ตอนที่ 48 The twin’ s home
ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งสภาพแวดล้อมที่เห็นก็ทำให้ผมต้องหลับตาแล้วลืมขึ้นมาใหม่ก่อนจะมองไปรอบๆ อย่างมึนงง
ไม่ใช่โรงพยาบาล…ไม่ใช่ห้องผม…แล้วที่นี่มันที่ไหนวะ…ทำไมคุ้นจังเลย
ผมเอื้อมมือเปิดโคมไฟหัวเตียง แสงสีนวลตาสาดส่องไปทั่วเผยให้เห็นห้องที่ตกแต่งสไตล์วินเทจ ปลายเตียงมีทีวีจอแบนฝังเข้าไปในผนัง ด้านซ้ายมือคือประตูตู้เสื้อผ้าบิวท์อินบานใหญ่และห้องน้ำ ส่วนด้านขวาเป็นชุดโซฟากับโต๊ะกระจกที่มีแจกันดอกไม้วางประดับอยู่
ผมยกมือขึ้นนวดหัวคิ้ว จำได้แล้ว…ห้องนี้เคยมาพักอยู่ช่วงหนึ่งตอนเด็กๆ
…ห้องนอนแขกบ้านวรกิจเดชสกุล
ก๊อกๆ ๆ
ผมมองไปยังประตูห้องที่ค่อยๆ ถูกเปิดออก เป็นอาแอ๋มที่โผล่เข้ามาก่อนจะเปิดประตูค้างไว้ให้ภูผากับฟ้าครามถือถาดอาหารกับยาเดินตามมา
“อ้าว ทีตื่นแล้วหรอลูก ดีเลยอากำลังจะปลุกมาทานข้าวทานยาอยู่พอดีเชียว”
ฟ้าครามเข้ามาช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง จากนั้นภูผาก็กางโต๊ะเล็กวางลงบนเตียงพร้อมถาดอาหารและยา ผมได้แต่ขยับร่างกายตามแรงมือของอีกฝ่าย ตอนนี้รู้สึกแขนขาไม่มีแรงเลย ครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด ปวดหัวเหมือนมีคนเอาค้อนมาทุบ หนาวก็หนาว หิวก็หิว แต่พอมองข้าวต้มหน้าตาน่ากินตรงหน้าแล้วกลับรู้สึกพะอืดพะอมอยากจะอ้วกซะอย่างนั้น
ใจอยากจะเอ่ยถามว่าทำไมผมมาอยู่ที่นี่ แล้วมีใครโทรไปบอกที่บ้านผมหรือยังว่าผมเป็นอะไรตอนนี้พักอยู่ที่ไหน ทำไมภูผาฟ้าครามต้องพาผมมานอนที่นี่ไม่พาผมกลับไปส่งที่บ้าน แล้วผมอาหารเป็นพิษแบบนี้สองคนนั้นจะคิดมากหรือเปล่า จะคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองไหม …แต่พอมองจากสีหน้าจ๋อยๆ ของสองคนนั้นผมก็พอจะเดาได้..นั่นไง ต้องคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองอยู่แน่ๆ เลย
“รีบกินเถอะจ้ะ เดี๋ยวหายร้อนแล้วจะไม่อร่อย เสร็จแล้วจะได้กินยาแล้วนอนพักต่อตัวยังรุมๆ อยู่เลย หนาวมั้ยลูก?” อาแอ๋มลูบหน้าลูบแขนผมอย่างเป็นห่วงเป็นใย สัมผัสจากมือเย็นๆ ทำให้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย พอผมพยักหน้าเบาๆ ภูผาก็หยิบรีโมทแอร์มาปรับอุณหภูมิให้
ฟ้าครามตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าก่อนจะจ่อมาที่ปากของผม
“พี่ที…กินนะ”
ตอนแรกผมอยากจะปฏิเสธแล้วคว้าช้อนมาตักกินเอง แต่พอเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของแฝดน้องผมก็เลยทำใจอ้าปากรับแต่โดยดี
พวกมึงเข้าใจผิดแล้ว! กูไม่ได้ท้องเสียเพราะอาหารเมื่อคืน แต่ท้องเสียเพราะกล้วยบวชชีกะทิบูดที่กินไปตอนกลางวันเมื่อวานต่างหากล่ะเฟ้ย หยุดทำท่าทางหางลู่หูตกกันซะทีเห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจไปด้วยเลย
แต่ช้อนที่ตักป้อนรัวๆ ก็ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดอธิบายอะไรเลย เอาวะ กินก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาอธิบายกันทีหลัง
“แม่ คืนนี้ภูกับครามมานอนเฝ้าพี่ทีได้มั้ย”
เห้ย!! ไม่ต้องงงงงงง
“ไม่ต้องหรอกลูก แม่ว่าแม่จะมานอนเฝ้าพี่ทีอยู่แล้ว จะได้ตื่นมาคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พี่เค้า ภูกับครามกลับห้องไปนอนเถอะวันนี้สอบมาทั้งวันคงจะเหนื่อยแย่แล้ว”
“ไม่เหนื่อยๆ นะๆ เดี๋ยวภูเช็ดตัวให้พี่ทีเอง แม่อ่ะเป็นผู้หญิงมาเช็ดตัวให้พี่ทีเขินตายเลย ให้ภูเช็ดดีกว่า แม่ไปนอนเหอะเดี๋ยวเฝ้าให้”
ให้พวกมึงเช็ดตัวนอนเฝ้าไข้เนี่ยนะ!? ม่ายยยยย ไม่อาววว อาแอ๋มอย่าไปยอมนะ ลูกชายอาจะฉวยโอกาสอะไรตอนผมป่วยบ้างก็ไม่รู้ อย่านะโว้ยยยย ตอนนี้ผมไม่มีแรงสู้นะT-T
ไม่ได้แล้ว ขืนไม่พูดออกไปมีหวังแย่แน่เลย!
ขณะที่ผมอ้าปากจะค้าน ช้อนข้าวต้มก็ยัดเข้ามาในปากผมทันทีด้วยฝีมือฟ้าครามที่ยักคิ้วให้อย่างรู้ทัน พอผมเคี้ยวๆ รีบกลืนจะพูดต่อฟ้าครามก็ทำท่าจะป้อนข้าวต้มเข้ามาอีกแต่คราวนี้ผมเบือนหน้าหนีเอามือดันแขนฟ้าครามไว้
“พี่ที…ไม่ดื้อดิ กินข้าวนะ หม่ำๆ ” ฟ้าครามปัดมืออันอ่อนแรงของผมออกก่อนจะเอื้อมมาจับคางผมให้หันมาหา ส่วนอีกมือก็ถือช้อนข้าวต้มจ่อปากจี้ให้ผมกินต่อ
หม่ำๆ บ้านมึงดิ! ไม่ใช่เด็กนะเฟ้ยย!!
เพียะ!!
“เจ้าคราม! พี่เค้ากินไม่ไหวทำไมไปบังคับแบบนั้นฮะ! เกิดพี่เค้าอ้วกแตกอ้วกแตนขึ้นมาจะทำยังไงเจ้าลูกคนนี้นี่ ดูแลคนป่วยไม่เป็นเลย! เอาจานไปเก็บ! …ทีลูก เดี๋ยวรอสักแปบแล้วค่อยทานยานะจ๊ะ ระหว่างนี้เช็ดตัวก่อนนะเดี๋ยวอาเช็ดให้” อาแอ๋มตีฟ้าครามแล้วดุยกใหญ่เมื่อหันมาเห็นไอ้ครามกำลังพยายามยัดข้าวต้มให้ผมกิน ไอ้ครามลูบแขนบริเวณที่โดนตีป้อยๆ ก่อนจะเหลือบมองผมแล้วทำปากขมุบขมิบ
“ทำปากขมุบขมิบอะไร! ว่าแม่หรอ!”
ผมมองข้ามไหล่อาแอ๋มไปสบตากับฟ้าคราม
“:p”
“ก็แม่เอาแต่เข้าข้างพี่ทีอ่ะ ตกลงใครลูกแม่กันแน่เนี่ย..ดูดิ! พี่ทีแลบลิ้นใส่ครามด้วย!!”
“พี่เค้าไม่ได้นิสัยเหมือนลูกนะ” ผมแอบกลั้นหัวเราะอยู่ข้างหลังอาแอ๋ม ดูสิ ผมเครดิตดีกว่าเจ้าแฝดแค่ไหนคนเป็นแม่อย่างอาแอ๋มยังไม่เชื่อมันเลย
“ภูก็เห็นนะ ดูดิๆ พี่ทีนั่งหัวเราะอยู่หลังแม่อ่ะ หันไปดูดิ”
ได้ยินอย่างนั้นผมจึงพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกปวดมวนๆ ท้องขึ้นมา จากนั้นความรู้สึกคลื่นไส้ก็วิ่งขึ้นมาถึงลำคอ
“โอ๊กกกกก แหวะะะะะะะะ!!”
สุดท้ายผมก็ต้องย้ายไปนอนห้องไอ้แฝดเพราะดันอ้วกเลอะเตียง จะบ้าตาย ทำตัวเองแท้ๆ ฮือT-T
“โอ๊ย จั๊กจี้ คิกๆ …โอ๊ยย ” ผมได้แต่นอนดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียงหนีมือไอ้ภูที่พยายามจะเช็ดตัวให้ผมที่ตอนนี้สวมแค่เสื้อคลุมอาบน้ำเนื่องจากเพิ่งถอดเสื้อผ้าที่เลอะอาเจียนออกไป
“นิ่งๆ ดิพี่ที ภูเช็ดลำบากนะ” ไอ้ภูคว้าแขนผมไปอีกรอบก่อนจะเอาผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดพรืดๆ
เนี่ยนะดูแลคนป่วยเป็น ใครเค้าเช็ดกันแบบนี้วะ! เช็ดตัวคนป่วยมันควรใช้น้ำอุ่นเพื่อให้หลอดเลือดขยายตัวคลายความร้อนออกจากร่างกายได้ดีไม่ใช่หรอ แต่มันเล่นเอาน้ำเย็นเช็ดให้แบบนี้ไม่หนาวจับไข้กว่าเดิมก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว แถมเวลาเช็ดแขนใครเค้าเช็ดจากต้นแขนลงมานิ้วมือกัน มันต้องเช็ดจากมือไล่ขึ้นไปที่ต้นแขนเพื่อเปิดรูขุมขนต่างหาก ให้ตายเถอะตัวเองก็เคยอยู่โรงพยาบาลแท้ๆ ไม่ได้สังเกตเวลาพยาบาลเค้าเช็ดตัวให้เลยหรือไง
“ภู…พอเถอะ พี่เช็ดเองดีกว่า ” ผมเค้นเสียงพูดออกมาเบาๆ อย่างอ่อนเพลีย พยายามจะแย่งผ้าขนหนูในมืออีกฝ่ายมาถือเองแต่ภูผากลับชักมือหนี ผมพยายามเอามือปัดป้องไม่ให้มันเช็ดตัวให้ ก็มันหนาวนี่หว่า ยิ่งเช็ดยิ่งแย่แบบนี้อย่าเช็ดเลยเถอะ
“ภู…พี่หนาวนะ …ภูเช็ดผิดอ่ะ ”
“อะไรนะพี่ที? ไม่ได้ยินอ่ะ” ภูผาขมวดคิ้วก่อนจะเอียงหน้าเข้ามาใกล้
“ใช้น้ำอุ่นสิ พี่หนาว”
“เฮ้ย! พี่ทีตัวร้อนอยู่แล้ว ขืนเช็ดน้ำอุ่นก็ยิ่งร้อนอ่ะดิ ไม่ได้ๆ เช็ดน้ำเย็นแหละตัวจะได้หายร้อนไวๆ อดทนหน่อยนะพี่ที ถกเสื้อลงหน่อยภูจะเช็ดหลังให้”
โอ๊ย! จะบ้าเรอะะะ เช็ดน้ำเย็นสิจะยิ่งตัวร้อนกว่าเดิมT_T จะบ้าตาย ไม่สบายอยู่แล้วยังมาโดนรังแกเพิ่มอีก ผมว่าแทนที่จะหายอาจจะตายมากกว่านะแบบนี้
ผมจับข้อมือภูผาไว้แล้วส่ายหัวรัวๆ
“ห้ามใช้น้ำเย็น…เช็ดคนป่วยนะ…ต้องน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา ”
“โอเคๆ ภูยอมก็ได้ แต่ให้แค่น้ำธรรมดาพอนะน้ำอุ่นไม่ได้ ภูรู้ว่าพี่ทีหนาวเลยอยากได้น้ำอุ่นแต่พี่ทีต้องอดทนดิไม่งั้นไข้มันจะไม่ระบายออกมานะครับ”
โอ๊ยยยยยย!! อกอีแป้นจะแตก ถ้าผมมีแรงมากกว่านี้นะจะลุกขึ้นมาเบิ้ดกะโหลกมันสักที เอาอะไรมาคิดว่าผมหนาวเลยไม่อดทนให้มันเช็ดน้ำเย็น ไม่เคยเรียนวิชาสุขศึกษาหรือไงวะ โฮยย อาแอ๋มเมื่อไหร่จะมาสักที อย่าปล่อยผมทิ้งไว้กับไอ้แฝดนรกนี่นานๆ จะได้มั้ย จะตายคามือมันอยู่แล้ววววT_T
หลังจากปลุกปล้ำกันอยู่พักใหญ่ภูผาก็เช็ดตัวให้ผมจนเสร็จ เป็นการเช็ดตัวที่ทรมานที่สุดในชีวิตผม ก็มันอ่ะเช็ดแปลกๆ ให้อารมณ์เหมือนลวนลามยังไงก็ไม่รู้ จะดิ้นหนีก็ไม่ค่อยจะมีแรง แถมน้ำธรรมดาที่มันเอามาเช็ดก็ยังเย็นไปอยู่ดีสำหรับผม หลังจากโดนจับใส่ชุดนอนแล้วผมก็ได้แต่นอนขดตัวฟันกระทบกันกึกๆ อยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ที่ห่มเท่าไหร่ก็ไม่หายหนาว
“พี่ทีตัวร้อนจี๋เลยอ่ะแม่!” นาทีนี้สติผมพร่าเบลอเกินกว่าจะแยกออกแล้วว่าเสียงภูผาหรือฟ้าคราม
สัมผัสเย็นๆ แตะลงบนหน้าผากผม
“ว้าย! จริงด้วย เมื่อกี้ยังตัวไม่ร้อนขนาดนี้เลยนี่นา”
“นั่นสิแม่ เพิ่งเช็ดตัวไปหยกๆ เองนะ” เพราะมึงนั่นแหละโว้ยมาหยกๆ อะไรล่ะ! = [] =^
“ครามไปกดน้ำอุ่นข้างล่างมาให้แม่หน่อย..สงสัยต้องเช็ดกันอีกรอบแล้วล่ะ ส่วนภูลงไปเอาเจลลดไข้ในตู้เย็นมานะลูก”
“เอ้า ไม่ใช้น้ำเย็นอ่ะแม่ พี่ทีตัวร้อนอยู่นะยิ่งใช้น้ำอุ่นก็ยิ่งร้อนสิ!”
“มะเหงกแน่ะ! อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้เอาน้ำเย็นเช็ดน่ะ!?”
“ง่ะ…ไม่ได้เหรอ?”
“โอ๊ย! ตายแล้ว ชั้นไม่น่าปล่อยให้เธอดูแลเลย! รีบลงไปเอาของตามที่แม่สั่งเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วก็จำไว้ว่าคราวหลังห้ามใช้น้ำเย็นเช็ดตัวคนป่วยเด็ดขาด เดี๋ยวแม่จะทำให้ดูว่าที่ถูกต้องเขาทำยังไง ตายๆ ๆ โถ่ทีลูก…อาขอโทษนะจ๊ะ ลูกชายไม่ได้เรื่องของอามันทำให้เราเดือดร้อนอีกจนได้”
ผมโดนจับถอดเสื้อเช็ดตัวอีกรอบ ทั้งๆ ที่เพลียแทบตายอยู่แล้วก็ยังต้องฝืนขยับพลิกให้อาแอ๋มเช็ดตัวให้ กว่าจะเช็ดกันเสร็จก็ใช้เวลาพักหนึ่งซึ่งในความรู้สึกผมมันช่างนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ พอใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยเจลเย็นๆ ก็ถูกโปะลงบนหน้าผากตามมาด้วยความรู้สึกอบอุ่นจากผ้าห่มฟูนุ่มที่ถูกดึงขึ้นมาห่มให้จนถึงหน้าอก
ในที่สุดก็จะได้นอนเสียทีT_T ดีใจน้ำตาไหลพรากก
“แม่จะนอนเฝ้าพี่ทีห้องนี้ เดี๋ยวภูไปนอนกับพ่อแล้วครามไปนอนกับพี่เฟิร์สนะ”
“ไม่เอาอ่ะ ภูจะนอนห้องนี้!”
“แม่กลับไปนอนกับพ่อเหอะ เดี๋ยวพวกครามดูพี่ทีให้”
อย่า!!! ขอร้อง ไม่ต้องงงงง
ผมได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะตอนนี้แม้แต่แรงจะลืมตายังไม่มีเลย
“ไม่ได้ ภูกับครามดูแลคนป่วยเป็นซะที่ไหน เกิดกลางค่ำกลางคืนพี่ทีเป็นอะไรไปลูกจะแก้ปัญหากันถูกหรอ”
“ก็เดี๋ยวถ้ามันมีอะไรภูก็ค่อยวิ่งไปปลุกแม่ไงครับ นะครับแม่ พี่ทีท้องเสียเป็นไข้แบบนี้ก็เพราะพวกภู ขอให้พวกเราได้ทำอะไรไถ่โทษบ้างเถอะนะครับ”
เข้าใจผิดแล้ว ไม่ได้ท้องเสียเพราะมึ๊งงง ไม่ต้องไถ่โทษษ
“…จ้ะๆ งั้นก็ตามใจ ถ้ามีอะไรก็ไปตามแม่แล้วกันนะลูก อ้อ ถ้าดึกๆ พี่ทีตัวร้อนอีกก็เช็ดตัวแบบที่แม่สอนไปนะ ส่วนเจลถ้าหายเย็นก็เอาลงไปเปลี่ยนอันใหม่ด้วยล่ะ”
ไม่นะอาแอ๋ม อย่าทิ้งผมมมมT-T
ปังงง
(บทฟ้าคราม)
“เที่ยงคืนแล้วหรอเนี่ย ถึงว่ารู้สึกง่วงๆ ” ผมคลานขึ้นไปทิ้งตัวลงนอนข้างๆ พี่ทีซึ่งนอนอยู่ริมเตียงด้านขวามือสุด
“เห้ย มึงอ่ะเหยิบไปดิ๊” ไอ้ภูคลานขึ้นมาแทรกกลางระหว่างผมกับพี่ที เฮ้! กูมาก่อนนะเว้ย มาแทรกแบบนี้ได้ไงไอ้น่าเกลียด!
“ไม่โว้ย! กูขึ้นมาก่อน กูจะนอนติดกับพี่ที มึงไปนอนอีกฝั่งเลย” ไม่พูดเปล่ารีบขยับตัวไปชิดกันไอ้ภูเข้ามาแทรกกลาง
“ไม่เหยิบใช่ป่ะ?”
“ไม่โว้ยยย มาก่อนได้ก่อน เหวออออ! ไอ้ชั่วภูหยุดนะโว้ยยย” ผมร้องเสียงหลงเมื่อไอ้ภูมันคว้าข้อเท้าผมลากลงจากเตียง ผมนี่ถึงกับตกใจตะเกียกตะกายคว้าผ้าห่มลากตามมาด้วยเลย
ตุ๊บบบ!!
โอ๊ย! เจ็บตูด ดีนะที่มีพรมไม่งั้นคงกระแทกแรงกว่านี้
“หึ เสร็จกู” ไอ้ภูล้มตัวลงนอนแทนที่ผม หน็อยแน่ คิดว่าผมจะยอมหรอ ไม่มีทาง!!
จากนั้นผมกับไอ้ภูก็ผลัดกันลากอีกฝ่ายลงจากเตียง ลากกันไปลากกันมาก็ฟัดกันอยู่บนพื้นเนี่ยแหละ นานแล้วนะที่ไม่ได้ก่อศึกแย่งชิงอะไรกันแบบนี้จะว่าไปก็สนุกดีแฮะ เหอๆ ๆ
“อือ…หนาว ”
เสียงครางของคนบนเตียงทำให้พวกผมต้องหยุดชะงัก พี่ทีกำลังนอนขดตัวเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ต้องการความอบอุ่น ผมกับไอ้ภูมองหน้ากันแล้วสงบศึกโดยอัตโนมัติ เราช่วยกันเช็ดตัวพี่ทีอีกรอบจากนั้นก็อุ้มพี่ทีไปอยู่กลางเตียงแล้วขึ้นไปนอนขนาบคนละด้าน
ที่จริงมันก็ควรจะเป็นแบบนี้แหละ แต่ผมหมั่นไส้ไอ้ภูมันไง เหอะๆ
บอกเลยว่าแอร์ 28 องศาฯ สำหรับพวกเราที่นอนเปิด 16 องศาฯ ทุกวันนี่มันช่างร้อนบรรลัย แต่แค่นี้พี่ทีก็หนาวแล้ว พวกเราเลยได้แต่ต้องทน ผมกับไอ้ภูปกติจะใส่ชุดนอนกันเรียบร้อยแต่วันนี้ไม่ไหวละ ในที่สุดก็ต้องเปลี่ยนจากชุดนอนเป็นบ็อกเซอร์ตัวเดียวแทน เซ็กซี่ไปอีกก
ผมนอนลืมตามองเพดาน คงอีกพักใหญ่ๆ กว่าจะข่มตาหลับลงได้ ถ้าไม่ง่วงมากจริงๆ ผมนอนในที่ร้อนๆ ไม่หลับหรอก
“อือออ..” จู่ๆ พี่ทีก็หมุนตัวเข้ามาซุกที่อกผม หลังจากขยับยุกยิกจนได้ที่ที่น่าจะสบายแล้วก็ส่งเสียงกรนเบาๆ อย่างเป็นสุข
ผมสบตากับไอ้ภูในความมืดที่มองเห็นได้เลือนรางก่อนจะก้มลงไปหอมศีรษะพี่ทีฟอดใหญ่แล้วกอดรวบตัวพี่ทีเข้ามาจมอก
ไอ้ภูทำท่าหงุดหงิด แต่ผมรู้ว่ามันคงไม่มาแงะพี่ทีออกไปหรอกเพราะเดี๋ยวพี่ทีจะตื่น ไอ้ภูถดตัวต่ำลงนอนตะแคงซ้อนหลังพี่ทีจากนั้นก็เอาหน้าซุกซอกคออีกฝ่าย
“อืออออ” พี่ทีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเราสองคน..คงจะรู้สึกอึดอัดล่ะมั้ง นี่พวกผมกำลังรังแกคนป่วยอยู่รึเปล่าวะ แต่พี่ทีขี้หนาวกอดแบบนี้ก็น่าจะดีแล้วไม่ใช่หรอ?
มืออุ่นๆ ของพี่ทีพยายามผลักอกผมออก แต่พอผมไม่ยอมขยับพี่ทีก็เริ่มใช้ศอกดันไอ้ภูที่อยู่ข้างหลังแทน
เรานอนมองพี่ทีพยายามผลักๆ ดิ้นๆ อยู่ครู่หนึ่ง เห็นแล้วน่าสงสารแต่ก็น่ารักดีอ่ะ ชอบจังเวลาพี่ทีป่วยแล้วหนีไปไหนไม่ได้เนี่ยแกล้งสนุ๊กสนุก
(จบบทฟ้าคราม)
แสงยามเช้าส่องลอดหน้าต่างเข้ามาในห้อง ผมค่อยๆ ลืมตาอย่างงัวเงีย ว่าจะขยับตัวบิดขี้เกียจ แต่ก็ขยับไม่ได้อย่างที่ต้องการ
ผมขมวดคิ้วผงกหัวขึ้นกวาดตามองว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะต้องผงะที่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นไส้แสนวิชไปซะแล้ว แถมยังรู้สึกถึงอะไรแข็งๆ ที่มันทิ่มหน้าทิ่มหลังอีกต่างหาก เอิ่ม…แซนด์วิชอันนี้คุ้มจังให้ไส้กรอกตั้งสองชิ้น…บ้า! ไม่ใช่แล้ว!! +///+