คุณพัชรีชะงักเท้าที่ก้าวขึ้นมาเหยียบบันไดขั้นบนสุดเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า เธอกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเหลือบมองลูกชายที่เดินตามมาเบื้องหลัง…และ…จักรกฤษณ์ก็เห็นอย่างที่เธอเห็นเช่นกัน…
“เอ่อ…ของขวัญกับคุณอธิปสนิทกันดีนะ” คุณพัชรีหันไปกระซิบกระซาบกับลูกชายที่สองมือยังถือถาดขนมไทยหลากชนิด เมื่อเห็นว่าจอมขวัญและอธิปนั่งแพะไหล่พิงหัวกันอยู่กลางเรือน
…มันก็ใช่…ที่ไม่ได้ดูรุ่มร่าม เพราะจอมขวัญเพิ่งผ่านภาวะครึ่งผีครึ่งคนมาหมาดๆ ก็ต้องมีปลอบใจกันเป็นธรรมดา แต่ทำไมพอคุณพัชรีมาเห็น ‘การปลอบใจ’ ของสองคนนี้แล้ว กลับรู้สึกว่ามันเสียวๆในใจอย่างไรชอบกล
“สนิทกันมากด้วยแม่ ไปกินข้าวกันทุกเที่ยง แล้วก่อนหน้านี้มันก็ไปค้างบ้านคุณอธิปมาด้วยไม่ใช่เหรอ แถมเรื่องที่มันไปหาอีฟก็คุณอธิปเป็นคนเอะใจ เป็นมิตรภาพลูกผู้ชายที่แยบยลแบบที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน” จักรกฤษณ์กระซิบตอบ
“มิตรภาพลูกผู้ชาย?”
“หรือแม่…คิดว่าเป็นอย่างอื่นล่ะ”
“เอ…ไม่รู้สิ…เอ่อ…จักร…แม่ว่าฉากแบบนี้แม่เห็นบ่อยๆในละครนะ แต่มัน…มันต้องเป็นพระเอกกับนางเอก แต่…เอ่อ…” ชายหนุ่มหันกลับไปมองภาพน้องชายนั่งชิดกับอธิปอีกครั้ง เขาแอบเห็นมือของสองคนนั่นจับกันอีกต่างหาก
…มิตรภาพลูกผู้ชายที่แยบยลจริงๆ…
…พับผ่า! ตั้งแต่เกิดมาจักรกฤษณ์มีเพื่อนผู้ชายมากหน้าหลายตา แต่ไม่เคยจับมือกับเพื่อนผู้ชายคนไหนได้แบบที่จอมขวัญกับอธิปกำลังจับกันอยู่นั่นเลย…
…มือของจอมขวัญสองมือแทบจะกำมือของอธิปอยู่แล้ว…มันเป็นการจับมือที่แลดู ‘ร้อนอบอ้าว’ สุดๆ แต่…อธิปก็ยินยอมเสียอย่างนั้น…
“แล้วแม่ว่าใครเป็นพระเอก ใครเป็นนางเอกล่ะ” ว่าแล้วก็โบ้ยไปที่จอมขวัญและอธิปที่ยังไม่รับรู้การมาของพวกเขาสองแม่ลูก คุณพัชรีเงียบไปอึดใจนึง ก่อนจะส่ายหน้าไปมา แล้วจึงหันมาทางลูกชายอีกครั้ง
“แล้วจักรคิดว่าไง?”
จักรกฤษณ์ วิมลกิตติเงียบ ก่อนจะถอนหายใจแผ่วแล้วจึงยอมเอ่ยปาก
“ผมว่า…เรามีสิทธิ์ได้เป็น ‘ญาตินางเอก’ นะแม่”
คุณพัชรีใจหายวูบ ยกมือขึ้นทาบหน้าอกแล้วพ่นลมหายใจออกจากปาก
…. ‘ญาตินางเอก’…
…โอยยยย เธอจะเป็นลม!...
………………….
ตั้งแต่วันที่รู้ตัวว่าตนเองอาจจะได้เป็น ‘ญาตินางเอก’ นั้น ก็ทำเอาคุณพัชรีชักจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ วันๆหมกมุ่นอยู่แต่กับหนังสือเรื่องย่อละครดังหลังข่าวก่อนข่าวที่ซื้อมาเก็บสะสมไว้เนิ่นนานจนรกบ้าน แต่ช่วงนี้เห็นจะมีประโยชน์เป็นพิเศษ เพราะคุณพัชรีเอาออกมาอ่านทุกวันเพื่อหาว่ามีสักเรื่องไหมที่พระเอกและเพื่อนพระเอกมีมิตรภาพอันดีเยี่ยมต่อกันอย่างที่อธิปและจอมขวัญมี
…อย่างน้อย จะได้เอาเป็นหลักฐานให้ลูกชายตัวเองดูว่าทั้งอธิปและจอมขวัญไม่ได้ขยับขั้นจากพระเอกและเพื่อนพระเอกมาเป็นพระเอกนางเอกในชีวิตจริงเสียเอง!!
“ป้ารี อ่านอีกแล้วเหรอ” เสียงของหลานชายทำให้คุณพัชรีต้องเงยหน้ามอง แล้วก็พาลเป็นชะงักเมื่อเห็นว่าวันนี้จอมขวัญไม่ได้กลับบ้านมาเพียงลำพังแต่มีพระเอก เอ๊ย! อธิปมาด้วย!!
“สวัสดีครับ” ร่างสูงที่ยืนอยู่เบื้องหลังจอมขวัญยกมือไหว้เธออย่างรู้มารยาท ครั้นคุณพัชรีจะทำตัวไม่มีมารยาทเมินหน้าหนีก็ใช่ที่ เลยต้องยิ้มเก้อๆแล้วยกมือรับไหว้
“ลุงชัยให้พี่โตมาเลือกโป๊ยเซียนน่ะป้ารี ไม่รู้งานนี้นึกยังไงใจป้ำจะแจกโป๊ยเซียนสุดที่รัก” จอมขวัญเอ่ยปากถึงสาเหตุที่วันนี้ตนเองมีชายหนุ่มอีกคนกลับบ้านมาด้วย
“…เดี๋ยวลุงชัยตามมา กำลังดุลูกน้องที่ชื่อจักรกฤษณ์อยู่” ว่าแล้วจอมขวัญก็ยิ้มกว้างเมื่อคิดถึงเรื่องที่วันนี้พี่ชายตัวเองถูกดุเพราะดันลงไปนั่งในล็อบบี้ทั้งๆที่ไม่ใช่เวลาพัก แถมยังมีปากเสียงกับลูกค้าเล็กน้อย…คุณชัยก็เลยเรียกไปอบรมเป็นการใหญ่
ร่างโปร่งหันมาทางอธิป “พี่โตนั่งรอแปบนึง เดี๋ยวขวัญไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วจะพาไปดูโป๊ยเซียน” เขาว่าอย่างนั้นก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าห้องไป ทิ้งอธิปเอาไว้กับคุณพัชรีที่เริ่มกระวนกระวาย
“เอ่อ…นั่ง…นั่งก่อนจ้ะ เต็ม ลงไปเอาน้ำกับขนมขึ้นมาให้ที” สาวใช้วิ่งลงจากเรือนไปแล้ว คุณพัชรีเลยหันมาทางชายหนุ่มที่ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นยกกลางเรือนร่วมกับเธอ
“โต…แวะไปที่โรงแรมมาหรือจ๊ะ”
“ครับ ไปดูห้องจัดเลี้ยงที่จะใช้เปิดตัวโครงการน่ะครับ แล้วพอดีเจอคุณชัย ก็เลยคุยเรื่องต้นไม้กันนิดหน่อย คุณชัยยังเล่าเรื่องที่…เอ่อ…ของขวัญตอนเด็กๆที่แอบตัดดอกโป๊ยเซียนให้ฟังเลยครับ” ว่าแล้วอธิปก็ยิ้มด้วยความเอ็นดูจอมซนมือบอนรายนั้น
รอยยิ้มบางบนใบหน้าคมเข้มนั้นเอ็นดูหลานชายคุณพัชรีอย่างออกนอกหน้าจนหญิงวัยปลายชักจะใจแป้ว ตัดสินใจรีบกู้สถานการณ์โดยด่วนที่สุด!!
“อ๋อ! ใช่ๆ! ของขวัญน่ะ อู้ย! ตั้งแต่เด็กแล้ว มันทั้งซนทั้งห้าว มัน ‘แมน’!!” ว่าแล้วก็เน้นคำว่า แมน มากเป็นพิเศษ
“…นี่นะ ป้าไม่อยากจะนินทาหลานตัวเอง แต่ตอนเด็กน่ะมันแอบตัดดอกไม้ของคุณลุงเอาไปแจกสาวเรื่อย ลูกสาวบ้านข้างๆนี่ได้ดอกไม้จากมันประจำ!” คุณพัชรีได้ทีรีบโกยคะแนนความแมนของหลานชายตัวเองไว้ก่อน เผื่ออธิปจะตัดสินใจใหม่ว่าถ้าหากจะเอาดีทางด้านคบหาผู้ชายแล้วล่ะก็ ไปหาผู้ชายอื่นที่ไม่แมนจะดีเสียกว่า!
“เหรอครับ” อธิปยิ้มอย่างนึกขำเมื่อจินตนาการภาพ ‘เด็กชายของขวัญ’ วิ่งซนไปทั่วเรือน แอบตัดดอกไม้ไปแจกสาวแล้วเขาก็อยากจะมีเครื่องย้อนเวลาเสียจริง
…แม้เวลานี้ ‘เด็กชายของขวัญ’ จะเติบโตขึ้นมาเป็น ‘นายจอมขวัญ’ ที่มีนิสัยร้ายๆฝังอยู่ในตัว แต่เขาก็เชื่อว่าถ้าจอมขวัญพยายาม ในไม่ช้า ‘ความชั่วร้าย’ เหล่านั้นจะถูกจำกัดให้อยู่แต่ในกรอบและไม่มีสิทธิ์ออกมาโลดแล่นอย่างที่เคยเกิด
…เขาเชื่อ…จอมขวัญต้องทำได้…
“ของขวัญน่ะเจ้าชู้มาแต่เด็กแล้วล่ะ! ตอนก่อนจะมาเจอหนูน้ำก็คบหา ‘ผู้หญิง’ ทั้งนั้นเลย!...” คุณพัชรีกำลังจะเริ่มวีรกรรมทำเพื่อหลาน แต่ติดที่เจ้าหลานชายตัวดีกลับเดินออกจากห้องมาเสียก่อน
“ป้ารี นินทาอะไร”
“ก็นินทาว่าหลานชายตัวแสบเจ้าชู้แค่ไหนน่ะสิ” จอมขวัญหัวเราะร่วน แม้เรื่องราวที่ทำเอาไว้กับอัญญิกายังใหม่และสด แต่เขาก็พยายามยิ้มและหัวเราะให้ได้
…พยายาม…เพื่อลุงและป้า
…พยายาม…เพื่อพี่จักร
…พยายาม…เพื่อตัวเขาและพี่โต
จอมขวัญหวังว่าวันหนึ่ง อดีตร้ายๆของเขาจะกลายเป็นแผลตกสะเก็ดเสียที เขายินดีให้มันเป็นแผลเป็น เผื่อว่าเมื่อมองย้อนกลับมา เขาจะได้มีมันเอาไว้เตือนสติตัวเอง เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ให้กับชีวิตของเขาและคนรอบข้าง
“เจ้าชู้แค่เปลือกนอกหรอก จริงๆแล้วรักป้ารีคนเดียว” ว่าแล้วจอมขวัญก็เข้าไปกอดเอวอวบๆของคุณพัชรี ทำเอาคนเป็นป้าหน้าบานเป็นจานกระด้ง เคลิบเคลิ้มเพราะหลานชายบอกรักและออดอ้อนราวกับเด็กตัวน้อยๆ
“…อ่ะ! จริงด้วย ต้องพาพี่โตไปดูโป๊ยเซียนก่อน ลุงชัยสั่งไว้ เดี๋ยวกลับมานะป้ารี” และในจังหวะที่คุณพัชรียังเคลิ้ม เจ้าหลานชายที่รักก็ดันลุกพรวด ก่อนจะพาอธิปลงจากเรือนไปทั้งๆที่หญิงร่างอวบตามไม่ทัน และกว่าจะรู้ตัว แผ่นหลังของสองหนุ่มก็หายลับลงเรือนไปแล้ว
…………………..
อธิปเดินตามร่างโปร่งผู้เป็นหลานชายเจ้าของบ้านลงจากเรือนอ้อมไปทางด้านหลัง ก่อนจะถึงสวนมีโรงเรือนไม่เล็กนักปลูกไว้ มองจากข้างนอกก็พอจะเห็นว่าข้างในมีไม้ดอกมากมายเพียงใด
“นั่นน่ะเขตหวงห้ามเลย ตอนเด็กๆมีชื่อขวัญติดอยู่ข้างประตูว่าห้ามเด็กชายของขวัญเข้าด้วยล่ะ” เจ้าตัวหันมาพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส อธิปหัวเราะเบาๆ แล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในโรงเรือนก่อนจะตรงดิ่งไปยังชั้นวางกระถางต้นโป๊ยเซียนที่มีเรียงรายชูดอกสีสันสดใสหลากหลาย
“ไม่ได้เข้ามานานแล้วเหมือนกันแฮะ ต้นโป๊ยเซียนลุงเยอะขึ้นนะเนี่ย” จอมขวัญเอ่ยปาก
เขาจำไม่ได้แล้วว่าเข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ อาจจะเป็นตั้งแต่เมื่อตอนก่อนไปเมืองนอกเสียอีก เพราะพอกลับมา เขาก็ใช้ชีวิตแบบทำงานเช้า กลับมาตอนเย็นก็แค่กินข้าวกับลุงและป้าพร้อมด้วยพี่ชาย พอค่ำก็ออกไปกินดื่มตามประสา แล้วพอมาเจอน้ำทิพย์ เขาก็ทุ่มทั้งหัวใจให้ผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียว
…จน…เขาลืมไปด้วยซ้ำ ว่ารากเหง้าของเขาอยู่ที่เรือนไทยหลังนี้ ความสบายอกสบายใจอยู่ที่เรือนไทยหลังนี้…เขาไม่โทษน้ำทิพย์ แต่เป็นเพราะตัวเองเป็นพวกมุ่งมั่นกับสิ่งที่ติดใจมากเกินไป รักแรง โกรธแรง แค้นแรง…จนขาดสติ
“ของขวัญ…เป็นอะไรไป” เสียงทุ้มดังถาม ทำเอาจอมขวัญต้องหันมองแล้วยิ้มบาง
“คิดเรื่องเก่าๆ ขวัญคิดว่าตัวเอง…มาที่นี่ครั้งหลังสุดเมื่อตอนก่อนไปเมืองนอกซะอีกนะ ทั้งๆที่อยู่ในเขตบ้านแท้ๆ แต่ไม่ได้มาเหยียบมันนานมากแล้ว…”
“หลังจากนี้ก็มาบ่อยๆสิ แล้วอย่ามือบอนไปตัดดอกไม้เหมือนสมัยเด็กๆล่ะ” จอมขวัญหัวเราะเบาๆ ก่อนจะรับปาก
“ไม่ตัดแล้วครับ จากนี้ไปจะไม่ทำร้ายชีวิตใครอีกแล้ว…” ใบหน้าขาวสลดลงยามคิดถึงความผิดที่ตัวเองก่อ เรื่องของอัญญิกา ป่านนี้เขาไม่รู้ว่าเป็นไปในทิศทางใดแล้ว จอมขวัญไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไร รู้แค่ว่าคุณพัชรีสั่งเด็ดขาดว่าห้ามเขาและจักรกฤษณ์ทำอะไรผู้หญิงคนนั้นอีก…คุณพัชรีจะเป็นคนจัดการเอง…
…เขาไม่รู้ว่าป้าไปจัดการยังไง จัดการแล้วหรือยัง…แล้วตอนนี้อัญญิกาอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่…เขาไม่รู้เลย…
“พี่เชื่อว่าของขวัญจะต้องทำได้ พรุ่งนี้…ไปหาหมอใช่ไหม”
“ครับ”
หลังจากเรื่องอัญญิกา คุณพัชรีกลายเป็นตัวตั้งตัวตีพาหลานชายเพียงคนเดียวไปพบจิตแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องควบคุมอารมณ์ นอกจากนั้นยังพาจอมขวัญไปทำบุญสลับกับไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้ๆแทบทุกเช้าโดยมีจักรกฤษณ์และคุณชัยเป็นคู่หู
“…ขวัญคงไม่ได้อยู่ดูแลงานของพี่ แต่เดี๋ยวจะฝากให้พี่จักรลงมาช่วย” พรุ่งนี้อธิปมีกำหนดเปิดตัวโครงการในบริษัทที่จ้างให้โรงแรมวิมาลาช่วยจัดการเรื่องห้องจัดเลี้ยงให้ แต่เขาอยู่ดูความเรียบร้อยไม่ได้เพราะมีนัดหมอ
จอมขวัญมองใบหน้าคมเข้ม เขาเห็นแววประหลาดในดวงตาคู่นั้นของอธิปก็นึกรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร
“มองขวัญแบบนี้ แสดงว่าอยากไปด้วยล่ะสิ” ร่างสูงอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะโคลงศีรษะไปมา ที่อีกฝ่ายมองเขาออก
จอมขวัญหัวเราะน้อยๆก่อนจะแย้ง “ไปหาหมอไม่มีอะไรน่าสนุกหรอก”
“พี่ไม่ได้อยากไปสนุก พี่แค่อยากไปกับของขวัญ อยากรู้ว่าหมอที่เขาดูแลของขวัญเป็นใคร เขาบอกอะไรบ้าง ให้คำแนะนำอะไรบ้าง…พี่…แค่อยากมีส่วนร่วมในชีวิตของของขวัญมากกว่านี้ พี่โลภใช่มั้ย”
น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนยังคงดังอยู่ข้างหู จอมขวัญมองดวงตาคมดุที่บัดนี้มันทอดแววหวานและเต็มไปด้วยกำลังใจอย่างที่ทำเอาหัวใจพองฟูเต็มอก เขาไม่อาจแม้แต่จะละสายตาออกจากดวงตาคมกริบคู่นั้นได้เลย อธิปทำให้เขาเชื่อมั่น ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เพราะการกระทำ…การกระทำที่วันนี้อธิปยังเคียงข้างเขา…
ไม่มีอะไรต้องปฏิเสธอีกแล้ว หัวใจของจอมขวัญที่อ่อนล้าและซุกซ่อนอยู่หลังกำแพงสูงตระหง่าน มาบัดนี้…ข้างใจดวงนั้นมีใครอีกคนวางหัวใจลงเคียงข้าง หัวใจที่หนักแน่นและแข็งแกร่งทว่าอ่อนโยนเป็นที่สุด
ใบหน้าของคนทั้งคู่เลื่อนเข้าหากันช้าๆ ก่อนที่ริมฝีปากจะแตะสัมผัสกันแผ่วเบา
จอมขวัญหลับตาลงแล้วรับสัมผัสที่ริมฝีปากอย่างเต็มใจ มันแผ่วเบาราวกับผีเสื้อขยับปีก อบอุ่นและอ่อนโยนราวกับไล้ด้วยขนนกนุ่ม ความรู้สึกในใจเต็มตื้นจนต้องยกมือขึ้นจับแขนแกร่งของอธิปแล้วบีบเพื่อคลายอารมณ์หวามไหว มือขาวบีบแล้วคลายออกเมื่อริมฝีปากอบอุ่นนั้นเคลื่อนออกเล็กน้อย แต่ก็กลับมาขยุ้มแขนเสื้อของร่างสูงใหม่เมื่อความร้อนนั้นเข้าประกบแนบแน่นกับริมฝีปากของเขามากกว่าเดิม
มือหนาร้อนโอบเอวจอมขวัญเข้ามาใกล้ เขาลูบที่บั้นเอวหนักๆขณะบิดริมฝีปากลงจูบซับทุกอณู ปลายลิ้นร้อนไล้เลียเนื้อนุ่มสีช่ำแผ่วเบาราวกับจะเรียกร้องให้เปิดทางแก่เขา เพียงไม่ช้าริมฝีปากของจอมขวัญก็เผยอออกจากกันน้อยๆ ปล่อยให้ลิ้นสากหยัดเข้าไปในโพรงปากอุ่น
“อื้อ…” เสียงครางแผ่วดังออกมาจากลำคอขาวเมื่อมือหนาร้อนที่ลูบบั้นเอวเขาแต่แรกกลับเลื่อนขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลังจนมาถึงท้ายทอยแล้วบิดเบาๆตรงหลังคอให้เขาหันหน้าไปรับสัมผัสของรสจูบร้อนแรงนั่นอย่างถนัดถนี่
เวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่ถึงนาที แต่สำหรับคนสองคนที่กำลังดื่มด่ำกับรสจูบหวานซ่านนั้นราวกับมันเนิ่นนานชั่วกัปชั่วกัลป์ ต่างฝ่ายต่างช่วยกันรุกไล่ แตะสัมผัสกันด้วยปลายลิ้นอย่างวาบหวาม บดเบียดริมฝีปากกันและกันด้วยอารมณ์ถวิลหา ความร้อนผ่าววูบวาบตามเรียวปากนั้นส่งความรู้สึกซาบซ่านลงมายังหัวใจยิ่งทำให้ต้องเบียดริมฝีปากเข้าหากันแนบแน่นขึ้นทุกที…จนกระทั่ง…อธิปเป็นฝ่ายละริมฝีปากออกมาเมื่อร่างกายของจอมขวัญเริ่มเกร็งราวกับขาดอากาศหายใจ
ดวงตาคมยังทอดมองใบหน้าขาวหล่อเหลาที่บัดนี้สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือริมฝีปากได้รูปซึ่งแดงก่ำและบวมเจ่อเพราะรสจูบดื่มด่ำเมื่อครู่นี้
…ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากสัมผัส…
เขาก้มลงจะไปลิ้มลองมันอีกครั้งแต่จอมขวัญกลับเป็นฝ่ายหันหน้าหนีไปอีกทางแล้วเอ่ยปากเสียงอ้อมแอ้ม
“นี่มันในบ้าน…” ไม่ได้ต่อต้าน แต่เพียงแค่เขิน ยิ่งคิดก็ยิ่งเขิน เขาจูบกับอธิปในโรงเรือนของลุงชัย แถมบนเรือนก็มีคุณพัชรีอยู่ ใต้ถุนเรือนก็มีทั้งลุงน้อย ลุงพุด ไหนจะสาวเต็มเด็กรับใช้อีก แค่คิดก็หน้าร้อนวาบด้วยความละอายที่เขาปล่อยให้อารมณ์ครอบงำถึงขั้นนี้
“อ่า…พี่…ขอโทษ…” อธิปเองก็เพิ่งรู้สึกตัว ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาเพราะกลัวว่าสิ่งที่ทำเมื่อครู่จะตกอยู่ในสายตาใคร ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเลยโรงเรือนออกไป ไม่มีใครอยู่เลยสักคน
…โชคดีแล้ว…เขายังคิดไม่ออกว่าถ้าคุณพัชรีรู้เรื่องของหลานสุดที่รักกับเขา คุณพัชรีจะว่าอย่างไร…
“เอ่อ…พี่…พี่โตเลือกเลยแล้วกันว่าจะเอาต้นไหน ลุงชัยบอกให้เลือกตามสบาย เดี๋ยวขวัญจะไปตามลุงพุดมาช่วยยกออกไปให้” ยิ่งยืนต่อไปก็ยิ่งอายหนัก จอมขวัญตัดสินใจจะไปหาบุคคลที่สามมาสักคน เขาหมุนตัวจะเดินออกจากโรงเรือน แต่แขนกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน
“ของขวัญ…พรุ่งนี้…กลับจากหาหมอแล้ว ไปค้างบ้านพี่มั้ย”
ร่างโปร่งนิ่งชะงัก เขาหันขวับกลับมามองด้วยความตกใจ
“ค้าง?...”
“อืม ไปค้างบ้านพี่ได้มั้ย” ไม่มีประโยคบอกความเชื่อมั่นว่า ‘แค่ค้างอย่างเดียว’ เหมือนคราวก่อน จอมขวัญเห็นแววบางอย่างในดวงตาคู่นั้นของอธิป…
…แววบางอย่างที่ทำให้เขาหน้าร้อนซ่านจนต้องเบนสายตาหนีไปทางอื่น แต่ก็หนีดวงตาคมคู่นั้นได้เพียงครู่เดียว เพราะอธิปรั้งแขนเขาเบาๆให้ขยับเข้าไปใกล้ แค่เหลือบตาขึ้นมองก็เห็นใบหน้าคมอยู่เบื้องหน้าแล้ว
จอมขวัญนิ่งงัน หัวใจเต้นถี่รัวราวกับจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนที่ริมฝีปากช่ำชื้นจะตอบแผ่วเบา
“อืม…”
…………………………
“ค้างบ้านโต?!!” คุณพัชรีร้องเสียงหลงอย่างที่ทำเอาหลานชายที่มาขอไป ‘ค้างบ้านพี่โต’ ต้องเหลือบตามองอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เอ่อ…คือ…ขวัญ…” ท่าทางอึกอักของหลานชาย แถมด้วยอาการหลบตาหลีกเลี่ยงยิ่งทำให้เอาคุณพัชรีได้แต่อ้าปากพะงาบๆ
…ตายแล้วหลานของเธอ! มาขอไปค้างบ้านผู้ชายแล้วมาทำท่าทางมีพิรุธแบบนี้ก็พาลเป็นรู้หมดว่าจะไปค้างทำไม?!!!...โอ๊ย!! พูดมาสักคำได้มั้ยว่าแค่ไปค้างเพราะเล่นเกมส์ติดพัน หรืออะไรก็ได้! อย่ามาหลบเลี่ยงสายตากันแบบนี้!...
“คือ…ผมว่าจะลงต้นไม้ใหม่น่ะครับ เลยอยากให้ของขวัญไปช่วย กะว่าค้างวันศุกร์ เช้าวันเสาร์ก็ลงต้นไม้กัน แล้วตอนเย็นจะพามาส่ง” อธิปเป็นคนเปิดปาก ทำเอาคุณพัชรีต้องหันมามอง
…ลงต้นไม้…ลงต้นไม้…เอาล่ะ! เธอจะเชื่อว่าสองคนนี่ไป ‘ค้างเพื่อลงต้นไม้’ จริงๆ!...
“ค้างคืนเดียวใช่มั้ยจ๊ะ”
“ครับ เย็นวันเสาร์ผมจะพากลับมาส่ง ป้ารีสะดวกรึเปล่าครับ”
คุณพัชรีน้ำตาตกในเป็นลิตร อยากบอกว่าไม่สะดวกให้หลานชายไปค้างกับอธิปทุกประการแต่ก็พูดไม่ออก เพราะดูเป็นกระต่ายตื่นตูมมากเกินไป บางทีสองคนนี่อาจจะรักกันอย่างพี่น้อง สนิทกันอย่างลูกผู้ชายก็ได้…ใช่ๆ…ถึงตอนนี้จะยังไม่เจอละครเรื่องไหนที่พระเอกและเพื่อนพระเอกสนิทกันแบบนี้ก็ตามทีเถอะ!
“เปล่าหรอกจ้ะ แต่…แต่…โตอย่าให้ของขวัญ ‘นอนดึก’ นักนะ” เธอเอ่ยปากดักทางไว้ก่อน อย่างน้อยก็ลดโอกาสเสี่ยงกิจกรรมยามค่ำคืนด้วยการรีบนอนแต่หัวค่ำนี่ล่ะ
“แล้วก็…แล้วก็…เอ่อ…ของขวัญต้องใส่เสื้อผ้า ‘หนาๆ’ เลยนะ เดี๋ยวไม่สบายนะลูก” ตามด้วยการสั่งเสียยิ่งกว่าส่งหลานไปเรียนเมืองนอก แล้วเดี๋ยวเธอจะเป็นคนจัดเสื้อผ้าชุดนอนให้จอมขวัญเอง
คนเป็นหลานหันมองป้าตัวเองด้วยความงุนงง
“ป้ารีเป็นอะไรรึเปล่า”
คุณพัชรีได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไม่อยากจะพูดหรอก ว่ากลัว ‘ป้ารี’ คนนี้จะได้เป็น ‘ญาตินางเอก’ ทั้งๆที่มีแต่ลูกชายหลานชายนี่ล่ะ!!!
“ป้า…ป้าไม่เป็นอะไร…”
…ไม่เป็นอะไรจริงๆ…ก็แค่หลานชายสุดที่รัก ‘ไปค้างบ้านพี่โต’ เท่านั้นเอง!!!!…ฮืออออออ!!!…
ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้า)
คิดว่าพาร์ทนี้สองแม่ลูกคุณพัชรีและพี่จักรต้องขโมยซีนเอาไปกินกันอิ่มพุงแหงมๆ
ใครที่รอของขวัญอ้อนพี่โตล่ะก็ รอไปก่อน เนื่องจากพี่โตเขาไวกว่า (มันช่างพระเอกจริงจริ๊งงงงง )
แต่พาร์ทหน้าเนี่ย…แฮ่มๆ…ไม่บอก ไม่สปอยล์ ไม่ใดๆทั้งสิ้น
เพราะยังไม่ได้พิมพ์ ฮ่าฮ่า
หลังจากนี้ มันคงไม่ดาร์คขนาดพาร์ทที่แล้วอีกแล้ว
เพราะบัวปวดหมองมากกกกก นายเอกเราทำแต่ละสิ่งนี่แบบ…ตรงกับชื่อเรื่องมากเกินไปแหละ ฮ่าฮ่า
ป.ล. คนอ่านในเล้าชอบทรงพลกันแน่ๆเลย พาร์ทที่แล้วเม้นท์ถึงทรงพลมากกว่าจอมขวัญอีกมั้ง ฮ่าฮ่า (แต่คาแรกเตอร์แบบลักปิดลักเปิด เดี๋ยวมาเดี๋ยวหายดูลึกลับซับซ้อน บัวก็ชอบนะ )
ขอบคุณสำหรับการอ่าน การติดตาม การคอมเม้นท์ และพื้นที่บอร์ดเช่นเคยนะคะ
เจอกันพฤหัสหน้าจ้ะ