"แก้วนี้ขอดื่มให้กับพ่อลูกคู่ใหม่ที่น่ารักที่สุดในโลก เป็นคุณพ่อของลูกชายอายุ 13 ปีที่อายุน้อยที่สุดและยังหล่อที่สุดด้วย"
"ชมแต่แด๊ด แล้วผมไม่หล่อเหรอ.."
"ใครว่าล่ะ แม็กกี้.. ฉันบรรยายความงามของเธอไม่ถูกต่างหาก รู้แต่ว่ารอให้โตเป็นหนุ่มกว่านี้อีก 3-4 ปี มีหวังได้เป็นเทพบุตรแม็คกิลล์คนที่สองแน่ๆ ดื่มฉลองให้ตัวเองล่วงหน้าได้เลยแม็กกี้.. ดื่ม ทอม.. ดื่ม.."
จิมยกแก้วขึ้นเชียร์และกระดกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ในขณะที่แม็กกี้ก็กระดกแก้วน้ำอัดลมในมือขึ้นดื่มด้วย
ทอมส่ายหน้ากับความโอเวอร์ของจิม หากแต่นับวันเขาก็ยิ่งรู้สึกรักใคร่และหวงแหนชายหนุ่มตรงหน้า อยากครอบครองไว้เป็นเจ้าของ อยากให้อยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่อยากให้จากไปไหน.... อีกเลย
ทอมสะบัดความคิดเห็นแก่ตัวออก วันนี้เป็นวันดีอีกวันหนึ่งในชีวิตของเขา จิมได้พาเขาไปจัดการเรื่องสำคัญที่ค้างคาไว้ โดยที่เขาไม่ได้เป็นฝ่ายทวงถามและนึกว่าจิมลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
จิมจัดการให้เขาได้จดทะเบียนรับแม็กกี้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายได้อย่างเงียบที่สุด จิมเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศเข้าขั้นนักการทูตมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สามารถเคลียร์ทางสะดวกให้เขาได้ทุกเรื่องเสมอ แต่ในวงราชการเขาไม่คิดว่าจิมจะมีเส้นสายหรือรู้จักใครมากนัก จึงรู้สึกทึ่งอย่างมากที่เห็นจิมทักทายเจ้าหน้าที่ในสำนักงานอย่างสนิทสนม ตั้งแต่แผนกสารบรรณยันหน้าห้องผู้อำนวยการเขต
ขณะนั่งรถกลับบ้านจิมบอกเขาว่าเรื่องเรียบร้อยด้วยดีเพราะเลขาหน้าห้องประสานงานให้ทั้งหมด เขาถามว่ารู้จักกับเธอได้ไง จิมบอกหน้าตาเฉยว่าเคยคบหาด้วยเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เล่นเอาเขาเสียอารมณ์นั่งหน้ามุ่ยมาตลอดทาง ทั้งๆ ที่ควรจะอารมณ์ดีแล้วแท้ๆ
"โกรธหรือ ทอม.. แค่เคยคบเฉยๆ น่ะ ยังไม่ได้มีอะไรกันเลย สาบานได้.."
จิมเพิ่งกระซิบบอกตอนถึงบ้าน ยิ่งทำให้ทอมฉุนมากขึ้น
"บอกทำไม ใครสน มีหรือไม่มีก็เรื่องของนาย"
ทอมจ้ำอ้าวขึ้นตึกด้วยสีหน้าไม่จอยนัก จิมก้าวกระเผลกตามมาติดๆ
"ไม่สนจริงอ่ะ แล้วหน้ามุ่ยทำไม วันนี้วันดีไม่ใช่เหรอ.. ยิ้มหน่อยซี.. เดี๋ยวแม็กกี้ก็เข้าใจผิดหรอก นั่นไง.. ลงมาพอดี "
ทอมนึกขึ้นได้ว่าวันนี้วันดีจริงๆ และจิมก็ทำเรื่องดีให้เขาด้วย เขาไม่ควรอารมณ์เสียด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้
“กลับมาแล้วเหรอ.. เรียบร้อยมั้ยฮะ แด๊ดดี้..”
แม็กกี้ร้องถามเสียงใสขณะวิ่งลงบันไดมาฟังข่าวดีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่พอเข้าใกล้และเห็นสีหน้าไม่ค่อยจอยของทอมก็เสียงอ่อยลง
“โอเคมั้ยฮะ แด๊ด.. เรื่องเรียบร้อยใช่มั้ยครับ”
“เสียใจด้วยนะ แม็กกี้.. เราต้องส่งเธอกลับไปอยู่กับพ่อเลี้ยงที่เมืองกาญจน์เหมือนเดิม” จิมชิงหยอกเด็กชายเล่นอย่างนึกสนุกก่อนที่ทอมจะตอบ
แม็กกี้ผวาเฮือกตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะผงะและถอยออกห่าง แค่ชั่วอึดใจน้ำใสก็เอ่อล้นดวงตาสีน้ำทะเลคู่งาม และไหลพรากอาบแก้มพร้อมอาการสะอื้น
ทอมตกใจผวาเข้าสวมกอดในขณะที่จิมยืนยิ้มแห้งๆ อยู่ด้านหลัง ไม่คิดว่าเจ้าหนูจะเชื่อง่ายขนาดนั้น
“ไม่จริงลูก.. คุณจิมล้อเล่นน่ะ ทุกอย่างโอเค.. ลูกได้เป็นเด็กชายแม็คกิลล์อย่างถูกต้องแล้ว”
แม็กกี้สวมกอดทอมแน่น ถึงจะรู้ว่าเป็นเรื่องโกหกก็ยังไม่หยุดสะอื้น จนจิมต้องเข้าไปช่วยปลอบ
“ขอโทษ แม็กกี้.. ฉันล้อเล่นน้า.. อย่าร้องไห้ซีไอ้หนู.. เฮ้!.. วันนี้วันดีนะ ร้องไห้ได้ไง…”
นับเป็นโชคดีของจิมที่ยังบาดเจ็บอยู่และวันนี้เขาได้ทำเรื่องดีให้กับสองพ่อลูกแม็คกิลล์ จึงรอดพ้นจากการถูกรุมสกรัมมาได้...
เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วที่จิมได้กลับมาอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขารัก แต่จิมก็มีความรับผิดชอบในฐานะพ่อของเด็กในท้อง เขาโทรทางไกลถามทุกข์สุขของมาเรียทุกสัปดาห์
"ผมจะกลับอาทิตย์หน้า คุณอยากได้อะไรที่นี่มั้ย มาเรีย.."
บทสนทนาจะเป็นภาษาอังกฤษทุกครั้งที่ทอมอยู่ใกล้ เพื่อให้รับรู้ว่าเขาคุยอะไรกับเธอบ้าง แต่ถึงจะรู้ว่าเป็นการพูดคุยถามทุกข์สุขธรรมดา น้ำเสียงของจิมเวลาพูดคุยกับเธออ่อนโยนและแสดงความห่วงใย จนบางครั้งทอมไม่อยากฟังและลุกหนีไปดื้อๆ
"เป็นอะไรทอม หือ.."
ทอมถูกโอบกอดและกระซิบถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนที่คุยกับเธอ
"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร"
ทอมเบี่ยงตัวออกและลุกหนีทันที จิมบอกกับเธอว่าจะกลับไปโดยไม่บอกให้เขารู้ก่อนได้ยังไง …นึกจะมาก็มา จะไปก็ไป เห็นบ้านแม็คกิลล์เป็นแค่ที่พักแรมหรือไง…
จิมมองตาปริบๆ สีหน้าทอมไม่สบอารมณ์เห็นๆ แต่กลับปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นอะไร
"อารมณ์ไม่ดีที่ฉันคุยกับมาเรียงั้นเหรอ ทำไมล่ะทอม.. อารมณ์เสียเรื่องอะไร ฉันคุยอะไรกับเธอบ้างนายก็ได้ยินนี่นา.."
"เอ๊ะ !.. บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร ทำไมฉันต้องอารมณ์ไม่ดีด้วย จะคุยอะไรกับเธอก็เรื่องของนาย ฉันไม่เกี่ยวและไม่สนใจอยากรู้"
จิมอึ้งไป เขาคุยกับมาเรียต่อหน้าทอมหลายครั้งแล้ว ไม่เคยเห็นทอมหัวเสียอย่างมากก็แค่พูดเหน็บนิดหน่อยว่าเป็นห่วงลูกในท้อง หรือเป็นห่วงแม่ของลูก..
"ต่อไปไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษกับเธอต่อหน้าฉันนะ ฉันไม่ต้องการรู้หรอกว่านายคุยอะไรกับเธอบ้าง เรื่องที่ไม่อยากให้ฉันรู้จะได้ไม่เข้าหูฉันโดยไม่ตั้งใจด้วย"
จิมหน้าเหลอ
"เรื่องอะไร ทอม.. ฉันไม่มีเรื่องที่ต้องปิดนายเลยนะ"
"ใช่.. นายปิดไม่ได้หรอก นายมาเงียบๆ ได้ แต่คงไม่ย่องกลับไปเงียบๆ หรอก"
จิมรู้ทันทีว่าทอมฉุนเขาเรื่องอะไร
"โกรธเรื่องที่ฉันจะกลับบ้านงั้นเหรอ เราคุยกันแล้วนี่ว่าฉันจะกลับไปเยี่ยมเธอสัก 2 อาทิตย์แล้วจะกลับมาอีก.. รอจนเธอใกล้คลอดแล้วค่อยกลับไปใหม่อีกครั้ง"
"คุยกันแล้วไง นายไม่ได้บอกฉันว่าจะกลับเมื่อไร แต่นายบอกเธอว่าจะกลับอาทิตย์หน้า หมายความว่าไง"
จิมเดินเข้าไปสวมกอดแม้อีกฝ่ายพยายามจะขืน แต่ถ้าเขาไม่ปล่อยยังไงก็ดิ้นไม่หลุด
"ถ้าไม่อยากให้กลับฉันไม่กลับก็ได้ รอเธอใกล้คลอดค่อยกลับไปทีเดียวเลย"
"จะบ้าเหรอ.. ฉันไม่ได้ไม่อยากให้นายกลับ แค่โมโหที่นายไม่บอกฉันก่อนที่จะบอกเธอ..ว่าจะกลับอาทิตย์หน้า.." ทอมเสียงอ่อนลง นิสัยเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจของเขามีจิมคนเดียวที่เอาอยู่
"ถ้างั้นก็หายโมโหได้แล้ว ฉันเพิ่งตัดสินใจตอนคุยสายกับเธอเมื่อกี้นี้เอง"
จิมยิ้มให้เทพบุตรแสนรัก ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด สีหน้าบูดบึ้งงอง้ำขนาดไหน ความงามก็ไม่เสื่อมคลายลงเลย
"ฉันไปสองอาทิตย์นะ ทอม.. นายจะเหงาหรือเปล่า อยู่ได้มั้ย"
ทอมหน้าบึ้งหนักเข้าไปอีกเมื่อเจอคำถามไม่สบอารมณ์
"ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ตอนนายเงียบหายไป 5 เดือน ฉันยังอยู่ได้เลย"
จิมหัวเราะนิสัยปากไม่ตรงกับใจของทอม ทำยังไงก็แก้ไม่หาย
"ถ้าอยู่ได้และไม่เหงา งั้นฉันอยู่ยาวรอจนกว่าเธอจะคลอดเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องไปๆ มาๆ "
ทอมฉุนจัด ผลักจิมเซถลาไปหลายก้าว
"ไปเลย… จะไปนานแค่ไหนก็เชิญ จะอยู่จนเธอคลอด อยู่จนลูกนายโต หรือจะไม่กลับมาอีกเลยตลอดชีวิตก็ได้ ฉันไม่แคร์หรอก"
จิมหน้าเครียดชักเหนื่อยใจกับอารมณ์ของทอม ชอบพูดไม่ตรงกับใจ พอกระเซ้าหน่อยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
"หมายความว่าไง ไม่แคร์.. พูดจากใจจริงหรือเปล่า อย่าเอาแต่อารมณ์ได้มั้ยทอม.. หัดมีเหตุผลบ้าง"
เป็นครั้งแรกที่ถูกจิมต่อว่าว่าเจ้าอารมณ์ ทอมโกรธจนต้องแกล้งยืนยันคำพูดที่หลุดปากออกไปเมื่อครู่อย่างหนักแน่น
"จริงซี นานแค่ไหนก็เรื่องของนาย กลับหรือไม่กลับก็ได้ ต่างคนต่างมีครอบครัวจะมาเกาะติดกันเหมือนเดิมได้ไง"
จิมถอนใจเฮือก ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ
"ก็จริงของนาย ต่างคนต่างมีครอบครัว ดีเหมือนกัน งั้นฉันจะอยู่จนกว่าเธอจะคลอดเลย จะได้ช่วยดูแลลูกในท้องเธอด้วย" จิมประชดเข้าให้บ้าง
ทอมน้ำตาแทบร่วง ขบกัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือด ทั้งโกรธและน้อยใจ ในที่สุดจิมก็เผยความรู้สึกในใจออกมา ว่าอยากจะกลับไปอยู่ดูแลเธอกับลูก
"งั้นก็ไปเลย.. ไปเร็วเท่าไรได้ยิ่งดี กลับไปช่วยดูแลลูกที่อยู่ในท้องของผู้หญิงที่อาจจะเป็นเมียนายจริงๆ ในวันข้างหน้าเถอะ ไม่จำเป็นต้องมีนายอยู่ข้างๆ ฉันก็มีชีวิตอยู่ได้.. ไปเลย..ไปให้พ้น… ไม่ต้องกลับมาอีกเลยยิ่งดี.. ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก..”
จิมยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก็หันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก พ้นหลังร่างสูงทอมทรุดลงกับพื้นเหมือนนกปีกหัก น้ำตาร่วงผล็อยเมื่อถูกอีกฝ่ายเมินจากไปจริงๆ
“ฮึก..” ทอมสะอื้นไห้ เกลียดความอ่อนแอของตัวเอง
…ไปซะได้ก็ดี ความเป็นลูกผู้ชายของฉันจะได้กลับคืนมาซะที นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเสียน้ำตาให้กับความรู้สึกบ้าๆ ที่มีให้นาย… ฉันจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เป็นเทพบุตรที่ผู้หญิงทุกคนต้องเหลียวหลังมอง ฉันไม่มีวันมานั่งเสียใจกับการจากไปของนายหรอก จิมมี่….
จิมยิ้มอ่อนโยนกับภาพที่เห็นตรงหน้า เทพบุตรสุดรักของเขานั่งชันเข่าซบหน้ากับท่อนแขน เขาไม่ได้เหนื่อยใจกับความเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจของทอมสักเท่าไร แต่ระอากับนิสัยไม่ยอมรับความจริงและปากกับใจไม่ตรงกันของทอมมากกว่า จนถึงวันนี้ทอมก็ยังกล้าๆ กลัวๆ กับความรู้สึกที่มีให้เขา บางครั้งก็ไม่ยอมรับขึ้นมาดื้อๆ วันนี้เขาต้องหาทางให้ทอมยอมรับความจริงให้ได้
จิมทรุดตัวลงโอบกอดทอมไว้ในอ้อมแขน และกระซิบอ่อนโยน
“ร้องไห้ทำไม หือ.. ถ้าร้องเพราะดีใจที่ไล่ฉันไปได้ล่ะก็ เตรียมตัวเสียใจได้แล้วเพราะฉันไม่มีวันให้นายได้สมใจหรอก ถึงจะเกลียดหน้าฉันยังไงนายก็ต้องมอง”
จิมเงยหน้าทอมขึ้น น้ำใสนองใบหน้างามและไหลเป็นทางลงมาอีกทันทีที่เห็นหน้าเขา
“เคยได้ยินคำพูดนี้มั้ย เกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้น ถ้าอยากให้ฉันจากไปล่ะก็ บอกรักฉันก่อนแล้วฉันจะไป ”
จิมยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี ทอมขมวดคิ้วจ้องมองเขาเหมือนไม่เชื่อคำพูด
“ว่าไงล่ะ รักกับเกลียด เลือกเอาว่าจะบอกคำไหน”
ทอมนั่งอึ้งเหมือนกำลังครุ่นคิดว่าจะบอกอะไรดี จิมหวังจะได้ยินทอมบอกรัก แต่คำตอบที่ได้กลับไม่เป็นดังที่หวัง
“ฉันเกลียดนาย”
คำตอบชัดถ้อยชัดคำหากแต่สั่นเครืออย่างผู้พ่ายแพ้ เพราะไม่ว่าจะเป็นคำตอบไหน ทอมไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้
จิมโอบกอดร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้น จูบปลอบขวัญที่หน้าผากก่อนจะไล่ลงมาซับความเปียกชื้นที่เปลือกตาและแก้มให้ โดยที่ทอมยอมนั่งนิ่งให้สัมผัสแต่โดยดี
“เกลียดฉันจริงหรือ ทอม.. หือ..”
“ก็นายเป็นคนให้ฉันตอบแบบนี้ เกลียดอะไรก็จะได้อย่างนั้น ถ้าฉันบอกเกลียดนายก็จะไม่ไปจากฉัน ฉัน.. ฉันอยากได้นาย อยากให้นายเป็นของฉันคนเดียว… ไม่อยากให้ไปเป็นของคนอื่น…”
จิมแทบไม่เชื่อหูและสายตาตัวเอง ไม่เคยได้ยินน้ำเสียงและเห็นดวงตาส่อประกายเว้าวอนขนาดนี้มาก่อน มันทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะและพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้าความหมายว่า…ไม่มีวันจากไปไหน… หากแต่ทอมคงคิดว่าเขาปฏิเสธ คิ้วเรียวขมวดมุ่น ดวงตาคู่งามที่ถูกเขาจูบซับน้ำตาจนแห้งไปแล้ว มีน้ำใสเอ่อรื้นขึ้นมาอีก
จิมใจหายกำลังจะปลอบให้หายเข้าใจผิด ทอมก็ซบหน้าลงกับอกเขาละล่ำละลักขอโทษด้วยอาการสะอื้น
“ฮึก.. ฉันไม่ได้เกลียดนะ จิม.. ฉันรักนาย ไม่อยากให้นายไป ฉันขอโทษที่พูดจาไม่ดี ชอบเอาแต่อารมณ์ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ฉันจะเปลี่ยนนิสัยใหม่ นายอย่าเบื่อฉันนะ นายต้องกลับมา อย่าไปนานนะ..”
…โอ! พระเจ้า ทอมอ้อนวอนขอร้องเขาด้วยอาการกลัวจับใจเหมือนเด็กกำลังจะถูกทิ้งยังงั้นแหล่ะ เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นและกระซิบปลอบ
“อย่าร้อง ทอม.. ฉันไม่ไปไหน ไม่มีวันจากนายไปได้ยินมั้ย ฉันแค่จะไปเยี่ยมเธอสัก 2 อาทิตย์เท่านั้น ถ้านายไม่อยากให้ไปฉันไม่ไปก็ได้ อย่าโทษตัวเอง ทอม.. นายไม่ได้น่าเบื่อสักนิด ฉันรักนายมากขนาดนี้จะเบื่อได้ยังไง หือ..”
จิมเงยหน้าเทพบุตรของเขาขึ้นมาจูบซับน้ำตาให้เป็นรอบที่สอง
“ฉันไม่เคยเบื่อความเจ้าอารมณ์ของนายเลยนะ ทอม.. สาบานให้ก็ได้..”
จิมจูบแผ่วเบาที่เปลือกตาและแก้มของทอม และยังกล่าวพึมพำในขณะเดียวกัน
“ไม่ต้องเปลี่ยนนิสัยตัวเองหรอกนะ ทอม.. ฉันชอบที่นายเป็นแบบนี้ มีแค่เรื่องเดียวที่ไม่อยากให้ทำอีก ได้มั้ย..”
ทอมพยักหน้ารับทันที จิมฝากรอยจุมพิศเบาๆ ไว้ที่ริมฝีปากบางสวยหนึ่งครั้งก่อน
“อย่าบอกเกลียดทั้งๆ ที่รักอีก โอเค..”
“โอเค..” ทอมตอบชัดถ้อยชัดคำเหมือนเป็นการให้คำมั่นสัญญา
จิมยิ้มอ่อนโยนก่อนจะคลายอ้อมกอดและลุกขึ้นยืน เขาฉุดทอมให้ลุกตามและพาเดินมาที่เตียง ตีเหล็กต้องตีตอนกำลังร้อนๆ เขาไม่ได้ฉวยโอกาสแต่อารมณ์ของทอมขณะนี้กำลังอ่อนไหวกับความรู้สึกที่มีให้เขา และว่าง่ายจนจิมไม่อาจปล่อยโอกาสให้ผ่านพ้นไปโดยไม่ทำอะไรเลย เพราะจนถึงวันนี้แม้แม็กกี้จะรับรู้และยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทอมแล้ว เขาก็ยังไม่เคยมีความสัมพันธ์กับทอมจนถึงขั้นสุดท้าย เพราะตราบใดที่ทอมยังไม่พร้อมเขาก็จะไม่ฝืนความรู้สึก แต่เมื่อครู่ ทอมหลุดคำพูดบางคำออกมา จะเป็นไรไปถ้าเขาจะลองทวงถามความต้องการของทอมอีกครั้ง
ทอมนั่งลงที่เตียงอย่างว่าง่าย จิมทรุดตัวลงข้างๆ โอบไหล่ทอมไว้และกระซิบข้างหูเบา ๆ
“เมื่อกี้บอกว่าอยากให้ฉันเป็นของนายคนเดียว พูดจริงหรือเปล่า”
ทอมก้มหน้างุด นึกถึงคำพูดเมื่อครู่แล้วอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“ว่าไงล่ะ ทำไมต้องคิดด้วย ที่พูดเมื่อกี้ไม่ได้พูดจากใจหรอกเหรอ”
จิมแสร้งเสียงแข็ง ทอมก็รีบเงยหน้าขึ้นตอบทันที
“ฉันพูดจริงนะ”
จิมพยักหน้าและยิ้มให้เทพบุตรสุดรักของเขา
“ฉันอยากจะบอกนายว่าฉันเป็นของนายคนเดียวไม่ได้หรอก”
ทอมนั่งนิ่งจ้องมองจิมเหมือนรอคำอธิบายต่อ แต่จิมกลับย้ำคำพูดเดิมโดยไม่ให้เหตุผลต่อท้าย
“ฉันเป็นของนายคนเดียวไม่ได้จริงๆ ทอม..”
“ไม่เป็นไร จิม.. ฉันเข้าใจ” สีหน้าทอมสลดลงเล็กน้อยแต่พยายามฝืนยิ้มให้
“เข้าใจว่าอะไร”
“ทำไมต้องถามด้วย บอกว่าเข้าใจก็เข้าใจซี!!..”
จิมหัวเราะเมื่อทอมพูดดีได้สองคำก็เริ่มอารมณ์บูดและหน้างอขึ้นมาอีก แบบนี้น่ะเหรอจะเปลี่ยนนิสัยได้…
“อย่ามาหัวเราะนะ ถ้านายมีคนอื่นได้ ฉันก็มีได้”
จิมหน้าบึ้งทันที เป็นคำพูดประชดที่ไม่สบอารมณ์เขาอย่างมาก และไม่คิดว่าจะได้ยิน เขาผลักทอมหงายหลังลงบนที่นอนและตามลงไปตะคอกใส่
“อย่าประชดฉันด้วยคำพูดแบบนี้นะ!!..”
“โอ๊ย!. ปล่อยนะ เจ็บ..” ทอมนิ่วหน้า
จิมรีบปล่อยมือออก เขาเผลอบีบข้อมือทอมอย่างแรงเพราะโมโห
“ขอโทษ.. ทอม.. อย่าพูดแบบนี้อีกนะ รู้มั้ย..”
“ทำไม.. ทีนายยังมีคนอื่นได้ ทำไมฉันมีไม่ได้”
“ฉันบอกตอนไหนว่าจะมีคนอื่น ฮึ..”
“นายบอกเมื่อกี้” ทอมเบือนหน้าหนี
“เมื่อกี้ฉันบอกว่าเป็นของนายคนเดียวไม่ได้ ก็เพราะตอนนี้ฉันยังไม่ได้เป็นของนายเลย ”
ทอมสะดุ้งเฮือกไม่ใช่จากคำพูด แต่เพราะถูกลิ้นอุ่นๆ ของจิมสัมผัสที่ติ่งหู
“อย่านะ” ทอมเอามือปิดหูตัวเองไว้ “พูดอะไรฉันไม่เข้าใจ”
จิมอมยิ้ม รู้ว่าทอมเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร
“ไม่เอาน่าทอม.. นายไม่ใช่หนุ่มน้อยไม่ประสีประสานะ นายเข้าใจว่าฉันพูดถึงอะไร”
“เข้าใจแล้วไงเล่า!!..” ทอมชักฉุน หันมาตะคอกใส่
“ต้องมีความสัมพันธ์เฉพาะทางกายหรือไง ถึงจะเรียกว่าเป็นของกันและกัน ความรักที่เรามีให้กันไม่มีความหมายอะไรเลยงั้นเหรอ นายเคยบอกเองว่าไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าได้อยู่เคียงข้างฉัน แต่พอมีโอกาสได้อยู่ข้างนายก็ขยับเข้ามาจนชิด ฉันไม่ว่านายก็ขอกอดขอสัมผัส ฉันยอมให้จนถึงขนาดนี้แล้วยังไม่พออีกเหรอ… ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องมาบอกว่าหัวใจของนายเป็นของฉัน ไม่ต้องมาบอกว่ารักฉันหมดหัวใจด้วย..”
จิมตกใจรีบผละออกและลุกขึ้นนั่ง ไม่คิดว่าจะถูกทอมปฏิเสธด้วยเหตุผลจริงจังขนาดนี้
…หัวใจของเขาเป็นของทอม หัวใจของทอมก็มอบให้เขาแล้ว
เขายังจะต้องการความสัมพันธ์ทางร่างกายอีกทำไม?? :m28:ต้องการทำไม????… …ให้ตายเถอะ.. นี่เขาหลงเข้าใจว่ายังมีความหวังที่จะได้มีความสัมพันธ์กับทอมมากกว่านี้ รอแค่ให้ทอมพร้อม จริงๆ แล้วเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ เท่านั้น ที่ผ่านมาทอมจำใจยอมให้เขาอาจเพราะไม่ชอบหรือไม่มีความสุข แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด สุดท้ายแล้ว.. ทอมไม่มีวันยอมมีความสัมพันธ์กับเขาเกินเลยกว่านี้แน่
ทอมลุกขึ้นนั่งหน้าจ๋อย ตกใจกับคำพูดของตัวเองเช่นกัน
“จิม.. จิม..”
ทอมสะกิดเรียกเบาๆ ก็จิมเล่นนั่งกุมขมับนิ่งไม่พูดไม่จาจนลืมไปแล้วมั้งว่าเขานั่งอยู่ด้วย
“ข.. ขอโทษนะ ทอม..”
“ขอโทษเรื่องอะไร..” ทอมแปลกใจ สีหน้าของจิมตอนนี้เหมือนถูกเขาบอกเลิกคบยังงั้นเหล่ะ
“ขอโทษที่เข้าใจผิด..คิดว่านายมีความสุข ไม่รู้ว่านายต้องฝืนใจมาตลอด... ฉันสัญญาจะไม่แตะต้องนายอีก ขอรักนายแค่หัวใจก็ได้ ขอแค่ได้อยู่ข้างๆ อย่างที่เคยบอก หัวใจของฉันเป็นของนายคนเดียวจริงๆ ฉันจะไม่ไปไหน จะไม่เป็นของใครนอกจากนาย ทอม..”
ทอมใจหายอย่างแรง คำพูดของเขาเมื่อครู่คงทำร้ายความรู้สึกของจิมมาก
“เอ่อ.. จิม.. เมื่อกี้ฉันพูดจาไม่ดี ฉันขอโทษ..”
“เปล่า ทอม..” จิมฝืนยิ้มให้เมื่อเห็นทอมมีสีหน้าตื่นและกังวล
“นายไม่ได้พูดจาไม่ดี นายพูดความจริง ฉันเสียใจที่ทำเรื่องฝืนใจนายมาตลอดเพราะคิดถึงแต่ความต้องการของตัวเอง ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ..”
จิมตกใจเมื่อน้ำตาตัวเองร่วงผล็อยลง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงต้องเสียใจกับคำพูดประโยคนั้นของทอมมากมายขนาดนี้ … ฉันยอมให้จนถึงขนาดนี้แล้วยังไม่พออีกเหรอ…
“ไม่นะจิม.. นายไม่ได้ทำเรื่องฝืนใจฉันสักหน่อย ฉันต่างหากที่ชอบพูดต่อว่านายด้วยอารมณ์ ฉันขอโทษ..”
ทอมละล่ำละลักกล่าวขอโทษและเป็นฝ่ายเช็ดน้ำตาให้บ้าง แต่ใช้มือเช็ดไม่ได้ใช้ริมฝีปากอย่างที่จิมทำกับเขา จิมไม่ใช่ผู้ชายที่มีจิตใจอ่อนไหวเหมือนเขา หากไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่บีบคั้นความรู้สึกอย่างแรงแล้ว จิมไม่มีวันหลั่งน้ำตาง่ายๆ คำพูดของเขาเมื่อครู่.. คงทำร้ายความรู้สึกของจิมมากจริงๆ…
“นายจำยอมให้ฉันสัมผัส แค่นี้ก็คือการฝืนใจแล้ว”
“เอ่อ.. ต.. แต่ว่าฉันก็มีความสุขนะ ไม่ใช่ไม่มี..”
จิมหัวเราะ เอามือเสยเรือนผมที่ยุ่งเหยิงให้เทพบุตรแสนรัก
“นั่นไม่ใช่เรียกว่ามีความสุขหรอก ทอม.. แค่การปลดปล่อยอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากความจำยอมเท่านั้น”
ทอมทำหน้างง พยายามทบทวนความรู้สึกของตัวเองว่าเป็นอย่างที่จิมพูดจริงหรือเปล่า
“อย่ากังวลเลย ทอม.. ฉันแค่เสียใจนิดหน่อย.. แต่ไม่ได้ทำให้ฉันรักนายน้อยลงเลยนะ ยังรักนายหมดหัวใจเหมือนเดิม.. รักมาก.. รักที่สุด..”
สองคำสุดท้ายจิมขยับเข้าไปกระซิบข้างหู ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“จะไปไหนอ่ะ” ทอมแทบจะผวาตามด้วยความลืมตัว
“กลับห้องซี ดึกมากแล้ว นายจะได้พักผ่อน”
“ไม่นอนนี่เหรอ” ทอมเอ่ยถามด้วยความเคยชิน
จิมยืนอึ้ง ทำหน้าบอกอารมณ์ไม่ถูก
“จะให้นอนด้วยทั้งๆ ที่ฉันเพิ่งรับปากว่าจะไม่แตะต้องนายอีก โหดร้ายเกินไปหรือเปล่า ทอม..”
“ถ้าฉันเป็นฝ่ายแตะต้องนายล่ะ จะถือว่าผิดสัญญามั้ย”
จิมขมวดคิ้ว
“อย่าล้อเล่นกับฉันอีกเลย .. อย่าให้ฉันต้องทำในสิ่งที่ฝืนใจนายอีก”
ทอมลุกพรวดขึ้น สีหน้าชักไม่สบอารมณ์
“คำก็ฝืนใจ สองคำก็ฝืนใจ ฉันพูดคำไหนเหรอที่ทำให้นายเข้าใจอย่างนั้น นายคิดเองเข้าใจเองทั้งหมด ”
ทอมเดินมาหยุดยืนตรงหน้าจิม และรวบรวมความกล้ากล่าวประโยคที่น่าละอายอีกครั้ง
“ฉันอยากให้นายเป็นของฉันคนเดียวจริงๆ ฉันกล้าพูดว่านายเป็นของฉันแล้วเพราะนายบอกฉันเสมอว่าหัวใจของนายเป็นของฉัน และหัวใจของฉันก็มอบให้นายไปแล้วด้วยเช่นกัน แม้ความสัมพันธ์ทางกายของเราจะยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าเป็นของกันและกัน แต่มันก็เกินเลยความเป็นเพื่อนไปแล้ว ถ้าฉันไม่ยินยอมและไม่มีใจคล้อยตามไปกับนายด้วย อย่าหวังว่านายจะได้แตะต้องฉัน จิมมี่..”
“พูดจริงหรือ ทอม..” จิมย้ำถามเพื่อความแน่ใจ เมื่อทอมพยักหน้าให้ก็ถูกเขาสวมกอดด้วยความรักสุดหัวใจ
“งั้นที่นายบอกว่ามีความสุข เวลาที่ฉันสัมผัสก็เป็นเรื่องจริงด้วยใช่มั้ย”
ทอมหน้าร้อนผ่าว
ก้มหน้างุดไม่ยอมตอบคำถามนี้ แต่ก็ทำให้จิมรู้คำตอบ
“ขอโทษนะ ทอม.. ขอโทษที่เข้าใจนายผิด”
“ฉันก็ขอโทษด้วยที่พูดจาไม่ดี ทำให้นายเข้าใจผิด” ทอมกล่าวอู้อี้ขณะซุกหน้ากับไหล่กว้างเพราะยังรู้สึกเขินกับคำถามเมื่อครู่
“งั้นคืนนี้ ฉันขอนอนด้วยคนนะ” จิมเอ่ยขอกลับไปใหม่ก่อนที่เทพบุตรของเขาจะเปลี่ยนใจ
เป็นครั้งแรกที่ทอมบอกความรู้สึกในใจของตัวเองอย่างไม่เคอะเขิน ในเมื่อหัวใจของเราต่างเป็นของกันและกันแล้ว เขายังจะต้องการอะไรอีก ความผูกพันทางร่างกายเป็นแค่การยืนยันความรักที่มีต่อกันเท่านั้น หากทอมพอใจและมีความสุขกับความสัมพันธ์เท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เขาก็จำต้องยินยอมโดยดีแล้ว ….