- 29 -
ท่ามกลางการประชุมที่ตึงเครียด เสียงโต้เถียงกันถึงประเด็นของหัวข้องานต่างๆดังขึ้นเป็นเสียงซาว แต่ผมในฐานนะผู้บริหารหน้าใหม่กลับทำได้เพียงแค่ทอดสายตามองออกไปที่นอกหน้าต่าง ผมไม่สนใจว่าบทสรุปของการประชุมจะเป็นเช่นไร ผมไม่สนเพราะผมไม่ได้เลือกที่จะมานั่งที่นี่ด้วยความเต็มใจของผมเอง ผมมานั่งเสียเวลาอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่ผมควรจะเอาเวลาอันมีค่าของผมใช้ตามหาใครบางคนใครบางคนที่ผมรักมากที่สุด เกือบจะหนึ่งเดือนเต็มๆที่ผมไม่ได้เจอหน้าภู ไม่ได้ยินเสียง หรือแม้แต่ข่าวคราวผมก็ไม่เคยได้ยิน ผมคิดถึงภูเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรภูถึงเดินจากผมไป ทั้งๆที่วันนั้นเราก็ไม่ได้ทะเลาะหรือผิดใจอะไรกัน ผมกลับมาหาภูอีกที่ที่โรงพยาบาลหลังจากเคลียร์เรื่องระหว่างยูกับผมเสร็จ ผมก็รีบกลับมาทันที แต่ทางโรงพยาบาลกลับบอกว่าภูย้ายศพพ่อไปที่วัดแล้ว และก็ไม่ได้บอกด้วยว่าย้ายไปที่วัดไหน ผมกระวนกระวายทำอะไรไม่ถูก แค่นึกว่าวินาทีนั้นภูจะต้องเศร้าและเสียใจแค่ไหน ผมก็ยิ่งนึกโกรธตัวเองที่ไม่ได้อยู่ข้างภูในตอนนั้น
ผมพยายามโทรหาแต่ภูก็ไม่ยอมรับ ฝากข้อความส่งไลน์ไปให้วันละเป็นร้อยๆรอบ แต่ก็ไม่เคยเปิดอ่านหรือมีการตอบรับกลับมาให้ผมเลย ผมไม่รู้ว่าผมต้องทำยังไง ผมกำลังจะบ้าตาย ผมเกลียดความรู้สึกแบบนี้ แต่ผมก็เลิกที่จะตามหาภูไม่ได้
ผมไปรอภูที่หน้าบ้านทุกวัน ไปหาที่คณะ เจอเกด เกดก็ไม่ยอมพูดอะไรให้ผมฟัง สุดท้ายผมก็ต้องไปขอความช่วยเหลือไอเขต แต่ผลออกมาก็เหมือนเดิม ไม่มีใครยอมพูดอะไรเกี่ยวกับภูให้ผมรู้เลย จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปเป็นเดือน ซอยหน้าบ้านภูที่ผมไปดักรออยู่ทุกวัน แม้ผมจะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าตัวย้ายออกไปแล้ว แต่ผมก็หวังว่าซักวันนึงผมจะเจอภูอยู่ที่นี่ ผมยังคงไปรอทุกวันด้วยความหวังเพียงน้อยนิดของผม
"คุณภีมคะ มีความเห็นยังไงการเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทเราคะ”
"คุณภีมคะ”
"คุณภีม”
"เอาตามที่เห็นว่างานเปิดตัวสินค้าจะไม่เจ้งแล้วกัน แค่นี้ใช่ไหมเสียเวลา!!!”
ผมพูดจบก็ลุกจากเก้าอี้เดินออกไปยังนอกห้องประชุมทันทีโดยไม่สนใจสายตาคู่ไหนทั้งนั้นที่จ้องมามาที่ผม ผมบอกแล้วใช่ไหมว่านี่ไม่ใช่ทางที่ผมเป็นคนเลือก เพราะฉะนั้นไม่ว่างานเปิดตัวจะเจ้งไม่เป็นท่าหรืออะไรผมก็จะไม่สนใจทั้งสิ้น สิ่งที่ผมควรจะสนใจตอนนี้คือ ตามหาภูให้เจอ
"ไอท๊อปนักสืบคนที่มึงติดต่อให้กู ได้เรื่องไปถึงไหนแล้ว ไหนมึงบอกว่าใช้เวลาไม่กี่วันก็เจอไง นี่มันจะเดือนแล้วนะ มึงจะให้กูรอไปถึงไหน!!!”
ผมกดโทรศัพท์ไปหาไอท๊อปทันทีที่กลับมาถึงห้องทำงาน ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้พลางขยับไทค์ให้หลวม ผมรู้สึกร้อนและหงุดหงิดกับอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าผมจะมองอะไรจะทำอะไรทุกเรื่องก็กลายเป็นน่ารำคาญไปซะหมด ผมเป็นเอามากใช่ไหมครับ ผมเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่วันที่ภูหายไปจากชีวิตผม
"ใจเย็นดิวะ กูก็เร่งให้อยู่ทุกวันเนี่ย แต่มันยังไม่ได้เรื่องแล้วจะให้กูทำยังไงวะ”
ปลายสายตอบกลับมาอย่างเหนื่อยใจ ผมรู้ว่าผมสร้างความรำคาญให้มันพอสมควร แต่จะให้ผมทำยังไง ช่วยกันตามหาหลายๆคนก็ดีกว่าผมคนเดียวหาไม่ใช่หรอ ถ้ามันจะรำคาญและบ่นใส่ผมบ้างก็คงไม่ผิด
"จ่ายเงินค่าเสียเวลาแล้วเปลี่ยนนักสืบคนใหม่ซะ กูรอต่อไปไม่ได้แล้ว”
"เฮ้อ เออ รับทราบครับคุณชาย มึงผ่อนคลายตัวเองบ้างซิวะไอห่า ใจเย็นๆค่อยๆคิดมากกว่านี้ได้ไหม กูรู้มึงอยากได้น้องเขากลับมาเร็วๆ แต่ถ้าน้องกลับมาแล้วมึงยังมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง โมโหร้ายแบบนี้ น้องเขาจะอยากอยู่กับมึงหรือไง ในระหว่างที่มึงรอ ทำไมมึงไม่คิดเปลี่ยนตัวเองเพื่อน้องเขาด้วยเลยวะ รักก็ต้องเปลี่ยนได้ซิ นี่กูว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของมึงแล้วนะ แต่ยิ่งเห็นมึงกูยิ่งหงุดหงิด”
ผมฟังคำปรามของไอท็อปเงียบๆ ไม่ได้เถียงแต่ก็ไม่ได้ยอมรับในคำพูดมันมากนัก พอมันบ่นเสร็จผมก็ตัดสายทิ้ง นั่งเยียดขาอย่างผ่อนคลายพาดบนโต๊ะทำงานของตัวเองเงียบๆ
"ภูถึงพี่จะไม่รู้ว่าภูอยู่ที่ไหน และกำลังทำอะไร แต่พี่หวังนะครับว่าภูจะสบายดี พี่คิดถึงภูเหลือเกิน คิดถึง คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”
ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงแล้วขังตัวเองให้อยู่ในโลกของความฝัน บางครั้งบางวันและบางคืนผมแทบที่จะไม่อยากออกมาจากโลกใบนั้นเลย โลกใบนั้นทำให้ผมได้เจอภูเกือบทุกวัน ได้เห็นเรื่องราวต่างๆที่ผ่านจากความฝัน มีทั้งเรื่องที่ดีและแย่ป่นกันไป บางภาพของความทรงจำ เมื่อผมได้เห็นมันอีกครั้งผมก็อยากจะกลับไปแก้ไข ผมตื่นขึ้นมาในทุกเช้าพร้อมกับความคิดที่ว่า ถ้าผมรู้ว่าผมจะรักภูมากขนาดนี้ ผมจะทำดีกับภูให้มากๆ ผมตื่นมาพร้อมกับความคิดแบบนี้ทุกวัน ผมเหนื่อยแต่ก็ยอมแพ้ไม่ได้ ผมจะทำทุกอย่าง ทุกอย่างเลยจริงๆขอแค่ได้เห็นภูอีกครั้ง ไม่ว่าอะไรผมก็จะยอมแลกทั้งนั้นแม้แต่ศักดิ์ศรีและความเป็นคนของผม
ปึง!!!!!!
"แกจะทำตัวแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กันภีม ฉันให้แกเข้ามาพัฒนาบริษัทนะไม่ได้ให้แกมานั่งหายใจทิ้งไปวันๆแบบนี้”
ผมรับรู้ทุกอย่างตั้งแต่เสียงประตูเปิดจนถึงเสียงฝีเท้าที่เดินผ่านประตูห้องทำงานผมเข้ามา แต่ผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเจอกับอะไรทั้งนั้น ผมเลยเลือกที่จะปิดตาและนั่งอยู่ในท่าเดิมโดยไม่สนใจแม้ว่าคนที่เดินเข้ามาแว้ดๆใส่ผมนั้นจะเป็นพ่อของผมก็ตาม
"ออกไปก่อนได้ไหมครับภีมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยอะไรกับใครได้จริงๆ”
"นี่แกไล่พ่อหรอเจ้าภีม แกกล้าดียังไงมาไล่พ่อตัวเองแบบนี้!!!!”
"ผมขอร้องแค่ตอนนี้ได้ไหมครับ”
"แกเป็นอะไรของแก มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
"พ่อครับขอภีมอยู่คนเดียว ได้ไหมครับขอร้อง แล้วหลังจากนี้ถ้าพ่อจะด่าจะว่าอะไรภีมจะรับฟังอย่างดี แต่แค่ตอนนี้ปล่อยภีมไปก่อนไม่ได้หรอครับ”
เปลือกตาผมทั้งสองข้างยังคงปิดสนิทเหมือนเดิม ผมคิดว่าผมหลับตาแน่นแล้ว แต่ทำไมน้ำตามันถึงไหลผ่านหางตาคู่นี้ของผมได้
"ภีม!!ลูก โอเคพ่อเข้าใจแล้ว พ่อจะออกไปก่อน พ่อจะออกไป พักผ่อนนะดีขึ้นแล้วโทรหาพ่อด้วย”
หลังจากที่พ่อเดินออกจากห้องไป ผมก็ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาในที่สุด ที่ผ่านมาผมพยายามจะกดความรู้สึก กดน้ำตาแห่งความเสียใจนี้ไม่ให้มันไหลออกมาตลอด ผมไม่อยากดูเหมือนคนขี้แพ้ เพราะผมเชื่อว่าผมยังมีความหวังเรื่องของภูอยู่
ถึงผมจะไม่รู้ว่าความหวังของผมมันมีทางจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ผมก็เลือกที่จะรอ ผมจะรอวันที่ภูกลับมายืนอยู่ข้างผมอีกครั้ง พี่จะรอเรานะภู พี่จะรอ
สองวันต่อมาหลังจากวันที่ผมเดินออกจากห้องประชุมมาดื้อๆ โดยที่ไม่ได้ฟังรายละเอียดของงานอย่างถี่ถ้วนนัก เป็นเหตุให้วันนี้ผมก็ต้องเดินกลับเข้ามานั่งในที่ประชุมอีกครั้งเพื่อฟังรายละเอียดงานอย่างจริงจัง
"เมื่อครั้งที่แล้วเรามีการพูดถึงเรื่องเปิดตัวสินค้าใหม่ และคอนเซปของงาน ซึ่งเราได้คอนเซปและรูปแบบของงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวอย่างรูปแบบงาน และคอนเซปเราจัดทำแฮนเอ้าท์ไว้ที่ด้านหน้าของทุกท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วคะ เชิญรับชมไปพร้อมกันนะคะ”
“สำหรับสถานที่จัดงาน เราเซ็ทให้โรงแรมในเครือบริษัทของเราเป็นสถานที่จัดงานคะ อันนี้ท่านประทานใหญ่ฝากมาเพราะท่านอยากให้เราทำการโปรโมทโรงแรมของเครือบริษัทเราไปด้วย”
"โรงแรมในเครือเรามีตั้งหลายที่ท่านประทานได้บอกหรือเปล่าครับว่าที่ไหน”
เป็นคำถามที่ดี อันนี้ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ผมอยากรู้ว่าแม่จะใช้โรงแรมไหนเป็นสถานที่เปิดตัวสินค้า เพราะบริษัทเรามีโรงแรมในเครืออยู่ตั้งเกือบสิบจังหวัด จนบางครั้งผมอดสงสัยไม่ได้ว่าธุรกิจไหนกันแน่ของครอบครัวผมที่เป็นธุรกิจหลัก เวชสำอางหรือโรงแรม
"โรงแรมที่เชียงใหม่คะ กำหนดงานคืออาทิตย์หน้า ส่วนรายละเอียดและกำหนดการต่างๆทางดิฉันได้ส่งเข้าเมลทุกคนแล้ว มีใครมีคำถามเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีงั้นรายงานการประชุมในส่วนของดิฉันคงมีเรื่องแจ้งให้ทราบเพียงเท่านี้”
จบการประชุม ผมเดินกลับเข้ามาในห้องเพื่อเช็ครายละเอียดต่างๆของงาน และก็เคลียร์เอกสารเก่าๆที่ทำค้างไว้ งานเปิดตัวสินค้าที่จะถึงนี้เป็นงานใหญ่ไม่ใช่น้อย สังเกตได้จากตัวเลขในรายงานงบประมาณ นี่ขนาดไม่รวมค่าสถานที่ตัวเลขยังสูงขนาดนี้ แล้วถ้าหากเพิ่มค่าสถานที่จัดงานเข้าไปจะเป็นยังไงนะ ผมนั่งดูรายละเอียดของงานจากเอกสารที่ได้รับมาอย่างคราวๆ ดูกำหนดการตารางงานต่างๆ ทำการนัดแนะตารางงานกับคุณเรยา ผมกะว่าหลังจากจบงานเปิดตัว ผมจะอยู่เที่ยวที่เชียงใหม่อีกซักสามสี่วัน เลยให้คุณเรยาช่วยเคลียร์ตารางงานให้ หลังจากที่เราคุยกันเรื่องงานเสร็จ ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมกลับมาถึงก็อาบน้ำอาบท่าแล้วมานั่งรอโทรศัพท์อยู่ที่หน้าทีวี รอรับรายงานความคืบหน้าเรื่องของภูที่ผมจ้างนักสืบคนใหม่ให้ช่วยสืบให้ ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะได้เรื่องหรือเปล่า ผมนั่งรอโทรศัพท์อยู่เกือบชั่วโมง สายที่ผมรอคอยก็โทรเข้ามา
"ว่าไงได้เรื่องอะไรบ้าง”
กดรับได้ผมก็เป็นฝ่ายออกปากถามทันที ปลายสายเงียบไปพักเหมือนกำลังเช็คข้อมูลอะไรซักอย่าง เพราะตลอดเวลาที่ผมถือสายรอ ผมจะได้ยินเสียงคนคุยกันเบาๆและเสียงเคาะแป้นพิมพ์ นั่นยิ่งทำให้คนรออย่างผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมีความหวัง
"ดูเหมือนว่าเราเจอตัวคุณภูแล้วครับ”
-------------------------------------------
มาต่อแล้วจ้า Comment เป็นกำลังใจให้ด้วยเน้อ