อ่านพีเรียดครั้งแรก ดีมากๆ ภาษาดีมากกกกก เราไม่ค่อยรู้ราชาศัพท์แต่ก็พอเดาได้สบายมาก เนื้อเรื่องดีมาก พระนายไม่โง่ให้หงุดหงิดใจเลย ดีจนอยากพาคนเขียนไปเลี้ยงข้าว แอบรอคู่ลูกอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 21-03-2018 00:16:23
 :o8:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๒๔.๐๙.๖๐ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 30-04-2018 12:05:19
เราก็ไม่กล้าอ่านตั้งนานเพราะเห็นชื่อเรื่องและย้อนยุคคิดว่าต้องดราม่าหนักแน่ๆ แต่ไม่เลยยยยย เรื่องน่ารักมาก พี่หลงน้องมากๆเว่อ ดีต่อใจมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๐๒ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 16-05-2018 20:43:43



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ตอนพิเศษ ๐๒




ปีนี้เจ้านาคน้อย แลเจ้าบัวงามดอกน้อยมีพระชนมายุสามปีบริบูรณ์ อยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน แลซุกซนเสียยิ่งกว่าลูกวานร มารดาอย่างเจ้าชมนาดปวดเศียรลมแทบจับเมื่อลูกน้อยพากันเล่นซนคึกคะนอง บัดนี้พระภัสดาทรงงานอยู่ในราชสำนัก มารดาจึงพาลูกน้อยออกสูดอากาศที่ศาลาริมสระหลวงแทนที่จะอุดอู้อยู่แต่ในตำหนัก หากแต่เจ้าตัวน้อยเมื่อได้ออกมานอกตำหนักก็พากันเล่นซนจนเจ้าชมนาดจับไม่อยู่ เหล่าข้าหลวงสาวต่างวิ่งหน้าตั้งตามเจ้านายน้อยที่วิ่งพลางสรวลร่า เห็นวิหกก็วิ่งตามวิหก เห็นวิฬารก็วิ่งไล่วิฬาร

“เจ้าภุชงค์!! เจ้าบัว!!!”หากแต่พระสุระเสียงหวานดุดันของพระมารดาก็ทำเอาองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยหยุดชะงัก มิบ่อยนักดอกที่พระมารดาชมนาดจักเรียกโอรสด้วยพระสุระเสียงเช่นนี้ เจ้านาคน้อยคนพี่ชะงักเท้าที่กำลังวิ่งเอี้ยวตัวกลับขาเล็กสับไปในทิศทางที่มารดาประทับยืนอยู่ พระพักตร์งามเรียบตึง นัยน์ตากวางฉายแววตำหนิ ส่วนเจ้าบัวงามดอกน้อยก็รีบชักมือที่ดึงขนนุ่มของวิฬารทรงเลี้ยงกายเล็กทิ้งตัวนั่งจุ้มปุกกับพื้นหญ้า  ร้อนถึงพระพี่เลี้ยงสาวที่รีบถลาเข้าช้อนร่างน้อยขึ้นอุ้มพาเจ้าน้อยคนงามส่งให้พระชายาอุ้มต่อ

“เฉด็จแม่”แขนเล็กสั้นป้อมยื่นหามารดา เจ้าชมนาดรับร่างเล็กเข้าเจ้าบัวงามมาอุ้มต่อ ลูกน้อยก็ช่างออดช่างอ้อนแสร้งทำตัวอ่อนซบพระอังสะบาง นัยน์ตากวางที่ทอดแบบมาจากพระมารดาเหลือบมองพระเชษฐาที่ยืนเกาะซบหน้ากับพระชงฆ์เรียวของมารดา

“เจ้าจมมะนาดจ๋า~”เลียนแบบพระบิดาที่เรียกพระมารดาพระสุระเสียงหวาน

“เจ้าภุชงค์ใครสั่งใครสอนให้ลูกพูดเช่นนี้กัน”นัยน์ตากวางเบิกกว้าง มือบางช้อนใต้คางโอรสให้เงยสบพระเนตร ไถ่ถามหาต้นตอ หากแต่ในพระทัยคาดโทษคนที่กำลังประชุมหารือกับเหล่าขุนนางในราชสำนักเสียแล้ว เจ้านาคน้อยไร้เดียงสามองพระพักตร์งามของพระมารดาตาแป้ว

“....”

“ไม่ดีเรียกแม่เช่นนี้หนาลูก”เมื่อทอดพระเนตรใบหน้าไร้เดียงสาของโอรสองค์โตก็อดพระทัยอ่อนมิได้ กายบางทรุดประทับบนตั่ง แขนข้างหนึ่งกอดเจ้าบัวน้อยที่เกาะอกมารดาเป็นลูกวานร อีกข้างโอบกอดนาคน้อย

“..พะย่ะค่ะ”ก้มหน้ารับผิด แลปีนขึ้นตั่งกอดพระกฤษฎีบางคอดของมารดาอย่างออดอ้อน แลเจ้าชมนาดเมื่อถูกลูกอ้อนเช่นนี้จักมิใจอ่อนได้อย่างไร

“ทูลพระชายา ฝ่าบาทเสด็จเพคะ”

“.....”มาแล้วหรือพ่อต้นตอที่ทำให้ลูกพูดจาห่ามๆ

“ทำกระไรกันอยู่หรือ เหตุใดจึงอ้อนแม่เจ้า เกาะเป็นลูกลิงเยี่ยงนี้”อยากจักคาดโทษให้มากกว่านี้ หากแต่เมื่อเห็นหยาดพระเสโทที่พระนลาฏ เจ้าชมนาดก็จับเจ้าบัวน้อยนั่งตัก แลยื่นพระหัตถ์เล็กขอผ้าชุบน้ำลอยดอกมัลลิกาหอมกรุ่นบิดหมาดมาเช็ดพระพักตร์ของพระภัสดาอย่างอ่อนโยน องค์ภุมรินแย้มพระสรวลกว้างกับความเอาใจใส่ของเมีย

“มิมีกระไรดอกพระเจ้าค่ะ เจ้าภุชงค์เพียงแค่เลียนแบบพระองค์ก็เท่านั้น”

“หืม...เลียนแบบกระไรจากพ่อกันเจ้านาคน้อย”

“ยูกพูด...”เจ้าตัวน้อยเอ่ยเจื้อยแจ้วราวกับจักฟ้องพระบิดาว่าตนเรียกมารดาอย่างไร

“พูดกระไรลูก”

“เจ้าจมมะนาดจ๋า~~~”

“.....”

“.....”

“.....ฮะฮ่าๆๆๆ”ทรงสรวลพระสุระเสียงดังจนเจ้าชมนาดหน้าม้าน

“..เสด็จพี่”

“ฮะฮ่าๆๆ เจ้านาคน้อยของพ่อ เจ้าชมนาดจ๋า ที่เจ้าว่า พ่อเรียกได้คนเดียวหนาลูก”ตรัสพลางอุ้มโอรสองค์โตมากอดหอม

“....”ส่วนคนเป็นแม่ก็ได้แต่หน้าแดงกอดเจ้าตัวน้อยคนเล็กไว้แนบอก

“งื้อออ”เจ้าบัวงามดอกน้อยมุดหน้า ถูไถใบหน้าเล็กกับอกมารดา มือเล็กยกขยี้นัยน์ตากวางจนเจ้าชมนาดต้องรั้งไว้

“ง่วงหรือลูก”เจ้าชมนาดก้มถามเจ้าน้อยที่ซุกหน้ากับอกตน

“อื้อออ”

“อุ่นขอผ้าชุบน้ำให้ข้าที”

“เพคะพระชายา”ข้าหลวงสาวส่งผ้าชุบน้ำลอยมัลลิกาหอมกรุ่นให้คนเป็นนาย

“เช็ดตัวหน่อยหนาเจ้าบัวจักได้มิเหนียวตัวหนาลูก”

“งื้อออ”เจ้าตัวน้อยเบะปากเมื่อความเย็นจากผ้าถูกผิวกาย

“ชู่ว มิงอแงหนาลูก”เช็ดหน้าเช็ดตาให้ แลลากผ้าเนื้อนุ่มลงมาที่ซอกคอขาว จับแขนเล็กยกขึ้นเช็ดรักแร้ทั้งสองให้ก่อนจักสอดมือเข้าใต้เสื้อคอกระเช้าตัวเล็กเช็ดแผ่นหลังเล็กให้

“อื้อ ฮึก”ความง่วงงุนทำให้เจ้าน้อยคนงามออกอาการงอแง ใบหน้าเล็กมุดหน้าอ้าปากงับยอดถันมารดาผ่านผ้าแถบสีงาช้างปักลายดอกไม้เล็กๆทั่วผืน

“อ๊ะ เจ้าบัว”ขืนตัวออก

“ฮึก แงๆ”

“โอ๋ๆ กลับตำหนักหนาลูก บัวน้อยคนดีของแม่อย่าไห้หนาเจ้า”จับลูกน้อยพาดบ่า มือลูบหลังเล็กปลอบ

“ฮือออ”เจ้าบัวซบหน้ากับพระอังสะมารดาสะอื้นอย่างช้ำใจ

“เสด็จพี่กลับตำหนักเถิดพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”ตรัสแล้วก็อุ้มเจ้านาคน้อยตามหลังเมียกลับตำหนักหลวง






เมื่อพระทวารห้องบรรทมปิดลงเจ้าชมนาดก็วางลูกน้อยลงบนพระยี่ภู่ มือบางปลดผ้าแถบคาดอกผืนงามออกจนเปลือยช่วงบน หน้าอกเป็นกระเปาะ แลยอดถันสีทับทิมดึงดูดสายตาพ่อลูกสองให้นิ่งงัน แขนเรียวอุ้มเจ้าบัวประคองนอนบนพระเพลาเล็ก

“ฮึก อึก”พอจัดท่าจัดทางถูกใจแล้วก็มุดหน้ากับอกมารดา ปากเล็กอ้างับยอดถันดูดดึงจนเกิดเสียงจุบจับ นัยน์ตากวางที่ปรือปรอยค่อยๆปิดลง หากแต่ปากยังคงทำงาน มือเล็กแปะอยู่ที่อกอีกข้าง น้ำนมจากอกของเจ้าชมนาดหมดแล้ว หากแต่ก่อนนอนเจ้าบัวก็ต้องดูดนมแม่จึงจักหลับแม้จักไม่มีน้ำนมให้ดื่มกินก็ตาม


ฟืด

   
“เสด็จพี่!!”เอ็ดพระภัสดาเสียงเบา นัยน์ตากวางจิกจนองค์ภุมรินสะดุ้ง พระองค์ก็แค่เผลอคว้าผ้าแถบที่เมียปลดทิ้งไว้ขึ้นจรดพระนาสิกสูดกลิ่นกายหอมหวานต่อหน้าลูกเท่านั้น ใยแม่กวางจึงกลายร่างเป็นแม่เสือ

“ขอโทษจ้ะคนดี”รีบวางผ้าผืนงามลง อุ้มโอรสองค์โตพาดพระอังสะกว้างโยกพระวรกายน้อยๆ พระหัตถ์ตบก้นเล็กเบาๆ หวังให้ลูกนิทราตามน้องโดยเร็ว แม้นจักเป็นแฝดแต่เจ้าภุชงค์กลับหย่านมเร็วกว่าเจ้าบัวงามคนน้อง





มินานปากเล็กที่ดูดดึงยอดถันมารดาก็หยุดนิ่ง มือเล็กที่วางบนอกมารดาร่วงลงบนตัก เจ้าชมนาดอุ้มลูกขับกล่อมอีกสักหน่อยจึงจับกายเล็กนอนคว่ำกับพระยี่ภู่ ใบเล็กหันข้าง ตบก้นเล็กเบาๆ ก่อนจักผละไปรับเจ้าภุชงค์ที่ตาเริ่มปรือปรอยมาขับกล่อมจนหลับสนิทจึงจับให้นอนคว่ำหันหน้าออกข้างกันกับเจ้าบัวงาม


หมับ


“อ๊ะ”เจ้าชมนาดสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกพุ่งกอดจากด้านหลัง พระพักตร์งามขององค์ภุมรินซุกไซ้ซอกคอขาวของเมีย พระหัตถ์สองข้างกอบกุมเต้ากระเปาะของเมียคลึงเบาๆ

“อืม”พระโอษฐ์กดจูบตามผิวขาวเนียนไล่ตั้งแต่ลาดไหล่เล็กลงมาที่ต้นแขน กลับขึ้นไปที่ซอกคอขาวหอมกรุ่น พระชิวหาแตะไล้เลียดูดเม้มที่ติ่งหูนิ่ม

“เสด็จพี่ อืม ลูกนอนหนาพระเจ้าค่ะ”

“ก็เพราะลูกนอนหนาสิน้อง หากลูกไม่นอนเจ้าก็มิมีเวลาให้พี่ดอก”ตรัสราวกับน้อยพระทัย

“ตะ แต่ลูกจักตื่นหนาพระเจ้าค่ะ”

“ให้พี่หนาเจ้า คนดี พี่จักทำเบาๆ”

“หม่อมฉันเคยขัดพระทัยพระองค์ได้หรือพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ..อ่า”

“อึ๊ อื้อ...อือ”มือเล็กยกปิดปากตัวกลั้นเสียงหวานกระเส่ายามถูกรังแกหนักหน่วง กลัวเหลือเกินว่าลูกจักตื่นมาเจอพ่อ แลแม่ร่วมรักกัน แต่เจ้าตัวน้อยทั้งสองกลับนิทรานิ่งราวกับเปิดทางให้พระบิดา





ไหนจักเลี้ยงลูก ไหนจักดูแลงานฝ่ายใน แลไหนจักถวายงานรับใช้พระภัสดาก็ทำให้เจ้าชมนาดอ่อนเพลียจนจับไข้ล้มป่วยลง ด้วยมิอยากให้ลูกน้อยทั้งสองติดไข้จึงต้องให้พี่เลี้ยงข้าหลวงเลี้ยงลูกแทน หากแต่เจ้าตัวน้อยทั้งสองกลับงอแง มิยอมอยู่กับพี่เลี้ยง จักให้อยู่กับแม่ก็มิได้ ดังนั้นองค์ภุมรินจึงกระเตงลูกทั้งสองเข้าพระกฤษฎีไปยังท้องพระโรง

“เจ้าบัวมิเอามือเข้าปากหนาลูก”ดุจนเจ้าตัวน้อยชะงัก ศีรษะเล็กทิ้งลงซบซอกคอบิดาออดอ้อน เรื่องเอาตัวรอดต้องยกให้เจ้าบัวน้อยเป็นที่หนึ่ง




ภายในท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันเมื่อเห็นองค์เหนือหัวกระเตงองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยเข้าประชุมหารือที่ท้องพระโรง

“อะแฮ่ม เริ่มได้ ผู้ใดจักถวายฎีกาก็เชิญเถิด”ตรัสพระสุระเสียงขรึม บนพระเพลามีลูกน้อยทั้งสองจับจองคนละข้าง เมื่อเริ่มไปได้สักพักร่างน้อยของบัวงามบนพระเพลาก็ดิ้นหยุกหยิกอยู่ไม่สุขจนคนเป็นพ่อต้องปล่อยลูกลงจากพระเพลา จากนั้นความโกลาหลก็เกิดขึ้นภายในท้องพระโรง เจ้าบัวงามคนน้องคว้าฎีกามาโบกเล่น

“เจ้าบัวงามวางลงหนาลูก”ตรัสพระสุระเสียงเข้มจนเจ้าตัวน้อยชะงักปล่อยฎีกาลง แลวิ่งเข้าไปกอดคอสุธีอย่างหาตัวช่วย

“ฉุธีเจ้าขาาาา~ “แขนเล็กกอดรอบลำคอแกร่งขององครักษ์ประจำพระวรกายของบิดา ใบหน้าเล็กซุกซอกคอแกร่ง

“เจ้าน้อย”โอบพระวรกายเล็ก แลโยกเบาๆมือก็ลูบพระขนองปลอบ

“งื้อ ฉุธี เฉด็จป้อดุดุ บัวกลัว”แสร้งทำตัวอ่อนออดอ้อนท่านสุธี บนแคว้นภุมริกาแห่งนี้จักมีใครตามใจเจ้าน้อย แลองรัชทายาทได้เท่าองครักษ์หลวงสุธีมิมีอีกแล้ว

“โอ๋ ทรงซนนี่พะย่ะค่ะ”

“ม่ายยย บัวมิดื้อ มิซนหนาเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ พะย่ะค่ะ เจ้าน้อยบัวงามของสุธีมิดื้อมิซนเลย เป็นเด็กดีมากๆ”เอ่ยชมเสียงนุ่ม

“คิกๆๆ”เขินบิดตัวไปมา วางแก้มกลมบนกว้างของท่านสุธี ปากจิ้มลิ้มร้องเพลงไม่เป็นภาษาทำเอาเหล่าขุนนางก้มหน้ากลั้นขำกันเป็นแถบ คนเป็นพ่อหรือก็พยายามกลั้นพระสรวลตีพระพักตร์ขรึมอย่างยากลำบาก ส่วนภุชงค์คนพี่ก็เลียนแบบคนเป็นพ่อนั่งตีหน้าขรึมอยู่บนพระเพลาบิดาถอดแบบมาทุกกระเบียดนิ้ว




กว่าการประชุมจักเสร็จสิ้น เจ้าน้อยบัวงามก็หลับคาอกองครักษ์สุธีไปเสียแล้ว มือน้อยมิยอมคลายออกจากลำคอแกร่งของชายหนุ่ม ใบหน้างามซบแนบบนไหล่กว้าง ความอบอุ่นจากร่างกายกำยำทำเอาเด็กน้อยสบายจนหลับลึก ครั้นคนเป็นพ่อจักอุ้มก็มิยอมลืมตามอง แถมยังมิยอมปล่อยมือจากคอสุธีอีก พอถูกกวนมากก็เบะปากงอแงเสียจนองค์ภุมรินผู้เป็นพ่อจำต้องยอมให้องครักษ์คนสนิทอุ้มลูกน้อยไปส่งที่ตำหนัก แต่ก็มิวายจิกพระเนตรใส่จนสุธีมิกล้ามองพระพักตร์งามของคนเป็นนาย  ทรงอุ้มเจ้าภุชงค์แนบพระอุระเสด็จนำขบวนกลับตำหนักหลวง มิรู้ว่าป่านนี้อาการป่วยของเจ้าชมนาดจักทุเลาแล้วหรือยัง

“เสด็จพี่”เจ้าชมนาดที่นั่งปักผ้ารอพระภัสดา แลลูกน้อยทั้งสองเงยดวงหน้างามขึ้นเมื่อพระวรกายกำยำก้าวเข้ามาพร้อมองครักษ์คนสนิท

“เจ้าชมนาดเป็นเยี่ยงไรบ้างน้อง”

“ทุเลาขึ้นแล้วพระเจ้าค่ะ หากแต่คงจักต้องรอให้หายขาดเสียก่อน คงจักต้องรอวันพรุ่งนี่แลพระเจ้าค่ะ”

“ดีแล้วเจ้า หายไวๆหนา”

“พระเจ้าค่ะ...แลเหตุใดเจ้าบัวงามจึงให้สุธีอุ้มมาเยี่ยงนี้เล่าพระเจ้าค่ะ”เกรงว่าลูกน้อยจักรบกวนองครักษ์หนุ่มมากเกินไป

“เจ้าบัวหลับจ้ะ”

“สุธีส่งเจ้าบัวให้ข้าเถิดจ้ะ”

“พะย่ะค่ะ”ส่งร่างเล็กของเจ้าน้อยให้อุ่นอุ้มถวายพระชายาอีกทอด

“อื้อ ฮึก”

“ชู่ว มิร้องหนาลูก”เขย่าโยกกายเล็กเบาๆ

“อึก งื้อออ”นัยน์ตากวางปรือมอง เมื่อเห็นว่าเป็นมารดาจึงกอดคอไว้แน่นวางแก้มกับลาดไหล่เล็ก กระพริบตาปริบๆ ตื่นเต็มที่แล้ว

“แลภุชงค์มินอนกลางวันมิง่วงดอกหรือ”

“ม่ายพะย่ะค่ะ ชงค์มิง่วง ชงค์โตแล้วพะย่ะค่ะ”ตรัสเกินตัวเรียกเสียงพระสรวลจากบิดา มารดา

“หึหึ นั่นสิหนา ลูกแม่คงโตเป็นหนุ่มแล้วกระมัง”

“บัวก็โต โตๆ โตแล้วเจ้าค่ะ”

“เจ้าหนาหรือโตแล้ว เมื่อครู่ยังงอแงอยู่เลยเจ้าลูกวิฬารน้อย”บิดาตรัสพลางบีบปลายจมูกเล็กเบาๆ

“ม่าย บัวมิงอแง บัวโตๆ”

“จ้ะๆ ลูกแม่โตกันหมดแล้วทั้งคู่เลย”

“โตๆๆ”

“หึหึหึ”สรวลอย่างเอ็นดู

“.....”ริมฝีปากบางแย้มยิ้มหวานให้พระภัสดา
ทั้งสองพระองค์มองพระพักตร์กัน แลสรวล ความสุขเยี่ยงนี้เอากระไรมาแลกก็มิยอม องค์ภุมรินทรงรั้งกายบางของเมียเข้ากอด กอดทั้งสามแม่ลูก ประทานจุมพิตที่หน้าผากแก่ลูกเมีย ตระกองกอดทั้งสามด้วยความรักยิ่ง






หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ ๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: Thichadad3938 ที่ 16-05-2018 20:47:34



ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ตอนพิเศษ ๐๓




“ฮึก แงๆๆ แงๆๆๆ”เพลานี้ ณ ตำหนักหลวงแคว้นภุมริกา ทุกคนต่างหัวหมุน วุ่นวายกันไปทั่ว เมื่อเจ้าน้อยแก้วตาของนายเหนือหัวทั้งสองทรงประชวรจับไข้

“ชู่ว เจ้าบัวมิไห้หนาลูกแม่ใจมิดีเลย”เจ้าชมนาดอุ้มเจ้าตัวน้อยพาดบ่าพาเดินทั่วห้องบรรทม มีอุ่นคอยเดินตามเอาผ้าชุบน้ำลอยดอกมะลิคอยเช็ดพระวรกายให้นายน้อย หากแต่เจ้าบัวงามคนดีก็ยังงอแงจนคนเป็นแม่น้ำตาคลอสงสารลูกจับใจ มือเรียวตบก้นเล็กของลูกเบาๆ

“ฮึก ฮึก แงๆๆๆ”สะอื้นฮัก ร้องเสียจนพระพักตร์แดงไปหมด

“โถ..เจ้าน้อยของอุ่น ไห้เสียจนพระพักตร์แดงหมดแล้วเพคะ”อุ่นว่าพลางใช้ผ้าซับไปตามใบหน้าเล็ก

“ฮึก..อึก ฮึก...แค่กๆ”

“โถ ลูกจ๋า”เจ้าชมนาดกดจูบที่หน้าผากเล็กพลางพาลูกน้อยดำเนินกลับไปที่พระแท่นบรรทม เจ้าบัวงามนอนตัวอ่อนอยู่บนพระเพลาเล็กของมารดา พระพักตร์งามมุดเข้าพระอุระบางของมารดา

“อือ...ฮึก แค่กๆ”

“ชู่วๆ หิวหรือลูก เยี่ยงนั้นกินนมหนาเจ้า”เจ้าบัวงามปลดผ้าแถบออกพลางประคองลูกน้อยเข้าเต้า เจ้าบัวมุดพระพักตร์เข้าเต้านุ่มหยุ่นของมารดาพลางอ้าปากงับ ดูดดึงให้น้ำนมไหล

“จุ๊บๆๆๆ”ริมฝีปากร้อนเพราะพิษไข้ดูดเม็ดบัวของมารดาเสียงดัง เจ้าชมนาดรับผ้าชุบน้ำลอยดอกมะลิจากอุ่นมาเช็ดตามแขนขาเล็ก





“สุธี”

“พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

“ข้าฝากเจ้าภุชงค์ประเดี๋ยว ข้าจักไปดูเจ้าบัวงามเสียหน่อย”ตรัสพลางส่งรัชทายาทตัวน้อยให้องครักษ์หลวงคนสนิท เจ้าบัวงามคนน้องป่วยเยี่ยงนี้จึงต้องแยกสองพี่น้องจากกัน มิเช่นนั้นหากเจ้าภุชงค์ติดไข้เจ้าบัว วังหลวงคงวุ่นกว่านี้เป็นแน่

“พะย่ะค่ะ”สุธีรับพระบัญชา มือที่เคยถือแต่ดาบ จับแต่อาวุธโอบประคองนายน้อยแนบอกกว้าง โดยมีข้าหลวงสาวสี่นางคอยช่วยดูแลองค์รัชทายาท





“เจ้าชมนาด”

“เสด็จพี่”

“ลูกเป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้า”

“งอแงเหลือเกินพระเจ้าค่ะ ลูกคงมิสบายตัว...น้องสงสารลูกเหลือเกิน”

“เจ้าบัวงาม ขอพ่ออุ้มหน่อยหนาลูก”

“ฮึก...อื้อ...อึก”พระหัตถ์ใหญ่ช้อนลูกน้อยขึ้นแนบพระอุระ เขย่าน้อยๆเมื่อเสียงเล็กสะอื้นแผ่วๆ

“แลเจ้าภุชงค์เป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“เจ้านาคน้อยสบายดี คงมิได้ติดไข้เจ้าบัวมา”

“ดีแล้วพระเจ้าค่ะ หากเจ้าภุชงค์จับไข้ไปอีกคนน้องต้องขาดใจเป็นแน่”ว่าพลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าจิ้มลิ้มที่แดงเพราะพิษไข้

“ตามหมอหลวงมาแล้วใช่หรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ หมอท่านว่าลูกจับไข้ หมั่นเช็ดตัว แลให้กินยาตามที่หมอสั่งมิเกินห้าวันก็น่าจักหายเป็นปกติพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดกราบทูลพระภัสดา

“หึหึหึ...มิสบายที ทำเอาแม่เจ้าแทบจักไห้เลยหนาเจ้าบัว”

“ไห้ไปแล้วเพคะฝ่าบาท”อุ่นทูลขึ้น

“หืม....”

“น้องสงสารลูกนี่พระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ...”

“...ลูกหลับแล้วพระเจ้าค่ะ”เจ้าชมนาดว่าเมื่อเจ้าบัวน้อยหายใจสม่ำเสมอ ใบหน้าจิ้มลิ้มซบแนบกับพระอังสะของบิดา เจ้าชมนาดจัดที่จัดทางให้พระภัสดาเอาลูกน้อยนอนลงบนพระยี่ภู่ ผ้าแพรสีหวานถูกห่มให้เจ้าน้อยบัวงามจนถึงอกเล็ก พระชายาชมนาดตบก้นเล็กของลูกกล่อมเบาๆ

“อุ่น”

“เพคะ พระชายา”

“ข้าฝากดูเจ้าบัวทีหนา ข้าจักไปดูเจ้าภุชงค์เสียหน่อย”

“เพคะ”






“ท่านสุธี”

“ถวายพระพรพะย่ะค่ะพระชายา”

“จ้ะ...ภุชงค์เป็นเยี่ยงไรบ้าง”

“องค์รัชทายาทใกล้จักบรรทมแล้วพะย่ะค่ะ นางข้าหลวงกำลังกล่อมพะย่ะค่ะ”

“อืม...ภุชงค์ลูก”เจ้าชมนาดเอ่ยเรียกลูกน้อยที่ดวงตาปรือปรอย

“อื้อ...”เจ้านาคน้อยเมื่อได้ยินเสียงมารดาก็ลืมตาขึ้น ชูมือหา

“โถ..ลูกแม่”ใบหน้าเล็กมุดเข้าหาพระอุระของมารดา

“สุธีออกไปก่อนเถิด...พวกเจ้าด้วย”องค์ภุมรินทรงตรัสให้องครักษ์หลวงคนสนิท แลเหล่านางข้าหลวงออกจากห้องรับรองตำหนักฝั่งซ้ายที่เจ้าชมนาดเคยอยู่ เมื่อครั้งที่เข้าวังมาใหม่ๆ

“...ค่อยๆหนาลูก”ปลดผ้าแถบให้นมลูกโดยมีพระภัสดาลูบหัวลูบหางนาคน้อยในอ้อมอกเมีย





“เจ้าบัวงาม หากเจ้าหายดีแล้วพ่อจักพาไปเที่ยวตลาดนอกวังหลวงปลอบใจดีหรือไม่”องค์ภุมรินตรัสกับลูกน้อยที่ยังซึมเพราะพิษไข้อย่างเอาใจ

“ชงค์ไปด้วย”เจ้าภุชงค์ที่เจ้าชมนาดกำลังป้อนข้าวโพล่งขึ้นเรียกรอยพระสรวลจากบิดา แลมารดา

“จ้ะ...ภุชงค์ไปด้วยกันหนาลูก”เจ้าชมนาดว่าพลางใช้ผ้าซับรอยเปื้อนที่มุมปากเล็ก

“อืม...ชงค์ไป...ไปกับบัว”เจ้าน้อยคนงามที่ซึมเพราะพิษไข้ ละจากข้าวที่บิดาป้อนมาพูดกับพระเชษฐา

“หึหึหึ พ่อจักพาไปทั้งคู่นั่นแล”องค์ภุมรินป้อนข้าวใส่ปากเล็กของเจ้าบัว ก่อนจักจูบที่กระหม่อมเล็กเบาๆ

“บัวใคร่อยากกินขนมทองฟูพระเจ้าค่ะ”ว่าพลางอ้าปากรับข้าวที่บิดาป้อน

“หายดีก่อนหนาลูก...กินขนมตอนนี้ประเดี๋ยวจักเจ็บคอเอา”

“กินตอนนี้มิได้หรือพระจ้าค่ะ”

“มิได้เจ้า”

“.....”

“ชู่ว...มิงอแงหนาลูก วันนี้เจ้าไห้มากไปแล้วหนา แลเยี่ยงนี้เมื่อใดจักหายไข้กัน”

“ฮึก...”เบะปาก น้ำตาคลอ จนองค์ภุมรินต้องสบตาเจ้าชมนาดขอความช่วยเหลือ หากลูกออดอ้อนเช่นนี้ มิแคล้วคงจักต้องให้ห้องเครื่องนำขนมมาให้ลูกน้อยเป็นแน่

“เจ้าบัวงาม”

“เสด็จแม่...”

“เชื่อฟังพ่อเจ้าหนาลูก...ไว้เจ้าหายดีเมื่อใดแม่จักให้ห้องเครื่องทำขนมให้เจ้าคนเดียวพานหนึ่งเลยดีหรือไม่”

“ชงค์ขอด้วยพานหนึ่งพะย่ะค่ะ”

“จริงหนาพระเจ้าค่ะ”เอ่ยถามอย่างลังเล

“จ้ะ...แม่จักให้พวกเจ้าคนละพานเลยลูกรัก”หากแต่จักพานแค่ไหนนั้นค่อยว่ากันอีกทีหนาลูก แต่แน่นอนว่าพานนั้นมิใหญ่เกินฝ่ามือมารดาดอก

“...ก็ได้พระเจ้าค่ะ”






เมื่อเจ้าน้อยบัวงามหายไข้ดีแล้ว ก็ถึงเวลาที่องค์ภุมรินจักต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับลูกทั้งสอง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสี่พระองค์พ่อ แม่ แลลูกจึงอยู่ในชุดชาวบ้านเพื่อออกประพาสตลาดนอกวังหลวง

“เจ้าบัวงามมาหาแม่ก่อนลูก”เจ้าชมนาดคว้าตัวลูกน้อยมานั่งตักก่อนจักหยิบหวีที่อุ่นส่งให้มาสางผมยาวสลวยเคลียบั้นเอวของเจ้าบัวงาม ก่อนจักรวบขึ้นเป็นหางม้าสูง แลใช้เชือกสีหวานรัดไว้

“เจ้าน้อยช่างน่ารักน่าชังนักเพคะ”อุ่นเอ่ยชม เจ้าน้อยวันนี้ทรงสวมใส่เสื้อคอกระเช้าสีเหลืองไหล แลโจงกระเบนสีฟ้าแลบ

“หึหึหึ ก็ลูกข้านี่”เจ้าชมนาดวันนี้สวมเสื้อแขนกระบอกคอตั้งสีเขียวน้ำไหล แลโจงกระเบนสีคราม

“แล้วหรือยังแม่ลูก”องค์ภุมรินเสด็จเข้าห้องบรรทมมาพร้อมองค์รัชทายาทในอ้อมพระกรตรัสถามขึ้น

“แล้วแล้วพระเจ้าค่ะ...วันนี้เจ้านาคน้อยลูกแม่รูปงามจริงเชียว”เจ้าชมนาดเอ่ยพลางหอมแก้มนุ่มของโอรสองค์โต เจ้าคนพี่ช่างเหมือนพ่อนัก แลยิ่งแต่งกายคล้ายกันเยี่ยงนี้ยิ่งรูปงามราวกับเทวดาตัวน้อยๆ องค์รัชทายาทวันนี้สวมใส่เสื้อแขนกระบอกสีคราม แลโจงกระเบนสีดินแดง ในขณะที่องค์ภุมรินทรงใส่ฉลองพระองค์แขนกระบอกสีเมฆคราม แลโจงกระเบนสีดำเขม่า ที่พระกฤษฎีสอบมีผ้าสีหงส์ดินคาดอยู่

“น้อง แลลูกบัวก็งามเสียจนพี่มิใคร่ไปเสียแล้ว”

“ว่ากระไรเยี่ยงนั้นพระเจ้าค่ะ หากมิให้ไปวังหลวงคงแตกเพราะเสียงไห้ของเจ้าบัวเป็นแน่

“ฮะๆๆ นั่นสิหนา”

“คิก~”

“ไปกันเถิดประเดี๋ยวช้ากว่านี้ แลอากาศจักร้อน”

“พระเจ้าค่ะ”





“มิได้ออกมาตลาดเสียนาน หากแต่ก็ยังคึกคักเหมือนเดิมเลยหนาขอรับท่านพี่”เจ้าชมนาดว่า

“นั่นสิ...แต่สุธีบอกว่าที่กลางตลาดมีร้านน้ำชาเปิดใหม่ พี่ว่าจักพาเจ้า แลลูกไปนั่งเล่นดีหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ”

“เชิญจ้ะนายท่าน และคุณหนู”บ่าวร้านน้ำชาค้อมหัวกล่าวเชิญลูกค้าผู้มาเยือน ก่อนจักพาไปนั่งที่แคร่พลางใช้ผ้าปัดแคร่ไปมาให้

“ขอบใจจ้ะ”เจ้าชมนาดกล่าวพลางยิ้มให้ วางเจ้าบัวนั่งลงบนแคร่ แลขึ้นนั่งพับเพียบ

“รับกระไรดีจ๊ะนายท่าน”

“ข้าขอน้ำชาชุดหนึ่ง แลนมโคสดก็แล้วกัน”

“ได้จ้ะ แลจักรับขนมหวานด้วยไหมจ๊ะ”

“งืออออ...”เมื่อบ่าวหนุ่มพูดถึงขนมหวานเจ้าบัวงามก็ครางหงุงหงิงช้อนตาสบพระเนตรบิดา

“เอามาชุดหนึ่งก็แล้วกัน”

“ได้จ้ะๆ รอประเดี๋ยวหนานายท่าน”




ประทับเสวยชา แลขนมไปได้มินานพระขนงก็กระตุก เมื่อเจ้าเด็กหัวจุกที่ดูจากการแต่งกาย ท่าจักเป็นลูกคนใหญ่คนโตเดินเข้ามายืนจ้องหน้าเจ้าบัวงาม จนลูกน้อยหวาดกลัวเบียดกายเล็กเข้าหามารดา

“ชื่อกระไรหรือ”เอ่ยถามพลางจ้องเจ้าบัวเขม็ง

“...บะ บัว”ตรัสตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ไอ้หนูพ่อแม่เอ็งไปไหน มายืนกระไรที่นี่คนเดียว”

“.....”เหลือบตามองพระพักตร์ หากแต่ก็มิตอบ

“ข้าชอบเจ้า...ใคร่อยากได้ไปอยู่ที่บ้าน”

“เสด็จแม่ บัวมิไป...บัวกลัว”เบะปากจักไห้

“ชู่ว...มิไห้หนาลูก...พ่อแม่เจ้าไปไหน...หืม ใยจึงมาอยู่นี่ หลงมาหรือ”เจ้าชมนาดตรัสถามอย่างใจดี

“ข้าใคร่ได้เจ้าคนนี้กลับบ้าน”องค์ภุมรินพระขนงเต้นตุบๆ ยังดีที่มีภุชงค์น้อยนั่งอยู่บนพระเพลามิเช่นนั้นพ่อจักลุกไปลั่นกบาลไอ้เด็กแก่แดดนี่สักที

“มิได้ดอก...เจ้าเอาน้องกลับบ้านมิได้ดอกหนา”เจ้าชมนาดเอื้อมมือไปตบพระหัตถ์พระภัสดาเบาๆ พลางหันมาเอ่ยกับเด็กน้อยเอาแต่ใจ

“ใยจึงมิได้!!!...ท่านพ่อบอกว่ามิมีกระไรที่ข้าอยากได้ แลมิได้”เด็กน้อยตะโกนใส่จนเจ้าบัวงาม แลเจ้าภุชงค์สะดุ้งมุดหน้ากับพระอุระบิดา มารดากันจ้าละหวั่น อยู่ในวังหลวงมิเคยมีผู้ใดมาเสียงดังให้ตกพระทัยเยี่ยงนี้ดอก

“ไอ้เด็กนี่...บังอาจนัก”องค์ภุมรินขึ้นพระสุระเสียงใส่

“เสด็จพี่พระทัยเย็นพระเจ้าค่ะ นี่เด็กหนา”เจ้าชมนาดปราม พระภัสดาจึงทำได้เพียงกอดภุชงค์น้อยไว้ แลลูบหลังให้คลายตกใจเช่นเดียวกับเจ้าชมนาดที่ตบหลังเจ้าบัวงามเบาๆ

“...ฮึ่ย”


หมับ


ฟึ่บ


“อ๊ะ”

“งะ..แงๆๆๆ”เผลอแค่เพียงชั่ววินาที เจ้าเด็กหัวจุกก็เอื้อมมือมาลากเจ้าน้อยลงจากพระเพลาพระชายา เจ้าบัวงามตกใจร้องจ้าในขณะที่เจ้าชมนาดแกะมือเจ้าเด็กตัวร้ายออกจากแขนลูก


เพี๊ยะ


“อ๊ะ”มือเล็กฟาดลงบนมือเจ้าชมนาดจนขึ้นรอยแดง


เพี๊ยะ


“แงๆๆๆๆๆ”องค์ภุมรินเมื่อทนมิไหวก็ยกพระหัตถ์ขึ้นฟาดลงบนมือของเจ้าเด็กมีปัญหา แม้จักไม่ได้ออกแรงมาก หากแต่ก็ทำให้มือของเด็กน้อยแดงนูนเป็นรอยพระองคุลี

“ตายแล้ว!!...คุณหญิงเจ้าขา คุณชายอยู่นี่เจ้าค่ะ”บ่าวสาวเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้จ้าของคุณชายน้อยก็รีบรุดมาดู พลางตะโกนร้องเรียกนายตน

“ไหน ลูกข้าอยู่ไหนอีปริก”

“คุณชายอยู่นี่เจ้าค่ะ”อีปริกว่าพลางอุ้มคุณชายน้อยที่ร้องจ้าแข่งกับเจ้าน้อยขึ้นปลอบ

“ลูกแม่ไห้ทำไม เอ๊ะ....แลนี่ ใครตีลูกข้า หา!!!”เสียงแหลมหวีดร้องเมื่อเห็นรอยพระองคุลีบนมือบุตรชาย

“ข้าตีเอง”พระสุระเสียงเข้มตรัสขึ้น

“....เจ้าเองหนาหรือที่ตีลูกข้า บังอาจนัก”คุณหญิงชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นพระพักตร์งาม ก่อนจักหวีดเสียงโวยวาย

“เจ้าเด็กนี่บังอาจมากระชากแขนลูกข้า แลยังจักกล้ามาตีเมียข้าอีก หากพ่อแม่มันมิมีปัญญาสั่งสอน ข้าก็จักตีสั่งสอนให้เอง”

“บังอาจ!! เจ้ากล้าเรียกลูกข้าว่าไอ้เด็กนี่หรือ รู้หรือไม่ว่าผัวข้าเป็นใคร แลลูกข้าเป็นลูกใคร”

“จักใหญ่สักแค่ไหนกันเชียวแม่...”

“เหอะ เจ้า แลเมีย แลลูกของเจ้าเตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย ข้าจักให้ผัวข้ากำจัดพวกเจ้าออกจากแคว้นเสีย!!!”เสียงหวีดแหลมของคุณหญิงเรียกสายตาคนทั้งตลาดให้หยุดมอง

“พ่อหนุ่ม อย่าไปต่อกรกับคุณหญิงท่านเลย ผัวนางเป็นถึงคนสนิทเจ้าหลวงเชียวหนา ดีไม่ดีจักโดนเนรเทศออกจากแคว้นทั้งครอบครัวเอาได้”หญิงชาวบ้านวัยกลางคนขยับเข้ามากระซิบเตือนด้วยความหวังดี

“คนสนิทเจ้าหลวงหรือ”คนสนิทข้าเห็นทีก็มีเพียงสุธี มาวิน แลท่านราชเลขา แลพระองค์มั่นใจว่าหญิงผู้นี้มิใช่เมียของคนสนิททั้งสามเป็นแน่

“ก็ใช่หนาซี่”

“น้องหญิง”ยังไม่ทันจักสิ้นคำเตือนของหญิงชาวบ้าน เสียงใหญ่ของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้น ก่อนจักปรากฏร่างอ้วนฉุ หัวล้านของขุนนางที่องค์ภุมรินเคยเห็นผ่านๆพระเนตรยามมีการถวายฎีกา

“คุณพี่...ผัวข้ามาแล้วพวกเจ้าเตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย”

“ไหน!! ไอ้อีคนไหนมันกล้าทำลูกข้าไห้เยี่ยงนี้”

“ไอ้คนนี้มันตีลูกเราเจ้าค่ะ”

“หากแต่นั่นก็เป็นเพราะลูกท่านมาฉุดกระชากลูกข้าก่อน”เจ้าชมนาดตรัส

“แล้วอย่างไร หากลูกข้าใคร่ได้ลูกเจ้าไปเป็นทาส ข้าก็จักเอาลูกเจ้าไปเป็นทาสในเรือนเบี้ยของข้า”

“เจ้าจักเอาลูกข้าไปเป็นทาสในเรือนเบี้ยของเจ้าหรือ”พระสุระเสียงเย็นเยียบตรัสขึ้นจนรอบๆบริเวณเงียบกริบ มีเพียงเสียงหวีดร้องของเจ้าเด็กมีปัญหา แลเสียงสะอื้นเบาๆของเจ้าบัวงาม

“ก็เออหนาสิวะ อะ..ไอ้....ฝ่าบาท”เมื่อได้เห็นพระพักตร์คุ้นเคยเต็มตาร่างอ้วนฉุก็ทรุดหมอบกับพื้นพนมมือไหว้ปรกๆ ตัวสั่นเหงื่อไหลเป็นทาง

“คุณพี่!!! คุณพี่ทำกระไรเจ้าคะ”คนเป็นเมียหวีดร้องอย่างขัดใจเมื่อสามีทรุดลงกับพื้นไหว้คู่กรณีปรกๆ ทั้งๆที่ใจเสียไปกว่าครึ่ง

“เงียบประเดี๋ยวนี้คุณหญิง แลเหตุใดพวกเจ้ายังยืนค้ำพระเศียรฝ่าบาทท่านเยี่ยงนี้”ตวาดเมียเสียงดัง บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนมันทำเงาหัวพ่อมันหายแล้วไหมล่ะ

“หา...กระไรกันคะคุณพี่”

“เงียบคุณหญิง แลหมอบกราบเจ้าหลวงท่านประเดี๋ยวนี้”

“หา!!!...จะ เจ้า หละ...หลวง....เจ้าหลวงหรือเจ้าคะ”

“ก็เออหนาสิ”

“เฮือก”คุณหญิงทรุดลงข้างสามีพนมมือไหว้ปรกๆมิต่างกัน

“ว่าอย่างไร...คุณพระจักเอาเจ้าน้อยบัวงามลูกข้าไปเป็นทาสในเรือนเบี้ยของท่านเยี่ยงนั้นหรือ”พระสุระเสียงเย็นตรัสพร้อมรอยพระสรวลที่มุมพระโอษฐ์ แต่กลับทำเอาคุณพระเหงื่อตกยิ่งกว่าเดิม

“หะ หามิได้พะย่ะค่ะฝ่าบาท...หมะ หม่อมฉัน...ฮึก”

“..แลข้าไปสนิทกับท่านตอนไหนหรือถึงกล้าแอบอ้างเป็นคนสนิทข้า”

“ฮึก...หมะ หม่อมฉัน...ฮือ ประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยพะย่ะค่ะ”

“คุณหญิงเมียท่านว่าจักเนรเทศข้า แลลูกเมียออกจากแคว้น...ครอบครัวคุณพระยิ่งใหญ่กระไรเยี่ยงนี้หนา”

“...หม่อมฉันขออภัยแทนมะ เมียหม่อมฉันพะย่ะค่ะ”

“หากเป็นคุณพระแลมันยิ่งใหญ่คับฟ้า เบียดเบียนผู้อื่นเยี่ยงนี้...ลดศักดินาไปเป็นชาวบ้านเสียก็แล้วกัน เอ...หรือจักไปเป็นทาสในเรือนเบี้ยดีหนา”

“ฮือ...ฝ่าบาทเมตตากระหม่อมด้วยพะย่ะค่ะ”

“หรือจักโบยบุตรชายเจ้าสักห้าร้อยที โทษฐานทำร้ายพระวรกายพระชายาดี”

“ฮือ..ฝ่าบาท...เมตตาครอบครัวหม่อมฉันด้วยเถิดพะย่ะค่ะ”

“สุธี”

“พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

“บอกราชเลขาทำหนังสือปลดคุณพระแลส่งเรื่องแจ้งราชสำนักเสีย”

“ฮือออ...ฝ่าบาท เมตตาหม่อมฉันด้วย”

“หากการเป็นขุนนางมันทำให้ท่านมิมีเวลาสั่งสอนลูกเมีย ก็เป็นชาวบ้านธรรมดานี่ล่ะ”

“ฝ่าบาท...ฮือ...ฝ่าบาท...ฮือออ”

“....กลับวัง”รับสั่งพลางอุ้มองค์รัชทายาทแนบพระอุระ แลโอบเอวเจ้าชมนาดที่อุ้มเจ้าบัวงามออกจากร้านน้ำชา ตามหลังด้วยสุธี

“.....”






ภายในห้องบรรทม ตำหนักหลวง เจ้าชมนาดขับกล่อมลูกน้อยทั้งสองจนหลับสนิท ก่อนจักบรรจงประคบสมุนไพรแก้ช้ำที่แขนเล็กของเจ้าบัวงามเบาๆ

“พ่อขอโทษหนาเจ้าบัวงาม ภุชงค์...พี่ขอโทษหนาเจ้าชมนาด”ทรงตรัสอย่างสลด เมื่อทอดพระเนตรรอยช้ำบนแขนเล็กของลูกน้อย

“เรื่องกระไรกันพระเจ้าค่ะ”

“พี่พาพวกเจ้าออกเที่ยวจนเจอเรื่องเช่นนี้ แลลูกยังต้องเจ็บตัว เสียขวัญเยี่ยงนี้อีก”

“มิเป็นไรดอกพระเจ้าค่ะ.....มิมีใครใครอยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นดอกพระเจ้าค่ะ...อย่าได้ทรงกังวลไปเลย”

“.....”

“ทรงปกป้องลูก แลหม่อมฉันได้อย่างดีเยี่ยม....ทรงเป็นพ่อ เป็นสามีที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราแล้วพระเจ้าค่ะ”

“หึหึหึ.....พี่รักเจ้า รักภุชงค์ รักเจ้าบัวหนา”

“หม่อมฉันก็รักเสด็จพี่ รักลูกทั้งสองพระเจ้าค่ะ”

“จุ๊บ”กดพระโอษฐ์จูบซับที่ริมฝีปากนิ่ม

“จุ๊บ”จูบตอบพระภัสดาเอาพระทัย






หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 16-05-2018 22:14:56
ดีงามมมมมมม ชอบบบบบบบบ ขอบคุณสำรับตอนพิเศษมากๆเลยค่ะ  :heaven
ขอวาร์ปไปตอนจ้าวบัวโตเลยได้ไหม ไม่งั้นก็ เปิดอีกเรื่องไปเลย  :call: 55555555555
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: PeachMint ที่ 16-05-2018 23:40:59
กำเงินในมือ รอเล่มเลยค่ะ
ฮือออออ อยากได้ๆ  :ling1:


หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-05-2018 09:48:22
สนุกๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 09:12:17
อ่านแล้วสนุกมาก ภาษาสวย ทุกอย่างดีงาม  o13
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 04-06-2018 15:56:09
อ่านไปกลัวดราม่าการะเกดไปแต่สุดท้ายก็ไม่มี ไร้ดราม่าที่แท้ทรู นายเอกพระเอกคนดีมีเหตุผลทั้งคู่ ดีไปหมดค่ะเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 06-06-2018 17:57:33
สนุกมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 07-06-2018 22:59:19
สนุกดี
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 01-07-2018 21:46:46
เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง มันดีมากเลยค่ะ เราอ่านรวดเดียวจบเลย ชอบมากๆ นิยายดีมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: imkhimaut ที่ 11-07-2018 02:59:13
อยากเห็นตอนที้ลูก ๆ โตแล้วอะะะะ ><
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: Pthassa ที่ 09-08-2018 03:18:48
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่กลับมาอ่านอีกหลายครั้งมาก ชอบในเนื้อเรื่อง สำนวน แล้วยังได้ความรู้ด้วย ชอบในตัวละครเจ้าชมนาด ที่ไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว สารภาพว่าแอบจิ้นบัวกับสุธีอีกด้วย
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 23-09-2018 13:44:39
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-09-2018 20:31:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: monkeytwin ที่ 24-09-2018 20:21:11
 :L1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 25-09-2018 18:39:42
น่ารักกกกกกกกกกกกก
ขอบคุณนิยายดีๆ น้าา :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: lilparad ที่ 26-10-2018 01:02:48
น่ารักมากๆเลยหลงน้องบัวงามม  :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 16-12-2018 13:19:56
เอ็นดูน้องมากกรี๊ดดดดดดด เเสบใช่ย่อยนะเราเนี่ยย :katai3:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 16-12-2018 19:23:33
 
เราเข้ามาอ่านหลายรอบมาก ชอบมากเลย จะมีตอนพิเศษของชมนาดอีกมั้ยคะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 17-12-2018 19:55:30
สนุกมากกกกกกเจ้าบัวน้อยน่่่่ารักมาก งอนพ่อยังน่ารักเลย หลังหลานเเล้ววว สนุกมากค่ะภาษาอ่านง่ายมากเเต่เราเเอบเปิดคำราชาศัพท์บางคำดูเพราะไม่รู่จริงๆได้ความรู้เพิ่มเยอะเลย สนุกด้วยค่ะ เลิ้ปปปป  :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 17-01-2019 09:00:04
ขอบคุณสำหรับนิยายจ้า ชมนาดมีความแซ่บ ร้ายลึกนะเรา น้องบัวจะเป็นเหมือนแม่ไหมน๊าาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 20-01-2019 21:25:01
น่าร้ากกก ตามอ่านทั้งสามเรื่องเลยย ชอบแนวนี้มากๆค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 15-03-2019 22:07:24
อ่านเพลินมากๆ เลยค่ะ ชอบความทันเกม ทันคน ของทั้งพระเอก นายเอกมากๆๆๆ คือถ้าตามพล็อตทั่วไปแนวนี้อ่านทีไรก็จะโง้ยย หงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจกับคนร้ายๆ ทั้งหลายที่เข้ามาวอแววุ่นวาย แต่เรื่องนี้คนเขียนไม่นำเสนอแบบนั้นเลย อ่านแล้วแบบชอบบบ สะใจ ไม่หงุดหงิดเลย ได้ดั่งใจมาก 55555 คู่พ่อแม่ก็หวีดหวาน รักเมียหลงเมียมาก พอมีเด็กน้อยมายิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่เลย เอ็นดูเด็กๆ มาก น่ารักๆๆๆๆ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะคะ เดี๋ยวจะตามไปอ่านหนูบัวต่อเลยค่า
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 06-04-2019 11:23:17
 o13
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 10-04-2019 22:11:49
ชมนาดเผ็ดแซ่บมากกก ดีก็ได้ ร้ายก็เป็น ชอบบบ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 28-04-2019 19:28:32
ยิ่งอ่านก็ชอบมากขึ้นไปอีกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 14-05-2019 10:45:07
ภาษาก็ดี เนื้อเรื่องก็ดี ตัวละครก็ดี ดีไปหมดเลบบบบยยยยยยย น่ารักมากกกชอบเจ้าบัวมากๆๆๆๆ ไรท์เยี่ยมมากค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 31-05-2019 11:22:40
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: praewypn ที่ 31-05-2019 14:32:26
สนุกมากเลยค่า แงๆๆ น่ารักมากๆๆ  :o8: :-[ 
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-06-2019 20:21:55
ชอบเรื่องนี้ค่ะ เป็นพรีเรียตที่ไม่เครียดเกินไป ภาษาที่ใช้ก็สละสลวย อ่านง่าย
คำผิดน้อย เวลาอ่านเลยคล่องดีมาก ไม่สะดุดให้รำคาญใจ
จะมีติดๆนิดหน่อยก็ตรงคำว่า "หม่อมฉัน" ซึ่งตามความเข้าใจของเรามักจะใช้แทนตัวของผู้หญิง
และ "กระหม่อม" ใช้แทนตัวของผู้ชาย
"เพคะ" คำลงท้ายของผู้หญิง และ "พะยะค่ะ" คำลงท้ายของผู้ชาย
ซึ่งในเรื่องมันดูสลับๆกัน ก็เท่านั้นเองค่ะ
หัวข้อ: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 22-11-2020 08:01:52
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :z13: :z13: :z13:

เป็นเรื่องที่ดี อ่านสบายแต่สนุก อ่านโล่งๆเลย ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 27-11-2020 23:10:05
สนุกน่ารักมาก ๆ .......... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: moonum ที่ 24-02-2021 07:10:35
กลับมาอ่านอีกรอบบ ยังสนุกกกกก ไม่เบื่อเลยค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 15-05-2021 20:52:25
เจ้าหลวงคือดีไม่ไหวแล้วววว :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 17-05-2021 01:56:27
สนุกมากเลยค่ะ เจ้าบัวน่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 17-05-2021 22:18:30
 :z13:
หัวข้อ: Re: ชมนาดเย้าภุมริน [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนพิเศษ๐๒-๐๓ ๑๖.๐๕.๖๑ หน้า ๐๗
เริ่มหัวข้อโดย: Vergintomza ที่ 23-08-2021 20:07:49
รัหชมนา รักเจ้าหลวง :mew1: :mew1: