เฮ้อออออออออออออออ...
รีหมดซ้าาาาที ^____^ ปาปารัสซี่กับเจ้าชาย ^____^
รูปที่ 11
ภารกิจกับความเร่าร้อน
“เจ้าพี่” เจ้าชายนาซร์เรียกบุคคลตรงหน้าด้วยภาษาอังกฤษ ก่อนจะยกมือขวาทาบอกซ้ายแล้วโค้งทำความเคารพ เช่นเดียวกันฮะซินและซาอิดก็ทำไม่ต่างกัน ผมจึงต้องทำตามเพื่อแสดงความเคารพแก่บุคคลตรงหน้า
บุคคลตรงหน้า...ผมจำได้เป็นอย่างดีว่าพระองค์ คือ ‘เจ้าชายราออฟ อัลบา อัชชา อัล-เฮลมันด์’ เจ้าชายพระองค์นี้มีรูปร่างสมส่วนสง่างามไม่ต่างจากเจ้าชายนาซร์นัก แต่สง่าราศีและพลังบางอย่างของความเป็นผู้ปกครองคนฉายชัดมาก ดูอ่อนโยนแต่เด็ดขาด หน้าตาคมเข้มหล่อเหลาอย่างคนอาหรับแท้แต่สีตาจะแตกต่างจากคนอาหรับ คือไม่ใช่สีดำ แต่เป็นสีเขียวอ่อนออกสีเงิน ซึ่งต่างกับเจ้าชายนาซร์ที่เป็นสีเขียวเข้มออกสีเงิน ไม่น่าเชื่อว่าพระองค์ก็อยู่ที่นี่ด้วย
เจ้าชายราออฟเพียงพยักหน้าเบาๆและกวาดตามองมาที่พวกเรารอบหนึ่ง สายตาเรียบนิ่งไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรแม้มุมปากจะยกยิ้มเล็กน้อยก็ตาม ก่อนพระองค์จะเดินนำไปอีกห้องที่อยู่ติดกัน และตามด้วยทหารองครักษ์สามนาย ห้องที่เรากำลังยืนกันอยู่นี้ล้อมรอบไปด้วยกระจกที่กำลังสะท้อนเราแต่ละคน แต่พอเข้ามาอีกห้องผมก็รู้สึกถึงความแตกต่าง ห้องนี้ถูกออกแบบเซฟตี้มาอย่างดี เป็นเพียงห้องสีเทาอ่อนแบ่งผนังฝั่งละห้าช่อง ซึ่งหลังจากปิดประตูลงแล้วก็ดูไม่ออกเลยว่า...ช่องไหนคือประตู
ในห้องนี้มีโต๊ะรูปจันทร์เสี้ยวตัวใหญ่สวยงามหนึ่งตัว และเก้าอี้ตัวใหญ่สามตัว คนของเจ้าชายราออฟนำกระเป๋าเซฟทั้งสองใบไปวางไว้บนโต๊ะ ในนี้เรามีกันทั้งหมดเจ็ดคน มีเพียงเจ้าชายทั้งสองพระองค์เท่านั้นที่นั่งลงบนเก้าอี้สองในสามตัวนั้น ถึงตอนนี้ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าตนเองได้รับเกียจติถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
“......” เจ้าชายไม่ได้พูดอะไร แต่ใช้การพยักหน้าสื่อสารกับฮะซิน
ฮะซินขยับกระเป๋าเซฟทั้งสองใบเล็กน้อยก่อนจะเปิดมันออกทีละใบ กลไกการเปิดก็ดูยุ่งยากนิดหน่อย ต้องมีรหัสกับตราราชวงศ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายนาซร์หนึ่งใบและเจ้าชายราออฟอีกหนึ่งใบ ด้านในปรากฎกล่องสีดำขนาดใหญ่กว่าฮาร์ดดิสเล็กน้อย การเปิดกล่องสีดำใบเล็กนั้นก็ต้องมีรหัสอีกเช่นกัน แต่กล่องนี้ต้องใช้กุญแจด้วย ของเจ้าชายนาซร์เป็นหัวแหวนที่สวมนิ้วก้อย ส่วนของเจ้าชายราออฟเป็นหัวแหวนที่สวมนิ้วกลาง และภายในนั้นก็เป็น...
“นี่มัน....” ผมเปรยออกมาเบาๆ
“ใช่ รหัสพระเจ้าสร้างโลก” เจ้าชายนาซร์พูดขึ้นก่อนจะสบตาผม
‘รหัสพระเจ้าสร้างโลก’ มันคือ ‘ไมโครชิพ’ ที่ซ่อนอยู่ในฮาร์ดดิสนี้ ไมโครชิพทั้งหมดเจ็ดชิ้น และถ้าไมโครชิพชิ้นใดหายไปมันจะไม่สามารถเปิดได้เลย แต่หากมีไมโครชิพครบทุกชิ้นแม้การเปิดจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่มีทางเกินความสามารถของสามแฮกเกอร์ริเอล ลูซ และธาน สามแฮกเกอร์ที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในโลก ดังนั้นการเปลี่ยนเอาไมโครชิพชนิดพิเศษที่มีเฉพาะหน่วยงานลับในกลุ่มไวท์เตอร์กับพี่เกรย์ใส่ลงไปจะทำให้ไม่มีใครสามารถเปิดได้แม้แต่สามคนนั้น เรื่องนี้รู้เฉพาะในกลุ่มคนไม่กี่คนเท่านั้น และจำกัดเฉพาะข้อมูลความลับระดับ A เท่านั้น ที่จะได้รับไมโครชิพตัวนี้ไป ไมโครชิพที่เชื่อมต่อกับ DNA ของมนุษย์
ไมโครชิพชนิดพิเศษที่ผมมีนอกจากจะเชื่อมต่อกับ DNA ของผมแล้วยังเก็บข้อมูลของผมเข้าไปด้วย มันเหมือนบัตรประจำตัวที่มีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ามันฝังอยู่ตรงส่วนไหนของร่างกาย ใช่แล้วล่ะไมโครชิพฝังอยู่ในร่างกายของกลุ่มพวกเราทุกคน และแต่ละคนก็ฝังในตำแหน่งที่แตกต่างกัน และแม้มันจะอยู่ในร่างกายเราแต่มันก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย มันไม่สามารถตรวจพบได้ไม่ว่าด้วยอุปกรณ์อะไรก็ตาม ดังนั้นไมโครชิพนี้ก็เปรียบเสมือนรหัสตัวที่เจ็ด..วันที่เจ็ด..วันที่โลกถูกสร้างอย่างสมบูรณ์ ผู้ที่เปิดได้มีเพียงผู้ถือกุญแจอย่างเจ้าชายทั้งสองพระองค์เท่านั้น....งานของผมได้เริ่มขึ้นแล้ว
...รักษาข้อมูล....
...นี่คืองานที่ผมต้องสานต่อให้จบภารกิจนี้....
“ใส่ไมโครชิพที่เธอมีลงไปก็จะสมบูรณ์”
“ครับ” ผมยื่นแขนออกมา “มันฝังอยู่ในนี้ครับ” ผมชี้บอกตำแหน่ง เจ้าชายนาซร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนพระองค์จะยืนขึ้น และเดินเข้ามาหาผม
“ชั้นจะเอาออกให้เอง”
“....ครับ” ผมแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยากขัดอะไร
นายทหารของเจ้าชายราออฟคนหนึ่งยกกระเป๋าเครื่องมือแพทย์ขนาดเล็กมาวางบนโต๊ะ และเปิดออกเพื่อหยิบใบมีดและอุปกรณ์ล้างแผลทำแผล เมื่อทุกอย่างพร้อมเจ้าชายก็สบตาผมก่อนจะ...
จุ๊บ! เบาๆที่ริมฝีปากของผม พาให้ผมอึ้งไปทันทีพร้อมๆกับอาการหน้าเห่อแดงอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องเกร็ง ชั้นจะทำให้เธอเจ็บน้อยที่สุด”
คำพูดเรียบๆกับสายตาอ่อนโยนทั้งสีหน้าท่าทางก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร จุ๊บแผ่วเบานั้นมันจึงเหมือนจุ๊บปลอมใจเท่านั้น พอเริ่มตั้งสติได้ผมก็ได้แต่เม้มปากอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ไม่กล้าหันไปมองหน้าใครทั้งนั้น มัน......
....น่าอายจริงๆ...
...แต่เพราะความเป็นธรรมชาตินั้น เลยทำให้ผมพูดไม่ออก ได้แต่พยายามสะกดกลั้นระงับความอายและอาการหัวใจกระเด็นกระดอนอยู่นี้เท่านั้น
เจ้าชายสวมถุงมือเรียบร้อยและก็ได้เวลาลงมือกรีดแขนผมเสียที ตลอดเวลาที่กรีดลงไปบนเนื้อของผมนั้นเจ้าชายไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเลย มีแต่ส่งสายตาอ่อนโยนมาให้ผมได้อายเป็นครั้งคราวเท่านั้น จนรู้สึกว่าความเจ็บที่ควรจะเจ็ดมากนั้นเบาบางลง ไมโครชิพตัวจิ๋วไม่ได้อยู่ลึกอะไร ใช้เวลาเพียงไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อยโดยที่ผมปฎิเสธที่จะฉีดยาชาด้วย เพราะไม่ต้องการให้เสียเวลาและไม่ชอบความรู้สึกชาๆของยาชาด้วย
ด้านในเป็นไมโครชิพตัวจิ๋วเล็กมากหนึ่งตัว ภารกิจของผมเพียงแค่สลับไมโครชิพเท่านั้น ไมโครชิพที่อยู่กับผมไม่ได้มีผลอะไรเลยกับข้อมูลที่จะใส่เข้าไปรวมกับไมโครชิพอีกหกตัว เพราะเดิมมันก็มีไมโครชิพอยู่แล้วเจ็ดตัวในตัวเครื่อง
ส่วนของผมแค่สลับเอาตัวที่จะไปแทนตัวที่เจ็ดออกและฝังตัวใหม่ลงแขนเหมือนเดิม แต่เจ้าชายกลับไม่ทำอย่างนั้น
“เอ่อ...” ผมกำลังจะท้วงแต่...
“ไม่จำเป็นต้องใส่อีกแล้ว” ผมสบตาพระองค์อีกครั้งอย่างแปลกใจ
“เหตุผลหลังจบภารกิจเธอจะเข้าใจเอง”
“ครับ”
ผมรับคำเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเจ้าชายนาซร์ก็ล้างแผลและทำแผลให้ผม น่าแปลกใจมากที่พระองค์ก็ทำเรื่องแบบนี้เป็นด้วย แต่ผมก็ไม่ได้คิดที่จะถาม เอาเป็นว่า...ภารกิจนี้รวดเร็วกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก เมื่อทุกอย่างพร้อมเรียบร้อย เจ้าชายนาซร์ก็หันไปหาฮะซิน
“เริ่มได้เลย”
เมื่อได้รับคำอนุญาตฮะซินก็เดินไปที่ผนังฝั่งหนึ่งและทาบฝ่ามือลงไป ผนังสีเทาอ่อนเคลื่อนไปด้านหลังก่อนจะค่อยๆเลื่อนออกด้านข้างปรากฎเป็นประตูหนึ่งช่อง ห้องอีกฝั่งมีจอมอนิเตอร์นับคร่าวๆไม่ต่ำกว่าสิบตัว พร้อมทั้งอุปกรณ์คอมพ์อีกจำนวนหนึ่งพร้อมใช้งาน
“ใช้เวลาทั้งหมดสิบห้านาทีพะย่ะค่ะ” หลังต่อฮาร์ดดิสเข้ากับคอมพ์ ฮะซินก็หันมารายงาน เจ้าชายทั้งสองพระองค์พยักหน้า
...เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย....
พวกเราก็ได้เวลาออกไปจากที่นี่ ที่เหลือก็คงเป็นหน้าที่ขององครักษ์คนเก่งอย่างฮะซินเท่านั้น เจ้าชายทั้งสองพระองค์เข้ามาที่นี่ด้วยเส้นทางที่ต่างกัน ในขณะที่เจ้าชายราออฟกำลังจะแยกไปอีกทางเจ้าชายนาซร์ก็พูดขึ้น
“เจ้าพี่” เรียกสั้นๆ ผมไม่รู้ว่าพระองค์ทำสีหน้าอย่างไร เพราะผมยืนอยู่ด้านหลังพระองค์จึงมองไม่เห็น
“น้องอย่ากังวลเลย...จนกว่าจะถึงเวลานั้น พี่จะปลอดภัย” เจ้าชายราออฟยิ้มอ่อนโยนให้เจ้าชายนาซร์
“พะย่ะค่ะ”
เป็นการสนทนาสั้นๆและเข้าใจกันเองก่อนที่เจ้าชายนาซร์จะยกมือขวาทาบอกซ้ายและโค้ง ซาอิดก็ทำและผมก็ทำตามด้วย พระองค์ยิ้มบางมาให้ก่อนจะเดินออกไปและแยกไปอีกทาง
............................................................
กลับขึ้นมาบนห้องที่ผมนอนพักก่อนหน้านี้ ห้องถูกเปลี่ยนผ้าปูที่นอนผืนใหม่และถูกทำความสะอาดแล้ว ทั้งๆที่งานผมก็สำเร็จแล้วแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันเพิ่งจะเริ่มต้นเองนะ ที่จริงแล้วการเก็บรักษาข้อมูลด้วยรหัสพระเจ้าสร้างโลกนี้ทางองค์กรผมเคยเสนอให้เจ้าชายไปแล้ว แต่พระองค์ทรงปฎิเสธและยังเป็นการปฎิเสธอย่างเด็ดขาดด้วย แต่มา ณ วันนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้พระองค์ทรงเปลี่ยนใจ ผมไม่อยากคิดอะไรมากนัก อ้อโทรศัพท์ผมไม่ได้พบมาด้วยแต่ก่อนเข้าห้องมานี้ผมถามหากับเจ้าชาย พระองค์จึงสั่งให้ซาอิดเอาโทรศัพท์เครื่องหนึ่งมาให้ผม ผมเลยถือโอกาสโทรหาเจ้าสัวก่อนเลย
“โหล”
“เออ...กูเอง”
“กูไหนไม่รู้จัก”
“เชี่ย! มึงอย่ากวนบาทากู”
“ฮ่าๆๆๆ เออๆ แล้วเอาเบอร์ใครโทรมาวะ”
“ยืมคนแถวนี้”
“แล้ว...” มันกำลังจะพูดต่อ แต่ผมรีบชินพูดก่อน ไม่อยากให้มันซักไซร้
“กูติดงานอยู่ฝากลาด้วย”
“อ่ะ...เออๆ เดี๋ยวกูเคลียร์ให้ มึงเหอะดูการ์ตูนให้มันน้อยๆหน่อย” เชี่ย! ไปเชื่อปาร์ตี้มัน
ปารต์ตี้เคยหาว่าผมติดการ์ตูนเลยไม่ไปเรียน เพราะมันเคยไปบ้านผมแล้วจ๊ะเอ๋กับเหล่าลูกกระจ๊อกของผม...แบบ..เต็มห้อง แล้วไง..โอเคผมติดการ์ตูน หลงจ๊ะกะป๊อง แต่ทุกคนก็ติดอ่ะ แต่มันหาว่าผมติดมากกว่า เพราะบางครั้งผมก็ขาดเรียนไปหลายวัน แต่กูไม่เคยบอกว่ากูดูการ์ตูนมากไปนะ แม้พฤติกรรมจะฟ้องก็เหอะ แต่จะแก้ตัวเพื่อเพิ่มประเด็นใหม่ทำไมล่ะ ในเมื่อมันคิดแบบนี้ก็เอาแบบนี้แหละ
“กูจะดูน้อยลงก็ต่อเมื่อมึงเลิกดูมันแล้ว”
“ห่า...ไม่คุยกับมึงละ พูดแล้วเข้าตัว” โด่ววว..ที่มึงพูดว่ากูมานั่นเพื่อจะให้ตัวเองดูดีขึ้นว่างั้น สุดท้ายก็จนมุมตัวเอง ฮ่าๆๆๆๆ
“เออ..บาย” จบสั้นๆแล้วก็วางสาย
ก๊อกๆ! พอดีกับที่ประตูถูกเคาะเบาๆและเปิดออก เจ้าชายนาซร์เดินเข้ามา ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่บนโต๊ะและอดจะประหม่าเล็กๆไม่ได้ เมื่อได้สบเข้ากับนัยน์ตาสีสวย
เราสบตากันเงียบๆ จนผมเองที่เริ่มรู้สึกอึดอัด เหมือนจะเริ่มหายใจไม่สะดวก แววตาเจ้าชายแปลกๆ นัยน์ตาที่ส่อแววระยิบระยับเหมือนจะขบขำอยู่ในที แถมยังเหมือนมองผมเสียแทบจะทะลุอยู่แล้ว อีกทั้งผมรู้สึกขนลุกเมื่อรู้สึกถึง...
...ความพึงพอใจ...
....ที่ปรากฏอยู่ในแววตานั้น....
....แถมผมยัง...
....เผลอ....
...อุ่นวาบในอกยังไงก็ไม่รู้....
....แปลกๆแต่ลึกๆแล้วผมกลับชอบสายตาที่มองมาอย่าง....เหมือนจะ....เล้าโลมนั่น...
“เธอกลัวชั้น?” พระองค์พูดพร้อมยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ผมยอมรับเลยว่าด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่ออย่างเทพบุตรทั้งยังเป็นผู้สูงศักดิ์แบบนี้ รอยยิ้มเพียงน้อยนิดนี้ก็เล่นเอาผมใจสั่นหวั่นไหวขึ้นมาได้ไม่ยากเลย
“เอ่อ...ปะ..เปล่าซะหน่อย” ใครจะไปยอมรับแม้จะแอบกลัวอยู่บ้าง แต่ยอมรับว่าหวั่นไหวแปลกๆมากกว่า แต่ผมก็ไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน
“หึหึ” ขำเบาๆ จากนั้นเจ้าชายก็เดินมานั่งลงบนเตียงหลังใหญ่ แต่สายตานั่นก็ยังจับจ้องมองมาที่ผมไม่วางตา
....รู้สึก...เสียความมั่นใจขึ้นมาทันที...
“คุณ...กำลังใช้สายตากดดันผมอยู่นะครับ” ผมบอก รู้สึกอารมณ์บูดเล็กน้อย ไม่ชอบเลยความรู้สึกถูกกดดันแบบนี้
“..(ยิ้มกว้าง)...งั้นหรือ?”
“.....” ผมลอกกลืนน้ำลาย แปลกๆกับสายตาและรอยยิ้มแบบนั้น
“แต่ชั้นว่า...เธอกำลังอึดอัดใจ...” เงียบสักพักแต่สายตายังจับจ้องมานิ่งๆ “...เธอกำลังหวั่นไหว”
..วาบบบบบบ...ฉ่า....
ความรู้สึกร้อนวูบปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าให้ผมรู้ถึงความอุ่นร้อนนั้นทันที อาการหน้าแดงเผลอทำให้อักอักจนพูดไม่ออก คอแห้งเมื่อโดนจับได้ ก็...หลังเหตุการณ์ก่อนผมจะเสียจิ้นมันค่อนข้างร้ายแรงในความรู้สึก แต่มาในเวลานี้ ผมกลับแทบจะลืมๆมันไปด้วยซ้ำ ก็ผมเป็นคนไม่ชอบคิดอะไรมากนี่นา
“เจ็บมากไหม” พระองค์พูดพร้อมกับมองไปยังบาดแผลที่แขนซ้ายของผม
“เอ่อ....”
“มานี่มา” ก่อนที่ผมจะทันได้ตอบเจ้าชายก็เหมือนจะเปลี่ยนใจจึงเรียกให้ผมเดินเข้าไปหา
ผมไม่ได้ตอบรับแต่ก็เดินเข้าไปใกล้พระองค์ พอเดินเข้ามาอยู่ในตำแหน่งที่เจ้าชายเอื้อมมือถึงพระองค์ก็ยื่นมือมาจับแขนซ้ายของผมยกขึ้นมาดูบาดแผล ก่อนจะโน้มใบหน้าลงและจูบเบาๆที่แขนของผมในตำแหน่งที่ใกล้กับบาดแผลนั้น ปรากฏความรู้สึกอุ่นวาบตรงรอยบาดแผลนั้น
ถึงตอนนี้ตัวผมก็แข็งค้างไปแล้วด้วยความที่นึกไม่ถึงว่าเจ้าชายจะ...อ่อนโยนได้แบบนี้ ไม่ต้องบอกเลยว่าหน้าผมแดงเถือกไปทั่วแล้วเช่นกัน ความเขินพุ่งเข้าสู่หัวใจพาให้ใบหน้าแดงจัดมากขึ้น อาการหัวใจเต้นรัวเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แม้ก่อนหน้านี้จะรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้างก็ตามแต่มันไม่ได้รุนแรงแบบนี้
เจ้าชายยิ้มบางๆ
“เธอกำลังทำให้ชั้นอยากกอดเธอนะ”
“อ้ะ!” ผ...ผมทำอะไร
“และชั้นจะไม่ลังเลเลย”
กึก!
ผมถูกแช่แข็งโดยสายตาคมคู่สวยนั่นอีกครั้ง เจ้าชายเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ระยะห่างระหว่างเราแคบลงเรื่อยๆ เพียงไม่นาน....ผมก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มอ่อนหวานที่มาจากริมฝีปากคู่สวย ยอมรับเลยว่าไม่คิดที่จะปฎิเสธสักนิด ผมออกจะลุ้นตามไม่ได้ว่าหากเป็นสถานการณ์ที่ร่างกายของผมปกติ ผม...จะรู้สึกอย่างไร จะแตกต่างจะการถูกปลุกเร้าด้วยยามั้ย ถึงแม้อาการเจ็บในช่องทางด้านหลังจะมีอยู่บ้าง แต่ความอยากรู้อยากลองที่มักจะชนะความรู้สึกอื่นของผมเสียทุกครั้งไป รวมทั้ง....
....ครั้งนี้ด้วย....
รสจุมพิตที่อ่อนละมุนค่อยๆเร่าร้อนมากขึ้นตามอารมณ์ของเราทั้งสองคน ลิ้นเราพัวพันเกี่ยวต้อนกันอย่างดื้อดึงไม่มีใครยอมใคร แต่สุดท้าย...ผมก็พ่ายแพ้ต่อความรู้สึกรัญจวนใจที่อีกคนสร้างขึ้น หรือเป็นผมเองที่เกิดอารมณ์ง่ายกว่าก็ไม่รู้
ผมเบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดเจ้าชายมากขึ้น รู้สึกเสียววาบที่ท้องน้อยระลอกแล้วระลอกเล่า อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปขยุ้มเสื้อของอีกฝ่าย เจ้าชายโอบกอดผมแน่นขึ้นเช่นกัน ฝ่ามือร้อนๆค่อยๆลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของผม
“อือออออ..”
จนผมอดไม่ได้ต้องครางออกมาเบาๆผ่านริมฝีปากที่กำลังบดจูบกันอยู่นี้ ริมฝีปากก็ว่าทำหน้าที่ดีแล้ว แต่ฝ่ามือกลับเล้าโลมผมหนักยิ่งกว่า ฝ่ามือร้อนๆสอดเข้าไปภายใต้เนื้อผ้า สัมผัสผิวเนื้อของผมอย่างยั่วยวน
“อื้ออออ....”
ความเสียวจิ๊ดแล่นขึ้นมาทันที ไม่นานเสื้อผมก็ถูกเลิกขึ้น เจ้าชายถอดริมฝีปากออกและถอดเสื้อของผมออกไป ตอนนี้อารมณ์ใคร่กำลังกรุ่นได้ที่เรื่อยๆ เจ้าชายโน้มตัวมาจุ๊บกลีบปากผมเบาๆหนึ่งครั้งก่อนจะสัมผัสไปที่ใบหูของผม เลียและหยอกล้อเบาๆ ซุกไซร้ซอกคอ สร้างความสยิวเสียวซ่านได้มากโข
“อ่า....อือออ”
ฝ่ามือร้อนยังคงลูบแผ่วเบาไปตามร่างกายของผม ความรู้สึกว่ามีกระแสไฟฟ้าแล่นเข้าสู่ร่างกายส่งผลให้ผมขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว นัยน์ตาของผมเริ่มจะพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา ที่ทำได้คงเพียงส่งเสียงครางอย่างห้ามใจไม่อยู่แล้วเท่านั้น
เจ้าชายปลดรั้งกางเกงของผมออกก่อนที่จะอุ้มผมขึ้นมาวางบนเตียง ด้วยว่ามันยังเป็นเวลากลางวันแสงสว่างเลยไม่ให้ความปราณีแก่ใบหน้าของผมเลย สายตาคมสวยที่มองมาลามเลียไปทั่วทั้งตัว...เหมือนอยากจะกลืนกินผม ทำให้ขนอ่อนตามร่างกายพากันลุกชันมากขึ้น แล้วยังมาพร้อมกับอาการยิ่งเพิ่มความรู้สึกต้องการคนตรงหน้ามากขึ้นเช่นกัน
น่าแปลกมากที่ผมเกิดความรู้สึกโหยหาร่างกายของบุคคลที่กำลังทาบทับลงมานี้ได้มากมายเสียเหลือเกิน ทั้งๆที่เราก็เพิ่งจะเคยมีอะไรกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง เอาเป็นว่าเราจะไม่พูดถึงจำนวนการสอดใส่ละกัน เพราะนั่นผมก็จำไม่ได้ว่าคืนนั้นมันกี่ครั้งต่อกี่ครั้งกันแน่
เจ้าชายทาบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง และตามด้วยการลูบคลำไปทั่วร่างกายของผมอย่างคนรู้จุดอ่อนของผมดี พระองค์รู้ดีจริงๆว่าจุดไหนจะสร้างความรู้สึกรุนแรงในความใคร่ให้ผมได้บ้าง ผมได้แต่หลับตาครางและกอดก่ายคนด้านบน จิกเล็บลงบนแขนหรือแผ่นหลังกว้างนั้นตามแต่มือของผมจะสัมผัสถึง เจ้าชายผลัดตัวออกเล็กน้อยและเพียงไม่นานพระองค์ก็ทาบทับลงมาใหม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม
...พระองค์กำลังเปลือยเปล่า...
...ไม่ต่างจากผม...
นั่นยิ่งเพิ่มสีแดงฉานบนใบหน้าของผมมากขึ้นเมื่อปรือตาขึ้นมามอง ความรู้สึกเขินอายกระแทกเข้ามาอย่างจังจนผมต้องรีบหลบสายตาหวานฉ่ำนั้น และเสตาไปมองด้านข้าง
“รังเกียจหรือ?”
“อ้ะ!”
ไม่พูดเปล่าแต่เจ้าชายสอดนิ้วเรียวยาวเข้ามาทางด้านหลังของผมด้วย ก่อนจะใช้ลำตัวพระองค์แยกเรียวขาของผมออกจากกัน เผยให้เห็นจุดอ่อนไหวของผมมากขึ้น
“อ้า...อึก...อื้ออออ”
มันเจ็บจิ๊ด แต่เพราะความลื่นที่ไม่รู้เจ้าชายเตรียมแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ช่วยบรรเทาไปได้มาก อีกทั้งอาจเป็นเพราะบางทีผมยังเจ็บจากการร่วมรักกันครั้งก่อนอยู่บ้าง
“ร่างกายเธอ...จะชินเอง ผ่อนลมหายใจ นั่นแหละเด็กน้อย”
ผมทำตามคำพูดบอกนั้นแต่โดยดี เจ้าชายก้มลงมาจุมพิตที่กลีบปากผมอีกครั้งก่อนจะสอดลิ้นเข้ามากวาดต้อนไล่เลียลิ้นกับลิ้นของผม ความสนใจบางส่วนจึงมาอยู่ที่ริมฝีปาก มืออีกข้างของพระองค์ก็เล้าโลมไปตามร่างกายที่สั่นระริกของผมและเลยลงมาสัมผัสจีน้อยอย่างแผ่วเบา...อ้อยอิ่ง...
เป็นผมเองที่ยั้งใจแทบจะไม่อยู่แล้วต้องแอ่นตัวขึ้นเพื่อให้ร่างกายแนบชิดสัมผัสกับเนื้อตัวเจ้าชายมากขึ้น การสอดใส่เพิ่มขึ้นสองนิ้ว...สามนิ้ว และกดจุดเบาๆไปที่จุดกระสันของผมอย่างรู้ดีว่าอยู่ตรงจุดไหน
“อ๊ะ...!อ๊า...”
“ชั้นสัญญา...เธอจะเจ็บน้อยกว่าครั้งที่แล้ว”
ผมปรือตามองไปที่กลางลำตัวนั่นเมื่อคนด้านบนยกตัวขึ้นเล็กน้อย เพื่อเตรียมความพร้อมอีกครั้ง ความใหญ่โตตามแบบฉบับของคนต่างชาติช่างไม่ปราณีแก่กันบ้างเลย อารมณ์ท้าทายที่เคยมีหดลงทันที ไม่อยากนึกเลยว่า...ผมเคยรับเข้าไปได้ยังไง และเหมือนเจ้าของจะรู้สึกถึงความนึกคิดของผม
“เธอจะรับเข้าไปได้ทั้งหมด มองตาชั้น...แล้วคิดถึงแต่ชั้น”
มันไม่ยากเลยที่จะทำตาม ด้วยอารมณ์ในขณะนี้และด้วยน้ำเสียงที่ทุ่มนุ่มเหมือนปลอบโยนตลอดเวลา ผมเลื่อนสายตาขึ้นไปสบกับนัยน์ตาคนพูดและตัดสินใจยกมือทั้งสองข้างไปรั้งท้ายทอยของเจ้าชายลงมา กดจูบพระองค์ก่อนอย่างเรียกกำลังใจให้กับตนเอง เจ้าชายจูบตอบผมอีกครั้งอย่างอ่อนโยน ดูดดื่มมากขึ้น ร้อนแรงมากขึ้น พร้อมๆกับค่อยๆกดความเร่าร้อนเข้ามาในตัวผม
“อื้อออ....ส์”
แม้มันจะเจ็บแต่การถูกปลอบด้วยริมฝีปากสวยและฝ่ามือร้อนๆไปตามจุดไวต่อสัมผัสทั้งหลายบนร่างกายของผม ก็ช่วยผมได้มาก ผมรับรู้ถึงแท่นความร้อนที่รุกล้ำเข้ามาในร่างกายของตนเอง รับรู้ถึงอัตราการเต้นของเส้นชีพจรที่มาจากความอุ่นร้อนนั้น เจ้าชายยังคงกดจูบผมอย่างต่อเนื่องก่อนจะถอนริมฝีปากออก และเลียริมฝีปากตัวเองเบาๆ ความเซ็กซี่เล็กๆนั้นพาให้ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วแดงมากขึ้น พาให้ความรู้สึกต้องการร่างกายอีกคนมากขึ้นตามไปด้วย
“อา...” พระองค์ครางออกมาเบาๆ
“......” พร้อมทั้งยิ้มบางๆมาให้ผมเมื่อเราสบตากัน
ไม่มีคำพูดอะไรทั้งสิ้น เจ้าชายค่อยๆถอนตัวออกและเข้ามาใหม่ช้าๆ
“อ้า~...”
ก่อนพระองค์จะยกขาทั้งสองข้างของผมขึ้นมาชิดกับลำตัวผมและกดทาบตัวพระองค์เองลงมา
อึก!
...มัน...
...มันลึกมากขึ้น....
“ชอบหรือเปล่า?”
อ๊ากกกกกกกกกกกก....หน้าไหม้เลย ใครจะไปกล้าบอกเล่า ถึงตอนนี้ผมก็ได้น้ำตาร่วงของจริง ร่วงด้วยความอายสุดจิตสุดใจนี่แหละ ถึงขนาดนี้แล้วใครเขามาถามกันล่ะเนี่ย พระองค์ยิ้มอ่อนโยนก่อนจะโน้มตัวลงมาจุมพิตตรงหน้าผากผมอย่างแผ่วเบาและทาบอยู่อย่างนั้น ก่อนจะ...
“หึหึ หน้าเธอแดงหมดแล้ว เขินหรือ?” ปลายจมูกเราแตะกันพอดี
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...อีกรอบ ไม่ไหวแล้ว ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะระเบิด ผมได้แต่....
“ยะ...อย่า...อย่าพูดอีกเลย...ได้โปรดเถอะ” พูดออกมาพร้อมน้ำตาแห่งความอาย ฮืออออออ...
....มันน่าอายเสีย..ใจแทบขาด....
ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้ คงสมใจอยากของคนชอบแกล้งแล้วพระองค์ขยับตัวออกและสอดเข้ามาใหม่อย่างต่อเนื่องแต่ไม่ได้รุนแรง เหมือนจะยั่วกันเสียมากกว่า คนอะไรมีความอดทนชะมัด แต่ผมอ่ะ...ยังเด็กนะ ความอดทนมีกับใครเขาที่ไหนกันเล่า!
...อยากบอก...
...อยากบอกว่า...
...ให้เร็วกว่านี้....
...แต่ไม่กล้า...
...จึงได้แต่เอามือที่ปิดตาไว้ลง และก็ต้องหน้าแดงอีกระลอก ด้วยพอสบกับแววตาเหมือนรู้ทันนั่น ผมจึงได้แต่มองค้อน
คนรูปหล่อผู้สูงศักดิ์ครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าชายยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีก่อนจะกดจูบลงมาหากลีบปากของผมแรงๆหนึ่งครั้งและเริ่มต้นเกมรักที่แสนดุเดือดขึ้น
แรงกระแทกกระทั้นอย่างเร็วแล่นจังหวะมากขึ้น...มากขึ้น เสียงจากแรงเสียดสี เสียงจากการล่วงล้ำ พาให้อารมณ์ใคร่เตลิดเปิดเปิงไปไกล ผมกอดรัดร่างข้างบนมากขึ้นตามแรงอารมณ์ ความรู้สึกชื่นชอบต่อสัมผัสของร่างกายเจ้าชายไม่รู้มาจากไหน แต่มันรุนแรงในความรู้สึกมาก...มากจนอดไม่ได้ที่จะสนองตอบรับแรงกระแทกกระทั้นนั้นอย่างลืมอายไปทันที
ดูเหมือนกิริยาแบบนี้ของผมอีกคนจะพอใจเสียเหลือเกิน จังหวะรับรุกเป็นไปอย่างเหมาะเจาะ แม้ผมจะยังด้อยประสบการณ์แต่ดูเหมือนจะเป็นที่พอใจของเจ้าชายมาก
“อา...น่ารักจริงๆเด็กน้อย”
“อ๊า...อ้า~”
“ร่างกายเธอเริ่มจะจดจำสัมผัสของชั้นแล้ว”
มันคงจะจริง แต่ตอนนี้ผมไม่มีสมองมาคิดอะไรอื่นแล้ว ความรู้สึกที่กำลังแตะบันไดสวรรค์ทำให้ผมไม่คิดถึงเรื่องอื่นเลยแม้แต่นิดเดียว และเพียงไม่นาน...
“อ๊ะ! อ๊า~~....”
น้ำขุ่นขาวของผมก็ถูกปลดปล่อยออกมาสู่ฝ่ามืออุ่นร้อนที่คอยปลอบใจอยู่ไม่ห่างนั้น จังหวะกระแทกกระทั้นยังไม่ได้สิ้นสุดลงเนื่องด้วยอีกคนยังไม่เสร็จสมอารมณ์หมายเสียที
แรงกระแทกดั่งพายุไม่ลดลงเลย ผมจึงทำเพียงส่งเสียงครางต่อเท่านั้น เป็นเวลาหลายนาทีจนจีน้อยเริ่มจะลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง แต่เหมือนอีกคนก็ยังไม่สมใจเสียที พระองค์กดจูบลงมาอีกครั้ง แรงจุมพิตเร่าร้อนและเรียกร้องมากยิ่งขึ้น รสจูบที่ดุเดือดพาเอาอารมณ์ความใคร่ปะทุขึ้นมาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว จากเดิมที่กรึ่มๆอยู่แล้ว
เจ้าชายยืดขาข้างหนึ่งของผมออกเหยียดยาว อีกข้างยกขึ้นพาดบ่า
...ท่านี้มัน....
อึก!
...ลึกกว่าเดิมอีก...
ไม่ไหวแล้ว เสียงจังหวะล่วงล้ำ...เสียงคราง...เสียงหอบจากการหายใจเพื่อระบายความกระสันสวาทของอารมณ์ใคร่ เจ้าชายไม่เหนื่อยบ้างหรือ? แต่ผม...เหนื่อยนะ ทั้งที่ผมทำเพียง....
...ส่งเสียงประกอบจังหวะเท่านั้น...
...ก็ใครมันจะไปกลั้นไหวล่ะ เจ้าชายเล่นกระแทกจุดกระสันเน้นๆเสียอย่างนั้น เพียงไม่นาน....ก็เป็นอีกครั้งที่ผม...
“อ๊า!...อ้าส์~~...”
...ปลดปล่อยความสุขล้นของตนเองออกมา....
เจ้าชายลูบปลอบจีน้อยเบาๆ แรงกระแทกส่งเข้ามาอีกหลายครั้งก่อนผมจะรู้สึกถึงอาการกระตุกเบาๆจากคนด้านบน และรับรู้ถึงความอุ่นร้อนที่ฉีดเข้ามาในร่างกายของตนเอง
“อา~~” คนด้านบนครางออกมาเบาๆอย่างสุขสม
ณ เวลานี้มีแต่เสียงหอบของเราทั้งสองคน เจ้าชายโน้มใบหน้าลงมาดูดริมฝีปากผมเบาๆก่อนจะกดจูบสำทับอีกครั้ง
“หลับเสียนะ เด็กน้อย”
เหมือนดั่งเสียงสวรรค์ เพียงคำอนุญาตเบาๆผมก็ปิดเปลือกตาที่ทำท่าจะปิดไม่ปิดอยู่แล้วลงทันที แล้วค่อยๆพาร่างกายที่อ่อนล้านี้ลงสู่นิทรา...ในอ้อมกอดที่เหมือนเริ่มจะคุ้นเคยตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่า....
....อุ่นดีจัง....
TBC
ทักทายทักทายยยยยยย
ที่จริงตอนนี้ว่าจะเรียกเลือดด้วยการฆ่าฟัน
ฉากเร่าร้อนมีอยู่แล้วแต่เดิม แต่ไม่คิดว่าจะแต่งยาวแบบนี้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
แต่งเพลินไปหน่อย คึคึคึ (ไม่กล้าตัด เสียดาย)
ฆ่าของจริงต่อตอนหน้าละกัน
ตอนนี้เอาฟินไปก่อน ฮี่ฮี่
ขอบคุณทุกเม้นต์นะ...จ๊ะ
Uri