00.15 am.
“ลัล คุยกับใครน่ะ”“น้องสาว” เขาตอบ หลังจากที่ผมเห็นเข้าพิมพ์แชทยิกๆ ไม่ยอมเงยหน้าออกมาจากจอโทรศัพท์อย่างแปลกตา ปกติลัลแทบไม่แตะต้องเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมนี่เลยด้วยซ้ำ
“เมื่อวานบอกลิลไปว่าอยากไปอยู่ด้วยที่สเปน”
“...”
“วันนี้ลิลเลยทักมาชวนคุยรัวๆ เลย”
“อย่าไปเชียวนะ” ผมร้องค้าน ส่วนเขายิ้มรับ ไม่พูดอะไรต่อ ผมเลยลงมานั่งข้างๆ เขาที่โซฟา
“อยู่ที่นี่แหละดีแล้ว”
“ดียังไง ผมอยู่มาสิบๆ ปีแล้ว น่าเบื่อ อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”
“โถ่ อยู่กับฉันไง ไม่ดีตรงไหน”
“...” เขาเงียบ “อยู่กับคุณ ยังไงก็ดี...”
“เห็นไหมล่ะ”
“งั้นไปสเปนกับผมนะ”
“ลัล...” ผมร้อง ไม่มีเงินมากขนาดนั้นเพื่อจะไปต่างประเทศ แต่ก็ไม่อยากขัดใจเขา เอาเป็นว่าถ้าเขาคิดจะไปจริงๆ ผมคงต้องไปหาเงินมาให้ได้ก่อน ลำพังแค่จ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟก็แทบไม่เหลือใช้แล้ว เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน
ผมปล่อยให้เจ้าตัวดีนั่งเล่นอยู่ตรงนั้นสักพัก ส่วนตัวเองขึ้นไปทำงานข้างบน ไม่ช้าลัลก็ตามมานั่งข้างๆ กดมือถือเงียบๆ ผมปาดสีบนเฟรมภาพวาดสลับกับมองลัล จนสุดท้ายก็วางตาไว้ที่ต้นคอสวยขอเขา เส้นผมยาวสีดำของลัลถูกรวบให้ไปอยู่ฝั่งขวาของลาดไหล่ เผยให้เห็นต้นคอขาวและไหปลาร้าอีกฝั่งชัดเขน ผมจ้องข้อกระดูกที่นูนขึ้นมา
พลางเอื้อมไปแตะอย่างไม่อาจยั้งใจ
“หืม”
ลัลส่งเสียงด้วยความสงสัย
“ถอดเสื้อหน่อย”
“หืม” ลัลส่งเสียงอีกครั้ง ก่อนลุกยืนขึ้น เอียงหัว “อยาก?”
“ไม่ใช่!” ผมปฏิเสธทันควัน พยายามหาเหตุผลมาบอกต่อ แต่คนเด็กกว่าทำเพียงหัวเราะขำๆ ใช้สองมือเกี่ยวปลายเสื้อ ดึงให้หลุดออกไปทางหัว
เผยเนื้อตัวเปลือยเปล่า ผิวขาวเนียนน่าสัมผัส
“นั่งลง”
ลัลทำตามอย่างว่าง่าย คุกเข่านั่งลงข้างๆ ผม เมื่อได้ระยะพอดี ผมเอื้อมมือใช้นิ้วที่เปื้อนสีไปปาดบนพื้นผิวบนหลังของเขา ละเลงสีที่ติดมากับนิ้วมือไปมา
“คุณใช้ผมเป็นที่เช็ดมือหรือ”
“บ้าเหรอ” ผมเอ่ย บีบหลอดสีใส่นิ้วมือ โป้ง ชี้ กลาง ก่อนป้ายมันลงบนตัวลัล ใช้ปลายนิ้วแทนพู่กับ ขยับตวัดไปมา สีแต่ละสีถูกปาดเป็นเส้นสายตามแต่ละนิ้วสั่งการ สิบนิ้วปาด บ้างใช้นิ้วชี้ไล่ บ้างใช้นิ้วโป้งเกลี่ย เนื้อสีเลอะไปโดนเส้นผมเขาทว่าลัลไม่แม้แต่จะสนใจ เขานั่งนิ่ง ทำตัวเป็นเฟรมภาพชั้นยอดให้ผม
จนกระทั่งพอใจ ผมถอยออกมาดูผลงาน
ปีกนกสีฟ้าถูดวาดลงบนแผ่นหลังขาวเนียน ปีกเล็กๆ กำลังหุบอยู่เหมือนลูกนกไม่กล้าบิน ท้องฟ้าอยู่ใกล้แค่เอื้อม ทว่าลูกนกขลาดเขลาเกินกว่าจะบินไปถึง มันหุบปีกสีฟ้าอยู่เช่นนั้นคล้ายนกพิการ ปีกงามไม่ถูกกางออก ลูกนกดินเล่นอยู่ผืนดิน และปรากฏตัวให้ผมเป็นเจ้าของ
“เสร็จแล้วหรือ” เจ้าลูกนกถาม
ผมร้องตอบในลำคอ ยกยิ้มกับผลงานที่ตัวเองสร้างพร้อมๆ กับขบขันในจินตนาการของตัวเอง ลัลลุกขึ้นยืน พยายามหันหน้ามาดูแผ่นหลังตัวเองที่ผมสรรค์สร้าง
“ถ่ายรูปไว้ดีกว่า” ผมบอก เดินออกจากห้องไปหากล้องถ่ายรูปที่เคยมีเมื่อนานมาแล้ว
พอกลับมา ลัลยังคงยืนท่าเดิม ร่างโปร่งกำลังเอี้ยวตัวมองแผ่นหลังของตัวเองอย่างต้องการจะรู้ว่ามีภาพอะไรที่ถูกละเลงอยู่เต็มหลังของเขา ผมบอกให้ลัลยืนตัวตรง จะเก็บภาพให้ดู
เขาทำตาม ผมเลยบอกให้เขาขยับท่าตามต้องการอีกเล็กน้อย ลูกนกเชื่อฟังอย่างไม่มีข้อกังขา
จนพอใจ ผมบอกให้ลัลมาดูภาพที่ตัวเองเป็นนายแบบ
“ปีก?”
“อืม” เขาเดาถูกว่าที่ผมวาดคืออะไร ปีกนกสีฟ้าที่หุบอยู่ไม่ได้ถูกวาดด้วยความสมจริงตามอนาโตมี่นก ไม่ได้สมจริงตามแสงและเงา เป็นเพียงรอยเปรอะเลอะเทอะที่มีรูปร่างคล้ายปีกนกเท่านั้น ผมดีใจที่ลัลมองมันออก
“เห็นแล้วอยากบินเลย” เขาว่า ผมนึกภาพเขามีปีกจริงๆ ขึ้นมา ปีกเล็กๆ คงพยายามสยายออก กระพือพัดลมอย่างช้าๆ ทว่าไม่ได้พาให้ตัวเขาลอยออกจากผืนดิน
“ฉันก็อยากให้นายบินได้เหมือนกัน” ผมบอกเขา
“จะดีหรือ เดี๋ยวผมบินหนีคุณไปนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก นายจะไม่ไปไหน” ผมบอก อมยิ้มให้กับลูกนกตัวน้อย
“ป่ะ ไปล้างตัวได้แล้ว”
“ไม่เอา” เขาเถียง “ขออยู่ต่ออีกสักพัก”
“สีมันเป็นสารเคมี มันจะไม่ดีเอา”
“แล้วคุณก็เอามาวาดตัวผมน่ะนะ?”
“แป๊บเดียวน่า”
“งั้นผมก็ขออยู่อย่างนี้อีกแป๊บเดียวเหมือนกัน”
ผมถอนหายใจให้นกดื้อ “คุณต้องอาบน้ำให้ผมด้วยล่ะ”
และอดทนไม่ให้จับเขาอาบน้ำเสียตั้งแต่ตอนนี้
ผมนั่งวาดรูปต่อ ส่วนลัลก็นั่งเปลือยท่อนบนอยู่ข้างๆ เขานั่งบนพื้น และหลังๆ เริ่มจะเปลี่ยนเป็นนอน ผมลอบมองทุกกิริยาของลูกนกสีฟ้า จากที่นั่งชันเข่าเริ่มเปลี่ยนเป็นนอนคว่ำหน้าเล่นมือถือ จากนั้นก็นอนตะแคง แล้วก็นอนหงาย สักพักก็ลุกมานั่งพิงกำแพงห้อง
ให้ตาย...ผมมองเขาได้ทั้งวันเลยมั้งเนี่ย
ลัลหันมาจ้องตาผม ราวกับรู้ตัวว่าถูกมอง ดวงตาสีฟ้าสวยสะกดให้ผมนิ่งอยู่กับที่ ไม่สามารถมองไปที่อื่นได้อีก เขาเผยอปากกล่าว
“อาบน้ำกันไหม”
ผมยกยิ้ม
เสียดายที่ห้องน้ำไม่มีอ่างอาบน้ำ บ้านทาวน์โฮมถูกออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยสะดวกและใช้งานได้ง่าย อ่างอาบน้ำที่ใหญ่เทอะทะเกินความจำเป็นจึงไม่ถูกออกแบบให้มี
ผมยืนอยู่ใตฝักบัวกับลูกนกตัวน้อย ลัลยืนหันหลังให้ผมถูสบู่บนตัวเขา ขัดเอาคราบสีที่เป็นปีกนกออกให้ช้าๆ แผ่นสีหลุดลอกออกมาทีละน้อย เผยให้เห็นแผ่นหลังเนียนอีกครั้ง ลูกนกตัวน้อยบัดนี้กลายเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาเสียแล้ว เมื่อคราบสีถูกขัดออกจนหมด ผมก้มจูบที่แผ่นหลังของเขา
ลัลสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่ได้ว่าอะไร เขาปล่อยให้ผมโอบเอวเขาไว้หลวมๆ ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังเขาอย่างนั้น มีเพียงสายน้ำและอากาศที่แทรกกลางระหว่างเรา
สุดท้าย ลัลก็ถอนหายใจ หมุนตัวเข้ามาประจันหน้ากับผม ใช้สองแขนโอบรอบคอผมให้เข้ามาใกล้
และมอบจุมพิตภายใต้สายน้ำที่อาบไปทั่วร่าง
ผมจับท้ายทอยเขาให้เชิดขึ้น ก่อนสอดลิ้นเข้าไปอย่างจาบจ้วง มอบจุมพิตที่ร้อนแรงให้นกน้อยไร้ปีก มืออีกข้างลูบเอวสอบ ไล่ลงไปจนถึงสะโพก และก้อนเนื้อนุ่มสองข้าง อุณหภูมิของสองร่างเริ่มร้อนรุ่ม สายน้ำไม่ช่วยดับความร้อนภายในร่างกายได้
ในห้องน้ำไม่มีถุงยาง เราเลยไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าช่วยปลดปล่อยซึ่งกันและกัน ผมพาลัลไปนอนที่เตียง ก่อนจะออกไปซื้ออะไรมาให้เขากิน
หลังทานข้าวเย็นเสร็จ ลัลก็เอ่ยออกมา
“ผมว่าจะหางานทำ”
“หืม?”
“งาน...ที่เป็นงานจริงๆ” เขาอธิบาย
“จะทำอะไรล่ะ”
“มีรุ่นพี่มาชวนให้เข้าบริษัทอยู่”
“ไหนว่าไม่ชอบงานด้านนี้ไม่ใช่หรือ”
“อือ ไม่ชอบ แต่จะให้อยู่เกาะจ๊ากตลอดก็ไม่ได้”
“จ๊ากมันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”
“ผมรู้ ที่จ๊ากให้ผมทำอย่างนี้ก็เพราะรู้สึกผิดที่เขาเข้าข้างฮิมตอนจีบโย...” ลัลเว้นวรรค หายใจเข้า ถอนหายใจออก “จ๊ากก็ไม่ได้ผิดหรอก เขารู้ว่าฮิมไม่ชอบผม แต่คิดว่าฮิมกั๊กไว้ เลยอยากให้ฮิมมีคนอื่น ผมจะได้หลุดพ้นจากเขา”
“แต่พอผมขาดฮิมผมก็เป๋ไม่มีชิ้นดี”
“อืม” ผมครางรับ พอจะนึกออกที่จ๊ากคอยเป็นห่วงลัลขนาดนี้ สภาพตอนเขาเป๋น่าเป็นห่วงน้อยที่ไหน
“แล้ว...จะเริ่มวันไหนล่ะ”
“เดือนหน้าเลยมั้ง” เขาตอบ เดือนหน้าที่กำลังจะมาถึงนั้นเหลืออีกเพียงหนึ่งอาทิตย์ ผมพยักหน้ารับ
“แล้วร้านจ๊ากล่ะ”
“ขาดผมคนเดียวไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่บอกมันหน่อยหรือ”
“ว่าจะบอกคืนนี้แหละ”
“อืม” ผมรับคำ นั่นแปลว่าคืนนี้ผมต้องไปร้านจ๊ากอีก จากครั้งที่แล้วที่ผมเจอโย ก็ผ่านมาสองสามวันได้แล้วที่ไม่ได้ไปเยือนร้านเหล้าประจำ
และอย่างที่คิด ในคืนนี้เราไปร้านเหล้าไอ้จ๊ากกัน เจ้าของร้านถามไถ่เรื่องราวเล็กน้อย แต่ไม่ได้จาบจ้วง เรานั่งลงตรงที่ประจำเหมือนเคยและไอ้จ๊ากก็เอาเบียร์มาเสิร์ฟให้เหมือนเคย วันนี้ไม่เห็นจิ้งจอก วัวเลยมา ผมปล่อยให้ลัลเล่นกับแมวลายวัวไป ส่วนตัวเองขอนั่งดูห่างๆ
ใบหน้าละมุนยามมีรอยยิ้มประดับนี่ช่างงดงามจริงๆ ผมอยากให้ลัลยิ้มบ่อยๆ
หมดเบียร์ตรงหน้า ผมยกบุหรี่ขึ้นมาสูบ มองไปทั่วร้านแทน วันนี้คนไม่มากไม่น้อย เมื่อหันกลับมา ลัลก็ปล่อยเจ้าวัวลงไปแล้ว แมวลายวัวเดินส่ายหางอาดๆ ไปทางไอ้จ๊าก คงรู้ว่าจะหาอาหารได้จากไหน
“ไปล้างมือด้วย” ผมสั่ง ไม่อยากให้เขาเปื้อนขนแมว เพราะผมจะกอดเขาไม่ได้ เขาพยักหน้ารับ เดินไปห้องน้ำ ผมเห็นมีคนเดินตามลัลไปทันทีที่เขาลุกขึ้น ไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเท่าไหร่เลยลุกตามไปห้องน้ำด้วยอีกคน
และอย่างที่คาด ลัลกำลังถูกจีบ
ซินเดอเรลล่าคนงามไม่หือไม่อือกับคนเข้ามาพูดคุยด้วย เขาแค่ทำธุระของตัวเองไป ล้างมือเสร็จก็เช็ดมือ แล้วก็หันมาเจอผม ริมฝีปากสวยยกยิ้มมุมปาก ผมรับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าเด็กนี่คิดอะไรพิเรนท์อยู่แน่ๆ
เขาเดินเข้ามา จับผมไปจูบต่อหน้าคนไม่รู้จัก
ผมไม่ได้หลับตา จึงเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาตกใจเล็กน้อยก่อนออกจากห้องน้ำไป ผมรู้ว่าลัลรับรู้ แต่เขาก็ไม่หยุดจู่โจมผม ในห้องน้ำตอนนี้ไม่มีใครทำให้เราครอบครองพื้นที่นี้ได้อย่างเป็นส่วนตัว ลัลจูบผมอย่างตะกละตะกราม ดูดดึงริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกิดเสียงดังจ๊วบจ๊าบ ผมคิดว่ามันคงบวมเจ่อ ทั้งปากของผมและของเขา
ลัลเลื่อนลงมาประทับรอยจูบที่ต้นคอผม ขบเม้มจนเกิดรอยจูบสีกุหลาบเต็มคอ คล้ายกับเป็นสร้อยที่สลักลงไปแสดงความมีเจ้าของ พอเจ้าตัวพอใจ เขาก็ปล่อยผม
ที่โต๊ะเรามีไอ้จ๊ากนั่งรอ พอมันเห็นพวกผมเดินมาก็ร้องแซวเสียงดัง หาว่าลัลหวงผมอะไรขนาดนี้
“จ๊ากเอาด้วยไหมล่ะ” แต่พอลัลถามบ้าง เจ้าของร้านเหล้าก็ได้แต่ถลึงตาใส่เงียบๆ พร้อมกับกระถดไปหนึ่งช่วงตัว
พวกเขาเริ่มคุยกันถึงเรื่องงานที่ลัลจะไปทำ ไอ้จ๊ากยิ่งยินดีใหญ่เพราะที่บริษัทนั้นให้เงินเดือนดี เป็นบริษัทของรุ่นพี่ที่คณะที่จบไป แต่ติดตรงที่อาจจะใช้งานหนักหน่อย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ค่อยน่าเป็นห่วง จ๊ากบอกว่าลัลเก่งมาก เป็นตัวท็อปของรุ่น มาเหลวแหลกแค่ช่วงธีสิส ...ช่วงที่ฮิมไปมีโย
แน่นอนว่าประโยคนั้นไม่มีใครพูดถึง แต่ทุกคนรับรู้ได้
คุยไปคุยมาลัลก็ขอไปห้องน้ำอีกครั้ง จึงเหลือแค่ผมกับจ๊ากนั่งด้วยกัน
“ผมรู้สึกผิดหน่อยๆ น่ะพี่ ที่ทำกับลัลอย่างนี้”
“อย่างไหน?”
“ก็ทั้งเรื่องที่เชียร์โย...อันนั้นถือว่าจบไป แต่เรื่องที่ให้เขามานั่งประดับร้านอย่างนี้ มันเหมือนว่าผมให้เขามานั่งประดับเป็นของแปลก”
“ลัลไม่คิดอย่างนั้นหรอก มึงเองก็ไม่ได้คิดไม่ดีไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ ผมอยากช่วยมันนะ แต่ไม่รู้ว่าทำแบบนี้มันดีหรือเปล่า พอลัลบอกจะหางานทำผมดีใจมากๆ เลย อ่ะ ไม่ได้แปลว่าผมไม่อยากให้เขาไปจากร้านผมนะ ผมแค่ดีใจที่ลัลยอมก้าวไปข้างหน้าบ้างแล้ว”
“อืม...เข้าใจ”
“มันมานั่งอย่างนี้ลูกค้าเข้าร้านผมเยอะขึ้นก็จริง แต่นานๆ ไปก็คงเบื่อกันไปเอง ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมหรอกถ้าจะจ้างเขาไว้นานๆ อ่ะ พี่เข้าใจป่ะ แต่มันแบบ...ผมไม่ชอบเห็นมันมานั่งเศร้าๆ แบบนี้เลย”
“อืม”
“แต่ถ้าไม่คอยดูมันไว้ก็กลัวมันไปทำอะไรอีก เดาใจยากจะตาย เกิดจู่ๆ ไปขายกัญชาผมคงเป็นบ้า”
ผมหัวเราะขำ
“ขอบคุณพี่นะ ที่ช่วยดูแลลัล”
“กูเต็มใจ”
“ดูแลเพื่อนผมนานๆ นะพี่ อย่าให้มันเสียใจ”
“กูรู้หน่า” ผมบอกไอ้จ๊าก และลัลก็เสร็จธุระพอดี เขาเดินมาที่โต๊ะ ใบหน้าบึ้งตึง ผมสงสัยว่าทำไมเขามีท่าทางไม่พอใจขนาดนั้นจนกระทั่งเห็นคนที่เดินตามเขามาด้วย เป็นคนเดียวกับที่ผมเจอในห้องน้ำ
อ่า...ตื๊อไม่เลิกเลยแฮะ
ลัลมีสีหน้างุดเงี้ยว เดินปึงปังมาที่ผม และนั่งคร่อมลงที่ตักผมแบบไม่รอให้ผมอนุญาตใดๆ
แต่ผมก็โอบเอวเขาไว้ อมยิ้มขำ
“ผมอยากกลับแล้ว” เขาบอก เอื้อมแขนมากอดคอผมไว้
“ได้สิ”
ผมบอกเขา ลุกขึ้นพาเจ้าหญิงออกจากร้าน หลบหนีคนขี้ตื๊อ ปล่อยให้จ๊ากรับมือไป
❍
บางทีเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายนอกจากชีวิตประจำวันสงบสุข
น้องลัลใกล้จะจบแล้วนะคะ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
#ณพระจันทร์