จันทร์จ้าว
By: Dezair
……………………………..
บทที่ ๒
นอกจากหม่อมหลวงพงศ์ภราธรแล้ว จันทร์จ้าวยังมีเพื่อนอีกหลายคนที่ต้องไปเยี่ยมเยียนตามประสาคนกลับจากต่างประเทศหมาดๆ คุณหญิงออกจะใจคอไม่สู้ดียามเห็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนออกไปเยี่ยมเพื่อน จะขัดใจก็ไม่กล้า เพราะเกรงว่าลูกจะหาว่าหล่อนจู้จี้ แต่ครั้นจะไม่ถามเลย ก็เห็นจะไม่ใช่คุณหญิงผกา
“วันนี้จะออกไปไหนล่ะพ่อ”
วันนี้ บุตรชายคนรองก็ยังตื่นเช้าเช่นเคยเหมือนทุกวันที่ผ่านมาที่ติดรถพี่ชายอย่างอาทิตย์ไปนั่นมานี่ แล้วตอนเย็น อาทิตย์จึงจะรับกลับมาพร้อมกัน บางวันก็กลับเย็น บางวันก็กลับค่ำ อาทิตย์ยอมรับกับมารดาว่าเป็นเพราะเขาเองที่เลิกงานไม่เป็นเวลา จึงกลับได้ตามที่เวลาของตนสะดวกเท่านั้น
“ไปตีเทนนิสครับ นัดกับคุณพงศ์เอาไว้แล้ว”
“แต่เช้าอย่างนี้เลยหรือ” คุณหญิงถามต่อเมื่อบุตรชายทรุดตัวลงนั่งรับข้าวเช้ากับหล่อนเช่นเคย จันทร์จ้าวแย้มยิ้มกว้างอย่างเอาใจ
“ตอนเช้านัดกับเพื่อนฝรั่งเอาไว้ จะคุยเรื่องธุรกิจก่อนครับ” เป็นว่าตอนเช้าทำงาน ตอนบ่ายไปตีเทนนิส คุณหญิงผกาพอจะใจชื้นขึ้นมาหน่อยแล้วถามต่อ
“ตอนเย็นก็ให้อาทิตย์ไปรับกลับเหมือนเคยหรือ แม่บอกแล้วว่าให้ซื้อรถเสียที ไปชี้เอาที่ร้าน เอาคันที่เขามีอยู่แล้วก็ได้ ก็ไม่เอา” ความเรื่องมากและเลือกมาของจันทร์จ้าวนั้นลามไปแม้กระทั่งเรื่องรถ เพราะเจ้าตัวต้องการรถที่ต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น และต้องเป็นรุ่นที่ชอบ สีที่ใช่ จนบัดนี้ คุณหญิงจึงยังไม่ได้สั่งให้บุตรชายเสียที เพราะเจ้าตัวยังไม่มีที่ชอบและที่ใช่นั่นเอง
“ผมไม่ได้ลำบากอะไรนี่ครับ ติดรถพี่อาทิตย์ก็ไม่เปลืองด้วย” คุณหญิงผกาก็ได้แต่ตามใจ จันทร์จ้าวกลับบ้านพร้อมอาทิตย์ก็ดีไปอย่าง อย่างน้อยหล่อนก็จะได้สบายใจว่าบุตรชายจะไม่ไถลไปที่ไหนกับผู้หญิงสักคนที่หล่อนไม่ชอบใจ
“เอาเถอะ ตามใจแล้วกัน อาทิตย์ก็อย่าเลิกงานดึกนัก จะได้ไม่พากันกลับค่ำ”
“ปล่อยลูกมันเถอะคุณหญิง อาทิตย์กับจันทร์ก็โตแล้ว ให้เขาดูแลตัวเองบ้าง” ท่านนายพลได้แต่ปรามความจู้จี้ของภริยา คุณหญิงผกาทำหน้าตึงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร ก้มหน้ารับข้าวเช้าไปอย่างเงียบๆแล้วปล่อยให้บุตรธิดาทั้ง ๔พูดคุยกันเบาๆแทน
.........................................
หลังจากแวะคุยงานกับเพื่อนฝรั่งที่สำนักงานตามที่บอกกำหนดการกับมารดาแล้ว จันทร์จ้าวก็แวะไปที่สโมสรเทนนิสในตอนบ่าย
ที่นี่คราคร่ำไปด้วยผู้คน แม้จะเป็นวันธรรมดายามบ่ายก็ตามที สมัยนี้ผู้หญิงไทยก็ตีเทนนิสเป็นแล้ว แต่ส่วนใหญ่ไม่เก่งเท่าไรนัก ดูเหมือนพวกเธอจะมาเป็นดอกไม้ประดับข้างคอร์ดเสียมากกว่า ชายหนุ่มมองตามขาเรียวของสาวๆที่อยู่ในชุดกางเกงสั้นสำหรับเล่นกีฬาเสียเพลิน
“อยู่ที่ไหนก็มองเป็นแต่ผู้หญิงหรือ” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรอดไม่ได้ต้องหยอกเพื่อนรักที่หาเรื่องขึ้นมานั่งพักริมคอร์ดทั้งที่ดูไม่เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด
“หืม? ก็มีให้มองก็มองซี” ปากว่า แต่สายตาไม่หันกลับมามองเพื่อนเลยสักนิด ดวงตากลมใหญ่ยังคงจับจ้องไปที่สตรีที่สนามถัดไป รอยยิ้มที่มองเห็นลักยิ้มบุ๋มนั้นถูกส่งไปยังหญิงสาวที่สวมกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาขาว
“ว่าก็ว่าเถอะ ขนาดตีเทนนิสไปมองผู้หญิงไป ก็ยังชนะ” นายวินิต เพื่อนที่รวมกลุ่มตีเทนนิสด้วยกันออกปากอย่างเจ็บใจ คราวนี้จันทร์จ้าวหันกลับมาหัวเราะ
“แน่สิ ผมเป็นใคร”
“ยังนี้น่าจะให้แข่งกับคุณหมอ” นายวินิตว่าอย่างนั้น ทำเอาจันทร์จ้าวขมวดคิ้วฉับ
“คุณหมอ?” เขาทวนแล้วหันมองหม่อมหลวงพงศ์ภราธรราวกับต้องการการขยายความ
“คุณหมอภวัตไงล่ะ! ไม่รู้จักคุณหมอภวัตหรือ? จริงสิ คุณจันทร์เพิ่งกลับจากอเมริกา คงยังไม่รู้จัก ไว้คราวหน้าจะแนะนำให้แข่งกัน ท่าจะสนุกพิลึก” นายวินิตพูดต่อแล้วหันไปยิ้ม ถ้าหากมีการแข่งกันจริง เขาคงนึกไม่ออกว่าจะลงพนันข้างไหนดี!
จันทร์จ้าวนั่งนิ่ง ขมวดคิ้วหน้าตึง ชื่อของ ‘คุณหมอภวัต’ ทำเขารู้สึกตะขิดตะขวงใจ ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา เขาได้ยินชื่อนี้มา ๒ ครั้งแล้ว ครั้งแรกคือที่วังฉัตร และครั้งที่ ๒ คือที่นี่ ดูเหมือน ‘คุณหมอภวัต’ จะเป็นคนมีชื่อเสียงของกรุงเทพฯเสียจริง
“อะไร้ ทำหน้าเหมือนเด็กขี้อิจฉา” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหยอกเพื่อนรัก และแน่นอนว่าจันทร์จ้าวสวนทันควัน
“ผมไม่ได้อิจฉา”
“เห็นอยู่ว่าอิจฉา อยากรู้จักคุณหมอไหมเล่า กันจะพาไปแนะนำ เมื่อตอนเข้ามาก็ว่าเห็นแว่บๆ คงอยู่แถวนี้ล่ะ” เพียงเท่านั้น จันทร์จ้าวก็กอดอกเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ปานจะไม่ลุก
“ทำไมไม่พาคุณหมอของคุณพงศ์มาแนะนำกับผมล่ะ?!” เรื่องเจ้ายศเจ้าอย่างนั้นก็ไม่มีใครเกินจันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์ หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหัวเราะชอบใจกับท่าทางราวเด็กของเพื่อนรัก
“แกมันขี้อิจฉาจริงๆ เอาเถอะ ไม่อยากรู้จักก็ไม่เป็นไร กรุงเทพฯเล็กเท่านี้ อีกเดี๋ยวคงได้เจอ ว่าแต่เราจะไปไหนต่อดี แกคงไม่อยากตีเทนนิสแล้วกระมัง”
“ไปไหนไม่ได้ เสร็จจากนี่แล้วต้องไปดูหนัง”
“แล้วไม่ต้องกลับกับคุณอาทิตย์หรือ” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรตั้งคำถาม จันทร์เจ้ายกยิ้มมุมปากให้เพื่อนรักแล้วลุกขึ้นยืน
“กลับสิ แต่วันนี้พี่อาทิตย์กลับค่ำ ผมจะไปดูหนังก่อน”
“เอ้า! คุณอาทิตย์กลับค่ำ แล้วแกจะไปดูหนังกับใคร?” ราชนิกูลหนุ่มยังคงสงสัย คราวนี้เพื่อนรักของเขาหัวเราะน้อยๆแล้วชูกระดาษแผ่นเล็กที่มีลายมือโต้ตอบของเขาและใครอีกคนให้ดู
“กับคุณวนิดา”
“คุณวนิดา?!” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรร้องด้วยความฉงน ก่อนจะตั้งคำถามต่อ
“คุณวนิดาไหน”
“เอ?...ไม่ทราบเหมือนกัน” คราวนี้ทั้งราชนิกูลหนุ่มแห่งวังฉัตรและนายวินิตพากันเกาศีรษะ
“นามสกุลล่ะ”
“ไม่รู้ซี เพิ่งรู้ชื่อเมื่อครู่นี้” คำพูดของจันทร์จ้าวไม่ให้ความกระจ่างเสียเท่าไร และดูเหมือนเจ้าตัวก็ไม่คิดจะอธิบายเพิ่มเติมเสียด้วย
“ผมต้องไปก่อนล่ะ” เขาเอ่ยลา ก่อนจะเดินออกจากคอร์ด หญิงสาวเจ้าของรอยยิ้มหวานหยดเยิ้มที่คอร์ดข้างเคียงก็เดินออกจากสนามเช่นเดียวกัน แล้วคนทั้งคู่ก็เดินเคียงออกจากสโมสรเทนนิสไป ในขณะที่เสียงอื้ออึงของกลุ่มเพื่อนดังตามหลังด้วยสรรเสริญที่จันทร์จ้าวผู้มากเสน่ห์ลงไปเล่นเทนนิสได้ไม่นานและกลับขึ้นมานั่งริมคอร์ดอีกครู่ใหญ่ แต่สามารถพาหญิงสาวสวยออกจากสโมสรไปดูภาพยนตร์ได้แล้ว
“ไม่ธรรมดาจริงๆ เพื่อนคุณพงศ์น่ะ” เสียงชมเชยของนายวินิตนั้นไม่ได้ทำให้หม่อมหลวงพงศ์ภราธรดีใจเลยแม้แต่น้อย เขาถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
...พ่อพวงมาลัยอย่างจันทร์จ้าว ดูท่าแล้วคงไม่มีใครทำให้หมดฤทธิ์ได้หรอก...
.............................
แน่นอนว่าเรื่อง ‘คุณวนิดา นามสกุลอะไรไม่ทราบ ที่บ้านทำมาหากินอะไรไม่เป็นที่ปรากฏ’ นั้น ไม่มีทางรู้ถึงหูคุณหญิงผกา จันทร์จ้าวไม่ได้โกหกมารดา เพียงแต่เขาบอกไม่หมดเท่านั้นเอง ว่าทุกวันที่ออกจากบ้านไปคุยธุรกิจกับเพื่อนฝรั่ง ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าในกรุงเทพฯ ไปตีเทนนิสกับคุณพงศ์ ฯลฯ เขายังไปดูภาพยนตร์กับคุณวนิดา ไปรับประทานอาหารกลางวันกับคุณสายสมร หรือแม้แต่ไปเดินชมบรรยากาศยามเย็นกับคุณศรีอำไพ ชายหนุ่มไม่คิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเสียหาย เขาฆ่าเวลารอกลับบ้านพร้อมอาทิตย์ ก็เหมือนไปตีเทนนิสกับคุณพงศ์นั่นล่ะ เพียงแต่ไม่ได้ไปตีเทนนิส และคนที่ไปด้วยไม่ใช่คุณพงศ์แต่เป็นผู้หญิงที่เป็นเพื่อนของเขา
และแน่นอน...ผู้หญิงชอบความเป็นหนึ่ง ดังนั้นทุกครั้งที่เขาไปกับพวกหล่อนเหล่านั้น เขาจึงเลือกที่จะไปกับคนใดคนหนึ่ง วันละคน ไม่ซ้ำคนในหนึ่งสัปดาห์...เท่านั้นเอง...
แต่แม้จะมีเพื่อนผู้หญิงมากมาย จันทร์จ้าวก็เป็นคนตรงเวลา หากนัดอาทิตย์ว่าจะกลับเวลาใด เขาก็จะมาปรากฏตัวที่กรมเพื่อรอกลับพร้อมพี่ชายเสมอ อาทิตย์จึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้าง ยามมีคนมากระซิบว่าเห็นจันทร์จ้าวเดินอยู่กลางกรุงเทพฯโดยมีผู้หญิงขนาบข้างไม่ซ้ำหน้า
ทว่า...ไม่ใช่วันนี้
“จันทร์...” นายทหารหนุ่มเอ่ยปากเมื่อน้องชายก้าวขึ้นนั่งเบาะหน้าคู่กันในยามเย็น เตรียมตัวกลับบ้าน
“ครับ?” จันทร์จ้าวหันมามอง
“กลิ่นน้ำหอมผู้หญิง” อาทิตย์เตือน คนเป็นน้องเลยรีบยกแขนเสื้อตัวเองขึ้นดม แล้วก็ต้องเบ้หน้า
“คุณอรุณีใช้น้ำหอมแต่ละกลิ่น นี่แค่กอดแขนผมยังติดมา” เขาบ่น แต่ก็ไม่ทำอะไร เพียงแค่เอนหลังพิงพนักเท่านั้น
“คุณแม่จะจับได้เอา พี่ว่าจันทร์เลิกไปเที่ยวกับผู้หญิงดีกว่าไหม”
“พี่พูดเหมือนผมไปทำชั่ว พวกเขาก็เพื่อนผมทั้งนั้น...”
“แล้วก็เป็นเพื่อนผู้หญิงทั้งนั้น” อาทิตย์ต่อ จันทร์จ้าวเลยได้แต่เงียบไปครู่ แล้วค่อยเถียงต่อ
“เพื่อนผู้ชายก็มี แต่ไปดูหนังก็ต้องไปกับเพื่อนผู้หญิงไม่ใช่หรือ ไปทานไอศกรีมก็ต้องไปกับผู้หญิง ไปเต้นรำ ไปเดินเล่นก็ต้องไปกับผู้หญิง ไปกับเพื่อนผู้ชายจะสนุกอะไร”
“ถ้าอย่างนั้นก็หาเพื่อนผู้หญิงที่ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ” จันทร์จ้าวทำหน้าหน่าย วันนี้เขาเบื่ออรุณีที่เอาแต่พันแข้งพันขาตลอดเวลา ฉุนกลิ่นน้ำหอมของเธอ และไม่ถูกปากร้านอาหารที่เธอเลือก ซ้ำยังมาถูกพี่ชายบ่นเข้าอีก คนเป็นน้องเลยพาลพาโลเอาเสียเลย
“ก็ได้ๆ! คราวหน้าผมจะไปกับเพื่อนผู้หญิงดีๆแล้วกัน!!” พอน้องชายโพลงออกมาอย่างนั้นอาทิตย์ก็อ่อนใจจะดุ เขาได้แต่ถอนหายใจยาวแล้วไม่พูดอะไรอีก ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ทว่า...คนที่นั่งข้างเขากลับดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“ผู้หญิงดีๆที่ผมไปไหนด้วยได้โดยที่คุณแม่ไม่ว่านี่ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างหรือ?”
แล้วจู่ๆ เจ้าตัวก็ตั้งคำถามอย่างที่อาทิตย์ไม่คิดว่าจะได้ยิน นายทหารหนุ่มผู้อยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีงามชะงักไปในทันที เขาหันมองจันทร์จ้าวเหมือนไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้ ทว่าน้องชายของเขากลับทอดสายตามองออกไปนอกกระจกรถราวกับกำลังตกอยู่ในภวังค์
“ต้องเป็นกุลสตรีใช่ไหม? ต้องมีชาติตระกูล ต้องมีการศึกษา แต่ผมชอบผู้หญิงสวย เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นผู้หญิงที่สวยด้วย...อืม...” จันทร์จ้าวพึมพำแต่ทุกคำเข้าหูพี่ชายทั้งหมด แล้วอึดใจต่อมา รอยยิ้มก็ปรากฏที่มุมปากจนลักยิ้มบุ๋มลงไปที่แก้มซ้าย เจ้าตัวหันกลับไปมองพี่ชาย
“พี่อาทิตย์รู้จักคุณพิมน้องคุณพงศ์ใช่ไหม”
“ก็...พอรู้จักอยู่”
“ผมตัดสินใจแล้ว เป็นคุณพิมแล้วกัน ผมเคยเห็นในรูปถ่าย เธอสวย คุณชายฉัตรก็เคยชมเรื่องเธอให้ผมฟังว่าทั้งเก่งทั้งมีความสามารถ พี่อาทิตย์นัดเธอมาเจอผมได้ไหม ที่จริงผมก็อยากให้คุณพงศ์เป็นคนนัดให้ แต่เกรงว่าคุณพงศ์จะหวงน้อง วานพี่อาทิตย์แทนแล้วกัน”
“วานพี่?!!” อาทิตย์ร้องอย่างตกใจ
“ก็ใช่น่ะซี ตั้งแต่ผมกลับมา ยังไม่ได้เจอกันสักที ไปที่วังฉัตรทีไรก็คลาดกันทุกครั้ง”
“แล้ว...แล้วพี่จะไปนัดคุณพิมเธอมาได้อย่างไร?!” อาทิตย์มองไม่เห็นทาง เขาเป็นทหาร ในขณะที่ราชนิกูลสาวเป็นครูที่โรงเรียนสตรี จริงอยู่ว่าน้องสาวของเขาก็ทำงานอยู่ที่นั่น แต่เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองควรจะเข้าไปยุ่มย่ามในโรงเรียนสตรี
“โธ่! จะไปยากอะไร พี่อาทิตย์ก็ไปวานดาราอีกที ผมวานดาราไม่ได้หรอก ดาราชอบขุ่นผมเรื่องผู้หญิง ถ้าเป็นพี่อาทิตย์ ดาราต้องนัดคุณพิมให้แน่”
“แต่...” อาทิตย์ผู้เถรตรงพูดไม่ออก เขาไม่เคยคิดเรื่องพรรค์นี้อย่างซับซ้อนเช่นจันทร์จ้าวมาก่อน ประเภทวานคนนั้นให้ไปขอคนนี้มาช่วยเหลือเพื่อแนะนำผู้หญิงสักคน อาทิตย์ รักษพิพัฒน์ไม่มีทางทำเช่นนั้น แต่...ไม่ใช่จันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์
“พี่อาทิตย์ก็บอกไปว่าพี่จะไปด้วย มีผม มีพี่ มีดารา มีนภา แล้วก็มีคุณพิม ไปหาภัตตาคารดีๆทานข้าวกัน เอาเป็นพรุ่งนี้ตอนเย็นไหม พี่เลิกงานเร็วหน่อย รับผม รับนภา รับดาราและคุณพิม แล้วเราไปเยาวราชกัน”
“เยาวราช?!!” อาทิตย์ยังตกใจไม่เลิก แต่จันทร์จ้าวกลับตบไหล่พี่ชายเหมือนฝากฝัง
“ตามนี้แล้วกัน ผมฝากด้วย ถ้าคราวต่อไปผมไปเที่ยวกับคุณพิม พี่จะได้เลิกกังวลว่าคุณแม่จะจับได้อย่างไรล่ะ” แล้วคนน้องก็เหมือนจะไม่สนใจอะไรอีก ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถ ในขณะที่อาทิตย์ได้แต่อ้าปากค้างและขับรถกลับบ้านอย่างที่เรียกว่าแทบจะไร้สติ
..................................
ดึกมากแล้ว แต่อาทิตย์ รักษพิพัฒน์ยังคงเดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าห้องพักผ่อนของน้องสาวคนเล็ก ชายหนุ่มอยากจะยกมือเคาะประตูเพื่อขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัว แต่...เรื่องที่จะคุยนั้นช่างตะขิดตะขวงใจเขาเสียเหลือเกิน
‘...จะไปยากอะไร พี่อาทิตย์ก็ไปวานดาราอีกที...’
เรื่องไหว้วานคนอื่นนั่นล่ะยาก! อาทิตย์ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างคิดไม่ตก นี่เขาต้องวานดารารัษมีจริงหรือ...ถ้าหากเขาไม่ทำ จันทร์จ้าวก็จะไม่ได้รู้จัก ‘คุณพิม’ เสียที แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น น้องชายของเขาก็จะไปเที่ยวกับผู้หญิงเหลวๆพวกนั้น ในที่สุดมารดาก็อาจจะจับได้ แล้วถ้าถึงตอนนั้น...ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณหญิงผกาจะเป็นเช่นไร
...แต่...ถ้าจันทร์จ้าวรู้จัก ‘คุณพิม’ แล้วเกิดชอบพอกับสตรีผู้นั้น...
อาทิตย์คิดถึงถึงเรื่องนี้แล้วสีหน้าก็หม่นหมอง เขาไม่มีสิทธิ์หวงแหนใครทั้งนั้น ถ้าหากตัวเองเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าเผยความในใจ หากหม่อมหลวงพิมพัชราเลือกจันทร์จ้าว เขาก็คงทำได้แค่ยินดีด้วย ชายหนุ่มพยายามกดเก็บความรู้สึกมากมายลงไปในอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะสูดลมหายใจลึกราวกับตัดสินใจ เขายกมือขึ้นเคาะประตูห้องพักผ่อนส่วนตัวของน้องสาว รออยู่อึดใจหนึ่ง บานประตูก็เปิดออก ดารารัษมีโผล่หน้าออกมา
“มีอะไรหรือคะพี่อาทิตย์”
“คือ...เอ่อ...คือ...พรุ่งนี้...พรุ่งนี้ดาราว่างไหม”
“ดารามีสอนค่ะ”
“ไม่...พี่...พี่หมายถึงตอนเย็น...เอ่อ...คุณพิมด้วย...เอ่อ...” พอหลุดปากเรื่อง ‘คุณพิม’ ออกไปแล้ว อาทิตย์ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ควรออกตัวเรื่องราชินกูลสาวผู้นั้นไปก่อนเลย
“คุณพิม?...พี่อาทิตย์หมายความว่าอย่างไรคะ”
“คือ...” พอถูกน้องสาวถามย้ำมาเช่นนั้น อาทิตย์ก็ยิ่งอึกอัก ก่อนที่สุดท้ายเขาจะตัดสินใจพูดความจริง
“จะชวนไปรับประทานอาหารเย็นที่เยาวราช ชวนคุณพิมด้วย”
“ชวนดารากับคุณพิมหรือคะ” ดารารัษมีออกจะสงสัยเป็นที่สุด เพราะอาทิตย์นั้นเป็นพี่ชายอย่างที่เป็นสุภาพบุรุษชนิดที่แทบไม่ข้องแวะกับผู้หญิงด้วยซ้ำ กับหล่อนที่เป็นน้องสาว ยังนับครั้งได้ที่เขาจะชวนไปไหนมาไหน แต่ถ้าหากเป็นหล่อนออกปากชวน แม้ว่าเขาจะยุ่งเพียงใด แต่ก็จะพยายามไปตามคำชวนของหล่อนทุกครั้ง แต่ทำไมครั้งนี้...เขาถึงเป็นฝ่ายชวนเสียเอง? ซ้ำยังให้ชวน ‘คุณพิม’ อีก
“ใช่...ชวนนภาด้วย เอ่อ...ไปกันหลายๆคน มีพี่ มีจันทร์ มีนภา มีดาราแล้วก็คุณพิม...”
“แล้วทำไมต้องมีคุณพิม” ดารารัษมีตั้งคำถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมจับจ้องพี่ชายอย่างจับผิด ซึ่งหากคนตรงหน้าเป็นจันทร์จ้าว หล่อนคงยิ่งซักกว่านี้ แต่นี่...ไม่ต้องซัก อาทิตย์ก็อึกอักให้เห็นแล้ว หญิงสาวจับจ้องพี่ชายที่ยังคงมีท่าทีแข็งเกร็งแล้วก็นึกรู้ว่านี่คงไม่ใช่ความคิดของอาทิตย์แน่ๆ
...ต้องมีใครสักคนขอให้อาทิตย์มาชวนหล่อน ชวนนภาสรวง และชวน ‘คุณพิม’...
“พี่จันทร์ให้พี่อาทิตย์มาชวนใช่ไหม” ความเงียบของอาทิตย์ทำเอาดารารัษมีนึกเคืองพี่ชายคนรองที่คิดจะใช้หล่อนและอาทิตย์เป็นสะพานไปหา ‘คุณพิม’ หญิงสาวก้าวออกจากห้องตั้งท่าจะไปเอาเรื่องจันทร์จ้าวที่ห้องส่วนตัวของฝ่ายนั้น แต่อาทิตย์คว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“พี่เองก็อยากไป...” เขายอมรับอย่างเก้อๆ
“เอ่อ...ดาราก็เห็น...พี่แทบไม่ได้ไปไหน ถ้าไม่ไปกรมก็กลับบ้าน เยาวราชก็ไม่ได้ไปนานแล้ว แล้ว...ก็เป็นโอกาสดี ที่พวกเราจะได้ไปด้วยกัน เอ่อ...โดยที่มีคุณพิมไปด้วย...” ท่าทางของอาทิตย์นั้นดูน่าสงสารเมื่อเขาสารภาพว่าตนเองแทบไม่ได้ใช้ชีวิตเฉกเช่นหนุ่มฉกรรจ์ทั่วไป ไม่ได้มีสังคมรื่นเริง ไม่ได้คบค้าสมาคมกับเพื่อนฝูงมากกว่าเพื่อนที่ทำงาน ดารารัษมีมองใบหน้าของพี่ชายแล้วได้แต่ถอนหายใจ
“ดาราจะชวนคุณพิมให้ แต่ไม่รับปาก ว่าคุณพิมจะไปไหม”
“ขอบใจมากนะดารา” อาทิตย์ส่งยิ้มจางให้น้องสาว
“ถ้าเป็นพี่อาทิตย์ชวนเอง ดาราจะตั้งใจชวนคุณพิมมากกว่านี้ แต่นี่เป็นพี่จันทร์...ดาราไม่สนับสนุน คุณพิมเธอดีเกินกว่าผู้ชายมากรักอย่างพี่จันทร์!” ดารารัษมีว่าอย่างนั้นแต่ไม่วายส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังประตูห้องนอนของพี่ชายคนรองที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไปโดยทิ้งอาทิตย์ไว้เช่นนั้น ชายหนุ่มมองบานประตูห้องพักผ่อนของน้องสาวที่ปิดลง แล้วได้แต่เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่อยู่เหนือเรือนไทยรักษพิพัฒน์
...หากเป็นเขาชวนหรือ...
เขาจะชวนได้อย่างไรกัน ผู้ชายที่วันๆทำแต่งานและไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆเช่นเขา ไม่มีค่าพอจะชวน ‘คุณพิม’ ไปเที่ยวที่ใดหรอก
.........................................
แม้ดารารัษมีจะออกปากแล้วว่าไม่รับปาก แต่ในเย็นวันต่อมา เมื่อรถโฟล์คสีดำสนิทของอาทิตย์เลี้ยวเข้ามาในโรงเรียนสตรีกัลยาณี ข้างกายดารารัษมีที่ยืนรออยู่ก็มีสตรีอีกคนยืนเคียงข้าง จันทร์จ้าวเห็นร่างแบบบางนั้นตั้งแต่รถยังขับไปไม่ถึงคนทั้งคู่ แค่เห็นจากที่ไกลเขาก็จำได้ในทันทีว่าสตรีผู้นั้นเป็นคนเดียวกับสตรีในกรอบรูปที่คุณชายฉัตรให้เขาดู
...หม่อมหลวงพิมพัชรา...
รถโฟล์คจอดทั้งที่ยังติดเครื่อง ดารารัษมีก็เปิดประตูที่นั่งตอนหลังแล้วส่งเสียงเข้าไปทักทาย
“สวัสดีค่ะพี่อาทิตย์ พี่จันทร์ นภา” หล่อนว่าอย่างนั้นแล้วก้าวเข้าไปนั่งข้างพี่สาวแฝด ขยับที่ให้เหลือเพียงพอสำหรับแขกผู้มีเกียรติอีกหนึ่ง
“สวัสดีค่ะคุณอาทิตย์” หล่อนส่งเสียงมาก่อน อาทิตย์เพียงแค่หันไปค้อมศีรษะทักทายเพราะอีกฝ่ายอายุน้อยกว่าเขาหลายปี จันทร์จ้าวหันไปดูบ้าง ระยะใกล้เพียงเท่านี้ทำให้เขามองเห็นความงามหมดจดของ ‘คุณพิม’
...ไม่เสียแรงที่ไหว้วานพี่อาทิตย์ให้มาชวน!...
“สวัสดีค่ะ คุณจันทร์ ไม่เจอกันนานนะคะ” เธอหันมาทักเขาแล้วยกมือไหว้ มันออกจะคับแคบไปสักหน่อยที่จันทร์จ้าวซึ่งนั่งหน้าต้องเอี้ยวตัวไปรับไหว้ แต่เขาก็คิดว่ารอยยิ้มมีเสน่ห์ของตนคงจะพอทำให้ ‘คุณพิม’ สนใจเขาอยู่บ้าง
ราชนิกูลสาวผู้เป็นทายาทอีกคนของวังฉัตรก้าวขึ้นรถเรียบร้อย รถโฟล์คสีดำของอาทิตย์ก็เคลื่อนตัวออกจากโรงเรียนสตรีกัลยาณี
........................................